รายงานการถอดบทเรียน ปฏิบัติวิชาชีพในสถานศึกษา ๑ (Practicum in School 1) พระนเรนทร์ฤทธิ์ โชติญาโณ รหัส ๖๒๐๗๕๐๒๐๐๗ รายงานถอดบทเรียนปฏิบัติวิชาชีพนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา วิทยาลัยสงฆ์อุบลราชธานี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตอุบลราชธานี ปีการศึกษา ๒๕๖๕
คำนำ รายงานการถอดฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิชา วิชาปฏิบัติวิชาชีพใน สถานศึกษา ๑ (Practicum in School ๑) หลักสูตรครุศาสตร์บัณฑิต สาขา วิชาการสอนสังคม วิทยาลัยสงฆ์ อุบลราชธานี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช วิทยาลัย วิทยาเขตอุบลราชธานี โดยมีวัตถุประสงค์ รายวิชาเพื่อให้นิสิต รู้ เข้าใจ และศึกษาสังเกตสภาพแวดล้อมทั่วไปของโรงเรียน สภาพงานครู การจัดการเรียนรู้ ในสภาพห้องเรียน เพื่อนำมาวิเคราะห์การปฏิบัติหน้าที่ครู ถอดบทเรียนจาก ประสบการณ์การเรียนรู้ในสถานศึกษา สังเคราะห์องค์ความรู้และนำผลจากการ เรียนรู้ในสถานศึกษา ไปประเมินสะท้อนกลับเป็นรายบุคคล และร่วมแลกเปลี่ยน เรียนรู้ในรูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้เพื่อ นำไปใช้ในการพัฒนาตนเองให้มีความ รอบรู้ ทันสมัยและทันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยประพฤติปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณ วิชาชีพครู ผู้จัดทำขอขอบพระคุณอาจารย์นิเทศก์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาคำ ครูพี่ เลี้ยงตลอดถึงคณาจารย์ทุก ๆ ท่านที่ได้เมตตาให้คำแนะนำและปรึกษา ตลอดการ ปฏิบัติวิชาชีพในครั้ง นี้จนลุล่วงตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตร และกรอบมาตรฐาน คุรุสภาว่าด้วยความเป็นครูวิชาชีพ และ ก่อให้เกิดความรักและภาคภูมิใจในวิชาชีพ ครูครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง คุณค่าและประโยชน์อันใดที่เกิดจากการปฏิบัติวิชาชีพในครั้ง ข้าพเจ้าขอยก เป็นความดีถวาย แด่ พระรัตนตรัย คุณบิดามารดา ครู อุปัชฌาย์ อาจารย์ ตลอดถึง ทุก ๆ ท่านที่มีส่วนร่วมในการปฏิบัติวิชาชีพครั้งนี้ จนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วย พระนเรนทร์ฤทธิ์ โชติญาโณ ผู้จัดทำ
สารบัญ ๑ ๑ ๑ ๒ บทที่ ๑ บทนำ ๓ ๑.๑ ข้อมูลทั่วไปโรงเรียน ๔ ๑.๒ ประวัติความเป็นมาโรงเรียน ๔ ๑.๓ ปรัชญาและพันธกิจของโรงเรียน ๕ ๑.๔ สีและสัญลักษณ์ของโรงเรียน ๕ ๑.๕ หลักสูตรที่เปิดสอน ๒๔ ๑.๖ ทำเนียบผู้บริหาร ๒๕ บทที่ ๒ ศึกษาหน้าที่ครู ๒๖ ๒.๑ กิจกรรมประจำวัน ๒๗ ๒.๒. ศึกษา และ สังเกตหน้าที่ครู ๒๗ ๒.๓. บันทึกพฤติกรรมของนักเรียน ๒๗ ๒.๔ การสังเกตการจัดการเรียนรู้ ๓๐ บทที่ ๓ ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการจัดการเรียนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ๓๐ ๓.๑ ข้อมูลทั่วไป ๓๑ ๓.๒ ข้อมูลภูมิปัญญา ๓๑ บทที่ ๔ โรงเรียน ชุมชน และมหาวิทยาลัย ๓๑ ๔.๑ ข้อมูลระหว่างโรงเรียนและชุมชนโดยรวม ๓๒ ๔.๒ บทบาทหน้าที่ของชุมชนที่มีต่อโรงเรียน ๓๓ ๔.๓ ความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชน ๔.๔ ความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยกับโรงเรียน ๔.๕ ความภูมิใจในวิชาชีพครู บทที่ ๕ บทสรุป
๑ บทที่ ๑ บทนำ ๑.๑ ข้อมูลทั่วไปโรงเรียน ชื่อสถานศึกษา โรงเรียนบ้านนาคำ สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1 หมู่ที่ 4 บ้านบ้านนาคำ ตำบลกุดลาด อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี 34000 โทรศัพท์ :0-45959387 อีเมล์ : [email protected] ชื่อผู้อำนวยการสถานศึกษา นายพลวรรธน์ ภัทรวัชช์รวีร์ ชื่อรอง/ผู้อำนวยการสถานศึกษา นางเตือนใจ ถิ่นขาม ฝ่ายวิชาการ นางสาว เปี่ยมจิตต์ พละการ ฝ่ายธุรการ นางสาว ทิวา เหลืองสัมฤทธิ์ ฝ่ายบริหาร นางสาว พัชรี จันทรมัย ขนาดที่ตั้ง โรงเรียนบ้านนาคำ ที่ตั้งเลขที่ 77 หมู่ที่ 4 ตำบลกุดลาด อ.เมือง จ.อุบลราชธานี มี เนื้อที่ 20 ไร่ ๑.๒ ประวัติความเป็นมาโรงเรียน โรงเรียนบ้านนาคำ ที่ตั้งเลขที่ 77 หมู่ที่ 4 ตำบลกุดลาด อ.เมือง จ.อุบลราชธานี มี เนื้อที่ 20 ไร่ เขตพื้นที่บริการคือบ้านนาคำ,บ้านหนองมะนาว เริ่มก่อตั้งเมื่อ 30 มิ.ย.2483 โดย นายอำเภอเมือง ให้นายเวทย์ บรรลุศิลป์ สารวัตรศึกษาประจำแผนกศึกษาธิการอำเภอ เมืองเป็นผู้ดำเนินการตั้งแทนเดิมชื่อ โรงเรียนประชาบาลตำบลกุดลาด 4 (วัดบ้านนาคำ) โดยมี นายรอด ใจภพ เป็นครูใหญ่คนแรก เปิดทำการสอนตั้งแต่ชั้น ป.1 ถึง ชั้น ป.4 อาศัยวัด บ้านนาคำเป็นที่เรียน ปี พ.ศ.2515 ได้รับการจัดสรรงบประมาณสร้างอาคารเรียนแบบ ป.1ข จากกองบินยุทธการที่ 8 ย้ายไปตั้งโรงเรียนแห่งใหม่บนที่ดิน 20 ไร่
๒ ภายหลังได้รับการบริจาคที่ดินอีก 1 แปลง เนื้อที่ 4 ไร่เศษ ห่างจากที่ตั้งโรงเรียน ปัจจุบัน ประมา 800 เมตร (ใกล้กับแม่น้ำมูล) โดยทางโรงเรียนสงวนไว้เป็นป่า ชุมชน ปี พ.ศ. 2521 ได้รับงบประมาณก่อสร้างอาคารเรียน ป.1 ช จำนวน 2 ห้องเรียน ปี พ.ศ. 2541 ได้รับจัดสรรงบประมาณก่อสร้างอาคารเรียน แบบสปช 101/26 จำนวน 1 หลัง 3 ห้องเรียน ปี พ.ศ. 2546 และ 2549 ได้สร้างรั้ว คอนกรีตยาว 400 ม.ไม่ได้ใช้งบของทางราชการ ปี พ.ศ.2551 ได้รับการจัดสรรงบสร้างส้วม แบบ สปช.406/45 งบประมาณ 242,000 บาท ปีพ.ศ. 2552 ได้สร้างโรงอาหารโดยใช้งบจากคณะครู กรรมการ สถานศึกษา ผู้ปกครองผู้มีจิตศรัทธาบริจาค ปี พ.ศ. 2553 ได้ก่อสร้างร้านค้า สหกรณ์และเรือนพยาบาล โดยใช้งบจากคณะครู ผู้ปกครอง ผู้มีจิตศรัทธา บริจาค ทิศเหนือ จดกับทางหลวงแผ่นดิน ทิศใต้ จดกับแม่น้ำมุล ทิศตะวันออก จดบ้าน ผาแก้วทิศตะวันตก จดกับบ้านปากน้ำ ๑.๓ ปรัชญาและพันธกิจของโรงเรียน ปรัชญา โรงเรียนบ้านนาคำมุ่งจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามเกณฑ์ มาตรฐานสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยเน้นให้ผู้เรียนมี สุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงตามเกณฑ์มาตรฐาน ภายในปี 2556 พันธกิจ 1.ส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาให้แก่ประชากรในวัยเรียนในเขตพื้นที่่บริการทุก คน 2.เพิ่มศักยภาพการพัฒนาผู้เรียนและการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีคุณภาพตาม เกณฑ์มาตรฐานโดยเน้นผู้เรียนมีสุขภาพอนามัยสมบูรณ์แข็งแรง
๓ 3.พัฒนาและใช้บริการแหล่งเรียนรู้ทั้งในและนอกอย่างมีประสิทธิภาพ 4.ส่งเสริมให้ครูและบุคลากรได้รับการพัฒนาอย่างหลากหลายและต่อ เนื่องและมีเจตคติที่ดีต่อวิชาชีพ 5.พัฒนาการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ เน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายตาม หลักธรรมาภิบาล 6.สนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา เพื่อให้กระบวนการ จัดการเรียนรู้สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และ ความ ต้องการของท้องถิ่น ๑.๔ สัญลักษณ์ของโรงเรียน
๑.๕ หลักสูตรที่เปิดสอน ๔ เปิดสอนในระดับชั้นประถมวัย อนุบาล 2 ถึงระดับประถมศึกษาปีที่ 6 ๑.๖ ทำเนียบผู้บริหาร ชื่อ-นามสกุล : นาย พลวรรธน์ ภัทรวัชช์รวีร์ ตำแหน่ง : ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาคำ โทรศัพท์ : 0939945534 อีเมล์ : [email protected] ชื่อ-สกุล : นาง เตือนใจ ถิ่นขาม ตำแหน่ง : ครู
บทที่ ๒ ๕ ศึกษาหน้าที่ครู ๒.๑ กิจกรรมประจำวัน ในการสังเกตกิจกรรมประจำวันของโรงเรียนบ้านนาคำ มีประเด็นในการรายงานดังนี้ ภาพที่ ๑ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและกิจกรรมประจำวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕ กิจกรรมการดรียนการสอน ตามหน้าที่รับผิดชอบตายรายวิชาและช่วงชั้นที่ได้รับ มอบหมาย
๖ ภาพที่ ๒ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและกิจกรรมประจำวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ร่วมกิจกรรมเลือกตั้งประธานนักเรียน
๗ ภาพที่ ๓ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและกิจกรรมประจำวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕ อบรมเกี่ยวกับการป้องกันโควิด ๑๙
๘ ภาพที่ ๔ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและกิจกรรมประจำวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕ สอนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ วิชาสังคมศึกษา
๙ ภาพที่ ๕ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและกิจกรรมประจำวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕ สอนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ วิชาสังคมศึกษา
๑๐ ภาพที่ ๖ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและกิจกรรมประจำวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕ ยืนเวรรับนักเรียน
๑๑ ภาพที่ ๗ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและกิจกรรมประจำวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๕ สอนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ วิชาสังคมศึกษา
๑๒ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและกิจกรรมประจำวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๕ เข้าแถวหน้าเสาธง
๑๓ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและกิจกรรมประจำวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๕ กิจกรรมวันไหว้ครู
๑๔ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและกิจกรรมประจำวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๕ กิจกรรมวันต่อต้านยาเสพติดโลก
๑๕ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและกิจกรรมประจำวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๕ กิจกรมมวันสุนทรภู่
๑๖ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและกิจกรรมประจำวันที่ ๔ กรกฎาคม ก๒๕๖๕ ติดรูปพระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ ๑๐
๑๗ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและกิจกรรมประจำวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕ คณะครูและนักเรียน เวียนเทียนวันอาสาฬหบูชา
๑๘ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและกิจกรรมประจำวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๕ กิจกรรมวันแม่
๑๙ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและกิจกรรมประจำวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๕ กิจกรรมภาษาไทย
๒๐ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและกิจกรรมประจำวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๕ กิจกรรมสวดมนต์นั่งสมาธิ
๒๑ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและกิจกรรมประจำวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๕ ทำความสะอาดโรงเรียน
๒๒ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและกิจกรรมประจำวันที่าคม ๒๒ กันยายน ๒๕๖๕ กิจกรรมทำบุญตักบาตรในโรงเรียน
๒๓ เข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การปฏิบัติวิชาชีพในสถานศึกษา วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๕ ที่ มจร
๒๓ เข้าร่วมกิจกรรม โครงการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐานนิสิต เฉลิมพระเกียรติ ประจำปี ๒๕๖๕
๒๔ ๒.๒. ศึกษา และ สังเกตหน้าที่ครู ประวัติครูพี่เลี้ยง ข้อมูลเบื้องต้น ชื่อ-สกุล : นางพัชรี จันทรมัย เชื้อชาติ ไทย สัญชาติ ไทย ศาสนา พุทธ ตำแหน่ง : ครู ประเภท : - วิทยฐานะ : ไม่มีวิทยฐานะ สังกัด : สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 1 โรงเรียน : บ้านนาคำ ระดับชั้นที่สอน : ป.4-6 กลุ่มสาระฯ : คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ศิลปะ การงานอาชีพ หน้าที่ของครูประจำชั้น/ครูพี่เลี้ยง : 1.ประจำชั้นป.5 2.เจ้าหน้าที่การเงิน จากกการศึกษาและสังเกตงานในหน้าที่ครู มีประเด็นรายงาน ดังนี้ 1. สำรวจการมาโรงเรียนของนักเรียน 2. ดูแลกิจกรรมหน้าเสาธง 3. เข้าสอนตามตารางสอน 4. ทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย
๒๕ ๒.๓. บันทึกพฤติกรรมของนักเรียน จากการสังเกตและบันทึกพฤติกรรมนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียน บ้านนาคำ ว่านักเรียน บางคนตั้งใจ เชื่อฟัง และจดจ่ออยู่กับการเรียน บางคนให้ความ สนใจสิ่งแวดล้อมมากกว่าสิ่งที่ครูสอนในห้อง นักเรียนทุกคนมีพฤติกรรมคุยกันเสียดัง เวลาที่ครูประจำชั้นไม่อยู่ นักเรียนชั้นป.2 เป็นห้องที่นักเรียน เรียนรู้ได้ดีกว่าห้องอื่น ในระดับเดียวเพราะนักเรียนห้องนี้ต้อง เจตคติของเด็กนักเรียนห้องนี้จะแบ่งออกเป็น ๒ ประเภทคือ ๑. เจตคติในทางที่ดีต่อการเรียน นักเรียนจะแสดงออกในลักษณะของความพึง พอใจสนใจมาเรียนสม่ำเสมอ ตั้งใจฟังครูพี่เลี้ยง และทำงานที่ครูสั่งได้อย่างรวดเร็ว เห็นคุณค่าของการศึกษา ๒. เจตคติในทางที่ไม่ดีต่อการเรียน นักเรียนจะแสดงออกในลักษณะโดยการไม่ สนใจขณะครูสอน เล่นกันมากกว่า ไม่ตั้งใจเรียน ขาดเรียนบ่อย ๆ ไม่เห็นคุณค่าของ การศึกษา วิธีแก้ปัญหาของครูพี่เลี้ยง ๑. สร้างแรงจูงใจในการเรียน โดยการให้เด็กมีส่วนร่วม ๒. จัดการเรียนรู้และบรรยากาศในการเรียนที่สนุก ๓. มีวิธีเข้าสู่บทเรียนที่หลากหลายรูปแบบ ๔. ลดความเครียดในการเรียนน้อยลง ครูไม่เป็นกันเอง ครูดุมากเกินไป ๕. จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม สรุปการบันทึกพฤติกรรมของนักเรียน ปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวนักเรียนแต่ละคนมีความแตกต่างต่างกันเพราะฉะนั้นเราใน ฐานะครูผู้สอนควรจะมีการวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคลและหาแนวทางการแก้ไข ซึ่งในการแก้ไขปัญหานั้นจะต้องมีการร่วมมือกันระหว่างตัวผู้เรียนเอง
๒๖ ๒.๔. การสังเกตการจัดการเรียนรู้ การนำเข้าสู่บทเรียน ในการนำเข้าสู่บทเรียน ครูผู้สอนแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้แล้วนำเข้าสู่บทเรียน โดยการสนทนากับนักเรียน ใช้คำถามถามนำเกี่ยวกับส่วนประกอบของ คอมพิวเตอร์ ซึ่งนักเรียนให้ความร่วมมือตอบคำถามตามประสบการณ์ของตน โดยครูถามนักเรียน จำนวน ๑ คน เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จาก การสังเกตพบว่า นักเรียนมีทักษะการใช้คอมพิวเตอร์อยู่บ้าง กล้าที่จะแสดงออก มีความเชื่อมั่น สามารถตอบคำถามได้ถูกต้อง ซึ่งเป็นจุดเร้าความสนใจเพื่อนร่วม ชั้นให้ มีความกระตือรือร้นในการใฝ่รู้ใฝ่เรียน หลังจากนั้นครูผู้สอนจึงเริ่มสอนใน เนื้อหาที่เตรียม การสอน วิธีการสอน ครูผู้สอนเตรียมความพร้อมของผู้นักเรียนและสื่อให้พร้อมที่จะสอน โดย ใช้รูปแบบการสอนแบบบรรยายหน้าชั้นเรียน โดยสื่อการสอนรูปแบบบัตรคำ สื่อ การสอนจากโทรทัศน์ จากนั้นครูอธิบายข้อแตกต่างโดยการเขียนบนกระดาน พร้อมให้นักเรียนสัมผัสถึงความแตกต่างนั้น โดยส่งให้นักเรียนในห้องดู สรุปบทเรียน ครูผู้สอนได้ใช้วิธีการสรุปบทเรียนโดยให้นักเรียนมีส่วนร่วม โดยการช่วย กันตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไป แล้วให้นักเรียนจดบันทึกคำนำเรื่อง และ คำต่างๆบนกระดาน แล้วให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน บันทึกข้อมูล คะแนนที่ได้ลงแบบบันทึก เป็นการเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดี สื่อการสอนที่ครูผู้สอนใช้ตลอดการสอน
บทที่ ๓ ๒๗ ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการจัดการเรียนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ๓.๑ ข้อมูลทั่วไป ๑.๑ ชื่อเรียนภูมิปัญญา ปลูกข้าว ๑.๒ ผู้ถือครองภูมิปัญญา ชุมชน ชื่อชุมชน บ้านนาคำ ตำบล กุดลาด อำเภอ เมืองอุบลราชธานี จังหวัด อุบลราชธานี กลุ่มบุคคล ชื่อ .................................................................................................. ที่อยู่ ................หมู่ที่ ................. ตำบล ........................................ อำเภอ ................................... จังหวัด ......................................... ๓.๒ ข้อมูลภูมิปัญญา เกษตรกรรม ๓.๑ประเภทของภูมิปัญญา ภาษาและวรรณกรรม เทคโนโลยีพื้นบ้านหรือเทคนิควิธีการ ศิลปกรรม การละเล่น การแสดง ดนตรี และนันทนาการ อาหารและโภชนาการ การดูแลรักษาสุขภาพและการ โรค หัตถกรรมรักษา การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การบริการจัดการชุมชน การประกอบวิชาชีพและการทำมาหากิน ความเชื่อ ประเพณี พิธีกรรม อื่น ๆ (ระบุ) .................................................................................
๒๘ ๓.๒ ประวัติที่มาและกระบวนการถ่ายทอด (เช่น สืบทอดมาจากใคร ได้รับการ ถ่ายทอดเมื่อใด เป็นต้น) “ข้าว” เป็นอาหารหลักของคนไทยมาช้านานแล้ว เชื่อกันว่าเริ่มปลูกทางภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน) โดยประเทศไทยเป็นแห่งแรกในเอเชียตะวัน ออก และไม่ได้รับอิทธิพลมาจากที่ใด เห็นได้จากหลักฐานทางโบราณคดีที่ตำบล บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งพบซากของเมล็ดข้าวโรยอยู่รอบๆ โครงกระดูกที่มีอายุราว ๕,๖๐๐ ปี นอกจากนี้ยังพบเมล็ดข้าวที่ถ้ำปุงฮุง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่แสดงให้เห็นว่ามีการ ปลูกข้าวบริเวณนี้มานานกว่า ๕,๔๐๐ ปีมาแล้วการปลูกข้าวของชุมชนบ้านนาคำ ในระยะแรกเริ่มของการปลูกข้าว สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการปลูก “แบบ เลื่อนลอย” คือในแต่ละปีหรือสองปี จะมีการปลูกข้าโดยอาศัยน้ำจากธรรมชาติ และความอุดมสมบูรณ์ของดินที่เหมาะสม โดยใช้เมล็ดข้าวหว่านลงไปในดิน เมื่อ ปลูกได้ปี หรือสองปีก็ย้ายที่ปลูกใหม่ไปเรื่อยๆ เนื่องจากดินจะขาดความอุดม สมบูรณ์ เป็นเช่นนี้วนเวียนไปรอบๆ ที่อยู่อาศัย การถ่ายทอดความรู้การปลูกข้าว พื้นเมืองของชุนบ้านนาคำ ตำบลกุดลาด อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี มีการ ถ่ายทอดจากปู่ย่า ตายาย และมีการถ่ายทอดให้กลุ่มชาวบ้านและกลุ่มเยาวชน รูปแบบการถ่ายทอดความรู้การปลูกข้าวพื้นเมืองให้กับบุคคลทั่วไป คือ การไป ร่วมจัดนิทรรศการการการปลูกข้าวพื้นเมืองในสถานที่ต่างๆ การจัดอบรมให้กับผู้ ที่มาขอความร่วมมือ เช่น นักศึกษา เกษตรกรอื่นๆ
๒๙ ๓.๓ จุดเด่นของภูมิปัญญา ๑.เมล็ดข้าว สามารถนำมาทำเป็นเครื่องประดับได้ ๒.รำข้าวสามารถนำมาใช้ทำเป็น น้ำมันรำข้าว ใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ ทำลิปสติก ทำยาหม่อง ทำแวกซ์ หรือทำเป็นโลชั่นบำรุงผิว ฯลฯ ๓.ฟางข้าวสามารถใช้ทำเป็นปุ๋ย ปลูกเห็ด ทำเป็นของเล่น กระดาษ ทำเป็นแกลบ หรือขี้เถ้า ผสมทำเครื่องปั้นดินเผา ถ่านกัมถันหรือถ่านดูดกลิ่น ใช้เป็นส่วนผสม ของยาขัดรถ ฯลฯ ๔.ประโยชน์ข้าวนอกจากจะใช้บริโภคเป็นอาหารหลักแล้วยังใช้ทำเป็นของหวาน ชนิดต่าง ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ขนมไทย เช่น ลอดช่อง ขนมตาล ขนมกล้วย ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด ขนมหม้อแกง ปลากริมไข่เต่า ทำเป็นแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว ฯลฯ ๓.๔ สาระองค์ความรู้ที่นักศึกษาได้รับ จากการที่โรงเรียนบ้านนาคำได้นำเด็กนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชนคือ กิจกรรม ปลูกข้าวกับชาวนาน้อย ทำให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจการทำนา และการประกอบอาชีพเกษตรกรของชาวสวน ชาวไร่ชาวนา และยังได้ทราบถึง ขั้นตอนวิธีการปลูกข้าวว่ามีกี่ขั้นตอน ทำให้นักเรียนนั้นไม่เบื่อกับการเรียนในห้อง ได้ลงมือปฏิบัติเองบางขั้น ทำให้เกิดความอยากจะดำรงและรักษาภูมิปัญญานี้ไว้ ๓.๕ การบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่นและการจัดการเรียนรู้ในกระบวนการเรียน การสอน - การบูรการภูมิปัญญาท้องถิ่นมีวิธี ดังนี้ คือการนำโรงเรียนออกสู่ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อที่จะได้นำภูมิปัญญาเข้ามา ถ่ายทอดโดยการบอกเล่ากับผู้อื่นเพื่อที่จะดึงดูดความสนใจในการเรียนรู้
๓๐ บทที่ ๔ โรงเรียน ชุมชน และมหาวิทยาลัย ๔.๑ ข้อมูลระหว่างโรงเรียนและชุมชนโดยรวม โรงเรียนบ้านนาคำ ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 บ้านนาคำ ในปัจจุบันอยู่ในเขตกการปกครอง ของ ตำบลกุดลาด มีทั้งหมด14 หมู่บ้าน ประกอบด้วยหมู่ดั่งนี้ 1. หมู่ที่ 11 กำนันตำบลกุดลาด 2. หมู่ที่ 1 บ้านค้อ 3. หมู่ที่ 2 บ้านกุดลาด 4. หมู่ที่ 3 บ้านปากน้ำ 5. หมู่ที่ 4 บ้านนาคำ 6. หมู่ที่ 5 บ้านผาแก้วใหญ่ 7. หมู่ที่ 6 บ้านหนองมะนาว 8. หมู่ที่ 7 บ้านผาแก้วน้อย 9. หมู่ที่ 8 บ้านโพธิ์ทอง 10.หมู่ที่ 9 บ้านกุดลาดใต้ 11. หมู่ที่ 10 บ้านปากน้ำ 12. หมู่ที่ 12 บ้านค้อเหนือ 13. หมู่ที่ 13 บ้านหนองมะนาวเหนือ 14. หมู่ที่ 14 บ้านค้อ(โนนโสภา) มีทั้งหมด 14 หมู่บ้าน พื้นที่ทั้งหมด 50.61 ตร.กม. ห่างจากอำเภอ เมือง อุบลราชธานี ประมาณ 6 กิโลเมตร ประชากรทั้งหมด 11,743 คน จำนวนครัว เรือน 3,748 ครัวเรือน
๓๑ ๔.๒ บทบาทหน้าที่ของชุมชนที่มีต่อโรงเรียน การมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของชุมชนต้องอาศัยหลักของการ ประสานความรู้จากภายในและภายนอกชุมชนเข้าไปใช้ประโยชน์และสร้าง กระบวนการเรียนรู้ของชุมชนไม่เพียงแต่เพื่อแก้ไขปัญหาและสนองตอบ ต่อความต้องการของชุมชนในเรื่องใดเรื่องหนึ่งแต่ควรจะเป็นไปในลักษณะ ของการบูรณาการที่มีการพัฒนาไปพร้อมๆ กัน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม กระบวนการเรียนรู้ และค่านิยมอันดี ได้แก่ การเสริมสร้างกระบวนการ เรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ๔.๓ ความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชน ความร่วมมือระหว่างโรงเรียนกับชุมชน เป็นหัวใจสำคัญของการ เปลี่ยนแปลงพัฒนาชุมชน และสังคมโรงเรียนจะต้องมีส่วนสำคัญอยู่ในการ พัฒนา ชุมชนในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็นในด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การเมืองและการปกครอง ที่สำคัญที่สุดก็คือ โรงเรียนต้องพัฒนาผู้เรียนไป ในแนวทางนั้นด้วย โรงเรียนจึงเป็นรากฐานของการพัฒนาชุมชน โรงเรียน ต้องมีความรู้เรื่องชุมชน เข้าใจปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ของชุมชน ๔.๔ ความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยกับโรงเรียน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อุบลราชธานี โดยคณะ ครุศาสตร์ สาขาวิชาการสอนวิชาสังคม ได้ส่งนิสิตเข้าไปฝึกปฏิบัติวิชาชีพใน สถานศึกษา ๑ หรือโรงเรียนบ้านนาคำ การฝึกปฏิบัติวิชาชีพในสถานศึกษา จะต้องอยู่ภายใต้การแนะนำและดูแลจากครูพี่เลี้ยง โดยทางโรงเรียนจะ มอบหมายให้ครูที่มีประสบการณ์ในการสอนเป็นผู้ควบคุมดูแลนิสิตฝึก ปฏิบัติวิชาชีพในสถานศึกษา นั่นก็คือ ครูพี่เลี้ยง
๓๒ ๔.๕ ความภูมิใจในวิชาชีพครู
๓๓ บทที่ ๕ บทสรุป จากสภาพทั่วไปของโรงเรียน พบว่า ปี พ.ศ.2515 ได้รับการจัดสรรงบ ประมาณสร้างอาคารเรียนแบบ ป.1ข จากกองบินยุทธการที่ 8 ย้ายไปตั้ง โรงเรียนแห่งใหม่บนที่ดิน 20 ไร่ ภายหลังได้รับการบริจาคที่่ดินอีก 1 แปลง เนื้อที่ 4 ไร่เศษ ห่างจากที่ตั้งโรงเรียนปัจจุบัน ประมา 800 เมตร (ใกล้กับ แม่น้ำมูล) โดยทางโรงเรียนสงวนไว้เป็นป่าชุมชน ปี พ.ศ. 2521 ได้รับงบ ประมาณก่อสร้างอาคารเรียน ป.1 ช จำนวน 2 ห้องเรียน ปี พ.ศ. 2541 ได้รับจัดสรรงบประมาณก่อสร้างอาคารเรียน แบบ สปช 101/26 จำนวน 1 หลัง 3 ห้องเรียน ปี พ.ศ.2546และ 2549 ได้สร้างรั้วคอนกรีตยาว 400 ม.ไม่ได้ใช้งบของทางราชการ ปี พ.ศ. 2551 ได้รับการจัดสรรงบสร้างส้วม แบบ สปช.406/45 งบประมาณ 242,000 บาท ปี พ.ศ. 2552 ได้สร้างโรงอาหารโดยใช้งบจากคณะครู กรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครองผู้มีจิตศรัทธาบริจาค ปี พ.ศ. 2553 ได้ก่อสร้าง ร้านค้าสหกรณ์และเรือนพยาบาล โดยใช้งบจากคณะครู ผู้ปครอง ผู้มีจิตศรัทธา บริจาค ทิศเหนือจดกับทางหลวงแผ่นดิน ทิศใต้ จดกับแม่น้ำมุลทิศตะวันออก จดบ้านผา แก้ว ทิศตะวันตก จดกับบ้านปากน้ำ จากการสังเกตการสอนพบว่า ครูผู้สอนเตรียมความพร้อมของผู้นักเรียน และสื่อให้พร้อมที่จะสอน โดยใช้รูปแบบการสอนแบบบรรยายหน้าชั้นเรียน โดย สื่อการสอนรูปแบบบัตรคำ สื่อการสอนจากโทรทัศน์
๓๔ จากการศึกษาเรียนรู้งานในโรงเรียนพบว่า โรงเรียนมีงานและกิจกรรมที่มีความ หลากหลาย มีทั้งงานและกิจกรรมที่เป็นภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ กิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นกิจกรรมที่ดี เพราะทำให้นักเรียนมีทักษะในการดำเนินชีวิต มีความ คิดสร้างสรรค์ สามารถเอาตัวรอดในเวลาคับขันได้ สามารถสร้างความสามัคคีใน หมู่คณะ นักเรียนได้แสดงออกถึงความรักชาติการมีจิตอาสา ทำให้เกิดความ สามัคคี และมีความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นเป็นอยางดี รู้จักการไห้อภัยซึ่ง กันและกัน จากการสังเกตการสอน พบว่า การเรียนการสอนในชั้นเรียน เป็นไปด้วยความ ราบรื่น ครูผู้สอนสามารถควบคุมชั้นเรียนให้มีความพร้อมในการเรียนการสอน มี ความสามารถใช้สื่อในรูปแบบต่างๆ ในการช่วยสอนให้ผู้เรียนเข้าใจได้ดี ส่วนผู้ เรียนนั้น มีความสนใจในการเรียน มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมการเรียนการสอน และให้ความร่วมมือในการทำงานกลุ่ม จากการที่ได้ไปสังเกตโครงการ และกิจกรรมในโรงเรียน พบว่าวัตถุประสงค์ของ กิจกรรมเพื่อที่จัดขึ้นจะส่งเสริมการแสดงถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพื่อแจ้งข่าวสาร ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ พฤติกรรมของผู้ที่ เข้าร่วม เพื่อให้นักเรียนรักษาความสะอาดในโรงเรียน ทุกกิจกรรมที่จัดขึ้นสถาน ในศึกษานักเรียนให้ความร่วมมือดี นักเรียนมีความสุขที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน นักเรียนให้ความสนใจกับทุกกิจกรรม แต่มีนักเรียนบางกลุ่มให้ความสนใจน้อย และบางกลุ่มไม่ให้ความร่วมมือกับกิจกรรม ข้อคิดที่ได้จากปฏิบัติวิชาชีพในสถานศึกษา ความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ สถาบันศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ ความตรงต่อเวลา ความมีระเบียบ วินัย ความอดทน ความเสียสละ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วน ตน
Search
Read the Text Version
- 1 - 39
Pages: