Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน

Published by ปัณณธร ละม้าย, 2019-08-08 07:01:04

Description: หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน

Search

Read the Text Version

www.pytchtutor.com 083-008-7986

หลักสูตรแกนกลางระดับชาติ:หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

ความเป็นมาของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 จากการวิจัย แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550 – 2554)

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ยึด •หลักการและแนวคิดสำคัญคือ มีมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียน (Standards-based curriculum) •โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมี บทบาทหน้าที่ในการกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ขึ้น มาตรฐานการเรียนรู้มีความสำคัญสำหรับทุกฝ่ายที่ เกี่ยวข้อง

ผู้เรียน มาตรฐานการเรียนรู้ช่วยให้ผู้เรียนทราบถึงสิ่งที่ตน ต้องรู้และปฏิบัติได้ รวมทั้งคุณลักษณะ สำคัญซึ่ง เป็นสิ่งท้าทายกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความพยายามที่จะ ก้าวไปให้ถึงจุดนั้น

ผู้สอน มาตรฐานการเรียนรู้เป็นกรอบและแนวทางในการ สร้างหลักสูตร ออกแบบการเรียนการสอน และการ ประเมินผล ทำให้ทราบว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่ นักเรียนควรจะรู้ และปฏิบัติได้

ชุมชน ท้องถิ่น และระดับชาติ มาตรฐานการเรียนรู้เป็นความคาดหวังทางการศึกษาที่ ตั้งไว้ร่วมกัน ช่วยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสื่อสารเข้าใจ ตรงกันเกี่ยวกับหลักสูตร ทำให้บุคคล และ ส่วนต่างๆ ในระบบการศึกษาทำงานร่วมกันในการวางแผน พัฒนาการศึกษาให้มีประสิทธิภาพและมีทิศทางที่ ชัดเจนยิ่งขึ้น

ลักษณะสำคัญของหลักสูตรอิงมาตรฐาน 1. มาตรฐานเป็นจุดเน้นของการพัฒนาหลักสูตรในทุกระดับ 2. องค์ประกอบของหลักสูตรเชื่อมโยงกับมาตรฐาน 3. หน่วยการเรียนรู้คือหัวใจของหลักสูตร 4. กระบวนการ และขั้นตอนการจัดทำหลักสูตรมีความยืดหยุ่น 5. การประเมินผลสะท้อนมาตรฐานอย่างชัดเจน

บทสรุป

ลักษณะสำคัญของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

1. มาตรฐานการเรียนรู้/มาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้น • การกำหนดตัวชี้วัด   - ตัวชี้วัดชั้นปี ในการศึกษาภาคบังคับ (ป.1 – ม.3) •- ตัวชี้วัดช่วงชั้น ในระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-6) ลักษณะตัวชี้วัด   -­‐  รูปแบบและลักษณะการเขียนตัวชี้วัดแต่ละกลุ่มสาระเป็นไปในทิศทางเดียวกัน   - ใช้ภาษาง่าย ๆ ชัดเจนในการนำไปสู่การปฏิบัติ ไม่ซ้ำซ้อน เหมาะสมกับระดับ ชั้น   - ท้าทาย นำไปสู่การจัดการเรียนการสอนที่พัฒนาศักยภาพการคิดวิเคราะห์  

2. โครงสร้างหลักสูตร   ส่วนกลางกำหนดสาระการเรียนรู้ แกนกลาง ในแต่ละระดับไว้ อย่างชัดเจน สอดคล้องกับตัวชี้วัด เขตพื้นที่การศึกษาจัดทำสาระการเรียนรู้ท้องถิ่นเพื่อให้สถาน ศึกษาในเขตใช้ในการจัดการเรียนการสอน หลักสูตรแกนกลางกำหนดเวลาเรียนพื้นฐานของแต่ละกลุ่มสาระ การเรียนรู้ในแต่ละปี สถานศึกษาสามารถกำหนดเพิ่มเติมตาม ความต้องการ หรือส่วนที่ต้องการเน้นได้

3. การวัดประเมินผลและจบหลักสูตร วัดประเมินผลการเรียนตามมาตรฐาน/ตัวชี้วัด ซึ่งเป็นเป้าหมาย ในการประเมินทุกระดับ ทั้งระดับชาติ เขตพื้นที่ สถานศึกษา และ ระดับชั้นเรียน   ระดับชั้น ป.1-ป.6 ตัดสินผลการเรียนเป็นรายปี และ ในระดับชั้น ม. 1-ม.6 ตัดสินผลการเรียน เป็นรายภาค   กำหนดเกณฑ์กลางซึ่งเป็น minimum requirement ในการจบหลักสูตร   เอกสารรายงานผลการเรียน (ป.พ.)ตามมาตรฐาน/ตัวชี้วัด

4. กระบวนการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา   ส่วนกลางให้กรอบแนวคิดและแนวปฏิบัติในการจัดทำ หลักสูตรสถานศึกษา ซึ่งสถานศึกษาสามารถปรับยืดหยุ่นได้ ตามความเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องทำตามขั้นตอนที่ตายตัว แต่มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนใน การออกแบบหลักสูตร การเรียน การสอน และการประเมินผล

5. กำหนดบทบาทหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดบทบาทหน้าที่ในการพัฒนาหลักสูตร ของหน่วย งานที่เกี่ยวข้องทุกระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ เขตพื้นที่การ ศึกษา สถานศึกษา   เขตพื้นที่การศึกษามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาหลักสูตร ในส่วนที่เกี่ยวกับท้องถิ่นโดยจัดทำเอกสารกรอบหลักสูตร ระดับท้องถิ่น

6. การสร้างความเข้าใจ/พัฒนาบุคลากร จัดทำเอกสาร คู่มือ และจัดการฝึกอบรมบุคลากร ให้เข้าใจแนวคิด หลักการ และแนวปฏิบัติเกี่ยว กับ  Standards-based curriculum เพื่อให้เข้าใจ กระบวนการพัฒนาหลักสูตรในลักษณะดังกล่าว ทั้งระบบ

ความเชื่อมโยงระหว่างหลักสูตรแกนกลางระดับชาติกับ กรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น และหลักสูตรสถานศึกษา

การบรรลุมาตรฐาน มาตรฐานการเรียนรู้ ความสนใจ เป้าหมาย แหล่งข้อมูล หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ความต้องการ จุดเน้น ปัญหา กรอบหลักสูตรและการประเมินผลการ ของผู้เรียน ของท้องถิ่น ความสำคัญ เรียนรู้ระดับท้องถิ่น หลักสูตรและการประเมินผลการเรียนรู้ การเรียนการสอนในชั้นเรียนหลักฐานและร่องรอย ระดับสถานศึกษา กิจกรรมการเรียนรู้ ชิ้นงานหรือภาระงานที่นักเรียนปฏิบัติ การประเมิน เกณฑ์กาประเมิน คำอธิบายคุณภาพของงาน แนวกานให้คะแน

การนำหลักสูตรแกนกลางสู่การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา การดำเนินการระดับสถานศึกษา การดำเนินการระดับชั้นเรียน

ขั้นตอนการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา 1.แต่งตั้งคณะกรรมการ/ คณะทำงาน 2.วิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ 3.จัดทำหลักสูตรสถานศึกษา 4.ตรวจพิจารณาคุณภาพหลักสูตร 5.คณะกรรมการสถานศึกษาพิจารณาให้ความเห็นชอบ 6.ใช้หลักสูตรสถานศึกษา 7. วิจัยและ ติดตามผลการใช้หลักสูตร

องค์ประกอบสำคัญของหลักสูตรสถานศึกษา 1. ส่วนนำ 2. โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 3. คำอธิบายรายวิชา 4.เกณฑ์การวัดประเมินผลและจบหลักสูตร

การกำหนดวิสัยทัศน์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์  

วิสัยทัศน์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาชั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กำหนดวิสัยทัศน์หลักสูตรไว้ในระดับชาติ เพื่อ ให้สถานศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกแห่ง ใช้เป็นทิศทางในการจัดการศึกษาของตน เพื่อพัฒนา ไปสู่เป้าหมายเดียวกัน อย่างไรก็ตาม หากสถานศึกษามีความต้องการหรือ จุดที่ต้องการเน้นเพิ่มเติม ก็สามารถปรับเพื่อแสดงจุด เน้นเพิ่มเติมให้ชัดเจนในวิสัยทัศน์ของสถานศึกษาได้  

สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนเป็นสมรรถนะจำเป็นพื้นฐาน 5 ประการที่ ผู้เรียนพึงมี ซึ่งกำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สมรรถนะเหล่านี้ได้หลอมรวมอยู่ในมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ ทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ สมรรถนะ สำคัญ 5 ประการ ได้แก่ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

• คุณลักษณะอันพึงประสงค์คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการ ที่ กำหนดไว้ในหลักสูตรแก่นกลางนั้น เป็นคุณลักษณะที่ต้องการให้เกิดแก่ผู้ เรียนทุกคนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานได้แก่ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. อยู่อย่างพอเพียง 3. ซื่อสัตย์สุจริต 4. มุ่งมั่นในการทำงาน 5. มีวินัย 6. รักความเป็นไทย 7. ใฝ่เรียนรู้ 8. มีจิตสาธารณะ

การกำหนดโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา

การกำหนดรายวิชา • หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้จัดแบ่งองค์ความรู้ และทักษะตามมาตรฐานการเรียนรู้ไว้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้แก่ 1. ภาษาไทย 2. คณิตศาสตร์ 3. วิทยาศาสตร์ 4. สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 5. สุขศึกษาและพลศึกษา 6. ศิลปะภาษาต่างประเทศ 7. การงานอาชีพ และเทคโนโลยี 8. ภาษาต่างประเทศ

ประเภทรายวิชา รายวิชาพื้นฐาน: เป็นรายวิชาที่เปิดสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนตามมาตรฐาน การเรียนรู้/ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แก่นกลางที่กำหนดไว้ในหลักสูตร แกนกลางซึ่งเป็นสิ่งซึ่งผู้เรียนทุกคนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานต้องเรียนรู้ รายวิชาเพิ่มเติม:เป็นรายวิชาที่สถานศึกษาแต่ละแห่งสามารถเปิดสอน เพิ่มเติมจากสิ่งที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลาง เพื่อให้สอดคล้องกับจุด เน้น ความต้องการและความถนัดของผู้เรียนหรือความต้องการของท้องถิ่น โดยมีการกำหนด“ผลการเรียนรู้” เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียน รายวิชาเพิ่มเติมต่างๆ

การจัดรายวิชา ระดับประถมศึกษา รายวิชาพื้นฐาน: การจัดรายวิชาพื้นฐานในระดับประถมศึกษาให้พิจารณาดำเนินการดังนี้ -ให้สถานศึกษาจัดรายวิชาพื้นฐานตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ กลุ่มละ1 รายวิชาต่อปี ยกเว้น กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม กำหนดเป็นรายวิชา สังคมศึกษา และ รายวิชาประวัติศาสตร์ โดยรายวิชาประวัติศาสตร์ให้จัดการเรียนการสอน 40 ชั่วโมงต่อปี -สถานศึกษาสามารถปรับเวลาเรียนพื้นฐานของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้ตามความ เหมาะสมกับจุดเน้นของสถานศึกษาทั้งนี้เมื่อรวมเวลาเรียนของรายวิชาพื้นฐานทั้ง8 กลุ่มสาระการ เรียนรู้แล้วต้องมีเวลาเรียนรวม 840 ชั่วโมงต่อปี รายวิชาเพิ่มเติม:สถานศึกษาสามารถกำหนดรายวิชาเพิ่มเติมตามความต้องการ โดยจัดเป็น รายปี ตามโครงสร้างเวลาเรียนที่กำหนด และมีการกำหนดผลการเรียนรู้ของรายวิชานั้นๆ เมื่อ รวมเวลาเรียนรายวิชาพื้นฐานและรายวิชาเพิ่มเติมแล้ว ไม่เกิน 1000 ชั่วโมงต่อปี

ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น รายวิชาพื้นฐาน: การจัดรายวิชาพื้นฐานในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ให้พิจารณาดำเนินการดังนี้ - สถานศึกษาสามารถจัดรายวิชาพื้นฐานตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้ ตามความเหมาะสมในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้อาจจัดได้มากกว่า 1 รายวิชาในแต่ละภาค/ปี -สถานศึกษาสามารถจัดรายวิชาพื้นฐานใน 1 ภาคเรียน ให้เรียนครบ/ ไม่ครบทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ได้ แต่เมื่อจบหนึ่งปีการศึกษา สถาน ศึกษาต้องจัดให้เรียนรายวิชาพื้นฐานครบทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้

-กำหนดให้ 1 รายวิชามีค่าน้ำหนัก ไม่น้อยกว่า0.5หน่วยกิต (1 หน่วยกิตคิดเป็น 40 ชั่วโมง/ภาคเรียน) และเมื่อรวมจำนวนหน่วยกิตของรายวิชาพื้นฐานในแต่ละ กลุ่มสาระการเรียนรู้แล้ว ให้สอดคล้องกับโครงสร้างเวลาเรียนที่กำหนดไว้ใน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 -สำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมให้จัดสาระ ประวัติศาสตร์เป็นรายวิชาเฉพาะภาคเรียนละ 1 รายวิชา (0.5 หน่วยกิต)ทุกภาค เรียนรวม6 รายวิชา (3.0 หน่วยกิต) รายวิชาเพิ่มเติม:สถานศึกษาสามารถกำหนดรายวิชาเพิ่มเติมตามความต้องการ โดยจัดเป็นรายภาคตามโครงสร้างเวลาเรียนที่กำหนด และมีการกำหนดผลการ เรียนรู้ของรายวิชานั้นๆเมื่อรวมเวลาเรียนรายวิชาพื้นฐานและรายวิชาเพิ่มเติมแล้ว ไม่เกิน 1200 ชั่วโมงต่อปี

ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย รายวิชาพื้นฐาน:การจัดรายวิชาพื้นฐานในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายให้ พิจารณาดำเนินการดังนี้ -สถานศึกษาสามารถจัดรายวิชาพื้นฐานตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้ตาม ความเหมาะสมในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้อาจจัดได้มากกว่า 1 รายวิชา โดยภายใน 3ปี ต้องครบทุกตัวชี้วัดที่กำหนดในกลุ่มสาระการเรียนรู้นั้นๆ -กำหนดให้ 1 รายวิชามีค่าน้ำหนักไม่น้อยกว่า0.5หน่วยกิต (1 หน่วยกิต คิดเป็น 40 ชั่วโมง/ภาคเรียน) และเมื่อรวมจำนวนหน่วยกิตของรายวิชาพื้น ฐานในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้แล้ว ให้สอดคล้องกับโครงสร้างเวลาเรียนที่ กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

-สำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ให้จัดรายวิชาประวัติศาสตร์ให้ครบ2 หน่วยกิต ภายใน3ปี รายวิชาเพิ่มเติม:สถานศึกษาสามารถกำหนดรายวิชาเพิ่มเติมได้ ตามความต้องการ โดยจัดเป็นรายภาค และมีการกำหนดผลการ เรียนรู้ของรายวิชานั้นๆ ทั้งนี้เมื่อรวมเวลาเรียนของรายวิชาเพิ่มเติม ทั้งหมดแล้ว สอดคล้องกับโครงสร้างเวลาเรียนที่กำหนดไว้ใน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนแบ่งเป็น 3 ลักษณะ คือ 1) กิจกรรมแนะแนว 2) กิจกรรมนักเรียนและ 3) กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ โดยพิจารณาจากโครงสร้างเวลาเรียนที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกน กลาง และเป้าหมาย/จุดเน้นของท้องถิ่น พร้อมทั้งพิจารณาความ ต้องการและจุดเน้นของสถานศึกษา เพื่อจัดเวลาเรียนให้เหมาะสม กับบริบทของสถานศึกษาแต่ละแห่ง

การออกแบบหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน

การออกแบบหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ • กิจกรรมการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยนำพาผู้เรียนไปสู่คุณภาพตาม มาตรฐาน/ตัวชี้วัดที่เป็นเป้าหมายของหน่วย • การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ควรเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คำนึงถึงความแตก ต่างระหว่างบุคคล และมีความหลากหลาย ทันสมัย เหมาะสมกับวัยของ ผู้เรียน และธรรมชาติของวิชาให้ผู้เรียนได้ค้นคว้าหรือเข้าถึงแหล่งการ เรียนรู้ได้ตามความสนใจ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง • โดยครูเป็นผู้อำนวยความสะดวก คอยให้ความช่วยเหลือเพื่อให้เกิด การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ

การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ • การวัดประเมินผลในแต่ละหน่วยการเรียนรู้จะต้องสอดคล้องสัมพันธ์กับเป้าหมาย ในการพัฒนาผู้เรียนของหน่วยการเรียนรู้นั้นๆ • ซึ่งในรายวิชาพื้นฐานจะมีตัวชี้วัดเป็นเป้าหมาย และมีผลการเรียนรู้เป็นเป้าหมาย • ในรายวิชาเพิ่มเติม การประเมินที่ดีจะต้องมีเกณฑ์และคำอธิบายคุณภาพงานที่ ชัดเจนและบ่งบอกคุณภาพงานในแต่ละระดับ • ควรมีการประเมินอย่างสม่ำเสมอ ด้วยวิธีการที่หลากหลาย จากแหล่งข้อมูลหลายๆ แหล่ง เพื่อให้ได้ผลการประเมินที่สะท้อนความรู้ความสารถที่แท้จริงของผู้เรียน • หากยังไม่บรรลุคุณภาพที่กำหนดจะต้องหาวิธีการช่วยเหลือ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการ พัฒนาสูงสุดเต็มตามศักยภาพ

มาตรฐานและการประเมินผล

แนวการให้คะแนนเพื่อให้ใช้ในการประเมิน   การประเมินนักเรียนว่ามีความรู้และสามารถทำอะไรได้ตาม มาตรฐานหลักสูตร ครูจะต้องสร้างเกณฑ์การประเมินชิ้นงาน หรือการปฏิบัติงานต่าง ๆ ของนักเรียนเพื่อเป็นแนวทางในการ ให้คะแนน โดยเกณฑ์การประเมินจะสัมพันธ์เกี่ยวโยงกับ มาตรฐานการเรียนรู้ที่ได้กำหนดไว้ ในแต่ละครั้งของการปฏิบัติ งานนั้น ๆ

การกำหนดเกณฑ์การประเมิน การประเมินโดยใช้ Rubric เป็นรูปแบบที่ใช้กันมากในการประเมินแบบอิงมาตรฐานเป็นแนวทางใน การให้คะแนน(Scoring Guide)ซึ่งสามารถที่จะแยกแยะระดับต่าง ๆ ของความ สำเร็จในการเรียนหรือการปฏิบัติของนักเรียนได้อย่างชัดเจนจากระดับดีมาก ไปจนถึงต้องปรับปรุง ครูและนักเรียนควรจะร่วมกันกำหนดเกณฑ์การประเมิน ซึ่งควรจะจัดทำให้ เสร็จก่อนที่นักเรียนจะได้ลงมือปฏิบัติงานชิ้นนั้น เกณฑ์การประเมินนั้นนอกจาก จะใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการสอนอีก ด้วย

6 เทคนิคของการประเมินผลการเรียนรู้ ดังนี้ 1. Selected Response หมายถึง ข้อสอบปรนัยเลือกตอบจับคู่ ถูกผิด 2. Constructed Response หมายถึง ข้อสอบเติมคำ หรือเติมข้อความหรือ เขียน Mind map 3. Essay หมายถึง เขียนบรรยายเขียนเรียงความ เขียนเล่าเรื่อง เขียนรายงาน 4. School Product/Performance หมายถึง การแสดงหรือการปฏิบัติใน สถานศึกษา 5. Contextual Product/Performance หมายถึงการแสดงในสถานการณ์ จริง หรือสภาพชีวิตจริงนอกสถานศึกษา 6. On-going Tools หมายถึงเป็นหลักฐานแสดงการเรียนรู้ของผู้เรียน ที่มีการ ประเมินผู้เรียนตลอดเวลา ทุกวัน

ขอให้โชคดี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook