Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือบริหารงานวิชาการ 65

คู่มือบริหารงานวิชาการ 65

Published by bansayaschool, 2022-08-22 04:17:34

Description: คู่มือบริหารงานวิชาการ 65

Search

Read the Text Version

คมู่ อื งานบรหิ ารวชิ าการ โรงเรยี นบา้ นสายะ สำนกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษานราธวิ าส เขต ๒

๒ วสิ ัยทัศน์ พนั ธกจิ เป้าหมาย อตั ลกั ษณ์ และเอกลกั ษณ์ของสถานศึกษา วิสัยทัศน์โรงเรยี น วสิ ยั ทัศน์ (VISION) โรงเรียนจัดการศึกษาท่มี คี ณุ ภาพและมาตรฐาน ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง สอดรับกบั การ เปล่ยี นแปลงของโลกศตวรรษท่ี 21 พันธกจิ โรงเรียนบา้ นสายะ 1.ยกระดับคุณภาพผเู้ รยี นให้มคี วามรแู้ ละทักษะตามหลกั สูตร 2.ปลูกฝงั ผเู้ รียนให้มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ตามหลกั ศาสนา และเขา้ ใจหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง สามารถนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้อย่างเหมาะสม 3.พฒั นาการบรหิ ารจดั การ สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ความรว่ มมอื ระหวา่ งโรงเรียน ชมุ ชน 4.ส่งเสริมและพฒั นาครูใหจ้ ัดการเรยี นการสอนเปน็ ตามมาตรฐานการศกึ ษา สอดรับกบั การเปล่ยี นแปลงของ โลกศตวรรษที่ 21 เปา้ ประสงค์โรงเรียนบ้านสายะ 1.ผเู้ รียนทกุ คนมผี ลสัมฤทธทิ์ างการเรียนสงู ขึ้น 2.ผูเ้ รยี นทกุ คนมีคณุ ธรรม จริยธรรม และมคี ุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ และเขา้ ใจหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง 3.โรงเรยี นมกี ารบรหิ ารจัดการทีม่ ีคุณภาพ ภาคเี ครือข่ายมีสว่ นรว่ มในการจดั การศึกษา 4.ครูทกุ คนจัดการเรียนการสอนเป็นตามมาตรฐานการศึกษา โดยเนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคญั ปรชั ญาของโรงเรยี น “ มงุ่ มนั่ ในการพัฒนาศกั ยภาพของผเู้ รยี น ยดึ มัน่ ในศาสนา ” สีประจำโรงเรียน “ชมพู -เทา” สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านบาโงฮูมอ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๒) ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มงุ่ ใหผ้ ู้เรยี นเกิดสมรรถนะสำคญั ๕ ประการ ดังน้ี ๑. ความสามารถในการสอื่ สาร เป็นความสามารถในการรบั และสง่ สาร มวี ฒั นธรรมในการใชภ้ าษาถ่ายทอด ความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะ เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพือ่ ขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งตา่ ง ๆ การ เลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสาร ที่มี ประสทิ ธิภาพโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบทีม่ ตี อ่ ตนเองและสงั คม

๓ ๒. ความสามารถในการคิด เปน็ ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ การคดิ สังเคราะห์ การคดิ อยา่ งสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ เกยี่ วกับตนเองและสงั คมได้อยา่ งเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่าง ถกู ต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลง ของเหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ ในสงั คม แสวงหาความรู้ ประยกุ ตค์ วามรู้มาใช้ในการปอ้ งกันและแก้ไขปญั หา และมกี ารตัดสนิ ใจ ท่ีมปี ระสทิ ธิภาพโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบทีเ่ กิดขึ้นต่อตนเอง สงั คมและสิง่ แวดลอ้ ม ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการดำเนิน ชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง การทำงาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้าง เสริมความสมั พนั ธ์อนั ดรี ะหว่างบุคคล การจดั การปญั หาและความขัดแย้งตา่ ง ๆ อยา่ งเหมาะสม การปรับตัวให้ทนั กับ การเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อ ตนเองและผอู้ น่ื ๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่างๆ และมี ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทำงาน การ แกป้ ญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ถูกตอ้ ง เหมาะสม และมีคุณธรรม คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นบาโงฮมู อ (ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๒) ตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ม่งุ พฒั นาผู้เรียนให้มคี ุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เพอื่ ให้สามารถอยู่รว่ มกับ ผ้อู ื่นในสังคมได้อยา่ งมีความสุข ในฐานะเปน็ พลเมืองไทยและพลโลก ดงั น้ี ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ๒. ซ่ือสตั ยส์ ุจริต ๓. มวี นิ ัย ๔. ใฝ่เรียนรู้ ๕. อยู่อยา่ งพอเพยี ง ๖. มุง่ มั่นในการทำงาน ๗. รกั ความเปน็ ไทย ๘. มจี ติ สาธารณะ คา่ นยิ มหลกั ของคนไทย ๑๒ ประการ ตามนโยบายของ คสช. ๑. มีความรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ๒. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสงิ่ ทด่ี ีงามเพ่ือสว่ นรวม ๓. กตญั ญตู ่อพ่อแม่ ผ้ปู กครอง ครบู าอาจารย์ ๔. ใฝ่หาความรู้ หมน่ั ศึกษาเล่าเรยี นท้ังทางตรง และทางอ้อม

๔ ๕. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอนั งดงาม ๖. มศี ลี ธรรม รกั ษาความสตั ย์ หวงั ดตี อ่ ผอู้ ื่น เผ่ือแผ่และแบ่งปัน ๗. เข้าใจเรียนรู้การเปน็ ประชาธปิ ไตย อนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมุขที่ถกู ต้อง ๘. มรี ะเบยี บวินยั เคารพกฎหมาย ผนู้ อ้ ยร้จู ักการเคารพผใู้ หญ่ ๙. มีสตริ ู้ตัว รู้คดิ ร้ทู ำ ร้ปู ฏบิ ตั ติ ามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว ๑๐. รจู้ ักดำรงตนอยู่โดยใชห้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัสของพระบาท สมเดจ็ พระ เจ้าอยหู่ ัวรูจ้ กั อดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถา้ เหลือก็แจกจ่ายจำหนา่ ย และพร้อมที่จะขยายกิจการ เมือ่ มีความพร้อม เมอ่ื มีภูมิคุ้มกันทดี่ ี ๑๑. มคี วามเขม้ แขง็ ทงั้ ร่างกาย และจิตใจ ไมย่ อมแพ้ต่ออำนาจฝา่ ยตำ่ หรอื กเิ ลสมีความละอายเกรงกลัวต่อ บาปตามหลักของศาสนา ๑๒. คำนึงถงึ ผลประโยชนข์ องส่วนรวม และของชาติมากกว่าผลประโยชนข์ องตนเอง

๕ การบริหารงานวชิ าการ แนวคดิ หลกั ในการบรหิ ารวชิ าการ การบรหิ ารงานวชิ าการเปน็ ภารกิจที่สำคญั ของการบริหารโรงเรียนตามทพี่ ระราชบัญญตั ิ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และทแ่ี ก้ไขเพิม่ เติม(ฉบบั ท่ี 2)พ.ศ.2545 ถือเปน็ งานที่มคี วามสำคญั ทีส่ ุด เปน็ หวั ใจของการจัดการศกึ ษา ซึ่งท้งั ผ้บู รหิ าร โรงเรียน คณะครู และผู้มีส่วนเกย่ี วข้องทกุ ฝา่ ย ตอ้ งมีความรูค้ วามเขา้ ใจ ให้ความสำคญั และ มีส่วนรว่ มในการวางแผน กำหนดแนวทางปฏบิ ัตกิ ารประเมนิ ผล และการปรบั ปรุงแก้ไขอย่าง เป็น ระบบและต่อเน่อื ง มุ่งให้กระจายอำนาจในการบรหิ ารจดั การไปใหส้ ถานศึกษาให้มากที่สดุ ด้วยเจตนารมณท์ ี่ จะใหส้ ถานศึกษาดำเนินการไดโ้ ดยอิสระ คล่องตวั รวดเร็ว สอดคล้องกบั ความต้องการของผู้เรียน โรงเรยี น ชุมชน ท้องถ่ิน และการมีส่วนร่วมจากผมู้ สี ่วนไดส้ ่วนเสยี ทกุ ฝา่ ย ซงึ่ จะเป็นปัจจัยสำคัญทำให้สถานศึกษามคี วาม เข้มแข็งในการบริหารและจดั การ สามารถพัฒนาหลกั สตู รและกระบวนการเรียนรูต้ ลอดจนการวัดผล ประเมินผล รวมทง้ั ปัจจยั เกื้อหนุนการพฒั นาคุณภาพนักเรียน โรงเรยี น ชุมชน ทอ้ งถนิ่ ได้อย่างมคี ุณภาพและมปี ระสิทธภิ าพ วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพื่อให้บริหารงานด้านวิชาการได้โดยอิสระ คล่องตัว รวดเร็ว และ สอดคล้องกับความต้องการของ นกั เรยี น สถานศกึ ษา ชมุ ชน ทอ้ งถ่ิน 2. เพื่อให้การบริหาร และ การจัดการศึกษาของโรงเรียนได้มาตรฐาน และ มีคุณภาพสอดคล้องกับระบบ ประกันคุณภาพการศึกษา และ ประเมินคุณภาพภายในเพื่อพัฒนาตนเอง และ จากการประเมิน หน่วยงานภายนอก 3. เพอ่ื ใหโ้ รงเรยี นพัฒนาหลกั สูตร และ กระบวนการเรียนรู้ ตลอดจนปจั จยั หนุนการเรียนรู้ทส่ี นองต่อความ ตอ้ งการของผเู้ รยี น ชมุ ชน และ ทอ้ งถิน่ โดยยดึ ผเู้ รียนเป็นสำคัญไดอ้ ยา่ งมคี ุณภาพ และ ประสิทธภิ าพ 4. เพอ่ื ให้โรงเรียนได้ประสานความร่วมมือในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา และ ของบุคคล ครอบครวั องค์กร หนว่ ยงาน และ สถาบนั อ่นื ๆอยา่ งกวา้ งขวาง ขอบขา่ ยและภารกจิ ผรู้ บั ผดิ ชอบ 1. การพฒั นาหรือการดำเนินการเกีย่ วกบั การใหค้ วามเหน็ การพฒั นาสาระหลักสตู รทอ้ งถนิ่ บทบาทและหนา้ ที่ 1. วเิ คราะห์กรอบสาระการเรยี นรทู้ ้องถ่ินท่สี ำนักงานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษาจัดทำไว้ 2. วิเคราะห์หลักสตู รสถานศึกษาเพ่ือกำหนดจดุ เน้น หรือประเด็นที่สถานศกึ ษาให้ ความสำคัญ 3. ศึกษา และวิเคราะห์ข้อมลู สารสนเทศของสถานศึกษา และชมุ ชนเพ่ือนำมาเปน็ ข้อมลู จัดทำสาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ ของสถานศกึ ษาให้สมบรู ณย์ งิ่ ข้นึ 4. จัดทำสาระการเรยี นรู้ท้องถน่ิ ของสถานศกึ ษา เพื่อนำไปจดั ทำรายวิชาพืน้ ฐานหรอื รายวชิ าเพิม่ เติมจดั ทำคำอธิบายรายวชิ า หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรู้ เพ่ือจัดประสบการณ์ และจดั กิจกรรมการเรียนการสอนให้แก่ผูเ้ รียน ประเมินผล และปรับปรงุ 5. ผู้บรหิ ารศึกษาอนมุ ตั ิ

๖ 2. การวางแผนงานด้านวิชาการ บทบาทและหน้าที่ 1. วางแผนงานดา้ นวชิ าการโดยการรวบรวมขอ้ มูลและกำกบั ดูแล นิเทศและตดิ ตามเก่ยี วกับงานวิชาการ ไดแ้ ก่ การพัฒนาหลักสูตรสถานศกึ ษา การพัฒนากระบวนการเรยี นรู้ การวดั ผล ประเมินผล และ การ เทยี บโอนผลการเรยี น การประกนั คุณภาพภายในและมาตรฐานการศึกษา การพฒั นาและใช้ สื่อ และ เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา การพฒั นาและสง่ เสรมิ ให้มีแหล่งเรยี นรูก้ ารวิจัยเพ่ือพฒั นา คุณภาพการศึกษา และส่งเสรมิ ชุมชนใหม้ ีความเขม้ แข็งทางวิชาการ 2. ผบู้ รหิ ารสถานศึกษาอนุมตั ิโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา 3. การจดั การเรียนการสอนในสถานศึกษา บทบาทและหน้าที่ 1. จัดทำแผนการเรียนรูท้ ุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ 2. จดั การเรียนการสอนทุกกลุม่ สาระการเรยี นรูท้ ุกช่วงช้ัน ตามแนวปฏิบัติการเรียนรู้โดยเน้นผูเ้ รียนเป็น สำคญั พัฒนาคุณธรรมนำความรู้ตามหลักการปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 3. ใช้ส่ือการเรยี นการสอน และแหลง่ การเรยี นรู้ 4. จดั กจิ กรรมพัฒนาหอ้ งสมดุ ห้องปฏบิ ตั กิ ารต่างๆ ให้เอื้อต่อการเรยี นรู้ 5. ส่งเสริมการวิจยั และพฒั นาการเรยี นการสอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ 6. สง่ เสริมการพัฒนาความเปน็ เลศิ ของนักเรยี น และช่วยเหลือนกั เรียนพกิ าร ด้อยโอกาสและ มีความสามารถพเิ ศษ 4. การพฒั นาหลกั สตู รของสถานศกึ ษา บทบาทและหน้าที่ 1. จัดทำหลักสตู รเป็นของตนเองโดยจดั ให้มกี ารวิจยั และพัฒนาหลักสูตร ให้ทันกบั การเปล่ยี นแปลง ทางดา้ นเศรษฐกจิ และสังคม จดั ทำหลักสตู รทีม่ ุ่งเนน้ พัฒนานกั เรียนให้เป็นมนุษยท์ สี่ มบรู ณ์ท้ังรา่ งกาย จติ ใจ สติปญั ญา มคี วามรู้และคุณธรรม สามารถอยู่รว่ มกับผู้อน่ื ได้อย่างมีความสุข จัดใหม้ ีวชิ าต่างๆ ครบถ้วนตาม หลักสตู รแกนกลางการศึกษาพืน้ ฐานของกระทรวงศึกษาธิการ 2. เพิม่ เตมิ เนอ้ื หาสาระของรายวิชา ไดแ้ ก่ การศกึ ษาดา้ นศาสนา ดนตรี นาฏศิลป์ กีฬา การศึกษาท่ี สง่ เสริมความเป็นเลิศ ผบู้ กพร่อง 3. เพมิ่ เติมเนื้อหาสาระของรายวิชาทส่ี อดคลอ้ งสภาพปญั หาความต้องการของผเู้ รียน ผ้ปู กครอง ชมุ ชน สงั คม และอาเซ่ยี น 5. การพฒั นากระบวนการเรียนรู้ บทบาทและหนา้ ที่ 1. จัดเนอื้ หาสาระและกจิ กรรมให้สอดคล้องกบั ความสนใจ และความถนัดของผ้เู รยี นโดย คำนึงถงึ ความแตกต่างระหวา่ งบุคคล 2. ฝกึ ทกั ษะ กระบวนการคิด การเผชญิ สถานการณ์ และการประยุกต์ความร้มู าใช้ เพ่ือป้องกนั และแก้ไข ปญั หา 3. จดั กจิ กรรมให้ผ้เู รียนไดเ้ รียนรจู้ ากประสบการณจ์ ริง ฝกึ การปฏบิ ตั ิให้ทำได้ คดิ เปน็ ทำเปน็ รักการอ่าน และเกดิ การใฝร่ ูอ้ ย่างต่อเน่อื ง

๗ 4. จดั การเรยี นการสอน โดยผสมผสานสาระความรู้ดา้ นตา่ งๆ อย่างไดส้ ัดส่วนสมดุลกันรวมทัง้ ปลกู ฝงั คณุ ธรรม คา่ นยิ มท่ีดีงามและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ไว้ในทุกกล่มุ สาระ/วชิ า 5. สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ให้ผสู้ อนสามารถจัดบรรยากาศสภาพแวดลอ้ ม สือ่ การเรยี น และอำนวยความสะดวก เพื่อให้ผเู้ รียนเกิดการเรียนรู้ และมคี วามรอบรู้ รวมท้ังสามารถใช้การวจิ ัยเปน็ สว่ นหนึง่ ของกระบวนการเรยี นรู้ ท้งั น้ี ผ้สู อนและผเู้ รียนรู้อาจเรยี นรู้ไปพรอ้ มกนั จากสอื่ การเรียนการสอน และแหลง่ วทิ ยาการประเภทต่าง ๆ 6. จดั การเรยี นร้ใู หเ้ กิดขึ้นได้ทกุ เวลา ทกุ สถานท่ี มีการประสานความร่วมมือ กับบิดามารดาและบุคคลใน ชมุ ชนทกุ ฝา่ ย เพ่ือรว่ มกนั พัฒนาผู้เรียนตามศกั ยภาพ 7. ศกึ ษาคน้ คว้าพฒั นารูปแบบหรอื การออกแบบกระบวนการเรยี นรูท้ ่ี 6. การวัดผล ประเมินผล และดำเนนิ การเทียบโอนเทา่ ผลการเรยี น บทบาทและหนา้ ท่ี 1. กำหนดระเบยี บการวดั และประเมินผลของสถานศึกษาตามหลักสตู รสถานศึกษาโดยให้ สอดคล้อง กบั นโยบายระดบั ประเทศ 2. จัดทำเอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาให้เปน็ ไปตามระเบยี บการวัด และประเมนิ ผลของสถานศกึ ษา 3. วดั ผล ประเมินผล เทยี บโอนประสบการณ์ ผลการเรยี นและอนุมัติผลการเรยี น 4. จัดใหม้ กี ารประเมินผลการเรยี นทกุ ชว่ งชัน้ และจดั ให้มีการซอ่ มเสริมกรณีทม่ี ีผ้เู รยี น ไมผ่ ่าน เกณฑ์การประเมิน 5. ใหม้ กี ารพฒั นาเครอื่ งมือในการวัดและประเมนิ ผล 6. จดั ระบบสารสนเทศดา้ นการวดั ผลประเมินผล และการเทียบโอนผลการเรยี นเพื่อใชใ้ นการอา้ งอิง ตรวจสอบ และใช้ประโยชน์ในการพัฒนาการเรยี นการสอน 7. ผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษาอนุมัติผลการประเมินการเรียนด้านต่างๆ รายปี รายภาคและตัดสินผลการเรยี นผ่าน ระดับชนั้ และจบการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน 8. การเทียบโอนผลการเรียนเปน็ อำนาจของสถานศกึ ษา ที่จะแตง่ ตั้งคณะกรรมการดำเนินการ เพือ่ กำหนดหลักเกณฑว์ ิธีการ ไดแ้ ก่ คณะกรรมการเทยี บระดบั การศกึ ษาทง้ั ในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศยั คณะกรรมการเทยี บโอนผลการเรยี น และเสนอคณะกรรมการบริหารหลักสูตร และวชิ าการ พร้อมทงั้ ใหผ้ ู้บรหิ าร สถานศกึ ษาอนุมตั กิ ารเทียบโอน 7. การวิจยั เพื่อพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาในสถานศึกษา บทบาทและหน้าที่ 1. กำหนดนโยบายและแนวทางการใช้ การวจิ ัยเป็นสว่ นหนง่ึ ของกระบวนการเรียนรู้ และกระบวนการ ทำงานของนักเรยี น ครู และผู้เก่ยี วข้องกบั การศกึ ษา 2. พฒั นาครู และนักเรียนให้มคี วามร้เู ก่ยี วกบั การปฏิรปู การเรยี นรู้ โดยใชก้ ระบวนการวจิ ัยเป็นสำคญั ในการ เรียนรูท้ ซ่ี ับซ้อนขนึ้ ทำใหผ้ ู้เรียนไดฝ้ ึกการคดิ การจัดการ การหาเหตุผลในการตอบปญั หา 3. พัฒนาคุณภาพการศึกษาดว้ ยกระบวนการวิจัย 4. รวบรวม และเผยแพรผ่ ลการวจิ ัยเพ่ือการเรียนรแู้ ละพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา รวมท้ังสนบั สนนุ ให้ครนู ำ ผลการวิจัยมาใช้เพ่อื พฒั นาการเรยี นรูแ้ ละพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษา

๘ 8. การพฒั นาและสง่ เสริมให้มีแหล่งเรยี นรู้ บทบาทและหน้าท่ี 1. จดั ใหม้ แี หล่งเรียนรูอ้ ย่างหลากหลาย ทงั้ ภายในและภายนอกสถานศึกษา ให้พอเพยี งเพ่ือ สนบั สนนุ การแสวงหาความรู้ด้วยตนเองกบั การจดั กระบวนการเรยี นรู้ 2. จัดระบบแหลง่ การเรียนรู้ภายในโรงเรียนใหเ้ ออื้ ตอ่ การจัดการเรยี นรขู้ องผู้เรยี น เช่น พัฒนาห้องสมดุ ใหเ้ ปน็ แหลง่ การเรยี นรู้ มมุ หนังสือในห้องเรียน ห้องดนตรี หอ้ งคอมพิวเตอร์ ห้องพยาบาล หอ้ ง ศูนยว์ ิชาการ สวนสุขภาพ สวนหนังสอื เป็นตน้ 3. จัดระบบข้อมลู แหล่งการเรียนรใู้ นทอ้ งถน่ิ ใหเ้ ออ้ื ต่อการจัดการเรยี นรู้ ของผูเ้ รียน ของ สถานศึกษาของตนเอง 4. ส่งเสรมิ ให้ครูและผเู้ รยี นได้ใช้แหล่งเรยี นรู้ ท้ังในและนอกสถานศกึ ษา เพ่ือพัฒนาการ เรียนรู้ และ นเิ ทศ กำกับติดตาม ประเมินและปรบั ปรุงอยา่ งต่อเน่ือง 5. ส่งเสรมิ ใหค้ รู และผเู้ รยี นใช้แหลง่ เรยี นร้ทู ้งั ภายในและภายนอก 9. การนเิ ทศการศกึ ษา บทบาทและหน้าท่ี 1. สรา้ งความตระหนักให้แก่ครู และผู้เก่ยี วข้องใหเ้ ข้าใจกระบวนการนิเทศภายในวา่ เป็น กระบวนการทำงานร่วมกนั ทใ่ี ช้เหตผุ ลการนิเทศ เป็นการพัฒนาปรบั ปรงุ วธิ ีการทำงานของแตล่ ะบุคคล ให้มคี ณุ ภาพ การนิเทศเปน็ ส่วนหนง่ึ ของกระบวนการบรหิ าร เพื่อให้ทุกคนเกิดความเช่ือมน่ั วา่ ได้ปฏิบัติถูกต้อง ก้าวหนา้ และเกดิ ประโยชนส์ งู สดุ ต่อผู้เรยี น และตวั ครูเอง 2. จดั การนิเทศภายในสถานศึกษาใหม้ ีคุณภาพท่ัวถงึ และต่อเน่ืองเปน็ ระบบและ กระบวนการ 3. จัดระบบนิเทศภายในสถานศึกษาใหเ้ ชื่อมโยงกับระบบนิเทศการศึกษาของสำนักงานเขต พนื้ ทก่ี ารศึกษา 10. การแนะแนว บทบาทและหน้าท่ี 1. กำหนดนโยบายการจดั การศึกษา ทม่ี ีการแนะแนวเป็นองค์ประกอบสำคัญ โดยใหท้ ุก คนในสถานศึกษาตระหนักถึงการมสี ว่ นรว่ มในกระบวนการแนะแนว และการดแู ลชว่ ยเหลอื 2. จัดระบบงานและโครงสรา้ งองคก์ รแนะแนว และดูแลช่วยเหลอื นักเรียนของสถานศกึ ษาให้ ชดั เจน 3. สรา้ งความตระหนักให้ครูทกุ คนเห็นคณุ คา่ ของการแนะแนว และดแู ลช่วยเหลือนักเรยี น 4. ส่งเสรมิ และพัฒนาใหค้ รูไดร้ บั ความรเู้ พิม่ เตมิ เร่ืองจิตวทิ ยาและการแนะแนวและดแู ล ชว่ ยเหลือนักเรียน เพ่ือให้สามารถบูรณาการในการจัดการเรยี นรู้และเชอ่ื มโยงสู่การดำรงชีวิตประจำวนั 5. คัดเลอื กบุคลากรท่ีมคี วามรู้ ความสามารถและบคุ ลกิ ภาพที่เหมาะสม ทำหน้าทีค่ รูแนะ แนว ครูท่ีปรกึ ษา ครูประจำชั้น และคณะอนุกรรมการแนะแนว 6. ดูแล กำกับ นิเทศ ติดตามและสนับสนุนการดำเนนิ งานแนะแนว และดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรยี นอยา่ งเป็นระบบ 7. ส่งเสรมิ ความรว่ มมอื และความเข้าใจอนั ดีระหว่างครู ผู้ปกครอง และชมุ ชน 8. ประสานงานดา้ นการแนะแนวระหวา่ งสถานศึกษา องค์กร ภาครัฐและเอกชน บ้าน

๙ ศาสนสถาน ชุมชนในลักษณะเครือข่ายการแนะแนว 9. เช่ือมโยงระบบแนะแนว และระบบดูแลชว่ ยเหลือนักเรียน 11. การพัฒนาระบบประกนั คณุ ภาพภายใน และมาตรฐานการศึกษา บทบาทและหน้าที่ 1. กำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา 2. จดั ทำแผนสถานศกึ ษาทมี่ ุ่งเน้นคณุ ภาพการศึกษา (แผนกลยุทธ์/แผนยทุ ธศาสตร์) 3. จดั ทำระบบบริหารและสารสนเทศ 4. ดำเนินการตามแผนพฒั นาสถานศึกษาในการดำเนินโครงการ/กจิ กรรมสถานศกึ ษาต้อง สรา้ งระบบ การทำงานท่ีเขม้ แขง็ เนน้ การมีสว่ นร่วม และวงจรการพฒั นาคุณภาพของเดมมิ่ง (Deming Cycle) หรือทรี่ ูจ้ ักกนั ว่าวงจร PDCA 5. ตรวจสอบ และทบทวนคุณภาพการศกึ ษาโดยการดำเนินการอยา่ งจริงจงั ต่อเนื่องด้วยการ สนับสนนุ ใหค้ รู ผูป้ กครองและชุมชนเขา้ มามสี ว่ นร่วม 6. ประเมนิ คุณภาพการศึกษาภายในสถานศกึ ษาตามมาตรฐานท่ีกำหนด เพื่อรองรับการ ประเมินคุณภาพภายนอก 7. จดั ทำรายงานคุณภาพการศึกษาประจำปี (SAR) และสรุปรายงานประจำปี โดยความ เห็นชอบของคณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพนื้ ฐานเสนอต่อหน่วยงานต้นสงั กัด และเผยแพรต่ ่อสาธารณชน 12. การสง่ เสรมิ ชุมชนให้มีความเข้มแข็งทางวชิ าการ บทบาทและหน้าที่ 1. จัดกระบวนการเรียนรู้รว่ มกบั บคุ คล ครอบครวั ชมุ ชน องค์กรชมุ ชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ เอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบัน ศาสนา สถานประกอบการและสถาบนั อื่น 2. ส่งเสรมิ ความเข้มแขง็ ของชมุ ชน โดยการจดั กระบวนการเรียนรูภ้ ายในชมุ ชน 3. ส่งเสรมิ ให้ชุมชนมีการจดั การศกึ ษาอบรม มีการแสวงหาความรู้ ข้อมูล ขา่ วสารและ เลือกสรรภมู ปิ ัญญา วิทยาการต่างๆ 4. พัฒนาชมุ ชนใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพปัญหา และความตอ้ งการรวมทั้งหาวิธกี ารสนบั สนุน ให้มกี ารแลกเปลย่ี นประสบการณ์ระหว่างชมุ ชน 13. การประสานความร่วมมือในการพัฒนาวชิ าการกับสถานศกึ ษา และองคก์ รอน่ื เปน็ ตน้ บทบาทและหน้าท่ี 1. ระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา ตลอดจนวิทยากรภายนอกและภูมิปัญญาท้องถ่นิ เพ่อื เสรมิ สร้าง พฒั นาการของนักเรียนทุกดา้ น รวมท้งั สืบสานจารตี ประเพณศี ลิ ปวฒั นธรรมท้องถน่ิ 2. เสริมสรา้ งความสมั พันธ์ระหวา่ งสถานศึกษากับชุมชน ตลอดจนประสานงานกับองคก์ รทั้ง ภาครฐั และเอกชน เพื่อใหส้ ถานศกึ ษาเปน็ แหลง่ วทิ ยาการของชมุ ชน เพ่ือใหส้ ถานศึกษาเป็นแหล่ง วทิ ยาการของชุมชน และมสี ่วนในการพฒั นาชุมชนและท้องถิ่น 3. ใหบ้ ริการด้านวชิ าการท่สี ามารถเชอื่ มโยงหรอื แลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารกบั แหล่งวิชาการ ในท่อี ่ืนๆ 4. จัดกิจกรรมร่วมกับชมุ ชนเพ่ือส่งเสรมิ วฒั นธรรมการสรา้ งความสัมพันธ์อนั ดีกับศิษยเ์ ก่า การประชุม ผ้ปู กครองนักเรียน การปฏบิ ัติงานร่วมกับชมุ ชน การร่วมกจิ กรรมกบั สถาบันการศกึ ษาอน่ื

๑๐ 14. การสง่ เสริมและสนับสนนุ งานวิชาการแก่บคุ คล ครอบครัว องค์กร หนว่ ยงาน สถานประกอบการ และ สถาบันอ่ืนทจ่ี ัดการศึกษา บทบาทและหนา้ ที่ 1. ประชาสัมพนั ธส์ ร้างความเข้าใจตอ่ บคุ คล ครอบครัว ชุมชน องคก์ รชมุ ชน องค์กร ปกครอง ส่วนทอ้ งถ่ิน เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวชิ าชพี สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบัน สังคม อน่ื ในเรื่องเกีย่ วกบั สิทธิในการจดั การศกึ ษาขั้นพ้นื ฐานการศึกษา 2. จัดใหม้ ีการสร้างความรู้ความเขา้ ใจ การเพมิ่ ความพร้อมให้กับบคุ คล ครอบครวั ชุมชน องค์กรชมุ ชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ เอกชน องคก์ รเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบนั ศาสนา สถาน ประกอบการและสถาบันสงั คมอ่ืน ที่ร่วมจัดการศึกษา 3. รว่ มกบั บคุ คล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กร เอกชนองค์กรวชิ าชพี สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการและสถาบนั สังคมอืน่ ทีร่ ่วมจัดการศึกษา และใช้ ทรพั ยากรรว่ มกนั ให้เกดิ ประโยชน์สงู สุด 4. ส่งเสรมิ สนบั สนุนให้มกี ารจัดกจิ กรรมการเรยี นรรู้ ะหว่างสถานศกึ ษากับบุคคล ครอบครวั ชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวชิ าชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอ่ืน 5. สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ใหบ้ คุ คล ครอบครัว ชมุ ชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชพี สถาบัน ศาสนาสถานประกอบการและสถาบันสงั คมอ่ืน ไดร้ บั ความช่วยเหลอื ทางด้านวิชาการตามความ เหมาะสมและจำเป็น 6. ส่งเสริม และพฒั นาแหลง่ เรยี นรู้ ทงั้ ดา้ นคณุ ภาพและปริมาณ เพอ่ื การเรยี นรู้ตลอดชีวิต อย่างมี ประสิทธภิ าพ 15. การจดั ทำระเบียบและแนวปฏิบัตเิ กย่ี วกบั งานดา้ นวิชาการของสถานศกึ ษา บทบาทและหน้าท่ี 1. ศกึ ษาและวเิ คราะห์ระเบียบ และแนวปฏบิ ตั ิเกีย่ วกับงานด้านวชิ าการของสถานศึกษา เพือ่ ให้ ผ้ทู ่ี เกย่ี วข้องรบั รู้ และถือปฏบิ ตั เิ ปน็ แนวเดยี วกัน 2. จดั ระเบยี บ และแนวปฏบิ ตั ิเก่ียวกับงานด้านวิชาการของสถานศกึ ษา เพ่ือใหผ้ ู้ท่เี กย่ี วขอ้ ง รับรู้ และถือปฏบิ ตั ิเป็นแนวเดียวกัน 3. ตรวจสอบรา่ งระเบยี บและแนวปฏิบัติเกยี่ วกบั งานด้านวิชาการของสถานศกึ ษา และแก้ไข ปรบั ปรุง 4. นำระเบยี บและแนวปฏิบัตเิ ก่ยี วกบั งานด้านวชิ าการของสถานศกึ ษาไปสู่การปฏิบัติ 5. ตรวจสอบ และประเมินผล การใชร้ ะเบยี บและแนวปฏิบตั เิ กย่ี วกบั งานดา้ นวิชาการของ สถานศกึ ษาและนำไปแกไ้ ขปรับปรงุ ให้เหมาะสมต่อไป 16. การคดั เลือกหนังสอื แบบเรียนเพอ่ื ใช้ในสถานศึกษา บทบาทและหนา้ ท่ี 1. ศึกษา วิเคราะห์ คดั เลือกหนังสือเรียน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ตา่ งๆ ทมี่ ีคุณภาพสอดคล้อง กับ หลกั สูตรสถานศกึ ษา เพ่ือเปน็ หนงั สอื แบบเรยี นใช้ในการจัดการเรียนการสอน 2. จดั ทำหนงั สือเรยี น หนงั สือเสริมประสบการณ์ หนงั สืออา่ นประกอบ แบบฝึกหดั ใบ งาน ใบความรู้ เพื่อใช้ประกอบการเรยี นการสอน 3. ตรวจพจิ ารณาคุณภาพ หนงั สือเรียนเรยี น หนังสอื เสรมิ ประสบการณ์ หนงั สืออ่าน ประกอบ แบบฝึกหดั ใบงาน ใบความรู้ เพ่ือใชป้ ระกอบการเรยี นการสอน

๑๑ 17. การพัฒนา และใช้สอื่ เทคโนโลยเี พื่อการศึกษา บทบาทและหน้าที่ 1. จัดใหม้ กี ารรว่ มกันกำหนดนโยบาย วางแผนในเรื่องการจัดหาและพัฒนาส่ือการเรียนรู้ และ เทคโนโลยีเพ่ือการศกึ ษา 2. พัฒนาบุคลากรใสถานศกึ ษาในเรือ่ งเก่ยี วกับการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ และเทคโนโลยีเพ่อื การศึกษา พร้อมท้งั ใหม้ ีการจัดตง้ั เครือขา่ ยทางวชิ าการ ชมรมวชิ าการเพ่ือเป็นแหลง่ การเรยี นรู้3. 3. พัฒนาและใช้ สอ่ื และเทคโนโลยที างการศกึ ษา โดยมงุ่ เน้นการพฒั นาสอ่ื และเทคโนโลยที างการศึกษาทใ่ี ห้ข้อเท็จจรงิ เพอ่ื สร้างองค์ ความรู้ใหมๆ่ เกดิ ขึ้น โดยเฉพาะหาแหลง่ ส่อื ทเี่ สรมิ การจดั การศกึ ษาของสถานศึกษาให้มีประสทิ ธภิ าพ 3. พัฒนาห้องสมดุ ของสถานศกึ ษา ใหเ้ ปน็ แหลง่ การเรียนรู้ของสถานศกึ ษา และชมุ ชน 4. นเิ ทศ ตดิ ตาม และประเมินผลการปฏบิ ตั ิงานของบคุ ลากรในการจัดหา ผลติ ใช้และพัฒนาส่ือ และ เทคโนโลยที างการศึกษา ด้านบรหิ ารวิชาการ 1. หัวหนา้ งานบริหารวิชาการ ปฏบิ ัตหิ นา้ ทห่ี ัวหน้ากลมุ่ การบริหารวชิ าการ มีหนา้ ที่ ดูแล กำกับ ติดตาม กลั่นกรองอำนวยความสะดวก ให้คำแนะนำ ปรึกษาการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในกลุ่มการบริหาร วิชาการตามขอบข่ายและภารกิจการบริหารวิชาการ ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับการจัดระบบบริหารองค์กร การ ประสานงานและให้บริการสนับสนุน ส่งเสริมให้ฝ่ายบริหารงานวิชาการต่างๆ ในโรงเรียนสามารถบริหารจัดการและ ดำเนินการตามบทบาทภารกิจ อำนาจหน้าที่ด้วยความเรียบร้อยตลอดจนสนับสนุนและให้บริการข้อมูล ข่าวสาร เอกสาร สื่อ อุปกรณ์ทางการศึกษา และทรัพยากรที่ใช้ในการจัดการศึกษาแก่เจ้าหน้าที่ของแต่ละฝา่ ยงานเพื่อให้ฝา่ ย บริหารจดั การไดอ้ ยา่ งสะดวกคลอ่ งตวั มคี ุณภาพและเกดิ ประสทิ ธิภาพ 2. หัวหน้าวิชาการสายชั้น ปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้ากลุ่มการบริหารวิชาการ มีหน้าที่ช่วยหัวหน้ากลุ่ม การบริหารวิชาการ ในการปฏิบัติงานตามภารกิจของงานบริหารงานวิชาการและหน้าที่อื่นๆที่หัวหน้ากลุ่มบริหาร วชิ าการมอบหมายปฏบิ ัติหน้าทแ่ี ทนในกรณหี ัวหน้าบรหิ ารงานวชิ าการไม่สามารถปฏิบตั หิ นา้ ท่ีได้ ขอบขา่ ยงานบรหิ ารวชิ าการ มีดงั น้ี 1. การพฒั นาหรอื การดำเนนิ งานเกี่ยวกับการให้ความเห็นการพฒั นาสาระหลกั สูตรทอ้ งถน่ิ หนา้ ทรี่ บั ผดิ ชอบปฏิบัติงานดังนี้ 1) วเิ คราะห์กรอบสาระการเรียนรู้ทอ้ งถิน่ ท่สี ำนักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาจัดทำไว้ 2) วิเคราะห์หลักสูตรสถานศึกษาเพื่อกำหนดจุดเน้นหรือประเด็นที่สถานศึกษาหรือกลุ่มเครือข่าย สถานศึกษาให้ความสำคญั 3) ศึกษาและวิเคราะห์ขอ้ มูลสารสนเทศของสถานศึกษาและชมุ ชนเพื่อนำมาเป็นข้อมูลจัดทำสาระ การเรียนร้ทู ้องถ่นิ ของสถานศกึ ษาใหส้ มบรู ณ์ยง่ิ ขนึ้ 4) จัดทำสาระการเรียนรู้ท้องถิ่นของสถานศึกษาเพื่อนำไปจัดทำรายวิชาพื้นฐานหรือรายวิชา เพิ่มเติมจัดทำคำอธิบายรายวชิ า หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ เพื่อจัดประสบการณ์และกิจกรรมการเรยี น การสอนใหแ้ กผ่ ้เู รยี นประเมินผลและปรบั ปรุง 5) ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาอนมุ ตั ิ 2. การวางแผนงานดา้ นวิชาการ หน้าท่ีรับผิดชอบปฏิบตั งิ านดงั นี้ 1) วางแผนงานด้านวิชาการโดยการรวบรวมข้อมูลและกำกับ ดูแล นิเทศและติดตามเกี่ยวกับงาน วิชาการ ได้แก่ การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ การวัดผล ประเมินผล และการเทียบ

๑๒ โอนผลการเรยี นการประกนั คณุ ภาพภายในและมาตรฐานการศกึ ษา การพฒั นาและใชส้ อ่ื และเทคโนโลยีเพอื่ การศึกษา การพัฒนาและส่งเสรมิ ให้มีแหล่งเรยี นรู้การวิจยั เพ่ือพฒั นาคุณภาพการศึกษาและการส่งเสรมิ ชุมชนให้มีความเข้มแข็ง ทางวชิ าการ 2) ผู้บรหิ ารสถานศึกษาอนุมตั ิโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พื้นฐาน 3. การจดั การเรียนการสอนในสถานศกึ ษา หนา้ ท่รี บั ผดิ ชอบปฏิบัติงานดงั น้ี 1) จัดทำแผนการเรียนรูท้ กุ กลุ่มสาระการเรียนรูโ้ ดยความร่วมมอื ของเครือขา่ ย สถานศึกษา 2) จดั การเรยี นการสอนทกุ กลุม่ สาระการเรียนร้ทู ุกช่วงชั้น ตามแนวปฏิรปู การเรียนรโู้ ดยเนน้ ผู้เรียน เป็นสำคัญ บูรณาการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนพัฒนาคุณธรรมนำความรู้ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3) ใช้สอ่ื การเรียนการสอนและแหล่งการเรียนรู้ 4) จดั กจิ กรรมพฒั นาหอ้ งสมุด หอ้ งปฏิบัติการตา่ งๆ ใหเ้ อือ้ ต่อการเรยี นรู้ 5) ส่งเสริมการวิจัยและพฒั นาการเรียนการสอนทกุ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ 6) ส่งเสริมการพัฒนาความเป็นเลิศของนักเรียนและช่วยเหลือนักเรียนพิการด้อยโอกาสและมี ความสามารถพิเศษ 4. การพฒั นาหลักสตู รของสถานศึกษา หน้าทีร่ บั ผดิ ชอบปฏบิ ัตงิ านดงั นี้ 1 จัดทำหลกั สูตรสถานศึกษาเป็นของตนเอง 1.1 จัดให้มีการวิจัยและพัฒนาหลักสูตรขึ้นใช้เองให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางด้าน เศรษฐกจิ และสังคมและเปน็ ต้นแบบใหก้ ับโรงเรียนอื่น 1.2 จัดทำหลักสูตรที่มุ่งเน้นพัฒนานักเรียนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สตปิ ญั ญา มีความร้แู ละคณุ ธรรม สามารถอยรู่ ว่ มกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสขุ 1.3 จัดให้มีวิชาต่างๆ ครบถ้วนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 1.4 เพิ่มเติมเนื้อหาสาระของรายวิชาให้สูงและลึกซึ้งมากขึ้นสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ได้แก่ การศึกษาด้านศาสนา ดนตรี นาฏศิลป์ กีฬา อาชีวศึกษา การศึกษาที่ส่งเสริมความเป็นเลิศ ผู้บกพร่อง พิการ และการศกึ ษาทางเลือก 1.5 เพิ่มเติมเนื้อหาสาระของรายวิชาที่สอดคล้องสภาพปัญหา ความต้องการของผู้เรียน ผปู้ กครอง ชุมชน สังคม และโลก 2) สถานศกึ ษาสามารถจัดทำหลกั สตู รการจัดกระบวนการเรียนรู้ การสอนและอน่ื ๆให้เหมาะสมกับ ความสามารถของนักเรียนตามกลุ่มเป้าหมายพิเศษ โดยความร่วมมือของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและเครือข่าย สถานศกึ ษา 3) คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพนื้ ฐานให้ความเหน็ ชอบหลกั สตู รสถานศกึ ษา 4) นิเทศ ติดตาม ประเมินผลและปรับปรุง หลักสูตรสถานศึกษา และรายงานผลให้สำนักงานเขต พื้นที่การศึกษารบั ทราบ

๑๓ 5. การพัฒนากระบวนการเรยี นรู้ หนา้ ทรี่ ับผิดชอบปฏิบตั งิ านดังน้ี 1) จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียนโดยคำนึงถึง ความแตกต่างระหว่างบุคคล 2) ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการการเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพ่ือ ปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหา 3) จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงฝึกการปฏิบัติให้ทำได้ คิดเป็น ทำเป็น รัก การอา่ นและเกิดการใฝร่ อู้ ยา่ งตอ่ เน่อื ง 4) จัดการเรียนการสอน โดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่างๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกันรวมท้ัง ปลกู ฝงั คณุ ธรรม คา่ นยิ มทด่ี งี านและคุณลักษณะอนั พ่ึงประสงค์ไวใ้ นทุกวชิ า 5) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศสภาพแวดล้อม สื่อการเรียนและอำนวยความ สะดวกเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ รวมทั้งสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ท้ังน้ี ผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนร้ไู ปพร้อมกันจากสือ่ การเรยี นการสอน และแหล่งวิทยาการประเภทต่างๆ 6) จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที่มีการประสานความร่วมมือ กับบิดามารดาและ บุคคลในชมุ ชนทุกฝ่าย เพื่อร่วมกนั พฒั นาผูเ้ รยี นตามศกั ยภาพ 6. การวดั ผล ประเมินผลและดำเนนิ การเทียบโอนผลการเรียน หนา้ ท่รี บั ผดิ ชอบปฏบิ ัตงิ านดงั นี้ 1) กำหนดระเบียบการวัดและประเมินผลของสถานศึกษาตามหลักสูตรสถานศึกษาโดยสอดคล้อง กบั นโยบายระดับประเทศ 2) จัดทำเอกสารหลกั ฐานการศึกษาใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บการวัดและประเมนิ ผลของสถานศึกษา 3) วัดผล ประเมินผล เทียบโอนประสบการณ์ผลการเรียนและอนมุ ัติผลการเรยี น 4) จัดให้มีการประเมินผลการเรยี นทุกชว่ งชน้ั และจัดให้มกี ารซ่อมเสริมกรณที ี่มีผเู้ รยี นไม่ผ่านเกณฑ์ การประเมิน 5) จดั ให้มกี ารพฒั นาเครื่องมือในการวดั และประเมนิ ผล 6) จัดระบบสารสนเทศดา้ นการวัดผลประเมินผลและการเทียบโอนผลการเรยี นเพอื่ ใช้ในการอ้างอิง ตรวจสอบและใช้ประโยชนใ์ นการพัฒนาการเรียนการสอน 7) ผู้บรหิ ารสถานศึกษาอนุมัติผลการประเมินการเรียนด้านต่างๆ รายปี/รายภาคและตัดสินผลการ เรียนการผา่ นช่วงชนั้ และจบการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน 8) การเทียบโอนผลการเรียนเป็นอำนาจของสถานศึกษาที่จะแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการเพื่อ กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ ได้แก่ คณะกรรมการเทียบระดับการศึกษา ทั้งในระบบนอกระบบและตามอัธยาศัย คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียน และเสนอคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการพร้อมทั้งให้ผู้บริหาร สถานศึกษาอนมุ ตั ิการเทยี บโอน 7. การวจิ ยั เพ่อื พฒั นาคุณภาพการศึกษาในสถานศึกษา หนา้ ท่รี บั ผิดชอบปฏบิ ัติงานดังน้ี 1) กำหนดนโยบายและแนวทางการใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงานของนักเรียน ครู และผู้เกีย่ วขอ้ งกบั การศกึ ษา

๑๔ 2) พัฒนาครูและนักเรียนให้มีความรู้เกี่ยวกับการปฏิรูปการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการวิจัยเป็น สำคัญในการเรียนรทู้ ซ่ี ับซอ้ นข้ึนทำให้ผ้เู รยี นไดฝ้ ึกการคิด การจัดการ การหาเหตผุ ล ในการตอบปัญหา การผสมผสาน ความรแู้ บบสหวทิ ยาการและการเรยี นรใู้ นปัญหาที่ตนสนใจ 3) พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาด้วยกระบวนการวิจัย 4) รวบรวม และเผยแพร่ผลการวิจัยเพื่อการเรยี นรู้และพัฒนาคุณภาพการศึกษา รวมทั้งสนบั สนุน ใหค้ รูนำผลการวจิ ยั มาใช้ เพอ่ื พัฒนาการเรียนรแู้ ละพฒั นาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา 8. การพัฒนาและส่งเสริมให้มีแหลง่ เรยี นรู้ หน้าทีร่ บั ผดิ ชอบปฏบิ ัตงิ านดงั นี้ 1) จัดให้มีแหล่งเรียนรู้อย่างหลากหลายทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษาให้พอเพียงเพ่ือ สนบั สนุนการแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเองกับการจัดกระบวนการเรยี นรู้ 2) จัดระบบแหล่งการเรียนรู้ภายในโรงเรียนให้เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียน เช่ น พัฒนา ห้องสมุดหมวดวิชา ห้องสมุดเคลื่อนที่ มุมหนังสือในห้องเรียน ห้องพิพิธภัณฑ์ ห้องมัลติมีเดีย ห้องคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต ศูนย์วิชาการ ศูนย์วิทยบริการ Resource Center สวนสุขภาพ สวนวรรณคดี สวนหนังสือ สวนธรรมะ เป็นต้น 3) จดั ระบบขอ้ มลู แหล่งการเรยี นรู้ในท้องถ่นิ ให้เอื้อต่อการจดั การเรียนรู้ของผู้เรยี นของสถานศึกษา ของตนเอง เช่น จัดเส้นทาง/แผนที่ และระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายห้องสมุดประชาชน ห้องสมุดสถาบันการศึกษา พิพิธภัณฑ์ พพิ ธิ ภณั ฑ์วทิ ยาศาสตร์ ภมู ิปัญญาทอ้ งถน่ิ ฯลฯ 4) ส่งเสริมใหค้ รูและผู้เรียนได้ใช้แหลง่ เรยี นรู้ ทั้งในและนอกสถานศึกษาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และ นิเทศ กำกับตดิ ตาม ประเมนิ และปรับปรุงอย่างต่อเนอื่ ง 9. การนิเทศการศกึ ษา หน้าที่รับผดิ ชอบปฏิบตั ิงานดังน้ี 1) สร้างความตระหนักให้แก่ครูและผู้เกี่ยวข้องให้เข้าใจกระบวนการนิเทศภายในว่าเป็น กระบวนการทำงานร่วมกันที่ใช้เหตุผลการนิเทศเป็นการพัฒนาปรับปรุงวิธีการทำงานของแต่ละบุคคลให้มีคุณภาพ การนิเทศเป็นส่วนหนึง่ ของกระบวนการบริหาร เพื่อให้ทุกคนเกิดความเชื่อมั่นว่า ได้ปฏิบัติถูกต้อง ก้าวหน้า และเกิด ประโยชนส์ ูงสุดตอ่ ผู้เรยี นและตัวครูเอง 2) จัดการนิเทศภายในสถานศึกษาให้มคี ณุ ภาพทั่วถึงและต่อเนือ่ งเป็นระบบและกระบวนการ 3) จัดระบบนิเทศภายในสถานศึกษาให้เชื่อมโยงกับระบบนิเทศการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นท่ี การศึกษา 10. การแนะแนวการศึกษา มีหน้าทรี่ ับผิดชอบปฏิบตั งิ านดงั น้ี 1) กำหนดนโยบายการจัดการศึกษาที่มีการแนะแนวเป็นองค์ประกอบสำคัญ โดยให้ทุกคนใน สถานศึกษาตระหนกั ถึงการมีสว่ นรว่ มในกระบวนการแนะแนวและการดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรยี น 2) จัดระบบงานและโครงสรา้ งองค์กรแนะนำและดแู ลช่วยเหลอื นกั เรียน 3 สรา้ งความตระหนกั ให้ครทู กุ คนเหน็ คณุ คา่ ของการแนะแนวและดูแลช่วยเหลอื นักเรียน 4) ส่งเสริมและพัฒนาให้ครูได้รับความรู้เพิ่มเติมในเรื่องจิตวิทยาและการแนะแนวและดูแล ชว่ ยเหลอื นักเรียนเพื่อให้สามารถ บรู ณาการ ในการจัดการเรยี นรูแ้ ละเชอ่ื มโยง ส่กู ารดำรงชีวิตประจำวัน

๑๕ 5) คัดเลอื กบคุ ลากรท่ีมีความรู้ ความสามารถและบุคลิกภาพทเ่ี หมาะสม ทำหนา้ ทค่ี รูแนะแนวครูท่ี ปรกึ ษา ครปู ระจำชนั้ และคณะอนุกรรมการแนะแนว 6) ดูแล กำกับ นิเทศ ติดตามและสนับสนุนการดำเนินงานแนะแนวและดูแลช่วยเหลือนักเรียน อย่างเป็นระบบ 7) ส่งเสรมิ ความรว่ มมือและความเข้าใจอนั ดีระหว่างครู ผูป้ กครองและชมุ ชน 8) ประสานงานด้านการแนะแนว ระหว่างสถานศึกษา องค์กรภาครัฐและเอกชน บ้าน ศาสน - สถาน ชมุ ชน ในลักษณะเครอื ขา่ ยการแนะแนว 9) เชื่อมโยงระบบแนะแนวและระบบดแู ลช่วยเหลอื นักเรยี น 11. การพฒั นาระบบประกันคณุ ภาพภายในและมาตรฐานการศึกษา มหี นา้ ทร่ี บั ผิดชอบปฏิบตั ิงานดงั นี้ 1) กำหนดมาตรฐานการศึกษาเพิ่มเติมของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาชาติ มาตรฐานการศึกษาขนั้ พนื้ ฐานมาตรฐานสำนกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาและความต้องการของชมุ ชน 2) จัดระบบบริหารและสารสนเทศ โดยจัดโครงสร้างการบริหารที่เอื้อต่อการพัฒนางานและการ สร้างระบบประกันคุณภาพภายในจัดระบบสารสนเทศให้เป็นหมวดหมู่ ข้อมูล มีความสมบูรณ์เรียกใช้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ปรบั ปรงุ ให้เปน็ ปจั จบุ ันอยเู่ สมอ 3) จัดทำแผนสถานศกึ ษาที่มงุ่ เนน้ คณุ ภาพการศึกษา (แผนกลยทุ ธ์/แผนยทุ ธศาสตร)์ 4) ดำเนินการตามแผนพัฒนาสถานศึกษาในการดำเนินโครงการ/กิจกรรมสถานศึกษาต้องสร้าง ระบบการทำงานที่เข้มแข็งเนน้ การมสี ่วนร่วม และวงจรการพัฒนาคุณภาพของเดมม่ิง (Deming Cycle) หรือท่ีรู้จัก กันวา่ วงจร PDCA 5) ตรวจสอบและทบทวนคุณภาพการศึกษาโดยดำเนินการอย่างจริงจังต่อเนื่องด้วยการสนับสนุน ให้ครู ผูป้ กครองและชุมชนเข้ามามสี ่วนรว่ ม 6) ประเมินคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาตามมาตรฐานที่กำหนดเพื่อรองรับการประเมิน คณุ ภาพภายนอก 7) จัดทำรายงานคุณภาพการศึกษาประจำปี (SAR) และสรุปรายงานประจำปี โดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พืน้ ฐานเสนอต่อหน่วยงานตน้ สังกัดและเผยแพรต่ อ่ สาธารณชน 12. การสง่ เสริมชมุ ชนให้มคี วามเขม้ แข็งทางวิชาการ มหี นา้ ทีร่ บั ผดิ ชอบปฏบิ ัตงิ านดงั น้ี 1) จัดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วน ท้องถนิ่ เอกชน องคก์ รเอกชน องค์กรวชิ าชีพ สถาบัน ศาสนา สถานประกอบการและสถาบันอน่ื 2) สง่ เสริมความเขม้ แข็งของชมุ ชนโดยการจัดกระบวนการเรยี นรู้ภายในชมุ ชน 3) สง่ เสริมใหช้ มุ ชนมีการจดั การศึกษาอบรมมีการแสวงหาความรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสารและรจู้ ักเลอื กสรร ภูมปิ ญั ญาและวทิ ยาการต่างๆ 4) พัฒนาชุมชนใหส้ อดคลอ้ งกับสภาพปัญหาและความต้องการรวมท้ังหาวธิ กี ารสนับสนุนให้มีการ แลกเปลีย่ นประสบการณ์ระหวา่ งชุมชน 13. การประสานความรว่ มมือในการพฒั นาวชิ าการกบั สถานศึกษาและองค์กรอืน่ มีหน้าทีร่ ับผดิ ชอบปฏิบตั ิงานดงั นี้

๑๖ 1) ระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา ตลอดจนวิทยากรภายนอกและภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อเสริมสร้าง พัฒนาการของนักเรียนทุกด้านรวมท้ังสบื สานจารตี ประเพณศี ลิ ปวฒั นธรรมของท้องถิ่น 2) เสริมสร้างความสัมพันธร์ ะหวา่ งสถานศึกษากบั ชุมชน ตลอดจนประสานงานกับองคก์ รทงั้ ภาครัฐ และเอกชน เพ่ือให้สถานศกึ ษาเปน็ แหลง่ วิทยาการของชุมชนและมสี ว่ นในการพัฒนาชมุ ชนและทอ้ งถิ่น 3) ให้บริการด้านวิชาการที่สามารถเชื่อมโยงหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับแหล่งวิชาการ ในทอี่ ่ืนๆ 4) จัดกจิ กรรมรว่ มชุมชน เพ่ือส่งเสรมิ วฒั นธรรมการสร้างความสัมพันธ์อนั ดีกบั ศิษย์เก่าการประชุม ผูป้ กครองนักเรียน การปฏิบตั งิ านร่วมกับชุมชน การร่วมกจิ กรรมกับสถานบนั การศกึ ษาอ่ืนเปน็ ต้น 14. การส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการแก่บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงาน สถานประกอบการ และ สถาบันอนื่ ท่จี ดั การศึกษา มหี นา้ ทีร่ ับผิดชอบปฏิบตั ิงานดงั นี้ 1) ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจต่อบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วน ท้องถ่นิ เอกชน องคก์ รเอกชน องคก์ รวชิ าชพี สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอ่นื ในเร่ืองเกี่ยวกับ สทิ ธใิ นการจดั การศึกษาข้นั พื้นฐาน 2) จัดให้มีการสร้างความรู้ความเข้าใจ การเพิ่มความพร้อมให้กับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กร ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอื่นที่ รว่ มจดั การศึกษา 3) ร่วมกับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กร - เอกชน องค์วิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอื่นร่วมกันจัดการศึกษาและใช้ทรัพยากร รว่ มกันให้เกดิ ประโยชน์สงู สดุ แก่ผูเ้ รยี น 4) ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมการเรียนร่วมกันระหว่างสถานศึกษากับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กร-วิชาชีพ สถาบันศาสนา สถาน ประกอบการณ์ และสถาบนั สังคมอืน่ 5) ส่งเสริมสนับสนุนให้บคุ คล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการณ์ และสถาบันสังคมอื่น ได้รับความช่วยเหลือ ทางดา้ นวิชาการตามความเหมาะสมและจำเป็น 6) ส่งเสริมและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ทั้งด้านคุณภาพและปริมาณเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต อย่างมี ประสิทธภิ าพ 15. การจดั ทำระเบยี บและแนวปฏบิ ัติเกีย่ วกบั งานด้านวชิ าการของสถานศึกษา มหี นา้ ท่ีรับผดิ ชอบปฏบิ ัตงิ านดังนี้ 1) ศกึ ษาและวิเคาระหร์ ะเบียบและแนวปฏิบตั ิเกย่ี วกับงานด้านวชิ าการของสถานศึกษา เพ่ือให้ผู้ท่ี เก่ยี วขอ้ งทกุ รายรบั ร้แู ละถอื ปฏบิ ตั ิเปน็ แนวเดียวกนั 2) จัดทำร่างระเบียบและแนวปฏิบัติเกี่ยวกบั งานด้านวชิ าการของสถานศึกษา เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ทกุ ฝา่ ยรับรแู้ ละถือปฏบิ ตั ิเปน็ แนวเดยี วกนั 3) ตรวจสอบร่างระเบียบและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับงานด้านวิชาการของสถานศึกษาและแก้ไข ปรับปรุง 4) นำระเบียบและแนวปฏิบัตเิ ก่ียวกบั งานด้านวิชาการของสถานศกึ ษาไปสู่การปฏิบัติ

๑๗ 5) ตรวจสอบและประเมินผลการใช้ระเบียบและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับงานด้านวิชาการของ สถานศกึ ษาและนำไปแก้ไขปรับปรงุ ใหเ้ หมาะสมต่อไป 16. การคดั เลอื กหนังสอื แบบเรียนเพ่ือใชใ้ นสถานศึกษา มหี นา้ ทีร่ ับผดิ ชอบปฏบิ ตั งิ านดังนี้ 1) ศึกษา วิเคาระห์ คัดเลือกหนังสือเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ ที่มีคุณภาพสอดคล้องกลับ หลกั สตู รสถานศึกษาเพือ่ เปน็ หนงั สือแบบเรยี นเพ่อื ใช้ในการจดั การเรยี นการสอน 2) จัดทำหนงั สอื เรยี น หนงั สอื เสริมประสบการณ์ หนงั สอื อา่ นประกอบ แบบฝึกหัด ใบงาน ใบ ความรเู้ พอื่ ใชป้ ระกอบการเรยี นการสอน 3) ตรวจพจิ ารณาคุณภาพหนงั สอื เรียน หนงั สอื เสรมิ ประสบการณ์ หนงั สืออา่ นประกอบ แบบฝกึ หัด ใบงาน ใบความรเู้ พ่ือใช้ประกอบการเรยี นการสอน 17. การพัฒนาและใช้สื่อและเทคโนโลยีเพ่อื การศกึ ษา มหี น้าทีร่ ับผิดชอบปฏบิ ัติงานดงั น้ี 1) จัดให้มีการร่วมกันกำหนดนโยบาย วางแผนในเรื่องการจัดหาและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ และเทคโนโลยีเพอ่ื การศกึ ษาของสถานศกึ ษา 2) พัฒนาบุคลากรในสถานศึกษาในเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาสื่อการเรียนรู้และเทคโนโลยี เพื่อ การศกึ ษา พร้อมท้ังใหม้ ีการจดั ตัง้ เครอื ขา่ ยทางวชิ าการ ชมรมวิชาการเพื่อเป็นแหล่งเรยี นรขู้ องสถานศกึ ษา 3) พัฒนาและใช้สื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษาโดยมุ่งเน้นการพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีทางการ ศึกษาที่ให้ข้อเท็จจริงเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆเกิดขึ้น โดยเฉพาะหาแหล่งสื่อที่เสริมการจัดการศึกษา ของ สถานศึกษาใหม้ ีประสิทธภิ าพ 4) พัฒนาหอ้ งสมดุ ของสถานศกึ ษาให้เปน็ แหลง่ การเรยี นรู้ของสถานศึกษาและชมุ ชน 5) นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ านของบุคลากรในการจัดหา ผลติ ใชแ้ ละพัฒนาสือ่ และ เทคโนโลยที างการศกึ ษา 18. การรบั นักเรยี น หน้าท่ีรับผิดชอบปฏิบตั งิ านดังนี้ 1) ให้สถานศึกษาประสานงานการดำเนินการแบ่งเขตพื้นที่บริการการศึกษาร่วมกัน และเสนอ ข้อตกลงใหเ้ ขตพน้ื ที่การศึกษาเห็นชอบ 2) กำหนดแผนการรับนักเรียนของสถานศกึ ษา โดยประสานงานกับเขตพน้ื ที่ การศึกษา 3) ดำเนนิ การรบั นกั เรยี นตามทแ่ี ผนกำหนด 4) ร่วมมือกับองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น ชุมชน ในการติดตามช่วยเหลือนกั เรยี นที่มีปัญหาในการ เข้าเรียน 5) ประเมินผลและรายงานผลรบั เดก็ เข้าเรยี นให้เขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาทราบ 19. การจัดทำสำมะโนนกั เรยี น มีหน้าทีร่ ับผิดชอบปฏบิ ัติงานดงั นี้ 1) ประสานงานกับชุมชนและท้องถิ่นในการสำรวจข้อมูล จำนวนนักเรียนที่จะเข้ารับบริการ ทางการศึกษาในเขตบริการของสถานศกึ ษา 2) จดั ทำสำมะโนผเู้ รยี นท่ีจะเข้ารับบรกิ ารทางการศึกษาของสถานศึกษา

๑๘ 3) จดั ระบบข้อมลู สารสนเทศจากสำมะโนผู้เรยี นใหเ้ ขตพนื้ ท่กี ารศึกษารบั ทราบ 20. การทัศนศึกษา มีหน้าทีร่ บั ผดิ ชอบปฏบิ ตั งิ านดงั นี้ 1) วางแผนการนำนักเรียนไปทัศนศึกษานอกสถานศึกษา 2) ดำเนนิ การนำนกั เรียนไปทัศนศกึ ษานอกสถานศึกษา ตามหลกั เกณฑ์และวธิ ีการที่ กำหนด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook