Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิจัย1-64

วิจัย1-64

Description: วิจัยในชั้นเรียน การพัฒนาความสามารถทางการเรียนรายวิชา การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เชิงโครงสร้าง รหัสวิชา 30901-1001 โดยวิธีการสอนแบบอธิบาย code โปรแกรม ของนักเรียนระดับชั้น ปวส.1 สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ

Keywords: วิจัยในชั้นเรียน,การพัฒนาความสามารถทางการเรียน,วิธีการสอนแบบอธิบายโค้ดโปรแกรม

Search

Read the Text Version

วิจยั ในชัน้ เรยี น การพัฒนาความสามารถทางการเรียนรายวชิ า การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์เชงิ โครงสร้าง รหสั วชิ า 30901-1001 โดยวธิ ีการสอนแบบอธบิ าย code โปรแกรม ของนกั เรยี นระดบั ชั้น ปวส.1 สาขาวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศ นางสาวพริ ุฬหพ์ ชิ ญ์ ลือโฮ้ง วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษาแพร่ สังกดั สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ประจำปกี ารศกึ ษา 1/2564

บทคดั ย่อ วิจัยเรื่อง “การพัฒนาความสามารถทางการเรียนรายวิชา หลักการเขียนโปรแกรม โด ย วิ ธี ก าร ส อ น แ บ บ อ ธิ บ าย code โป รแ ก ร ม ข อ งนั ก เรีย น ระ ดั บ ช้ั น ป ว ส .1 สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ” มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้เรยี นสามารถอธบิ าย code โปรแกรม ได้ เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของ code โปแกรมและเข้าใจโปรแกรมเพ่ือให้ผู้เรียนได้ฝึก ทักษะภาษาอังกฤษจากการอ่าน code ผลการวิจัย พบว่า จากการสังเกตพฤติกรรมของ ผู้เรียนระหว่างเรียนโดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรม พบว่า นักศึกษาที่เรียนรายวิชา หลักการ เขียนโปรแกรม สว่ นใหญ่สามารถเขียนผังงานหรือ Flowchart แตไ่ ม่เข้าใจ code โปรแกรม และไม่สามารถอธิบาย code โปรแกรมได้ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบฝึกปฏิบัติ พบว่า จากการท่ีให้นักศึกษา ฝึกปฏิบัติการอธิบาย code โปรแกรม เว็บไซต์สื่อสอนของครู https://sites.google.com/view/kruphirunphit64 << สื่อการสอนภาคเรียนี่ 1/2564<< รายวิชาการเขียนโปรแกรมเชิงโครงสร้าง ทำให้นักเรียนสามารถอธิบาย code โปรแกรมได้ อ่านภาษาอังกฤษไดค้ ล่องขึ้น และเข้าใจหลกั การทำงานของโปรแกรมมากขน้ึ อยา่ งสังเกตไดช้ ัด ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูลจากการสอบอธิบาย code โปรแกรม การวิเคราะห์ขอ้ มูลจากการสอบ อธิบาย code โปรแกรม พบว่า หลังจากฝึกอธิบาย code โปรแกรม จากแบบฝึกปฏิบัติใบ งานที่ 9 พบว่า ผู้เรียนสามารถสอบอธิบาย code โปรแกรมได้ ผ่าน 11 คน คิดเป็น ร้อยละ 100 จากการสอนแบบแปล Cord ทำให้ผู้เรียนมีทักษะการเขียนโปรแกรมเพิ่มข้ึน พบว่า นักเรียนสอบผ่านทั้งหมด 11 คน มีความรู้ความสามารถในการเขียนโปรแกรมในใบงานท่ี 10 – 15 เพม่ิ ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยผู้เรียนร้อยละ 100 ปฏบิ ัติงานจากใบงานที่ 10 – 15 ผ่าน ร้อยละ 80

สารบญั บทที่ หนา้ 1 บทนำ ............................................................................................................. 1 ความเปน็ มาและความสำคัญของปญั หา .................................................... 1 วตั ถุประสงค์ของการวจิ ัย........................................................................... 2 ขอบเขตของการวจิ ัย ................................................................................. 2 กรอบแนวคิดในการวิจยั ............................................................................ 2 สมมุติฐานการวจิ ัย..................................................................................... 3 ประโยชนท์ ี่คาดว่าจะไดร้ บั ........................................................................ 3 นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ....................................................................................... 3 2 เอกสารและงานวิจัยทเ่ี กีย่ วข้อง..................................................................... 4 รายวิชาหลักการเขียนโปรแกรม................................................................. 4 ความหมายของ code โปรแกรมหรอื รหัสเทยี ม(Pseudo Code) ........... 5 รปู แบบการสอน ........................................................................................ 7 งานวจิ ัยทีเ่ ก่ยี วข้อง .................................................................................... 11 3 วธิ ดี ำเนนิ การวิจัย .......................................................................................... 12 ประชากรท่ใี ชใ้ นการวิจยั ........................................................................... 13 เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการวิจยั ............................................................................ 13 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ............................................................................... 13 การวิเคราะห์ข้อมูล .................................................................................... 14 สถติ ทิ ี่ใชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูล................................................................... 14 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมลู ................................................................................... 15

สารบญั (ตอ่ ) บทที่ หนา้ 5 สรปุ อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ............................................................... 17 สรปุ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ........................................................................ 17 อภิปรายผล ............................................................................................... 17 ข้อเสนอแนะ.............................................................................................. 18 บรรณานุกรม.......................................................................................................... 19 ภาคผนวก............................................................................................................... 20 ประวัตผิ ูศ้ ึกษา........................................................................................................ 25

บทท่ี 1 บทนำ 1.1 ทีม่ าและความสำคัญ การเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ ชงิ โครงสรา้ ง รหสั วิชา 30901-1001 เป็นรายวิชา ที่ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับหลักการพัฒนาโปรแกรมและข้ันตอนวิธี ผังโครงสร้าง ผังงาน ลำดับขั้นตอนการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยภาษาเชงิ โครงสร้าง ประเภทข้อมูลและตัว แปร (Data Types and Variables),การใช้งาน Operators, การรับและแสดงผลข้อมูล, การกำหนดเง่ือนไข Condition, การวนซ้ า Loops, ข้อมูลArrays, การจัดการ String, การ ใช้งาน Pointers, การใช้งาน Library Functions, การสร้าง User-defined Functions และการจัดการแฟ้มข้อมลู (File) ซึง่ นักศึกษาจะต้องสามารถบอกความหมายของโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ บอกช่ือของ ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในระบบดอสและภาษาแบบกุย บอกองค์ประกอบของ ภาษาคอมพิวเตอร์ และบอกข้ันตอนในการพัฒนาโปรแกรมได้ เขียนคำส่ังแสดงค่าของตัว แปรแถวลำดับ บอกรูปแบบของตัวแปรโครงสร้าง บอกความหมายของการเรยี งทับซ้อนและ แถวคอย เขียนโครงสร้างของรายการโยงและเขียนลำดับการค้นหาจากรูปต้นไม้ทวิภาคได้ บอกส่วนประกอบของฐานข้อมูล จำแนกประเภทของฐานข้อมูล เขียนข้ันตอนวิธีหรือ อัลกอริทึม บอกข้ันตอนวิธกี ารค้นหา บอกวิธีการเรียงลำดับแบบต่าง ๆ และบอกชนดิ ของ แฟ้มข้อมูลได้ เขียนขั้นตอนวิธีหรืออัลกอริทึม บอกขั้นตอนวิธีการค้นหา บอกวิธีการ เรียงลำดับแบบต่าง ๆบอกชนิดของแฟ้มข้อมูลและบอกคู่ลำดับในโหมดกราฟิกได้จำแนก ปัญหาทั่วไปกับปัญหาท่ีแก้ด้วยวิธีทางคอมพิวเตอร์ เขียนแนวทางในการแก้ปัญหา และ เขยี นลำดบั จำลองความคิดเป็นข้อความหรือแผนภาพได้ บอกความหมายของหน่วยความจำ หลัก บอกวิธเี ก็บข้อมูลในหน่วยความจำ บอกความหมายของการรหัสและเข้ารหัสเบ้ืองต้น บอกความหมายของเรจิสเตอร์ บอกชนิดของหน่วยความจำรอม และบอกชนิดและการ ทำงานของหน่วยความจำแรมได้ บอกความหมายของเซตและการใช้สัญลักษณ์แทนการ ทำงาน เขียนแผนภาพของเอกภพสัมพัทธ์ บอกความสัมพันธ์ของเซตย่อย เซตกำลังและ เขียนแผนภาพของเวนน์ – ออยเลอร์ บอกการดำเนินการของเซต บอกความหมายของ ตรรกะและประพจน์ และเขียนตัวแปรแทนประพจน์ต่าง ๆ ได้ บอกความหมายของ พีชคณิตแบบบลู บอกประโยชน์ของทฤษฎีบทของพีชคณิตแบบบูล อ่านฟังก์ชันตรรกะและ ตารางความจริง เขียนตารางความจริงจากแผนภาพเวลา บอกความหมายของวงจรตรรกะ และเขียนสมการพีชคณิตจากวงจรตรรกะพ้ืนฐานได้ บอกความหมายสัญลักษณ์ของผังงาน บอกประโยชนข์ องผังงาน จำแนกประเภทของผงั งานบอกโครงสรา้ งของรูปแบบเลือก บอก รูปแบบทำซ้ำ ใช้ภาษาประกอบการบรรยายในผังงานและเขียนรหัสเทียมได้ และรู้จัก โปรแกรมบนระบบปฏบิ ตั ิการแบบกุยและเขยี นโปรแกรมเบ้อื งต้น

2 จากการสงั เกต พบวา่ นักศึกษาส่วนสามารถเขียนผังงานได้ เขียนรหัสเทียมได้แต่ ต้องดูจากหนังสือ เมื่อคิดเองนักเรียนจะคิดไม่ค่อยได้ สาเหตุเน่ืองมาจากนักเรียนส่วนใหญ่ ไม่เข้าใจ code ของโปรแกรม ท่ีเขียนได้เพราะมีหนังสือตัวอย่าง ผู้วิจัยในฐานนะครูผู้สอน จึงได้คิดค้นหาวิธีการให้นักเรียนที่เรียนรายวิชาน้ีสามารถทำแบบฝึกหัดท่ีครูผู้สอนสั่งได้ อย่างเข้าใจโดยอาจดูตัวอย่างประกอบเพียงเล็กน้อย ผู้วิจัยจึงใช้วิธีการสอนและการสอบ แบบอธิบาย code เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของ code โปแกรม และเข้าใจ โปรแกรม และสามารถอ่านภาษาองั กฤษได้ 1.2 วัตถปุ ระสงคข์ องการวิจยั 1. เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นสามารถอธบิ าย code โปรแกรมได้ 2. เพื่อใหผ้ เู้ รยี นเข้าใจความหมายของ code โปแกรมและเข้าใจโปรแกรม 3. เพอ่ื เพิ่มทกั ษะการเขียนโปรแกรมในบทอื่นๆ 1.3 ขอบเขตการวิจัย - ขอบเขตพนื้ ที่การวิจยั วทิ ยาลัยอาชีวศึกษาแพร่ - ขอบเขตประชากร ประชากรที่ใช้ในการวจิ ัย คอื นักศึกษาสาขาเทคโนโลยี สารสนเทศ ระดับ ปวช.1 จำนวน 11 คน - ขอบเขตระยะเวลา มถิ นุ ายน 2564 - กันยายน 2564 1.4 กรอบแนวคิดในการวจิ ัย ตัวแปรตาม ตวั แปรต้น -ผู้เรียนสามารถอธิบาย code โปรแกรม ได้ - การสอนแบบอธิบาย code -ผู้เรียนเข้าใจความหมายของ code โปรแกรม โปรแกรมและเข้าใจโปรแกรม รปู ที่ 1 แสดงกรอบแนวคิดของการวิจยั

3 1.5 สมมตฐิ านในการวจิ ัย การสอนแบบอธิบาย code โปแกรมทำให้ผู้เรียนสามารถอธิบาย code โปรแกรม และเขา้ ใจความหมายของ code โปแกรมและเข้าใจโปรแกรม นำไปสูก่ ารเขยี นโปรแกรมได้ 1.6 ประโยชน์ทีค่ าดวา่ จะได้รบั 1. ผเู้ รยี นสามารถอธบิ าย code โปรแกรมได้ 2. ผู้เรียนเข้าใจความหมายของ code โปรแกรมและเขา้ ใจโปรแกรม 3. ผู้เรยี นไดฝ้ ึกทักษะภาษาอังกฤษจากการอ่าน code 4. ผูเ้ รยี นมีความรู้ในการเขยี นโปรแกรมเพ่ิมมากขนึ้ 1.7 นิยามศัพท์ วิธีการสอนแบบอธิบาย code โปรแกรม หมายถึง การสอนท่ีให้ผู้เรียนอ่าน code โปรแกรมทีละบรรทัด และอธิบายเป็นภาษาไทยของบรรทัดน้ัน ๆ ส่วนโปรแกรมท่ีมี การหาคำตอบในดว้ ยนัน้ จะใช้วิธสี มมุติตวั เลขและให้นักเรียนหาคำตอบของโปแกรมนน้ั ๆ ผูเ้ รียน หมายถึง นักเรียนนักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพสอง ระดับ ปวส.1 สาขาวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศ วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษาแพร่ จำนวน 11 คน

บทท่ี 2 แนวคดิ ทฤษฎแี ละผลงานวจิ ยั ทเี่ กีย่ วข้อง 1. เอกสารที่เกี่ยวข้อง 1.1 รายวิชาหลักการเขยี นโปรแกรม 1.2 ความหมายของ code โปรแกรมหรือ รหสั เทียม(Pseudo Code) 1.3 รปู แบบการสอน 2. งานวจิ ัยทีเ่ กี่ยวข้อง 1. เอกสารทีเ่ กยี่ วข้อง 1.1 รายวชิ าหลักการเขยี นโปรแกรม การเขยี นโปรแกรมเชงิ โครงสร้าง รหัสวชิ า 30901-1001 จำนวน 3 หน่วยกิต (1-4-3) จุดประสงคร์ ายวชิ า เพือ่ ให้ 1. มคี วามเข้าใจข้ันตอนวธิ กี ารโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 2. สามารถปฏิบตั ิการโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ 3. มีกจิ นสิ ัยในการทำงานดว้ ยความประณีต รอบคอบและปลอดภัย ตระหนักถึง คณุ ภาพของงานและมีจริยธรรมในงานอาชพี มาตรฐานรายวิชา 1. สร้างผังโครงสรา้ ง ผังงาน และลำดบั ขั้นตอนการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 2. เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยภาษาโครงสรา้ ง 3. ทดสอบและพัฒนาการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ คำอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับหลักการพัฒนาโปรแกรมและข้ันตอนวิธี ผังโครงสร้าง ผัง งาน ลำดับข้ันตอนการ เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยภาษาเชิงโครงสร้าง ประเภทข้อมูล และตัวแปร (Data Types and Variables),การใช้งาน Operators, การรับและแสดงผล ข้อมูล, การกำหนดเงื่อนไข Condition, การวนซ้า Loops, ข้อมูล Arrays, การจัดการ String, การใชง้ าน Pointers, การใช้งาน Library Functions, การสรา้ ง User-defined Functions และการจดั การแฟ้มขอ้ มูล (File)

5 1.2 ความหมายของ code โปรแกรมหรอื รหสั เทยี ม (Pseudo Code) 1. หมายถึง การเขียนโปรแกรมโดยไม่ต้องคำนึงถึงไวยากรณ์ แต่เป็นภาษาท่ี นักเขียนโปรแกรมเข้าใจกันได้ มีลักษณะเป็นภาษาอังกฤษธรรมดาส่วนหน่ึง กับภาษาทำ โปรแกรม (programming language) อกี ส่วนหน่งึ 2. หมายถึง การทำงานของโปรแกรมท่ีนำเสนอเป็นภาษาอังกฤษท่ีขาดๆ หายๆ ซ่ึง เป็นส่วนผสมระหว่างภาษาอังกฤษธรรมดากับภาษาโปรแกรม รหัสลำลองน้ีมีไว้ให้ โปรแกรมเมอรเ์ หน็ ภาพคร่าวๆ โดยไมต่ อ้ งลงไปในรายละเอียด 3. เป็นท้ังวิธีการออกแบบและการแสดงแบบโปรแกรมสำหรับใช้ในการเขียนคำส่ัง ความหมายของคำวา่ คำสั่งลำลอง ก็คือ คำสั่งท่ีไม่ใช่คำสง่ั ในภาษาคอมพิวเตอร์อย่างแท้จริง แตเ่ ป็นคำส่ังทีเ่ ขียนเลยี นแบบคำส่ังจรงิ อยา่ งย่อ และใช้แนวทางของคำส่ังควบคมุ ในภาษาน้ัน น่ัน คือ เราอาจจะใช้คำส่ังควบคุม เช่น Do While, If, Else แทนลอจิกของโปรแกรมเพื่อให้ เห็นแนวทางการทำงานในโปรแกรม แต่วิธีการทำงานนั้นเราสามารถใช้ภาษาอังกฤษระบุ อย่างย่อ ได้ 4. ใชข้ ้อความท่เี ปน็ ภาษาไทยหรือองั กฤษก็ได้ ในการแสดงขัน้ ตอนการแก้ปญั หา แต่ จะมีคำเฉพาะที่เป็นภาษาในโครงสร้างของโปรแกรมมาช่วยในการเขียน โครงสร้างของรหัส ลำลองจะมสี ว่ นคลา้ ยกบั การเขียนโปรแกรมมาก 5. ซูโดโค้ดหรือรหัสเทียม เป็นเคร่ืองมือท่ีนิยมใช้กันมากในการออกแบบโปรแกรม ชว่ ยให้โปรแกรมเมอร์ สามารถเขียนโปรแกรมได้ง่ายข้ึน ภาษาหรอื คำท่ีใชเ้ ขยี นซูโดโค้ด เป็น การผสมผสานระหว่างคำในภาษาอังกฤษทั่วไป กับภาษาคอมพิวเตอร์ โครงสร้างของรหัส เทียม จงึ มีสว่ นทีค่ ล้ายคลึงกนั กบั การเขยี นโปรแกรมมาก สรปุ รหัสลำลองหรือ pseudo code เป็นคำบรรยายที่เขียนแสดงข้ันตอนวิธี (algorithm) ของการเขียนโปรแกรม โดยใช้ภาษาท่ีกะทัดรัด ส่ือสารกับโปรแกรมเมอร์ ผู้เขียนโปรแกรม โดยอาจใช้ภาษาท่ีใช้ทั่วไปและอาจมีภาษาท่ีใช้ในการเขียนโปรแกรม ประกอบ แต่ไมม่ ีมาตรฐานแน่นอนในการเขียน pseudo code และไม่สามารถนำไปทำงาน บนคอมพิวเตอร์โดยตรง(เพราะไม่ใช่คำสั่งใน ภาษาคอมพิวเตอร์) และไม่ข้ึนกับ ภาษาคอมพิวเตอรภ์ าษาใดภาษาหนึ่ง นิยมใช้ pseudo code แสดง algorithm มากกว่าใช้ ผังงาน เพราะผังงานอาจไม่แสดงรายละเอียดมากนักและใช้สัญลักษณ์ซ่ึงทำให้ไม่สะดวกใน การเขียน เชน่ โปรแกรมใหญ่ ๆ หลกั เกณฑก์ ารเขยี นรหัสลำลอง มกี ารสรุปหลกั เกณฑ์ ในการเขยี นรหสั ลำลอง ไวห้ ลายแบบ ในที่นีข้ อเสนอ 2 ราย หลักเกณฑ์ท่วั ไปของการเขียนรหัสลำลอง (แบบท่ี1) 1. สัญลักษณท์ ่ีใช้ในการดำเนนิ การทางคณิตศาสตรต์ า่ ง ๆ จะถกู ใชง้ านตามปกติ คอื + สำหรบั การบวก – สำหรับการลบ * สำหรบั การคณู และ/ สำหรับการหาร 2. ช่ือข้อมูลใช้แทนจำนวนที่จะถกู ดำเนนิ การตามขัน้ ตอนวิธี

6 3. การใช้คำอธบิ ายกำกับข้ันตอนวิธี อาจทำโดยใชส้ ัญลักษณ์ * หรอื ** กำกบั หัว ท้ายขอ้ ความคำอธบิ าย เพื่อแยกออกมาจากข้ันตอนการทำงาน 4. คำสงวนบางคำท่ใี ชใ้ นภาษาระดบั สูงท่วั ไปอาจนำมาใช้ เช่น Read หรือ Enter สำหรบั การรบั ขอ้ มลู เขา้ และWrite หรอื Print สำหรบั การแสดงข้อมลู ออก 5. การเพิ่มหรือลดระยะเยอื้ งอยา่ งเหมาะสม เพ่ือแสดงระดบั ของขน้ั ตอนการ ทำงานในโครงสรา้ งควบคมุ การทำงานในกลุ่มเดียวกัน หลักเกณฑ์การเขียนซูโดโค้ด (แบบที่2) 1. ถ้อยคำหรือประโยคคำสั่ง(statement) ให้เขียนอยู่ในรูปแบบของภาษาอังกฤษ อย่างงา่ ย 2. ในหนงึ่ บรรทัด ใหเ้ ขียนประโยคคำสง่ั เพียงคำสงั่ เดียว 3. ควรใช้ย่อหน้าให้เป็นประโยชน์เพ่ือแยกคำเฉพาะ(Keywords) ได้อย่างชัดเจน รวมถึงจัดโครงสร้างการควบคมุ ให้เป็นสัดสว่ น ซงึ่ การกระทำดังกลา่ วจะทำให้อ่านงา่ ย 4. แต่ละประโยคคำสั่งให้เขียนลำดบั จากบนลงล่างโดยมีเพยี งทางเขา้ ทางเดยี วและมี ทางออกทางเดยี วเทา่ นนั้ 5.กลุ่มของประโยคคำสั่งต่าง ๆ อาจจัดรวมกลุ่มเข้าด้วยกันในรูปแบบของโมดูล แต่ ตอ้ งกำหนดชอื่ โมดูลเหล่าน้ันด้วย เพอ่ื ให้สามารถเรียกใชโ้ มดูลเหลา่ น้ันได้ ตัวอยา่ ง การคำนวณหาพ้ืนทสี่ ามเหลยี่ ม นำมาเขยี นซโู ดโคด้ ไดด้ ังนี้ Area of triangle Read width and height Compute Area = 0.5 * width * height Display Area End ตัวอย่าง pseudocode ของโปรแกรมท่ีกำหนดให้รบั คา่ ตัวเลขจำนวนเต็ม 3 คา่ แลว้ เรยี งลำดบั ค่าจากมากไปน้อยและแสดงผลลพั ธ์ อาจเป็นดงั นี้ input nbr1, nbr2, nbr3 if nbr1 is greater than nbr2 but less than nbr3 output nbr3 nbr1 nbr2 else if nbr2 is greater than nbr1 but less than nbr3 output nbr3 nbr2 nbr1 else if nbr1 is greater than nbr3 but less than nbr2 output nbr2 nbr1 nbr3 else if nbr2 is greater than nbr3 but less than nbr1 output nbr1 nbr2 nbr3

7 else if nbr3 is greater than nbr2 but less than nbr1 output nbr1 nbr3 nbr2 ตวั อย่าง รหัสลำลอง ของการรบั ขอ้ มลู อาจเป็นดงั นี้ Read StudentName Get SystemDate Read number1,number2 Get taxcode ตวั อย่าง รหสั ลำลอง จากส่วนของโปรแกรมต่อไปน้ี(ข้อสอบโอลิมปิก วชิ าคอมพวิ เตอรป์ ี 2551 รอบท1ี่ ) sum  0 ; for ( i  1 ; i <= n ; i++) for ( j 1 ; j <= i ; j++ ) if ( j mod i == 0 ) for ( k 0 ; k < j ; k++ ) sum  sum + 1 ; end for end if end for end for ถา้ n มคี า่ เท่ากบั 10 หลงั จากจบการทำงานแลว้ sum มีคา่ เปน็ เทา่ ใด 1.3 รูปแบบการสอน เทคนคิ การสอนทีเ่ นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำคญั 1. กระบวนการสืบค้น (Inquiry Process) เน้นพฤติกรรมให้นักศึกษามีการศึกษา คน้ คว้าการเรียนร้กู ระบวนการ การตดั สินใจ ความคิดสร้างสรรค์โดยให้นักศึกษามบี ทบาทใน ศกึ ษาค้นคว้า เพ่ือสืบคน้ ขอ้ ความรู้ดว้ ยตนเอง 2. การเรียนแบบค้นพบ (Discovery Learning) เน้นพฤติกรรมให้นักศึกษา สังเกต การสืบค้นการให้เหตุผล การอ้างอิงการสร้างสมมติฐาน โดยให้นักศึกษามีบทบาทใน การศกึ ษา คน้ พบขอ้ ความรูแ้ ละขน้ั ตอนการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง 3. การเรียนแบบแก้ปัญหา(Problem-solving) เน้นพฤติกรรมให้นักศึกษามี การศึกษาค้นคว้า การวเิ คราะห์สังเคราะห์ ประเมินข้อมูล การลงข้อสรุป การแก้ปัญหา โดย ให้นักศึกษามีบทบาทในศึกษา แก้ปัญหาอย่างเป็นกระบวนการและฝึกทักษะการเรียนรู้ที่ สำคัญด้วยตนเอง

8 4. การเรียนแบบสร้างแผนผังความคิด (Concept Mapping) เน้นพฤติกรรมให้ นักศึกษามีการ คิดการจัดระบบความคิด โดยให้นักศึกษามีบทบาทในจัดระบบความคิดของ ตนใหช้ ัดเจนเหน็ ความสมั พันธ์ 5. การต้ังคำถาม (Questioning) เน้นพฤติกรรมใหน้ ักศกึ ษามีกระบวนการคิดการ ตีความ การไตร่ตรอง การถ่ายทอดความคิด ความเข้าใจโดยให้นักศึกษามีบทบาทในเรียนรู้ จากคิดเพื่อสรา้ งข้อคำถามและคำตอบด้วยตนเอง 6. การศึกษาเป็นรายบุคคล (Individual Study) เน้นพฤติกรรมให้นักศึกษามี การการศึกษาค้นคว้าข้อความรู้ การนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ความรับผิดชอบ โดยให้ นักศกึ ษามีบทบาทในเรียนรู้อยา่ งเป็นอสิ ระดว้ ยตนเอง 7. ก ารจั ด ก ารเรีย น ก ารส อ น ท่ี ใช้ เท ค โน โล ยี (Technology - Related Instruction)ประกอบด้วยศูนย์การเรียน ชุดการสอน บทเรียนสำเร็จรูป คอมพิวเตอร์ช่วย สอน e-learning เน้นพฤติกรรมให้นักศึกษามีการตอบคำถามการแก้ปัญหา การนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ การเรียนรู้ที่ต้องการผลการเรียนรู้ทันที การเรียนรู้ตามลำดับข้ัน โดยให้ นักศึกษามีบทบาทในเรียนรู้ด้วยตนเองตามระดับความรู้ความสามารถของตน มีการแก้ไขฝึก ซำ้ เพอื่ สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจและความเช่ยี วชาญ 8. เทคนิคคู่คิด (Think-Pair-Share) เน้นพฤติกรรมให้นักศึกษามีการค้นคว้าหา คำตอบการแลกเปลย่ี นความคดิ เห็น โดยให้นกั ศกึ ษารับผิดชอบการเรยี นรว่ มกับเพอื่ น 9. เทคนิคการระดมพลังสมอง (Brainstorming) เน้นพฤติกรรมให้นักศึกษามี ส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา โดยให้นักศึกษามี บทบาทในแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลายในเวลาอันรวดเร็ว 10. เทคนิค Buzzing เน้นพฤติกรรมให้นักศึกษามีการค้นคว้าหาคำตอบด้วยเวลา จำกัด โดยใหน้ ักศกึ ษามีบทบาทในแสดงความคดิ เห็นเพื่อหาข้อสรปุ ในเวลาอนั จำกัด 11. การอภิปรายกลุ่มแบบต่าง ๆ (Panel, Forum, Symposium, Seminar เน้นพฤติกรรมให้นักศึกษามีการสื่อสารการแลกเปล่ียนความคิดเห็น การสรุปข้อความรู้ โดย ใหน้ ักศึกษามีบทบาทในรบั ฟังข้อมูลความคิดเหน็ เพ่ือหาข้อสรุปในเวลาอันจำกัด 12. การอภิปรายกลุ่มใหญ่(Whole - Class Discussion) เน้นพฤติกรรมให้ นักศึกษามกี ารการแสดงความคดิ เห็น การวเิ คราะห์ การตคี วาม การสื่อความหมาย ความคิด ริเริ่มสรา้ งสรรค์การสรุปความ โดยให้นักศึกษามีอิสระในการแสดงความคิดเห็น มีบทบาท มี ส่วนร่วมในการสร้างข้อความรู้ 13. การอภิปรายกลุ่มย่อย (Small - Group Discussion) เน้นพฤติกรรมให้ นักศึกษามีการกระบวนการกลุ่ม การวางแผน การแก้ปัญหา การตัดสินใจ ความคิดระดับสูง ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ไขข้อขัดแย้ง การสื่อสาร การประเมินผลงาน การสร้าง บรรยากาศการเรียนรู้ โดยให้นักศึกษามีบทบาทรับผิดชอบต่อบทบาทหน้าท่ีของตนเองใน ฐานะผู้นำกลุ่มหรือสมาชิกกลุ่ม ทั้งในบทบาทการทำงาน และบทบาทเกี่ยวกับการรวมกลุ่ม ในการสร้างข้อความรูห้ รอื ผลงานกลุม่

9 14. การสอนแบบ Tutorial Group เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาของรายวิชา ซึ่งมี ผู้บรรยายก่อนหรือผู้เรียนได้รับมอบหมายให้ไปศึกษามาก่อนโดยใช้กระบวนการวิเคราะห์ และสังเคราะห์ในการแก้ไขปัญหา โดยผู้สอนเป็นผู้แนะ กำกับ ควบคุม และตรวจสอบ เน้น พฤติกรรมให้นักศึกษามีการฝึกซ้ำการส่ือสารโดยให้นักศึกษามีบทบาทในทบทวนจากกลุ่ม หรอื เพื่อเรียนเพ่ิมเตมิ 15. การสอนฝึกปฏิบัติการ เน้นพฤติกรรมให้นักศึกษามีการค้นคว้าหาความรู้การ รวบรวมข้อมูลการแก้ปัญหา โดยให้นักศึกษามีบทบาทในศึกษาค้นคว้าข้อความรู้ในลักษณะ กลมุ่ ปฏบิ ัติการ 16. เกม (Games) เน้นพฤติกรรมให้นักศึกษามีการ การคิดวิเคราะห์การตัดสินใจ การแก้ปัญหา โดยให้นักศึกษามีได้เล่มเกมด้วยตนเองภายใต้กฎหรือกติกาที่กำหนด ได้คิด วิเคราะหพ์ ฤตกิ รรมและเกิดความสนุกสนานในการเรยี น 17. กรณีศึกษา (Case Studies) เน้นพฤติกรรมให้นักศึกษามีการค้นคว้าหา ความรู้การอภิปรายการวิเคราะห์การแก้ปัญหา โดยให้นักศึกษาได้ฝึกคิดวิเคราะห์อภิปราย เพอื่ สรา้ งความเขา้ ใจแลว้ ตดั สนิ ใจเลือกแนวทางแก้ปัญหา 18. สถานการณ์จำลอง (Simulation) เน้นพฤติกรรมให้นักศึกษามีการแสดง ความคิดเห็นความรูส้ ึก การวิเคราะห์ โดยให้นกั ศึกษามีบทบาทได้ทดลองแสดงพฤตกิ รรมตา่ ง ๆ ในสถานการณ์ที่จำลองใกล้เคียงสถานการณจ์ รงิ 19. ละคร (Dramatization) เน้นพฤติกรรมให้นักศึกษามีความรับผิดชอบใน บทบาทการทำงานร่วมกัน การวิเคราะห์ โดยให้นักศึกษา ได้ทดลองแสดงบทบาทตามท่ี กำหนดเกดิ ประสบการณ์เขา้ ใจความร้สู ึก เหตุผล และพฤติกรรมผอู้ ื่น 20. บทบาทสมมติ เน้นพฤติกรรมให้นักศึกษามีมนุษยสัมพันธ์ การแก้ปัญหา การ วิเคราะห์โดยให้นักศึกษามีบทบาทได้ลองสวมบทบาทต่าง ๆ และศึกษาวิเคราะห์ความรู้สึก และพฤตกิ รรมตน 21. การเรียนแบบร่วมมือ (Cooperative Learning) ประกอบด้วยเทคนิค JIGSAW,JIGSAW II, TGT, STAD,LT,GI, NHT, Co-op Co-op เน้นพฤติกรรมให้นักศึกษามี การกระบวนการกลุ่ม การสื่อสาร ความรับผิดชอบร่วมกัน ทักษะทางสังคม การแก้ปัญหา การคิดแบบหลากหลาย การสร้างบรรยากาศการทำงานร่วมกัน โดยให้นักศึกษาได้เรียนรู้ บทบาทสมาชิกกลุ่มมีบทบาทหนา้ ท่ีรจู้ ักการไวว้ างใจให้เกียรตแิ ละรบั ผงั ความคดิ เห็นของเพอ่ื นสมาชกิ กล่มุ และรับผดิ ชอบการเรียนร้ขู องตนและเพ่ือน ๆ ในกลมุ่ 22. การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Participatory Learning) เน้นพฤติกรรมให้ นักศึกษามีการนำเสนอความคิดประสบการณ์ การส่ือสารและปฏิสัมพันธ์ กระบวนการกลุ่ม โดยให้นักศกึ ษามีสว่ นร่วมในการอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ หรือปฏิบัตจิ นได้ข้อสรปุ 23. การเรียนการสอนแบบบูรณาการ แบบ Shoreline Method เน้นพฤติกรรม ให้นักศึกษามีกาการค้นคว้าหาความรู้ การสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ทักษะทางสังคม กระบวนการกลุม่ การส่อื สาร การแก้ปญั หา โดยให้นกั ศึกษามสี ่วนร่วมในการเรียนทง้ั ทางด้าน

10 ร่างกาย จิตใจและการคิด ดำเนินการเรียนด้วยตนเองทั้งในห้องเรียนและสถานการณ์จริง ศึกษา ปฏิบัติด้วยตนเองทุกเรือ่ งรว่ มแรงร่วมใจดว้ ยความเตม็ ใจ 24. การสอนในห้องปฏิบัติการ เพ่ือให้ผู้เรียนเรียนรู้และเข้าใจทฤษฎีจากการ ทดลองในห้องปฏิบัติการ ซ่ึงเน้นการฝึกทักษะ การแก้ปัญหา การวิเคราะห์และกระบวนการ ปฏิบตั ิ 25. การสอนแบบ Problem Based Learning เพ่ือให้ผู้เรียนมีประสบการณ์ตรง กับสภาพการณ์หรือปัญหา เพื่อก่อให้เกิดความสนใจท่ีจะศึกษาหาองค์ความรู้ กระบวนการ แสวงหาความรู้ และรู้ว่าตนเองไดเ้ รยี นรตู้ ามวัตถปุ ระสงค์ 26. การสอนแบบสาธิต เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถบอกขบวนการ และข้ันตอนของ หลกั การที่แสดง และสามารถเสริมสรา้ งทักษะสนั้ ๆ ไดใ้ นภายหลัง 27. การสอนแบบบรรยาย เพ่ือให้ผู้เรียนเข้าใจเน้ือหา (Concept) ในวิชา เกิด แนวคิดท่ีจะนำความรู้ไปประยุกต์ในสภาพความเป็นจริงและศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองโดย วิธกี ารบรรยาย 28. การสอนแบบโครงการ เพื่อให้ผู้เรยี นสามารถประมวลและประยุกต์องค์ความรู้ ในการแก้ปัญหาและสร้างสรรค์ผลงานโดยผ่านกระบวนการในการค้นคว้าวิจัยทุกขั้นตอน ต้ังแต่การกำหนดหัวข้อปัญหา การตั้งสมมติฐาน การแสวงหาแหล่งข้อมูล วิธีการหาข้อมูล วิธีการแกไ้ ขปัญหาในระหวา่ งการดำเนนิ การ การวิเคราะหแ์ ละการสรุปผล 29. การสอนแบบสัมมนาเพื่อให้ผู้เรียนเลือกองค์ความรู้ การแสวงหาและรวบรวม ความร้ทู ที่ ันสมยั ในแงม่ ุมตา่ ง ๆ ภายในขอบเขตของเนื้อหาวชิ า เพ่ือนำมาวิเคราะหส์ ังเคราะห์ สรุปพร้อมข้อเสนอแนะรวมทั้งนำเสนอกับเพ่ือนร่วมช้ันและผู้เชี่ยวชาญ เพ่ือจะได้ข้อมูล ป้อนกลบั หรือขอ้ เสนอแนะจากผรู้ ่วมประชมุ และจดั ทำรายงานฉบบั สมบูรณ์ 30. การสอนแบบฝึกภาคสนามเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้สภาพความเป็นจริงในองค์ รวมสามารถเช่ือมโยงความรู้ในภาคทฤษฎีและภาคสนามฝึกกระบวนการทำงาน และการ แกป้ ัญหา 31. การสอนแบบบรรยายเชิงอภิปราย การบรรยายและ/หรือการอภิปรายที่เปิด โอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นโดยกระบวนการต้ังคำถาม วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์อันจะมีผลทำให้ผู้เรียนเข้าใจเน้ือหาวิชาแตกฉาน เกิดแนวคิดหลากหลาย มี วิจารณญาณ นำความรู้ไปประยกุ ตใ์ นสภาพความเปน็ จรงิ และศกึ ษาหาความร้ดู ้วยตนเอง 32. การสอนแบบ Brain Storming Group เพ่ือให้ผู้เรียนแสดงความเห็นในเร่อื ง ใดเรอ่ื งหน่ึงอย่างกวา้ งขวาง เปน็ การระดมความเห็นของผู้เรียนใหม้ ากท่สี ุด 33. การสอนแบบบรรยายเชิงปฏิบัติ เพ่ือให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาในวิชา (concept) เขา้ ใจข้นั ตอนการนำความรู้ไปประยกุ ต์และสามารถปฏบิ ัติไดจ้ ริงอย่างสรา้ งสรรค์ 34. การสอนแบบปฏิบัติเพ่ือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ตง้ั สมมตฐิ าน และแก้ปัญหาอยา่ งเป็นระบบ ใหโ้ อกาสนกั ศกึ ษาฝึกปฏิบัติเพอื่ เพ่ิมพูนทักษะ แสวงหาความรูแ้ ละเกิดเจตคติทดี่ ีตอ่ วชิ าชพี

11 2. งานวิจยั ทเ่ี กีย่ วขอ้ ง สุมาลี อาภรณ์พินิจเลิศ การแก้ปัญหาขาดทักษะในการวิเคราะห์โจทย์หลักการ เขียนโปรแกรมเบ้ืองต้น ของนักเรียนระดับชั้น ปวช. ห้อง พค.2/2 โดยกระบวนการกลุ่ม ผลการวิจัยพบว่า ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทเก่ียวข้องกับ ชีวิตประจำวัน และกลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตมนุษย์มากขึ้น คอมพิวเตอร์มีบทบาทในทุก วงการอาชีพ ซึ่งจะพบได้วา่ ธุรกิจต่าง ๆ ได้นำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการดำเนินงาน และ ให้บริการแก่ลูกค้า เพ่ืออำนวยความสะดวก และเกิดความคล่องตัวในการดำเนินการอย่างมี ประสิทธิภาพ ดังนั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับเร่ืองคอมพิวเตอร์จึงเป็นเรื่องท่ีน่าสนใจ และศึกษา อย่างย่ิง เพ่ือที่จะได้สามารถนำความรู้ท่ีได้รับไปใช้งานในชีวิตประจำวัน และเพื่อพัฒนา ตนเองต่อไปในอนาคตและ สำหรบั ผูท้ ่ีเรียนในสาขาวิชาคอมพวิ เตอรธ์ ุรกิจนั้นไม่สามารถท่ีจะ หลีกเลี่ยง การเขียนโปรแกรมเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับงานด้านต่าง ๆ จึงต้องเรียนรู้ เกี่ยวกับหลักการเขียนโปรแกรมเบ้ืองต้น ในฐานะที่ทำการสอนวิชาคอมพิวเตอร์ สภาพ โดยท่ัวไป พบวา่ นักเรียนส่วนใหญ่ที่เร่ิมเรียนวิชาหลักของสาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจจะประสบ กับปัญหาด้านทักษะการเขียนโปรแกรม จาก เหตุผลดังกล่าวผู้วิจัยจึงสนใจจะศึกษาปัญหา การขาดทักษะในการวิเคราะห์โจทย์ หลักการเขียนโปรแกรมเบื้องต้น โดยใช้แผนการสอนท่ี เน้นกระบวนการเรียนเป็นกลุ่ม เพื่อให้นักเรียนได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และหาแนวทางใน การพฒั นาการเรยี นรว่ มกนั

บทที่ 3 วิธกี ารดำเนนิ การ ในการวิจัยเรื่อง “การพัฒนาความสามารถทางการเรียนรายวิชา หลักการเขียน โปรแกรม โดยวิธีการสอนแบบอธิบาย code โปรแกรม ของนักเรียนระดับช้ัน ปวส.1 สาขาวชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศ ” เปน็ การวจิ ยั เชิงทดลอง มีขั้นตอนดำเนินการศึกษาดงั นี้ 3.1 ประชากรท่ใี ชใ้ นการวจิ ัย 3.2 เครื่องมอื ทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั 3.3 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 3.4 การวเิ คราะหข์ ้อมลู 3.5 สถิตทิ ใี่ ชใ้ นการวิเคราะหข์ ้อมูล 3.1 ประชากรทใ่ี ชใ้ นการทำวจิ ัย ประชากรทใี่ ช้ในการวิจยั ในคร้ังน้ี คอื นกั ศึกษาสาขาวชิ า เทคโนโลยีสารสนเทศ ระดับ ปวส.1 จำนวน 11 คน 3.2 เครอ่ื งมือที่ใช้ในการวจิ ัย เครื่องมือทีใ่ ช้ในการวจิ ยั ในครง้ั น้ี ได้แก่ 3.2.1 แบบสังเกตพฤตกิ รรม 3.2.2 แบบฝกึ ปฏิบัติ 3.2.3 แบบทดสอบ 3.3 การเก็บรวบรวมข้อมูล ในการดำเนนิ การวจิ ัยในครั้งนผ้ี วู้ จิ ัยได้ทำการเก็บรวมรวมขอ้ มลู ดังนี้ 3.3.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของผูเ้ รยี นระหวา่ งเรยี นโดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรม 3.3.2 แก้ปัญหาโดยใช้แบบฝึกปฏิบัติให้นักเรียนฝึกพูด ฝึกแปล ฝึกอธิบาย code โปรแกรม 3.3.3 ทำการทดสอบเปน็ รายบุคคล โดยให้ผู้เรียนสอบอธบิ าย code โปรแกรม 3.3.4 สรปุ ผลการดำเนนิ การแกป้ ัญหา

14 3.4 การวเิ คราะหข์ ้อมูล ผู้ดำเนนิ การได้วเิ คราะห์ขอ้ มูล ดงั น้ี 1. วิเคราะหข์ อ้ มลู จากการสงั เกตพฤติกรรมระหวา่ งเรยี น 2. วิเคราะห์ขอ้ มลู จากแบบทดสอบ 3. วิเคราะหข์ ้อมูลจากเกรด 3.5 สถติ ิทีใ่ ช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 1. วิเคราะหโ์ ดยใชร้ อ้ ยละ (Parentage) จากสตู ร ค่าร้อยละ = จำนวนคำตอบท้ังหมด  100 จำนวนผู้ตอบคำถามทั้งหมด

บทที่ 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ในการวิเคราะหข์ อ้ มลู ผู้วจิ ัยไดท้ ำการวเิ คราะห์ข้อมลู เปน็ รายข้อ ดงั น้ี 4.1 ผลการสงั เกตพฤตกิ รรมของผู้เรียนระหว่างเรยี นโดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรม พบว่า นักศึกษาที่เรียนรายวิชา หลักการเขียนโปรแกรม ส่วนใหญ่สามารถ เขียนผังงานหรือ Flowchart แต่ไม่เข้าใจ code โปรแกรม และไม่สามารถอธิบาย code โปรแกรมได้ 4.2 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู จากแบบฝึกปฏิบัติ พบว่า จากการท่ีให้นักศึกษา ฝึกปฏิบัติการอธิบาย code โปรแกรม เว็บไซต์ สื่อสอน ของครู https://sites.google.com/view/kruphirunphit64 << ส่ือการสอน ภาคเรียน่ี 1/2564 << รายวิชาการเขียนโปรแกรมเชิงโครงสร้าง ทำให้นักเรียนสามารถ อธิบาย code โปรแกรมได้ อ่านภาษาอังกฤษได้คล่องข้ึน และเข้าใจหลักการทำงานของ โปรแกรมมากขน้ึ อย่างสังเกตไดช้ ดั 4.3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสอบอธิบาย code โปรแกรม ใบงานท่ี 9 แปล Cord ที่ รหสั ประจำตวั ชอื่ นามสกุล คะแนน 1 64309010001 ภัทรวัฒน์ จนิ ดามงคล 9 2 64309010002 นายวชั รพล สอนจกั ร์ 9 3 64309010003 นางสาวเสาวลกั ษณ์ เนยี มสลดุ 9 4 64309010004 นางสาวกาญจนา นวนคง 9 5 64309010005 นายกติ ติศกั ด์ิ มาตรมนตรี 9 6 64309010006 นางสาวธิดาพร นาแก้ว 9 7 64309010007 นางสาวเนตรนภา กาศสกุล 9 8 64309010008 นายพนมหตั ถ์ การนิ ทร์ 9 9 64309010009 นางสาววนั วิสาข์ เมฆแสน 9 10 64309010010 นางสาววรี ยา ณ โพคา 9 11 64309010011 นายกติ ตศิ กั ด์ิ จนั ทร์สระบัว 9 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสอบอธิบาย code โปรแกรม พบว่า หลังจากฝึก อธิบาย code โปรแกรม จากแบบฝึกปฏิบัติใบงานที่ 9 พบว่า ผู้เรียนสามารถสอบอธิบาย code โปรแกรมได้ ผา่ น 11 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 100

16 4.3 จากการสอนแบบแปล Cord ทำใหผ้ เู้ รียนมที ักษะการเขยี นโปรแกรมเพมิ่ ข้นึ ศุกร์ 15.00-18.00 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 30 ที่ รหสั ประจำตวั ชอ่ื นามสกลุ 30 10 20 20 15 10 10 10 10 5 10 10 5 15 10 190 6.4 1 64309010001 ภทั รวัฒน์ จินดามงคล 29 10 16 18 13 9 15 8 9 3 10 10 5 13 10 178 28 2 64309010002 นายวัชรพล สอนจักร์ 29 10 17 15 13 8 15 8 9 4 10 8 5 13 10 174 27 3 64309010003 นางสาวเสาวลกั ษณ์ เนยี มสลดุ 29 10 18 20 10 7 15 6 9 4 8 8 5 13 10 172 27 4 64309010004 นางสาวกาญจนา นวนคง 29 10 16 20 15 7 15 6 9 4 8 8 5 13 10 175 27 5 64309010005 นายกิตตศิ ักด์ิ มาตรมนตรี 29 10 16 20 15 6 15 10 9 4 10 10 5 13 10 182 28 6 64309010006 นางสาวธิดาพร นาแก้ว 29 10 18 15 7 9 15 7 9 3 8 8 5 10 10 163 25 7 64309010007 นางสาวเนตรนภา กาศสกุล 29 10 18 20 15 7 13 6 9 4 8 8 5 13 10 175 27 8 64309010008 นายพนมหัตถ์ การินทร์ 30 10 18 20 15 10 15 10 9 4 10 10 5 13 10 189 30 9 64309010009 นางสาววันวสิ าข์ เมฆแสน 29 10 18 15 10 8 15 7 9 4 10 8 5 13 10 171 27 10 64309010010 นางสาววีรยา ณ โพคา 29 10 14 15 15 8 15 8 9 3 10 8 5 13 10 172 27 11 64309010011 นายกติ ตศิ กั ด์ิ จนั ทรส์ ระบัว 30 10 19 20 13 9 15 8 9 3 10 10 5 13 10 184 29 ใบงานที่ 1 ภาษาคอมพวิ เตอรแ์ ละการโปรแกรม ใบงานที่ 2 ความหมายของ Preprocenssor,Backslash,Format String ใบงานท่ี 3 โครงสรา้ งภาษาซีเบือ้ งตน้ ใบงานท่ี 4 ประเภทของข้อมูลและตวั ดำเนินการ ใบงานท่ี 5 จากภาพ IF-Else ใหเ้ ขียนโปรแกรม ใบงานที่ 6 จากภาพใหเ้ ขยี นโปรแกรม การเลือกชำระเงินของลูกค้า ใบงานที่ 7 คำส่ัง IF Else ใบงานที่ 8 switch - case ใบงานที่ 9 แปล Cord ใบงานท่ี 10 แสดงชือ่ Array ใบงานที่ 11 การใช้ Loop กับ array 2 มติ ิ และ array N มติ ิ ใบงานที่ 12 array 2 มิติ ใบงานที่ 13 การเขียนโปรแกรมเก็บข้อมูลหนงั สือแบบตวั แปรโครงสรา้ ง ใบงานท่ี 14 ทำตอนที่ 3 หนา้ 27 - 28 จากลิงค์ ใบงานท่ี 15 พอยเตอร์ จากการสอนแบบแปล Cord ทำให้ผู้เรียนมีทักษะการเขียนโปรแกรมเพ่ิมข้ึน พบว่า นักเรียนสอบผ่านท้ังหมด 11 คน มีความรู้ความสามารถในการเขียนโปรแกรมในใบงานท่ี 10 – 15 เพมิ่ ข้ึนอย่างเห็นได้ชดั โดยผู้เรียนรอ้ ยละ 100 ปฏิบัตงิ านจากใบงานที่ 10 – 15 ผา่ น รอ้ ยละ 80

บทที่ 5 สรปุ อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ สรุปผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล ในการวเิ คราะหข์ อ้ มูลผวู้ จิ ัยไดท้ ำการวิเคราะหข์ อ้ มูลเป็นรายข้อ ดงั น้ี 4.1 ผลการสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนระหว่างเรียนโดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรม พบว่า นักศึกษาท่ีเรียนรายวิชา หลักการเขียนโปรแกรม ส่วนใหญ่สามารถ เขียนผังงานหรือ Flowchart แต่ไม่เข้าใจ code โปรแกรม และไม่สามารถอธิบาย code โปรแกรมได้ 4.2 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลจากแบบฝกึ ปฏิบัติ พบว่า จากการท่ใี หน้ ักศึกษา ฝึกปฏิบตั ิการอธบิ าย code โปรแกรม เวบ็ ไซต์ สื่อสอนของครู https://sites.google.com/view/kruphirunphit64 << ส่ือการสอน ภาคเรียนี่ 1/2564<< รายวิชาการเขียนโปรแกรมเชิงโครงสร้าง ทำให้นักเรียนสามารถ อธิบาย code โปรแกรมได้ อ่านภาษาอังกฤษได้คล่องข้ึน และเข้าใจหลักการทำงานของ โปรแกรมมากขึน้ อย่างสงั เกตไดช้ ัด 4.3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสอบอธิบาย code โปรแกรม การวิเคราะห์ ข้อมูลจากการสอบอธิบาย code โปรแกรม พบว่า หลังจากฝึกอธิบาย code โปรแกรม จากแบบฝึกปฏิบัติใบงานท่ี 9 พบว่า ผู้เรียนสามารถสอบอธิบาย code โปรแกรมได้ ผ่าน 11 คน คิดเปน็ ร้อยละ 100 จากการสอนแบบแปล Cord ทำให้ผู้เรียนมีทักษะการเขียนโปรแกรมเพิ่มข้ึน พบว่า นักเรียนสอบผ่านทงั้ หมด 11 คน มคี วามรูค้ วามสามารถในการเขียนโปรแกรมในใบ งานที่ 10 – 15 เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยผู้เรียนร้อยละ 100 ปฏิบัติงานจากใบงานท่ี 10 – 15 ผา่ นรอ้ ยละ 80 อภปิ รายผล จากการสรุปผลการวิจัยพบวา่ วิธีการสอนแบบอธิบาย code ทำให้นักเรียน เกิดความกระตือรือร้นในการเรียน มีการศึกษาเน้ือหารายวิชา มีการเตรียมความพร้อมใน การทำงาน และมกี ารปรึกษาเพื่อนร่วมชั้นเรียนในการแปลโปรแกรม code ซึ่งตรงกบั การ สอนการเรียนการสอนแบบบูรณาการ แบบ Shoreline Method เน้นพฤติกรรมให้ นักศึกษามีกาการค้นคว้าหาความรู้ การสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ทักษะทางสังคม กระบวนการกลมุ่ การสอ่ื สาร การแก้ปัญหา โดยใหน้ ักศึกษามีส่วนร่วมในการเรยี นทง้ั ทางดา้ น ร่างกาย จิตใจและการคิด ดำเนินการเรียนด้วยตนเองท้ังในห้องเรียนและสถานการณ์จริง ศึกษา ปฏิบัติด้วยตนเองทุกเร่ืองร่วมแรงร่วมใจด้วยความเต็มใจ และ การสอนใน

18 ห้องปฏิบัติการ เพ่ือให้ผู้เรียนเรียนรู้และเข้าใจทฤษฎีจากการทดลองในห้องปฏิบัติการ ซึ่ง เนน้ การฝึกทกั ษะ การแกป้ ัญหา การวเิ คราะห์และกระบวนการปฏบิ ัติ ขอ้ เสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะทวั่ ไป การทำวิจัยครง้ั นี้เป็นการทำวิจัยในช้ันเรียน ท่ีครผู ู้สอนทำการทดลองกับผู้เรียน เป็นบางกลุ่ม อาจใช้ไม่ได้กับผู้เรียนทุกกลุ่ม ดังน้ันในการสอนครูผู้สอนจึงต้องทำการใช้ รูปแบบการวิจัยในชั้นเรียนให้เหมาะสมกับรายวิชาเพ่ือให้เกิดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนมาก ทสี่ ดุ 2. ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยต่อไป ในการทำวิจัยคร้ังต่อไปครูผู้สอนสามารถเอาวิจัยเรื่องนี้ไปเป็นแนวทางในการ จัดการเรียนการสอนในรูปแบบต่าง ๆ ที่อาจจะมีการผสมผสารกันกับรายวิชาภาษาอังกฤษ สำหรับคอมพิวเตอร์ได้ เนื่องจากรายวิชาหลักการเขียนโปรแกรม ส่วนใหญ่เปน็ ภาษาองั กฤษ ดังนั้นครูผู้อาจนำไปประยุกต์ใช้สอนกับรายวิชาภาษาอังกฤษสำหรับคอมพิวเตอร์ และทำ วจิ ัยทางด้านการสอนควบคไู่ ปด้วย

19 บรรณานุกรม อำภา กุลธรรมโยธนิ . รายวชิ าหลกั การเขยี นโปรแกรม. กรุงเทพ : ศูนยส์ ง่ เสริมวิชาการ , 2550 ความหมายของ code โปรแกรมหรือ รหัสเทียม(Pseudo Code). [On-line]. http://www.pkc.ac.th เทคนิคการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคญั . [On-line]. www.sci.uru.ac.th /documents2011/ technic153.pdf สมุ าลี อาภรณพ์ นิ ิจเลศิ . การแกป้ ัญหาขาดทกั ษะในการวเิ คราะหโ์ จทย์หลกั การเขียนโปรแกรม เบือ้ งต้น ของนกั เรยี นระดับชั้น ปวช. ห้อง พค.2/2 โดยกระบวนการกลุ่ม. [On-line]. http://www.vcharkarn.com/vblog/56532

20 ภาคผนวก

21 ภาคผนวก ก. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมในชั้นเรียน

22 แบบสังเกตพฤตกิ รรมในชนั้ เรยี น ครงั้ ท่.ี .............................. วนั ท.่ี .............................เดอื น................................ปี................................. หนว่ ยที่สังเกต.........................เรอ่ื ง ................................................................................................... ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ลงช่ือ.................................................. (นางสาวพิรุฬหพ์ ชิ ญ์ ลือโฮ้ง) ผูส้ ังเกต

23 ภาคผนวก ข. แบบฝึกปฏบิ ตั ิ

24 #include <stdio.h> int main() { char n[ ] = \"Hello World\"; int i; for (i = 0; i < strlen(n); i++) { printf(\"%c\", n[i]); } printf(\"\\n\"); for (i = strlen(n) - 1; i >= 0; i--) { printf(\"%c\", n[i]); } return 0; } CopyCord ไว้ใน Google Doc และแปล Cord ด้วยตัวหนังสือสีแดง

25 ภาพการส่งงาน

26 ประวัตผิ ศู้ ึกษา ชือ่ – สกุล : นางสาวพิรุฬห์พชิ ญ์ ลอื โฮง้ เกิดเมื่อ : พฤหัสบดี ที่ 27 กันยายน 2527 สถานทเี่ กดิ : บา้ นเลขท่ี 30 หมู่ท่ี 2 ตำบลร่องฟอง อำเภอเมือง จังหวดั แพร่ ประวตั ิการศึกษา 54000โทรศพั ท์ 080-130-9232 พ.ศ. 2545 พ.ศ. 2550 : ม.6 จากโรงเรียนถนิ่ โอภาสวทิ ยา แผน วิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์ : ปริญญาตรี ครศุ าสตรบ์ ณั ฑิต สาขาวชิ า คอมพิวเตอร์ศึกษา วิชาโท เทคโนโลยนี วัตกรรมการศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อตุ รดิตถ์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook