Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 50931-4205

Description: 50931-4205

Search

Read the Text Version

เลม่ 133 ตอนพเิ ศษ 136 ง หน้า 11 15 มถิ ุนายน 2559 ราชกจิ จานุเบกษา คำ� ส่ังหัวหนา้ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ที่ 28/2559 เรอื่ ง ให้จัดการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน 15 ปโี ดยไมเ่ กบ็ คา่ ใชจ้ ่าย ตามท่ีกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติก�ำหนดให้รัฐต้องจัดให้บุคคลได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่น้อยกว่า 12 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายนั้น รัฐบาลท่ีผ่านมามีนโยบายจัดการศึกษาดังกล่าวโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย เป็นเวลา 15 ปี ตามมตคิ ณะรัฐมนตรีวนั ที่ 13 มกราคม 2552 โดยขออนุมัติตั้งงบประมาณเปน็ รายปีและขยาย ขอบเขตการด�ำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลแต่ละคณะมาเป็นล�ำดับ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พิจารณาแล้วเห็นว่าโดยท่ีเร่ืองนี้สอดคล้องกับนโยบายด้านการศึกษาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและ นโยบายปฏริ ปู การศึกษาของรฐั บาลทั้งสามารถลดความเหลอ่ื มลำ�้ สรา้ งโอกาสทางการศกึ ษาและความเปน็ ธรรม ในสงั คมแก้ปัญหาความยากจนตลอดจนสง่ เสริมการพฒั นาทรัพยากรมนุษย์และสอดคล้องกบั ความตอ้ งการของ ประชาชน จงึ สมควรยนื ยนั แนวทางดงั กลา่ วและพฒั นาตอ่ ไปดว้ ยการยกระดบั จากการเปน็ โครงการตามนโยบาย ของแต่ละรัฐบาลให้เป็นหน้าท่ีของรัฐและมาตรการตามกฎหมายเพ่ือเป็นหลักประกันความยั่งยืน มั่นคง และเพือ่ ใหส้ ามารถจดั งบประมาณสนับสนนุ ไดอ้ ย่างตอ่ เนื่อง อาศยั อำ� นาจตามความในมาตรา 44 ของรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย (ฉบบั ชวั่ คราว) พทุ ธศกั ราช 2557 หัวหน้าคณะรกั ษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จงึ มคี ำ� สั่งดงั ตอ่ ไปน้ี ขอ้ 1 ในคำ� สั่งนี้ “ค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษา” หมายความว่า งบประมาณท่ีรัฐจัดสรรให้แก่หรือผ่านทางสถานศึกษา หรือผ้จู ัดการศึกษาเพ่ือเปน็ ค่าใช้จ่ายในการจัดการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน 15 ปี “การศกึ ษาข้ันพื้นฐาน 15 ปี” หมายความวา่ การศึกษาตงั้ แต่ระดับกอ่ นประถมศกึ ษา (อนุบาล) (ถ้ามี) ระดับประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช. 3) หรือเทียบเท่าและ ใหห้ มายความรวมถึงการศึกษาพิเศษและการศกึ ษาสงเคราะห์ดว้ ย “การศึกษาพิเศษ” หมายความว่า การจัดการศึกษาให้แก่บุคคลซ่ึงมีความผิดปกติอย่างหน่ึงอย่างใด ซงึ่ จำ� เปน็ ตอ้ งจดั การศกึ ษาใหเ้ ปน็ รปู แบบโดยเฉพาะและอาศยั เทคนคิ ตา่ งๆ ในการสอนตามลกั ษณะความตอ้ งการ และความจ�ำเปน็ ของแต่ละบุคคล “การศึกษาสงเคราะห์” หมายความว่า การจัดการศึกษาให้แก่เด็กที่ตกอยู่ในภาวะยากล�ำบากหรืออยู่ ในสถานภาพท่ีด้อยกว่าเด็กท่ัวไปหรือที่มีลักษณะเป็นการกุศลเพ่ือให้มีชีวิตและความเป็นอยู่ท่ีดีข้ึนมีพัฒนาการ ที่ถกู ตอ้ งและเหมาะสมกบั วยั 195

เลม่ 133 ตอนพเิ ศษ 136 ง หนา้ 12 15 มถิ นุ ายน 2559 ราชกจิ จานุเบกษา ข้อ 2 ให้ส่วนราชการท่ีเก่ียวข้องตามท่ีคณะรัฐมนตรีก�ำหนดเตรียมการเพ่ือจัดให้เด็กเล็กก่อนวัยเรียน ได้รับการดูแลและพัฒนาทางร่างกายจิตใจวินัยอารมณ์สังคมและสติปัญญาโดยส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กร ปกครองสว่ นท้องถน่ิ และภาคเอกชนเข้ามสี ่วนร่วมในการดำ� เนนิ การด้วย ข้อ 3 ให้ส่วนราชการท่ีเก่ียวข้องกับการจัดการศึกษาข้ันพ้ืนฐานด�ำเนินการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี ให้มีมาตรฐานและคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรีก�ำหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาส�ำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี เพื่อเสนอ ตามกระบวนการจัดทำ� งบประมาณรายจ่ายประจำ� ปีคา่ ใชจ้ ่ายตามวรรคสอง ไดแ้ ก่ (1) คา่ จัดการเรียนการสอน (2) คา่ หนังสอื เรียน (3) ค่าอุปกรณ์การเรยี น (4) ค่าเคร่อื งแบบนกั เรยี น (5) คา่ กจิ กรรมพฒั นาคุณภาพผเู้ รียน (6) ค่าใชจ้ า่ ยอ่ืนตามท่ีคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ขอ้ 4 ให้กระทรวงศึกษาธิการจัดท�ำหรือปรับปรุงกฎหมายท่ีเก่ียวข้องเพื่อน�ำมาใช้แทนและขยายผล ตอ่ จากค�ำส่งั น้แี ลว้ เสนอคณะรฐั มนตรพี ิจารณาภายในหกเดือนนบั แตว่ ันท่คี ำ� ส่งั นใ้ี ช้บงั คับ ข้อ 5 ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามค�ำสั่งน้ีให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมีอ�ำนาจ วินิจฉัยชี้ขาด ขอ้ 6 ใหอ้ ตั ราคา่ ใชจ้ า่ ยในการจดั การศกึ ษาตง้ั แตร่ ะดบั อนบุ าลจนจบการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานทมี่ ผี ลใชอ้ ยู่ ในวันก่อนวันที่ค�ำส่ังน้ีใช้บังคับยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะมีการก�ำหนดอัตราค่าใช้จ่ายส�ำหรับการจัดการ ศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน 15 ปี ตามขอ้ 3 ขอ้ 7 ค�ำส่ังน้ใี หใ้ ชบ้ ังคบั ตงั้ แต่วันประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเปน็ ต้นไป สงั่ ณ วันท่ี 15 มถิ ุนายน พทุ ธศกั ราช 2559 พลเอกประยทุ ธ์ จนั ทร์โอชา หวั หนา้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ 196

สำ� นักทะเบียนกลาง ถนนลำ� ลกู กา ปท 12150 ท่ี มท 0309.1/ ว3 22 มกราคม 2558 เรอื่ ง การรับแจง้ การเกิดและการจดั ทำ� ทะเบยี นประวัติ เรยี น นายทะเบยี นจังหวัด ทกุ จงั หวัด และนายทะเบยี นกรุงเทพมหานคร อ้างถึง 1. หนงั สือสำ� นกั ทะเบียนกลาง ที่ มท 0309.1/ว 8 ลงวันที่ 17 กุมภาพนั ธ์ 2552 2. หนังสือสำ� นักทะเบียนกลาง ท่ี มท 0309.1/ว 30 ลงวันที่ 19 มถิ นุ ายน 2557 ด้วยปัจจุบันพบว่าเจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงานทะเบียนราษฎรของส�ำนักทะเบียนหลายแห่งยังมีความเข้าใจ คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการรับแจ้งการเกิด และการจัดท�ำทะเบียนประวัติของคนซ่ึงไม่มีสัญชาติไทยหรือบุคคลที่ ไม่มีสถานะทางทะเบียน ท�ำให้เด็กท่ีเกิดในประเทศไทยไม่ได้รับการแจ้งเกิดอีกเป็นจ�ำนวนมากและเป็นปัญหา ต่อการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ท่ีจ�ำเป็นต้องใช้ข้อมูลการทะเบียนราษฎร เช่น การศึกษา การสาธารณสุข การรักษาความสงบเรียบรอ้ ยและความมัน่ คงภายในประเทศ เป็นต้น ส�ำนักทะเบียนกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า การรับแจ้งการเกิดและออกสูติบัตร และการจัดท�ำทะเบียน ประวัติให้กับคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยหรือบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วย การทะเบียนราษฎรโดยมีจุดมุ่งหมายในการจดบันทึกรายการของบุคคลท่ีอยู่ในประเทศไทยไว้เป็นหลักฐานเพื่อ การควบคุมและตรวจสอบตัวบุคคล รวมถึงการคุ้มครองสิทธิของบุคคลตามกฎหมาย ส่วนการท่ีบุคคลใดจะได้ สัญชาติไทยหรือได้สถานะคนต่างด้าวท่ีมีสิทธิอาศัยในประเทศไทยอย่างถูกต้อง ย่อมเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ กฎหมายวา่ ดว้ ยสญั ชาติและกฎหมายว่าด้วยคนเขา้ เมืองเปน็ สำ� คญั ดังน้ัน เพื่อใหก้ ารปฏบิ ัตหิ น้าที่ในการรับแจ้ง การเกิดและการจัดท�ำทะเบียนประวัติคนซ่ึงไม่มีสัญชาติไทยของส�ำนักทะเบียนต่าง ๆ เป็นไปด้วยความถูกต้อง ตามกฎหมายว่าด้วยทะเบียนราษฎรก�ำหนด ซ่ึงจะเป็นการแก้ไขปัญหาเร่ืองคนไร้รัฐในประเทศไทย และท�ำให้ข้อมูล ทะเบยี นคนท่ีอาศัยอยูใ่ นประเทศไทยมคี วามครบถว้ นสมบูรณย์ ่ิงข้นึ จงึ ขอใหส้ �ำนกั ทะเบียนจังหวัดและสำ� นกั ทะเบยี น กรุงเทพมหานคร แจ้งส�ำนักทะเบยี นอ�ำเภอและสำ� นักทะเบยี นทอ้ งถ่นิ ทุกแหง่ เพือ่ ซกั ซ้อมแนวทางปฏบิ ัติ ดงั น้ี 1. นายทะเบียนผู้รับแจ้งมีหน้าท่ีต้องรับแจ้งการเกิดและออกสูติบัตรให้กับเด็กทุกคนที่เกิดในประเทศไทย ไม่ว่าเด็กน้ันจะเกิดในบ้าน (รวมถึงสถานพยาบาล) หรือเกิดนอกบ้าน และไม่ว่าเด็กที่เกิดจะมีสัญชาติไทย หรอื ไมไ่ ดส้ ญั ชาตไิ ทยเพราะเกดิ จากบดิ ามารดาเปน็ คนตา่ งดา้ วทเ่ี ขา้ มาในไทยโดยชอบดว้ ยกฎหมาย หรอื เปน็ คนตา่ งดา้ ว หลบหนีเข้าเมืองก็ตาม เช่น เด็กที่เกิดจากบิดามารดาซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายสัญชาติเมียนมาร์ ลาว หรือกัมพูชา หรือเด็กที่เกิดจากบิดามารดาซ่ึงเป็นคนต่างดาวหลบหนีเข้าเมืองและไม่มีเอกสารทะเบียนราษฎร ไม่มีเลขประจ�ำตัว 13 หลัก เป็นต้น โดยให้ถือปฏิบัติตามหนังสือส�ำนักทะเบียนกลาง ท่ี มท 0309.1/ว 8 ลงวนั ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 197

2. เดก็ ทเี่ กดิ ในสถานพยาบาลทถ่ี กู ตอ้ งตามกฎหมายไมว่ า่ จะเปน็ สถานพยาบาลของรฐั หรอื เอกชน เชน่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต�ำบล (รพ.สต.) หรือสถานบริการสาธารณสุขชุมชน (สสช.) ในสังกัดกระทรวง สาธารณสุข เป็นต้น ผู้ท�ำคลอดจะต้องออกหนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.1/1) ของเด็กเพ่ือเป็นหลักฐานส�ำหรับ ใช้ในการแจ้งเกิด โดยผู้ท�ำหน้าท่ีแจ้งการเกิดซ่ึงได้แก่บิดาหรือมารดาของเด็กหรือเจ้าบ้านสามารถแจ้งการเกิด ต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งประจ�ำส�ำนักทะเบียนแห่งท้องท่ีท่ีเด็กเกิดโดยไม่ต้องผ่านก�ำนันผู้ใหญ่บ้าน หรือจะแจ้ง การเกดิ ตอ่ กำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ นในฐานะเปน็ นายทะเบยี นผรู้ บั แจง้ ประจำ� หมบู่ า้ นทเี่ ดก็ เกดิ เพอ่ื ออกหลกั ฐานใบรบั แจง้ การเกดิ ท.ร. 1 ตอนหนา้ แลว้ จึงแจง้ ตอ่ นายทะเบียนผูร้ ับแจง้ ประจำ� สำ� นักทะเบียนเพื่อออกสูตบิ ตั รกไ็ ด้ 3. กรณีนายอ�ำเภอ นายทะเบียนอ�ำเภอหรือนายทะเบียนท้องถ่ิน ไม่สามารถรับแจ้งการเกิดหรือ เพมิ่ ชอ่ื เขา้ ในทะเบยี นบา้ นสำ� หรบั ผขู้ อแจง้ เกดิ หรอื ขอเพมิ่ ชอื่ รายใด นายทะเบยี นทร่ี บั ผดิ ชอบเรอ่ื งดงั กลา่ วจะตอ้ ง จดั ท�ำทะเบยี นประวตั ิตามแบบ ท.ร.38 ก และกำ� หนดใหเ้ ลขประจำ� ตัว 13 หลกั ใหแ้ กผ่ ู้ขอเป็นบคุ คลประเภท 0 ท่มี เี ลขหลกั ท่ีหกและเจด็ เรม่ิ จากเลข 00 4. กรณคี นตา่ งดา้ วทเ่ี ขา้ มาอาศยั อยใู่ นประเทศไทยโดยไมช่ อบดว้ ยกฎหมายยนื่ คำ� รอ้ งขอใหน้ ายทะเบยี น จดั ทำ� ทะเบยี นประวตั ติ ามมาตรา 38 วรรคสอง แหง่ พระราชบญั ญตั กิ ารทะเบยี นราษฎร พ.ศ.2534 แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ให้นายทะเบียนเรียกตรวจพยานเอกสารและสอบสวนพยานบุคคลท่ีน่าเช่ือถือ ถา้ ผลการตรวจสอบเชื่อได้ว่าผู้รอ้ งมคี ุณสมบตั ิดังต่อไปนี้ (1) มีภมู ลิ ำ� เนาอาศัยอยู่จริงในพ้นื ทส่ี �ำนกั ทะเบยี น เชน่ ต้ังบ้านเรือน ประกอบอาชีพ หรือมีครอบครัว เป็นต้น (2) เป็นบุคคลท่ีไม่มีเอกสารการทะเบียนราษฎร ไม่มี เลขประจ�ำตัว 13 หลัก และ (3) ไม่มีเอกสารราชการท่ีแสดงว่าเป็นคนสัญชาติอ่ืน นายทะเบียนอ�ำเภอหรือ นายทะเบยี นทอ้ งถนิ่ สามารถจดั ทำ� ทะเบยี นประวตั ใิ หไ้ ดต้ ามแบบ ท.ร.38 ก และกำ� หนดใหเ้ ลขประจำ� ตวั 13 หลกั เป็นบุคคลประเภท 0 โดยปฏิบัติตามข้อ 105 วรรคสอง ของระเบียบส�ำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการจัดท�ำ ทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2535 แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ (ฉบบั ท่ี 5) พ.ศ. 2551 จงึ เรยี นมาเพือ่ โปรดดำ� เนนิ การต่อไป ขอแสดงความนบั ถือ (นายดลเดช พัฒนรัฐ) รองผอู้ ำ� นวยการทะเบยี นกลาง ปฏิบัติราชการแทน สำ� นกั บริหารการทะเบียน ผอู้ ำ� นวยการทะเบียนกลาง ส่วนการทะเบยี นราษฎร โทร 0-2791-7314-6 198

สำ� นกั ทะเบียนกลาง ถนนล�ำลกู กา ปท 12150 ที่ มท 0309.1/ ว 36 29 กันยายน 2559 เรื่อง การจัดทำ� ทะเบยี นประวัติบุคคลท่ไี ม่มสี ถานะทางทะเบียน หรอื บคุ คลประเภท 0 เรยี น นายทะเบียนจงั หวัด ทกุ จงั หวดั และนายทะเบยี นกรุงเทพมหานคร อา้ งถึง 1. หนังสือสำ� นักทะเบยี นกลาง ที่ มท 0309.1/ว 8 ลงวนั ที่ 17 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 2. หนงั สือส�ำนักทะเบยี นกลาง ท่ี มท 0309.1/ว 3 ลงวนั ท่ี 22 มกราคม 2558 ส่งิ ทสี่ ง่ มาดว้ ย แบบหนงั สือรับรองสถานะบุคคล และคำ� อธบิ ายการออกหนังสอื รบั รอง จำ� นวน 2 แผน่ ตามท่ีส�ำนักทะเบียนกลางได้แจ้งแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดท�ำทะเบียนประวัติบุคคลท่ีไม่มีสถานะ ทางทะเบียนหรือบุคคลประเภท 0 ตามพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัตกิ ารทะเบียนราษฎร (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2553 ไวต้ ามหนงั สือทีอ่ า้ งถึง นั้น ผลจากการตรวจนิเทศและการร้องเรียน พบว่าเจ้าหน้าที่ของอ�ำเภอ ส�ำนักทะเบียนอ�ำเภอและ สำ� นักทะเบียนท้องถ่นิ ตลอดจนหน่วยงานอ่นื ทเี่ กีย่ วข้อง มคี วามเขา้ ใจคลาดเคลอื่ น สบั สน ทำ� ใหก้ ารปฏิบัตงิ าน เกิดความผิดพลาดและไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ก่อให้เกิดปัญหาข้ึนหลายประการ ดังน้ัน เพ่ือให้ นายทะเบยี นและเจา้ หนา้ ทท่ี เ่ี กยี่ วขอ้ งมคี วามเขา้ ใจทถี่ กู ตอ้ ง เปน็ ไปในทางเดยี วกนั จงึ ขอใหส้ ำ� นกั ทะเบยี นจงั หวดั และส�ำนักทะเบียนกรุงเทพมหานคร แจ้งส�ำนักทะเบียนอ�ำเภอและส�ำนักทะเบียนท้องถ่ินทุกแห่ง เพื่อซักซ้อม ความรู้ความเขา้ ใจและถอื ปฏิบตั ิ ดงั น้ี 1. ทะเบยี นประวตั บิ คุ คลทไ่ี ม่มีสถานะทางทะเบียน (ท.ร.38 ก) หรอื บุคคลทีม่ เี ลขประจ�ำตวั 13 หลัก ขึ้นต้นดว้ ยเลข 0 น้นั มีที่มาจากการจัดท�ำทะเบยี นราษฎร 3 วธิ ีการ ไดแ้ ก่ 1.1 การแจง้ การเกดิ กรณบี ตุ รของบคุ คลทไ่ี มม่ สี ถานะทางทะเบยี นตามยทุ ธศาสตรก์ ารจดั การปญั หา สถานะและสิทธิของบุคคล ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 18 มกราคม 2548 (บุคคลประเภท 0 กลุ่ม 89) และบุตรของคนต่างด้าวที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ซ่ึงเด็กท้ังสองกลุ่มน้ีท่ีเกิดในประเทศไทยจะได้รับการแจ้งเกิดและสูติบัตร ท.ร.031 เป็นบุคคลที่มีเลขประจ�ำตัว 13 หลักข้ึนต้นด้วยเลข 0 แล้วเพ่ิมช่ือเข้าในทะเบียนประวัติ ท.ร.38 ก เหมือนกัน แต่จะมีสถานะแตกต่างกัน กล่าวคือ 199

(1) ถา้ เปน็ บตุ รของบคุ คลประเภท 0 กลมุ่ 89 จะไดร้ บั การผอ่ นผนั ใหอ้ าศยั อยใู่ นประเทศไทย ได้เป็นการชั่วคราวเพื่อรอส่งกลับตามสถานะของบิดาหรือมารดา การออกนอกเขตพ้ืนที่ควบคุมการอยู่อาศัย (เขตจังหวัดหรือกรุงเทพมหานครที่ได้รับการจัดท�ำทะเบียนประวัติ ท.ร.38 ก) จะต้องขออนุญาตต่อผู้มีอ�ำนาจ ตามกฎหมายเพื่อออกนอกเขตจังหวดั (2) ถ้าเป็นบุตรของคนต่างด้าวที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต จะไมไ่ ดร้ บั การรับรองเรอ่ื งสทิ ธิอาศัยในประเทศไทย เว้นแตจ่ ะมกี ฎกระทรวงออกตามความในมาตรา 7 ทวิวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2508 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 ก�ำหนดฐานะและเง่ือนไขการอาศัย อยใู่ นประเทศไทยไว้เป็นอยา่ งไร 1.2 การแจ้งการเกิดกรณีเด็กแรกเกิดหรือเด็กไร้เดียงสาท่ีถูกทอดทิ้ง เด็กเร่ร่อน เด็กไม่ปรากฏ บพุ การหี รอื บพุ การที อดทง้ิ ทอ่ี ยใู่ นการดแู ลของสถานสงเคราะห์ และการแจง้ การเกดิ เกนิ กำ� หนด ซงึ่ มาตรา 19/2 แหง่ พระราชบญั ญตั กิ ารทะเบยี นราษฎร พ.ศ. 2534 แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2551 กำ� หนดใหน้ ายทะเบยี น ด�ำเนินการเพื่อพิสูจน์สถานะการเกิดและสัญชาติของบุคคลดังกล่าวก่อน และหากไม่สามารถพิสูจน์สถานะ การเกิดและสัญชาติได้ก็ให้นายทะเบียนจัดท�ำทะเบียนประวัติตามแบบ ท.ร.38 ก เป็นบุคคลท่ีไม่มีสถานะ ทางทะเบยี น หรอื บคุ คลประเภท 0 ให้ ซงึ่ การปฏบิ ตั ใิ นเรอื่ งนจ้ี ะรวมถงึ การขอเพมิ่ ชอื่ ในทะเบยี นบา้ นกรณบี คุ คล ทอ่ี า้ งว่าเปน็ ผมู้ ีสัญชาติไทย แตพ่ ยานหลกั ฐานทม่ี ยี งั ไม่อาจพิสูจนส์ ถานะการเกดิ และสญั ชาตขิ องบุคคลดงั กลา่ ว ด้วย ดังน้ัน สถานะของบุคคลประเภท 0 กลุ่มน้ีจึงเป็นผู้ที่อยู่ระหว่างรอการพิสูจน์สัญชาติไทยเพื่อการแจ้ง การเกิดหรอื การเพ่ิมช่อื ในทะเบยี นบ้าน 1.3 การจดั ท�ำทะเบียนประวัตติ ามมาตรา 38 วรรคสอง แห่งพระราชบญั ญตั กิ ารทะเบยี นราษฎร พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ซึ่งก�ำหนดให้นายทะเบียนจัดท�ำทะเบียนส�ำหรับคนซึ่งไม่มี สัญชาติไทยหรือคนต่างด้าวที่ไม่อาจมีชื่อในทะเบียนบ้าน (ท.ร.13 และ ท.ร.14) โดยบุคคลกลุ่มน้ี ได้แก่ คนต่างด้าวที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองซึ่งเป็นคนไร้รัฐ สัญชาติ (Stateless person) ไม่มีหลักฐานของประเทศใดๆ ท่ีรับรองว่าเป็นคนในปกครองของประเทศน้ัน แต่มีภูมิล�ำเนาหรือมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่งอยู่ในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงชนกลุ่มน้อยท่ีตกหล่นจากการส�ำรวจ จัดท�ำทะเบียนตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรีด้วย โดยการปฏิบัติเร่ืองน้ีก�ำหนดให้นายทะเบียนเรียกตรวจเอกสารราชการ (ถ้ามี) เช่น สูติบัตรของบุคคลท่ีเกิดใน ประเทศไทย หลักฐานการเรียน เป็นต้น และสอบพยานบุคคลเพ่ือรับรองคุณสมบัติดังกล่าว เช่น บุคคลใน ครอบครัวหรือชุมชน ก�ำนันผู้ใหญ่บ้านหรือผู้น�ำในชุมชน เป็นต้น ถ้าเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติก็ให้นายทะเบียนจัดท�ำ ทะเบยี นตามแบบ ท.ร.38 ก เปน็ บคุ คลทไี่ มม่ สี ถานะทางทะเบยี นหรอื บคุ คลประเภท 0 ให้ โดยฐานะของบคุ คล กลมุ่ นจี้ ะเปน็ คนซงึ่ ไมม่ สี ญั ชาตไิ ทยทอี่ าศยั อยใู่ นประเทศไทยโดยไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย การจดั ทำ� ทะเบยี นประวตั ิ จงึ มใิ ชเ่ ปน็ การรบั รองเรอ่ื งสทิ ธอิ าศยั ในประเทศไทยแตอ่ ยา่ งใด เวน้ แตจ่ ะมกี ฎหมายหรอื มตคิ ณะรฐั มนตรกี ำ� หนด ไวเ้ ป็นอยา่ งอืน่ 200

2. อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาให้กับบุคคลท่ีไม่มีสถานะทางทะเบียนตามมาตรา 19/2 แหง่ พระราชบัญญตั ิการทะเบยี นราษฎร พ.ศ. 2534 แกไ้ ขเพมิ่ เติม (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2551 (บคุ คลตามขอ้ 1.2) ซ่ึงจ�ำเป็นต้องมีหลักฐานในการรับรองสถานะบุคคลเพ่ือประกอบการพิจารณาด�ำเนินการตามอ�ำนาจหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่อ่ืนๆ ท่ีเก่ียวข้อง จึงให้นายทะเบียนอ�ำเภอหรือนายทะเบียนท้องถ่ินของส�ำนักทะเบียนท่ีบุคคล ดังกล่าวได้จัดท�ำทะเบียนประวัติไว้ ออกหนังสือรับรองสถานะบุคคลตามแบบท่ีส่งมาพร้อมหนังสือน้ีให้ ผรู้ ้องไว้เป็นหลักฐาน โดยกำ� หนดใหผ้ ขู้ อหนังสอื รับรองย่ืนค�ำรอ้ งตามแบบ ท.ร.31 จงึ เรียนมาเพ่อื โปรดด�ำเนนิ การตอ่ ไป ขอแสดงความนบั ถอื (นายช�ำนาญวิทย์ เตรัตน)์ รองผอู้ �ำนวยการทะเบียนกลาง ปฏบิ ตั ริ าชการแทน ผู้อำ� นวยการทะเบยี นกลาง สำ� นกั บริหารการทะเบียน โทร. 0-2791-7314-6 201

ประเภทของการจัดท�ำ ทะเบยี นบุคคลท่ีไมม่ สี ถานะทางทะเบียน หรอื บุคคลประเภท 0 1.1 บุตรของคนตา่ งด้าว สตู บิ ัตร ทร.031 เพิ่มช่ือในทะเบยี นประวัติ หลบหนเี ขา้ เมอื ง ทร.38 ก 1.2 บุตรของบคุ คลตาม ยุทธศาสตร์ 0-89 บุคคลประเภท 0-00 1 การแจ้งเกดิ 1.3 เด็กถูกทอดทง้ิ เด็ก ไม่อาจพิสจู น์สถานการณ์ จัดท�ำ ทะเบียนประวัติ ไมป่ รากฏบพุ การีและคน เกดิ และสัญชาติ ทร.38 ก ทแี่ จ้งการเกิดเกนิ ก�ำ หนด (มาตรา 19/2) บคุ คลประเภท 0-00 2 การขอเพ่ิมชอ่ื คนไทยตกหล่นทางทะเบียน ไมอ่ าจพิสจู น์ จดั ท�ำ ทะเบยี นประวตั ิ สถานการณเ์ กดิ ทร.38 ก และสญั ชาติ บคุ คลประเภท 0-00 3 การส�ำ รวจจัดท�ำ ทะเบยี น ชนกล่มุ น้อย/ จดั ท�ำ ทะเบยี นประวัติ ไดร้ บั ผอ่ นผนั ตามยทุ ธศาสตร/์ มติ ครม. กล่มุ ชาตพิ นั ธุ์ ทร.38 ก ใหอ้ ย่ไู ดใ้ นเขตจงั หวดั เดก็ และบคุ คล จดั ทำ�ทะเบียนประวัติ ทีก่ ำ�ลังเรยี น บุคคลประเภท 0-89 บุคคลไร้รากเหง้า คนท�ำ คุณประโยชน์ ให้กับชาติ 4 การขอจัดทำ�ทะเบียนประวตั ิ ชนกลุ่มนอ้ ยตกสำ�รวจ จัดทำ�ทะเบยี นประวัติ ไม่ได้รบั การรบั รอง ตามมาตรา 38 วรรคสองฯ ตามยทุ ธศาสตร์ ทร.38 ก เรือ่ งสิทธกิ ารเขา้ เมอื ง คนไรร้ ฐั ไรส้ ญั ชาติ ท่มี ีภมู ิลำ�เนาในไทย บุคคลประเภท 0-00 และสทิ ธิอาศยั 202

ตราครฑุ สำ� นกั ทะเบยี น............................................. หนังสือรับรอง ที.่ ............../............... หนงั สือฉบบั นใี้ ห้ไวเ้ พอ่ื รับรองวา่ ..(ระบุชอ่ื ตวั ชอ่ื สกุล ของคนท่ขี อใหร้ ับรอง)...เป็นบุคคลทไ่ี ด้ยนื่ คำ� ร้อง ต่อนายทะเบียนเพ่ือ.....(ให้ระบุเร่ืองที่ขอด�ำเนินการ ได้แก่ ขอแจ้งการเกิดกรณีเด็กแรกเกิดหรือเด็กไร้เดียงสา ถูกทอดทิ้ง ตามมาตรา 19 หรือเด็กเร่ร่อน เด็กไม่ปรากฏบุพการีหรือบุพการีทอดท้ิง ตามมาตรา 19/1 หรือ การแจง้ เกดิ เกนิ กำ� หนดตามมาตรา 19/3 แหง่ พระราชบญั ญตั กิ ารทะเบยี นราษฎร พ.ศ.2534 แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ.2551 หรอื ขอเพมิ่ ชอื่ ในทะเบยี นบา้ นเปน็ ผมู้ สี ญั ชาตไิ ทย ตามระเบยี บสำ� นกั ทะเบยี นกลางฯ พ.ศ. 2535 แลว้ แต่กรณี)......ทีส่ �ำนักทะเบียนแหง่ น้ี ตามค�ำร้อง ท.ร.31 เลขที่........เม่ือวันท.ี่ ......................................................... แต่พยานหลักฐานท่มี ียังไม่อาจพสิ จู นส์ ถานการณ์เกิดและสัญชาตขิ องบคุ คลดงั กลา่ วได้ นายทะเบยี นจงึ ได้จดั ท�ำ ทะเบยี นประวตั ติ ามแบบ ท.ร.38 ก เปน็ บคุ คลทไ่ี มม่ สี ถานะทางทะเบยี น กำ� หนดใหเ้ ลขประจำ� ตวั ........................... (ระบุเลขประจ�ำตัวประเภท 0 ท่ีได้รับการจัดท�ำทะเบียนประวัติ)......ตามมาตรา 19/2 แห่งพระราชบัญญัติ การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่2) พ.ศ.2551 โดยสถานะของบุคคลดังกล่าวเป็นผู้ที่อยู่ ระหวา่ งรอการพสิ จู นส์ ญั ชาตไิ ทย เพอ่ื การแจง้ การเกดิ หรอื การเพม่ิ ชอื่ ในทะเบยี นบา้ น ประกอบกบั บคุ คลดงั กลา่ ว ได้ร้องขอให้นายทะเบียนออกหนังสือรับรองสถานะบุคคลให้เพ่ือเป็นหลักฐานแสดงสถานะของตนต่อเจ้าหน้าท่ี ที่เกย่ี วข้อง ซึง่ นายทะเบยี นอำ� เภอ/ทอ้ งถ่ิน ไดพ้ จิ ารณาแลว้ เห็นวา่ ข้อมลู เป็นไปตามที่แจง้ ไวจ้ ริง จึงออกหนงั สอื รบั รองให.้ .....(ระบชุ อ่ื ตวั ชอื่ สกลุ ของคนทขี่ อใหร้ บั รอง)......ใชเ้ ปน็ หลกั ฐานไดเ้ ปน็ เวลา 6 เดอื นนบั แตว่ นั ทอ่ี อก หนังสือรับรองฉบับนี้ เว้นแต่บุคคลดังกล่าวได้รับการพิสูจน์สัญชาติเป็นอย่างอ่ืนแล้วก่อนวันท่ีหนังสือหมดอายุ ก็ให้หนังสือฉบบั น้สี ้นิ ผลไปดว้ ยตงั้ แต่วันท่ีสถานะของบุคคลดังกล่าวไดเ้ ปลี่ยนไป ให้ไว้ ณ วนั ท.่ี ....................................... พ.ศ. ............. ลงช่อื ............................................. (.............................................) รปู ถ่าย นายทะเบียนอ�ำเภอ/ทอ้ งถน่ิ .... ขนาด 2 น้ิว รปู ถา่ ยเจ้าของประวตั ิ หมายเหตุ หนังสือรับรองฉบับน้ี ให้ใช้คู่กับแบบรับรองรายการทะเบียนประวัติของบุคคลท่ีไม่มีสถานะทางทะเบียน (ท.ร.38 ข) หากมขี ้อสงสยั สอบถามได้ที่ส�ำนักทะเบยี นอำ� เภอ/ท้องถ่นิ ...............โทรศัพท์.......................................... 203

ค�ำอธิบายประกอบการออกหนังสือรับรองสถานะบคุ คล 1. ให้ผู้ขอหนังสือรับรอง ยื่นค�ำร้องตามแบบ ท.ร. 31 ต่อนายทะเบียนที่ส�ำนักทะเบียนอ�ำเภอหรือ สำ� นักทะเบยี นท้องถนิ่ แหง่ ที่ผูน้ ้ันได้จดั ท�ำทะเบียนประวตั ิ ท.ร.38 ก ไว้ พรอ้ มดว้ ยรูปถ่ายหน้าตรง ขนาด 2 นวิ้ จ�ำนวน 2 รูป และส�ำเนาทะเบยี นประวตั ิ ท.ร. 38 ข หรือบตั รประจำ� ตัวบคุ คลทไ่ี ม่มสี ถานะทางทะเบียน 2. ผู้ท่ียื่นค�ำร้อง ให้เจ้าของประวัติย่ืนค�ำร้องด้วยตัวเอง เว้นแต่เด็กที่มีอายุไม่เกิน 15 ปีบริบูรณ์ หรือผู้ท่ีมีเหตุจ�ำเป็นไม่อาจย่ืนค�ำร้องด้วยตนเองได้ ให้บิดา มารดา หรือผู้ปกครองที่อุปการะเลี้ยงดูเด็กนั้น หรอื ผู้ได้รบั มอบอ�ำนาจ แล้วแต่กรณี เป็นผูย้ น่ื คำ� ร้องแทน 3. บคุ คลทน่ี ายทะเบยี นอำ� เภอหรอื นายทะเบยี นทอ้ งถนิ่ สามารถออกหนงั สอื รบั รองใหไ้ ด้ ไดแ้ ก่ บคุ คล ท่ีเคยยื่นค�ำร้องขอแจ้งการเกิด กรณีเด็กแรกเกิดหรือเด็กไร้เดียงสาท่ีถูกทอดท้ิง ตามมาตรา 19 เด็กเร่ร่อนเด็ก ท่ีไม่ปรากฏบุพการี หรือบุพการีทอดท้ิง ตามาตรา 19/1 หรือการแจ้งการเกิดเกินก�ำหนด ตามมาตรา 19/3 แห่งพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2551 หรือขอเพ่ิมช่ือ ในทะเบยี นบา้ นเปน็ ผมู้ สี ญั ชาตไิ ทย ตามระเบยี บสำ� นกั ทะเบยี นกลางวา่ ดว้ ยการจดั ทำ� ทะเบยี นราษฎร พ.ศ.2535 รวมฉบับแก้ไขเพิ่มเติม แล้วแต่กรณี แต่พยานหลักฐานที่มียังไม่อาจพิสูจน์สถานะการเกิดและสัญชาติได้ และนายทะเบียนได้จดั ทำ� ทะเบียนประวัตติ ามแบบ ท.ร.38 ก เปน็ บคุ คลทีไ่ มม่ ีสถานะทางทะเบียน (บคุ คลประเภท 0 กล่มุ 00) ให้ 4. เมอื่ นายทะเบยี นไดร้ บั คำ� รอ้ งขอหนงั สอื รบั รองพรอ้ มดว้ ยหลกั ฐานจากผยู้ นื่ คำ� รอ้ งแลว้ ใหต้ รวจสอบ หลกั ฐานกบั ฐานขอ้ มลู การทะเบยี นราษฎร และสอบสวนใหไ้ ดข้ อ้ เทจ็ จรงิ วา่ บคุ คลทข่ี อใหน้ ายทะเบยี นออกหนงั สอื รับรองให้นั้นเป็นบุคคลเดียวกับผู้มีรายการในเอกสาร ท.ร.38 ข หรือบัตรประจ�ำตัวของบุคคลท่ีไม่มีสถานะ ทางทะเบยี น และตอ้ งเปน็ บุคคลตามขอ้ 3 เท่านน้ั โดยใหพ้ จิ ารณาจากคำ� ร้อง ท.ร.31 ที่บคุ คลน้นั เคยย่นื ขอแจง้ การเกิดหรือขอเพ่ิมชื่อ และนายทะเบียนหรือนายอ�ำเภอมีค�ำส่ังไม่อนุมัติเน่ืองจากหลักฐานยังไม่อาจพิสูจน์ได้ โดยให้นายทะเบียนรวบรวมค�ำร้องและพยานหลักฐานพร้อมท�ำความเห็นเสนอนายทะเบียนอ�ำเภอหรือ นายทะเบียนทอ้ งถ่ินพจิ ารณาให้แล้วเสรจ็ ภายใน 5 วนั นับแตว่ นั ทไ่ี ดร้ ับค�ำรอ้ งและพยานหลกั ฐานครบถว้ น กรณนี ายทะเบยี นอำ� เภอหรอื นายทะเบยี นทอ้ งถนิ่ ไมส่ ามารถออกหนงั สอื รบั รองใหผ้ ยู้ นื่ คำ� รอ้ งไดภ้ ายใน วันเดียวกับวันที่ย่ืนค�ำร้อง ให้นายทะเบียนคัดส�ำเนาค�ำร้อง ท.ร.31 ดังกล่าว ลงช่ือนายทะเบียนรับรองส�ำเนา เอกสาร แล้วมอบใหแ้ ก่ผ้ยู น่ื คำ� ร้องไว้เปน็ หลกั ฐาน 5. หนงั สอื รบั รอง ใหน้ ายทะเบยี นจดั ทำ� ขน้ึ 2 ฉบบั มขี อ้ ความตรงกนั ฉบบั แรกเปน็ ตน้ ฉบบั ใหม้ อบแก่ ผขู้ อ สว่ นอกี ฉบบั เปน็ สำ� เนาคฉู่ บบั ใหผ้ ขู้ อลงชอื่ รบั ในคฉู่ บบั และเกบ็ เขา้ แฟม้ ไวเ้ ปน็ หลกั ฐาน และใหน้ ายทะเบยี น ท�ำสมุดคุมการออกหนังสือรับรองเพื่อใช้ในการตรวจสอบ และลงรายการให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ทั้งนี้การออก เลขหนังสอื รับรอง ใหเ้ ริม่ จากเลข 1 ทบั ด้วยปี พ.ศ. ท่ีออกหนังสอื รบั รองนน้ั เมอ่ื เร่ิมปใี หมใ่ ห้เร่ิมเลข 1 ใหม่ 6. กรณีนายทะเบียนอ�ำเภอหรือนายทะเบียนท้องถ่ินพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่อาจออกหนังสือรับรอง ใหก้ บั ผยู้ น่ื ค�ำรอ้ ง ให้สงั่ ไม่อนุญาตในค�ำร้อง ท.ร.31 และแจง้ คำ� สั่งเปน็ หนังสือให้ผ้ยู ืน่ ค�ำรอ้ งทราบภายใน 3 วนั นับแต่วันท่ีมีค�ำส่ัง โดยให้ระบุเหตุผล และสิทธิในการอุทธรณ์ค�ำสั่ง การยื่นอุทธรณ์ และระยะเวลาการอุทธรณ์ ไว้ในหนังสอื แจ้งค�ำส่งั ให้ชัดเจนดว้ ย 7. การอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ ให้ด�ำเนินการตามกฎกระทรวงก�ำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ เกย่ี วกบั การโตแ้ ยง้ หรอื ชแี้ จงขอ้ เทจ็ จรงิ การอทุ ธรณแ์ ละการพจิ ารณาอทุ ธรณค์ ำ� สง่ั ของนายทะเบยี น พ.ศ. 2551 204

กรมการปกครอง ถนนอัษฎางค์ กทม. 10200 ที่ มท 0309.1/ว 20405 15 สงิ หาคม 2554 เรือ่ ง การไดส้ ญั ชาตไิ ทยโดยการเกดิ ตามมาตรา 7 แหง่ พระราชบญั ญตั สิ ญั ชาติ พ.ศ.2508 แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ (ฉบบั ท2่ี ) พ.ศ. 2535 และ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2551 เรียน ผวู้ ่าราชการจงั หวดั ทกุ จังหวัด และปลัดกรุงเทพมหานคร อา้ งถงึ หนงั สือกรมการปกครอง ดว่ นท่ีสดุ ที่ มท 0309.1/ว 6313 ลงวนั ท่ี 15 มีนาคม 2554 ตามท่ีกรมการปกครองได้แจ้งแนวทางปฏิบัติในการพิสูจน์ความเป็นบิดาซ่ึงมีสัญชาติไทยของผู้เกิด เพอ่ื การไดส้ ญั ชาตไิ ทยโดยการเกดิ ตามมาตรา 7 วรรคสอง แหง่ พระราชบญั ญตั สิ ญั ชาติ พ.ศ. 2508 แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2551 เพอ่ื ใหแ้ จง้ อำ� เภอ สำ� นกั งานเขต สำ� นกั ทะเบยี นอำ� เภอและสำ� นกั ทะเบยี นทอ้ งถนิ่ ถอื ปฏบิ ตั ิ ในส่วนทเ่ี กี่ยวขอ้ ง รายละเอียดตามหนงั สือทอ่ี ้างถึง น้นั ผลจากการจดั ประชมุ สมั มนานายทะเบยี นและเจา้ หนา้ ทผ่ี ปู้ ฏบิ ตั งิ านทะเบยี นราษฎรของสำ� นกั ทะเบยี น ตา่ ง ๆ รวมถงึ การรบั เรอ่ื งหารอื จากหนว่ ยงานทปี่ ฏบิ ตั งิ านเกยี่ วกบั สถานะและสทิ ธขิ องบคุ คลและประชาชนทวั่ ไป พบว่าเจ้าหน้าท่ีผู้รับผิดชอบงานทะเบียนราษฎรของส�ำนักงานทะเบียนหลายแห่งยังคงมีความเข้าใจท่ีไม่ถูกต้อง เก่ียวกับประเดน็ การได้สญั ชาติไทยโดยการเกดิ ตามมาตรา 7 แหง่ พระราชบญั ญัตสิ ญั ชาติ พ.ศ. 2508 แกไ้ ขเพิ่ม เตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2535 และ (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 2551 อาทิ การแนะนำ� ผขู้ อแจง้ การเกดิ ใหไ้ ปพสิ จู นค์ วามสมั พนั ธ์ การเปน็ บดิ าและบตุ รกอ่ นเพอ่ื ใหบ้ ตุ รไดส้ ญั ชาตไิ ทยจงึ แจง้ การเกดิ ได้ ทงั้ ทบี่ ตุ รของผนู้ น้ั เกดิ ในประเทศไทยโดยมี บิดาเป็นผู้มีสัญชาติไทยซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับมารดาที่เป็นคนต่างด้าว เป็นต้น ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็น การกระท�ำท่ีไม่ถูกต้องและท�ำให้เกิดความสับสน ดังนั้น เพ่ือสร้างความเข้าใจเก่ียวกับการได้สัญชาติไทยโดย การเกิดตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ ให้มีความถูกต้องและมีความเป็นไปในทางเดียวกัน จึงขอให้จังหวัด และกรงุ เทพมหานครแจง้ สำ� นักทะเบยี นอ�ำเภอและส�ำนักทะเบยี นท้องถิน่ ทกุ แห่งเพอื่ ซกั ซอ้ มความเข้าใจ ดังนี้ 1. การได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามาตรา 7 แบ่งออกเป็นสองกรณี ได้แก่ (1) การได้สัญชาติไทย โดยหลกั สายโลหิต (2) การได้สญั ชาตไิ ทยโดยหลกั ดินแดน โดยมีสาระสำ� คัญ ดังน้ี 1.1 การไดส้ ญั ชาตไิ ทยโดยหลกั สายโลหติ ตามาตรา 7 (1) เกดิ ขนึ้ ไดก้ บั บคุ คลทเี่ กดิ ในประเทศไทย และเกิดต่างประเทศโดยมีองค์ประกอบส�ำคัญคือผู้เกิดจะต้องมีบิดาหรือมารดาเป็นผู้มีสัญชาติไทย ซึ่งการเป็น ผมู้ สี ญั ชาตไิ ทยของบดิ าหรือมารดานน้ั ตอ้ งเป็นอยใู่ นขณะทบ่ี ตุ รเกดิ แยกการพจิ ารณาไดด้ งั น้ี (1) กรณผี เู้ กดิ จากมารดาสญั ชาตไิ ทย ไมว่ า่ บดิ าจะมสี ญั ชาตอิ นื่ หรอื ไรส้ ญั ชาติ บคุ คลดงั กลา่ ว ยอ่ มเปน็ ผมู้ สี ญั ชาตไิ ทยโดยการเกดิ ตามหลกั สายโลหติ จากมารดา ตวั อยา่ งเชน่ เดก็ ชายธรี ะเกดิ ทป่ี ระเทศฝรงั่ เศส เปน็ บตุ รของนางสาววรรณา บคุ คลสญั ชาตไิ ทย กบั นายมารต์ นิ คนตา่ งดา้ วสญั ชาตฝิ รงั่ เศส เดก็ ชายธรี ะยอ่ มเปน็ 205

ผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดตามมาตรา 7 (1) หรือกรณีเด็กหญิงมาลี เกิดในประเทศไทย เป็นบุตรของนางมะลิ บุคคลสัญชาติไทย กับนางหม่องเอ คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองจากพม่า เด็กหญิงมาลีย่อมเป็นผู้มีสัญชาติไทย โดยการเกดิ ตามาตรา 7 (1) เน่อื งจากท้ังสองกรณีมีมารดาโดยชอบด้วยกฎหมายเปน็ ผูม้ สี ัญชาตไิ ทย เป็นต้น (2) กรณีผู้เกิดจากบิดาสัญชาติไทย มารดาสัญชาติอ่ืนหรือไร้สัญชาติ บุคคลดังกล่าวจะเป็น ผมู้ สี ัญชาตไิ ทยโดยการเกดิ ตามหลักสายโลหติ จากบิดากต็ อ่ เมื่อ (2.1) บดิ าของผนู้ น้ั จะตอ้ งเปน็ บดิ าทช่ี อบดว้ ยกฎหมาย กลา่ วคอื บดิ าจดทะเบยี นสมรส กับมารดาของผู้เกิด หรือบิดาจดทะเบียนรับรองผู้เกิดเป็นบุตร หรือศาลมีค�ำสั่งให้ผู้เกิดเป็นบุตรของบิดา จึงจะ สามารถถ่ายทอดสัญชาติไทยให้แก่บุตรได้ ซ่ึงการเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายนั้นอาจเกิดข้ึนภายหลังจากบุตร เกดิ กไ็ ด้ ตวั อยา่ งเชน่ เดก็ ชายชโนดม เกดิ ทป่ี ระเทศองั กฤษ เปน็ บตุ รของนายกฤษ บคุ คลสญั ชาตไิ ทย กบั นางแอน นาคนตา่ งดา้ วสญั ชาตอิ งั กฤษ โดยนายกฤษและนางแอนนาจดทะเบยี นสมรสกนั ตามกฎหมายของประเทศองั กฤษ เด็กชายชโนดมย่อมเป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดตามมาตรา 7 (1) หรือกรณีเด็กหญิงจันทร์หอม เกิดใน ประเทศไทย เปน็ บตุ รของนายจนั ทร์ บคุ คลสญั ชาตไิ ทย กบั นางหอม คนตา่ งดา้ วกลมุ่ คนลาวอพยพโดยนายจนั ทร์ ได้จดทะเบียนรับรองเด็กหญิงจันทร์หอมเป็นบุตรที่อ�ำเภอเมืองน่าน เด็กหญิงจันทร์ย่อมเป็นมีสัญชาติไทย โดยการเกดิ ตามมาตรา 7 (1) เน่อื งจาก ทง้ั สองกรณมี บี ิดาที่ชอบด้วยกฎหมายเปน็ ผมู้ สี ญั ชาตไิ ทย เปน็ ต้น (2.2) ถา้ บดิ าของผนู้ นั้ ไมใ่ ชบ่ ดิ าทชี่ อบดว้ ยกฎหมายตามขอ้ (2.1) จะตอ้ งผา่ นการพสิ จู น์ ความสมั พนั ธก์ ารเปน็ บดิ าและบตุ รตามาตรา 7 วรรคสองกอ่ น จงึ จะสามารถถา่ ยทอดสญั ชาตไิ ทยจากบดิ าใหแ้ ก่ บตุ รได้ ซง่ึ กรณนี ม้ี คี วามจำ� เปน็ อยา่ งยง่ิ สำ� หรบั บคุ คลทเ่ี กดิ ตา่ งประเทศเนอื่ งจากไมม่ จี ดุ เกาะเกย่ี วกบั ประเทศไทย ในเรอื่ งถ่ินทเ่ี กดิ ตวั อยา่ งเชน่ เด็กชายอามัด เกิดทีป่ ระเทศมาเลเซีย เป็นบตุ รของนายดามนิ บุคคลสญั ชาตไิ ทย กับนางเทียทิชชา คนต่างด้าวสัญชาติสิงคโปร์ โดยนายดามินและนางเทียทิชชาไม่ได้จดทะเบียนสมรส และนายดามินไม่ได้จดทะเบียนรับรองเด็กชายอามัดเป็นบุตร เด็กชายอามัดจะเป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิด ตามมาตรา 7 (1) ก็ต่อเมื่อนายดามินและเด็กชายอามัดได้รับการพิสูจน์ความสัมพันธ์การเป็นบิดาและบุตรแล้ว ซ่ึงบุคคลดังกล่าวสามารถยื่นค�ำขอพิสูจน์ต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ีได้ ณ สถานเอกอัครราชทูตหรือกงสุลไทยแห่ง ประเทศทต่ี นอาศยั อยู่ หรือ ณ อ�ำเภอหรือสำ� นกั งานเขตที่ผนู้ ั้นมีภูมลิ ำ� เนา แลว้ แต่กรณี 1.2 การไดส้ ัญชาติไทยโดยหลักดินแดนตามมาตรา 7 (2) เกิดขึน้ ได้กบั บุคคลที่เกดิ ในประเทศไทย เทา่ นนั้ โดยมคี ณุ สมบตั คิ อื ผเู้ กดิ จะตอ้ งไมเ่ ปน็ บคุ คลตามาตรา 7 ทวิ วรรคหนงึ่ ซง่ึ ไดแ้ กผ่ ทู้ มี่ บี ดิ าและมารดาเปน็ คนตา่ งด้าว และบดิ าหรือมารดาคนใดคนหนง่ึ เปน็ คนต่างดา้ วท่ไี มไ่ ดร้ บั อนญุ าตให้มถี ิน่ ทีอ่ ยู่ถาวรในประเทศไทย (ไมม่ ใี บส�ำคัญถ่นิ ท่ีอยหู่ รือใบสำ� คญั ประจำ� ตัวต่างดา้ ว) โดยแยกพิจารณาได้ ดงั นี้ (1) กรณีผู้เกิดจากบิดาสัญชาติไทย มารดาสัญชาติอื่นหรือไร้สัญชาติ โดยบิดามิใช่บิดา โดยชอบด้วยกฎหมายกลา่ วคือ บิดาไมไ่ ดจ้ ดทะเบียนสมรสกับมารดา ไมไ่ ดจ้ ดทะเบียนรบั รองผเู้ กดิ เปน็ บุตร และไม่มี คำ� สง่ั ศาล ใหผ้ เู้ กดิ เปน็ บตุ รของบดิ า ถา้ มหี ลกั ฐานเชอื่ ไดว้ า่ ผเู้ กดิ เปน็ บตุ รของบดิ าสญั ชาตไิ ทย ผเู้ กดิ ยอ่ มไดส้ ญั ชาตไิ ทย โดยการเกิดตามหลักดินแดนโดยไม่ต้องยื่นค�ำขอพิสูจน์ความสัมพันธ์การเป็นบิดาและบุตรตามมาตรา 7 วรรคสอง เนื่องจากมีมารดาฝ่ายเดียวท่ีเป็นต่างด้าว จึงไม่เข้าเง่ือนไขของบุคคลท่ีไม่ได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามมาตรา 7 ทวิ วรรคหน่ึง ตัวอย่างเช่น เด็กหญิงอรนลิน เกิดในประเทศไทยเป็นบุตรของนายวงษ์ บุคคลสัญชาติไทยกับนางใหม่ คนตา่ งดา้ วสญั ชาตลิ าว โดยนายวงษแ์ ละนางใหม่ ไมไ่ ดจ้ ดทะเบยี นสมรส และไมไ่ ดจ้ ดทะเบยี นรบั รองเดก็ หญงิ อรนลนิ เปน็ บตุ ร เด็กหญงิ อรนลนิ ย่อมเปน็ ผมู้ ีสญั ชาตไิ ทยโดยการเกิดตามาตรา 7 (2) เป็นต้น 206

(2) กรณีผ้เู กิดจากบิดาและมารดาเป็นคนตา่ งดา้ ว บิดาและมารดาทั้งสองคนจะตอ้ งเป็นผู้ท่ีไดร้ บั อนุญาตให้มีถิ่นท่ีอยู่ถาวรในประเทศไทยขณะที่บุตรเกิด จึงจะท�ำให้บุตรได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามหลักดินแดน แต่ถ้าบิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่งยังไม่ได้รับอนุญาตให้มีถ่ินที่อยู่ถาวรในประเทศไทย บุตรย่อมไม่ได้สัญชาติไทย โดยการเกดิ ตามมาตรา 7 ทวิ วรรคหนงึ่ ตวั อยา่ งเชน่ เดก็ ชายอรณุ โรจน์ เกดิ ในประเทศไทย เปน็ บตุ รของนายเซยี นผงิ สัญชาติจีน กับนางอาซางสัญชาติจีน โดยขณะที่เด็กชายอรุณโรจน์เกิด นายเซียนผิงและนางอาซางมีใบส�ำคัญ ประจ�ำตวั คนต่างดา้ ว เด็กชายอรณุ โรจน์ยอ่ มเปน็ ผู้มีสญั ชาตไิ ทยโดยการเกดิ ตามมาตรา 7 (2) เป็นต้น (3) กรณผี เู้ กดิ จากบดิ าและมารดาไมป่ รากฏสญั ชาติ เชน่ เดก็ แรกเกดิ ถกู ทอดทง้ิ โดยไมท่ ราบ ว่าบิดามารดาเป็นใคร สัญชาติอะไร หรือเด็กไร้รากเหง้าท่ีไม่ปรากฏบุพการี เป็นต้น ถ้าเป็นบุคคลที่เกิด ในประเทศไทยย่อมได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามหลักดินแดน เน่ืองจากไม่มีข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ว่าบิดาและมารดา เปน็ คนต่างด้าว จงึ ไมเ่ ข้าเงอื่ นไขของบคุ คลที่ไมไ่ ดส้ ญั ชาติไทยโดยการเกดิ ตามมาตรา 7 ทวิ วรรคหน่งึ ตวั อย่าง เชน่ เด็กชายบญุ ท้ิงเกิดท่ีโรงพยาบาลในประเทศไทยแต่ถกู มารดาทอดท้งิ ไว้โดยมหี นงั สือรับรองการเกดิ ท.ร.1/1 ระบรุ ายการบดิ ามารดา ซึง่ นายทะเบยี นตรวจสอบหลกั ฐานข้อมูลทะเบยี นราษฎรไม่พบรายการบดิ าและมารดา เด็กชายบุญทิ้งย่อมเป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดตามมาตรา 7 (2) จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าบิดาและมารดาเป็น คนต่างดา้ วไมม่ ใี บอนุญาตให้มถี ิ่นท่ีอยูถ่ าวรในประเทศไทย เป็นต้น 2. บคุ คลท่เี กิดในประเทศไทยและไมไ่ ด้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามมาตรา 7 ทวิ วรรคหน่ึง ได้แก่ บุคคลท่ี มคี ณุ สมบตั ิ ไดแ้ ก่ (1) มบี ดิ าและมารดาเปน็ คนตา่ งดา้ ว และ (2) ในขณะทบี่ คุ คลนน้ั เกดิ บดิ าหรอื มารดา คนใดคนหนง่ึ หรือทั้งสองคนเป็นคนต่างด้าวที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ถาวรในประเทศไทยกล่าวคือ ไม่มีใบส�ำคัญถ่ินท่ีอยู่หรือ ใบสำ� คญั ประจำ� ตวั คนตา่ งดา้ ว ตวั อยา่ งเชน่ เดก็ ชายวษิ ณุ เกดิ ในประเทศไทย เปน็ บตุ รของนายเหงยี นวนั ชนกลมุ่ นอ้ ย กลุ่มเวียดนามอพยพ มีช่ือในทะเบียนบ้าน ท.ร.13 กับนางเสี่ยงฟาง เป็นกลุ่มจีนฮ่ออพยพ ที่ได้รับใบส�ำคัญถ่ิน ท่อี ยู่ มชี ื่อในทะเบยี นบา้ น ท.ร.14 เด็กชายวษิ ณุ ยอ่ มไม่ได้สัญชาติไทยโดยการเกดิ ตามมาตรา 7 ทวิ วรรคหนึ่ง เนอ่ื งจากบดิ าและมารดาเปน็ คนตา่ งดา้ วโดยบดิ าไมส่ ทิ ธอิ าศยั ถาวรในประเทศไทย หรอื กรณขี องเดก็ หญงิ หงสผ์ งิ เกิดในประเทศไทย เป็นบุตรของนายเหมาเคอะ สัญชาติจีนไต้หวันถือหนังสือเดินทางเข้ามาในประเทศไทย กับนางวารีเป็นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่รอการพิสูจน์สัญชาติ เด็กหญิงหงศ์ผิงไม่ได้สัญชาติไทย โดยการเกิดตามาตรา 7 ทวิ วรรคหน่ึง เนื่องจากบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าวท่ีไม่มีสิทธิอาศัยถาวร ในประเทศไทย เป็นตน้ จงึ เรียนมาเพื่อโปรดดำ� เนินการตอ่ ไป ขอแสดงความนับถือ (นายวงศ์ศกั ด์ิ สวสั ดพิ์ าณชิ ย)์ อธบิ ดกี รมการปกครอง สำ� นกั บรหิ ารการทะเบยี น ส่วนการทะเบยี นราษฎร โทร. 0-2791-7314-6 207

สรุปข้อวินจิ ฉัยเรอื่ งสญั ชาตขิ องบคุ คล ตามพระราชบญั ญัตสิ ญั ชาติ พ.ศ. 2508 และฉบับแก้ไขเพมิ่ เตมิ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2535 และ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2551 (1) กรณบี ุคคลท่ีเกดิ ในราชอาณาจักรไทย กรณี สถานการณข์ องบิดาและมารดาขณะเกิด ชว่ งเวลาทเี่ ดก็ เกดิ สัญชาติเดก็ ขอ้ กฎหมาย ท่ี สัญชาติบิดา การสมรส สัญชาตมิ ารดา ไทย มาตรา 7 (1) 1 ไทย จดทะเบียน ไทย ก่อน 26 ก.พ. 35 ไทย มาตรา 7 (1) ไทย มาตรา 7 (1) / มาตรา10 ตัง้ แต่ 26 ก.พ. 35 ไทย มาตรา 7 (1) ไทย มาตรา 7 (1) 2 ไทย ไม่จด ไทย ก่อน 26 ก.พ. 35 ไทย มาตรา 7 (1) ไทย มาตรา 7 (1) แบบมีเงือ่ นไข ต้ังแต่ 26 ก.พ. 35 ตอ้ งพิสูจน์ความสมั พนั ธ์ ไทย ตามมาตรา 7 วรรคสอง 3 ไทย จดทะเบียน ตา่ งด้าว ก่อน 26 ก.พ. 35 ไทย หรือไดต้ ามมาตรา 7 (2) (มใี บ) ต้ังแต่ 26 ก.พ. 35 ไทย (กฎหมายมาตราเดียวกัน) ไทย มาตรา 7 (1) 4 ไทย ไม่จด ต่างด้าว ก่อน 26 ก.พ. 35 มาตรา 7 (1) (มีใบ) ไทย มาตรา 7 (1) แบบมเี งอ่ื นไข ไทย ต้องพสิ ูจน์ความสมั พันธ์ ตง้ั แต่ 26 ก.พ. 35 ไทย ตามมาตรา 7 วรรคสอง ไทย หรือไดต้ ามมาตรา 7 (2) 5 ไทย จดทะเบยี น ต่างดา้ ว ก่อน 26 ก.พ. 35 ไทย (กฎหมายมาตราเดยี วกนั ) (7 ทวิ) ตงั้ แต่ 26 ก.พ. 35 มาตรา 7 (1) / มาตรา 10 มาตรา 7 (1) 6 ไทย ไมจ่ ด ต่างดา้ ว กอ่ น 26 ก.พ. 35 มาตรา 7 (1) / มาตรา 10 (7 ทวิ) มาตรา 7 (1) 7 ต่างด้าว จดทะเบยี น ไทย ต้ังแต่ 26 ก.พ. 35 (มใี บ) ไทย ก่อน 26 ก.พ. 35 ตั้งแต่ 26 ก.พ. 35 8 ตา่ งดา้ ว ไม่จด กอ่ น 26 ก.พ. 35 (มีใบ) ตั้งแต่ 26 ก.พ. 35 208

(1) กรณบี ุคคลท่เี กิดในราชอาณาจักรไทย (ต่อ) กรณี สถานการณข์ องบิดาและมารดาขณะเกิด ชว่ งเวลาที่เด็กเกดิ สัญชาตเิ ด็ก ขอ้ กฎหมาย ท่ี สัญชาตบิ ดิ า การสมรส สัญชาตมิ ารดา 9 ต่างด้าว จดทะเบยี น ไทย กอ่ น 26 ก.พ. 35 ไทย มาตรา 7 (1) / มาตรา 10 (7 ทวิ) ไทย ตา่ งดา้ ว ตง้ั แต่ 26 ก.พ. 35 ไทย มาตรา 7 (1) (มใี บฯ) 10 ตา่ งด้าว ไมจ่ ด ตา่ งดา้ ว กอ่ น 26 ก.พ. 35 ไทย มาตรา 7 (1) / มาตรา 10 (7 ทว)ิ (มีใบฯ) ต่างดา้ ว ตง้ั แต่ 26 ก.พ. 35 ไทย มาตรา 7 (1) (7 ทวิ) 11 ต่างด้าว จดทะเบยี น ต่างด้าว ก่อน 26 ก.พ.35 ไทย มาตรา 7 (2) (มีใบฯ) (7 ทว)ิ ต่างดา้ ว ต้ังแต่ 26 ก.พ.35 ไทย มาตรา 7 (2) (มีใบฯ) 12 ต่างด้าว ไม่จด ตา่ งด้าว กอ่ น 26 ก.พ.35 ไทย มาตรา 7 (2) (มใี บฯ) (มใี บฯ) ต่างดา้ ว ตั้งแต่ 26 ก.พ.35 ไทย มาตรา 7 (2) (7 ทว)ิ 13 ตา่ งด้าว จดทะเบียน ตา่ งดา้ ว ก่อน 26 ก.พ.35 ไทยตามมาตรา 7 ประกาศ มท. (มใี บฯ) (7 ทว)ิ ทวิ วรรคสอง 6 มิ.ย. 38 ต้ังแต่ 26 ก.พ.35 ไมไ่ ด้ไทย มาตรา 7 ทวิ 14 ต่างด้าว ไมจ่ ด กอ่ น 26 ก.พ.35 ไทยหลังการเกิด มาตรา 23 (มใี บฯ) (ฉ.4) 2551 ตัง้ แต่ 26 ก.พ.35 ไมไ่ ด้ไทย มาตรา 7 ทวิ 15 ตา่ งด้าว จดทะเบียน กอ่ น 26 ก.พ.35 ไทยหลงั การเกดิ มาตรา 23 (7 ทวิ) (ฉ.4) 2551 ตง้ั แต่ 26 ก.พ.35 ไม่ไดไ้ ทย มาตรา 7 ทวิ 16 ต่างด้าว ไม่จด ก่อน 26 ก.พ.35 ไทยตามมาตรา 7 ประกาศ มท. (7 ทว)ิ ทวิ วรรคสอง 6 มิ.ย. 38 ตั้งแต่ 26 ก.พ.35 ไมไ่ ดไ้ ทย มาตรา 7 ทวิ 17 ตา่ งดา้ ว จดทะเบยี น กอ่ น 26 ก.พ.35 ไทยหลังการเกดิ มาตรา 23 (7 ทว)ิ (ฉ.4) 2551 ตงั้ แต่ 26 ก.พ.35 ไมไ่ ดไ้ ทย มาตรา 7 ทวิ 18 ตา่ งด้าว ไมจ่ ด กอ่ น 26 ก.พ.35 ไทยหลงั การเกิด มาตรา 23 (7 ทว)ิ (ฉ.4) 2551 ตั้งแต่ 26 ก.พ.35 ไมไ่ ด้ไทย มาตรา 7 ทวิ 209

(1) กรณีบคุ คลทเ่ี กดิ ในราชอาณาจักรไทย (ตอ่ ) กรณี สถานการณข์ องบิดาและมารดาขณะเกิด ช่วงเวลาท่เี ด็กเกดิ สัญชาตเิ ด็ก ข้อกฎหมาย ท่ี สญั ชาติบิดา การสมรส สัญชาติมารดา ประกาศ มท. 19 ถูกถอนไทย จดทะเบยี น ตา่ งด้าว กอ่ น 26 ก.พ.35 ไทยตามมาตรา 7 6 มิ.ย.38 หรอื ไมไ่ ดไ้ ทย (7 ทวิ) ทวิ วรรคสอง มาตรา 23 ตาม ปว.337 (ฉ.4) 2551 ต้ังแต่ 26 ก.พ.35 ไทยหลังการเกดิ มาตรา 23 ถึงวนั ท่ี 27 ก.พ.51 (ฉ.4) 2551 20 ถกู ถอนไทย ไม่จด ต่างดา้ ว ก่อน 28 ก.พ.51 ไทยหลงั การเกิด มาตรา 23 หรอื ไมไ่ ดไ้ ทย (7 ทวิ) (ฉ.4) 2551 ตาม ปว.337 ประกาศ มท. 21 ต่างด้าว จดทะเบยี น ถกู ถอนหรอื ก่อน 28 ก.พ.51 ไทยหลังการเกดิ 6 มิ.ย.38 (7 ทว)ิ ไม่ได้ไทยตาม มาตรา 23 ปว.337 (ฉ.4) 2551 22 ตา่ งด้าว ไม่จด ถูกถอนหรอื กอ่ น 26 ก.พ.35 ไทยตามมาตรา 7 (7 ทวิ) ไม่ได้ไทยตาม ทวิ วรรคสอง ปว.337 ต้งั แต่ 26 ก.พ.35 ไทยหลังการเกิด ถึงวันท่ี 27 ก.พ.51 (2) กรณีบุคคลท่เี กิดนอกราชอาณาจักรไทย กรณี สถานการณ์ของบดิ าและมารดาขณะเกดิ ชว่ งเวลาท่ีเดก็ เกิด สญั ชาตเิ ด็ก ขอ้ กฎหมาย ท่ี สญั ชาติบิดา การสมรส สญั ชาตมิ ารดา 1 ไทย จดทะเบยี น ไทย กอ่ น 26 ก.พ.35 ไทย มาตรา 7 (1) ต้ังแต่ 26 ก.พ.35 ไทย มาตรา 7 (1) 2 ไทย ไมจ่ ด ไทย กอ่ น 26 ก.พ.35 ไทย มาตรา 7 (1) / 3 ไทย จดทะเบยี น อ่ืนๆ ตง้ั แต่ 26 ก.พ.35 มาตรา 10 กอ่ น 26 ก.พ.35 ไทย มาตรา 7 (1) ตั้งแต่ 26 ก.พ.35 ไทย มาตรา 7 (1) ไทย มาตรา 7 (1) 210

(2) กรณบี ุคคลทเี่ กดิ นอกราชอาณาจักรไทย (ต่อ) กรณี สถานการณ์ของบิดาและมารดาขณะเกิด ช่วงเวลาทเ่ี ด็กเกดิ สญั ชาตเิ ด็ก ข้อกฎหมาย ที่ สญั ชาตบิ ิดา การสมรส สญั ชาติมารดา ไทย มาตรา 7 (1) แบบมี 4 ไทย ไมจ่ ด อน่ื ๆ ก่อน 26 ก.พ.35 ไทย เงอื่ นไขตอ้ งผา่ นพสิ ูจน์ ไม่ได้ไทย ความสัมพนั ธ์ตามมาตรา 7 ต้ังแต่ 26 ก.พ.35 วรรคสอง 5 ไทย ไม่จด อน่ื ๆ ตง้ั แตเ่ กิดถงึ ปจั จุบัน ไทย (กฎหมายมาตราเดียวกนั ) ไทย ถ้าไมผ่ า่ นการพสิ จู น์ 6 อื่นๆ จดทะเบยี น ไทย ก่อน 26 ก.พ.35 ไทย ความสมั พันธก์ ารเปน็ บิดา ต้งั แต่ 26 ก.พ.35 ไทย และบตุ ร 7 อน่ื ๆ ไมจ่ ด ไทย ก่อน 26 ก.พ.35 มาตรา 7(1) / มาตรา10 ตั้งแต่ 26 ก.พ.35 มาตรา 7(1) มาตรา 7(1) / มาตรา10 มาตรา 7(1) จดั ทำ� โดย...ฝา่ ยการทะเบยี นราษฎรและสัญชาติ 211

สำ� นกั ทะเบียนกลาง ถนนลำ� ลูกกา ปท. 12150 ท่ี มท 0309.1/ ว 84 23 สงิ หาคม 2551 เร่ือง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการในการขอหนังสือรับรองการเกิดตามมาตรา 20/1 แห่งพระราชบัญญัติ การทะเบยี นราษฎร พ.ศ. 2534 แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 เรียน นายทะเบียนจงั หวดั ทุกจังหวดั และนายทะเบียนกรุงเทพมหานคร สง่ิ ท่ีส่งมาด้วย ประกาศส�ำนักทะเบียนกลาง เร่ือง หลักเกณฑ์ เง่ือนไขและวิธีการในการขอหนังสือรับรอง การเกดิ ตามมาตรา 20/1 แหง่ พระราชบญั ญตั ิการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 ฯลฯ ด้วยมาตรา 20/1 แห่งพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดย พระราชบัญญัตกิ ารทะเบยี นราษฎร (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ.2551 บญั ญัติใหบ้ คุ คลหรอื กลมุ่ บุคคลท่ีคณะรัฐมนตรมี มี ติ ใหส้ ญั ชาตไิ ทยหรอื ใหแ้ ปลงสญั ชาตเิ ปน็ ไทยได้ และบคุ คลทม่ี เี หตจุ ำ� เปน็ ตอ้ งมหี นงั สอื รบั รองการเกดิ ใหย้ นื่ คำ� ขอ หนังสือรับรองการเกิดตามหลักเกณฑ์และเง่ือนไขท่ีผู้อ�ำนวยการทะเบียนกลางก�ำหนด ดังนั้น เพื่อปฏิบัติให้เป็น ไปตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ส�ำนักทะเบียนกลางได้ออกประกาศก�ำหนดหลักเกณฑ์ เง่ือนไขและ วธิ กี ารในการขอหนงั สอื รบั รองการเกดิ ตามมาตรา 20/1 แหง่ พระราชบญั ญตั กิ ารทะเบยี นราษฎร พ.ศ.2534 แกไ้ ข เพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551 ปรากฏตามเอกสารทส่ี ่งมาพร้อมนี้โดยมีสาระสำ� คญั พอสรุป ดงั นี้ 1. บุคคลที่จะขอหนังสือรับรองการเกิดใหม่ได้แก่ ผู้ที่เกิดในราชอาณาจักรไทยแต่ไม่ได้แจ้งการเกิด หรือแจง้ การเกิดแล้วแต่ไม่มีสตู ิบัตรและสำ� นกั ทะเบียนท่ีเกีย่ วข้องไมส่ ามารถคัดสำ� เนาทะเบยี นคนเกิดให้ได้ 2. สถานท่ียื่นค�ำขอหนังสือรับรองการเกิด ก�ำหนดให้ผู้ขอยื่นค�ำขอท่ีส�ำนักทะเบียนอ�ำเภอหรือ สำ� นกั ทะเบยี นทอ้ งถนิ่ แหง่ ทผี่ ขู้ อเกดิ หรอื มชี อ่ื อยใู่ นทะเบยี นบา้ น หรอื มภี มู ลิ ำ� เนาอยปู่ จั จบุ นั โดยตอ้ งมหี ลกั ฐาน ประกอบค�ำขอ ได้แก่ ส�ำเนาทะเบียนบ้านไม่ว่าจะเป็นฉบับท่ีมีเลขประจ�ำตัวประชาชน 13 หลักหรือไม่ก็ได้ หรอื สำ� เนาทะเบยี นประวตั ิ เชน่ ท.ร.38/1 ท.ร.38 ข เปน็ ตน้ และหลกั ฐานแสดงวา่ เปน็ บคุ คลทเ่ี กดิ ในราชอาณาจกั รไทย พรอ้ มทั้งจะต้องมพี ยานบุคคลใหก้ ารรับรอง 3. ใหน้ ายทะเบยี นผรู้ บั คำ� ขอหนงั สอื รบั รองการเกดิ เชน่ ผชู้ ว่ ยนายทะเบยี นอำ� เภอ ผชู้ ว่ ยนายทะเบยี น ทอ้ งถน่ิ รวบรวมพยานหลกั ฐานพรอ้ มเสนอความเหน็ ใหน้ ายทะเบยี นอำ� เภอหรอื นายทะเบยี นทอ้ งถน่ิ แลว้ แตก่ รณี เปน็ ผพู้ ิจารณาอนญุ าตหรือไม่อนญุ าต 4. หนงั สอื รบั รองการเกดิ ใหเ้ ปน็ ไปตามแบบ ท.ร.20/1 โดยจะตอ้ งจดั ทำ� ขน้ึ เปน็ 2 ตอน มอบตอนท่ี 1 ใหผ้ ขู้ อ สว่ นตอนท2ี่ (คฉู่ บบั ) ใหเ้ กบ็ เขา้ แฟม้ ไวเ้ ปน็ หลกั ฐาน และใหน้ ายทะเบยี นจดั ทำ� ทะเบยี นคมุ การออกหนงั สอื รบั รองการเกิดใหม้ ีรายละเอียดสามารถตรวจสอบได้ 212

5. กรณีนายทะเบียนอ�ำเภอหรือนายทะเบียนท้องถ่ินไม่อนุญาตตามค�ำขอ ให้แจ้งผู้ขอหนังสือรับรอง การเกิดทราบเป็นลายลักษณ์อักษร เพ่ือให้สิทธิในการโต้แย้งหรือแสดงหลักฐานข้อเท็จจริงเพ่ิมเติม รวมถึงสิทธิ ในการอุทธรณ์ค�ำส่ังของนายทะเบียนภายในระยะเวลาท่ีก�ำหนด ท้ังนี้ การอุทธรณ์และพิจารณาการอุทธรณ์ ค�ำสั่งของนายทะเบียนอ�ำเภอหรือนายทะเบียนท้องถ่ินให้เป็นไปตามกฎกระทรวงก�ำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ เกยี่ วกบั การโตแ้ ยง้ หรอื แสดงขอ้ เทจ็ จรงิ การอทุ ธรณแ์ ละการพจิ ารณาอทุ ธรณค์ ำ� สงั่ ของนายทะเบยี น พ.ศ. 2551 สำ� นกั ทะเบยี นกลางจงึ ขอใหส้ ำ� นกั ทะเบยี นจงั หวดั และสำ� นกั ทะเบยี นกรงุ เทพมหานครแจง้ สำ� นกั ทะเบยี น อ�ำเภอและส�ำนักทะเบียนท้องถ่ินทุกแห่งในพื้นท่ีรับผิดชอบศึกษา ท�ำความเข้าใจและถือปฏิบัติตามประกาศ ส�ำนักทะเบียนกลางดังกล่าวโดยเคร่งครัดด้วย ทั้งน้ี ค�ำขอหนังสือรับรองการเกิดให้ใช้ค�ำร้องเกี่ยวกับ งานทะเบียนราษฎร (ท.ร.31 ข้อ8) รวมท้ังขอให้แจ้งก�ำชับเจ้าหน้าที่ท่ีเกี่ยวข้องทุกคนทราบว่าการขอ หนังสือรบั รองการเกิดดังกลา่ วกฎหมายมไิ ด้กำ� หนดใหเ้ รียกเก็บคา่ ธรรมเนียมแต่อยา่ งใด จึงเรยี นมาเพ่อื โปรดด�ำเนินการตอ่ ไป ขอแสดงความนับถือ (นายวิชัย ศรขี วญั ) ผอู้ �ำนวยการทะเบยี นกลาง สำ� นกั บริหารการทะเบยี น สว่ นการทะเบยี นราษฎร โทร 0-2791-7313-6 213

ประกาศส�ำนกั ทะเบยี นกลาง เร่ือง หลกั เกณฑ์ เงอ่ื นไขและวธิ ีการในการขอหนังสอื รับรองการเกดิ ตามมาตรา 20/1 แหง่ พระราชบัญญตั ิ การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 ซ่งึ แก้ไขเพิม่ เติมโดยพระราชบญั ญัติการทะเบียนราษฎร (ฉบับท2่ี ) พ.ศ. 2551 _________________ โดยที่กฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรก�ำหนดให้กรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้สัญชาติไทยแก่ กลุ่มบุคคลใด หรือให้กลุ่มบุคคลใดแปลงสัญชาติเป็นไทยได้ หรือกรณีมีเหตุจ�ำเป็นอ่ืน และบุคคลดังกล่าว มีความจ�ำเป็นต้องมีหนังสือรับรองการเกิด ให้บุคคลดังกล่าวยื่นค�ำขอหนังสือรับรองการเกิดตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่ผอู้ ำ� นวยการทะเบียนกลางกำ� หนด อาศัยอ�ำนาจตามความในมาตรา 20/1 แห่งพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไข เพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั กิ ารทะเบยี นราษฎร (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2551 อนั เปน็ กฎหมายทม่ี บี ทบญั ญตั บิ างประการ เก่ยี วกับการจ�ำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึง่ มาตรา 29 ประกอบกบั มาตรา 34 มาตรา 35 และมาตรา 56 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระท�ำได้โดยอาศัยอ�ำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ผอู้ �ำนวยการทะเบียนกลางก�ำหนดหลักเกณฑ์ เง่ือนไขและวิธีการในการขอหนงั สือรบั รองการเกิดไว้ ดังตอ่ ไปน้ี 1. บคุ คลทเี่ กดิ ในราชอาณาจกั รไทยแตไ่ มไ่ ดแ้ จง้ การเกดิ หรอื แจง้ การเกดิ แลว้ แตไ่ มม่ สี ตู บิ ตั รหรอื สตู บิ ตั ร ชำ� รดุ สญู หายและสำ� นกั ทะเบยี นทเ่ี กย่ี วขอ้ งไมส่ ามารถคดั สำ� เนาสตู บิ ตั รหรอื ทะเบยี นคนเกดิ ได้ หากมคี วามจำ� เปน็ ตอ้ งขอหนงั สอื รบั รองการเกดิ ใหย้ น่ื คำ� ขอตอ่ นายทะเบยี นอำ� เภอหรอื นายทะเบยี นทอ้ งถน่ิ ณ สำ� นกั ทะเบยี นแหง่ ทผ่ี นู้ น้ั เกดิ หรอื มชี อ่ื อยใู่ นทะเบยี นบา้ น หรอื มภี มู ลิ ำ� เนาอยปู่ จั จบุ นั พรอ้ มดว้ ยรปู ถา่ ยหนา้ ตรงขนาด 2 นวิ้ จำ� นวน 2 รปู ส�ำเนาทะเบียนบ้านหรือส�ำเนาทะเบียนประวัติ เช่น ท.ร.38 ท.ร.38/1 ท.ร.38 ก หรือ ท.ร.38 ข เป็นต้น และหลักฐานทีแ่ สดงวา่ เปน็ ผู้ที่เกิดในราชอาณาจกั รไทย (ถ้ามี) เช่น หลักฐานการลงบัญชีทหารกองเกิน (การข้ึน ทะเบียนทหาร) ใบส�ำคัญถิ่นท่อี ย่หู รือใบส�ำคัญประจ�ำตัวคนต่างดา้ ว เป็นต้น ทงั้ น้ี ถ้าผขู้ อหนังสอื รับรองการเกิด เปน็ เดก็ ทม่ี อี ายไุ มเ่ กนิ สบิ หา้ ปบี รบิ รู ณ์ ใหบ้ ดิ าหรอื มารดาหรอื ผปู้ กครองทอี่ ปุ การะเลยี้ งดเู ดก็ เปน็ ผยู้ น่ื คำ� ขอแทน 2. เม่ือนายทะเบียนได้รับค�ำขอหนังสือรับรองการเกิดพร้อมด้วยหลักฐานจากผู้ยื่นค�ำขอแล้ว ให้นายทะเบียนออกใบรับให้แก่ผู้ยื่นค�ำขอไว้เป็นหลักฐาน โดยอาจใช้วิธีการคัดส�ำเนาค�ำขอดังกล่าวแล้วลงชื่อ นายทะเบยี นรบั รองสำ� เนาเอกสารเพอ่ื ใชเ้ ปน็ หลกั ฐานแสดงการรบั เรอื่ งจากผยู้ นื่ คำ� ขอกไ็ ด้ และใหด้ ำ� เนนิ การ ดงั น้ี 2.1 ให้ตรวจสอบหลักฐานการมีชื่อและรายการบุคคลในเอกสารการทะเบียนราษฎรและสอบสวน ใหไ้ ดข้ อ้ เทจ็ จรงิ วา่ ผยู้ นื่ คำ� ขอหนงั สอื รบั รองการเกดิ เปน็ บคุ คลคนเดยี วกบั ผมู้ ชี อ่ื ในเอกสารทะเบยี นราษฎรหรอื ไม่ 214

2.2 สอบสวนผยู้ นื่ คำ� ขอใหป้ รากฏรายละเอยี ดเกย่ี วกบั บดิ ามารดา สญั ชาตขิ องบดิ ามารดา สถานทเี่ กดิ (ถา้ ม)ี จำ� นวนพนี่ อ้ งรว่ มบดิ ามารดาและทอี่ ยปู่ จั จบุ นั แลว้ ใหผ้ ยู้ น่ื คำ� ขอลงลายมอื ชอ่ื หรอื พมิ พล์ ายนวิ้ มอื ในบนั ทกึ การสอบสวนต่อหนา้ นายทะเบยี นท่ที �ำการสอบสวนและพยานอยา่ งน้อย 2 คน 2.3 สอบสวนบิดามารดาผู้ให้ก�ำเนิดหรือผู้ปกครองที่อุปการะเลี้ยงดูของผู้ขอรับหนังสือรับรอง การเกดิ (ถ้ามี) และพยานบคุ คลผู้น่าเช่อื ถอื เพือ่ ให้การรบั รองเรือ่ งสถานทเี่ กิด และประวตั คิ วามเป็นมาของบิดา และมารดาผ้ใู หก้ �ำเนิดของผขู้ อหนงั สือรับรองการเกดิ พยานบุคคลผู้น่าเช่ือถือ หมายถึง ผู้ท่ีบรรลุนิติภาวะแล้วและต้องมีชื่อและรายการบุคคลใน ทะเบยี นบา้ น มฐี านะมน่ั คง เปน็ ทเ่ี คารพนบั ถอื ของประชาชนในทอ้ งถน่ิ มที อี่ ยเู่ ปน็ หลกั แหลง่ ชดั เจน และรจู้ กั คนุ้ เคย กับครอบครัวผู้ย่ืนค�ำขอเป็นอย่างดี เป็นผู้รู้เห็นการเกิดหรือสามารถให้ข้อมูลเก่ียวกับสถานการณ์เกิดของผู้ขอ หนงั สอื รบั รองการเกิด ถา้ เปน็ ขา้ ราชการหรือเจ้าหน้าทีข่ องรัฐหรอื ขา้ ราชการบำ� นาญต้องด�ำรงตำ� แหน่งหรอื เคย ดำ� รงตำ� แหนง่ ไมต่ ำ่� กวา่ ระดับ 3 หรือเทียบเท่าระดับ 3 ขึ้นไป หรอื กำ� นนั หรอื ผใู้ หญ่บ้าน 2.4 ในกรณีผู้ขอหนังสือรับรองการเกิดมีถิ่นที่เกิดในเขตพื้นท่ีส�ำนักทะเบียนอื่นและผู้ขอไม่อาจ นำ� พยานหลกั ฐานหรอื พยานบคุ คลมาใหน้ ายทะเบยี นทรี่ บั คำ� ขอสอบสวนได้ ใหน้ ายทะเบยี นทร่ี บั คำ� ขอสง่ ประเดน็ ไปให้นายทะเบียนอ�ำเภอหรือนายทะเบียนท้องถ่ินท่ีเกี่ยวข้องตรวจสอบและสอบสวนแทน เมื่อด�ำเนินการเสร็จ แล้วให้ส่งหลักฐานและบันทึกการสอบสวนไปยังส�ำนักทะเบียนท่ีรับค�ำขอ ท้ังน้ี ให้นายทะเบียนอ�ำเภอหรือ นายทะเบียนท้องถ่ินดังกล่าวด�ำเนินการตรวจสอบหลักฐานและสอบสวนพยานบุคคลให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน ระยะเวลาไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเร่ืองจากส�ำนักทะเบียนที่ร้องขอ และหากไม่สามารถด�ำเนินการได้ ไม่วา่ ดว้ ยเหตุใดให้แจ้งเหตุท่ีไมอ่ าจดำ� เนนิ การน้ันภายในระยะเวลาดงั กล่าวด้วย 2.5 ให้ผู้ย่ืนค�ำขอหนังสือรับรองการเกิดน�ำพยานเอกสาร พยานบุคคล และพยานหลักฐานอื่น ทีเ่ ก่ียวข้องไปให้นายทะเบยี นตรวจสอบและสอบสวนภายในระยะเวลาเกา้ สิบวนั นับแตว่ ันท่ีย่นื คำ� ขอ 2.6 เม่ือผู้ยื่นค�ำขอหนังสือรับรองการเกิดได้น�ำพยานเอกสาร พยานบุคคลและพยานหลักฐานอื่น ทเ่ี กย่ี วขอ้ งเสนอตอ่ นายทะเบยี นและไดด้ ำ� เนนิ การตาม 2.1 ถงึ 2.4 แลว้ ใหน้ ายทะเบยี นรวบรวมคำ� ขอและพยาน หลักฐานท่ีเก่ียวข้องพร้อมความเห็นเสนอนายทะเบียนอ�ำเภอหรือนายทะเบียนท้องถ่ินภายในเจ็ดวันนับแต่วันท่ี นายทะเบยี นได้รบั พยานหลกั ฐานครบถว้ น นายทะเบยี นผทู้ �ำการสอบสวนตาม 2.2 2.3 และ 2.4 หมายถงึ นายทะเบียนอำ� เภอนายทะเบียน ทอ้ งถนิ่ ผชู้ ว่ ยนายทะเบยี นอำ� เภอทนี่ ายทะเบยี นอำ� เภอมอบหมาย และผชู้ ว่ ยนายทะเบยี นทอ้ งถน่ิ ทน่ี ายทะเบยี น ท้องถน่ิ มอบหมาย 3. เม่ือนายทะเบียนอ�ำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่นตรวจสอบความถูกต้องของพยานเอกสารและ ความครบถว้ นสมบรู ณข์ องประเดน็ การสอบสวนพยานบคุ คลแลว้ ใหพ้ จิ ารณาใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายในสบิ หา้ วนั นบั แต่ วันทไ่ี ดร้ ับเรือ่ งจากนายทะเบยี นตาม 2.6 4. กรณีนายทะเบียนอ�ำเภอหรือนายทะเบียนท้องถ่ินพิจารณาเห็นว่าพยานหลักฐานของผู้ขอน่าเช่ือ ได้ว่าเป็นผู้ที่เกิดในราชอาณาจักรไทย ให้ออกหนังสือรับรองการเกิดตามแบบ ท.ร.20/1 ท้ายประกาศน้ี ให้ผู้ขอหนังสือรับรองการเกิดตามแบบ ท.ร.20/1 ให้นายทะเบียนจัดท�ำเป็น 2 ตอนมีรายการเหมือนกัน 215

โดยตอนที่ 1 มอบให้แก่ผู้ขอ ส่วนตอนท่ี 2 ให้เก็บรักษาไว้ที่ส�ำนักทะเบียน สามารถตรวจสอบและคัดรับรอง ส�ำเนาได้ ท้ังนี้ให้นายทะเบียนจัดท�ำทะเบียนคุมการออกหนังสือรับรองการเกิดไว้เป็นหลักฐานและลงรายการ ให้เป็นปัจจบุ ันเสมอ 5. กรณีนายทะเบียนอ�ำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่นพิจารณาเห็นว่าพยานหลักฐานของผู้ขอ ไมเ่ พยี งพอทจ่ี ะยนื ยนั ไดว้ า่ เปน็ ผทู้ เ่ี กดิ ในราชอาณาจกั รไทย ใหน้ ายอำ� เภอหรอื นายทะเบยี นทอ้ งถน่ิ สงั่ ไมอ่ นญุ าต แลว้ แจง้ คำ� สง่ั ดงั กลา่ วใหผ้ ขู้ อหนงั สอื รบั รองการเกดิ เปน็ หนงั สอื ภายในสามวนั นบั แตว่ นั ทมี่ คี ำ� สง่ั โดยใหร้ ะบเุ หตผุ ล ซ่ึงอย่างน้อยประกอบด้วยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระส�ำคัญ ข้อกฎหมายท่ีอ้างอิง ข้อพิจารณาและข้อสนับสนุน ในการใชด้ ลุ พนิ จิ ของนายทะเบยี น สทิ ธใิ นการอทุ ธรณ์ การยน่ื คำ� อทุ ธรณ์ และระยะเวลาการอทุ ธรณไ์ วใ้ นหนงั สอื ดงั กล่าวดว้ ย การอทุ ธรณค์ ำ� สง่ั ของนายทะเบยี นอำ� เภอหรอื นายทะเบยี นทอ้ งถนิ่ ตอ้ งทำ� เปน็ หนงั สอื โดยระบขุ อ้ โตแ้ ยง้ และข้อเท็จจรงิ หรอื ข้อกฎหมายท่ีอ้างองิ ประกอบดว้ ย 6. การอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ค�ำสั่งของนายทะเบียนอ�ำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่นให้เป็น ไปตามกฎกระทรวงก�ำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเก่ียวกับการโต้แย้งหรือชี้แจงข้อเท็จจริง การอุทธรณ์และ การพจิ ารณาอุทธรณค์ ำ� สัง่ ของนายทะเบยี น พ.ศ. 2551 ประกาศ ณ วนั ท่ี 23 สิงหาคม พ.ศ. 2551 (นายวิชัย ศรขี วญั ) ผอู้ ำ� นวยการทะเบียนกลาง 216

ท.ร.20/1 เลขท่ี ....(ล�ำดบั ที)่ ...../......(ปี...พ.ศ.).... หนังสือรับรองการเกิด ส�ำนักทะเบยี น.................................... รหสั ส�ำนักทะเบียน............................. ด้วย นาย/นาง/นางสาว ............................................เลขประจำ� ตวั ประชาชน..................................... ไดย้ ื่นคำ� ขอหนังสอื รบั รองการเกิด โดยมีรายละเอยี ด ดงั น้ี ส่วนท่ี 1 ผ้ขู อหนงั สือรบั รองการเกดิ ชอ่ื .......................................ชอ่ื สกลุ ..................................เลขประจำ� ตวั ประชาชน..................................... สัญชาติ.......เกิดวันที่.....(ระบุวันเดือนปี พ.ศ. ที่เกิด).... สถานท่ีเกิด.....(ระบุสถานท่ีเกิด บ้านเลขที่ หมู่ที่ ตรอก/ซอย ต�ำบล/แขวง อ�ำเภอ/เขต จังหวัด ประเทศ).....เป็นบุตรคนที่......ในจ�ำนวนบุตรร่วมบิดามารดาเดียวกันจ�ำนวน......คน ที่อยู่ปัจจุบันเลขท่ี...............(ระบุบา้ นเลขที่ตามทะเบียนบ้านหรือทะเบียนประวัติของผู้ขอ)................................. สว่ นที่ 2 บดิ าของผ้ขู อหนังสือรบั รองการเกิด ชอื่ .......................................ชอื่ สกลุ ..................................เลขประจำ� ตวั ประชาชน..................................... สัญชาติ...............เกิดวันท่ี.....(ระบุวันเดือนปี พ.ศ.ท่ีเกิด).....สถานภาพบุคคล.......(ระบุยังมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิต)......... สว่ นที่ 3 มารดาของผ้ขู อหนังสือรับรองการเกดิ ชอื่ .......................................ชอื่ สกลุ ..................................เลขประจำ� ตวั ประชาชน..................................... สัญชาติ...............เกิดวันที่.....(ระบุวันเดือนปี พ.ศ.ท่ีเกิด).....สถานภาพบุคคล.......(ระบุยังมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิต)........ ส่วนที่ 4 พยานหลักฐานทน่ี �ำมาแสดงต่อนายทะเบียน อาทิ พยานเอกสาร (ระบุ)................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................... พยานบุคคล ได้แก่ 1. ชอ่ื .....................................ชอ่ื สกลุ ..................................เลขประจำ� ตวั ประชาชน.................................. สญั ชาต.ิ ..............เกดิ วนั ท.่ี ....(ระบวุ นั เดอื นปี พ.ศ.ที่ เกดิ )........เกย่ี วขอ้ งกบั ผขู้ อในฐานะเปน็ ................................ 2. ชอื่ .....................................ชอ่ื สกลุ ..................................เลขประจำ� ตวั ประชาชน.................................. สญั ชาต.ิ ..............เกดิ วนั ท.ี่ ....(ระบวุ นั เดอื นปี พ.ศ. ทเี่ กดิ )........เกย่ี วขอ้ งกบั ผขู้ อในฐานะเปน็ ................................ ค�ำส่งั นายทะเบยี น นายทะเบยี นได้ตรวจพิจารณาหลักฐานแล้ว จึงออกหนงั สอื ฉบบั น้ใี หผ้ ้ขู อเม่อื วนั ท.่ี ......................... ลงช่ือ............................................................ ปดิ รูปถ่ายของผขู้ อ (..........................................................) ขนาด 2 นว้ิ นายทะเบียนอ�ำเภอ/นายทะเบยี นทอ้ งถิน่ นายแทล้วะใเบห ยี้ น ลงชอื่ (..............................................................................................................)ผขู้ อหนงั สือรบั รองการเกิด 217

ดว่ นมาก กระทรวงมหาดไทย ถนนอัษฎางค์ กทม. 10200 ท่ี มท 0309.1/ว 1587 22 พฤศจกิ ายน 2551 เรอ่ื ง การขอลงรายการสญั ชาตไิ ทยในทะเบยี นบ้านตามมาตรา 23 แหง่ พระราชบัญญตั สิ ญั ชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 เรยี น ผู้วา่ ราชการจงั หวัด ทุกจังหวดั และปลดั กรงุ เทพมหานคร อา้ งถงึ พระราชบญั ญัติสัญชาติ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2551 สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. แบบคำ� ขอลงรายการสญั ชาตไิ ทยในทะเบยี นบา้ นตามมาตร 23 แหง่ พระราชบญั ญตั สิ ญั ชาติ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2551 2. ตารางการวนิ จิ ฉยั คณุ สมบตั ขิ องบคุ คลทจ่ี ะไดร้ บั สญั ชาตไิ ทยตามมาตร 23 แหง่ พระราชบญั ญตั ิ สญั ชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 ด้วยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2551 มาตรา 23 บัญญัติให้บุคคลที่เคยมีสัญชาติไทย เพราะเกิดในราชอาณาจักรไทย แต่ถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ข้อ 1 และผู้ท่ีเกิดในราชอาณาจักรไทยแต่ไม่ได้รับสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ข้อ 2 รวมถึงบุตรของบุคคลดังกล่าวที่เกิดในราชอาณาจักรไทยก่อนวันท่ีพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ (เกิดก่อน วันท่ี 28 กุมภาพันธ์ 2551) และไม่ได้รับสัญชาติไทยตามมาตร 7 ทวิ วรรคหน่ึง แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ถ้าบุคคลผู้น้ันอาศัยอยู่จริงในราชอาณาจักรไทยติดต่อกัน โดยมหี ลกั ฐานทางทะเบยี นราษฎร และเปน็ ผมู้ คี วามประพฤตดิ ี หรอื ทำ� คณุ ประโยชนใ์ หแ้ กส่ งั คมหรอื ประเทศไทย ใหไ้ ดส้ ญั ชาตไิ ทยตงั้ แตว่ นั ทพ่ี ระราชบญั ญตั นิ ใี้ ชบ้ งั คบั โดยใหผ้ มู้ คี ณุ สมบตั ดิ งั กลา่ วยนื่ คำ� ขอลงรายการสญั ชาตใิ น เอกสารการทะเบียนราษฎรต่อนายทะเบียนอ�ำเภอหรือนายทะเบียนท้องถ่ินแห่งท้องท่ีที่ผู้น้ันมีภูมิล�ำเนา ในปัจจุบนั เม่อื พน้ ก�ำหนดเก้าสบิ วนั นบั ต้ังแต่วันทีพ่ ระราชบัญญัตนิ ี้ใช้บงั คับ กล่าวคือตั้งแตว่ ันท่ี 28 พฤษภาคม 2551 เปน็ ตน้ ไป กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้วเห็นว่า เพ่ือให้การปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขอลงรายการ สัญชาติไทยของบุคคลที่ได้สัญชาติไทยตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2551 เปน็ ไปดว้ ยความถกู ตอ้ ง เรยี บรอ้ ยและเปน็ ไปในแนวทางเดยี วกนั จงึ กำ� หนดแนวทางปฏบิ ตั แิ ละขอใหจ้ งั หวดั และ 218

กรุงเทพมหานครแจ้งอ�ำเภอ ส�ำนักงานเขต ส�ำนักทะเบียนอ�ำเภอและส�ำนักทะเบียนท้องถิ่นทุกแห่งในเขตพ้ืนท่ี รับผดิ ชอบถือปฏิบัติ ดังน้ี 1. บุคคลที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ท่ีจะได้สัญชาติไทยตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2551 ได้แก่ (1) ผู้ท่ีเกิดในประเทศไทยและเคยมีสัญชาติไทยโดยการเกิดแต่ถูกถอนสัญชาติไทยโดยประกาศ คณะปฏวิ ตั ฉิ บบั ที่ 337 กลา่ วคือ เป็นผ้ทู เี่ กดิ ในประเทศไทยก่อนวนั ที่ 14 ธันวาคม 2515 โดยมีบดิ าและมารดา เป็นคนต่างจังหวัดและบิดาท่ีชอบด้วยกฏหมาย หรือมารดา (กรณีไม่ปรากฏบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย) เปน็ คนตา่ งดว้ ยทไ่ี ดร้ บั ผอ่ นผนั ใหอ้ าศยั อยใู่ นราชอาณาจกั รเปน็ กรณพี เิ ศษเฉพาะราย หรอื ไดร้ บั อนญุ าตใหเ้ ขา้ มา อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว หรือเข้ามาอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย วา่ ดว้ ยคนเข้าเมอื ง (2) ผู้ที่เคยเกิดในประเทศไทยแต่ไม่ได้รับสัญชาติไทยโดยการเกิดโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบบั ที่ 337 กล่าวคอื เปน็ ผทู้ ่ีเกดิ ในประเทศไทยระหวา่ งวันที่ 14 ธันวาคม 2515 ถงึ วันที่ 25 กมุ ภาพันธ์ 2535 (เกิดก่อนพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2535 ใช้บังคับ) โดยมีบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว และบิดาท่ีชอบด้วยกฎหมาย หรือมารดา (กรณีไม่ปรากฎบิดาที่ชอบด้วยกฏหมาย) เป็นคนต่างด้าวที่ได้รับ ผ่อนผันให้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย หรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร เป็นการชัว่ คราว หรอื เข้ามาอาศยั อยู่ในราชอาณาจกั รโดยไมไ่ ด้รบั อนุญาตตามกฏหมายวา่ ดว้ ยคนเข้าเมือง (3) บุตรของบุคคลตาม (1) และ (2) ท่ีเกิดในประเทศไทยก่อนวันท่ี 28 กุมภาพันธ์ 2551 เฉพาะบุคคคลท่ีไม่ได้สัญชาติไทยโดยการเกิด รายละเอียดปรากฏตามตารางวินิจฉัยท่ีส่งมาพร้อมน้ี ทั้งน้ี บุคคลตาม (1) – (3) จะต้องมีช่ือและรายการบุคคลในเอกสารการทะเบียนราษฎรไม่ว่าจะเป็นเอกสารที่มี เลขประจ�ำตวั ประชาชน 13 หลกั หรอื ไม่กต็ าม ไดแ้ ก่ สตู ิบัตร ทะเบยี นคนเกิด ทะเบียนบา้ น ใบรับแจ้งการยา้ ย ทอี่ ยู่ หรือทะเบียนประวัตริ าษฎร เชน่ ท.ร. 38 ท.ร. 38 ก เป็นตน้ และหากผยู้ นื่ คำ� ขอลงรายการสัญชาตไิ ทยมี เอกสารการทะเบยี นราษฎรอน่ื มาแสดง เชน่ บญั ชสี ำ� มะโนครวั ใบรบั แจง้ การเกดิ หนงั สอื รบั รองการเกดิ เปน็ ตน้ หรอื เอกสารราชการอน่ื ซง่ึ เจา้ พนกั งานไดจ้ ดั ทำ� ขนึ้ จากหลกั ฐานการทะเบยี นราษฎร ใหส้ ำ� นกั ทะเบยี นทำ� หนงั สอื หารอื ส�ำนกั ทะเบียนกลางเพ่อื พิจารณาเป็นการเฉพาะราย 2. การยน่ื คำ� ขอลงรายการสญั ชาตไิ ทย ใหใ้ ชค้ ำ� ขอตามแบบทสี่ ง่ มาพรอ้ มน้ี โดยใหผ้ ขู้ อลงรายการสญั ชาตไิ ทย ย่ืนค�ำขอต่อนายทะเบียนอ�ำเภอหรือนายทะเบียนท้องถ่ิน ณ ส�ำนักทะเบียนแห่งที่ผู้ขอมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน หรอื มภี มู ลิ ำ� เนาอยปู่ จั จบุ นั พรอ้ มดว้ ยหลกั ฐานทเี่ กยี่ วขอ้ ง ไดแ้ ก่ เอกสารการทะเบยี นราษฎรหลกั ฐานทแ่ี สดงวา่ เปน็ ผู้ที่เกิดในประเทศไทย และเอกสารอ่ืนๆ (ถ้ามี) เช่น หลักฐานการศึกษา หลักฐานการรับราชการทหาร หลักฐาน การเสยี ภาษี หนังสอื รบั รองการท�ำคณุ ประโยชนใ์ หแ้ กร่ าชการหรือสงั คมซึง่ ออกโดยหนว่ ยงานของรัฐหรือหนว่ ยงาน ทร่ี ฐั ใหก้ ารรบั รอง ใบสำ� คญั ถน่ิ ทอ่ี ยหู่ รอื ใบสำ� คญั ประจำ� ตวั คนตา่ งดา้ ว เปน็ ตน้ ทง้ั นี้ ถา้ ผขู้ อลงรายการสญั าชาตไิ ทย เป็นเดก็ ทีอ่ ายไุ ม่เกิน 15 ปบี รบิ รู ณ์ ให้บิดา มารดา หรือผ้ปู กครองทอ่ี ปุ การะเลีย้ งดเู ดก็ เปน็ ผูย้ ื่นคำ� ขอแทน 219

3. เม่อื นายทะเบยี นไดร้ บั ค�ำขอพรอ้ มหลักฐานตามขอ้ 2 แล้วใหด้ ำ� เนินการ ดงั น้ี 3.1 ให้ตรวจสอบหลักฐานการมีช่ือและรายการบุคคลในเอกสารการทะเบียนราษฎรและสอบสวน ให้ได้ข้อเท็จจริงว่าผู้ย่ืนค�ำขอลงรายการสัญชาติไทยเป็นบุคคลเดียวกับผู้มีช่ือในเอกสารการทะเบียนราษฎรและ เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่จะได้สัญญาไทยตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 ตามข้อ 1 (1) (2) หรือ (3) 3.2 สอบสวนผู้ย่ืนค�ำขอลงรายการสัญชาติไทยให้ปรากฏรายละเอียดเก่ียวกับบิดามารดา สัญชาติของบิดามารดา สถานที่เกิด จ�ำนวนพ่ีน้องร่วมบิดามารดาและที่อยู่บัจจุบัน รวมถึงความเล่ือมใส ในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ เ์ ปน็ ประมขุ โดยเฉพาะประเดน็ นี้ ใหน้ ายทะเบยี นบนั ทกึ ถ้อยค�ำไว้ในบันทึกการสอบสวน (ปค.14) ด้วยข้อความว่า “ข้าพเจ้าขอปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จะประพฤติตน เปน็ พลเมอื งดภี ายใตก้ ฎหมายของประเทศไทยตลอดไป หากไมเ่ ปน็ ไปตามทปี่ ฏญิ าณไวน้ ี้ ขา้ พเจา้ ยนิ ยอมใหถ้ อน สญั ชาตไิ ทยของขา้ พเจา้ ” แลว้ ใหผ้ อู้ น่ื ยนื่ คำ� ขอลงลายมอื ชอื่ หรอื พมิ พล์ ายนวิ้ มอื กำ� กบั ขอ้ ความดงั กลา่ วในบนั ทกึ การสอบสวนต่อหนา้ นายทะเบยี นและพยานอยา่ งน้อย 2 คน 3.3 สอบสวนพยานบุคคลผู้น่าเช่ือถือเพื่อให้การรับรองเร่ืองการมีภูมิล�ำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็น หลกั แหลง่ อยจู่ รงิ ตดิ ตอ่ กนั ในประเทศไทย และเรอ่ื งการมคี วามประพฤตหิ รอื การทำ� คณุ ประโยชนใ์ หแ้ กส่ งั คมของ ผยู้ ืน่ ค�ำขอลงรายการสัญชาตไิ ทยโดยใชเ้ กณฑ์ ดงั น้ี 3.3.1 กรณีผู้ย่ืนค�ำขอมีชื่อและรายการบุคคล และเลขประจ�ำตัวประชาชนชน 13 หลัก ในทะเบียนบ้าน (ท.ร.13 หรือ ท.ร. 14) อยูก่ อ่ นแลว้ ให้สอบสวนพยานบคุ คลผ้นู ่าเชอื่ ถือรับรองจ�ำนวน 3 คน 3.3.2 กรณีผู้ย่ืนค�ำขอไม่มีช่ือในทะเบียนบ้านฉบับที่มีเลขประจ�ำตัวประชาชน 13 หลัก แต่มีหลักฐานทะเบียนประวัติราษฎรท่ีมีเลขประตัวประชาชนหรือเอกสารราชการ เช่น หลักฐานการศึกษา หลกั ฐานการรบั ราชการทหาร หลกั ฐานการเสยี ภาษตี ิดตอ่ กันไมน่ อ้ ยกว่า 5 ปี เปน็ ตน้ ให้สอบสวนพยานบคุ คล ผนู้ า่ เชื่อถือรบั รองจ�ำนวนไมน่ อ้ ยกวา่ 4 คน 3.3.3 กรณีผู้ย่ืนค�ำขอมีช่ือในทะเบียนบ้านหรือเอกสารการทะเบียนราษฎรฉบับท่ีไม่มี เลขประจ�ำตัวประชาชน 13 หลกั และไมม่ ีหลักฐานเอกสารราชการ ใหส้ อบสวนพยานบุคคลผู้นา่ เช่อื ถอื รับรอง จ�ำนวนไม่นอ้ ยกว่า 5 คน 3.3.4 กรณีผู้ยื่นค�ำขอเป็นบุคคลท่ียังไม่บรรลุนิติภาวะ ให้สอบสวนบิดามารดาหรือผู้ปกครอง ท่ีอุปการะเล้ียงดูผู้นั้น และพยานบุคคลผู้น่าเชื่อถือจ�ำนวนไม่เกิน 2 คน ทั้งนี้ พยานบุคคลผู้น่าเชื่อถือหมายถึง ผทู้ มี่ ชี อื่ และรายการบคุ คลในทะเบยี นบา้ นซง่ึ มฐี านะมนั่ คง เปน็ ทเี่ คารพนบั ถอื ของประชาชนในทอ้ งถนิ่ มที อ่ี ยใู่ น ทอ้ งถนิ่ นน้ั เปน็ ประจำ� มาแลว้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 5 ปี และรจู้ กั คนุ้ เคยกบั ผยู้ น่ื คำ� ขอเปน็ อยา่ งดี ถา้ เปน็ ขา้ ราชการตอ้ งเปน็ ข้าราชการต้ังแต่ชั้นสัญญาบัตรข้ึนไปหรือเทียบเท่า หรือพนักงานของรัฐท่ีด�ำรงต�ำแหน่งเทียบเท่าสัญญาบัตร ถ้าเปน็ ขา้ ราชการบ�ำนาญต้องเคยเป็นข้าราชการไม่ต่ำ� กวา่ ชั้นตรหี รือเคยเปน็ ทหารตั้งแต่สัญญาบตั ร 220

4. เมอ่ื นายทะเบยี นอำ� เภอหรอื นายอำ� เภอหรอื นายทะเบยี นทอ้ งถน่ิ ตรวจสอบคณุ สมบตั ขิ องผยู้ นื่ คำ� ขอ และดำ� เนนิ การตามขอ้ 3 แลว้ ใหร้ วบรวมหลกั ฐานทง้ั หมดพรอ้ มความเหน็ เสนอนายอำ� เภอหรอื ผอู้ ำ� นวยการเขต แล้วแต่กรณีพิจารณาให้แลว้ เสร็จภายใน 15 วนั นบั แต่วันที่ได้รบั เรอื่ งจากนายทะเบยี นอ�ำเภอหรือนายทะเบยี น ท้องถิ่น กรณีนายอ�ำเภอหรือผู้อ�ำนวยการเขตพิจาณาเห็นว่าผู้ขอไม่มีคุณสมบัติที่จะได้สัญชาติไทยตามกฏหมาย ก�ำหนดหรือพยานหลักฐานของผู้ขอไม่ถูกต้องครบถ้วนและมีค�ำส่ังไม่อนุมัติ ให้นายอ�ำเภอหรือผู้อ�ำนวยการเขต แล้วแต่กรณีแจ้งผู้ขอลงรายการสัญชาติไทยทราบเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 15 วัน นับต้ังแต่วันท่ีมีค�ำส่ัง โดยให้ระบุเหตุผลที่ไม่อนุมัติข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและสิทธิในการอุทธรณ์ค�ำส่ังให้ผู้ยื่นค�ำขอทราบด้วย และให้ส่งเรื่องเดมิ นายทะเบยี นเพอ่ื เก็บไว้เปน็ หลกั ฐาน 5. การเพิม่ ช่อื ในทะเบยี นบา้ น (ท.ร.14) ของบุคคลที่ได้สัญชาตไิ ทยตามาตรา 23 แหง่ พระราชบญั ญตั ิ สัญชาติ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2551 ให้นายทะเบียนด�ำเนินการตามระเบียบส�ำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการจัดท�ำ ทะเบยี นราษฎร พ.ศ. 2535 ขอ้ 102 โดยอนโุ ลม กำ� หนดเลขประจำ� ตวั ประชาชนเปน็ บคุ คลประเภท 8 กลมุ่ บคุ คลที่ 73 (8 xxxx 73xxx xx x) และใหห้ มายเหตเุ พมิ่ เตมิ ในฐานขอ้ มลู การทะเบยี นราษฎรและสำ� เนาทะเบยี นบา้ นเจา้ บา้ นวา่ “บุคคลล�ำดับท่ี ... ได้สัญชาติไทยโดยมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2551” แล้ว ลงลายนิ้วมือชื่อนายทะเบียนพร้อมวัน เดือน ปีก�ำกับไว้ทุกรายส�ำหรับวิธีการใช้เลขประจ�ำตัวประชาชน กล่มุ บุคคลท่ี 73 นั้น ใหส้ �ำนักทะเบยี นอ�ำเภอและสำ� นักทะเบียนท้องถน่ิ รายงานขอเลขจากสำ� นักทะเบยี นกลาง โดยเมอื่ นายอำ� เภอหรือผู้อำ� นวยการเขตพิจารณาอนุมตั ิให้ผู้ขอรายใดไดล้ งรายการสัญชาตไิ ทยในทะเบียนบ้านฯ ของผนู้ น้ั เก็บตดิ กบั เร่ืองไวเ้ ปน็ หลักฐาน 1 ฉบับ สว่ นค�ำขอท่เี ปน็ ตน้ ฉบบั ใหสง่ ไปยังสำ� นกั ทะเบยี นกลางเพอ่ื เปน็ ข้อมูลในการก�ำหนดเลขประจ�ำตัวประชาชน โดยส�ำนักทะเบียนกลางจะส่งเลขดังกล่าวให้ส�ำนักที่เก่ียวข้อง ผา่ นระบบคอมพิวเตอร์ 6. การได้สัญชาติไทยของบุคคลต่างๆ ตามมาตร 23 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2551 เป็นการได้สัญชาติไทยโดยผลของกฎหมายซ่ึงจะมีผลตั้งแต่วันท่ี 28 กุมภาพันธ์ 2551 เป็นต้นมา ดังน้ัน กรณีท่ีผู้ที่ได้ลงรายการสัญชาติไทยในทะเบียนบ้านตามมาตรา 23 ประสงค์จะขอแก้ไขรายการสัญชาติ ในสตู บิ ตั ร จากสญั ชาตอิ น่ื หรอื ไมไ่ ดส้ ญั ชาตไิ ทยเปน็ สญั ชาตไิ ทย นายทะเบยี นไมอ่ าจดำ� เนนิ การแกไ้ ขไดเ้ นอื่ งจาก รายการดงั กลา่ วเปน็ ขอ้ เทจ็ จรงิ ขณะทบ่ี คุ คลนน้ั เกดิ อยา่ งไรกต็ ามนายทะเบยี นสามารถบนั ทกึ เพม่ิ เตมิ ในสตู บิ ตั ร และทะเบียนคนเกิดได้ว่า “นาย/นางสาว/นาง.....ได้สัญชาติไทยโดยมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2551 กำ� หนดเลขประจ�ำตวั ประชาชนเป็นเลข 8 xxxx 73xxx xx x เมื่อวนั ที่ ...” แลว้ ให้ลงลายมือชอื่ นายทะเบียนและ วนั เดือนปีก�ำกบั ไว้ 221

7. เน่ืองจากการให้สัญชาติไทยตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 เปน็ การแกไ้ ขปญั หาความเดอื ดรอ้ นใหก้ บั บคุ คลทเี่ คยมสี ญั ชาตไิ ทยโดยการเกดิ แตถ่ กู ถอดสญั ชาตแิ ละบคุ คลทเี่ กดิ ในราชอาณาจักรไทยแตไ่ มไ่ ด้สัญชาตไิ ทยโดยผลของประกาศของคณะปฏวิ ัติ ฉบับท่ี 337 ลงวันท่ี 13 ธันวาคม 2515 โดยกฎหมายก�ำหนดให้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป จึงให้นายอ�ำเภอและผู้อ�ำนวยการเขตต้องพิจารณาอนุมัติ ดว้ ยตวั เองดว้ ยความรอบคอบ รวดเรว็ และเปน็ ธรรม มใิ หม้ กี ารเรยี กพยานหลกั ฐานทเี่ กนิ ความจำ� เปน็ หรอื แสวงหา หรือเรียกรับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นอันขาด หากปรากฏการร้องเรียนในเร่ืองดังกล่าวและผลการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงพบว่ามีมูลความจริงตามการร้องเรียน ขอให้จังหวัดและกรุงเทพมหานครพิจารณาลงโทษเจ้าหน้าที่ และผูเ้ ก่ียวขอ้ งทั้งทางวินยั และอาญาอยา่ งเฉียบขาดด้วย จึงเรียนมาเพื่อดำ� เนนิ การโดยเครง่ ครัดตอ่ ไป ขอแสดงความนับถอื (นายพงศ์โพยม วาศภตู )ิ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง สำ� นักบริหารการทะเบยี น สว่ นการทะเบียนราษฎร โทร 0-2791-7313-6 222

ตารางการวินจิ ฉัยคณุ สมบัตขิ องบคุ คลทไี่ ดส้ ัญชาติไทยตามมาตรา 23 แหง่ พระราชบญั ญตั ิสัญชาติ (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 2551 ก. กรณีบคุ คลท่ีถกู ถอดถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบบั ท่ี 337 ช่วงเวลา รายการของบิดาและมารดา สถานะตาม ที่เกิด ปว. 337 กลุ่มที่ สถานท่ีเกดิ บิดา สถานะ มารดา ถูกถอน การสมรส สัญชาติ 1 ในราชอาณาจกั ร กอ่ น ต่างด้าว ไม่จดทะเบยี น ต่างดา้ ว วันท่ี 14 ธันวาคม 2515 ทีม่ ีคณุ สมบัติ ดังนี้ ท่ีมคี ณุ สมบัติ ดงั นี้ 1) มีใบส�ำคญั ถิ่นทอ่ี ยูห่ รอื 1) ได้รับผ่อนผนั ใหอ้ ยู่ 2) มีใบสำ� คญั ประจำ� ตัว ในราชอาณาจักร คนต่างด้าว หรอื เปน็ กรณพี เิ ศษ หรอื 3) เกดิ ในประเทศไทย 2) ไดร้ บั อนญุ าตใหอ้ ยู่ ในราชอาณาจักร เป็นการช่ัวคราว หรือ 3) หลบหนีเข้าเมอื ง 2 ในราชอาณาจกั ร กอ่ นวันท่ี ต่างด้าว จดทะเบยี น ต่างดา้ ว ถกู ถอน 14 ธันวาคม 2515 ที่มคี ุณสมบัติ ดงั นี้ ทม่ี คี ณุ สมบัติ ดงั น้ี สญั ชาติ 1) ไดร้ บั การผอ่ นผันใหอ้ ยู่ 1) ที่มีใบสำ� คัญถน่ิ ทอี่ ยู่ หรือ 2) มใี บส�ำคญั ประจ�ำตัว ในราชอาณาจกั รเปน็ กรณีพเิ ศษ หรอื คนต่างด้าว หรอื 2) ไดร้ ับอนุญาตให้อยู่ 3) เกดิ ในประเทศไทย ในราชอาณาจกั ร เปน็ การชวั่ คราว หรือ 3) หลบหนเี ขา้ เมือง 3 ในราชอาณาจกั ร ก่อนวนั ที่ ตา่ งดา้ ว จดทะเบียน/ ต่างด้าว ถกู ถอน 14 ธันวาคม 2515 ทม่ี ีคณุ สมบตั ิ ดงั นี้ ไมจ่ ดทะเบียน ท่มี ีคุณสมบัติ ดงั น้ี สัญชาติ 1) ไดร้ ับผอ่ นผันให้อยู่ 1) ได้รบั ผ่อนผนั ใหอ้ ยู่ ในราชอาณาจักรเปน็ ในราชอาณาจกั รเปน็ กรณพี ิเศษ หรือ กรณีพเิ ศษ หรือ 2) ไดร้ บั อนญุ าตให้อยู่ ในราชอาณาจกั ร 2) ได้รบั อนุญาตใหอ้ ยู่ เปน็ การช่วั คราว หรือ ในราชอาณาจักร 3) หลบหนีเขา้ เมือง เป็นการชั่วคราว หรอื 3) หลบหนีเข้าเมอื ง 223

ตารางการวนิ จิ ฉยั คุณสมบัติของบคุ คลทีไ่ ด้สญั ชาติไทยตามมาตรา 23 แหง่ พระราชบญั ญตั สิ ญั ชาติ (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2551 ข. กรณีบคุ คลที่ไม่ได้สญั ชาตไิ ทยตามประกาศของคณะปฎวิ ัติ ฉบับที่ 337 ชว่ งเวลา รายการของบิดาและมารดา สถานะตาม ทีเ่ กดิ ปว. 337 กลมุ่ ท่ี สถานท่เี กิด บดิ า สถานะ มารดา การสมรส ไม่ได้ สัญชาติไทย 1 ในราชอาณาจกั ร ระหว่าง ต่างดา้ ว ไมจ่ ดทะเบยี น ต่างด้าว วนั ที่ 14 ธนั วาคม 2515 ท่มี คี ุณสมบัติ ดงั นี้ ทม่ี คี ณุ สมบัติ ดงั นี้ ถึง 1) มใี บสำ� คญั ถ่ินทอ่ี ยู่ หรือ 1) ได้รับผ่อนผนั ใหอ้ ยู่ วนั ที่ 25 กมุ ภาพันธ์ 2535 2) มีใบส�ำคัญประจ�ำตวั ในราชอาณาจกั ร คนตา่ งดา้ ว หรือ เปน็ กรณพี ิเศษ หรือ 3) เกดิ ในประเทศไทย 2) ได้รบั อนุญาตให้อยู่ ในราชอาณาจักร เปน็ การชวั่ คราว หรอื 3) หลบหนเี ข้าเมอื ง 2 ในราชอาณาจกั ร ระหว่าง ต่างด้าว จดทะเบียน ต่างดา้ ว ไมไ่ ด้ วนั ท่ี 14 ธนั วาคม 2515 ท่มี คี ณุ สมบตั ิ ดงั น้ี ทีม่ ีคณุ สมบตั ิ ดังนี้ สญั ชาตไิ ทย ถงึ 1) ได้รับผ่อนผนั ใหอ้ ยู่ 1) มีใบสำ� คญั ถิน่ ทอี่ ยู่ หรือ วันที่ 25 กมุ ภาพันธ์ 2535 ในราชอาณาจักร 2) มใี บสำ� คัญประจำ� ตัว เป็นกรณพี ิเศษ หรอื คนตา่ งด้าว หรอื 2) ไดร้ ับอนุญาตให้อยู่ 3) เกดิ ในประเทศไทย ในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราว หรือ 3) หลบหนีเขา้ เมอื ง 3 ในราชอาณาจกั ร ระหวา่ ง ตา่ งดา้ ว จดทะเบยี น/ ตา่ งดา้ ว ไมไ่ ด้ วนั ท่ี 14 ธันวาคม 2515 ทีม่ ีคุณสมบัติ ดงั น้ี ไมจ่ ดทะเบยี น ทีม่ ีคุณสมบัติ ดงั น้ี สัญชาตไิ ทย ถงึ 1) ได้รบั ผ่อนผนั ใหอ้ ยู่ 1) ไดร้ บั ผอ่ นผันใหอ้ ยู่ วนั ท่ี 25 กุมภาพนั ธ์ 2535 ในราชอาณาจักร ในราชอาณาจักร เปน็ กรณพี ิเศษ หรอื เปน็ กรณีพิเศษ หรือ 2) ได้รับอนญุ าตให้อยู่ 2) ไดร้ ับอนุญาตใหอ้ ยู่ ในราชอาณาจกั ร ในราชอาณาจกั ร เป็นการชั่วคราว หรือ เป็นการชั่วคราว หรอื 3) หลบหนเี ขา้ เมอื ง 3) หลบหนีเข้าเมอื ง 224

ตารางการวนิ ิจฉัยคุณสมบัตขิ องบุคคลทีไ่ ดส้ ัญชาติไทยตามมาตรา 23 แห่งพระราชบญั ญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 ค. กรณบี ุตรของบุคคลท่ีถูกถอดถอนสญั ชาติไทยหรอื ไมไ่ ดส้ ญั ชาตไิ ทยตาม ปว. 337 ชว่ งเวลา รายการของบดิ าและมารดา สถานะตาม ท่เี กิด ปว. 337 กล่มุ ท่ี สถานทีเ่ กดิ บดิ า สถานะ มารดา การสมรส 1 ในราชอาณาจักร ระหว่าง ถูกถอน ไมจ่ ดทะเบยี น ตา่ งด้าว เกดิ กอ่ น วนั ท่ี 14 ธนั วาคม 2515 หรอื ไม่ได้สญั ชาติไทย (เฉพาะผ้ทู เ่ี กิดก่อน ท่ีมคี ุณสมบตั ิ ดังนี้ 26 กุมภาพันธ์ 2535 ถงึ วนั ท่ี 26 กุมภาพนั ธ์ 2535) 1) ไดร้ บั ผอ่ นผนั ใหอ้ ยู่ ไม่ไดไ้ ทยตาม วันท่ี 27 กุมภาพันธ์ 2551 ในราชอาณาจักร ปว. 337 เกิดตงั้ แต่ เปน็ กรณีพิเศษ 26 กุมภาพนั ธ์ 2535 หรอื ไม่ได้ไทยตาม 2) ไดร้ บั อนญุ าตใหอ้ ยู่ มาตรา 7 ทวิ ในราชอาณาจักร วรรคหน่ึง เป็นการชั่วคราว หรอื 3) หลบหนีเขา้ เมอื ง 2 ในราชอาณาจกั ร ระหวา่ ง ตา่ งดา้ ว จดทะเบยี น (เฉพาะผ้ทู ีเ่ กดิ ถูกถอนหรือ เกิดกอ่ น วนั ที่ 14 ธันวาคม 2515 ท่ีมีคณุ สมบัติ ดงั นี้ กอ่ นวนั ที่ 26 กุมภาพนั ธ์ ไมไ่ ดส้ ญั ชาตไิ ทย 26 กมุ ภาพนั ธ์ 2535 ถึง 1) ไดร้ บั ผอ่ นผนั ใหอ้ ยู่ 2535) ไมไ่ ด้ไทยตาม วนั ท่ี 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2551 ในราอาณาจกั ร ปว. 337 เป็นกรณีพิเศษ เกิดตง้ั แต่ หรือ 26 กมุ ภาพนั ธ์ 2535 2) ไดร้ บั อนญุ าตใหอ้ ยู่ ไมไ่ ดไ้ ทยตาม ในราชอาณาจักร มาตรา 7 ทวิ เป็นการช่วั คราว วรรคหนึ่ง หรือ 3) หลบหนีเข้าเมือง 3 ในราชอาณาจักร ระหว่าง ถูกถอน จดทะเบียน/ ถกู ถอนหรอื ไม่ได้ไทย วันท่ี 26 กมุ ภาพนั ธ์ 2535 หรอื ไมไ่ ด้ ไมจ่ ดทะเบยี น ไม่ไดส้ ญั ชาติไทย ตามมาตรา 7 ทวิ ถึง สัญชาตไิ ทย วนั ท่ี 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2551 วรรคหน่ึง 225

ปดิ รปู ถ่ายของผขู้ อ ดา้ นหน้า ลงรายการสญั ชาตไิ ทย ขนาด 4 x 6 ซ.ม. แบบค�ำขอลงรายการสญั ชาตไิ ทยในทะเบียนบา้ น ตามมาตรา 23 แหง่ พระราชบญั ญัติสญั ชาติ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2551 เขยี นที่ ................................................... วันที่ ...............เดอื น ................................พ.ศ. ............. ขา้ พเจา้ .................................ชอื่ สกลุ ..................................... เลขประจำ� ตวั ประชาชน.............................. วนั เดอื นปเี กดิ .................................สญั ชาต.ิ ..............................อยบู่ า้ นเลขท.ี่ ...................ตรอก/ซอย....................... ถนน....................หม.ู่ .............. ตำ� บล/แขวง............................ อำ� เภอ/เขต.........................จงั หวดั ........................... บดิ าชอื่ ................................................. สญั ชาต.ิ ................................เลขประจำ� ตวั ประชาชน................................ มารดาชอื่ .............................................. สญั ชาต.ิ ...............................เลขประจำ� ตวั ประชาชน................................ ขอยนื่ คำ� ขอตอ่ นายทะเบยี นอำ� เภอ/ทอ้ งถนิ่ ......................................... เพอ่ื ลงรายการสญั ชาตไิ ทยในทะเบยี นบา้ น ตามมาตรา 23 แห่งพระราชบญั ญัติสัญชาติ (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2551 ให้แก่ O ตวั ขา้ พเจ้าเอง O บคุ คลอ่ืน ไดแ้ ก่ ขา้ พเจา้ .................................ชอ่ื สกลุ ..................................... เลขประจำ� ตวั ประชาชน.............................. วนั เดอื นปเี กดิ .................................สญั ชาต.ิ ..............................อยบู่ า้ นเลขท.่ี ...................ตรอก/ซอย....................... ถนน....................หม.ู่ .............. ตำ� บล/แขวง............................ อำ� เภอ/เขต.........................จงั หวดั ........................... บดิ าชอ่ื ................................................. สญั ชาต.ิ ................................เลขประจำ� ตวั ประชาชน................................ มารดาชอื่ .............................................. สญั ชาต.ิ ...............................เลขประจำ� ตวั ประชาชน................................ มีความสมั พนั ธก์ ับขา้ พเจา้ ในฐานะ......................................................................................................................... พร้อมค�ำขอน้ี ข้าพเจา้ ไดแ้ นบหลกั ฐานเอกสารการทะเบยี นราษฎรและเอกสารอื่นๆ มาด้วย คือ O สตู บิ ตั ร เลขที่ ........................ลงวนั ท.่ี ......................................ออกใหโ้ ดยสำ� นกั ทะเบยี น................................... O หนังสือรับรองสถานท่เี กิด เลขที่ .................... ลงวนั ท.ี่ ...............................ออกให้โดย................................... O ส�ำเนาทะเบียนบ้าน/สำ� นักทะเบยี นประวัติราษฎร เลขท่ี ................................................................................ O เอกสารอ่ืนๆ (ถา้ ม)ี ไดแ้ ก่ ................................................................................................................................ ขา้ พเจา้ ขอรบั รองวา่ ขอ้ ความทแี่ จง้ ไวข้ า้ งตน้ ทง้ั หมดนนั้ เปน็ ความจรงิ ทกุ ประการ และขอรบั รองวา่ ผขู้ อลงรายการสญั ชาตไิ ทย ตามค�ำขอฉบับนี้เป็นผู้มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ท่ีจะได้สัญชาติไทยตามมาตรา 23 วรรคหน่ึง แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2551 หากปรากฏว่ามีการปกปิดข้อเท็จจริงหรือผู้ขอลงรายการสัญชาติไทยเป็นผู้ท่ีมีพฤติการณ์ซ่ึงเป็นภัยต่อ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ข้าพเจ้ายินยอมให้นายทะเบียนยกเลิกเพิกถอนค�ำขอฉบับน้ี แก้ไขรายการ สญั ชาตใิ หก้ ลับสู่สถานะเดิมกอ่ นยืน่ ค�ำขอ และแจง้ ความดำ� เนินคดีแก่ข้าพเจา้ ได้ (ลงชื่อ) .................................................... ผูย้ ืน่ ค�ำขอ ลายพิมพ์น้ิวมือหัวแมม่ ือซา้ ย ลายพิมพ์นิ้วมอื หัวแม่มอื ขวา (.....................................................) ของผขู้ อลงสญั ชาติไทย (ลงชือ่ ) .................................................... ผขู้ อลงรายการ ของผู้ขอลงสญั ชาตไิ ทย (.....................................................) สญั ชาติไทย 226

ดา้ นหลงั ส�ำหรับเจา้ หนา้ ที่ 1. ไดร้ บั คำ� ขอลงรายการสัญชาติไทย เม่อื วันท่ี ................................................เวลา..................................น. 2. ตรวจสอบหลักฐานเอกสารทแ่ี นบมาพร้อมค�ำขอกับที่แจง้ ไวใ้ นคำ� ขอแลว้ ปรากฏว่า O ครบถ้วน O ไม่ครบถ้วน (ลงชอื่ ) ...................................................... เจา้ หนา้ ท่ี (.....................................................) เสนอนายอ�ำเภอ/ผู้อ�ำนวยการเขต.................................................... ไดต้ รวจสอบคำ� ขอ พยานหลกั ฐาน และสอบสวนพยานบคุ คลตามที่กระทรวงมหาดไทยก�ำหนดแลว้ เห็นว่า O ผู้ขอมีคณุ สมบัตทิ ่ีจะได้รบั การลงรายการสัญชาติไทยในทะเบยี นบ้านตามมาตรา 23 แห่ง พ.ร.บ. สญั ชาติ (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 2551 เหน็ ควรดำ� เนินการให้ O ผูข้ อมคี ุณสมบัตไิ มค่ รบถว้ นตามหลักเกณฑท์ ่กี �ำหนดตามมาตรา 23 แห่ง พ.ร.บ. สัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 เนอื่ งจาก................................................................................................................................ .................................................................................................................................................................. เห็นควรไม่ด�ำเนินการให้ O อน่ื ๆ .................................................................................................................................................... (ลงชอื่ ) ...................................................... เจา้ หนา้ ที่ (.....................................................) ค�ำสัง่ นายอ�ำเภอ/ผ้อู �ำนวยการเขต O อนุญาตตามค�ำขอ O ไมอ่ นญุ าต เพราะ......................................................................................................................................... และใหแ้ จ้งผยู้ ่ืนคำ� ขอทราบ (ลงชอื่ ) ...................................................... เจา้ หนา้ ท่ี (.....................................................) วนั ที่ ...................................................... 227

ดว่ นมาก กรมการปกครอง ถนนอษั ฎางค์ กทม. 10200 ท่ี มท 0309/ว 16260 9 สงิ หาคม 2560 เรือ่ ง การขอมีสัญชาติไทยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การส่ังให้คนท่ีเกิดในราชอาณาจักรและ ไม่ได้สญั ชาติไทยโดยมบี ิดาและมารดาเป็นคนตา่ งดา้ ว ไดส้ ญั ชาติไทยเป็นการทัว่ ไปและการให้สัญชาตไิ ทย เปน็ การเฉพาะราย ลงวันที่ 16 กมุ ภาพันธ์ 2560 เรยี น ผูว้ ่าราชการจังหวดั ทกุ จังหวัด อา้ งถึง หนังสือกรมการปกครอง ดว่ นท่ีสุด ท่ี มท 0309/ว 3993 ลงวันที่ 28 กุมภาพนั ธ์ 2560 สิง่ ที่ส่งมาด้วย แบบคำ� ร้องขอใหพ้ ิจารณาความจำ� เปน็ ทจ่ี ะต้องมสี ญั ชาติไทย ตามท่ีกรมการปกครองได้แจ้งหลักเกณฑ์ เง่ือนไขและวิธีการปฏิบัติในการพิจารณาให้สัญชาติไทย ตามมติคณะรัฐมนตรีเม่ือวันท่ี 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559 ซึ่งก�ำหนดไว้ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การส่ังให้ คนที่เกิดในราชอาณาจักรและไม่ได้รับสัญชาติไทยโดยมีบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ได้สัญชาติไทย เป็นการทั่วไป และการให้สัญชาติไทยเป็นการเฉพาะราย ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 และประกาศ กรมการปกครอง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการขอมีสัญชาติไทยและการตรวจคุณสมบัติของผู้ขอมีสัญชาติไทยฯ ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 และขอให้จังหวัดแจ้งอ�ำเภอ และส�ำนักทะเบียนท้องถิ่นทุกแห่งศึกษา ท�ำความเข้าใจและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดเพ่ือให้การด�ำเนินการแก้ไขปัญหาคนไร้สัญชาติที่เกิดในราชอาณาจักร เป็นไปด้วยความถูกตอ้ งตามมตคิ ณะรฐั มนตรีทอี่ า้ งถงึ ดังกลา่ ว ความละเอยี ดแจ้งตามหนงั สอื ทอี่ ้างถึง นัน้ กรมการปกครอง ขอซักซ้อมความเข้าใจเก่ียวกับการขอมีสัญชาติไทยตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันท่ี 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559 กลุ่มเด็กนักเรียน นักศึกษาท่ีเกิดในประเทศไทยและไม่ได้สัญชาติไทยโดยมี บดิ าและมารดาเปน็ คนตา่ งดา้ วอนื่ ทมี่ ใิ ชช่ นกลมุ่ นอ้ ยหรอื กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ โดยถา้ คนกลมุ่ นย้ี งั เรยี นไมจ่ บปรญิ ญาตรี และไมใ่ ชค่ นไรร้ ากเหงา้ หากมคี วามประสงคจ์ ะขอมสี ญั ชาตไิ ทยจะตอ้ งผา่ นขน้ั ตอนการยน่ื เรอ่ื งตอ่ รฐั มนตรวี า่ การ กระทรวงมหาดไทยหรือผู้ท่ีได้รับมอบอ�ำนาจจากรัฐมนตรีฯ เพ่ือพิจารณาเหตุความจ�ำเป็นท่ีผู้นั้นจะต้องมีสัญชาติไทย เสยี กอ่ น และเมอ่ื ไดร้ บั แจง้ ผลการพจิ ารณาวา่ ผนู้ นั้ สามารถขอมสี ญั ชาตไิ ทยไดแ้ ลว้ จงึ จะเขา้ สขู่ น้ั ตอนการยน่ื คำ� ขอ มีสัญชาติไทยตามประกาศกระทรวงมหาดไทยและประกาศกรมการปกครองท่ีอ้างถึงข้างต้น ส�ำหรับแนวทาง ปฏิบัติในการขอให้พิจาณาเหตุผลความจ�ำเป็นท่ีจะต้องมีสัญชาติไทยนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 228

(พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา) ได้โปรดพิจารณาเห็นชอบให้ก�ำหนดหลักเกณฑ์ความจ�ำเป็นที่จะต้องมีสัญชาติไทย โดยนักเรียน นกั ศึกษาท่จี ะขอมีสัญชาตไิ ทยจะต้องมีคณุ สมบัตอิ ยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง ดังนี้ (1) มีบิดาและมารดาเป็นผู้มีสัญชาติไทย แต่การได้รับสัญชาติไทยของบิดาหรือมารดานั้นไม่มีผล ต่อการได้รับสัญชาติไทยของบุตร เช่น เด็กที่เกิดจากบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ต่อมาบิดาหรือมารดาของ เดก็ นน้ั ไดร้ บั อนญุ าตใหแ้ ปลงสญั ชาตเิ ปน็ ไทยหรอื ไดก้ ลบั คนื สญั ชาตไิ ทย แตก่ ารไดส้ ญั ชาตไิ ทยของบดิ าหรอื มารดา มีผลตามกฏหมาย (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา) ภายหลังวันท่ีบุตรเกิด ท�ำให้บุตรยังคงไม่ได้รับสัญชาติไทย เป็นต้น โดยนักเรียน นักศึกษาท่ีเป็นบุตรจะต้องอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี นับถึง วันทีบ่ ตุ รนั้นย่ืนคำ� ขอมีสญั ชาตไิ ทย (2) เป็นบุตรบุญธรรมตามกฎหมายของคนสัญชาติไทย (ได้จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมแล้ว) และได้ อาศยั อยใู่ นประเทศไทยกบั ผรู้ บั บตุ รบญุ ธรรมหรอื ครอบครวั ของผรู้ บั บตุ รบญุ ธรรมทเ่ี ปน็ คนสญั ชาตไิ ทย เปน็ เวลา ไม่นอ้ ยกว่า 5 ปี (3) มบี ดิ าหรอื มารดาเปน็ คนทไี่ ดร้ บั สญั ชาตไิ ทยตามหลกั เกณฑท์ ค่ี ณะรฐั มนตรกี ำ� หนด แตก่ ารใหส้ ญั ชาตไิ ทย ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวไม่ครอบคลุมถึงบุตรของบุคคลดังกล่าวท่ีเกิดในประเทศไทยท�ำให้บุตรยังคง ไม่ได้รับสัญชาติไทย เช่น เด็กท่ีเกิดจากบิดาหรือมารดาท่ีได้รับการจัดท�ำทะเบียนประเภท 0 กลุ่ม 89 ในกลุ่มนักเรียน นักศึกษาไร้สัญชาติ ต่อมาบิดาหรือมารดานั้นเรียนจบปริญญาตรีและได้รับสัญชาติไทย ตามมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2551 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันท่ี 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559 โดยขณะย่ืนเร่ืองขอมีสัญชาติไทย บิดาหรือมารดา คนดังกล่าวมีบุตรท่ีเกิดในประเทศไทยและไม่ได้สัญชาติไทยอยู่ด้วย การได้สัญชาติไทยของบิดาหรือมารดากรณี นไ้ี มส่ ง่ ผลตอ่ บตุ รทเ่ี กดิ กอ่ นวนั ทบ่ี ดิ าหรอื มารดาไดร้ บั สญั ชาตไิ ทย และมตคิ ณะรฐั มนตรดี งั กลา่ วครอบคลมุ เฉพาะ ตัวบิดาหรือมารดาท่ีเรียนจบปริญญาตรีเท่าน้ันโดยไม่รวมถึงบุตรที่เกิดในประเทศไทยและไม่ได้สัญชาติไทยด้วย กรณนี ถี้ า้ บตุ รทก่ี ำ� ลงั ศกึ ษาเลา่ เรยี นในสถาบนั การศกึ ษาตอ้ งการขอมสี ญั ชาตไิ ทยสามารถยน่ื เรอื่ งใหร้ ฐั มนตรวี า่ การ กระทรวงมหาดไทยพิจารณาเหตุความจำ� เป็นได้ เป็นตน้ (4) เป็นผู้ท่ีได้รับการคัดเลือกจากส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐให้เป็นตัวแทนเพื่อไปแข่งขันหรือ ประกวดผลงานในระดับนานาชาติหรือท�ำประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ศิลปะ วฒั นธรรม การศึกษา การกฬี า หรอื สาขาอืน่ ๆ โดยมหี นงั สือรับรองเร่ืองดังกลา่ วจากส่วนราชการหรอื หนว่ ยงาน ของรัฐทเ่ี ก่ียวขอ้ ง และนักเรยี น นกั ศึกษา ผ้นู ้นั จะตอ้ งอาศัยอยูใ่ นประเทศไทยเป็นเวลาไม่นอ้ ยกวา่ 10 ปี (5) เป็นผู้ท่ีเคยท�ำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศไทย หรือมีบิดาหรือมารดาเป็นผู้ท�ำคุณประโยชน์ให้แก่ ประเทศไทย โดยมีหนังสือรับรองจากส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐท่ีเก่ียวข้องกับเร่ืองท่ีเป็นประโยชน์ และนกั เรยี น นักศกึ ษา ผูน้ ั้นจะต้องอาศัยอยใู่ นประเทศไทยเป็นเวลาไม่น้อยกวา่ 10 ปี (6) เป็นผู้ที่ไม่สามารถส่งกลับประเทศต้นทางซึ่งบิดาหรือมารดามีสัญชาติหรือมีภูมิล�ำเนาอาศัยอยู่ โดยมีหนังสือปฏิเสธความเป็นคนสัญชาติของประเทศที่บิดาและหรือมารดามีสัญชาติจากสถานเอกอัครราชทูต 229

สถานกงสลุ หรอื หนว่ ยงานของรฐั ทเี่ รยี กชอื่ เปน็ อยา่ งอนื่ ซงึ่ ปฏบิ ตั งิ านดา้ นกงสลุ ของประเทศนนั้ หรอื มขี อ้ เทจ็ จรงิ ท่ีไม่อาจปฏิเสธได้ว่าผู้นั้นเป็นคนไร้รัฐไร้สัญชาติ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้รับมอบอ�ำนาจ ให้อธิบดีกรมการปกครองเป็นผู้พิจารณาเหตุความจ�ำเป็นท่ีจะต้องมีสัญชาติไทยของนักเรียนนักศึกษาที่เกิด ในประเทศไทยและไมไ่ ดส้ ญั ชาตไิ ทยโดยมบี ดิ าและมารดาเปน็ คนตา่ งดา้ วอนื่ ทม่ี ใิ ชช่ นกลมุ่ นอ้ ยหรอื กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ และยงั เรยี นไมจ่ บปรญิ ญาตรแี ตป่ ระสงคจ์ ะขอมสี ญั ชาตไิ ทย โดยนกั เรยี น นกั ศกึ ษาทม่ี ภี มู ลิ ำ� เนาตามทะเบยี นบา้ น หรอื ทะเบยี นประวตั อิ ยใู่ นจงั หวดั อนื่ นอกจากกรงุ เทพมหานคร ใหย้ น่ื เรอื่ งตอ่ นายอำ� เภอทอ้ งท่ี สว่ นผทู้ มี่ ภี มู ลิ ำ� เนา ตามทะเบยี นบา้ นหรอื ทะเบยี นประวตั อิ ยใู่ นกรงุ เทพมหานคร ใหย้ นื่ เรอื่ งตอ่ ผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั บรหิ ารการทะเบยี น เพ่ือเสนอเร่ืองให้อธิบดีกรมการปกครองพิจารณา ดังน้ัน เพ่ือให้การปฏิบัติเกี่ยวกับเร่ืองดังกล่าวเป็นไปด้วย ความเรยี บรอ้ ยและถกู ตอ้ ง จงึ ขอให้จังหวดั แจง้ อำ� เภอทกุ แหง่ ในพนื้ ที่รบั ผิดชอบทราบและใหถ้ อื ปฏบิ ัติ ดังน้ี 1. เม่ือนายอ�ำเภอได้รับค�ำร้องขอให้พิจารณาความจ�ำเป็นท่ีจะต้องมีสัญชาติไทยของนักเรียน นักศึกษาที่มีภูมิล�ำเนาตามทะเบียนบ้านหรือทะเบียนประวัติอยู่ในท้องที่อ�ำเภอ ตามแบบค�ำร้องที่ส่งมาพร้อม หนังสือนี้ พร้อมด้วยพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องแล้วให้ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของรายการต่างๆ ในค�ำร้องและพยานหลักฐานของผู้ร้องแล้วออกใบรับตามแบบท่ีส่งมานี้ให้ผู้ร้องไว้เป็นหลักฐาน ถ้าพิจารณา เห็นว่าผู้ร้องมีคุณสมบัติตามท่ีกล่าวถึงข้างต้น ให้นายทะเบียนอ�ำเภอระบุความเห็นลงในค�ำร้องนั้นแล้วรวบรวม ค�ำร้องและหลักฐานทั้งหมดส่งจังหวัดโดยเร็วเพ่ือส่งต่อไปยังกรมการปกครอง (ส�ำนักบริหารการทะเบียน) โดยให้อำ� เภอส�ำเนาคำ� ร้องและพยานหลกั ฐานจ�ำนวน 1 ชุดเกบ็ ไว้เป็นหลักฐานต้นเรอ่ื งดว้ ย 2. การเรยี กตรวจพยานหลักฐาน ให้ใช้เกณฑ์ ดังน้ี 2.1 กรณีผู้ร้องอ้างความจ�ำเป็นอันเน่ืองมาจากการมีบิดาหรือมารดาเป็นผู้มีสัญชาติไทยหรือ การเปน็ บตุ รบญุ ธรรมของผมู้ สี ญั ชาตไิ ทย ใหพ้ จิ ารณาจากพยานหลกั ฐานทแี่ สดงถงึ ความสมั พนั ธก์ ารเปน็ บดิ าหรอื มารดาและบตุ ร เชน่ สตู บิ ตั ร หนงั สอื รบั รองการเกดิ คำ� รบั รองของพยานบคุ คลทนี่ า่ เชอื่ ถอื หรอื ทะเบยี นรบั บตุ ร บญุ ธรรม แลว้ แต่กรณี และหลกั ฐานการเปน็ ผมู้ สี ัญชาตไิ ทยของบดิ าหรอื มารดา 2.2 กรณผี รู้ อ้ งอา้ งความจำ� เปน็ อนั เนอื่ งมาจากสาเหตอุ น่ื นอกจากขอ้ 2.1 ใหพ้ จิ ารณาจากพยาน หลักฐานของราชการ เช่น ประกาศนียบัตร ประกาศเกียรติคุณและหรือหนังสือรับรองที่ส่วนราชการ หรือหน่วยงานของรัฐออกให้ ซ่ึงหากหลักฐานดังกล่าวออกให้โดยต่างประเทศจะต้องให้หน่วยงานของรัฐไทย ทเ่ี ก่ียวข้องกบั เรอ่ื งน้นั หรอื สถานทูตหรอื สถานกงสลุ ของประเทศท่ีออกหลกั ฐานนนั้ ให้การรบั รองด้วย 2.3 การพจิ ารณาเรอ่ื งการอาศยั อยใู่ นประเทศไทยตามระยะเวลาทกี่ ำ� หนดใหใ้ ชก้ ารสอบพยานบคุ คล ที่เป็นญาติของผู้ร้องหรือบุคคลที่ร้องอาศัยอยู่ด้วย และบุคคลท่ีน่าเชื่อถือซึ่งรู้จักความเป็นมาของผู้ร้องและอาศัยอยู่ ในชุมชนเดยี วกบั ผ้รู ้อง จำ� นวนไมน่ ้อยกว่า 3 คน และพจิ ารณาจากข้อมูลทางทะเบยี นราษฎร 230

3. นกั เรยี นนกั ศึกษาท่ีมอี ายุต้งั แต่ 15 ปขี ึ้นไป ให้ยื่นคำ� รอ้ งดว้ ยตนเอง ส่วนผทู้ ี่มีอายุต�ำ่ กว่า 15 ปี และผู้ท่ีมีเหตุจ�ำเป็นไม่อาจยื่นค�ำร้องด้วยตนเองได้ ให้บิดา มารดาหรือผู้ปกครอง หรือผู้ที่ได้รับมอบอ�ำนาจ แล้วแต่กรณี เป็นผู้ยืน่ คำ� รอ้ งแทนก็ได้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดด�ำเนินการต่อไป ทั้งน้ี ให้อ�ำเภอแจ้งส�ำนักทะเบียนท้องถิ่นในพื้นที่รับผิดชอบ ทราบด้วย ขอแสดงความนับถือ รอ้ ยต�ำรวจโท (อาทติ ย์ บญุ ญะโสภัต) อธิบดีกรมการปกครอง สำ� นักบรหิ ารการทะเบยี น ส่วนการทะเบียนราษฎร โทร 0-2791-7318-9 231

แบบค�ำร้องขอให้พจิ ารณาความจ�ำเป็นทีจ่ ะต้องมีสัญชาตไิ ทย เพอื่ ปฏบิ ัติตามมติ ครม. วันที่ 7 ธนั วาคม พ.ศ. 2559 คำ� ร้องของที่......................... เขียนที่.......................................... วนั ที่.........เดอื น............................พ.ศ. ................... สว่ นท่ี 1 ขอ้ มูลของผทู้ ่ปี ระสงคจ์ ะมี 1. ข้าพเจา้ ....................................ชื่อสกลุ ......................................เลขประจ�ำตัวประชาชน.......................................... วนั เดือนปีเกิด........................................อยู่บ้านเลขที่.............................รหัสไปรษณยี .์ .....................โทรศพั ท์............................... สถานท่ีเกดิ (ระบ)ุ ......................................................................................มหี ลกั ฐานการเกดิ ได้แก่ O สูตบิ ตั ร O หนังสือรับรองการเกิด ท.ร.20/1 O หนังสือรบั รองสถานท่เี กดิ ออกให้โดย........................................................... บดิ าชื่อ................................................................เลขประจ�ำตัวประชาชน...............................สัญชาติ........................................... มารดาช่อื .............................................................เลขประจำ� ตวั ประชาชน..............................สัญชาต.ิ ........................................... ก�ำลังศึกษาในระดบั ....................ชั้น/ป.ี ...............ช่อื สถานศึกษา.......................................ต้ังอยทู่ .่ี ................................................ ขอย่นื ค�ำรอ้ งต่ออธบิ ดกี รมการปกครอง เพ่อื ขอใหพ้ ิจารณาความจ�ำเป็นทข่ี ้าพเจา้ ต้องมีสญั ชาตไิ ทยตามมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง แหง่ พ.ร.บ. สญั ชาติ พ.ศ. 2508 โดยมีเหตผุ ล ดงั นี้ O มบี ิดาหรอื มารดาเปน็ ผมู้ ีสญั ชาตไิ ทย ตามหลักฐาน................................................................................................. O เปน็ บุตรบญุ ธรรมของผมู้ สี ัญชาติไทย ตามทะเบยี นรบั บุตรบญุ ธรรม เลขท่ี.................ออกใหโ้ ดย........................... O เป็นผู้ท�ำคณุ ประโยชนใ์ หแ้ ก่ประเทศ ในเรือ่ ง...................................................ตามหนังสือรับรองของ..................... O เปน็ ตวั แทนของส่วนราชการ (ระบชุ ่อื )...................................ไปสร้างช่อื เสยี งหรือทำ� ประโยชนใ์ นเรอ่ื ง................... O ไมส่ ามารถกลับประเทศต้นทางได้ ตามหลกั ฐานของสถานทูตหรือสถานกงสุลหรอื หนว่ ยงาน................................. พรอ้ มค�ำร้องนี้ ข้าพเจ้าไดแ้ นบหลกั ฐานท่เี ก่ียวขอ้ งมาด้วยแล้ว จ�ำนวน..................ฉบบั สว่ นท่ี 2 ผยู้ ่นื ค�ำรอ้ งแทน กรณีผ้ขู อมสี ัญชาตไิ ทยมอี ายุต�่ำกว่า 15 ปี 2. ขา้ พเจา้ ................................................ชือ่ สกุล.................................เลขประจำ� ตวั ประชาชน.................................... วันเดอื นปีเกิด....................................................อาย.ุ .................ปี สญั ชาต.ิ ...........................อยบู่ า้ นเลขท.ี่ .................................. ....................................................................................... ขอย่ืนค�ำรอ้ งตอ่ อธบิ ดีกรมการปกครอง เพอื่ ขอใหพ้ จิ ารณาความจำ� เปน็ ที่จะต้องมีสัญชาติไทยของ................................... (คนตาม 1) ซ่ึงมีความเกี่ยวพันกับข้าพเจ้าในฐานะ................ 3. ขา้ พเจา้ ขอรบั รองวา่ ขอ้ ความทแี่ จง้ ไวข้ า้ งตน้ ทงั้ หมดนนั้ เปน็ ความจรงิ ทกุ ประการ หากปรากฏวา่ มกี ารปกปดิ ขอ้ เทจ็ จรงิ หรือแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ขา้ ฯ ยนิ ยอมใหย้ กเลกิ คำ� รอ้ งฉบับนีแ้ ละให้แจง้ ความดำ� เนินคดแี กข่ า้ ฯ รูปถา่ ยของ รปู ถ่ายบดิ าหรือ (ลงชอ่ื )....................................................ผ้ยู นื่ คำ� ร้อง ผู้ขอให้พจิ ารณา มารดาหรือผู้รบั บุตร (………................…….....…………….) บุญธรรมทเ่ี ป็นผมู้ ี ความจ�ำเปน็ ความเหน็ ของนายอ�ำเภอ สัญชาตไิ ทย ................................................................................................ ................................................................................................ ส่วนที่ ๓ ส�ำหรับเจา้ หน้าท่ี (ลงช่ือ).................................................... นายอ�ำเภอ (....................................................) ข้าฯ ไดร้ บั ค�ำร้องพรอ้ มหลกั ฐานของผูร้ ้องไวค้ รบถว้ นแล้ว เมือ่ วนั ที่…………………………………… (ลงชอื่ )....................................................เจา้ หน้าที่ (....................................................) 232

ใบรับค�ำรอ้ ง เขียนท่.ี ...................................................... วันที่.............เดอื น...........................พ.ศ. .................. ขา้ พเจา้ .....................................................ตำ� แหนง่ ............................................ไดร้ บั คำ� รอ้ งขอใหพ้ จิ ารณา ความจำ� เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งอยไู่ ทยของ........................................เลขประจำ� ตวั ประชาชน.................................................. ตามค�ำร้องเลขท่ี..................................ลงวันท.ี่ ...................................................ไวแ้ ลว้ เม่อื วันที่............................ จงึ ออกใบรบั ฉบับนี้ให้ไวเ้ ป็นหลักฐาน (ลงชอ่ื )..............................................เจา้ หน้าท่ีรบั เร่อื ง (..............................................) 233

เลม่ 134 ตอนพิเศษ 85 ก หนา้ 3 17 สิงหาคม 2560 ราชกิจจานุเบกษา กฎกระทรวง ก�ำหนดฐานะและเง่ือนไขการอยู่ในราชอาณาจกั รไทยของผเู้ กิดในราชอาณาจักรไทยซ่ึงไมไ่ ด้สัญชาติไทย พ.ศ. 2560 _____________________ อาศยั อำ� นาจตามความในมาตรา 6 วรรคหนงึ่ และมาตรา 7 ทวิ วรรคสาม แหง่ พระราชบญั ญตั สิ ญั ชาติ พ.ศ. 2508 ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 รัฐมนตรีว่าการกระทรวง มหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปน้ี ข้อ 1 ในกฎกระทรวงนี้ “เดก็ กำ� พรา้ ” หมายความวา่ เดก็ ซง่ึ เกดิ ในราชอาณาจกั รไทยโดยไมไ่ ดส้ ญั ชาตไิ ทย และบดิ าและมารดา ของเด็กนั้นเสียชีวิต หรือไม่ปรากฏบิดาและมารดา หรือไม่สามารถสืบหาบิดาและมารดาของเด็กน้ันได้ ทั้งน้ี ไม่ว่าจะอยู่ในความอุปการะของบุคคลหรือสถานสงเคราะห์ท่ีได้รับอนุญาตให้จัดต้ังขึ้นตามกฎหมายว่าด้วย การคมุ้ ครองเดก็ หรอื เป็นเดก็ เร่รอ่ น ขอ้ 2 ผ้เู กิดในราชอาณาจกั รไทยซึง่ ไม่ไดส้ ัญชาตไิ ทยตามมาตรา 7 ทวิ วรรคหน่งึ ใหม้ ีฐานะการอาศัย อยใู่ นราชอาณาจักรไทยเช่นเดยี วกับบิดาหรอื มารดา ในสว่ นทเ่ี ป็นคุณแกผ่ ู้นนั้ มากกวา่ ตามหลักเกณฑ์ท่ีรัฐมนตรี ประกาศก�ำหนด เว้นแต่กรณี ดงั ต่อไปนี้ (1) ผู้เกิดจากบิดาและมารดาซ่ึงเป็นคนต่างด้าวท่ีเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองให้มีฐานะเช่นเดียวกับบิดาและมารดา และผ่อนผันให้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทย ได้เป็นกรณพี เิ ศษ เพ่ือรอการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจกั รพรอ้ มบิดาหรือมารดา (2) เด็กก�ำพร้าซึ่งหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีหนังสือ รับรอง ใหไ้ ดร้ ับการผ่อนผันให้อาศยั อยใู่ นราชอาณาจกั รไทยไดเ้ ปน็ กรณพี เิ ศษเฉพาะราย ขอ้ 3 ในกรณีท่ีฐานะการอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยของบิดาและมารดา หรือบิดาหรือมารดา ตามขอ้ 2 สนิ้ สดุ ลง ใหฐ้ านะการอาศยั อยใู่ นราชอาณาจกั รไทยของผเู้ กดิ ในราชอาณาจกั รไทยซงึ่ ไมไ่ ดส้ ญั ชาตไิ ทย นนั้ สนิ้ สดุ ลงดว้ ย เวน้ แตผ่ นู้ น้ั มลี กั ษณะอยา่ งหนง่ึ อยา่ งใดดงั ตอ่ ไปน้ี ใหค้ งฐานะการอาศยั อยใู่ นราชอาณาจกั รไทย ตอ่ ไปได้ 234

เลม่ 134 ตอนพิเศษ 85 ก หนา้ 4 17 สงิ หาคม 2560 ราชกจิ จานุเบกษา (1) มีอายุไม่น้อยกว่าสิบแปดปี หรือบรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส ยกเว้นบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ซ่ึงได้รับการพิสูจน์หรือรับรองจากต่างประเทศว่าเป็นคนสัญชาติของประเทศน้ันและสมัครใจที่จะกลับออกไป นอกราชอาณาจกั ร (2) ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศที่บิดาหรือมารดามีหรือเคยมีภูมิล�ำเนาหรือเคยอาศัยอยู่ได้ ทง้ั นี้ ตามหลกั เกณฑ์และเง่ือนไขทีร่ ฐั มนตรีประกาศกำ� หนด (3) มผี ู้ปกครอง สามี ภรรยา หรอื บุตร เป็นผู้มสี ัญชาตไิ ทย (4) มีภูมิล�ำเนาเป็นหลักแหล่งในราชอาณาจักรและพ�ำนักอยู่ในราชอาณาจักรอย่างต่อเน่ือง เว้นแต่ จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ให้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร เปน็ การชัว่ คราวและไดก้ ลบั เข้ามาในราชอาณาจักรภายในระยะเวลาท่ีก�ำหนด (5) อย่รู ะหวา่ งการศึกษาในสถานศกึ ษาทก่ี ระทรวงศกึ ษาธกิ ารรบั รอง (6) เป็นผู้ท่ีได้ท�ำคุณประโยชน์ให้แก่สังคมตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศก�ำหนด ผู้เกิดใน ราชอาณาจักรไทยซึ่งไม่ได้สัญชาติไทยหรือผู้มีส่วนได้เสียซึ่งประสงค์จะขอหนังสือรับรองการคงฐานะการอาศัย อยู่ในราชอาณาจักรไทยต่อไปตามวรรคหน่ึง ให้ยื่นค�ำขอพร้อมด้วยเอกสาร หรือหลักฐานต่อนายอ�ำเภอหรือ ผอู้ ำ� นวยการเขต ณ ทว่ี า่ การอำ� เภอหรอื สำ� นกั งานเขตแหง่ ทอ้ งทท่ี ผี่ นู้ น้ั มชี อ่ื อยใู่ นทะเบยี นบา้ นหรอื ทะเบยี นประวตั ิ แล้วแต่กรณี เพื่อประโยชน์แห่งการน้ี ให้นายอ�ำเภอหรือผู้อ�ำนวยการเขตมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ย่ืน ค�ำขอทราบภายในเกา้ สบิ วนั นับแตว่ ันท่ีไดร้ บั คำ� ขอ ค�ำขอและหนังสอื รบั รองตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามแบบท่ีอธบิ ดกี รมการปกครองประกาศก�ำหนด ขอ้ 4 ผู้เกิดในราชอาณาจักรไทยซ่ึงไม่ได้สัญชาติไทยและมีอายุไม่น้อยกว่าสิบแปดปี อาจถูกเพิกถอน ฐานะการอาศยั อยใู่ นราชอาณาจักรไทยได้ เมอื่ ปรากฏว่า (1) กระท�ำการใด ๆ อันเป็นการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงหรือขัดต่อประโยชน์ของรัฐ หรือเปน็ การเหยียดหยามประเทศชาติ หรอื (2) กระท�ำการใด ๆ อันเป็นการขดั ตอ่ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอนั ดขี องประชาชน รัฐมนตรีโดยข้อเสนอแนะของคณะกรรมการกล่ันกรองเกี่ยวกับสัญชาติ อาจสั่งเพิกถอนฐานะ การอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยของบุคคลตามวรรคหนึ่ง หรือส่ังให้ผู้นั้นอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยต่อไปก็ได้ ท้ังนโี้ ดยคำ� นึงถึงความมน่ั คง ประโยชนข์ องรฐั และสทิ ธิมนุษยชนประกอบกนั ให้ไว้ ณ วนั ท่ี 10 สิงหาคม พ.ศ. 2560 พลเอก อนพุ งษ์ เผา่ จินดา รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย 235

เลม่ 134 ตอนพเิ ศษ 85 ก หน้า 5 17 สงิ หาคม 2560 ราชกจิ จานเุ บกษา หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใชก้ ฎกระทรวงฉบบั นี้ คอื โดยทม่ี าตรา 7 ทวิ วรรคสาม แหง่ พระราชบญั ญตั ิ สัญชาติ พ.ศ. 2508 ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2551 บัญญัติให้ผู้เกิด ในราชอาณาจักรไทยซึ่งไม่ได้สัญชาติไทยจะอยู่ในราชอาณาจักรไทยในฐานะใด ภายใต้เง่ือนไขใดให้เป็นไป ตามทกี่ ำ� หนดในกฎกระทรวง จงึ จ�ำเปน็ ต้องออกกฎกระทรวงนี้ 236

เลม่ 129 ตอนที่ 101 ก หนา้ 35 19 ตลุ าคม 2555 ราชกิจจานุเบกษา กฎกระทรวง วา่ ด้วยสทิ ธิขององค์กรชมุ ชนและองค์กรเอกชนในการจัดการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐานในศนู ย์การเรียนรู้ พ.ศ. 2555 _____________________ อาศยั อำ� นาจตามความในมาตรา 5 แหง่ พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 ซง่ึ แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545 และมาตรา 12 แหง่ พระราชบัญญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 อันเป็นกฎหมายท่ีมีบทบัญญัติบางประการ เกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 43 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัย อํานาจตามบทบญั ญตั ิแหง่ กฎหมาย รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธิการออกกฎกระทรวงไว้ ดงั ตอ่ ไปนี้ ขอ้ 1 ในกฎกระทรวงน้ี “ศนู ยก์ ารเรยี น” หมายความวา่ สถานทเ่ี รยี นทอี่ งคก์ รชมุ ชนหรอื องคก์ รเอกชน จดั ตงั้ ขน้ึ เพอื่ จดั การศกึ ษา ข้นั พื้นฐานโดยไมแ่ สวงหากําไรตามกฎกระทรวงน้ี “องค์กรชุมชน” หมายความว่า คณะบุคคลซึ่งประกอบด้วยผู้บรรลุนิติภาวะจํานวนไม่น้อยกว่าเจ็ดคน ที่มีภูมิลําเนาหรือถ่ินที่อยู่อาศัยประจําอยู่ในชุมชนหรือท้องถิ่นร่วมกันดําเนินการในลักษณะเป็นองค์กร ซ่ึงมีวัตถุประสงค์เพื่อดําเนินกิจกรรมท่ีเป็นสาธารณประโยชน์ไม่แสวงหากําไร และมีที่ต้ังอยู่ในท้องที่เดียวกัน กบั ศูนยก์ ารเรยี นนัน้ “องคก์ รเอกชน” หมายความวา่ สมาคม มลู นธิ ิ หรอื องคก์ รทเ่ี รยี กชอ่ื อยา่ งอน่ื ทจ่ี ดทะเบยี นเปน็ นติ บิ คุ คล หรือเป็นส่วนงานหรือโครงการในองค์กรนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์เพ่ือดําเนินกิจกรรมท่ีเป็นสาธารณประโยชน์ ไม่แสวงหากําไร และมีท่ตี ัง้ หรือมีสว่ นงานหรอื โครงการรับผดิ ชอบอยใู่ นท้องที่เดยี วกนั กบั ศูนย์การเรยี นนัน้ “ผจู้ ดั การศกึ ษา” หมายความว่า องคก์ รชุมชนหรือองค์กรเอกชนซงึ่ ไดร้ ับความเหน็ ชอบจากสํานกั งาน เขตพน้ื ท่กี ารศึกษาใหจ้ ดั ตงั้ ศนู ย์การเรียน “คณะกรรมการ” หมายความวา่ คณะกรรมการเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษาทศ่ี นู ยก์ ารเรยี นตงั้ อยู่ “สํานักงาน” หมายความว่า สํานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาทีศ่ นู ย์การเรยี นตัง้ อยู่ 237

เลม่ 129 ตอนที่ 101 ก หน้า 36 19 ตลุ าคม 2555 ราชกิจจานเุ บกษา ขอ้ 2 องค์กรชุมชนและองค์กรเอกชนอาจจัดการศึกษาข้ันพ้ืนฐานในรูปแบบการศึกษานอกระบบ หรือการศึกษาตามอัธยาศัย โดยจัดตั้งเป็นศูนย์การเรียนสําหรับผู้ซึ่งขาดโอกาสในการเข้าศึกษาในระบบ โรงเรียนปกติ ท้ังน้ี เพ่ือให้มีความยืดหยุ่นคล่องตัว และสนองตอบวัตถุประสงค์ของศูนย์การเรียนนั้น โดยให้ยึดหลักดงั ต่อไปนี้ (1) มุ่งเรียนรจู้ ากสถานทีจ่ ริง แหล่งเรยี นรูใ้ นเขตพื้นท่ี และภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่ิน (2) การจดั การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ให้ใช้หลกั สูตรที่ศนู ยก์ ารเรยี นได้พัฒนาขนึ้ ศูนย์การเรียนตามวรรคหนึ่งอาจจัดการศึกษาแบบคละช้ันและอายุหรือจัดให้มีการศึกษาร่วมกับ สถานศึกษาอ่ืนโดยมขี อ้ ตกลงรว่ มกนั และเทยี บโอนผลการเรียนซ่ึงกนั และกนั ได้ ขอ้ 3 แบบคําขอจดั ตง้ั ศนู ยก์ ารเรยี นขององค์กรชมุ ชนตอ้ งมรี ายการอย่างนอ้ ย ดังต่อไปน้ี (1) ช่อื องค์กรชมุ ชน (2) รายละเอียดของคณะบคุ คล ไดแ้ ก่ ชอื่ สญั ชาติ อายุ ท่อี ยู่ และอาชพี (3) วตั ถุประสงคข์ ององคก์ รชุมชน (4) ทีต่ ้งั องค์กรชุมชน (5) ประวัติความเป็นมาขององค์กรชุมชน (6) ผลการดําเนินงานขององค์กรชุมชน รายการตาม (2) และ (3) ตอ้ งไดร้ บั การรบั รองจากสมาชกิ ในชมุ ชนซงึ่ เปน็ ผบู้ รรลนุ ติ ภิ าวะ จํานวนไมน่ อ้ ยกวา่ ยี่สิบคน ขอ้ 4 แบบคําขอจัดต้งั ศูนย์การเรียนขององค์กรเอกชนต้องมีรายการอย่างนอ้ ย ดังต่อไปนี้ (1) ช่อื องค์กรเอกชน (2) วตั ถปุ ระสงค์ขององค์กรเอกชน (3) ที่ตั้งองคก์ รเอกชน (4) ประวตั ิความเปน็ มาขององค์กรเอกชน (5) ผลการดําเนนิ งานขององค์กรเอกชน (6) หลักฐานการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลขององค์กรหรือหลักฐานการเป็นส่วนงาน หรือโครงการ ในองคก์ รนติ บิ ุคคล ขอ้ 5 องค์กรชุมชนหรือองค์กรเอกชนซึ่งประสงค์จะจัดตั้งศูนย์การเรียน ให้ย่ืนคําขอเป็นหนังสือ ต่อสํานักงานพร้อมท้ังแนบแบบคําขอตามข้อ 3 หรือข้อ 4 แล้วแต่กรณี และแผนการจัดการศึกษาของ ศูนย์การเรียนที่องค์กรชุมชนหรือองค์กรเอกชนนั้นได้ร่วมจัดทํากับสํานักงานหรือสถานศึกษาท่ีสํานักงาน มอบหมาย 238

เล่ม 129 ตอนท่ี 101 ก หนา้ 37 19 ตลุ าคม 2555 ราชกิจจานเุ บกษา แผนการจดั การศกึ ษาตามวรรคหนึ่งตอ้ งมรี ายการอยา่ งนอ้ ย ดังตอ่ ไปนี้ (1) ชอื่ ศนู ยก์ ารเรียน (2) วตั ถุประสงคข์ องศูนย์การเรยี น (3) ที่ตง้ั ศนู ย์การเรยี น (4) รูปแบบการจดั การศึกษา (5) ระดับการศึกษาทจ่ี ัดในกรณีที่เปน็ การจัดการศกึ ษานอกระบบ (6) หลักสูตรหรอื ลกั ษณะกิจกรรมการเรยี นการสอน (7) ระบบประกันคณุ ภาพภายใน (8) รายชอื่ และคุณสมบตั ขิ องบคุ ลากรทางการศึกษาของศูนยก์ ารเรยี น (9) ข้อกําหนดเกีย่ วกับคณะกรรมการศนู ยก์ ารเรยี น ขอ้ 6 เม่ือสํานักงานให้ความเห็นชอบคําขอจัดตั้งศูนย์การเรียน และแผนการจัดการศึกษาแล้ว ผ้จู ัดการศึกษาจึงจะดําเนินการจดั การศกึ ษาได้ การเปล่ียนแปลงแก้ไขแผนการจัดการศึกษาท่ีสํานักงานได้ให้ความเห็นชอบแล้วต้องได้รับอนุญาต จากสํานักงาน ขอ้ 7 ในกรณที อี่ งคก์ รเอกชนเปน็ นติ บิ คุ คลซง่ึ ไมไ่ ดจ้ ดทะเบยี นในประเทศไทย ผเู้ รยี นในศนู ยก์ ารเรยี น ตอ้ งมีคณุ สมบัตติ ามทค่ี ณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานประกาศกําหนด ในการพิจารณาคําขออนุญาตจัดต้ังศูนย์การเรียนขององค์กรเอกชนตามวรรคหน่ึง ให้ดําเนินการ ดังต่อไปน้ี (1) ศนู ย์การเรยี นที่มผี ู้เรยี นจํานวนไม่เกินหา้ สบิ คน ให้สํานักงานเปน็ ผู้พิจารณาอนญุ าต (2) ศูนย์การเรียนท่ีมีผู้เรียนจํานวนเกินกว่าห้าสิบคนแต่ไม่เกินหน่ึงร้อยคน ให้สํานักงานเสนอ ให้คณะกรรมการเปน็ ผ้พู ิจารณาอนุญาต (3) ศนู ยก์ ารเรยี นทม่ี ผี เู้ รียนจํานวนเกนิ กว่าหนง่ึ รอ้ ยคน ให้สํานกั งานเสนอใหค้ ณะกรรมการการศกึ ษา ขั้นพ้ืนฐานเป็นผู้พิจารณาอนุญาตในกรณีการขออนุญาตจัดตั้งศูนย์การเรียนท่ีมีผู้เรียนจํานวนเกินกว่าห้าสิบคน รายการในแผนการจัดการศึกษาตามข้อ 5 (3) (5) (6) (7) และ (8) ต้องเป็นไปตามท่ีคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพน้ื ฐานประกาศกําหนด ให้นําหลกั เกณฑ์การพจิ ารณาอนุญาตใหจ้ ัดตง้ั ศนู ย์การเรียนตามวรรคหนง่ึ และวรรคสองมาใช้บงั คบั กบั การพิจารณาคําขออนุญาตเปลย่ี นแปลงแกไ้ ขแผนการจัดการศึกษาทีไ่ ด้รับอนญุ าตแล้วโดยอนโุ ลม 239

เลม่ 129 ตอนที่ 101 ก หน้า 38 19 ตุลาคม 2555 ราชกจิ จานุเบกษา ข้อ 8 ข้อกําหนดเก่ียวกับคณะกรรมการศูนย์การเรียนตามข้อ 5 (9) อย่างน้อยต้องกําหนดให้ คณะกรรมการดังกล่าวประกอบด้วยผู้จัดการศึกษาหรือผู้แทน ผู้แทนผู้ปกครองของผู้เรียน และผู้ทรงคุณวุฒิ ในกรณีที่ศูนย์การเรียนใดไม่อาจมีผู้แทนผู้ปกครองของผู้เรียน ให้คณะกรรมการแต่งต้ังผู้แทนชุมชนที่ศูนย์การเรียน ตงั้ อย่เู ปน็ กรรมการแทนได้ ข้อ 9 ให้คณะกรรมการศูนย์การเรียนทําหน้าท่ีกําหนดนโยบายการบริหารและการจัดการศึกษา ของศนู ยก์ ารเรยี นใหเ้ หมาะสมกบั สภาพการจดั การศกึ ษาของผจู้ ดั การศกึ ษาและสอดคลอ้ งกบั นโยบายการศกึ ษา รวมทั้งส่งเสริม สนับสนุน กํากับ และดูแลระบบการประกันคุณภาพภายใน เพ่ือพัฒนาคุณภาพและมาตรฐาน การศกึ ษา ขอ้ 10 การวดั ผลและประเมนิ ผลการเรียนรใู้ หด้ ําเนินการ ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) การวดั ผลและประเมนิ ผลผเู้ รยี นของการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ใหศ้ นู ยก์ ารเรยี น วดั ผลและประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ ของพัฒนาการของผู้เรียนเป็นรายบุคคล (2) กรณีท่ีมีการจัดการเรียนรู้ร่วมกับสถานศึกษาอ่ืน ให้มีการวัดผลและประเมินผลร่วมกัน ในกรณีที่ มีการเลิกศูนย์การเรียน หรือผู้เรียนจากศูนย์การเรียนประสงค์จะเข้าศึกษาในโรงเรียน ให้นําผลการเรียนรู้ที่ สะสมไวม้ าเทียบโอนผลการเรยี นตามระเบียบทีก่ ระทรวงศึกษาธิการกําหนด ขอ้ 11 ให้ศูนย์การเรียนออกหลักฐานทางการศึกษาแก่ผู้เรียนหรือผู้สําเร็จการศึกษาจากศูนย์การเรียน ว่าได้ศึกษาหรือสําเร็จการศึกษาภายใต้การกํากับและการรับรองของสํานักงานแล้วแต่กรณี ตามหลักสูตร การศึกษาขั้นพนื้ ฐานของกระทรวงศึกษาธิการ ขอ้ 12 ให้ศูนย์การเรียนจัดทํารายงานผลการดําเนินงานและสภาพปัญหาที่เก่ียวกับการจัดการศึกษา ให้สํานักงานทราบอย่างนอ้ ยปลี ะหน่งึ คร้ัง ข้อ 13 ศูนย์การเรียนอาจได้รับสิทธิประโยชน์ด้านเงินอุดหนุนจากรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือองคก์ รเอกชนอ่ืนสําหรับการจัดการศกึ ษาได้ ขอ้ 14 สํานักงานมีหน้าท่ีให้คําปรึกษา คําแนะนํา และความรู้ ส่งเสริมและสนับสนุน ด้านวิชาการ ด้านการบริหารด้านการจัดการศึกษา และด้านอ่ืนแก่ผู้จัดการศึกษา รวมทั้งให้การพัฒนาทักษะความรู้ ความสามารถแก่บุคลากรทางการศึกษาของศูนย์การเรียน ตลอดจนดําเนินการเทียบโอนผลการเรียนแก่ผู้เรียน ในศนู ย์การเรยี น ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธกิ ารวา่ ด้วยการเทยี บโอน ผลการเรียนการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน 240

เล่ม 129 ตอนท่ี 101 ก หนา้ 39 19 ตลุ าคม 2555 ราชกจิ จานุเบกษา ขอ้ 15 ศูนย์การเรยี นเลิกด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) สํานกั งานอนญุ าตให้เลกิ ตามคําขอของผ้จู ดั การศึกษา (2) สํานักงานมีคําสั่งให้เลิกเพราะเหตุที่ศูนย์การเรียนหยุดดําเนินการเกินกว่าหน่ึงปีโดยไม่มีเหตุ อนั สมควร หรอื การดําเนนิ การของศนู ยก์ ารเรยี นขดั ตอ่ วตั ถปุ ระสงคข์ องศนู ยก์ ารเรยี น ขดั ตอ่ กฎหมายเปน็ ภยั ตอ่ เศรษฐกิจหรือความมนั่ คงของประเทศ หรอื ขัดต่อความสงบเรยี บรอ้ ยหรือศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน เมอ่ื มกี ารเลกิ ศนู ยก์ ารเรยี นตามวรรคหนงึ่ แลว้ ใหส้ ํานกั งานแจง้ เปน็ หนงั สอื ใหผ้ จู้ ดั การศกึ ษาทราบภายใน สามสิบวัน และให้ผู้จัดการศึกษารวบรวมหลักฐานและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของศูนย์การเรียนนั้น มอบใหแ้ ก่สํานกั งาน ข้อ 16 การเลิกศูนย์การเรียน ให้ผู้จัดการศึกษาร่วมกับสํานักงานจัดหาศูนย์การเรียนอื่นให้แก่ผู้เรียน แต่ไมต่ ดั สิทธผิ ู้เรียนทีจ่ ะสมัครเขา้ เรยี นในสถานศกึ ษาอืน่ ขอ้ 17 ให้สํานักงานเรียกคืนเงินอุดหนุนหรือเงินช่วยเหลือต่าง ๆ จากรัฐที่ยังเหลืออยู่ในรอบปี จากศนู ยก์ ารเรียนทีเ่ ลิกตามขอ้ 15 เพื่อนําส่งเปน็ รายไดแ้ ผน่ ดิน ข้อ 18 องค์กรชุมชนหรือองค์กรเอกชนใดเคยเป็นผู้จัดการศึกษาของศูนย์การเรียนที่สํานักงานมีคําส่ัง ใหเ้ ลิกศูนย์การเรียนตามข้อ 15 (2) จะขอจดั ต้งั ศูนย์การเรยี นอีกมไิ ด้ ใหไ้ ว้ ณ วันที่ 5 ตลุ าคม พ.ศ. 2555 ศาสตราจารยส์ ชุ าติ ธาดาธํารงเวช รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธิการ 241

เลม่ 129 ตอนที่ 101 ก หน้า 40 19 ตลุ าคม 2555 ราชกจิ จานเุ บกษา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับน้ี คือ โดยที่มาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 บัญญัติให้องค์กรชุมชนและองค์กรเอกชนมีสิทธิในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามท่ีกําหนดในกฎกระทรวง เพื่อให้องค์กรชุมชนและองค์กรเอกชนซ่ึงมีความประสงค์และมีความพร้อมเข้ามา ชว่ ยเหลอื รฐั ในการจดั การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานในรปู แบบการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั โดยรฐั จะ ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาอันจะทําให้ผู้เรียนได้รับการศึกษาท่ีมีคุณภาพเท่าเทียมกับการศึกษา ในรูปแบบอื่น สมควรกําหนดให้องค์กรชุมชนและองค์กรเอกชนมีสิทธิในการจัดการศึกษาข้ันพ้ืนฐานในศูนย์ การเรียน จงึ จําเป็นตอ้ งออกกฎกระทรวงนี้ 242

243

ค�ำส่งั กระทรวงศึกษาธิการ ที่ สป 546 / 2560 เร่ือง แต่งตั้งคณะอนกุ รรมการปรบั ปรุงคู่มือและแนวปฏิบตั ใิ นการจดั การศกึ ษาใหแ้ ก่บุคคล ท่ไี มม่ หี ลกั ฐานทะเบียนราษฎรหรอื ไม่มสี ัญชาติไทย --------------------------- ตามทก่ี ระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดด้ ำ� เนนิ การตามมตคิ ณะรฐั มนตรี เมอ่ื วนั ที่ 5 กรกฎาคม 2548 ในการจดั การ ศกึ ษาแกบ่ คุ คลทไ่ี มม่ หี ลกั ฐานทางทะเบยี นราษฎรหรอื ไมม่ สี ญั ชาตไิ ทย โดยไดอ้ อกระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ว่าดว้ ยการรับนักเรียน นักศึกษาเข้าเรียนในสถานศกึ ษา พ.ศ. 2548 และจัดท�ำคู่มือและแนวปฏิบัติส�ำหรับ การจัดการศกึ ษาแก่บคุ คลท่ไี มม่ หี ลักฐานทางทะเบยี นราษฎรหรอื ไม่มสี ัญชาตไิ ทย เพ่ือให้หน่วยงานสถานศกึ ษา และผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการด�ำเนินการจัดการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐาน ทางทะเบยี นราษฎรหรือไม่มสี ัญชาตไิ ทย น้นั เพ่ือให้การด�ำเนินงานเป็นไปตามนโยบายในการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เท่าเทียมและเป็นธรรม สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศและบริบทของพ้ืนท่ี และเป็นการปรับปรุงคู่มือและแนวทางปฏิบัติ ในการจัดการศึกษาให้แก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย จึงแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ปรบั ปรุงคูม่ อื และแนวปฏบิ ัติในการจดั การศึกษาใหแ้ กบ่ คุ คลทไ่ี ม่มีหลกั ฐานทะเบียนราษฎรหรอื ไม่มีสัญชาตไิ ทย โดยมอี งค์ประกอบและอ�ำนาจหนา้ ท่ี ดงั น้ี คณะกรรมการด�ำเนนิ งาน ท่ปี รกึ ษา ที่ปรึกษา 1. รองปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร (นายประเสริฐ บญุ เรือง) ประธาน 2. หวั หนา้ ผตู้ รวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ อนกุ รรมการ 3. ผอู้ �ำนวยการส�ำนักส่งเสรมิ กิจการการศึกษา สำ� นกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ อนุกรรมการ 4. ผ้แู ทนสำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน 5. ผู้แทนส�ำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา 244


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook