1 เอกสารประกอบการพจิ ารณา กิจกรรมการประกวดออกแบบใบงาน รายวชิ าวทิ ยาการคานวณ ระดบั ช้นั ม.ต้น จดั ทาโดย นางสาวกาณช์ฐยิ ากร น้อยจันทร์ ตาแหน่ง ครู วิทยะฐานะ ชานาญการ กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนทบั กฤชพฒั นา อาเภอชมุ แสง จังหวัดนครสวรรค์ สังกัดสานักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษานครสวรรค์
ก คานา เอกสารเล่มนี้จัดทาขึ้นเพื่อประกอบการพิจารณากิจกรรมการประกวดออกแบบใบงาน รายวิชา วิทยาการคานวณ ระดับชั้น ม.ต้น จัดทาโดยนางสาวกาณช์ฐิยากร น้อยจันทร์ ตาแหน่ง ครู วิทยะฐานะ ชานาญการ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนทับกฤชพัฒนา อาเภอชุมแสง จังหวัด นครสวรรค์ สงั กดั สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษานครสวรรค์ และเผยแพร่ผลงานการพัฒนาส่ือการเรียน การสอน ในรูปแบบใบงานผ่าน https://www.liveworksheets.com/ ในรายวิชา วิทยาการคานวณ ให้กับ สถานศึกษาและหน่วยงานต่าง ๆ ท่ัวประเทศท่ีจะนาไปบูรณาการใช้ในการจัดการเรียนการสอนด้าน Coding ให้ เหมาะสมกบั บริบทในท้องถิ่นอยา่ งเหมาะสม เพอื่ ใหเ้ กดิ การเรียนรูท้ ี่มีประสิทธิภาพอย่างแทจ้ ริง นางสาวกาณชฐ์ ิยากร น้อยจนั ทร์ ตาแหน่ง ครู วิทยะฐานะ ชานาญการ ผู้จัดทา
สารบญั ข คานา หน้า สารบญั ก สารบัญภาพ ข สว่ นท่ี ๑ รายงานการดาเนนิ การวิเคราะหก์ ารจัดการเรยี นรู้อย่างเป็นระบบมีองค์ประกอบแสดงถงึ ค แนวทางการวิเคราะห์ ผลการวิเคราะห์เพ่ือการจัดการเรียนรู้ - วเิ คราะห์ปัญหา/ความจาเป็นในการจดั การเรยี นการรู้ ๑ - วิเคราะหผ์ ลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น/ผลการทดสอบระดบั ชาติ : O-NET - วเิ คราะหผ์ ู้เรยี นรายบุคคล เพอื่ จดั การเรยี นรู้ใหเ้ หมาะสมกบั ผ้เู รียน ๑ วิเคราะหเ์ กีย่ วกับผ้เู รยี นรายบคุ คล SDQ 2 - วเิ คราะหเ์ พ่ือออกแบบการจัดการเรยี นรู้ Coding - ตารางวเิ คราะหค์ าอธิบายรายวิชา 9 - หนว่ ยการเรยี นรู้ 10 - คาอธบิ ายรายวิชา ๑3 - มาตรฐาน ตัวชว้ี ดั /ผลการเรยี นรู้ 14 - โครงสร้างรายวชิ า 16 - ผังมโนทัศน์ 17 - เกณฑก์ ารให้คะแนนตามระเบียบการวัดผลประเมนิ ผลของโรงเรยี นทับกฤชพฒั นา 18 19 สว่ นท่ี 2 แผนการจัดการเรียนรู้ 20 - ใบงานที่ใช้ในการจัดการเรยี นรู้ 21 - บนั ทึกหลงั แผนการจดั การเรียนรู้ 28 - หลักฐานการเผยแพรผ่ ลงาน 31 - วิธกี ารใชง้ านใบงาน 33 - เกณฑ์การวดั และประเมนิ ผลการจดั การเรยี นรู้ 33 34 ภาคผนวก 37
สารบญั ภาพ ค ภาพ หนา้ 1. หลักฐานการจดั เรยี นรู้ รายวชิ า วิทยาการคานวณ 38 2. ภาพวฒุ ิบัตรที่ได้รบั จากการผา่ นการอบรมเชิงปฏิบตั ิการแบบ ออนไลน์ 39 Coding และ Unplugged Coding 4CTจากสสวท. และสพฐ.
๑ ส่วนท่ี 1 รายงานการดาเนินการวเิ คราะหก์ ารจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบมีองคป์ ระกอบ แสดงถงึ แนวทางการวเิ คราะห์ ผลการวเิ คราะหเ์ พอื่ การจดั การเรียนรู้ ๑. วเิ คราะห์ปัญหา/ความจาเป็นในการจัดการเรยี นการรู้ ขอ้ มลู สถานศกึ ษา/ท่ีตงั้ /บรบิ ทสถานศกึ ษา โรงเรียนทับกฤชพัฒนา 14 หมู่ 8 ตาบลทับกฤช อาเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์ เป็นโรงเรียนมัธยมขนาดกลาง ปจั จบุ ันมจี านวนผเู้ รียนท้ังสิน้ 412 คน ผู้บริหารครูและ บุคลากรทางการศึกษา จานวน ๒๖ คน เปิดสอนในระดับช้ันมัธยมศึกษาและดาเนินการจัดการเรียนการสอนในวิชา วทิ ยาการคานวณทุกระดบั ชั้นต้ังแต่ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 1-6 ต้ังแตป่ ีการศึกษา 2561 เป็นตน้ มา ตรงตามหลักสูตร และตัวชี้วัดท่ีกาหนด โรงเรียนทับกฤชพัฒนามีความพร้อมในด้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในระดับกลาง มีห้องปฏิบัติการ คอมพิวเตอร์ จานวน ๒ ห้องเรียน มีคอมพิวเตอร์ห้องเรียนละ ๑๕ เคร่ือง ซ่ึงไม่เพียงพอต่อจานวนผู้เรียนในแต่ละห้อง เพราะจานวนผู้เรียนในแต่ละห้องมีประมาณ ๓๙ คน ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มีระดับชั้นละ ๒ - ๓ ห้องเรียน ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ระดบั ชั้นละ ๒ หอ้ งเรียน พืน้ ฐานสภาพความพร้อมของผู้เรียนแต่ละคน แตล่ ะครอบครัว มีความแตกต่างกัน เนื่องจากผู้ปกครองส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร และรับจ้างทั่วไป ผู้เรียนจะได้ใช้คอมพิวเตอร์ แค่ในช่ัวโมงเรียนเท่านั้น จึงได้นาการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบ Coding หรือPlugged เข้ามาใช้ในการจัดการเรียนการสอนมสี ว่ น ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้เร็วข้ึน โดยไม่ต้องดาเนินกิจกรรมโดยใช้คอมพิวเตอร์ทุกคาบเรียน สามารถใช้เวลาว่างพัก กลางวันมาขอใช้ในห้องเรียน เพื่อสร้างความเข้าใจในหลักการพื้นฐานของวิทยาการคอมพิวเตอร์ได้โดยไม่ต้องใช้ คอมพิวเตอร์ แต่เป็นการใช้กิจกรรม บอร์ดเกมการศึกษาที่มีท้ังแบบออนไลน์และ ออนไซต์ รวมถึงส่ิงต่างๆ ที่อยู่รอบตัว มาประกอบกันเพ่ือส่ือในการแก้ปัญหาทางการเรียนรู้ให้เข้าใจหลักการพ้ืนฐานของวิทยาการคอมพิวเตอร์และวิทยาการ คานวณ กิจกรรม Plugged ฝึกให้เด็กเกิดทักษะการแก้ปัญหาและคิดอย่างมีระบบ ด้วยการเล่นเกมหรือกิจกรรมอื่นท่ี เกิดขนึ้ ในชีวิตประจาวันเป็นพ้ืนฐานต่อยอดไปบูรณาการกับรายวิชาอ่ืน ๆที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดการเรียนการ สอน วิสัยทศั นข์ องโรงเรียนทบั กฤชพัฒนา โรงเรียนคุณธรรมน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เทียบเคียงมาตรฐานสากลพัฒนาตนสู่ทักษะอาชีพ เพื่อดารงชวี ติ สอดคล้องกบั การเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษท่ี 21 พนั ธกิจโรงเรยี นทับกฤชพัฒนา 1. ส่งเสริม พัฒนาศักยภาพของเครื่องมือ-วัสดุอุปกรณ์ทางการศึกษาให้มีขีดความสามารถในการทางาน ให้สูง ยิง่ ขน้ึ เพือ่ สรา้ งห้องเรียนคุณภาพ
๒ 2. ปลูกฝงั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม รรู้ กั ษ์สง่ิ แวดลอ้ มตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงด้วย กิจกรรมสร้างสรรค์ สูส่ งั คมอย่างยั่งยืนและมีภมู ิคุม้ กนั ต่อการเปล่ียนแปลงและการพัฒนาประเทศในอนาคต 3. ส่งเสริม สนับสนุน การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เป็นครูมืออาชีพ จัดการเรียนการสอนอย่างมี ประสิทธิภาพด้วยกระบวนการ Active Learning ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญสอดคล้องกับการเปล่ียนแปลงของโลกศตวรรษ ที่ 21 4. เพิ่มโอกาสทางการเรียนรู้ในการดารงชวี ิตและเตรียมวางแผนเพ่ือเลือกประกอบอาชีพในอนาคตให้เหมาะสม กับผู้เรียนตามศักยภาพ ในยุคทีม่ กี ารแข่งขนั ในดา้ นขอ้ มูลข่าวสารและเทคโนโลยี 5. พัฒนาระบบบริหารแบบมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการจัดการศึกษาโดยใช้หลักธรรมาภิบาล และ จรรยาบรรณตามมาตรฐานวชิ าชีพ เปา้ ประสงคโ์ รงเรียนทับกฤชพฒั นา 1. โรงเรียนมีห้องเรียนท่ีมีคุณภาพ มีเทคโนโลยีท่ีสอดรับกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็น สาคัญ 2. ผูเ้ รยี นมคี ณุ ธรรม จริยธรรม คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ และคา่ นิยมหลัก 12 ประการ ร้รู กั ษ์สิ่งแวดล้อมและ นาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั 3. ผู้เรียนมีความรู้ มีทักษะทางการคิดแบบมีเหตุผล เป็นข้ันตอน (Coding) สามารถเรียนรู้ด้วยวิธีการทาง วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วศิ วกรรม คณติ ศาสตร์ (STEM) และมที ักษะทจ่ี าเปน็ ในศตวรรษท่ี 21 4. ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ มีทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ ได้อย่างเหมาะสมตามช่วงชั้น เพื่อพฒั นาตนเองและสงั คมอย่างต่อเน่ือง ยงั่ ยนื 5. ผเู้ รยี นได้รับโอกาสในการพัฒนาดา้ นการเรียนรตู้ ามหลักสตู รและเข้ารว่ มกจิ กรรมท่ีส่งเสริม ความสามารถอยา่ งเหมาะสมและเต็มศกั ยภาพ มีศกั ยภาพเปน็ พลเมอื งโลก ด้วยการจัดการเรียนการสอนและ การจดั การดว้ ยระบบคุณภาพ 6. ผูเ้ รยี นมคี วามรคู้ วามสามารถทางวชิ าการ มีความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ โดยประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ เพื่อการศกึ ษาตอ่ การประกอบอาชพี และสามารถนาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั ไดอ้ ย่างเหมาะสม 7. ครูนาศาสตรพ์ ระราชา มาจัดการเรยี นรูผ้ า่ นกจิ กรรมการปฏิบัติจริง (Active Learning) และนวัตกรรมมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพ่ือผู้เรียนได้ดารงชีวิตและเตรียมวางแผนเพ่ือเลือกประกอบอาชีพใน อนาคต 8. ผู้บรหิ าร ครูและบุคลากรทางการศกึ ษาเปน็ บคุ คลแห่งการเรียนรู้ มคี วามร้แู ละจรรยาบรรณ ตามมาตรฐานวชิ าชพี 9. โรงเรียนมีระบบการบริหารและการจัดการสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วม ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงและหลกั ธรรมาภบิ าล มีการพฒั นาสภาพแวดล้อมใหเ้ อ้อื ตอ่ การเรยี นรู้ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร หมายถึง ใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะ ของตนเอง เพ่ือเปล่ียนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการ
๓ เจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความ ถกู ต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการส่ือสารทม่ี ีประสิทธภิ าพโดยคานงึ ถงึ ผลกระทบท่ีมีต่อตนเองและสังคม 2. ความสามารถในการคดิ หมายถึง รจู้ ักคิดวเิ คราะห์ คดิ สังเคราะห์ คดิ อย่างสร้างสรรค์ คดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ และคิดเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ เพ่ือการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่าง เหมาะสม 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา หมายถึง เข้าใจความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ใน สังคมแสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลัก เหตุผลคุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ รวมท้ังตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ โดยคานึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคม และสง่ิ แวดล้อม 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต หมายถึง ใช้กระบวนการต่าง ๆ ในการดาเนินชีวิตประจาวัน เรียนรู้ด้วย ตนเองต่อเนอ่ื ง ทางานและอยูร่ ว่ มกันในสังคมดว้ ยการสรา้ งเสริมความสัมพนั ธอ์ ันดรี ะหว่างบุคคล จัดการปัญหาและความ ขัดแย้งต่าง ๆอย่างเหมาะสม รู้จักปรับตัวให้ทันกับการเปล่ียนแปลงของสังคมสภาพแวดลอ้ ม และหลีกเล่ียงพฤติกรรมไม่ พงึ ประสงค์ที่สง่ ผลกระทบต่อตนเองและผอู้ น่ื 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี หมายถึง รู้จักเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ทักษะกระบวนการทาง เทคโนโลยี เพ่ือการพัฒนาตนเองและสังคมในด้านการเรียนรู้ การส่ือสาร การทางาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถกู ตอ้ งเหมาะสมและมีคณุ ธรรม คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ หมายถึง คุณภาพของผู้เรียนด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่กาหนดขึ้นโดย พิจารณาจากสภาพของสังคม และการเปล่ียนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน ซ่ึงทาให้มีความจาเป็นต้องเน้นและปลูกฝัง ลกั ษณะดงั กล่าวใหเ้ กิดข้ึนในตวั ผู้เรียนทุกคน เพื่อช่วยใหผ้ เู้ รียนเกิดการพัฒนาในองค์รวมทั้งด้านสติปัญญา และคณุ ธรรม อนั จะนาไปสูค่ วามเจริญก้าวหน้าและความม่ันคงสงบสขุ ในสงั คม 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 1.1 เปน็ ผลเมอื งทดี่ ขี องชาติ 1.2 ธารงไวซ้ ึง่ ความเปน็ ไทย 1.3 ศรัทธา ยดึ ม่นั และปฏบิ ัตติ นตามหลักศาสนา 1.4 เคารพเทิดทูนสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ 2. ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ 2.1 ประพฤตติ รงตามความเปน็ จริงต่อคนเองท้ังกาย และวาจา ใจ 2.2 ประพฤติตรงตามเป็นจริงตอ่ ผู้อ่ืนทง้ั กาย วาจา ใจ 3. มวี นิ ยั 3.1 ประพฤติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บข้อบังคับของครอบครวั โรงเรยี น และสังคม 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 ตั้งใจเพยี งพยายามในการเรียน และเข้าร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้ 4.2 แสวงหาความรู้รู้จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนด้วยการเลือกใช้ส่ืออย่าง เหมาะสม สรปุ เป็นองคค์ วามรู้ และสามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้
๔ 5. อยูอ่ ยา่ งพอเพียง 5.1 ดาเนนิ ชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตผุ ล รอบคอบ มีคุณธรรม 5.2 มีภูมิคมุ้ กันในตวั ท่ีดี ปรบั ตวั เพ่ืออยู่ในสงั คมได้อยา่ งมคี วามสขุ 6. มุ่งมน่ั ในการทางาน 6.1 ต้งั ใจและรับผดิ ชอบในหนา้ ทีก่ ารงาน 6.2 ทางานดว้ ยเพยี งพยายามและอดทนเพ่ือให้สาเรจ็ ตามเปา้ หมาย 7. รักความเปน็ ไทย 7.1 ภาคภูมใิ จในขนบธรรมเนยี มประเพณี ศลิ ปะ วัฒนธรรมไทยและมคี วามกตญั ญูกตเวที 7.2 เหน็ คุณค่าและใช้ภาษาไทยในการสื่อสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม 7.3 อนุรกั ษแ์ ละสืบทอดภมู ปิ ญั ญาไทย 8. มจี ิตสาธารณะ 8.1 ช่วยเหลือผ้อู ่ืนดว้ ยดว้ ยความเตม็ ใจโดยไมห่ วังผลตอบแทน 8.2 เข้าร่วมกิจกรรมทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ อ่ โรงเรียน ชุมชน และสงั คม วิเคราะหผ์ ลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน/ผลการทดสอบระดับชาติ : O-NET จากผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติข้ันพ้นื ฐาน (ONET) ของผู้เรียนระดับช้นั มธยมศึกษาปีท่ี 3 และช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 6 ของปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ กับ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ ในภาพรวมอยรู่ ะดับทีส่ ูงข้ึน ดงั ภาพ
๕
๖
๗
๘
๙ ๒. วเิ คราะห์ผเู้ รยี นรายบคุ คล เพ่ือจดั การเรียนรใู้ ห้เหมาะสมกับผู้เรยี น วเิ คราะห์เก่ียวกบั ผเู้ รียนรายบุคคล SDQ การแบ่งกลุ่มผเู้ รียนรูปแบบต่าง ๆ เพื่อพฒั นาตามศกั ยภาพของผเู้ รียน
๑๐ - วเิ คราะหเ์ ก่ียวกบั ความต้องการเรียนรู้ของผู้เรียน จากการวเิ คราะหผ์ เู้ รยี นรายบุคคลในรายวิชาวทิ ยาการคานวณ ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ กลางภาคเรยี น ที่ ๑ ปีการศกึ ษา 256๕ จานวน ๓ ห้องเรียน พบว่า หอ้ ง ผู้เรยี นระดับช้ัน ม.๑ ภาคเรียนที่ ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น กลางภาค ๕๐ คะแนน เฉลย่ี รอ้ ยละ 1 43.38 2 47.97 3 44.30 จากคะแนนเฉล่ยี ดงั กล่าว ผู้สอนจึงเกิดความสนใจในการสร้างสอื่ การเรียนการสอนแบบ Plugged Coding เรื่อง นักแต่งเพลงตัวน้อย มาใช้ดึงดูดความสนใจของผู้เรียน เพ่ือให้ผู้เรียนฝึกการคิดวิเคราะห์ ทักษะการปฏิบัติ เพ่ือ นาไปสู่การเขียนโปรแกรมแก้ปัญหาแบบเป็นขั้นตอน ส่งเสริมพัฒนาการอย่างสมวัย นอกจากการวิเคราะห์ผู้เรียน รายบุคคลในรายวิชาแล้ว การนาผลการวิเคราะห์รายบุคคล แบบการประเมินจุดแข็งจุดอ่อน (SDQ) ท่ีสามารถนาข้อมูล พ้ืนฐานของผู้เรียนมาพัฒนาศักยภาพให้มีความพร้อมและเข้าใจพ้ืนฐานด้านต่าง ๆ ด้านการเขียนโปรแกรม Coding ให้ ผู้เรยี นมคี วามพร้อมตอ่ การเขียนโปรแกรมขั้นสูงต่อไป ๓. วิเคราะหเ์ พื่อออกแบบการจดั การเรียนรู้ Coding - วิเคราะห์หลักสตู รแกนกลางพุทธศกั ราช 2551 และมาตรฐานการเรยี นรู้ และตวั ชี้วัดฯ ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560/ หลักสตู รสถานศึกษา / หลักสูตรท้องถ่นิ ให้เหมาะกับผู้เรียน ตารางวเิ คราะหห์ ลกั สูตร (รหัสวชิ า)ว20101 (วิชา)วิทยาการคานวณ1 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 เวลา 20 ชว่ั โมง จานวน 0.5 หน่วยกติ
๑๑ สาระท่ี มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชี้วัด/ผล สาระการเรยี นรู้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรียนรู้ • แนวคดิ เชิงนามธรรม สาระที่ 4 มาตรฐาน ว 4.2 ว4.2 • การคัดเลือกคณุ ลักษณะทีจ่ าเปน็ • อธบิ ายวธิ ีการนาแนวคดิ เทคโนโลยี เขา้ ใจและใช้แนวคิด ม.1/1 ตอ่ การแกป้ ัญหา เชงิ นามธรรมมาใชว้ เิ คราะห์ • การถ่ายทอดรายละเอียดของ โจทยป์ ัญหาและถ่ายทอด เชิงคานวณในการ ว4.2 ม. ปัญหาและการแก้ไขปัญหา แนวคดิ แกป้ ัญหาที่พบในชวี ติ 1/2 • วเิ คราะหร์ ายละเอียดท่ี จรงิ อย่างเปน็ ข้ันตอน • ข้ันตอนการแก้ไขปญั หา จาเป็นของปัญหาออกจาก และเปน็ ระบบ ว4.2 ม. • การเขียนรหัสจาลองและผังงาน รายละเอยี ดที่ไมจ่ าเป็น และ ใช้เทคโนโลยี 1/3 • การกาหนดค่าใหต้ ัวแปร อธบิ ายรายละเอยี ดที่ไม่ สารสนเทศและการ • ภาษาโปรแกรม ครบถว้ น ส่ือสารในการเรยี นรู้ ว4.2 ม. • ออกแบบวธิ กี ารแกป้ ัญหา การทางานและการ 1/4 • ขอ้ มลู และการประมวลผล โดยใช้แนวคิดเชงิ นามธรรม แกป้ ัญหา ไดอ้ ยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ รเู้ ท่าทัน • ภยั คุกคามจากการใชเ้ ทคโนโลยี • อธิบายขัน้ ตอนการ และมีจรยิ ธรรม สารสนเทศและการป้องกัน แก้ปญั หา • การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ • วางแผนการแกป้ ญั หาโดย ใชร้ หสั จาลองและผงั งาน • แก้ปญั หาตามข้ันตอนการ แก้ปญั หา • เลือกข้อมลู และออกแบบ วธิ ีการรวบรวมขอ้ มลู • รวบรวมข้อมลู จาก แหล่งขอ้ มูลต่างๆ • ประมวลผลขอ้ มลู ออกแบบทางเลือกและ ประเมนิ ทางเลือกในการ แก้ปัญหาหรือตดั สินใจ • ใชซ้ อฟตแ์ วร์ในการจัดเกบ็ กบั ข้อมลู และนาเสนอข้อมูล ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม • อธบิ ายวิธกี ารปอ้ งกัน ข้อมูลส่วนตัว • วิเคราะหผ์ ลกระทบจาก การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ • อภิปรายวิธกี ารใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ ง ปลอดภัย
๑๒ • นาสอ่ื หรอื แหลง่ ข้อมูลไป ใช้ใหถ้ กู ต้องตามข้อตกลง การใช้งาน
13 ตารางวิเคราะห์คาอธิบายรายวิชา (รหัสวิชา)ว20101 (วชิ า)วิทยาการคานวณ1 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 เวลา 20 ช่ัวโมง จานวน 0.5 หนว่ ยกิต กจิ กรรม เนอื้ หา จุดประสงค์ -นาแนวคิดเชิงนามธรรมและขั้นตอน - ศกึ ษาแนวคิดเชิงนามธรรม การคดั เลือก -เพื่อให้เกิดความรู้ความ การแก้ปัญหา ไปประยกุ ต์ใช้ในการ คุณลกั ษณะทีจ่ าเป็นต่อการแกป้ ญั หา ขน้ั ตอน เข้าใจ สามารถสื่อสารสง่ิ ที่ เขยี นโปรแกรม หรอื การแก้ปัญหาใน การแกป้ ัญหา การเขยี นรหสั จาลองและผังงาน เรยี นรู้ มีความสามารถใน ชวี ิตจรงิ รวบรวมขอ้ มลู และสรา้ ง การเขยี นออกแบบและเขียนโปรแกรม การตดั สินใจมีทักษะปฏบิ ัติ ทางเลอื ก ในการตัดสินใจได้อยา่ งมี อยา่ งงา่ ย ที่มีการใช้งานตัวแปร เงอื่ นไข และ ทางเทคโนโลยี รวมท้ัง ประสทิ ธภิ าพ และตระหนกั ถึงการใช้ การวนซา้ เพื่อแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์หรือ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 งานเทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ ง วิทยาศาสตร์ การรวบรวมข้อมลู ปฐมภมู ิ การ และนาความรู้ไปใช้ใน ปลอดภยั เกิดประโยชน์ตอ่ การเรียนรู้ ประมวลผลขอ้ มูล การสรา้ งทางเลอื กและ ชวี ติ ประจาวนั ให้สอดคล้อง และไม่สรา้ งความเสียหายให้แกผ่ อู้ ่ืน ประเมนิ ผลเพ่ือตัดสินใจ ซอฟตแ์ วรแ์ ละบรกิ าร กับหลักปรัชญาของ บนอินเทอร์เนต็ ทใ่ี ช้ในการจดั การข้อมลู เศรษฐกจิ พอเพียง มจี ติ แนวทางการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศให้ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม ปลอดภัย การจัดการอัตลกั ษณ์ การพจิ ารณา คุณธรรม และค่านยิ มท่ี ความเหมาะสมของเน้ือหา ข้อตกลงและ เหมาะสม ขอ้ กาหนดการใช้สื่อและแหลง่ ข้อมูล
14 หน่วยการเรียนรู้ (รหัสวชิ า)ว20101 (วชิ า)วิทยาการคานวณ1 กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 เวลา 20 ชั่วโมง จานวน 0.5 หน่วยกิต หนว่ ยที่ ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลา (ช่วั โมง) แนวคิดเชิงนามธรรม แนวคดิ เชิงนามธรรม เปน็ การประเมินความสาคญั 1 ของปญั หา แยกแยะสว่ นทีเ่ ป็นสาระสาคัญออกจาก 4 ส่วนที่ไม่ใช่สาระสาคัญ เพื่อแก้ปญั หาหรอื อธิบาย การทางานท่ีพบในชีวิตจริง การแกป้ ญั หา ขัน้ ตอนในการแก้ปญั หา ท่สี าคญั 4 ข้ันตอน คือ 1. การวเิ คราะหแ์ ละกาหนดรายละเอียดของปัญหา 2. การวางแผนการแก้ปัญหา 2 3. การดาเนนิ การแก้ปัญหา 4 4. การตรวจสอบและประเมินผล ในการวางแผนการแกป้ ญั หาให้เข้าใจง่ายนั้น ต้อง ถ่ายทอดความคดิ ไปสู่การปฏบิ ัติเป็นขนั้ ตอน โดย อาจใชร้ หสั ลาลอง หรอื ผงั งาน การเขยี นโปรแกรมด้วย กระบวนการแกป้ ญั หาเปน็ ส่วนสาคญั ในการพัฒนา ภาษาไพทอน โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ เพื่อแก้ปัญหาจากการทางาน หรอื ชวี ิตประจาวนั การพฒั นาโปรแกรมโดยใช้ภาษา 3 ไพทอน สามารถนาไปสร้างโปรแกรมท่ีมีการรับค่า 4 ข้อมูล ประมวลผลขอ้ มลู และแสดงผลข้อมลู เพ่ือใช้ ในการแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์หรอื วทิ ยาศาสตร์ อย่างงา่ ยได้ การใช้โปรแกรมดว้ ย การแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์หรอื วิทยาศาสตร์ หรือ 4 Scratch งานในชวี ิตประจาวัน สามารถใชโ้ ปรแกรม 3 คอมพิวเตอร์มาช่วยให้การดาเนนิ การแกป้ ัญหามี ประสทิ ธภิ าพ ถูกตอ้ ง และรวดเร็ว ข้อมลู และการประมวลผล การเก็บรวบรวมข้อมลู จากแหล่งขอ้ มูลตา่ งๆต้องวิเค ราะห์วัตถุประสงค์ของการนาข้อมูลและเกบ็ รวบ รวมข้อมลู อย่างเหมาะสม เช่น การสมั ภาษณ์ การ 5 สอบถาม การสารวจหลงั จากน้ันจงึ ออกแบบ 3 เครอื่ งมอื ในการเก็บรวบรวมข้อมลู และดาเนนิ การ เกบ็ ข้อมูลตามทไี่ ดว้ างแผนไวเ้ มอื่ ไดข้ ้อมลู มาแลว้ ต้อง มีการตรวจสอบความถูกต้องและครบถว้ น เพื่อใหไ้ ด้ ขอ้ มลู ที่เหมาะสาหรับการนาไปประมวลผลต่อไป 6 การใช้เทคโนโลยี การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัยทาได้ 2 สารสนเทศอยา่ งปลอดภัย โดยรกั ษาข้อมูลส่วนตัว ไมล่ ะเมดิ ความเป็นสว่ นตัว
15 ของผู้อ่ืน ก่อนแสดงความคดิ เห็น หรอื วจิ ารณ์ผอู้ ่ืนใน 20 สือ่ สงั คมออนไลน์ต่าง ๆ ใหต้ ระหนักถึงผลกระทบท่ี จะเกิดขนึ้ กับตนเองและผูอ้ ื่น ไม่แชรห์ รอื โพสข้อมูลที่ ไมเ่ หมาะสม รวม
16 - จดั ทาคาอธิบายรายวิชาวิทยาการคานวณ/วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี คาอธิบายรายวชิ า (รหัสวชิ า)ว20101 (วชิ า)วทิ ยาการคานวณ1 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 เวลา 20 ชั่วโมง จานวน 0.5 หนว่ ยกิต ศึกษาแนวคิดเชิงนามธรรม การคัดเลือกคุณลักษณะที่จาเป็นต่อการแก้ปัญหา ขั้นตอน การแก้ปัญหา การเขียน รหัสจาลองและผังงาน การเขียนออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย ที่มีการใช้งานตัวแปร เง่ือนไข และการวนซ้า เพื่อ แก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ การรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ การประมวลผลข้อมูล การสร้างทางเลือกและ ประเมินผลเพ่ือตัดสินใจ ซอฟต์แวร์และบริการบนอินเทอร์เน็ตท่ีใช้ในการจัดการข้อมูล แนวทางการใช้งานเทคโนโลยี สารสนเทศให้ปลอดภัย การจัดการอัตลักษณ์ การพิจารณาความเหมาะสมของเนื้อหา ข้อตกลงและข้อกาหนดการใช้ส่ือและ แหล่งข้อมูลนาแนวคิดเชิงนามธรรมและข้ันตอนการแก้ปัญหา ไปประยุกต์ใช้ในการเขียนโปรแกรม หรือ การแก้ปัญหาในชีวิต จริง รวบรวมขอ้ มลู และสร้างทางเลือก ในการตดั สินใจได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ และตระหนักถึงการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างปลอดภยั เกดิ ประโยชน์ตอ่ การเรยี นรู้ และไม่สร้างความเสยี หายใหแ้ กผ่ อู้ ่นื เพ่ือให้เกิดความรู้ความเข้าใจ สามารถส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจมีทักษะปฏิบัติทาง เทคโนโลยี รวมท้ังทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 และนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวันให้สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และค่านิยมท่ีเหมาะสม ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.1/1 , ม.1/2 , ม.1/3 , ม.1/4 รวมทั้งหมด 4 ตัวชวี้ ัด
17 มาตรฐาน ตวั ช้ีวัด/ผลการเรียนรู้ (รหัสวชิ า)ว20101 (วิชา)วิทยาการคานวณ1 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เวลา 20 ช่ัวโมง จานวน 0.5 หน่วยกิต รหสั ตวั ชี้วัด ว 4.2 เข้าใจ และใชแ้ นวคดิ เชิงคานวณในการแก้ปญั หาท่ีพบในชวี ิตจริงอย่างเปน็ ขัน้ ตอน และเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปัญหา ได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ รู้เท่า ทัน และมีจริยธรรม ว.4.2 ม.1/1 แนวคิดเชงิ นามธรรม ว.4.2 ม.1/2 การแกป้ ญั หา การเขียนโปรแกรมดว้ ยภาษาไพทอน การใชโ้ ปรแกรมดว้ ยScratch ว.4.2 ม.1/3 ขอ้ มลู และการประมวลผล ว.4.2 ม.1/4 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย รวมทั้งหมด 4 ตวั ช้ีวดั
18 โครงสรา้ งรายวชิ า (รหัสวิชา)ว20๑01 (วชิ า)วิทยาการคานวณ1 กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 เวลา 20 ช่ัวโมง จานวน 0.5 หน่วยกิต ท่ี ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน สาระสาคญั เวลา น้าหนกั การเรยี นร้/ู ตวั ชวี้ ดั (ชัว่ โมง) คะแนน 1 แนวคดิ เชิงนามธรรม ว 4.2 ม.1/1 แนวคิดเชงิ นามธรรมเปน็ การประเมนิ 4 10 ความสาคัญของปัญหาแยกแยะสว่ น ที่เป็นสาระสาคัญออกจากส่วนที่ ไมใ่ ชส่ าระสาคัญเพือ่ แกป้ ัญหาหรืออ ธิบายการทางานที่พบในชวี ิตจริง 2 การแกป้ ญั หา ว 4.2 ม.1/1 ขน้ั ตอนในการแก้ปัญหา 4 10 ว 4.2 ม.1/2 ทสี่ าคญั 4 ขัน้ ตอน คือ 1.การวเิ คราะห์และกาหนด รายละเอยี ดของปญั หา 2. การวางแผนการแก้ปญั หา 3. การดาเนินการแก้ปญั หา 4.การตรวจสอบและประเมนิ ผล ในการวางแผนการแก้ปัญหาให้เขา้ ใจ งา่ ยนน้ั ตอ้ งถา่ ยทอดความคิดไปสกู่ าร ปฏิบตั ิเปน็ ข้ันตอนโดยอาจใช้ รหัสลาลอง หรือผังงาน 3 ว 4.2 ม.1/1 แกป้ ัญหาเปน็ ส่วนสาคญั ในการ 4 10 การเขียนโปรแกรมด้ว ว 4.2 ม.1/2 พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพอื่ ยภาษาไพทอน แกป้ ญั หาจากการทางานหรอื ชวี ติ ประจาวันการพฒั นาโปรแกรมโดยใช้ ภาษาไพทอนสามารถนาไปสร้าง โปรแกรมทม่ี ีการรับคา่ ขอ้ มูล ประมวลผลข้อมูลและแสดงผลข้อมลู เพ่อื ใชใ้ นการแก้ปญั หาทาง คณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ อยา่ งงา่ ยได้ 4 การใช้โปรแกรมด้วย ว 4.2 ม.1/1 การแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์หรอื 3 10 วิทยาศาสตร์หรอื งานในชีวิต Scratch ว 4.2 ม.1/2 ประจาวนั สามารถใชโ้ ปรแกรม คอมพวิ เตอร์มาชว่ ยใหก้ ารดาเนิน การแก้ปัญหามปี ระสิทธภิ าพ ถกู ต้อง และรวดเร็ว 5 ขอ้ มลู และ ว 4.2 ม.1/3 การเก็บรวบรวมข้อมลู จากแหล่ง 3 10 การประมวลผล ข้อมลู ต่างๆต้องวเิ คราะห์วัตถุ
ประสงคข์ องการนาข้อมูลและ 19 เกบ็ รวบรวมข้อมูลอยา่ งเหมาะสม 10 เชน่ การสมั ภาษณ์ การสอบถาม 60 20 การสารวจหลงั จากนัน้ จงึ ออกแบบ 20 เคร่ืองมอื ในการเก็บรวบรวมข้อมูล และดาเนนิ การเก็บข้อมูลตาม ท่ไี ดว้ างแผนไว้เมอ่ื ไดข้ ้อมลู มา แล้วตอ้ งมีการตรวจสอบความถกู ต้อง และครบถว้ นเพอื่ ให้ได้ข้อมูลที่เหมาะ สาหรบั การนาไปประมวลผลต่อไป 6 การใช้เทคโนโลยี ว 4.2 ม.1/4 การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ 2 สารสนเทศอยา่ งปลอด อยา่ งปลอดภัยทาไดโ้ ดยรักษาขอ้ มูล ภยั ส่วนตัว ไม่ละเมดิ ความเปน็ สว่ นตัว ของผู้อนื่ กอ่ นแสดงความคดิ เหน็ หรอื วิจารณ์ผู้อน่ื ในสื่อสังคมออนไลน์ ตา่ ง ๆ ให้ตระหนักถงึ ผลกระทบ ท่จี ะเกิดขนึ้ กบั ตนเองและผู้อ่ืน ไมแ่ ชรห์ รอื โพสข้อมลู ทไี่ มเ่ หมาะสม ระหวา่ งภาคเรียน 20 สอบกลางภาคเรยี น - สอบปลายภาคเรยี น -
20 กาหนดการจัดการเรียนรู้ รหสั วิชา)ว20101 (วิชา)วิทยาการคานวณ1 กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 เวลา 20 ชวั่ โมง จานวน 0.5 หน่วยกิต สัปดาห์ แผนท่ี เรือ่ ง มาตรฐาน/ตัวชวี้ ดั /ผลการเรียนรู้ เวลา ท่ี 2 ว 4.2 ม.1/1 2 1-2 1 แนวคดิ เชงิ นามธรรม ว 4.2 ม.1/1 ว 4.2 ม.1/2 2 3-4 2 การคดั เลือกคุณสมบตั ใิ นการ ว 4.2 ม.1/1 ว 4.2 ม.1/2 2 แกป้ ัญหา ว 4.2 ม.1/1 ว 4.2 ม.1/2 2 5-6 3 ข้ันตอนการแก้ปัญหา ว 4.2 ม.1/1 ว 4.2 ม.1/2 2 7-8 4 การเขียนอัลกอริทมึ ดว้ ย ว 4.2 ม.1/1 ภาษาธรรมชาติ ว 4.2 ม.1/2 2 ว 4.2 ม.1/1 9-10 5 ภาษาคอมพิวเตอร์ ว 4.2 ม.1/2 2 ว 4.2 ม.1/1 2 11-12 6 หลกั การเขียนโปรแกรมและการ ว 4.2 ม.1/2 2 ประกาศตวั แปร ว 4.2 ม.1/3 20 ว 4.2 ม.1/4 13-14 7 ชนดิ ข้อมูลพ้นื ฐานและการแปลง ชนดิ ขอ้ มูลภาษาไพทอน 15-16 8 การทางานแบบวนซา้ และการ ทางานแบบทางเลือก 17-18 9 ฝึกเขยี นโปรแกรมจากอลั กอริทมึ 19-20 10 การใช้เทคโนโลยี สารสนเทศอยา่ งปลอดภัย รวม
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ผังมโนทัศน ผงั มโนทัศน์ รหัสวชิ า)ว20101 (วชิ า)วิท ชอ่ื วิชา กาหนดการจดั การเรียนรู้ โครงสรา้ งรายวชิ า แผนการจดั การเร รายวชิ าวิทยาการค มาตรฐาน ตวั ชี้วัด /ผลการเรยี นรู้ ตารางวิเคราะ คาอธิบายรายวชิ า คาอธิบายรายว หน่วยการเรยี นรู้
น์ 21 ทยาการคานวณ1 เปา้ หมาย ของกลุ่มสาระฯ บันทึกขอ้ ความ สาระการเรยี นรู้ รียนรู้ คณุ ภาพผู้เรียน คานวณ1 วิสัยทัศน/์ พนั ธกิจ เปา้ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ะห์ ตาราง วชิ า วิเคราะห์หลกั สูตร
22 เกณฑ์การใหค้ ะแนนตามระเบยี บการวดั ผลประเมินผล โรงเรียนทบั กฤชพัฒนา ***************************************** อตั ราส่วนคะแนน คะแนนระหวา่ งภาคเรียน = 60 คะแนน คะแนนสอบกลางภาคเรยี น = 20 คะแนน คะแนนสอบปลายภาคเรียน = 20 คะแนน รวม = 100 คะแนน การใหร้ ะดับผลการเรยี น การวัดและประเมินผลการเรียนรูเ้ พอ่ื ตดั สินผลการเรยี นของผูเ้ รยี นดังนี้ 1) ตดั สนิ ผลการเรยี นเปน็ รายวิชาผู้เรียนตอ้ งมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ 80 ของเวลาเรยี นทัง้ หมดในรายวิชานั้นๆ 2) ผเู้ รียนต้องได้รบั การประเมนิ ทุกตวั ชีว้ ัดและผ่านตามเกณฑท์ สี่ ถานศึกษากาหนด 3) ผู้เรยี นตอ้ งได้รับการตดั สินผลการเรียนทกุ รายวชิ า 4) ผเู้ รียนตอ้ งไดร้ บั การประเมนิ และมีผลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนดใน การอา่ นคดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียนคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคแ์ ละกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น การตดั สนิ เพื่อใหร้ ะดับผลการเรียนรายวชิ าของกลมุ่ สาระการเรยี นรูใ้ หใ้ ชต้ ัวเลขแสดงระดับผลการ เรียนเป็น๘ระดบั แนวการให้ระดับผลการเรยี น 8 ระดับและความหมายของแต่ละระดบั ดังแสดงในตารางดังน้ี ระดบั ผลการเรยี น ความหมาย ช่วงคะแนนเปน็ ร้อยละ 4 ดเี ย่ียม 80-100 3.5 ดีมาก 75-79 3 ดี 70-74 2.5 คอ่ นข้างดี 65-69 2 ปานกลาง 60-64 1.5 พอใช้ 55-59 1 50-54 0 ผา่ นเกณฑ์ขั้นตา่ 0-49 ตา่ กวา่ เกณฑ์ ในกรณีที่ไมส่ ามารถใหร้ ะดับผลการเรยี นเป็น 8 ระดบั ได้ให้ใชต้ วั อักษรระบเุ ง่ือนไขของผลการเรยี น ดงั น้ี “มส” หมายถึง ผ้เู รยี นไมม่ สี ิทธิเขา้ รบั การวดั ผลปลายภาคเรียน เน่ืองจากผเู้ รียนมเี วลาเรยี นไมถ่ งึ รอ้ ยละ 80 ของเวลาเรยี นในแตล่ ะรายวิชาและไม่ได้รบั การผอ่ นผันให้เข้ารับการวดั ผลปลายภาคเรียน “ร” หมายถงึ รอการตัดสนิ และยงั ตดั สนิ ผลการเรียนไม่ได้เน่อื งจากผูเ้ รียนไม่มีขอ้ มูลผลการเรยี น รายวชิ านนั้ ครบถว้ น ได้แก่ ไม่ไดว้ ัดผลกลางภาคเรยี น/ปลายภาคเรียน ไม่ไดส้ ่งงานที่มอบหมายใหท้ า ซึ่งงาน นนั้ เปน็ ส่วนหนึง่ ของการตัดสินผลการเรียน หรือมีเหตสุ ุดวิสัยท่ีทาให้ประเมินผลการเรียนไมไ่ ด้
23 การประเมินการอ่านคดิ วเิ คราะห์และเขยี นและคุณลักษณะอันพึงประสงค์น้ันให้ระดบั ผลการ ประเมินเปน็ ผา่ นและไมผ่ ่าน กรณีทผ่ี ่าน ให้ระดับผลการประเมินเปน็ ดเี ยี่ยม ดี และ ผา่ น 1. ในการสรปุ ผลการประเมินการอ่านคดิ วิเคราะห์และเขยี นเพื่อการเล่อื นช้นั และจบการศึกษา กาหนดเกณฑ์การตดั สินเปน็ 4 ระดบั และความหมายของแต่ละระดับดังน้ี ดเี ยีย่ ม หมายถงึ มีผลงานท่ีแสดงถงึ ความสามารถในการอา่ นคิดวิเคราะหแ์ ละเขียนท่ีมี คุณภาพ ดีเลิศอยูเ่ สมอ ดี หมายถงึ มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอา่ นคิดวิเคราะหแ์ ละเขยี นท่ีมี คุณภาพเป็นที่ยอมรบั ผา่ น หมายถงึ มผี ลงานที่แสดงถงึ ความสามารถในการอ่านคิดวิเคราะหแ์ ละเขียนทมี่ ี คณุ ภาพเป็นท่ียอมรับแตย่ ังมีขอ้ บกพร่องบางประการ ไม่ผ่าน หมายถงึ ไม่มผี ลงานท่แี สดงถึงความสามารถในการอา่ นคิดวเิ คราะห์และเขียนหรือถา้ มีผลงาน ผลงานนั้นยังมขี ้อบกพร่องทต่ี ้องได้รบั การปรบั ปรุงแก้ไขหลายประการ 2. ในการสรุปผลการประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงคร์ วมทุกคุณลกั ษณะเพื่อการเลื่อนชน้ั และ จบการศึกษากาหนดเกณฑ์การตดั สนิ เป็น 4 ระดับและความหมายของแตล่ ะระดับดงั นี้ ดเี ย่ียม หมายถึง ผเู้ รียนปฏิบัติตนตามคุณลักษณะจนเปน็ นิสยั และนาไปใช้ในชีวิตประจาวนั เพอ่ื ประโยชน์สขุ ของตนเองและสังคมโดยพจิ ารณาจากผลการประเมินระดับดีเยย่ี ม (3) จานวน 5-8 คณุ ลักษณะและไมม่ ีคณุ ลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ต่ากว่าระดับดี (2) ดี หมายถงึ ผู้เรยี นมีคณุ ลักษณะในการปฏบิ ัติตามกฎเกณฑเ์ พอ่ื ให้เป็นการยอมรับของสังคม โดยพิจารณาจาก 1. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดเี ย่ยี ม (3) จานวน 1-4 คุณลกั ษณะและไม่มีคุณลกั ษณะใดได้ผล การประเมนิ ต่ากวา่ ระดับดี (2) หรอื 2. ได้ผลการประเมนิ ระดับดเี ยีย่ ม (3) จานวน 4 คณุ ลักษณะและไม่มีคุณลักษณะใดได้ผล การประเมนิ ต่ากวา่ ระดบั ผ่าน (1) หรือ 3. ได้ผลการประเมินระดับดี (2) จานวน 5-8 คุณลกั ษณะและไมม่ คี ุณลกั ษณะใดได้ผลการ ประเมนิ ต่ากวา่ ระดบั ผา่ น (1) ผ่าน หมายถงึ ผ้เู รยี นรับร้แู ละปฏบิ ัตติ ามกฎเกณฑแ์ ละเงื่อนไขท่ีสถานศึกษากาหนดโดย พิจารณาจาก 1. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ผ่าน (1) จานวน 5-8 คุณลักษณะและไมม่ คี ุณลักษณะใดได้ผลการ ประเมนิ ต่ากวา่ ระดับผา่ น (1) หรอื 2. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดี (2) จานวน๔คณุ ลักษณะและไม่มคี ุณลักษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ต่ากวา่ ระดบั ผ่าน (1) ไม่ผ่าน หมายถงึ ผ้เู รยี นรบั รู้และปฏิบัตไิ ด้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเง่ือนไขทส่ี ถานศกึ ษา กาหนดโดยพจิ ารณาจากผลการประเมินระดับไม่ผ่าน (0) ตงั้ แต่ 1 คุณลกั ษณะ
24 สว่ นท่ี 2 แผนการจัดการเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3 ปีการศกึ ษา 2565 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี 1 ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๑ รายวชิ าวิทยาการคานวณ ๑ รหสั วิชา ว20๑๐๑ หนา่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๓ ช่ือหน่วย การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาไพทอน เวลาเรียน 1 ชั่วโมง เรื่อง นกั แต่งเพลงตัวน้อย เวลา 1 ชั่วโมง วันที่ ๑๑ เดือน กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ 1. สาระ/มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด/ผลการเรียนรู้ 1.1 สาระที่สาระที่ 4 เทคโนโลยี 1.2 มาตรฐานการเรียนรทู้ ่ี ว 4.๒ เข้าใจ และใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหา ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รูเ้ ทา่ ทนั และมจี รยิ ธรรม 1.3 ตัวช้ีวดั ม.1/2 การแก้ปัญหาการเขียนโปรแกรมดว้ ยภาษาไพทอนการใช้โปรแกรมดว้ ยScratch 2. สาระสาคญั / ความคิดรวบยอด แกป้ ญั หาเปน็ สว่ นสาคัญในการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อแก้ปญั หาจากการทางานหรือชวี ิต ประจาวันการพัฒนาโปรแกรมโดยใช้ภาษาไพทอนสามารถนาไปสรา้ งโปรแกรมที่มีการรับคา่ ข้อมลู ประมวลผล ขอ้ มลู และแสดงผลข้อมูล เพื่อใช้ในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตรห์ รือวิทยาศาสตร์อย่างง่ายได้ 3. สาระการเรยี นรู้(เน้อื หาสาระ) แนวคิดเชิงคานวณ (computational thinking) เป็นกระบวนการวิเคราะห์ปัญหา เพ่ือให้ได้แนว ทางการหาคาตอบอย่างเป็นข้ันตอนที่สามารถนาไปปฏิบัติได้โดยบุคคลหรือคอมพิวเตอร์อย่างถูกต้องและ แมน่ ยาซึ่งเรียกวา่ อัลกอริทึม ทกั ษะการใช้แนวคดิ เชงิ คานวณจงึ สาคัญต่อการแก้ปัญหา ชว่ ยใหส้ ามารถสอื่ สาร แนวคดิ กับผูอ้ ่ืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงชว่ ยพฒั นาพื้นฐานในการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบื้องตน้ แก้ปัญหาเป็นส่วนสาคัญในการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อแก้ปัญหาจากการทางาน หรือชีวิ ตประจาวันการพัฒนาโปรแกรมโดยใชภ้ าษาไพทอนสามารถนาไปสร้างโปรแกรมที่มีการรับค่าข้อมูลเพื่อ นามา ประมวลผลข้อมูลและแสดงผลข้อมูล เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์อย่างง่ายได้ 4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ (K P A) 4.1 อธิบายแนวคิดหลักการเขียนโปรแกรมไพทอนได้ (K)
25 4.2 สามารถเขยี นโปรแกรมไพทอนโดยแตง่ เพลงได้ (P) 4.3 มเี จตคตอท่ีดี มีความมงุ่ มัน่ ตั้งใจเรยี นรชู้ ว่ ยครแู นะนาเพ่ือนได้ (A) 5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 5.1 ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ - ทักษะการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ 5.2 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต - กระบวนการปฏบิ ัติ - กระบวนการทางานกลุ่ม 5.3 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 6.1 มวี นิ ัย 6.2 ใฝ่เรยี นรู้ 6.3 มุ่งม่ันในการทางาน 7. คา่ นิยมหลกั ของคนไทย 12 ประการ (ช้นั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ เนน้ ขอ้ 5,7,9 ชัน้ มธั ยมศึกษาตอนตน้ เน้น ข้อ 6,10,12) 7.1 ข้อ 4. ใฝห่ าความรู้ หมั่นศกึ ษาเล่าเรียนท้งั ทางตรง และทางอ้อม 7.2 ข้อ 9. มีสตริ ู้ตัว รูค้ ดิ รทู้ า รปู้ ฏบิ ัติตามพระราชดารสั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั 8. กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้ 8.1 ขัน้ การนาเข้าสู่บทเรียน(กอ่ นเรียน) 8.1.1 แนะนาหนว่ ยการเรียน ตัวชี้วัดและจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ตั้งคาถามผู้เรยี นเกย่ี วกับเขียนโปรแกรมเบ้ืองต้นเพ่ือวเิ คราะหพ์ ้นื ฐานผูเ้ รยี นรายบุคคล 8.2 ข้ันการจดั การเรียนรู้ 8.2.1 แนะนาสื่อการเรียนการสอน ท่ีครูสร้าง เรื่อง นักแต่งเพลงตัวน้อย ข้ึนเพื่อเป็นการ เสริมความรู้ความเข้าใจ การใช้งานเคร่ืองมือใน การเขียนโปรแกรมเบ้ืองต้นผา่ นเวบ็ ไซต์ Make Code สาธติ การใช้งานเครื่องมือในโปรแกรมผา่ นเวบ็ ไซต์ Make Code 8.2.๒ เข้าแถวหยิบหนังสือและคลิกลิงค์ใบงานท่ี 3.1 และ 3.2ในแชทห้องเรียน 8.2.๓. ลงมือเขียนโปรแกรมโปรแกรมเบอ้ื งต้นผ่านเวบ็ ไซต์ Make Code 8.2.๔. อ่านใบงานท่ี 3.1 และ 3.2 ในลงิ ค์ like word sheet 8.2.๕. แสดงผลทีไ่ ด้จากการเขยี นโปรแกรมเบ้ืองต้น เขียนสรุปความร้ทู ี่ไดใ้ นสมดุ 8.3 ขั้นสรปุ การเรยี นรู้ ส่งงานและร่วมกันสรุปกิจกรรมพร้อมบันทึกผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ขอตัวแทนผู้เรียน ออกมาสรุปควารู้ท่ีได้ที่ ครูผู้สอนแสดงความชื่นชมกับผู้เรียนทุกคนที่ออกแสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมใน กจิ กรรม และนดั หมายกิจกรรมคาบถดั ไป 9. ชนิ้ งาน/ภาระงาน 9.1 ใบงานท่ี 3.1 ในลงิ ค์ like word sheet 9.2 ใบงานที่ 3.2 ในลิงค์ like word sheet
26 10. สอื่ การเรยี นรู้ 10.1 สื่อวดิ ีโอการสอนที่ครูสรา้ งข้ึน 10.2 หนงั สือประกอบการเรียน 11. การวัดผลประเมินผล วธิ ีการวัด เครื่องมือ วธิ กี ารประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ ด้านความรู้ (K) แบบประเมินใบงาน ตรวจใหค้ ะแนนจาก ผู้เรียนมคี ะแนนผา่ นกิจกรรม โดยได้ ใบงานกจิ กรรมนัก คะแนนคณุ ภาพอยู่ในระดบั ดี คดิ เป็น กจิ กรรมนักแตง่ เพลง แตง่ เพลงตัวน้อย ร้อยละ 80 คะแนนข้ึนไป ตัวนอ้ ย ดา้ นทักษะ แบบประเมนิ ดา้ น ตรวจให้คะแนน ผ้เู รียนมีคะแนนผ่านกิจกรรม โดยได้ กระบวนการ (P) ทกั ษะการเขยี น ผลงานการเขยี น คะแนนคุณภาพอยู่ในระดับดี คิดเป็น โปรแกรมกจิ กรรมนกั โปรแกรมกจิ กรรมนัก ร้อยละ 80 คะแนนขน้ึ ไป ด้านเจตคติ (A) แต่งเพลงตวั น้อย แตง่ เพลงตัวน้อย ผู้เรยี นมคี ะแนนผา่ นกจิ กรรม โดยได้ แบบประเมนิ ตรวจให้คะแนนแบบ คะแนนคุณภาพอยู่ในระดับดี คดิ เป็น พฤติกรรมผเู้ รียน ประเมินชพฤติกรรม ร้อยละ 80 คะแนนขึน้ ไป รายบคุ คลกิจกรรมนัก ผ้เู รยี นนกจิ กรรมนกั แตง่ เพลงตัวน้อย แตง่ เพลงตวั น้อย 12. การใช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการจัดการเรยี นรู้ 12.1 ครผู ้สู อนนาหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาใชใ้ นการจัดการเรยี นรู้ ประเดน็ หลกั พอประมาณ หลกั มีเหตุผล หลกั สรา้ งภมู ิคุ้มกนั ทีด่ ี เน้ือหา สอดคลอ้ งกับมาตรฐาน สอดคล้องกบั มาตรฐาน สอดคลอ้ งกับมาตรฐาน เวลา และตัวชว้ี ดั ตาม และตัวช้ีวดั ตามหลักสตู ร และตัวชว้ี ดั ตามหลกั สตู ร หลกั สตู รกาหนด กาหนด กาหนด สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ ใชเ้ วลา 1 ชวั่ โมง จดั ใชเ้ วลา 1 ชว่ั โมง จดั ใช้เวลา 1 ชว่ั โมง จดั วธิ สี อน/กิจกรรม กจิ กรรมให้เหมาะสมกับ กิจกรรมใหเ้ หมาะสมกบั กจิ กรรมให้เหมาะสมกบั ระดับและกระบวนการ ระดับและกระบวนการ ระดบั และกระบวนการ เรยี นรู้ของผเู้ รียน เรยี นรู้ของผ้เู รียน เรยี นรู้ของผ้เู รยี น ใช้สอ่ื การเรียนรทู้ ่ี ใชส้ อ่ื การเรยี นรูท้ ่ี ใชส้ ่ือการเรยี นรู้ที่ หลากหลายเชน่ วิดโี อ หลากหลายเช่น วดิ โี อ หลากหลายเช่น วิดีโอ หนังสอื ใบงาน หนังสอื ใบงาน หนังสือ ใบงาน ใช้กระบวนการที่เน้นให้ ใชก้ ระบวนการทีเ่ นน้ ให้ ใชก้ ระบวนการที่เนน้ ให้ ผเู้ รยี นลงมือปฏิบตั จิ ริง/ ผู้เรียนลงมอื ปฏิบตั จิ ริง/ ผู้เรยี นลงมือปฏิบัตจิ รงิ / ใชก้ ารแกป้ ญั หาแบบ ใชก้ ารแกป้ ัญหาแบบเพ่อื น ใช้การแก้ปัญหาแบบเพ่ือน เพื่อนช่วยเพ่ือน ชว่ ยเพื่อนสอดคล้องกบั ชว่ ยเพ่อื นสอดคล้องกับ สอดคล้องกับมาตรฐาน มาตรฐาน ตัวชี้วัดและวัย มาตรฐาน ตัวช้วี ัดและวยั ตวั ชว้ี ัดและวัยของผ้เู รียน ของผู้เรยี น ของผเู้ รยี น
27 การวัดและประเมินผล ครใู ช้เครื่องมอื และวธิ กี าร ครูใช้เคร่อื งมือและวธิ กี าร ครใู ชเ้ ครื่องมือและวิธีการ วดั ผลทถี่ ูกตอ้ งเหมาะสม วัดผลที่ถูกตอ้ งเหมาะสม วัดผลทีถ่ กู ต้องเหมาะสม และสอดคลอ้ งกับตัวชวี้ ดั แบบ KPA และสอดคล้องกับตวั ช้วี ัด และสอดคลอ้ งกับตัวชวี้ ัด แบบ KPA แบบ KPA 12.2 ผลทเ่ี กดิ กับผู้เรยี นสอดคล้องกบั หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาใชใ้ นการจัดการเรียนรู้ 1) ผเู้ รียนไดเ้ รียนรหู้ ลกั คดิ และฝกึ ปฏิบตั ิ ตามหลัก 3 หว่ ง 2 เง่ือนไข หลกั พอประมาณ หลักมเี หตุผล หลักสรา้ งภมู ิคุ้มกนั ทด่ี ี ผ้เู รยี นไดร้ ับความรตู้ ามมาตรฐาน ผู้เรยี นไดป้ ฏบิ ัติงานเหมาะสม ผเู้ รยี นไดร้ ับความรู้ตาม และตวั ชว้ี ัด ตามหลกั สูตรกาหนด กับเวลาที่กาหนด มาตรฐานและตวั ช้วี ดั ตาม หลักสูตรกาหนด และสามรถ นาไปใช้ในชีวติ จรงิ พร้อมต่อ ยอดในอนาคตได้ ความรู้ การเขียนโปรแกรมเบ้ืองต้น การเขียนโปรแกรมแตง่ เพลง คณุ ธรรม มีความขยนั อดทน รับผิดชอบต่องานทไี่ ด้รบั มอบหมาย มคี วามสามัคคี 2) ผเู้ รยี นได้เรยี นรู้การใช้ชีวิตทสี่ มดลุ และพรอ้ มรับการเปล่ียนแปลงใน 4 มิติ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ดังนี้ ด้าน อยู่อยา่ งพอเพยี ง.....สมดุลและพรอ้ มรับการเปล่ียนแปลงในด้านต่างๆ ความรู้ ทกั ษะ วตั ถุ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ค่านิยม ความรู้ดา้ นการเขียน ความรดู้ ้านการเขยี น ความรูด้ า้ นการเขยี น ความรดู้ ้านการเขียน โปรแกรมเบอื้ งต้น โปรแกรมเบ้อื งต้น โปรแกรมเบอื้ งต้น โปรแกรมเบือ้ งตน้ เขยี นโปรแกรมแตง่ สามารถชว่ ยเพ่อื น เขยี นโปรแกรม เขียนโปรแกรม เพลงได้ แกไ้ ขเวลาเพ่ือนติด นาไปใช้แกป้ ัญหา เบื้องต้นได้ สามารถ ปัญหาระหวา่ งเขยี น ดา้ นส่ิงแวดล้อมใน ช่วยเพอื่ นแก้ไขเวลา โปรแกรมได้ ชีวติ และตอ่ ยอดใน เพ่ือนติดปัญหา อนาคตได้ ระหวา่ งเขยี น โปรแกรมได้ เห็นคุณค่าของ นาโปรแกรมไปใช้ นาเสนอหรอื เผยแพร่ เห็นคณุ คา่ การศึกษา ประโยชนจ์ าก แกป้ ญั หาในชีวติ และ ประโยชน์ที่ไดร้ บั จาก Coding แบบ คอมพิวเตอร์ใน ต่อยอดในอนาคตได้ การศกึ ษาแบบ Plugged Coding การศกึ ษา Coding อย่างเป็นขั้นตอน Plugged Coding ตา่ งๆ นาไปใช้ แบบPlugged นาไปใชแ้ กป้ ัญหาใน แกป้ ญั หาในชวี ิตและ Coding ชีวิตและตอ่ ยอดใน ตอ่ ยอดในอนาคตได้ อนาคตได้
28 ใบงานท่ีใช้ในการจดั การเรยี นรู้
29
30 ส่อื ทใี่ ชใ้ นการจัดการเรยี นรู้ 1. วิดีโอ เร่อื ง นกั แตง่ เพลงตัวนอ้ ย https://youtu.be/uk8WtyeQt7U ๒. หนังสือเรยี น สานักพิมพ์ สสวท.
31 บนั ทึกหลังแผนการจดั การเรยี นรู้
32
33 หลกั ฐานการเผยแพร่ผลงาน ลงิ คใ์ บงานผยแพร่บนเว็บไซด์ https://www.liveworksheets.com/6-mx80423dm https://www.liveworksheets.com/6-fx80430ov รหสั Key code: 8452g85aadn วิธกี ารใช้ใบงาน 1. สมคั รสมาชิก https://www.liveworksheets.com/myaccount/ 2. สร้างใบงานและอพั โหลดลงในลิงค์ https://www.liveworksheets.com/ 3. คัดลอกลิงค์ใบงานและ keycode ส่งใหน้ ักเรียนในแชทกลุ่มไลนห์ รือเฟสบุ๊ค 4. เขา้ ไปตรวจงานนักเรียนผา่ นhttps://www.liveworksheets.com/notifications.asp
34 เกณฑ์การวัดและประเมินผลการจดั การเรียนรู้ การวัดผลประเมนิ ผล วธิ กี ารวัด เครื่องมือ วธิ กี ารประเมิน เกณฑ์การประเมิน ดา้ นความรู้ (K) แบบประเมินใบงาน ตรวจใหค้ ะแนนจาก ผู้เรียนมีคะแนนผา่ นกิจกรรม โดยได้ ใบงานกิจกรรมนกั คะแนนคุณภาพอย่ใู นระดบั ดี คดิ เปน็ กจิ กรรมนักแตง่ เพลง แต่งเพลงตวั น้อย รอ้ ยละ 80 คะแนนขน้ึ ไป ตัวนอ้ ย ดา้ นทักษะ แบบประเมนิ ดา้ น ตรวจใหค้ ะแนน ผ้เู รยี นมคี ะแนนผ่านกจิ กรรม โดยได้ กระบวนการ (P) ทักษะการเขยี น ผลงานการเขยี น คะแนนคุณภาพอย่ใู นระดบั ดี คดิ เป็น โปรแกรมกจิ กรรมนกั โปรแกรมกจิ กรรมนกั ร้อยละ 80 คะแนนขึ้นไป ด้านเจตคติ (A) แต่งเพลงตวั น้อย แตง่ เพลงตวั น้อย ผู้เรยี นมคี ะแนนผา่ นกิจกรรม โดยได้ แบบประเมนิ ตรวจใหค้ ะแนนแบบ คะแนนคุณภาพอยู่ในระดบั ดี คดิ เป็น พฤติกรรมผเู้ รียน ประเมนิ ชพฤตกิ รรม รอ้ ยละ 80 คะแนนขน้ึ ไป รายบคุ คลกจิ กรรมนัก ผู้เรียนนกิจกรรมนัก แตง่ เพลงตัวน้อย แต่งเพลงตัวน้อย แบบวดั ประเมนิ ผล ใบงาน กจิ กรรมนกั แตง่ เพลงตัวน้อย ดา้ นความรู้ (K) สรุปผลผู้เรียนทุกคน มีคะแนนผ่านกิจกรรม โดยได้คะแนนคุณภาพอยู่ในระดับดี คิดเป็นร้อยละ 80 คะแนน ข้ึนไป
35 แบบวดั ประเมินผล ด้านทักษะการเขยี นโปรแกรมกิจกรรมนักแตง่ เพลงตัวน้อย ด้านทักษะกระบวนการ (P) สรุปผลผู้เรียนทุกคน มีคะแนนผ่านกิจกรรม โดยได้คะแนนคุณภาพอยู่ในระดับดีมาก คิดเป็นร้อยละ 80 คะแนนขึ้นไป
36 แบบประเมนิ พฤติกรรมผู้เรียนกจิ กรรมนกั แตง่ เพลงตวั นอ้ ย ดา้ นเจตคติ (A) สรุปผลผู้เรียนทุกคน มีคะแนนผ่านกิจกรรม โดยได้คะแนนคุณภาพอยู่ในระดับดี คิดเป็นร้อยละ 80 คะแนน ข้ึนไป
37 ภาคผนวก
38 หลกั ฐานการจดั เรยี นรู้ รายวชิ า วิทยาการคานวณ ขั้นนา ขัน้ สอน แนะนาหนว่ ยการเรียน ตวั ช้ีวดั และจุดประสงค์ ครูอธบิ ายวิธกี ารใชง้ านโปรแกรม การเรียนรู้ ตั้งคาถามผู้เรยี น ข้ันสอน ขนั้ สอน หยบิ หนังสอื และใบงาน ลงมอื ปฏิบัติ ข้ันสอน ขนั้ สอน ลงมอื เขยี นโปรแกรมนักแต่งเพลงตวั น้อย ทาใบงาน 3.1 และ 3.2 ขน้ั สรปุ ขั้นสรุป ผเู้ รียนนาเสนอวิธีการใชง้ านโปรแกรม รว่ มกันสรุปความรทู้ ี่ได้แนวทางการนาไปใช้ ในชีวิตประจาวันและในอนาคต ครตู รวจใหค้ ะแนน
39 ภาพวุฒิบตั รท่ีไดร้ บั จากการผ่านการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารแบบ ออนไลน์ Coding และ Unplugged Coding 4CT จากสสวท. และสพฐ.
40
Search
Read the Text Version
- 1 - 45
Pages: