หลกั การใหม่ตาม รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย 2560 โดย ศาสตราจารย์ ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ คณะนติ ิศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ 1
เน้อื หาของรฐั ธรรมนูญ สทิ ธ+ิ เสรภี าพของ กลไกในการใช้ ประชาชน อานาจรฐั การเมอื งของ การเมืองของ พลเมอื ง นกั การเมือง ฝ่ายนิติบัญญตั ิ ฝ่ายบริหาร ฝา่ ยตลุ าการ องคก์ รตาม รฐั ธรรมนญู 2
เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 สรา้ ง สิทธ+ิ เสรีภาพ คุ้มครอง ปฏิรปู ลดเงื่อนไข สมั พันธภาพ นอกเหนือจาก สิทธิเสรภี าพ ประเทศ ความขดั แย้ง ทร่ี ฐั ธรรมนญู ใหก้ ับ ของ องค์กรตา่ งๆ บัญญัตไิ ว้ ประชาชน 3
สทิ ธิเสรีภาพของประชาชนตามรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2560 เน้ อื หา กลไกในการคุม้ ครอง ก่อใหเ้ กิด ใหม้ ผี ล มที ้งั สทิ ธิ ศาล ศาล ศาล ผูต้ รวจการ กรรมการ หนา้ ทแี่ ก่รฐั บงั คบั ทนั ที มนุษยชน ยตุ ิธรรม รฐั ธรรมนูญ ปกครอง แผ่นดนิ สทิ ธิ ในการทาให้ แมย้ งั ไม่มี และสิทธิ สมั ฤทธ์ิผล กฎหมาย เสรีภาพของ มนุษยชน ชนชาวไทย 4
หนา้ ที่ของรฐั 5
หนา้ ทีข่ องรฐั รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กาหนด เร่ืองหน้าท่ขี องรัฐไว้เป็นคร้ังแรก เพ่ือกาหนดให้รัฐมหี น้าท่ตี ้องดาเนินการ ดูแลและจัดสวัสดิการด้านต่าง ๆ ให้กบั ประชาชน เน่ืองจากเป็นมาตรการ พ้ืนฐานท่ีรัฐควรจะทาให้ กับประชน และท่ีผ่านมาในบางเร่ืองแม้ว่า รัฐธรรมนูญจะกาหนดให้ประชาชนมีสิทธิในเร่ืองน้ัน ประชาชนก็จะมีแต่ สทิ ธแิ ต่มกั ไม่เกดิ ข้ึนจริงในทางปฏิบัติ จึงต้องบัญญัติให้เป็นหน้าท่ขี องรัฐ โดยตรง โดยกาหนดไว้แต่เร่ืองสาคัญ ๆ เท่าน้ัน เพ่ือบังคับให้รัฐทาตาม หน้าท่ที ่กี าหนดไว้โดยไม่ต้องพิจารณาว่าประชาชนจะมสี ทิ ธหิ รือไม่ 6
หนา้ ทีข่ องรฐั “หน้าท่ีของรัฐ” จะแตกต่างจาก “แนวนโยบายพ้ืนฐานแห่งรัฐ” โดยบทบัญญัติในหมวดหน้าท่ขี องรัฐน้ันจะมสี ภาพบังคับให้รัฐต้องทาตาม หน้าท่ี และเป็ นเหตุในการฟ้ องร้องของประชาชนให้รัฐดาเนินการตาม หน้าท่ีได้ ส่วนแนวนโยบายพ้ืนฐานแห่งรัฐน้ัน เป็ นเร่ืองทิศทางหรือ แนวทางในการดาเนินนโยบายของรัฐ หากรัฐไม่ดาเนินการกไ็ ม่เป็ นอาจ เป็นเหตุแห่งการฟ้ องร้องให้รัฐดาเนนิ การได้ 7
หนา้ ทีข่ องรฐั รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช 2560 มาตรา 51 การใดท่รี ัฐธรรมนูญบัญญัติให้เป็นหน้าท่ขี องรัฐตาม หมวดน้ี ถ้าการน้ันเป็นการทาเพ่ือให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนโดยตรง ย่อมเป็ นสิทธิของประชาชน และชุมชนท่ีจะติดตามและเร่งรัดให้ รัฐ ดาเนินการ รวมตลอดท้งั ฟ้ องรอ้ งหน่วยงานของรัฐท่เี ก่ยี วข้อง เพ่ือจัดให้ ประชาช นหรื อชุ ม ชนได้ รั บประโย ชน์น้ันตา มหลักเ กณฑ์และ วิธีก าร ท่ี กฎหมายบญั ญตั ิ 8
หนา้ ทีข่ องรฐั รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช 2560 มาตรา 52 รัฐต้องพทิ กั ษ์รักษาไว้ซ่งึ สถาบนั พระมหากษตั ริย์ เอกราช อธปิ ไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตทป่ี ระเทศไทยมสี ทิ ธอิ ธปิ ไตย.... มาตรา 53 รัฐต้องดูแลให้ มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่าง เคร่งครัด มาตรา 54 รัฐต้องดาเนินการให้เดก็ ทุกคนได้รับการศึกษาเป็ นเวลาสิบสอง ปี ต้งั แต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบงั คับอย่างมคี ุณภาพโดยไม่เกบ็ ค่าใช้จ่าย …. มาตรา 61 รัฐต้องจดั ให้มมี าตรการหรือกลไกท่มี ปี ระสทิ ธภิ าพในการค้มุ ครอง และพทิ กั ษส์ ทิ ธขิ องผ้บู ริโภคด้านต่าง ๆ …. มาตรา 62 รัฐต้องรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัดเพ่ือให้ ฐานะ ทางการเงินการคลังของรัฐมีเสถียรภาพและม่ันคงอย่างย่ังยืนตามกฎหมายว่าด้วยวินัย การเงินการคลังของรัฐ.... 9
ระบบเลือกต้งั 10
ระบบเลือกต้งั เสยี งขา้ งมาก ระบบผสม สดั ส่วน รอบเดียว สองรอบ ใชเ้ ขตประเทศ แบ่งเป็ น เป็ นเขตเลือกต้งั zone 11
ระบบเลือกต้งั ตามร่างรฐั ธรรมนูญใหม่ บตั รใบเดียว แบ่งเขต บญั ชีรายชื่อ 12
เปรียบเทียบระบบเลอื กต้งั ตาม 2540 / 2550 / 2560 สมาชิก ประเด็น 2540 2550 2560 500 จานวนรวม 500 500 เขตเลือกต้งั เขตละคน 400 เขต เขตละคน 375 เขต เขตละคน 350 เขต ส.ส. 100 คน 125 คน 150 คน ใชเ้ ขตประเทศ บญั ชีรายชื่อ ใชเ้ ขตประเทศ ใชเ้ ขตประเทศ (ใชบ้ ตั ร ใบเดียวกบั แบง่ เขต) ตอ้ งไดข้ ้นั ตา่ 5% คิดจากสดั ส่วนคะแนน – ไมม่ ีจานวนข้นั ตา่ จานวน ส.ส. แบบแบง่ เขต จานวน 200 คน 150 คน 200 คน ทมี่ า เลอื กต้งั โดยตรง เลือกต้งั โดยตรงผสม เลอื กต้งั ทางออ้ ม สรรหา (74 คน) ส.ว. ใชเ้ ขตจังหวดั เป็ นเขต ส.ว. 76 คน เลอื กต้งั ใช้ เขตเลือกต้งั เลือกต้งั ๆละหลาย เขตจังหวดั เป็ นเขต - คน เลือกต้งั เขตละ 1 คน 13
การคิดคานวณจานวนสมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร 1) นาคะแนนรวมท้งั ประเทศต้งั หารด้วยห้าร้อย 2) นาผลลัพธต์ าม 1) ไปหารคะแนนรวมของพรรคการเมืองแต่ละพรรค จานวน ท่ไี ด้ถอื เป็นจานวน ส.ส. ท่พี รรคการเมืองน้ันจะพึงมีได้ 3) นาจานวน ส.ส. ท่พี รรคการเมอื งจะพึงมไี ด้ ลบด้วยจานวน ส.ส. แบบแบ่งเขต คือจานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายช่ือท่พี รรคการเมืองน้ันจะได้รับ 4) ถ้าพรรคการเมืองใดมี ส.ส. แบบแบ่งเขตเท่ากับหรือสูงกว่าจานวน ส.ส. ท่ี พรรคการเมอื งน้ันจะพึงมีได้ ให้พรรคการเมืองน้ันมี ส.ส. ตามจานวนท่ไี ด้รับจากการ เลือกต้ังแบบแบ่งเขต และไม่มีสิทธิได้รับ ส.ส. แบบบัญชีรายช่ือ และให้ นาจานวน ส.ส. แบบบญั ชีรายช่ือไปจัดสรรให้แก่พรรคการเมืองอ่นื ตามอตั ราส่วน แต่ต้องไม่มีผล ให้พรรคการเมืองใดดังกล่าวมี ส.ส. เกนิ จานวนท่จี ะพึงมีได้ 5) เม่อื ได้จานวนบัญชีรายช่ือของแต่ละพรรคการเมืองแล้ว ให้ผู้สมัครตามลาดับ หมายเลขในบญั ชีรายช่ือ เป็นผู้ได้รับเลือกต้ังเป็น ส.ส. 14
ทีม่ าของวุฒิสภา วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกจานวน 200 คน ซ่ึงมาจากการเลือก กนั เองของบุคคลซ่ึงมคี วามรู้ ความเช่ยี วชาญ ประสบการณ์ อาชีพ ลักษณะ หรือประโยชนร์ ่วมกนั หรือทางานหรือเคยทางานด้านต่าง ๆ ท่หี ลากหลาย ของสังคม โดยในการแบ่งกลุ่มต้องแบ่งในลักษณะท่ที าให้ประชาชนซ่ึงมี สทิ ธสิ มคั รรับเลอื กทกุ คน สามารถอยู่ในกล่มุ ใดกลุ่มหน่งึ ได้
ทีม่ าของนายกรฐั มนตรี รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช 2560 มาตรา 88 วรรคหนึง่ ในการเลือกต้ังท่วั ไป ให้พรรคการเมืองท่ี ส่งผ้ ูสมัครรับเลือกต้ังแจ้ งรายช่ือบุ คคลซ่ึงพรรคการเมือ งน้ันมีมติว่ าจะ เสนอให้สภาผู้แทนราษฎรเพ่ือพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งต้ังเป็ น นายกรัฐมนตรีไม่เกนิ สามรายช่อื ต่อคณะกรรมการการเลือกต้ังก่อนปิ ดการ รับสมัครรับเลือกต้ัง และให้คณะกรรมการการเลือกต้ังประกาศรายช่ือ บุคคลดังกล่าวให้ประชาชนทราบ และให้นาความในมาตรา 87 วรรคสอง มาใช้บงั คบั โดยอนุโลม **ไม่ไดก้ าหนดใหต้ อ้ งเสนอชื่อจาก ส.ส. ของพรรคการเมือง**
ทีม่ าของนายกรฐั มนตรี รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช 2560 มาตรา 159 วรรคหนึ่ง ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความ เห็นชอบบุคคลซ่ึงสมควรได้ รับแต่งต้ังเป็ นนายกรัฐมนตรีจาก บุคคลซ่ึงมี คุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 และเป็นผู้มชี ่ืออยู่ใน บญั ชีรายช่อื ท่พี รรคการเมอื งแจ้งไว้ตามมาตรา 88 เฉพาะจากบัญชีรายช่ือ ของพรรคการเมืองท่มี ีสมาชิกได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่ น้ อยกว่าร้ อยละห้ าของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ของสภา ผู้แทนราษฎร
ทีม่ าของนายกรฐั มนตรี นา ยก รั ฐมน ตรี ต้ อ ง มา จ าก ผู้ ท่ีพรร ค กา ร เมือ งเ สน อ รา ย ช่ือต่ อ คณะกรรมการการเลือกต้ังในการเลือกต้ังท่ัวไปเพ่ือให้ ประชาชนได้ พิจารณาในการลงคะแนนเสยี งเลือกต้ังในคร้ังน้ัน โดยผ่านความเหน็ ชอบ ของสภาผู้แทนราษฎร รัฐธรรมนู ญไม่ได้ กาหนดให้ ผู้ท่ีจะถูกเสนอช่ือเพ่ือพิจารณาให้ ความเหน็ ชอบแต่งต้ังเป็นนายกรัฐมนตรีต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดงั น้นั นายกรฐั มนตรีมาจากคนนอกได้
มาตรการป้ องกนั การทุจริต 19
การกาหนดใหภ้ าครฐั และภาคประชาชน มีหนา้ ทีใ่ นการป้ องกนั ทุจริต 1. กาหนดให้ปวงชนชาวไทยมีหน้าท่ี “ไม่ร่วมมอื หรือสนับสนุนการทุจริตและ ประพฤตมิ ชิ อบทุกรูปแบบ”(มาตรา 50 (10)) 2. กาหนดให้รัฐมีหน้าท่ตี ้องส่งเสริม สนับสนุน และให้ความรู้แก่ประชาชนถึง อนั ตราย ท่เี กิดจากการทุจริตและประพฤติมชิ อบท้งั ในภาครัฐและภาคเอกชน และ จัดให้มีมาตรการและกลไกท่ีมีประสิทธิภาพเพ่ือป้ องกันและขจัดการทุจริตและ ประพฤติมิชอบดังกล่าวอย่างเข้มงวด รวมท้ัง กลไกในการส่งเสริมให้ประชาชน รวมตัวกันเพ่ือมสี ่วนร่วมในการรณรงค์ให้ความรู้ ต่อต้าน หรือช้ีเบาะแส โดยได้รับ ความคุ้มครองจากรัฐตามท่กี ฎหมายบัญญัติ (มาตรา 63) 3. กาหนดให้รัฐส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความรู้ความเข้าใจท่ีถูกต้อง เก่ียวกับหลักการสาคัญต่างๆ ในการปกครองประเทศ รวมท้ังการต่อตา้ นการ ทุจริตและประพฤติมิชอบด้วย (มาตรา 78) 20
การกาหนดลกั ษณะตอ้ งหา้ มเพอื่ ป้ องกนั มใิ หผ้ ูท้ ี่เคยกระทา การทุจริตเขา้ มาเป็ นผูด้ ารงตาแหนง่ ทางการเมอื ง ร่างรัฐธรรมนูญกาหนดให้บุคคลท่มี ลี ักษณะดงั ต่อไปน้ี เป็นบุคคลต้องห้ามมใิ ห้ ใช้ สิทธิสมัคร รับ เลือ กต้ัง เป็ นสมาชิก สภา ผู้แ ทนร าษฎ ร (มาตรา 9 8 (2)(8)(9)(10)(11)(18)) สมาชิกวุฒิสภา (มาตรา 108 ข. (1)) และเป็น ลกั ษณะต้องห้ามในการเข้ารับตาแหน่งของรัฐมนตรี (มาตรา 160) (1) เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต (2) เคยถูกส่ังให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะ ทุจริตต่อหน้าท่ี หรือถอื ว่ากระทาการทจุ ริตหรือประพฤตมิ ชิ อบในวงราชการ (3) เคยต้องคาพิพากษาหรือคาส่งั ของศาลอันถึงท่สี ดุ ให้ทรัพยส์ นิ ตกเป็นของ แผ่นดินเพราะร่ารวยผิดปกติ หรือเคยต้องคาพิพากษาอันถึงท่สี ุดให้ลงโทษจาคุก เพราะกระทาความผดิ ตามกฎหมายว่าด้วยการป้ องกนั และปราบปรามการทจุ ริต 21
การกาหนดลกั ษณะตอ้ งหา้ มเพอื่ ป้ องกนั มิใหผ้ ูท้ ี่เคยกระทา การทุจริตเขา้ มาเป็ นผูด้ ารงตาแหนง่ ทางการเมอื ง (4) เคยต้องคาพิพากษาอันถึงท่สี ุดว่ากระทาความผิดต่อตาแหน่งหน้าท่รี าชการ หรือต่อ ตาแหน่งหน้าท่ใี นการยุตธิ รรม หรือกระทาความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานใน องค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเก่ียวกับทรัพย์ท่ีกระทาโดยทุจริตตามประมวล กฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงนิ ท่เี ป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่า ด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นาเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้ วยการพนัน ใน ความผิดฐาน เป็นเจ้ามือหรือเจ้าสานัก กฎหมายว่าด้วยการป้ องกนั และปราบปรามการค้ ามนุษย์ หรือกฎหมาย ว่าด้วยการป้ องกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ ในความผดิ ฐานฟอกเงนิ (5) เคยต้องคาพิพากษาอนั ถงึ ท่สี ดุ ว่ากระทาการอนั เป็นการทุจริตในการเลอื กต้งั (6) เคยพ้นจากตาแหน่งเพราะเหตุ การมีผลประโยชน์ในการพิจารณาร่างงบประมาณ รายจ่าย หรือ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองส่งั ให้พ้ นจากตาแหน่ง และเพกิ ถอนสทิ ธสิ มคั รรับเลือกต้งั เพราะเหตทุ ุจริต 22
การป้ องกนั การมผี ลประโยชนใ์ นการพจิ ารณา ร่างงบประมาณรายจ่าย ในกรณที ่ี ส.ส. หรือ ส.ว. ไม่น้อยกว่าหน่ึงในสบิ เหน็ ว่าการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทาด้วยประการใด ๆ ท่ีมีผลให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิก วุฒิสภา หรือกรรมาธกิ ารมสี ว่ นไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณ รายจ่าย ให้เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทาดังกล่าวเป็ นอันส้ินผล ถ้าผู้กระทาเป็ น ส.ส. หรือ ส.ว. ให้ส้ินสุด สมาชิกภาพและให้เพกิ ถอนสทิ ธสิ มคั รรับเลอื กต้งั ของผ้นู ้ัน ในกรณีท่คี ณะรัฐมนตรีเป็นผ้กู ระทาการหรืออนุมัติให้กระทาการ หรือรู้ว่ามกี าร กระทาดังกล่าวแล้วแต่มไิ ด้ส่งั ยับย้ัง ให้คณะรัฐมนตรีพ้นจากตาแหน่งท้งั คณะและ ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกต้ังของรัฐมนตรีท่ีพ้นจากตาแหน่งน้ัน เว้นแต่จะ พิสจู น์ได้ว่าตนมไิ ด้อยู่ในท่ปี ระชุมในขณะท่มี มี ติ และให้ผู้กระทาการดงั กล่าวต้องรับ ผดิ ชดใช้เงนิ น้นั คืนพร้อมด้วยดอกเบ้ยี (มาตรา 144) 23
การป้ องกนั และปราบปรามการทุจริตโดยคณะกรรมการ ป้ องกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในกรณีท่มี เี หตุอันควรสงสัยหรือมีการกล่าวหาว่าผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดารงตาแหน่งในองค์กรอิสระ หรือผู้ว่าการตรวจเงิน แผ่นดินผู้ใดกระทาการทุจริต ให้ ป.ป.ช. ไต่สวนข้อเทจ็ จริง และหากมีมติด้วย คะแนนเสยี งไม่น้อยกว่าก่งึ หน่ึง เหน็ ว่าผู้น้ันมีพฤติการณ์หรือกระทาความผิดตามท่ี ไต่สวน ให้ดาเนินการดังต่อไปน้ี (1) ถ้าเป็นกรณีฝ่ าฝืนหรือไม่ปฏบิ ัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้เสนอเร่ืองต่อศาลฎีกาเพ่อื วนิ ิจฉยั (2) กรณีอ่ืนนอกจาก (1) ให้ส่งสานวนการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุดเพ่ือ ดาเนินการฟ้ องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง หรือดาเนินการอ่นื ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้ องกันและ ปราบปรามการทุจริต 24
การป้ องกนั และปราบปรามการทุจริตโดยคณะกรรมการ ป้ องกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เม่ือศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดารงตาแหน่งทางการเ มือง ประทบั รับฟ้ อง ให้ผ้ถู ูกกล่าวหาหยุดปฏบิ ตั หิ น้าท่จี นกว่าจะมคี าพพิ ากษา และหากมี คาพพิ ากษาว่าผู้ถูกกล่าวหามพี ฤตกิ ารณ์หรือกระทาความผดิ ตามท่ถี ูกกล่าวหา ให้ผู้ ต้องคาพิพากษาน้นั พ้นจากตาแหน่ง และให้เพกิ ถอนสทิ ธสิ มคั รรับเลอื กต้งั ของผ้นู ้ัน และจะเพกิ ถอนสทิ ธเิ ลือกต้ังมกี าหนดเวลาไม่เกนิ สบิ ปี ด้วยหรือไม่กไ็ ด้ ผู้ใดถูกเพิกถอนสทิ ธิสมัครรับเลือกต้ังไม่ว่าในกรณีใด ผู้น้ันไม่มีสทิ ธสิ มัครรับ เลือกต้ังหรือสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิก สภาท้องถ่นิ หรือผ้บู ริหารท้องถ่นิ ตลอดไป และไม่มสี ทิ ธดิ ารงตาแหน่งทางการเมือง ใด ๆ (มาตรา 235) 25
การกาหนดคณุ สมบตั ิผูบ้ ริหารองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ร่างรัฐธรรมนูญกาหนดให้คุณสมบัติของผู้มีสทิ ธิเลือกต้ังและผู้มีสทิ ธิสมคั รรับ เลอื กต้งั และหลกั เกณฑ์ และวธิ กี ารเลอื กต้งั สมาชิกสภาท้องถ่นิ และผ้บู ริหารท้องถ่นิ ให้เป็นไปตามท่ีกฎหมายขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินน้ันๆ บัญญัติ อย่างไรก็ ตาม รัฐธรรมนูญกาหนดให้ ต้องคานึงถึงเจตนารมณ์ในการป้ องกันและ ปราบปรามการทุจริตตามแนวทางที่บญั ญตั ิไวใ้ นรฐั ธรรมนูญดว้ ย (มาตรา 252) 26
ประเด็นเกยี่ วกบั การป้ องกนั การทุจริตในการปฏิรูปประเทศ ร่างรัฐธรรมนูญกาหนดให้ มีการปฏิรูปประเทศด้ านการบริหารราชการ แผ่นดินโดยให้ มีการปรับปรุงระบบการจัดซ้ ือจัดจ้ างภาครัฐให้ มีควา มคล่องตัว เปิ ดเผย ตรวจสอบได้ และมีกลไกในการป้ องกันการทุจริตทุกข้ันตอน (มาตรา 258 (5)) 27
การแกไ้ ขเพิม่ เติมรฐั ธรรมนูญตามรฐั ธรรมนูญ แห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2560 ผูเ้ สนอขอ ผูม้ ีอานาจ เน้ อื หา ระยะเวลา คะแนนเสียง แกไ้ ข พจิ ารณา รฐั สภา แกไ้ ดย้ กเวน้ ใหร้ อเวลา -การเปลยี่ นแปลง 15 วนั ระหว่าง การปกครองระบอบ วาระทสี่ อง ครม. ส.ส. 1/5 ส.ส.+ส.ว.1/5 ประชาชน ประชาธิปไตยอนั มี 50,000 คน พระมหากษตั ริยท์ รง กบั สาม เป็ นประมุข วาระที่ 1 วาระที่ 2 วาระที่ 3 -การเปลยี่ นแปลง ไม่นอ้ ย เสยี ง ไม่นอ้ ย กว่ากึง่ หนงึ่ ขา้ งมาก กว่ากึง่ รูปของรฐั หนงึ่ 28
การปฏิรูปประเทศ ดา้ นการเมือง ดา้ นกฎหมาย ดา้ นกระบวนการ ดา้ นอื่นๆ ยุติธรรม ดา้ นการบริหาร ดา้ นการศึกษา ดา้ นเศรษฐกิจ ราชการแผ่นดิน 29
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: