การวจิ ยั ทางการศึกษา ลกั ษณะของประเดน็ วจิ ัยของผู้ใช้งานวจิ ัยแต่ละกล่มุ การวจิ ยั ปฏบิ ตั กิ ารในช้ันเรียน วจิ ยั สถาบนั ผทู้ าํ งานระดบั นโยบาย ศ.ดร. สุวิมล ว่องวาณิช •เนน้ การวจิ ยั เพื่อกาํ หนดนโยบาย การวเิ คราะห์นโยบาย การ ภาควิชาวิจยั และจิตวิทยาการศึกษา ติดตามผลการใชน้ โยบาย คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย ผทู้ าํ งานระดบั ผปู้ ฏิบตั ิ การวจิ ยั ทางการศึกษา •เนน้ การพฒั นานวตั กรรมหรือวธิ ีการดูแลผรู้ ับบริการ •เนน้ การเสาะแสวงหาแนวคิดใหม่ ๆ ในการปฏิบตั ิงาน •การถ่ายทอดเทคโนโลยสี ู่การปฏิบตั ิในวงกวา้ งต่อไป ความหมายของการวจิ ยั การศึกษา การศึกษา คือ กระบวนการพฒั นาบุคคลใหม้ ีความ เจริญงอกงาม โดยเฉพาะการทาํ ใหเ้ กิดการเรียนรู้ การวจิ ยั การศึกษา คือ กระบวนการเสาะแสวงหา ความรู้ท่ีนาํ ไปใชใ้ นการพฒั นาคุณภาพการศึกษา
ความสําคญั ของการวจิ ัย การใช้ประโยชน์จากงานวจิ ยั เป็นภารกจิ และเป็นบทบาทหน้าท่ขี องผู้จัดการศกึ ษา • การกาํ หนดนโยบายการจดั การศึกษา (ผู้ให้บริการ) ท่ตี ้องศกึ ษาวจิ ัยเพ่ือให้ได้นวัตกรรมใหม่ท่ี • การแกป้ ัญหาของการจดั การศึกษา นาํ ไปส่กู ารพัฒนาการศกึ ษาท่มี คี ุณภาพให้กบั ผู้รับบริการ • การสนบั สนุนการจดั การศึกษา (ผู้เรียน) • การพฒั นานวตั กรรมการเรียนการสอน เป็นกจิ กรรมท่พี ึงกระทาํ ซ่ึงเป็นส่วนหน่ึงของการประกนั คุณภาพการศกึ ษา ระดบั ของประเดน็ วจิ ยั กลุ่มผู้ทาํ วจิ ยั : รายวิชา/ช้ันเรียน ผู้บริหารมหาวิทยาลัย สาขาวจิ ัย อาจารย์ผู้สอน หลักสตู ร/กจิ กรรมเสริมหลักสตู ร บุคลากรสายสนับสนุน ภาควิชา ผู้เก่ยี วข้องอ่นื ๆ คณะ สถาบนั
วจิ ยั อะไร องคป์ ระกอบของการจดั การศึกษา หลกั สูตร (OLE) โครงสร้างการบริหาร หลักสตู ร Objectives Evaluation กจิ กรรมเสริม/กจิ กรรมเฉพาะกจิ Learning ครอู าจารย์ บุคลากรสายสนับสนุน บุคลากรท่เี ก่ยี วข้อง Experiences ชุมชน ผู้เรียน (ลักษณะของปัจจัยป้ อน) การจัดการ ทรัพยากรสนับสนุนการจดั การศกึ ษา ประเดน็ วจิ ยั เพอื่ กาํ หนดนโยบายหรือพฒั นาระบบการจดั การศึกษา • การศึกษาสภาพและปัญหาการจดั การเรียนการสอน • การวจิ ยั ประเมินความตอ้ งการจาํ เป็น (needs assessment) • การวจิ ยั และพฒั นาหลกั สูตร (การกาํ หนดโครงสร้างหลกั สูตร) • การติดตามประเมินผลกระบวนการผลิต/ผลลพั ธ์ของผเู้ รียน • การพฒั นาระบบประกนั คุณภาพการศึกษา • การศึกษาแนวโนม้ /ความตอ้ งการ ..... • การกาํ หนดกลยทุ ธ์การพฒั นานกั ศึกษาดา้ น.... • การติดตามผลการใชน้ โยบาย.......
• การวจิ ยั และพฒั นารูปแบบการจดั การสอน • การพฒั นาระบบขอ้ มูลสารสนเทศเพอื่ การ • การวเิ คราะห์ประสิทธิภาพการจดั การศึกษาสาขา ... ใหบ้ ริการ .... • การติดตามสภาวะการหางานทาํ ของนกั ศึกษา • การพฒั นาระบบขอ้ มูลสารสนเทศเพื่อการ • แนวโนม้ ของคุณลกั ษณะของปัจจยั ป้ อนดา้ นผเู้ รียน พฒั นานกั ศึกษาดา้ น... • การประเมินคุณภาพของการจดั การเรียนการสอนของอาจารย์ • การวเิ คราะห์ปัจจยั ที่ส่งผลต่อคุณภาพของ • การวเิ คราะห์ความพร้อมของสถาบนั ภาษาดา้ นการส่งเสริม นกั ศึกษา • การติดตามและประเมินผลหลกั สูตร... ทรัพยากรการเรียนรู้ • รูปแบบการจดั บรรยากาศเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของนกั ศึกษา... ประเดน็ วจิ ยั เพอ่ื พฒั นาการเรียนการสอน (รายวชิ า) สําหรับผู้สอน • การพฒั นาเคร่ืองมือวนิ ิจมโนทศั นท์ ี่คลาดเคล่ือนของนกั ศึกษาดา้ น .... • การพฒั นานวตั กรรมการจดั การเรียนการสอนวชิ า .... • รูปแบบการจดั การศึกษาการสอนเพอ่ื เสริมสร้าง • รูปแบบการเปลี่ยนมโนทศั นท์ ี่คลาดเคลื่อนดา้ น .... • รูปแบบการจดั การเรียนการสอนแบบบูรณาการโดยใชก้ ารเรียนรู้ • ความรู้ในเน้ือหา ... • คุณลกั ษณะดา้ น .... เพอ่ื รับใชส้ งั คม (service learning) • ทกั ษะดา้ น ..... • การวเิ คราะห์ปัญหาการจดั การเรียนการสอนแบบ PBL • คุณธรรมดา้ น .... • ผลของการจดั การเรียนการสอนแบบ ... เพ่อื ส่งเสริมทกั ษะการ • การพฒั นาส่ือการเรียนการสอนเรื่อง ...... • การพฒั นาคู่มือการจดั การเรียนการสอนวชิ า... ส่ือสารของนกั ศึกษา .... • การพฒั นาคู่มือการศึกษาดว้ ยตนเองวชิ า.... • การพฒั นาเคร่ืองมือประเมินตนเองสาํ หรับนกั ศึกษาเพอ่ื ส่งเสริม.....
กาํ หนดนโยบายการ การแก้ การสนับสนุนการจดั การพฒั นาการเรียน ตวั อยา่ งประเดน็ วจิ ยั และการออกแบบการวจิ ยั ผู้ทาํ วจิ ยั จดั การศึกษา ปัญหาในกระบวนการ การศึกษา การสอน อน่ื ๆ จัดการศึกษา ผู้บริหาร การ การศึกษา การวเิ คราะห์ การพฒั นาวธิ ีการ การตดิ ตาม ออกแบบ สภาพ/ สาเหตุของ แก้ปัญหา/การ ประเมนิ ผล อาจารย์ การศึกษา ปัญหา ค้นหานวตั กรรม ผู้สอน เอกสาร ปัญหา การสํารวจ บุคลากร สาย Action สนับสนุน research, R&D อน่ื ๆ • การวจิ ัยเพอื่ พฒั นาการเรียนการสอน ความจาํ เป็ นของการวจิ ยั เพอ่ื พฒั นา • การวจิ ยั ปฏิบตั กิ ารในช้ันเรียน การเรียนการสอน
ตวั บ่งชี้ท่ี 2.6 ระบบและกลไกการจดั การเรียนการสอน ตวั บ่งชี้ที่ 2.6 ระบบและกลไกการจดั การเรียนการสอน (ต่อ) 1. มีระบบและกลไกการประกนั คุณภาพการจดั การเรียนการสอนทีเ่ นน้ 4. มีการใหผ้ ูม้ ีประสบการณท์ างวิชาการหรือในวิชาชีพจากหน่วยงานหรือชมุ ชน ผูเ้ รียนเป็ นสาํ คญั ทุกหลกั สูตร ภายนอกเขา้ มามีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนการสอนทุกหลกั สูตร 2. ทุกรายวิชาของทุกหลกั สูตร มีรายละเอียดของรายวิชาและของ 5. มีการจดั การเรียนรูท้ ีพ่ ฒั นาจากการวิจยั หรือจากกระบวนการจดั การความรู้ ประสบการณภ์ าคสนาม (ถา้ มี) ก่อนการเปิ ดสอนในแต่ละภาค เพอื่ พฒั นาการเรียนการสอน การศึกษา ตามทีก่ าํ หนดในกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดบั อุดมศึกษา แห่งชาติ 6. มีการประเมินความพงึ พอใจของผูเ้ รียนทีม่ ีต่อคุณภาพการจดั การเรียนการสอน และสิง่ สนบั สนุนการเรียนรูท้ ุกรายวิชา ทุกภาคการศึกษา โดยผลการประเมิน 3. ทุกหลกั สูตรมีรายวิชาทีส่ ่งเสริมทกั ษะการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง และ ความพงึ พอใจแต่ละรายวิชาตอ้ งไม่ตํา่ กว่า 3.51 จากคะแนนเต็ม 5 การใหผ้ ูเ้ รียนไดเ้ รียนรูจ้ ากการปฏิบตั ิท้งั ในและนอกหอ้ งเรียนหรือ จากการทําวิจยั 7. มีการพฒั นาหรือปรบั ปรุงการจดั การเรียนการสอน กลยทุ ธก์ ารสอน หรือการ ประเมินผลการเรียนรู้ ทุกรายวิชา ตามผลการประเมินรายวิชา เกณฑ์การประเมนิ ความหมายของการวจิ ยั ปฏบิ ตั กิ าร (Action Research) คะแนน 1 คะแนน 2 คะแนน 3 คะแนน 4 คะแนน 5 การวจิ ยั (research) หมายถงึ กระบวนการเสาะแสวงหาความรู้ใหม่ด้วยวธิ ีการทเ่ี ป็ น มีการ มีการ มีการ มีการ มีการ วทิ ยาศาสตร์ ดาํ เนินการ ดาํ เนินการ ดาํ เนินการ ดาํ เนินการ ดาํ เนินการ 1 ขอ้ 2 หรอื 3 ขอ้ 4 หรอื 5 ขอ้ 6 ขอ้ 7 ขอ้ การปฏิบตั ิ (action) หมายถงึ การนําส่ิงทค่ี ดิ ค้นขนึ้ ใหม่ไปทดลองปฏบิ ตั เิ พอื่ แก้ไข ปัญหาทเ่ี กดิ ขนึ้ บริบททท่ี าํ วจิ ยั (setting) หมายถงึ สถานทห่ี รือบริบททท่ี าํ วจิ ยั คอื ช้ันเรียน (classroom) โรงเรียน (school) ชุมชน (community)
ข้นั ตอนของการวจิ ยั ปฏบิ ัตกิ าร Stephen Kemmis ต้องมกี ารดาํ เนินงานทเี่ ป็ นวงจรต่อเน่ือง 1. ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (scientific method) มา มกี ระบวนการทาํ งานแบบมสี ่วนร่วม แสวงหาคาํ ตอบ เพ่ือให้ข้อค้นพบท่ไี ด้มคี วามหนักแน่น เช่ือถอื และ เป็ นกระบวนการทเี่ ป็ นส่วนหนึ่งของการทาํ งาน นาํ ไปใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนของตนเองได้จริง ปกติ ได้ข้อค้นพบเกยี่ วกบั การแก้ไขปัญหาทส่ี ามารถ 2. เป้ าหมายหลักของการวิจัยไม่ใช่การมุ่งสร้างองคค์ วามร้ใู หม่เก่ยี วกบั ปฏบิ ัตไิ ด้จริง ศาสตร์ของการสอน การนาํ เสนอผลการวิจัยจงึ ไม่ยึดรปู แบบท่เี ป็น ทางการเหมอื นกบั ท่มี กี ารทาํ กนั ในการวิจยั เชิงวิชาการ ลกั ษณะของงานวจิ ยั ปฏิบตั ิการในช้นั เรียน (academic research) หรือการวิจัยแบบเป็นทางการ ซ่ึงมี กฎเกณฑก์ ารทาํ วิจยั ท่เี คร่งครัด โดยเฉพาะการนาํ เสนอผลการวิจยั ท่ี 1. เป็นงานวจิ ยั ขนาดเลก็ (small scale) มกั มกี ารจาํ แนกสาระของการวิจัยออกเป็น 5 บท 2. มุ่งที่การแสวงหาคาํ ตอบเกี่ยวกบั การแกไ้ ขปัญหาท่ีเกิดข้ึนในหอ้ งเรียน 3. เป็นกระบวนการที่ไม่ใชเ้ วลาในการดาํ เนินงานนานเกินไปจนทาํ ให้ งานหลกั (งานสอน) ไดร้ ับผลกระทบ 4. ตอ้ งดาํ เนินการใหเ้ ป็นส่วนหน่ึงของการสอนตามปกติ โดยมีการใช้ กระบวนการวจิ ยั เป็นข้นั ตอนของการทดลองใชย้ ทุ ธวธิ ีใหม่ ๆ ดา้ น การสอนท่ีคิดคน้ ข้ึน เพ่ือใหก้ ารสอนเกิดผลสมั ฤทธิมากท่ีสุด 5. ตอ้ งไม่ใช่การทาํ วจิ ยั ในเรื่องใดเรื่องหน่ึงเพียงเรื่องเดียว และละเลย ประเดน็ ปัญหาอ่ืนที่รอการแกไ้ ขอยเู่ ช่นเดียวกนั
1. เก่ยี วข้องกบั ปัญหาวิจัยท่เี กดิ มาจากสภาพปัญหาท่เี ป็นจริงขณะน้นั ผูว้ ิจยั คือ ผู้ท่ปี ฏบิ ตั งิ านในหน่วยงาน (ในทางการศกึ ษา ผู้วิจัย คอื ผู้สอน) และเป็นปัญหาท่ไี ม่สามารถใช้วิธกี ารเดมิ ๆ แก้ปัญหาได้ จาํ เป็นต้อง ค้นหาวิธกี ารใหม่ สิง่ ทีถ่ ูกวิจยั คือ ปฏบิ ตั กิ ารทางการศกึ ษา 2. กระบวนการวิจัยเป็นไปอย่างง่าย ๆ สามารถใช้ข้อมูลท่มี อี ยู่ใน วตั ถุประสงคข์ องการวิจยั คอื การพัฒนาการเรียนการสอน การค้นหาแนว ห้องเรียนมาใช้ในการค้นหาคาํ ตอบ ทางการแก้ไขปัญหาท่เี กดิ ข้นึ การพัฒนาวิชาชีพ วิธีการวิจยั คือ กระบวนการค้นหาข้อความร้ทู ่มี ขี ้นั ตอนหลักสาํ คัญ คือการวิจยั 3. ต้องไม่คิดว่างานวิจยั เป็นงานนอกเหนอื งานสอน ไม่ต้องรออนุมตั ิ และการปฏบิ ตั ิ โครงการวิจัย หรืองบประมาณเพ่ือการทาํ วิจยั ลกั ษณะสาํ คญั 4. ไม่ใช่การมุ่งสร้างผลงานทางวิชาการเพ่ือตนเอง แต่เป็นงานท่ี ผู้เก่ยี วข้องกบั การพัฒนาผู้เรียนมาร่วมมอื กนั พัฒนาผู้เรียน • การสะท้อนกลับผลเก่ยี วกบั การปฏบิ ตั งิ านของตนเองและผลท่เี กดิ ข้นึ • การเปิ ดโอกาสให้ผู้มีส่วนเก่ยี วข้องกบั การเรียนการสอน/เพ่ือนร่วมงาน มีส่วนในการ วิพากษ์วิจารณก์ ารปฏบิ ตั งิ านและผลท่ไี ด้รับ • กระบวนการท่มี กี ารดาํ เนินงานเป็นวงจรต่อเน่ืองและทาํ เป็นส่วนหน่ึงของการ ปฏบิ ตั งิ าน ่ไี ้ ิ ั ํ ไป ่ ป ่ี ป ป ิ ั ิ Classroom Action Research vs. Academic Research การวจิ ยั ปฏิบัตกิ ารกบั การวจิ ัยเชิงวชิ าการ 1. Specific knowledge /Generalization 2. Informal research /Formal research 3. Classroom /Sample of population 4. Qualitative data /Quantative data 5. Quick,Immediate & Utilize /Long period
ประเดน็ การวจิ ยั ปฏิบัตกิ ารในช้ันเรียน การวจิ ยั เชิงวชิ าการ ประเดน็ การวจิ ยั ปฏิบตั กิ ารในช้ันเรียน การวจิ ยั เชิงวชิ าการ 1. เป้ าหมาย มุ่งสร้างความรู้เฉพาะเพื่อใชใ้ น มุ่งสร้างขอ้ ความรู้ทว่ั ไป ซ่ึงสามารถ 4. วธิ ีการวจิ ยั ไม่เนน้ การกาํ หนดกรอบแนวคิด ยดึ แบบแผนการวจิ ยั การ หอ้ งเรียนของผสู้ อน สรุปอา้ งอิงได้ ทฤษฎีแต่ใชป้ ระสบการณ์ของ ออกแบบการวจิ ยั ท่ีรัดกมุ มี 2. ผวู้ จิ ยั ดาํ เนินการโดยผสู้ อนในหอ้ งเรียน มี ดาํ เนินการโดยนกั วชิ าการ หรือนกั ผสู้ อน ไม่เนน้ แบบแผนการวจิ ยั การกาํ หนดกรอบแนวคิด ลกั ษณะการวจิ ยั แบบร่วมมือ การศึกษาในมหาวทิ ยาลยั ท่ีไม่ได้ มาก ใชก้ ารวจิ ยั เชิงคุณภาพมากกวา่ ทฤษฎี ตรวจสอบทฤษฎี และ (collaborative ปฏิบตั ิงานในหอ้ งเรียน research) เชิงปริมาณ พฒั นาทฤษฎี ใชก้ ารวจิ ยั เชิง ปริมาณมากกวา่ 3. วงจรของ ใชว้ งจรการทาํ วจิ ยั แบบ PAOR ใชว้ งจรการทาํ วจิ ยั แบบกาํ หนด 5. การกาํ หนดวธิ ีการ ใชว้ ธิ ีการเชิงอตั วสิ ยั อิงทฤษฎีหรือมีผลการวจิ ยั การวจิ ยั Plan, Act, Observe, ปัญหา ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวขอ้ ง แกไ้ ข ปัญหาใน (subjective) โดยอาศยั รองรับ Reflect โดยข้นั ตอน Reflect ออกแบบการวจิ ยั (กาํ หนดประชากร หอ้ งเรียน ประสบการณ์ของผสู้ อนแต่จะใช้ (สะทอ้ นกลบั ) เป็นข้นั ตอนท่ีเด่นที่ทาํ กลุ่มตวั อยา่ ง สร้างเคร่ืองมือ เกบ็ ใหก้ ารวจิ ยั แบบน้ีต่างจากการวจิ ยั อื่น ขอ้ มูล วเิ คราะห์ขอ้ มูล) สรุปและ (solution) วธิ ีการเชิงปรนยั ในการตรวจสอบ ผลการวจิ ยั อภิปรายผลการวจิ ยั 6. กลุ่มเป้ าหมายท่ี ผเู้ รียนในหอ้ งเรียน อาจเป็นรายคน กลุ่มผเู้ รียนที่เป็นตวั แทน ตอ้ งทาํ วจิ ยั หรือรายหอ้ ง ประชากร ประเดน็ การวจิ ยั ปฏบิ ัตกิ ารในช้ันเรียน การวจิ ยั เชิงวชิ าการ ประเดน็ การวจิ ยั ปฏบิ ัตกิ ารในช้ันเรียน การวจิ ยั เชิงวชิ าการ 7. ขอ้ มลู วจิ ยั ผสู้ อนเป็นผเู้ กบ็ ขอ้ มลู ใชว้ ธิ ีการ อาจใชว้ ธิ ีการเกบ็ ขอ้ มลู แบบ 10. ช่วงเวลาใน ทาํ เป็นส่วนหน่ึงของการเรียนการสอน เป็นนกั วจิ ยั ท่ีเฝ้ าสงั เกตหรือเกบ็ การทาํ วจิ ยั และทาํ อยา่ งรวดเร็ว เพอ่ื ใหส้ ามารถ สงั เกต หลกั ฐานแสดงพฤติกรรม เดียวกบั การวจิ ยั ปฏิบตั ิการใน ขอ้ มลู อยหู่ ่าง ๆ แมจ้ ะมีโอกาสเขา้ ทดลอง ใชผ้ ลตามแนวทางท่ีผสู้ อน ของผเู้ รียน ขอ้ มลู ส่วนใหญ่เป็น ช้นั เรียน แต่โอกาสใกลช้ ิดกบั ตดั สินใจจะใช้ ไปทาํ ในหอ้ งเรียนแต่กจ็ ะเป็นช่วง ขอ้ มลู เชิงคุณภาพ แหล่งขอ้ มลู (ผเู้ รียน) จะมีนอ้ ย ส้นั เมื่อทาํ เสร็จกถ็ อยห่างออกมา การวางแผนการวจิ ยั อาจตอ้ งใช้ 8. การวเิ คราะห์ ใชก้ ารวเิ คราะห์เน้ือหา ไม่เนน้ การ ใชว้ ธิ ีการวเิ คราะห์ส่วนใหญ่ ขอ้ มลู วเิ คราะห์ดว้ ยสถิติข้นั สูง ทางสถิติ เนน้ การสรุปอา้ งอิง เวลานานกวา่ การวจิ ยั ปฏิบตั ิการใน ช้นั เรียน 9. การอภิปราย ผสู้ อนและเพื่อนอาจารยจ์ ะมีการ นกั วจิ ยั อภิปรายภายใตก้ รอบ แปลความหมาย แลกเปล่ียนประสบการณ์การวจิ ยั ทฤษฎีที่ใชใ้ นการวจิ ยั และใช้ 11. การใช้ นาํ ผลไปใชแ้ กป้ ัญหาในหอ้ งเรียนทนั ที ผลการวจิ ยั อาจไม่ไดน้ าํ ไปใช้ ผลการวจิ ยั ขอ้ คน้ พบจากการ ร่วมกนั มีการถกอภิปรายถึง ความคิดเห็นของนกั วจิ ยั และตรวจสอบผลที่เกิดข้ึน ไม่เนน้ การ ในทางปฏิบตั ิจริง แต่อาจมีการ วจิ ยั วธิ ีการแกป้ ัญหาที่ใชแ้ ละผลท่ี ประกอบการอภิปราย ตีพมิ พเ์ ผยแพร่ เป็นบทความวชิ าการ ตีพมิ พเ์ ผยแพร่เป็นบทความวจิ ยั เกิดข้ึน หรือบทความทางวชิ าการ
การวจิ ยั แบบเป็ นทางการ (Formal Research) การวจิ ยั แบบไม่เป็ นทางการ (Informal Research) • เป็ นงานวจิ ัยท่ไี ม่ยดึ แบบการวจิ ยั อย่างเคร่งครัดเหมือน • เป็ นงานวจิ ยั ทม่ี แี บบแผนการวจิ ยั เคร่งครัด • มลี กั ษณะการดาํ เนินงานและการนําเสนอเหมอื น การวจิ ัยเชงิ วชิ าการ • มุ่งเน้นตอบคาํ ถามวจิ ยั มากกว่าการยดึ รูปแบบการวจิ ัย งานวจิ ยั เชิงวชิ าการ (academic research) • มกี ารออกแบบการวจิ ยั ทร่ี ัดกมุ เพอ่ื ให้ตอบคาํ ถามวจิ ยั ได้ แบบเป็ นทางการ • ข้อมูลท่ใี ช้ในการวจิ ัยกพ็ ยายามใช้ข้อมูลท่มี ีอย่แู ล้วจาก ชัดเจน • มรี ูปแบบการนําเสนอรายงานผลการวจิ ยั ทก่ี าํ หนด การเรียนการสอนตามปกติ • การนําเสนอผลการวจิ ยั ครอบคลุมเพยี งประเดน็ สาํ คัญท่ี ชัดเจนส่วนใหญ่จาํ แนกเนือ้ หาสาระออกเป็ น5 บท ผู้วจิ ัยต้องการนําเสนองานวจิ ัยแบบนี้ บางครัง้ พบว่ามี วธิ ีวจิ ยั ทใี่ ช้ในการวจิ ยั เพอื่ พฒั นาการเรียนการสอน การสรุปรายงานผลการวจิ ัยเพียง 1-2 หน้า เพ่ือเป็ น หลักฐานการปฏบิ ัตหิ รือเผยแพร่ การวิจัยเชิงสาํ รวจ การวจิ ัยเชิงบรรยาย การวิจยั และพฒั นา การวจิ ัยเชิงทดลอง/ก่งึ ทดลอง การวิจยั และพฒั นา การแสวงหาความรูด้ ว้ ยกระบวนวิจยั การวจิ ัยเชิงคุณภาพ นวตั กรรม (สิง่ ประดิษฐ)์ และนาํ ไป การวจิ ัยแบบวธิ ผี สม ทดลองปฏิบตั ิเพอื่ ใหเ้ กิดการพฒั นางาน แลว้ สงั เกตผลทีท่ ดลองเพอื่ วิจยั ปรบั ปรุง ต่อเนอื่ งกนั ไป
ศ.ดร.นงลกั ษณ์ วริ ัชชัย ศ.ดร.สุวมิ ล ว่องวาณชิ Identify การต้งั โจทยว์ ิจยั Share Problem Diagnose Solve
ลกั ษณะของโจทยป์ ัญหาวิจยั ทีด่ ี ระดบั ของโจทยป์ ัญหาวิจยั สอดคลอ้ งกบั สภาพปัญหาทีเ่ กิดข้ ึน ระดบั ที่ ๑ •โจทย์ปัญหาวิจัยท่เี ก่ยี วกบั การศกึ ษา จําเป็ น ชดั เจนดี มีคุณค่า ระดบั ที่ ๒ สภาพของผู้เรียน เป็ นปัจจุบนั ระดบั ที่ ๓ อยู่ในวิสยั จะทําไดส้ าํ เร็จ •โจทย์เก่ยี วกบั การวิเคราะห์สาเหตุท่ี ทาํ ให้ผู้เรียนเกดิ ปัญหา หลกั การต้งั โจทยว์ ิจยั •โจทย์เก่ยี วกบั วิธแี ก้ปัญหา ๑. •อย่าต้งั โจทยว์ ิจยั ทีเ่ นน้ แต่สภาพปัญหา ๒. •อย่าต้งั โจทยว์ ิจยั เพอื่ ตรวจสอบว่าปัญหาน้นั เป็ น เทคนคิ การกาํ หนดโจทยว์ ิจยั จริงหรือไม่ หมนั่ สงั เกตปัญหาทีเ่ กิดข้ ึนกบั ผูเ้ รียน ๓. •ต้งั โจทยว์ ิจยั ทีม่ ีความลึกซ้ ึง เกีย่ วขอ้ งกบั การ ฝึ กต้งั ขอ้ สงสยั ต้งั คําถามตนเอง สืบคน้ ว่ามีใครศึกษาในประเด็นวิจยั น้นั หรือไม่ และได้ เรียนรูข้ องผูเ้ รียน ขอ้ คน้ พบอะไร กาํ หนดโจทยว์ ิจยั และตรวจสอบกบั เพอื่ น ๔. •โจทยว์ ิจยั มีความเฉพาะเจาะจง
การออกแบบการวจิ ยั บริบทของปัญหา วิเคราะหส์ าเหตุของปัญหา ปัญหาของใคร ปัญหาอะไร วิเคราะหส์ าเหตุของปัญหา เกิดกบั ผูเ้ รียนทีค่ น (กรณีศึกษา หรือเป็ นกล่มุ หรือท้งั หอ้ ง) รูส้ าเหตุหรือไม่ (หาขอ้ มูลหลกั ฐานแสดง) เกิดข้ ึนบ่อยแค่ไหน (หาหลกั ฐาน) เคยแกไ้ ขอย่างไร (หาขอ้ มูลแสดง) มีหลกั ฐานชดั เจนเพยี งใดว่าเป็ นปัญหาจริง ผลของการแกไ้ ขปัญหา (หาขอ้ มูลสนบั สนุน อาจจดั เป็ นปัญหาทีจ่ ําเป็ นตอ้ งแกไ้ ขเร่งด่วนหรือไม่ กล่มุ เพอื่ นอาจารยเ์ พอื่ สะทอ้ นผล แสดงหลกั ฐาน) ผูเ้ กีย่ วขอ้ งทีต่ อ้ งช่วยแกไ้ ขมีใครบา้ ง สิง่ ทีต่ อ้ งพจิ ารณาในการออกแบบการวิจยั การใหโ้ อกาส treatment เพยี งพอต่อการส่งผลต่อ ผูเ้ รียนในระยะเวลาทีเ่ หมาะสม การนยิ ามตวั แปรผลทีม่ ุ่งวดั การเก็บขอ้ มูล/วิเคราะหข์ อ้ มูล
สิง่ ทดลอง (treatment)/สิง่ ทีผ่ ูส้ อนใชใ้ นการพฒั นาผูเ้ รียน - ระบุแนวคิดพ้ นื ฐานในการออกแบบสิง่ ทดลอง - อธิบายลกั ษณะของนวตั กรรม - ต้งั ชื่อใหส้ อดคลอ้ งกบั ลกั ษณะ แบบการวจิ ยั (Research Design) แบบการวจิ ยั (Research Design)
แบบการวจิ ยั (Research Design) คุณภาพของงานวจิ ยั ในช้ันเรียน 1 212 คุณภาพของงานวจิ ยั ในช้ันเรียน ลกั ษณะทีด่ ีของการวิจยั ในช้นั เรียน 1. ความสอดคล้องของโจทย์วิจยั กบั สภาพการณใ์ นช้ันเรียน • เนน้ คําถามวิจยั แบบ know how, know why 2. กระบวนการทาํ วจิ ัย (Methodology) เหมาะสม มากกว่า know what 3. ข้อมูลถูกต้องเช่ือถอื ได้ 4. ผลการวิจัยถูกต้อง • เป็ นการวิจยั ทีส่ รา้ งนวตั กรรมการเรียนการสอน 5. มีการนาํ ผลการวจิ ยั ไปใช้ 6. สมั ฤทธผิ ลของการใช้ผลวจิ ยั มากกว่าการศึกษาสภาพปัญหาหรือวิเคราะห์ 7. เกดิ การเรียนร้ขู องผู้เรียน ผู้สอนและผู้เก่ยี วข้อง สาเหตุ • ควรมีการทําวิจยั เป็ นทีมเพอื่ พฒั นาผูเ้ รียนแบบ องคร์ วม
• มี ตรรกะ (logic) ในการคิดนวตั กรรมที่ • ปัญหาของผูเ้ รียนต่างกนั และทดลองสอนโดย สอดคลอ้ งกบั ปัญหาทีเ่ กิดข้ ึน ใชร้ ูปแบบการสอนแบบเดียวกนั กบั ผูเ้ รียนท้งั • การออกแบบการวิจยั ดี สมเหตุสมผล หอ้ ง ไม่ใช่ CAR ทีแ่ ทจ้ ริง • ขอ้ มูลถูกตอ้ ง เชื่อถอื ได้ • หากตอ้ งการทําใหก้ ารวิจยั สามารถใชก้ บั ผูเ้ รียน • การวิเคราะหข์ อ้ มูลและสรุปผลถูกตอ้ ง ไดใ้ นวงกวา้ ง และในหลาย ๆ บริบท ควร • ทําใหเ้ กิดผลการเรียนรูแ้ ก่ผูเ้ รียน ผูว้ ิจยั และ ทดลองทําวิจยั ซ้ํากบั ผูเ้ รียนหลาย ๆ กล่มุ เพอื่ เปรียบเทียบผลทีเ่ กิดข้ ึน ผูเ้ กีย่ วขอ้ ง การวจิ ยั สถาบนั Institutional Research วจิ ยั สถาบัน Institutional Research หมายถึง การศึกษาและวเิ คราะห์เก่ียวกบั การดาํ เนินงาน สภาพแวดลอ้ ม และกระบวนการของสถาบนั อุดมศึกษาเพ่อื ประโยชนใ์ นการจดั หาขอ้ มูลสาํ หรับสนบั สนุนการวางแผน การ กาํ หนดนโยบาย และการตดั สินใจเรื่องต่างๆ LOGO LOGO
การวจิ ยั สถาบนั ธรรมชาตขิ องการวจิ ยั สถาบนั ในความหมายเพื่อการประกนั คุณภาพการศึกษา หมายถึง การ เป็นการทาํ วจิ ยั ในหน่วยงาน สถาบนั หรือองคก์ รใด ดาํ เนินงานวจิ ยั เชิงประเมินเก่ียวกบั องคก์ ร เพื่อใชผ้ ลการวจิ ยั เชิง องคก์ รหน่ึงโดยเฉพาะซ่ึงแตกต่างจากการวจิ ยั ทวั่ ไป ประเมินน้นั มาประกอบการตดั สินใจในการจดั ทาํ นโยบายและ แผนตามพนั ธกิจขององคก์ ร โดยใชร้ ะบบการจดั การสารสนเทศ เป็นการทาํ วจิ ยั ตามขอบเขต ลกั ษณะ หนา้ ที่ หรือ (Management Information System: MIS ) และการวเิ คราะห์เชิง โครงสร้างของงานท่ีรับผดิ ชอบ หรือปัญหาท่ีเกิดข้ึนใน เปรียบเทียบ (Comparative Analysis) แต่ละองคก์ รหรือสถาบนั น้นั ๆ LOGO การทาํ วจิ ยั ท้งั ปัญหาเฉพาะหนา้ ที่ หรือการวางนโยบาย หรือแผนระยะยาวของสถาบนั ธรรมชาตขิ องการวจิ ยั สถาบัน LOGO ผลงานการวจิ ยั สถาบนั จะตอ้ งนาํ มาแกไ้ ขปัญหาหรือกาํ หนด นโยบายหรือพฒั นาองคก์ รหรือสถาบนั น้นั ๆ ลกั ษณะของการวจิ ยั สถาบัน คณะผวู้ จิ ยั เป็นนกั วจิ ยั หรือ นกั วชิ าการ ท่ีสงั กดั อยภู่ ายใน ประเดน็ วจิ ยั มกั มาจากผบู้ ริหาร ถา้ เป็นงานวจิ ยั เฉพาะกิจ หน่วยงานหรือสถาบนั น้นั ๆ (เวน้ แต่จะมีที่ปรึกษาจากภายนอก ใชร้ ะยะเวลาส้นั หวงั ผลเร็ว เพราะตอ้ งการใชข้ อ้ มูล ใน ร่วมดว้ ยกไ็ ด)้ การตดั สินใจของผบู้ ริหาร คณะวจิ ยั ควรเป็นนกั วจิ ยั ทางดา้ นสงั คมศาสตร์ จิตวทิ ยา สถิติ ข้นั ตอนการนาํ เสนอโครงร่างวจิ ยั รวดเร็ว การศึกษา สงั คมวทิ ยา มนุษยศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ กฎหมาย มกั ใชง้ บประมาณปกติของสถาบนั หรือ การปกครอง LOGO LOGO
ภาระงานของวจิ ยั สถาบัน ตวั อยา่ งงานวจิ ยั สถาบนั ของจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 1. จดั ทาํ สารสนเทศ เพอื่ การวางแผนและพฒั นา สภาพการวดั และประเมินผลของอาจารยจ์ ุฬาฯ สถาบนั อุดมศึกษา การวเิ คราะห์สภาพการใชห้ อ้ งเรียนของมหาวทิ ยาลยั การประเมินผลโครงการการรับนิสิตแบบพเิ ศษ 2. จดั ทาํ เอกสารเผยแพร่ สารสนเทศ และผลงานการวจิ ยั การติดตามสภาพการทาํ วจิ ยั ของอาจารยจ์ ุฬาฯ สถาบนั ใหก้ บั บุคคล หน่วยงาน องคก์ รท้งั ภายในและ การวเิ คราะห์ค่าใชจ้ ่ายรายหวั ของนิสิตจุฬาฯ ภายนอกมหาวทิ ยาลยั ในรูปแบบของเอกสาร และอาจ เผยแพร่ผา่ นเวบ็ ไซต์ การออกแบบการวจิ ยั สถาบัน LOGO LOGO 3. จดั บริการใหค้ าํ ปรึกษาและคาํ แนะนาํ การใชป้ ระโยชนจ์ าก คาํ ถามวจิ ยั ขอ้ มลู สารสนเทศและผลงานการวจิ ยั สถาบนั แก่ ผมู้ าขอใช้ วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ยั บริการท้งั ภายใน และภายนอกสถาบนั อุดมศึกษา ขอบเขตของการวจิ ยั ประโยชนข์ องการวจิ ยั LOGO งานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง วธิ ีดาํ เนินงานการวจิ ยั ตวั อยา่ งงานวจิ ยั สถาบนั ของจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั การนาํ เสนอผลการวจิ ยั การเปรียบเทียบค่าใชจ้ ่ายรายหวั ของจุฬาฯ กบั การสรุป อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ มหาวทิ ยาลยั เปิ ด การวเิ คราะห์ขนาดช้นั เรียนของคณะครุศาสตร์ สถิติเพอื่ การบริหาร การวเิ คราะห์การกระจายของเกรดเฉล่ียของนิสิตจุฬาฯ LOGO
วธิ ีดาํ เนินการวจิ ยั การออกแบบ และการบริหารการเกบ็ ข้อมูล ระเบียบวธิ ีวจิ ยั ประชากร/กลุ่มตวั อยา่ ง วางแผนการสาํ รวจ การสุ่มตวั อยา่ ง เครื่องมือวจิ ยั การสร้างคาํ ถามในเคร่ืองมือวจิ ยั นิยามตวั แปร การใหค้ วามสาํ คญั กบั อตั ราการตอบกลบั การสร้างเครื่องมือวจิ ยั การตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ การเกบ็ ขอ้ มูล การออกแบบวธิ ีการเกบ็ ขอ้ มูล การวเิ คราะห์ขอ้ มูล การออกแบบวธิ ีการวเิ คราะห์ขอ้ มูล LOGO LOGO ข้อ ประเดน็ วจิ ยั 6 ปฏิบตั ิงานอยา่ งไรให้ผ้ใู ช้บริการเกิดความพงึ พอใจโดยเป็นไปตาม 1 การประเมินความพงึ พอใจของผ้รู ับบริการ และความเช่ือมนั่ เก่ียวกบั ระเบยี บฯ ขนั้ ตอน คณุ ภาพการให้บริการของโครงการบริการวชิ าการ 7 ความพงึ พอใจในการรับบริการทนุ ประชมุ และเสนอผลงานทางวชิ าการ 2 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งปริมาณงานกบั จํานวนบคุ ลากรของงานคลงั ตา่ งประเทศระดบั นานาชาติตอ่ การให้บริการของงานบริการการศกึ ษา 3 ปัญหาการสอ่ื สารกบั ประสทิ ธิภาพในการทํางานของบคุ ลากรใน ฝ่ ายวิชาการ คณะวิทยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั หนว่ ยงาน 8 การศกึ ษาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งคะแนนสอบเข้าภายใต้ระบบแอดมิช 4 สอื่ การสอนในรูปแบบ Flash animation สาํ หรับการเพิ่มประสทิ ธิผลใน ชนั ส์ กบั ผลการเรียนวชิ าพืน้ ฐานของนิสติ คณะวิทยาศาสตร์ การอบรมการใช้เครื่องวเิ คราะห์ทางวทิ ยาศาสตร์ให้นิสติ 9 การศกึ ษาความพงึ พอใจในการให้และการใช้บริการของหนว่ ย PCU ของ 5 การศกึ ษาลกั ษณะข้อมลู ที่ถกู ขอจากตา่ งหนว่ ยงานเพ่ือพฒั นาระบบการ คณะวทิ ยาศาสตร์ จดั เก็บข้อมลู ของภาควิชา 10 การศกึ ษาสถานภาพและปัญหาการตีพิมพ์นําเผยแพร่บทความวิจยั ใน วารสารวิจยั วทิ ยาศาสตร์ จฬุ าฯ
11 ระบบจดั ห้องสอบกลางภาคแบบอตั โนมตั ิ 17 การเรียนการสอนท่ีใช้สารสนเทศกบั ไมใ่ ชส่ ารสนเทศมีสมั ฤทธิผล 12 สดั สว่ นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ตอ่ นิสติ ระดบั ปริญญามหาบณั ฑิต ตา่ งกนั อยา่ งไร และ ปริญญาดษุ ฎีบณั ฑิต คณะวศิ วกรรมศาสตร์ จฬุ าฯ 18 แรงจงู ใจท่ีมีผลตอ่ การทําวจิ ยั ของอาจารย์ในคณะอกั ษรศาสตร์ 13 วิเคราะห์อตั รากําลงั สายสนบั สนนุ ของสาํ นกั งานเลขานกุ ารคณะ 19 การวเิ คราะห์หาปริมาณสารเคมีที่ใช้ในจฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 20 การวเิ คราะห์ปัญหาและแนวทางการพฒั นาระบบบริหารทรัพยากร วศิ วกรรมศาสตร์ จฬุ าฯ จฬุ าฯ กรณีศกึ ษาวทิ ยาลยั ปิ โตรเลยี มและปิ โตรเคมี 14 ผลของนโยบายการให้เงินสมนาคณุ บทความตีพิมพ์ในวารสารระดบั 21 สมั ฤทธิผลทางวิชาการของนิสติ คณะอกั ษรศาสตร์ที่รับเข้าด้วยวิธีรับ นานาชาตติ อ่ การผลติ บทความทางวิชาการและทศั นคติของคณาจารย์ กลางกบั รับตรง 15 การปรับปรุงขนั้ ตอนการเตรียมเอกสารประกอบการประชมุ 22 การพฒั นาการใช้ Social Networking ในการเผยแพร่ข้อมลู และ คณะกรรมการบริหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์ จฬุ าฯ ขา่ วสารของสถาบนั วิทยบริการ จฬุ าฯ 16 ความพงึ พอใจของผ้ใู ช้บริการท่ีมีตอ่ บริการของห้องสมดุ คณ 1. การวจิ ยั ปฏบิ ตั กิ าร (action research) วิศวกรรมศาสตร์ • การวจิ ยั ในประเดน็ วจิ ยั ท่ีมุ่งเนน้ การแกป้ ัญหาที่เกิดข้ึน วธิ ีวจิ ยั ทางการศึกษา ขององคก์ ร LOGO • การนาํ ปัญหาเป็นตวั ต้งั แลว้ คิดหาวธิ ีการแกป้ ัญหาไป ทดลองปฏิบตั ิจริง • ไดค้ าํ ตอบเป็นแนวทางการแกไ้ ขปัญหาซ่ึงเป็นองคค์ วามรู้ ท่ีผา่ นกระบวนการตรวจสอบดว้ ยวธิ ีการท่ีเป็น วทิ ยาศาสตร์
2. การวจิ ัยประเมนิ ความต้องการจําเป็ น 3. การวจิ ัยและพฒั นา (research and development) (Needs Assessment Research) การวจิ ยั ท่ีมีกระบวนการวจิ ยั เพ่อื พฒั นานวตั กรรมหรือส่ิงประดิษฐ์ การวจิ ยั ทใ่ี ห้ข้อมูลสารสนเทศเกยี่ วกบั ความต้องการจาํ เป็ นของ ใหม่ (R1) ผู้เกยี่ วข้อง เช่น บุคลากรในโรงพยาบาล ชุมชนท่ีต้องได้รับการ พฒั นาโดยเร่งด่วน นาํ ส่ิงที่คิดคน้ ข้ึนนาํ สู่การพฒั นา (D1) แลว้ ติดตามผลการใชส้ ่ิงที่ เป็ นการวจิ ยั ทที่ าํ ให้รู้ถงึ สภาพปัญหาทยี่ งั ไม่บรรลุถงึ เป้ าหมายที่ คิดคน้ ข้ึนใหม่ ต้องการ (needs identification) มีการวจิ ยั ซ้าํ ในสิ่งท่ีคิดคน้ ข้ึนเพ่อื นาํ มาใชใ้ นการปรับปรุงชิ้นงาน ใหด้ ีข้ึน (R2) เป็ นการวจิ ยั ท่ีสามารถวเิ คราะห์สาเหตุที่ทาํ ให้เกดิ ความต้องการ นาํ ส่ิงที่พฒั นาข้ึนจากการวจิ ยั ไปใชพ้ ฒั นางาน (D2) ต่อไป จาํ เป็ น (needs analysis) เป็นการทาํ งานที่เป็นวงจรต่อเน่ืองแบบ R1D1, R2D2, … เป็ นการวิจัยท่ีทําให้สามารถกําหนดทางเลือกหรือแนวทางการ 5. การวจิ ยั ประเมนิ ผล (evaluation research) สนองตอบความต้องการจําเป็ น (needs solution) ได้อย่าง การวจิ ยั ท่ีมุ่งตอบประเดน็ คาํ ถามวจิ ยั ที่เป็นคาํ ถามเชิงประเมิน หรือคาํ ถามเชิงคุณค่า เหมาะสม การวจิ ยั ที่ทาํ ใหไ้ ดข้ อ้ มลู เก่ียวกบั สมั ฤทธิผลของการดาํ เนินงาน 4. การวจิ ยั สถาบนั (institutional research) ของหน่วยงานที่ใหบ้ ริการ การวจิ ยั ท่ีมุ่งเนน้ การวจิ ยั ในประเดน็ ที่ใหข้ อ้ มูลที่จาํ เป็นต่อการ การวจิ ยั ท่ีผบู้ ริหารควรดาํ เนินการใหเ้ ป็นส่วนหน่ึงของการ นาํ ไปใชใ้ นการวางแผนเพอื่ พฒั นาหน่วยงาน ดาํ เนินงานปกติ เป็นการดาํ เนินงานในฐานะที่เป็นส่วนหน่ึงของ ระบบประกนั คุณภาพ หรือตามวงจร PDCA การวจิ ยั สถาบนั ของสถานพยาบาลเป็นการวจิ ยั ท่ีเก่ียวกบั ผปู้ ่ วย พยาบาล ผบู้ ริหาร งบประมาณ อาคารสถานท่ี การทาํ วจิ ยั สถาบนั ของโรงพยาบาลเป็นการสร้างฐานขอ้ มลู ท่ี ช่วยในการวางแผนงาน
6. การวจิ ยั นโยบาย (policy research) แผนการส่งเสริมการวจิ ัยทางการศึกษา การวจิ ยั ท่ีเนน้ การวเิ คราะห์ตวั นโยบาย การกาํ หนดนโยบายการวจิ ยั การวเิ คราะห์ผลการดาํ เนินงานตามนโยบาย การพฒั นาสมรรถนะการวจิ ยั ใหก้ บั บุคลากร การวจิ ยั เพอื่ พฒั นานโยบาย • การสร้าง/จดั หาพ่ีเล้ียง แนวทางการส่งเสริมและพฒั นาการวจิ ยั ทางการศึกษา • การฝึกอบรมพฒั นา 1. การพฒั นาทกั ษะการวจิ ยั (research skill) ของผู้เกยี่ วข้อง การสนบั สนุนทรัพยากรการทาํ วจิ ยั 2. การส่ งเสริมการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ วิจัยเป็ นฐาน การวางระบบการเผยแพร่และการใชป้ ระโยชนจ์ ากงานวจิ ยั การจดั กิจกรรมการจดั การความรู้ (research-based learning) การจดั กิจกรรมแลกเปล่ียนเรียนรู้ การสร้างเครือข่ายวจิ ยั การศึกษา 3. ผู้บริหารส่งเสริมบรรยากาศของการวจิ ัย สร้างวฒั นธรรม การวางระบบการใหแ้ รงเสริมในการวจิ ยั การวจิ ัยและการประเมิน (research and evaluation 5. ผเู้ ก่ียวขอ้ งกบั การพฒั นาการศึกษาส่งเสริมการ culture) สร้างเครือข่ายวจิ ยั (research network) 4. การใช้ กระบวนการวิจัยปฏิบัติการแบบมีส่ วนร่ วม (participatory action research: PAR) ในการพฒั นา เครือข่ายการวจิ ยั คือการรวมตวั กนั ของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวขอ้ ง การศึกษา มาเขา้ ร่วมกระบวนการแกไ้ ขปัญหาหรือแสวงหาแนวทางการ พฒั นา โดยใชห้ ลกั การทาํ งานแบบร่วมมือรวมพลงั และใช้ กระบวนการวจิ ยั เป็นกลไกการคน้ หาคาํ ตอบ เพอื่ ใหไ้ ดข้ อ้ สารสนเทศท่ีนาํ ไปใชใ้ นการพฒั นาไดจ้ ริง และสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของชุมชนและทอ้ งถิ่น
วธิ ีวทิ ยาการวจิ ยั และประเมนิ วธิ ีดาํ เนินการวจิ ัย การวจิ ัยเชงิ สาํ รวจ การวจิ ยั เชิงสาํ รวจ 1. แผนแบบการวจิ ยั ศกึ ษาเหตกุ ารณ์ สภาพตา่ ง ๆ ที่เกิดขนึ ้ ตวั แปรท่ีศกึ ษา การวจิ ยั เชิงทดลอง ไมถ่ กู จดั กระทํา แตเ่ กิดขนึ ้ ตามธรรมชาติ การวจิ ยั ก่ึงทดลอง 2. ลักษณะของคาํ ถาม การวจิ ยั เชิงบรรยาย/เชิงสมั พนั ธ์/เชิงเปรียบเทียบสาเหตุ วจิ ยั ลกั ษณะของตวั แปรเป็นอยา่ งไร? การวจิ ยั และพฒั นา 3. ตวั อย่างคาํ ถามวจิ ยั ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งตวั แปรเป็นอยา่ งไร? การวจิ ยั ประเมินผล 4. รายงานเอกสารท่ี การวจิ ยั เชิงคุณภาพ เก่ียวข้องกับการวจิ ยั สภาพปัญหาของการพฒั นาคณุ ธรรมเป็นอยา่ งไร การสงั เคราะห์งานวจิ ยั 5. การกาํ หนดกรอบ ศกึ ษาเอกสาร/รายงานการวิจยั เก่ียวกบั การพฒั นา ความคดิ ของการวจิ ยั คณุ ธรรม ปัญหาของการพฒั นา แนวคดิ เกี่ยวกบั การ พฒั นาคณุ ธรรม สภาพปัญหาเกี่ยวกบั การพฒั นาคณุ ธรรม อาจจําแนก เป็น ปัญหาสว่ นตวั ของผ้เู รียน ปัญหาด้านความพร้อม ของครอบครัว ปัญหาด้านความพร้อมของสถานศกึ ษา ปัญหาอนั เน่ืองมาจากปัจจยั อื่น ๆ วธิ ีดาํ เนินการวจิ ยั การวจิ ัยเชงิ สาํ รวจ วธิ ีดาํ เนินการวจิ ยั การวจิ ยั เชงิ ทดลอง 6. สมมตฐิ านการวจิ ัย ไมจ่ ําเป็ นต้องมี 1. แผนแบบการวจิ ยั -ตวั แปรอยา่ งน้อย 1 ตวั เป็ นตวั แปรจดั กระทําเพื่อศกึ ษาผลที่เกิด 7. ตัวแปรอสิ ระ - จากตวั แปรนนั้ 8. ตัวแปรตาม/ตวั แปรหลัก สภาพปัญหาการพฒั นาคณุ ธรรม 2. ลักษณะของคาํ ถามวจิ ยั - ควบคมุ ความแปรปรวนโดยแผนการทดลอง 9. ประชากร ครูชนั้ ป. 1 – 6 3. ตัวอย่างคาํ ถามวจิ ัย 10. ขนาดตวั อย่าง ประมาณ 400 คน ผลจากตวั แปรทดลองท่ีเกิดขนึ ้ คืออะไร? 11. วธิ ีการเลือกตวั อย่าง ครูได้รับการสมุ่ แบบแบง่ ชนั้ (stratified random sampling) โดยมี 4. รายงานเอกสารท่ี สดั สว่ นจากแตล่ ะระดบั ชนั้ เทา่ กนั หรือมีสดั สว่ นที่เกิดขนึ ้ จริงใน เก่ียวข้องกับการวจิ ัย ผลของกิจกรรมการพฒั นาคณุ ธรรมโดยการเข้าคา่ ยที่มีตอ่ ความ 12. เคร่ืองมือวจิ ยั ประชากร 5. การกาํ หนดกรอบ รับผิดชอบของนกั เรียนชนั้ ป. 6 ตา่ งจากการพฒั นาแบบเดมิ 13. การตรวจสอบคุณภาพ ความคดิ ของการวจิ ยั อยา่ งไร เคร่ืองมือ แบบสอบถามวดั ปัญหาในการพฒั นาคณุ ธรรม 14. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล ความตรงเชิงเนือ้ หา (content validity) ศกึ ษาแนวคดิ เชิงทฤษฎี/รายงานการวจิ ยั เกี่ยวกบั การจดั กิจกราม 15. การวเิ คราะห์ข้อมูล ความเท่ียง (reliability) คา่ ย การพฒั นาความรับผิดชอบ เก็บข้อมลู ด้วยตนเองหรือสง่ แบบสอบถามทางไปรษณีย์ สถิตภิ าคบรรยาย แผนภาพแสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งตวั แปรที่มีอิทธิพลตอ่ ความ รับผิดชอบของนกั เรียน โดยตวั แปรอิสระท่ีสนใจคือวธิ ีการพฒั นา คณุ ธรรม สาํ หรับตวั แปรอิสระอ่ืนท่ีมีผลตอ่ ความรับผิดชอบและ ไมส่ นใจศกึ ษาในการวจิ ยั ครัง้ นี ้ต้องทําการควบคมุ
วธิ ีดาํ เนินการวจิ ยั การวจิ ยั เชงิ ทดลอง วธิ ีดาํ เนินการวจิ ยั การวจิ ัยเชงิ ก่งึ ทดลอง 6. สมมตฐิ านการวจิ ยั ควรมีและตงั้ แบบมีทศิ ทางโดยมีทฤษฎีรองรับ 1. แผนแบบการวจิ ยั -ตวั แปรอยา่ งน้อย 1 ตวั เป็ นตวั แปรจดั กระทําเพ่ือศกึ ษาผลที่ 7. ตัวแปรอสิ ระ เกิดจากตวั แปรนนั้ 8. ตวั แปรตาม/ตวั แปรหลัก วธิ ีการพฒั นา มี 2 แบบ คือแบบกิจกรรมคา่ ย และแบบปกติ 2. ลักษณะของคาํ ถามวจิ ยั - ควบคมุ ความแปรปรวนโดยแผนแบบการทดลองและสถิติ 9. ประชากร 3. ตวั อย่างคาํ ถามวจิ ยั 10. ขนาดตวั อย่าง ความรับผิดชอบ ผลจากตวั แปรทดลองท่ีเกิดขนึ ้ คืออะไร? 11. วธิ ีการเลือกตวั อย่าง 4. รายงานเอกสารท่ี นกั เรียนชนั้ ป. 6 เก่ียวข้องกับการวจิ ยั ผลของการพฒั นาคณุ ธรรมโดยการจดั กิจกรรมคา่ ยท่ีมีตอ่ 12. เคร่ืองมือวจิ ัย ความรับผิดชอบของนกั เรียนชนั้ ป. 6 ตา่ งจากการพฒั นา 13. การตรวจสอบคุณภาพ กลมุ่ ทดลอง และกลมุ่ ควบคมุ กลมุ่ ละไมน่ ้อยกวา่ 20 คน 5. การกาํ หนดกรอบ แบบเดมิ อยา่ งไร เคร่ืองมือ ความคดิ ของการวจิ ยั 14. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล มีกระบวนการกําหนดกลมุ่ ทดลองและกลมุ่ ควบคมุ โดยใช้ ศกึ ษาแนวคดิ เชิงทฤษฎี/รายงานการวจิ ยั เกี่ยวกบั การพฒั นา 15. การวเิ คราะห์ข้อมูล(ท่ี กระบวนการ randomization คณุ ธรรม การพฒั นาความรับผิดชอบ อาจเป็ นไปได้) แบบวดั ความรับผิดชอบ แผนภาพแสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งตวั แปรท่ีมีอทิ ธิพลตอ่ construct validity ความรับผิดชอบของนกั เรียน โดย ตวั แปรอิสระที่สนใจคือ internal consistency วธิ ีการพฒั นาคณุ ธรรม สําหรับตวั แปรอสิ ระอ่ืนท่ีมีผลตอ่ ความ รับผิดชอบและไมส่ นใจศกึ ษาในการวจิ ยั ครัง้ นี ้ต้องทําการ เก็บข้อมลู ก่อน ระหวา่ ง และหลงั การทดลองในพืน้ ท่ีที่ทําวจิ ยั ควบคมุ สถิตวิ เิ คราะห์ประเภทการเปรียบเทียบคา่ เฉลยี่ เชน่ t-test, ANOVA วธิ ีดาํ เนินการวจิ ยั การวจิ ยั เชงิ ก่งึ ทดลอง วธิ ีดาํ เนินการวจิ ยั การวจิ ยั เชงิ ความสัมพนั ธ์ 6. สมมตฐิ านการวจิ ยั ควรมีและตงั้ แบบมีทิศทางโดยมีทฤษฎีรองรับ 1. แผนแบบการวจิ ยั ศกึ ษาเหตกุ ารณ์ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งตวั แปร ตวั แปรที่ศกึ ษา 7. ตวั แปรอสิ ระ ไมถ่ กู จดั กระทํา แตเ่ กิดขนึ ้ ตามธรรมชาติ 8. ตวั แปรตาม/ตวั แปรหลัก วธิ ีการพฒั นา มี 2 แบบ คือแบบกิจกรรมคา่ ย และแบบปกติ 2. ลักษณะของคาํ ถามวจิ ยั 9. ประชากร ลกั ษณะของตวั แปรเป็นอยา่ งไร? 10. ขนาดตวั อย่าง ความรับผิดชอบ 3. ตวั อย่างคาํ ถามวจิ ยั ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งตวั แปรเป็นอยา่ งไร? 11. วธิ ีการเลือกตวั อย่าง นกั เรียนชนั้ ป. 6 4. รายงานเอกสารท่ี ปัจจยั อะไรที่สง่ ผลตอ่ ความสําเร็จในการพฒั นาคณุ ธรรมของ 12. เคร่ืองมือวจิ ยั เก่ียวข้องกับการวจิ ยั นกั เรียนระดบั ประถมศกึ ษา 13. การตรวจสอบคุณภาพ กลมุ่ ทดลอง และกลมุ่ ควบคมุ กลมุ่ ละไมน่ ้อยกวา่ 20 คน เคร่ืองมือ 5. การกาํ หนดกรอบ ศกึ ษาแนวคดิ เชิงทฤษฎี/รายงานการวจิ ยั เก่ียวกบั การพฒั นา 14. การเกบ็ ข้อมูล ไมม่ ี random selection และ ไมม่ ี random assignment มีแต่ ความคดิ ของการวจิ ยั คณุ ธรรม ความสําเร็จของการพฒั นาคณุ ธรรม ปัจจยั ท่ีสง่ ผล 15. การวเิ คราะห์ข้อมูล random treatment ตอ่ ความสําเร็จในการพฒั นาคณุ ธรรม แบบวดั ความรับผิดชอบ ตวั แปรปัจจยั ได้แก่ ปัจจยั ด้านครอบครัว ปัจจยั ด้านนกั เรียน ปัจจยั ด้านครู ปัจจยั ด้านโรงเรียน ตวั แปรตาม คือ ความสําเร็จ ตรวจสอบความตรงเชงิ โครงสร้าง (construct validity) และ ในการพฒั นาคณุ ธรรม ความสาํ เร็จวดั ด้วยตวั แปร การจดั ความเท่ียงแบบความสอดคล้องภายใน (internal consistency) กิจกรรมการพฒั นาคณุ ธรรม ประสทิ ธิผลของการพฒั นา คณุ ธรรม เก็บข้อมลู ก่อน ระหวา่ ง และหลงั การทดลองในพืน้ ท่ีท่ีทําวจิ ยั สถิตวิ เิ คราะห์ประเภทการเปรียบเทียบคา่ เฉลี่ยที่มีการควบคมุ ตวั แปรแทรกซ้อน เชน่ ANCOVA
วธิ ีดาํ เนินการวจิ ยั การวจิ ัยเชงิ ความสัมพนั ธ์ วธิ ีดาํ เนินการวจิ ยั การวจิ ัยเชงิ คุณภาพ 6. สมมตฐิ านการวจิ ัย ควรมี โดยมีทฤษฎีรองรับการตงั้ สมมตฐิ านแสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งตวั แปร 1. แผนแบบการวจิ ยั -บรรยายปรากฏการณ์ที่เกิดขนึ ้ ในปัจจบุ นั ให้เหน็ ภาพรวม ปัจจยั กบั ตวั แปรตาม วเิ คราะห์/เช่ือมโยงความเก่ียวข้องระหวา่ งปรากฏการณ์ หรือสร้างทฤษฎี ฐานราก (grounded theory) 7. ตวั แปรอสิ ระ ปัจจยั ด้านครอบครัว, นกั เรียน, ครู, โรงเรียน 8. ตัวแปรตาม ความสาํ เร็จในการพฒั นาคณุ ธรรม 2. ลักษณะของคาํ ถาม -ธรรมชาตขิ องสงิ่ ที่เกิดขนึ ้ เป็นอยา่ งไร ความรู้สกึ สะท้อนของผ้เู ก่ียวข้อง วจิ ยั เป็ นอยา่ งไร สง่ิ ที่เกิดขนึ ้ มีกระบวนการเปล่ียนแปลงอยา่ งไร ปัจจยั ท่ีเป็น 9. ประชากร ครูชนั้ ป. 1 –6 สาเหตทุ ําให้เกิดการเปลยี่ นแปลงนนั้ ไปกระต้นุ หรือทําให้เกิดปฏิกริยา 10. ขนาดตัวอย่าง ประมาณ 400 คน สะท้อนลกั ษณะใด 11. วธิ ีการเลือกตัวอย่าง ครูได้รับการสมุ่ แบบแบง่ ชนั้ (stratified random sampling) โดยมีสดั สว่ นจากแต่ 3. ตวั อย่างคาํ ถามวจิ ัย -ในการพฒั นาคณุ ธรรมของนกั เรียน ครูต้องปรับบทบาทของตนเอง ละระดบั ชนั้ เทา่ กนั หรือมีสดั สว่ นท่ีเกิดขนึ ้ จริงในประชากร อยา่ งไร ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งครูและนกั เรียนเปล่ยี นไปอยา่ งไร ปฏิสมั พนั ธ์ระหวา่ งนกั เรียนเปล่ียนแปลงไปเป็ นแบบใด 12. เคร่ืองมือวจิ ัย แบบสอบถามวดั ภมู หิ ลงั ของผ้ตู อบ ตวั แปรอสิ ระทกุ ตวั ความสําเร็จในการพฒั นา คณุ ธรรม 4. รายงานเอกสารท่ี ศกึ ษาเอกสาร/รายงานการวจิ ยั เกี่ยวกบั การพฒั นาคณุ ธรรม 13. การตรวจสอบ ความตรงเชิงเนือ้ หา (content validity), ความตรงเชิงโครงสร้าง (construct เก่ียวข้องกับการวจิ ัย คุณภาพเคร่ืองมือ validity), ความเที่ยง (reliability) 14. การเกบ็ ข้อมูล 5. การกาํ หนดกรอบ ไมต่ ้องกําหนดกรอบความคดิ ของการวจิ ยั ลว่ งหน้า เก็บข้อมลู ด้วยตนเองหรือสง่ แบบสอบถามทางไปรษณีย์ 15. การวเิ คราะห์ข้อมูล สถิตภิ าคบรรยาย สหสมั พนั ธ์ การวิเคราะห์ถดถอยพหคุ ณู และสถิติขนั้ สงู ความคดิ การวจิ ยั วธิ ีดาํ เนินการวจิ ยั การวจิ ยั เชงิ คุณภาพ วธิ ีดาํ เนินการวจิ ยั การวจิ ัยประเมนิ ผล 6. สมมตฐิ านการวจิ ยั ไมจ่ ําเป็ นต้องมี 1. แผนแบบการวจิ ัย กําหนดตวั บง่ ชี ้เกณฑ์การประเมนิ เปรียบเทียบผลที่เกิดขนึ ้ ในแตล่ ะ 7. ขอบจ่ายข้อมูล -ทศั นะเก่ียวกบั การเปลยี่ นแปลงบทบาทของครู ตวั บง่ ชีก้ บั เกณฑ์ท่ีกําหนด -การปรับตวั ของครู: วธิ ีการ ปัญหา และผลที่เกิดขนึ ้ ทงั้ ผลดีผลเสยี 8. ผู้ให้ข้อมูลและ -ปฏิสมั พนั ธ์ระหวา่ งผ้เู รียนในด้านความร่วมมือ การทํางานเป็นทีม 2. ลักษณะของคาํ ถามวจิ ยั สภาพ/รูปแบบ/ระบบ/ลกั ษณะที่เป็ นอยมู่ ีจดุ แขง็ จดุ ออ่ น แหล่งข้อมูล -ครูที่มีความสามารถสงู ในการพฒั นาคณุ ธรรม ข้อบกพร่อง อะไรบ้าง ควรปรับปรุงแก้ไขอยา่ งไร และสงิ่ ท่ีถกู ประเมนิ 9. จาํ นวนผู้ให้ข้อมูล -นกั เรียนท่ีมีการเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรม มีคณุ คา่ หรือคณุ ภาพเพียงใด ข้อเสนอแนะสําหรับการตดั สนิ ใจตอ่ ไป 10. วธิ ีเลือกตัวอย่าง 1- 30 คน มีอะไรบ้าง 11. เคร่ืองมือวจิ ัย เลือกแบบเจาะจง 12. การตรวจสอบ นกั วจิ ยั แบบสมั ภาษณ์ เอกสารรายงาน 3. ตัวอย่างคาํ ถามวจิ ยั โครงการหรือกิจกรรมการพฒั นาคณุ ธรรมท่ีโรงเรียนกําลงั ดําเนินการ คุณภาพเคร่ืองมือ ฝึกการสมั ภาษณ์ การลงรหสั การบนั ทกึ ข้อมลู ความตรงเนือ้ หา อยมู่ ีประสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผลระดบั ใด มีจดุ แข็ง จดุ ออ่ น 13. การเกบ็ ข้อมูล อะไรบ้าง หากต้องการพฒั นาให้ดีขนึ ้ ควรปรับปรุงแก้ไขอยา่ งไร 14. การวเิ คราะห์ข้อมูล รวบรวมจากเอกสาร การสมั ภาษณ์แบบลกึ การวเิ คราะห์เนือ้ หา การสงั เคราะห์สารสนเทศจากกรณีศกึ ษา 4. รายงานเอกสารท่ี ศกึ ษาเอกสาร/รายงานการวจิ ยั เก่ียวกบั การพฒั นาคณุ ธรรม รูปแบบ เก่ียวข้องกับการวจิ ัย การประเมินประสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผลการพฒั นาคณุ ธรรม 5. การกาํ หนดกรอบ ตวั แปรสภาพบริบท ปัจจยั กระบวนการที่สง่ ผลตอ่ คณุ ธรรมของ ความคดิ ของการวจิ ยั ผ้เู รียน เกณฑ์การประเมนิ ความสําเร็จของการพฒั นาคณุ ธรรม
วธิ ีดาํ เนินการวจิ ยั การวจิ ยั ประเมนิ ผล วธิ ีดาํ เนินการวจิ ัย การวจิ ัยและพฒั นา 6. สมมตฐิ านการวจิ ัย ไมต่ ้องมี 1. แผนแบบการวจิ ยั พฒั นาระบบ และตรวจสอบระบบ/รูปแบบท่ีพฒั นาขนึ ้ ใน ด้านประสทิ ธิผลของระบบ/รูปแบบท่ีเหมาะสมกบั สภาพ 7. ตัวแปรอสิ ระ ตวั บง่ ชี ้บริบท ปัจจยั กระบวนการ 2. ลักษณะของคาํ ถามวจิ ยั เง่ือนไขตา่ ง ๆ 8. ตัวแปรตาม ตวั บง่ ชีผ้ ลผลติ (ประสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผลของระบบการพฒั นา 3. ตัวอย่างคาํ ถามวจิ ัย ลกั ษณะของรูปแบบ/ระบบ/สงิ่ ของ/วตั ถทุ ี่ต้องการพฒั นา คณุ ธรรมฯ ความสําเร็จในการพฒั นาคณุ ธรรม ) 4. รายงานเอกสารท่ี ประกอบด้วยรายละเอียดหรือเป็นอยา่ งไร เก่ียวข้องกับการวจิ ัย 9. ประชากร - รูปแบบการพฒั นาคณุ ธรรมขนึ ้ มีลกั ษณะเช่นใด 5. การกาํ หนดกรอบ 10. ขนาดตวั อย่าง 1. ครูอาจารย์ท่ีเกี่ยวข้อง 2. ผ้ทู รงคณุ วฒุ ิ 3. นกั เรียน ความคดิ ของการวจิ ยั ศกึ ษาเอกสาร/รายงานการวิจยั เก่ียวกบั รูปแบบการ พฒั นาคณุ ธรรม องค์ประกอบที่อยใู่ นรูปแบบมีอะไรบ้าง 11. วธิ ีการเลือกตวั อย่าง 1. ครูและนกั เรียนได้รับการสมุ่ แบบสมุ่ (simple random sampling) รูปแบบท่ีพฒั นาขนึ ้ มีประสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผล 2. เลือกผ้ทู รงคณุ วฒุ ิแบบเจาะจง เพียงใด 12. เคร่ืองมือวจิ ยั แบบสอบถามวดั ตวั บง่ ชีท้ ี่เกี่ยวข้อง องค์ประกอบท่ีเก่ียวข้องในรูปแบบการพฒั นาคณุ ธรรม 13. การตรวจสอบ ความตรงเชิงเนือ้ หา (content validity) ความตรงเชิงโครงสร้าง คุณภาพเคร่ืองมือ (construct validity) ความเท่ียง (reliability) 14. การเกบ็ ข้อมูล เก็บข้อมลู ด้วยตนเองหรือสง่ แบบสอบถามทางไปรษณีย์ 15. การวเิ คราะห์ข้อมูล สถิตภิ าคบรรยาย เปรียบเทียบข้อมลู ท่ีเกิดขนึ ้ กบั เกณฑ์ท่ีกําหนด วธิ ีดาํ เนินการวจิ ยั การวจิ ยั และพฒั นา วธิ ีดาํ เนินการวจิ ัย การสังเคราะห์งานวจิ ัย 6. สมมตฐิ านการวจิ ัย ไมจ่ ําเป็ นต้องตงั้ 1. แผนแบบการวจิ ัย -การประมาณคา่ ขนาดอิทธิผล การศกึ ษาคณุ ลกั ษณะงานวจิ ยั ของ ขนาดอิทธิผล 7. ตัวแปรอสิ ระ องค์ประกอบท่ีเกี่ยวข้องในรูปแบบของการพฒั นาคณุ ธรรม 8. ตัวแปรตาม รูปแบบการพฒั นาคณุ ธรรม 2. ลักษณะของคาํ ถามวจิ ยั -ภาพรวมของงานวจิ ยั ทงั้ ในด้านระเบียบวธิ ีวจิ ยั และผลการวจิ ยั มี ลกั ษณะเป็ นอยา่ งไร ข้อสรุปจากผลการวจิ ยั สอดคล้องกนั หรือ 9. ประชากร - แตกตา่ งกนั หากตา่ งกนั สภาพความตา่ งมีสาเหตมุ าจากเง่ือนไข หรือสาเหตใุ ด 10. ขนาดตัวอย่าง 1. ครูอาจารย์ที่พฒั นารูปแบบ 2. ผ้ทู รงคณุ วฒุ ิที่ตรวจสอบรูปแบบ 3. นกั เรียนท่ีเป็ นกลมุ่ เป้ าหมาย 3. ตวั อย่างคาํ ถามวจิ ัย -ขนาดอทิ ธิพลของการพฒั นาคณุ ธรรมมีคา่ โดยประมาณเป็ นเทา่ ใด 11. วธิ ีการเลือกตวั อย่าง 1. ครูและนกั เรียนได้รับการสมุ่ แบบสมุ่ (simple random sampling) (เชิงปริมาณ) ตวั แปรปรับ (moderator) อะไรบ้างมีผลตอ่ ขนาด 2. เลือกผ้ทู รงคณุ วฒุ แิ บบเจาะจง อทิ ธิพล (เชิงปริมาณ) วธิ ีการพฒั นาคณุ ธรรมมีผลตอ่ ความ รับผิดชอบของนกั เรียนอยา่ งไร (เชิงคณุ ภาพ) 12. เคร่ืองมือวจิ ัย แบบวดั ความคดิ เหน็ ที่มีตอ่ ระบบฯ 13. การตรวจสอบ ความตรงเชิงเนือ้ หา (content validity) ความเท่ียง (reliability) 4. รายงานเอกสารท่ี -รายงานทฤษฎีเกี่ยวกบั ผลหรืออิทธิพลของการพฒั นาคณุ ธรรมที่มี คุณภาพเคร่ืองมือ เก่ียวข้องกับการวจิ ัย ตอ่ ความรับผิดชอบ รายงานการวจิ ยั ที่เป็ นการสงั เคราะห์งานวจิ ยั แสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งตวั แปรปรับกบั ขนาดอทิ ธิพล 14. การเกบ็ ข้อมูล เก็บข้อมลู ด้วยตนเองหรือสง่ แบบสอบถามทางไปรษณีย์ 15. การวเิ คราะห์ข้อมูล สถิตภิ าคบรรยาย 5. การกาํ หนดกรอบ แผนภาพแสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งตวั แปรปรับและขนาดอทิ ธิพล ความคดิ ของการวจิ ัย
วธิ ีดาํ เนินการวจิ ยั การสังเคราะห์งานวจิ ยั ขอบคุณ 6. สมมตฐิ านการวจิ ยั -การพฒั นาคณุ ธรรมมีขนาดอิทธิพลโดยเฉลีย่ ระดบั ปานกลาง - ตวั แปรปรับที่มีอิทธิพลตอ่ ขนาดอิทธิพลของการพฒั นาคณุ ธรรม ได้แก่ ประเภทของขนาด 7. ตัวแปรอสิ ระ ของโรงเรียน ระดบั การศกึ ษา 8. ตวั แปรตาม 9. ประชากร คณุ ลกั ษณะงานวจิ ยั ได้แก่ substantive characteristic/variable, methodological charactersitics/variables, typing characteristics/variables ขนาดอิทธิพล ลกั ษณะท่ีเป็นผลจากการพฒั นาคณุ ธรรม วทิ ยานิพนธ์/รายงานวิจยั ที่เป็นการวิจยั เปรียบเทียบ การวิจยั สาเหตุ หรือการวิจยั เชิงทดลอง 10. กลุ่มตวั อย่าง เลอื กงานวจิ ยั ที่มีคณุ ภาพ โดยใช้เกณฑ์การประเมิน หรือใช้ทกุ รายการ 11. เคร่ืองมือ แบบบนั ทกึ ข้อมลู 12. การตรวจสอบ ความสอดคล้องระหวา่ งผ้บู นั ทกึ (internal-observer reliability) คุณภาพเคร่ืองมือ 13. การรวบรวมข้อมูล การรวบรวมข้อมลู จากเอกสาร 14. การวเิ คราะห์ข้อมูล -สถิติภาคบรรยาย - สถิตวิ เิ คราะห์ความสมั พนั ธ์ ได้แก่ การวิเคราะห์สหสมั พนั ธ์ การ วิเคราะห์ถดถอยพหคุ ณู การวเิ คราะห์สาเหตรุ ะดบั สงู
Search
Read the Text Version
- 1 - 27
Pages: