Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore LibUnit7

LibUnit7

Published by dekdeedusit, 2019-11-17 21:35:50

Description: LibUnit7

Search

Read the Text Version

แผนการสอนประจาํ สปั ดาหท์ ่ี 7 วิชา ห้องสมดุ กบั การรสู้ ารสนเทศ รหัสวชิ า 3000 – 1601 จํานวน 1 หนว่ ยกิต การบรรยายคร้ังที่ 7 บทท่ี 7 เร่อื ง การเขียนบรรณานุกรม วตั ถปุ ระสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม เมอ่ื นักศึกษาจบบทเรยี นนแ้ี ลว้ จะมคี วามสามารถดงั ตอ่ ไปน้ี 1. บอกความหมายและความสําคญั ของการอา้ งองิ ได้ 2. บอกประเภทของการอ้างองิ ได้ 3. เขยี นอ้างองิ ในเนอื้ หาหรอื อา้ งองิ ระบบนามปไี ด้ 4. เขียนรายงานบรรณานุกรมได้ 5. อธบิ ายเทคนคิ การเขียนและจดั เรียงบรรณานกุ รมได้ สาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของการอ้างอิง 2. ประเภทของการอ้างองิ 3. การเขยี นอา้ งองิ ในเนอื้ หาหรืออา้ งอิงระบบนามปี 4. การเขียนบรรณานกุ รม 5. เทคนคิ การเขียนและการจัดเรียงบรรณานกุ รม กิจกรรมการเรยี นการสอน 1. นกั ศึกษาช่วยกันค้นหารายการหนงั สืออ้างอิงจากตัวอย่างหนังสอื 2. ครูผสู้ อนบรรยายเน้อื หาการเขยี นบรรณานุกรม 3. นกั ศึกษาชว่ ยกันสรปุ เนอ้ื หา สอ่ื การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ าหอ้ งสมุดกับการร้สู ารสนเทศ 2. งานนําเสนอเรอื่ ง การเขยี นบรรณานุกรม วิธวี ัดและประเมินผล 1. สังเกตความสนใจ การมีสว่ นร่วมในการอภปิ รายและการเข้าชั้นเรยี น 2. การซกั ถามเพ่ือทดสอบความเข้าใจของนักศกึ ษา 3. แบบทดสอบก่อนและหลังเรียน

เอกสารประกอบการเรยี นวชิ าหอ้ งสมดุ กบั การรู้สารสนเทศ บทท่ี 7 การเขยี นบรรณานกุ รม 140 บทท่ี 7 การเขียนบรรณานุกรม ในการเขยี นรายงานซึ่งเป็นผลจากการค้นคว้าหาความรู้จากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ นั้น ผู้เขียนรายงาน จะต้องกล่าวอ้างถึงแหล่งท่ีมาของข้อมูลท่ีได้นํามาเรียบเรียงไว้เพ่ือบ่งช้ีให้ทราบถึงแหล่งท่ีมาให้ผู้อ่าน ได้ทราบ สามารถใช้เป็นข้อมูลสําหรับการสืบค้นข้อมูล เป็นผลให้รายงานฉบับนั้นมีความน่าเช่ือถือ เนื่องจากได้มีการศึกษาค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลท่ีมีท่ีมา และการจัดทํารายงานได้อย่างเป็นระบบ โดยการ อ้างอิงน้ันมีทั้งแทรกไว้ในเนื้อหารายงานและรวบรวมไว้ตอนท้ายรายงาน ซ่ึงจะต้องจัดทําให้ครบถ้วน ถกู ต้องตามหลกั การเขียนบรรณานกุ รมตามรปู แบบท่สี ถาบันการศกึ ษาหรือหนว่ ยงานกําหนดไว้ 7.1 ความหมายของการอา้ งอิง การอ้างอิง หมายถึง รายการส่ิงพิมพ์หรือแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่นํามาใช้ค้นคว้าประกอบในการ เรยี บเรยี งรายงานน้นั ๆ 7.2 ความสําคัญของการอ้างอิง การอา้ งอิงมีความสําคัญต่อการเขียนรายงานอยา่ งยิง่ ดังต่อไปนี้ 7.2.1 เพ่ือแสดงหลักฐานสําหรับการตรวจสอบข้อมูลและรายละเอียดที่นํามาอ้างอิง เพ่ิมคุณค่า ความนา่ เช่อื ถือของรายงานนน้ั ๆ 7.2.2 เป็นจริยธรรมทางวิชาการเพ่ือแสดงการรับรู้ในสิทธ์ิของเจ้าของแนวคิดหรือลิขสิทธิ์ ในผลงานน้ันๆ ถอื เป็นการใหเ้ กยี รติเจ้าของผลงาน 7.3 รปู แบบการอา้ งอิงทางวชิ าการ ในการเขียนผลงานทางวิชาการ มีลักษณะการอ้างอิง 3 รูปแบบ ได้แก่ เชิงอรรถ การอ้างอิงและ บรรณานุกรม ซ่ึงแต่ละสถาบนั จะมกี ารกาํ หนดเก่ยี วกับรปู แบบและการใชเ้ ครือ่ งหมายวรรคตอนที่เป็น แบบแผนเดียวกัน โดยมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละสถาบัน การจัดพิมพ์รายงานจะต้องศึกษา รูปแบบรายละเอียดข้อกําหนดให้ชัดเจน เพื่อให้ได้รายงานที่ถูกต้องตรงกับรูปแบบท่ีสถานศึกษาน้ันๆ กาํ หนด ดงั รายละเอยี ดต่อไปน้ี 7.3.1 การเขยี นอัญประกาศ (Quotation) อัญประกาศ หมายถึง ข้อความท่ียกมาจากคําพูดหรือข้อเขียนของบุคคลอื่นๆ ที่มี ความสําคัญและไม่อาจสรุปได้ดีเท่าความเดิม จะต้องคัดลอกให้ตรงตามเดิมทุกประการ และไม่ยาว เกนิ ไป มจี ุดประสงคเ์ พ่อื เน้นข้อความนนั้ หรือสนับสนุนความคิดของผู้เช่ยี วชาญ มีลกั ษณะดงั นี้

เอกสารประกอบการเรยี นวชิ าห้องสมดุ กับการรสู้ ารสนเทศ บทที่ 7 การเขียนบรรณานุกรม 141 7.3.1.1 อัญประกาศที่มีความยาวไม่เกิน 3 บรรทัด เขียนโดยใส่เคร่ืองหมายอัญประกาศ กาํ กับหวั และทา้ ยข้อความ ดังตัวอย่าง “อญั ประกาศ หรอื เครอื่ งหมายเลขในใช้เขียนสกดั ขา้ งหนา้ และข้างหลงั ตอนส่วน เบ้ืองบนของตัวอักษร, คํา, และขอ้ ความ ขา้ งหนา้ เขยี นหัวคว่ํา ขา้ งหลงั เขียนหวั หงาย” 7.3.1.2 อัญประกาศที่มีความยาวเกิน 3 บรรทัด ให้เขียนแยกจากข้อความอ่ืนๆ อยา่ งชัดเจน โดยเวน้ ระยะบรรทัดห่างจากข้อความด้านบนและข้อความด้านล่างมากกว่าระยะบรรทัด ปกติ และย่อหนา้ อื่นทง้ั ขา้ งหน้าและข้างหลัง ดังตัวอย่าง การจัดชั้นเรียนให้มีบรรยากาศท่ีเอ้ืออํานวยต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนน้ัน บทบาทการเป็น ผู้นําของครู การนําหลักจิตวิทยาท่ีเหมาะสมกับวัยและสภาวะของผู้เรียน และทักษะในการ ใหค้ ําแนะนาํ ปรกึ ษาแก่ผู้เรียนจะช่วยให้การจัดการเรียนการสอนประสบผลสําเร็จตามจุดมุ่งหมาย และการมีสัมพันธภาพท่ีดีระหว่างครูและผู้เรียนจะเป็นแรงเสริมให้บรรยากาศในชั้นเรียนอบอุ่น นา่ เรยี น ปลูกฝงั คา่ นิยมทีด่ ใี หก้ บั ผู้เรียนได้เปน็ อย่างดี การจัดการเรียนการสอนน้ัน ครูจําเป็นต้องรู้ถึงธรรมชาติของมนุษย์ ที่เรียกว่าจิตวิทยาพัฒนาการของมนุษย์ดังคําท่ีว่า “สอนอย่างไรต้องดูวัย ผู้เรียน” เพราะรูปแบบการเรียนรู้ท่ีดีนั้นจะต้องเหมาะสมกับระดับพัฒนาการ ของผู้เรยี นทัง้ วัย ความพรอ้ มและระดบั วุฒิภาวะ วิธีการสอนอย่างหนึ่งอาจใช้ กับบุคคลหนึ่งแต่ไม่สามารถใช้ได้กับอีกคนหน่ึงได้ เพราะความแตกต่างกัน ระหว่างบุคคล เช่น วัยรุ่นมักต้องการอิสระในการทํางานของตนเอง เม่ือเข้าสู่ วัยรุ่นตอนกลางก็จะมีความเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้น อิทธิพลจากหมู่คณะ ลดน้อยลง รูปแบบการเรียนจัดการเรียนรู้จะต้องตอบสนองความแตกต่าง ระหว่างบุคคลได้ 7.3.1.3 อัญประกาศที่ตัดตอนมาเพียงบางส่วน ให้ใส่จุดไข่ปลา 3 จุด แทนข้อความท่ีได้ ยกมา ดงั ตัวอย่างตอ่ ไปน้ี “...การวิจัยของครู (Action Research) ในช่ือเรียก การวิจัยชั้นเรียน (Classroom Research) หรือ การวิจัยในชั้นเรียน (Classroom Action Research) เป็นรูปแบบการวิจัยในชั้นเรียนท่ี กระทําโดยครูผ้สู อน จุดมุ่งหมายเพ่อื ทาํ ความเขา้ ใจผู้เรยี นและพัฒนาการเรยี นการสอน...”

เอกสารประกอบการเรยี นวชิ าห้องสมุดกบั การรู้สารสนเทศ บทท่ี 7 การเขยี นบรรณานุกรม 142 7.3.2 การอ้างอิงระบบนามปี หรือการอ้างอิงแทรกในเน้ือหา หรือ APA (American Psychological Association) เป็นการแจ้งแหล่งที่มาของข้อความไว้ในวงเล็บ แทรกอยู่กับเนื้อหาในตําแหน่งท่ีมีการ อ้างอิงเป็นการอ้างอิงเจ้าของต่อท้ายอัญประกาศ โดยไม่ใส่หมายเลขกํากับ เป็นวิธีท่ีนิยมใช้ เน่ืองจาก มีแบบแผนตามแบบแผนสากล สะดวกและประหยัดเนอ้ื ที่ในการพิมพ์ แต่มีข้อจํากัดคือ ผู้อ่านอาจเกิด ความรําคาญจากวงเล็บท่ีมีแทรกในเน้ือหาเป็นช่วงๆ และต้องพลิกไปดูรายละเอียดเอกสารท่ีอ้างอิง จากบรรณานกุ รมอีกคร้ัง สาํ หรบั วธิ ีการเขยี นอา้ งองิ แทรกในเน้อื หา มรี ปู แบบดงั น้ี 7.3.2.1 การอา้ งอิงจากงานเขยี นชนิ้ เดยี ว มรี ปู แบบดงั ตอ่ ไปนี้ ช่อื ผ้แู ตง่ นามสกลุ , ปีที่พิมพ์ : เลขหนา้ อา้ งอิง. ตัวอย่าง ทกั ษณิ า แขมณี, 2554 : 179. 7.3.2.2 การอ้างอิงจากงานเขียนมากกว่า 1 ช้ิน ในกรณีที่มีการอ้างอิงจากงานเขียน หลายช้ินในท่ีเดียวกัน ให้เขียนไว้ภายในวงเล็บเดียวกัน โดยใช้เครื่องหมายอัฒภาค ; คั่นระหว่างงาน ทอี่ า้ งถงึ แต่ละชนิ้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ งานวจิ ยั หลายช้นิ ระบวุ า่ ...(ผสุ ดี ไกรฤกษ,์ 2535 : 75; อารี เพชรทอง : 2528) 7.3.2.3 การอ้างอิงถึงผู้แต่งที่ระบุชื่อไว้ในส่วนของเนื้อหา ใช้ในกรณีที่ผู้เรียบเรียงอ้างถึง ชอ่ื ผ้แู ต่งไว้ในเน้ือหา โดยไม่ตอ้ งเขียนชอ่ื ผู้แตง่ ซํ้าอีก มรี ปู แบบดงั น้ี 1) การอ้างอิงขอ้ ความ ตามดว้ ยขอ้ เขียน เช่น วรี พันธ์ สทิ ธพิ งศ.์ 2540 : 4) กล่าววา่ ............................................................. ................................................................................... 2) การเขยี นในลกั ษณะการเขียนเรียงความ เช่น จากการสํารวจของรัตนา สุขเจริญ (2554 : 48) พบวา่ ........................................ ...................................................................................

เอกสารประกอบการเรยี นวชิ าห้องสมุดกบั การรสู้ ารสนเทศ บทท่ี 7 การเขียนบรรณานุกรม 143 7.3.3 การเขียนเชงิ อรรถ (Footnote) การเขียนเชิงอรรถ หมายถึง การอ้างอิงข้อความท่ีแยกจากเนื้อหามาไว้ในส่วนล่างของหน้า ใช้หมายเลขกํากับท้ายข้อความท่ีคัดลอกหรือรวบรวมแนวคิดมา และท้ายหน้าใส่เส้นค่ันยาว 2 นิ้ว จากระยะขอบกระดาษดา้ นซา้ ย เชิงอรรถมี 3 ประเภทดงั รายละเอยี ดต่อไปนี้ 7.3.3.1 เชิงอรรถอ้างอิง (Reference Footnote) เป็นการบอกแหล่งที่มาของเอกสาร หรอื หลักฐานในการเขยี นงานนั้น 7.3.3.2 เชิงอรรถเสริมความ (Explanatory Footnote) เป็นการอธิบายความหมายของ คาํ หรือขอ้ ความทีค่ าดวา่ ผ้อู า่ นไม่ทราบความหมาย 7.3.3.3 เชิงอรรถโยง (Cross Reference Footnote) ใช้สําหรับโยงให้ผู้อ่านไปดูหน้าอื่น ในงานชิ้นเดยี วกันหรอื บทอนื่ ทีม่ ขี ้อมูลโดยละเอยี ดในเรื่องน้นั อย่แู ล้ว ตวั อย่างเชิงอรรถท้งั 3 ประเภท ดังแสดงในรูปท่ี 7.1 จากความจําเป็นที่แพทย์ต้องใช้สารนิเทศเพื่อการปฏิบัติงาน แต่จํานวน สารนเิ ทศทางวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีมีปริมาณเพ่ิมขึ้นอย่างรวดเร็ว “ประมาณว่า แต่ละปีมีบทความใหม่ ตีพิมพ์ออกมา 400,000 บทความ จากวารสารประมาณ 14,000 รายการ1 มีบทความปริทัศน์2 เพ่ิมข้ึนปีละ 100,000 บทความ ทําให้แพทย์ ต้องประสบปัญหาการติดตามความก้าวหน้าทางวิทยาการใหม่ๆ เน่ืองจากแพทย์ ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลร้อยละ 60 – 903 ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการวินิจฉัย และรักษาผูป้ ่วย 1สุชาดา ธินะจิตร. การสืบค้นสารสนเทศทางวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 2535. 2บทความปริทัศน์ (Review articles) เป็นข้อเขียนซึ่งรวบรวมนําความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ท่ีได้พิมพ์แล้วในวารสารต่างๆ มาวิเคราะห์ วิจารณ์ เปรียบเทียบกัน เพื่อให้เกิดความกระจ่างในเรอ่ื งน้ันๆ ยิง่ ขึ้น 3ดตู ารางท่ี 7 หน้า 35. เชิงอรรถอา้ งอิง เชิงอรรถเสริมความ เชิงอรรถโยง รปู ที่ 7.1 แสดงตัวอย่างการเขียนเชิงอรรถ

เอกสารประกอบการเรียนวิชาห้องสมุดกบั การร้สู ารสนเทศ บทที่ 7 การเขยี นบรรณานุกรม 144 7.4 การเขยี นบรรณานกุ รม ในการเขียนรายงาน ผู้เขียนจะต้องเรียบเรียงข้อมูลจากแหล่งค้นคว้าต่างๆ เพ่ือนํามาสรุป ร้อยเรียงเป็นงานของตนเอง จึงต้องมีการอ้างอิงถึงแหล่งท่ีมาของข้อมูลนั้นๆ เพ่ือความน่าเช่ือถือ และสามารถให้ผู้อ่านสามารถติดตามแหลง่ ท่มี านั้นๆ เพ่อื การค้นคว้าเพม่ิ เติมได้ 7.4.1 ความหมายของบรรณานกุ รม บรรณานุกรม หมายถงึ บัญชรี ายชื่อหรือแหล่งค้นคว้าอื่นๆ ที่นํามาใช้ค้นคว้าหรือการเขียน รายงานนั้นๆ 7.4.2 จุดมุ่งหมายของการเขยี นบรรณานุกรม 7.4.2.1 ใชใ้ นการตรวจสอบขอ้ มลู รายละเอียดของแหลง่ ข้อมูลท่ีผู้เขยี นนํามาอ้าง 7.4.2.2 ใช้เป็นข้อมูลสําหรับผู้อ่านในการติดตามอ่านรายละเอียดจากส่ิงพิมพ์หรือแหล่ง ค้นควา้ ที่อา้ งองิ 7.4.2.3 ทาํ ใหร้ ายงานมคี ณุ ค่า น่าเชอื่ ถอื 7.4.3 หลักการเขียนบรรณานุกรม การเขียนบรรณานุกรมมีหลักการเขียนโดยท่ัวไปคล้ายคลึงกัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ ผู้อ่านสามารถคน้ หาแหล่งท่ีมาของข้อมลู ท่ีนาํ มาใชอ้ ้างองิ ได้ ดงั รายละเอียดต่อไปนี้ 7.4.3.1 รปู แบบของบรรณานุกรม โครงสร้างหลักๆ ของบรรณานุกรมประกอบไปด้วย ชื่อผู้แต่ง ช่ือหนังสือ สํานักพิมพ์ และปีท่ีพิมพ์ แต่ในส่วนรูปแบบและแนวทางการเขียนแตกต่างกันไปตามแต่ละสถาบัน กําหนด หรือหากไม่ได้มีข้อกําหนดให้ทําในรูปแบบใด ให้เลือกแนวทางใดแนวทางหน่ึง โดยใช้รูปแบบ นั้นใหเ้ หมอื นกันไปตลอดเร่ือง ดงั วิธกี ารต่อไปน้ี 1) บรรทัดแรก กลางหน้ากระดาษ ตัวหนา ไม่ต้องขีดเส้นใต้ ห่างจากขอบบน 2 น้ิว กรณีมีการอ้างอิงมากกว่า 5 รายการ พิมพ์คําว่า บรรณานุกรม หากไม่ถึง 5 รายการให้ใช้คําว่า รายการอ้างอิง หนังสอื อา้ งองิ หรอื หนงั สอื อเุ ทศก์ 2) รายการอ้างอิงแต่ละรายการข้ึนต้นชิดเส้นคั่นหน้า หากรายการใดเขียนไม่พอ ในบรรทัดเดียว บรรทัดถัดไปให้เขียนห้างจากเส้นค่ันหน้า 7 ตัวอักษร เร่ิมพิมพ์ตรงกับระยะตัวอักษร ที่ 8 3) ลําดับรายการอ้างอิงให้เรียงลําดับตามตัวอักษรชื่อผู้แต่ง หรือกรณีที่ไม่ปรากฏ ชอ่ื ผ้แู ต่งใหใ้ ช้ชือ่ หนังสอื 4) กรณีผู้แต่งคนเดียวกัน มีรายการอ้างอิงมากกว่า 1 รายการ ให้ขีดเส้นยาว 7 ตัวอักษร หรือ 1.5 เซนตเิ มตร แทน โดยเรยี งลาํ ดับตามอกั ษรแรกของช่อื หนงั สอื 5) ลําดบั รายการอา้ งอิงภาษาไทยตามดว้ ยภาษาตา่ งประเทศ (ถา้ ม)ี

เอกสารประกอบการเรยี นวชิ าหอ้ งสมุดกับการรู้สารสนเทศ บทที่ 7 การเขียนบรรณานกุ รม 145 6) ถา้ ช่ือผแู้ ต่งซํา้ กัน ให้เรยี งลาํ ดับตามตัวอกั ษรแรกของนามสกลุ 7) ถ้าผู้แต่งเป็นผู้รวบรวมหรือบรรณาธิการ ให้เขียนคําว่า “ผู้รวบรวม” หรือ “บรรณาธิการ” ที่ท้ายชื่อ ส่วนหนังสือภาษาอังกฤษใช้คําว่า “Comp” หรือ “Comps” หรือ “ed.” หรือ “eds.” โดยใช้เครอ่ื งหมายจลุ ภาคค่นั เช่น ไพฑรู ย์ สนุ ทร, ผู้รวบรวม 8) ชื่อเรื่องหรือชื่อหนังสือ พิมพ์ตัวหนา ไม่ต้องขีดเส้นใต้ ให้ใช้ตามท่ีปรากฏ ในหน้าปกใน หากมีภาษาอังกฤษกํากับ ให้ใช้เฉพาะภาษาไทย กรณีมีชื่อรอง ท่ีขยายความชื่อเร่ือง ใหใ้ สต่ ามทา้ ยโดยค่นั ดว้ ยเครื่องหมายมหพั ภาคคู่ (:) 9) จํานวนเล่ม กรณีเล่มเดียวจบ ไม่ต้องระบุจํานวนเล่ม แต่หากมีหลายเล่มจบ และนํามาใช้ในการเขียนรายงานทั้งหมด ให้ระบุจํานวนเล่มทั้งหมด เช่น 4 เล่ม หรือ 4 Vols แต่หาก ใช้เฉพาะบางเล่ม ให้ระบุเลม่ ท่นี ํามาใช้ เชน่ เลม่ 2 หรอื Vol2 10) คร้งั ท่ีพิมพ์ กรณีพิมพ์ครั้งแรก ไม่ต้องระบุครั้งท่ีพิมพ์ หากมีการแก้ไขเพิ่มเติม ให้เขียนต่อท้ายพิมพ์คร้ังที่ ตัวอย่างเช่น พิมพ์คร้ังท่ี 4 หรือพิมพ์ครั้งท่ี 4 แก้ไขเพ่ิมเติม หรือ 4th ed. 4th ed, rev. and enl. 11) สถานท่ีพิมพ์ หมายถึง ช่ือเมืองท่ีเป็นสถานท่ีตั้งของสํานักพิมพ์หรือโรงพิมพ์ นั้น กรณีไม่ปรากฏช่ือเมือง ให้ใช้คําว่า “ม.ป.ท.” (ไม่ปรากฏสถานที่พิมพ์ หรือกรณีท่ีไม่ปรากฏ สํานกั พมิ พ)์ หรอื “n.p.” (no place, no publisher) ในตาํ แหน่งของสถานทพ่ี มิ พ์ 12) สํานักพมิ พ์ ใหใ้ ชช้ อื่ ของสํานกั พิมพท์ ่ปี รากฏในสว่ นของหน้าปกใน (1) กรณีเป็นสํานักพิมพ์ ให้พิมพ์เฉพาะช่ือสํานักพิมพ์ เช่น สํานักพิมพ์ไทย วัฒนาพานิช ให้ใช้คําว่า ไทยวัฒนาพานิช หากเป็นสํานักพิมพ์ต่างประเทศ ให้ตัดคําว่าบริษัทจํากัด ออก เชน่ McGraw-Hill Co. Limited ให้ใชเ้ ฉพาะ McGraw Hill (2) กรณีไม่ปรากฏสํานักพิมพ์ ให้ใช้ชื่อโรงพิมพ์ โดยระบุคําว่า โรงพิมพ์ไว้ด้วย ทุกครั้ง เชน่ โรงพิมพท์ หารผา่ นศึก โรงพมิ พ์ตํารวจ เป็นตน้ (3) กรณีเป็นส่ิงพิมพ์ของรัฐ ให้ใช้ช่ือของหน่วยงานแทนสํานักพิมพ์หรือ โรงพิมพ์ 13) ปีที่พิมพ์ หมายถึง ปี พ.ศ. หรือ ปี ค.ศ. ท่ีพิมพ์หนังสือ ซ่ึงจะปรากฏอยู่ในส่วน ของหน้าปกใน กรณไี ม่ปรากฏปที ี่พิมพ์ ให้ใชค้ ําวา่ ม.ป.ป. (ไม่ปรากฏปที พี่ มิ พ)์ หรือ n.d. (no date) 14) หากรายการเอกสารอ้างอิงมีหลากหลายประเภท นิยมจัดแยกตามประเภท ของส่ิงพิมพ์ หนังสือ บทความในหนังสือ วารสาร หรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ และใช้การเรียงลําดับ ตามตัวอกั ษรแรกของชือ่ ผู้แตง่

เอกสารประกอบการเรยี นวิชาหอ้ งสมดุ กับการรูส้ ารสนเทศ บทท่ี 7 การเขียนบรรณานกุ รม 146 7.4.3.2 โครงสร้างและตัวอย่างของรายการบรรณานุกรมของรายการอ้างอิงแต่ละประเภท มดี ังตอ่ ไปนี้ ประเภทของวสั ดุอา้ งองิ โครงสร้างและตัวอยา่ ง หนังสอื 1) กรณผี แู้ ต่งเปน็ บคุ คล โครงสร้าง : ชื่อผู้แต่ง. ช่ือหนังสือ. พิมพ์คร้ังท่ี, ช่ือจังหวัด : ช่ือสํานักพิมพ์, ปี พ.ศ. 2) กรณผี แู้ ตง่ เป็น สถาบนั ท่พี มิ พ.์ ตวั อยา่ ง : 3) กรณีไมป่ รากฏ สุรางค์ โค้วตระกลู . จิตวิทยาการศกึ ษา. พมิ พค์ ร้ังท่ี 6, กรงุ เทพมหานคร : ชอ่ื ผ้แู ต่ง จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 2548. หนงั สอื แปล ตวั อยา่ ง : สาํ นกั งานเลขาธกิ ารคุรุสภา. พระราชบัญญตั สิ ภาครแู ละบุคลากรทางการ วารสาร ศึกษา พ.ศ. 2546. กรงุ เทพมหานคร : ครุ ุสภาลาดพร้าว, 2546. ตัวอย่าง : เศรษฐกจิ พอเพยี งคอื อะไร?. พิมพ์ครั้งที่ 4, กรุงเทพมหานคร : กลุ่มงาน เศรษฐกิจพอเพียงและธนาคารสมอง. 2549. โครงสร้าง : ชือ่ ผแู้ ตง่ . ช่อื เร่อื ง. แปลโดยผแู้ ปล. สถานทพี่ มิ พ์ : สํานักพิมพ,์ ปที พี่ ิมพ.์ ตัวอยา่ ง เอปสโตร,์ โจเซฟ. กลวิธสี คู่ วามสาํ เรจ็ : ประสบการณ์จากคนอเมริกนั . แปลโดย มจ.ประสบสขุ สขุ สวสั ด.์ิ กรงุ เทพฯ : แพร่พิทยา, 2528. โครงสร้าง : ช่ือผู้เขียนบทความ. “ช่ือบทความ,” ชื่อวารสาร. ปีท่ีหรือเล่ม, ฉบับท่ี, ปที พี่ ิมพ์ (เดือน ป)ี : เลขหน้า. ตัวอยา่ ง : ศศิธร ชันติธรางกูร. “การจัดการชั้นเรียนของครูมืออาชีพ,” ครุศาสตร์. 1, 2 (มนี าคม 2551) : หนา้ 11 – 18.

เอกสารประกอบการเรยี นวิชาห้องสมดุ กบั การรสู้ ารสนเทศ บทท่ี 7 การเขยี นบรรณานกุ รม 147 ประเภทของวสั ดุอา้ งอิง โครงสรา้ งและตัวอย่าง จุลสาร พจนานุกรม โครงสร้าง : สารานกุ รม ช่ือผ้แู ต่ง. ชื่อจุลสาร. ช่อื จังหวัด : ชอื่ สาํ นกั พมิ พ,์ ปีที่พมิ พ.์ ตัวอย่าง : วทิ ยานพิ นธ์ กอ่ งแกว้ วีรประจกั ษ.์ การทาํ สมุดไทยและการเตรียมใบลาน. กรุงเทพฯ : หนังสอื พมิ พ์ โรงพิมพ์ไพศาลศิริ, 2550. โครงสรา้ ง : ชื่อผู้แตง่ . ชอื่ พจนานุกรม. พิมพ์ครงั้ ที่, จังหวัด : ช่อื สํานักพิมพ,์ ปีที่พิมพ์. ตัวอยา่ ง : วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม. พจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษ-ไทย. กรุงเทพฯ: อักษรพิทยา, 2541. โครงสร้าง : ช่ือผเู้ ขียนบทความ. “ชื่อบทความ.” ช่ือสารานุกรม. เลขเลม่ ทใ่ี ช้ (เลขปีท่พี ิมพ)์ หมายเลขหนา้ . ตัวอย่าง : สะอาด หงษ์ยนต์. “กระดาษ.” สารานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน. 1 (2498 – 2499), หน้า 53 – 54. โครงสร้าง : ช่ือผู้เขียนวิทยานิพนธ์. ชื่อวิทยานิพนธ์. ระดับวิทยานิพนธ์. ช่ือแผนก วชิ าหรอื ภาควิชา ชอ่ื คณะ ช่อื มหาวิทยาลยั , ปที ีพ่ ิมพ์. ตัวอยา่ ง : ไข่มุก เสาวจันทร์. ปัจจัยในการเลือกเรียนอาชีวศึกษาของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 3 ในจังหวัดปทุมธานี. วิทยานิพนธ์การศึกษา มหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารอาชีวศึกษา สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกลา้ เจ้าคุณทหารลาดกระบงั , 2543. โครงสร้าง : ชอื่ ผเู้ ขียนบทความ. “ช่อื บทความ,” ช่ือหนงั สอื พมิ พ.์ (วนั เดอื น ป)ี : เลขหนา้ . ตัวอย่าง : วทิ ยากร เชียงกุล. “ปฏิรปู การศกึ ษาต้องใชป้ ัญญามากกว่าอ้างว่าไมม่ ี งบประมาณ,” มตชิ น. (6 กุมภาพันธ์ 2545) : หน้า 6.

เอกสารประกอบการเรียนวชิ าห้องสมดุ กบั การรู้สารสนเทศ บทท่ี 7 การเขยี นบรรณานกุ รม 148 ประเภทของวสั ดุอ้างอิง โครงสร้างและตวั อยา่ ง การสัมภาษณ์ โครงสร้าง : เอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ผ้ใู หส้ ัมภาษณ์. ตาํ แหน่ง (ถา้ ม)ี . ช่ือเรือ่ ง. สัมภาษณ์ สถานท,ี่ วัน เดอื น ปี. ตวั อย่าง : จติ รฤดี ตรวี งศ์. ประธานจดั งาน. งานไลทแ์ อนดซ์ าวด์ สะพานขา้ มแมน่ าํ้ แคว. สัมภาษณ์ ณ หอ้ งสมุดประชาชน อาํ เภอบ่อพลอย จงั หวดั กาญจนบรุ ,ี 9 สงิ หาคม 2546. แม้นมาส ชวลติ , คณุ หญิง. นายกสมาคมหอ้ งสมดุ แหง่ ประเทศไทย. สมั ภาษณ์, 11 มีนาคม 2537. โครงสรา้ ง : ชอ่ื ผู้เขยี นบทความ. “ช่ือบทความ,” ชอื่ เรอื่ ง. ประเภทที่เขา้ ถึง ระบุ เปน็ ออนไลน์ [Online] หรอื ซีดรี อม [CD-ROM] เข้าถึง เมือ่ วนั เดือน ปี. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก (ภาษาอังกฤษใช้คาํ วา่ Available) ทอี่ ยเู่ วบ็ ไซต.์ ตวั อยา่ ง : วัฒนา ปุญญฤทธ์ิ. บทบาทครูในการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้. [ออนไลน์] เข้าถึงเม่ือ 7 มกราคม 2555. เข้าถึงได้จาก http://www.ponnyarit.com/article Meade, Melinda S. \"Thailand.\" Compton's Interactive Encyclopedia. [CD-ROM]. Available: Compton's Interactive Encyclopedia. 1994. 7.4.3.3 รายละเอยี ดเก่ียวกับผู้แต่ง 1) ผ้แู ต่งทเ่ี ป็นบคุ คลหรือกลุ่มบุคคล ประเภท โครงสรางและตวั อยาง สามัญชน โครงสร้าง : ชอื่ ชอื่ สกุล. (ไม่ตอ้ งใส่คํานาํ หนา้ นาม ตาํ แหนง่ หรือยศ นาย นาง นางสาว นายแพทย์ ดร. รศ. ศ.) ตวั อย่าง : สญั ญา ธรรมศักด์.ิ (ไมต่ ้องใสศ่ าสตราจารย์นาํ หนา้ ) ประสพ รัตนากร. (ไม่ตอ้ งใส่นายแพทย์นาํ หน้า)

เอกสารประกอบการเรยี นวชิ าหอ้ งสมดุ กบั การรสู้ ารสนเทศ บทท่ี 7 การเขยี นบรรณานกุ รม 149 ประเภท โครงสรา้ งและตวั อย่าง ผมู้ ฐี านนั ดรหรือ โครงสร้าง : บรรดาศกั ดิ์ ชือ่ ช่อื สกุล, ฐานันดรศกั ดิห์ รอื บรรดาศักด์ิ. ตวั อยา่ ง : เทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ าร,ี สมเดจ็ พระ คกึ ฤทธ์ิ ปราโมทย์, ม.ร.ว. วิจติ ร วาทการ, หลวง พุ่ม, คุณ พระภิกษ/ุ สามเณร โครงสรา้ ง : ช่อื ตวั ฉายานาม, พระภิกษหุ รอื สามเณร ตัวอย่าง : ประเสริฐ, สามเณร ชาวตะวนั ตก : สามัญชน โครงสรา้ ง : ชื่อสกลุ ชอื่ ตน้ และชอื่ กลาง (ถา้ ม)ี ตัวอยา่ ง : เชกเปียร,์ วิลเลียม มลิ ล,์ ยอรจ เจ ชาวตะวนั ตก : โครงสร้าง : ผู้มีฐานนั ดรศกั ด์ิ บรรดาศักด์ิและชื่อต้น ตัวอยา่ ง : กอรด์ อน, ลอร์ด ยอรจ์ เวลลิงตัน, อาเธอร,์ เวลเลสเลย,์ ดยกุ แห่ง ชาวตะวันตก : ราชสกลุ โครงสร้าง : วงศ์ ชอื่ เตม็ , ตาํ แหนง่ และชอื่ ดนิ แดนในปกครอง ตวั อยา่ ง : ไดอาน่า, เจา้ หญิงแหง่ เวลล์ ฮโี รฮิโต, จกั รพรรดแิ ห่งญีป่ ุ่น เอลิซาเบทที่ 2, ราชินีแห่งสหราชอาณาจกั ร

เอกสารประกอบการเรียนวิชาหอ้ งสมดุ กบั การรสู้ ารสนเทศ บทท่ี 7 การเขียนบรรณานุกรม 150 2) ผแู้ ต่งทเ่ี ปน็ องค์กร ประเภท โครงสร้างและตวั อย่าง หน่วยงานของรัฐระดับ โครงสร้าง : กรมขนึ้ ไป ชอ่ื เฉพาะ, ชอ่ื บอกสถานภาพ ตัวอยา่ ง : คมนาคม, กระทรวง กรมฝกึ หดั , กรม หน่วยงานย่อยท่ีตํ่ากว่า โครงสร้าง : ระดับกรม ชื่อเฉพาะของหน่วยงาน, ช่ือบอกสถานภาพระดับกรม ชอื่ หนว่ ยงานย่อย นัน้ ๆ ตัวอยา่ ง : สง่ เสริมการสง่ ออก, กรม กองสํารวจและวจิ ยั ธรรมศาสตร์, มหาวทิ ยาลยั ราชวถิ ี, โรงพยาบาล วิทยาลยั พยาบาล เชยี งใหม่, เทศบาลเมือง ชื่อหนว่ ยงานที่ใชช้ ื่อว่า โครงสร้าง : สํานกั งาน ช่ือเฉพาะของหน่วยงานท่ีสงั กัด, ชอื่ บอกสถานภาพ ช่อื หนว่ ยงานนั้นๆ โครงการ ตัวอยา่ ง : ศูนย์ ศกึ ษาธกิ าร, กระทรวง สํานกั ปลัด ชมรม กาญจนบุร,ี สํานกั งานแรงงานจงั หวัด ชุมนมุ กรงุ เทพมหานคร ศูนย์เยาวชนปทุมวนั มหิดล, มหาวิทยาลัย ชมรมนิเวศวิทยา องค์กรอน่ื ๆ โครงสรา้ ง : ชื่อเฉพาะขององคก์ ร, ชอ่ื บอกสถานภาพขององคก์ ร ตวั อยา่ ง : สายใจไทย, มลู นิธิ ศรนี คร จํากดั , ธนาคาร ยาสบู , โรงงาน ปอ้ งกนั ราชอาณาจกั ร, วทิ ยาลยั บณั ฑิตพฒั นบรหิ ารศาสตร์, วทิ ยาลยั

เอกสารประกอบการเรียนวชิ าหอ้ งสมุดกับการรสู้ ารสนเทศ บทท่ี 7 การเขยี นบรรณานุกรม 151 3) กลุ่มผู้แต่งทมี่ เี ง่ือนไข ประเภท โครงสรา้ งและตัวอย่าง ผู้แต่ง 2 คน โครงสร้าง : ผู้แตง่ 3 คน ชื่อผู้แตง่ 1 และช่ือผแู้ ตง่ 2 ตวั อย่าง : ผู้แตง่ มากกว่า 3 คน นงเยาว์ กลุ สมบรู ณ์ และบญุ ทตั สวสั ดิ์ สวัสดวิ ัฒน,์ มจ. นามแฝงผู้แตง่ (กรณี โครงสรา้ ง : ทราบชื่อจรงิ ) ชอ่ื ผแู้ ตง่ 1, ช่ือผ้แู ตง่ 2 และชอ่ื ผแู้ ตง่ 3 ตวั อยา่ ง : นามแฝงผู้แตง่ (กรณี ศรีสรุ างค์ ทนี ะกลุ , สมจติ ต์ รัตนอุดมโชค และทรงศักดิ์ นิธปี รีดา. ไมท่ ราบชื่อจรงิ ) โครงสร้าง : ชือ่ ผ้แู ต่งคนแรก และคณะ หรือชือ่ ผู้แตง่ คนแรก และคนอน่ื ๆ (ภาษา ต่างประเทศใช้คําว่า “and others” หรือ “et.al” ตัวอยา่ ง : สโุ ข มอี ินทรเี กิด และคนอ่ืนๆ วฒุ ชิ ยั จาํ นงค์ และคณะ โครงสรา้ ง : ชื่อนามแฝง (นามจรงิ ). ตวั อย่าง : คิดลกึ (ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช) ไก่เขยี ว (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจา้ อยู่หัว) โครงสรา้ ง : ชือ่ นามแฝง (นามจริง). ช่อื หนังสอื . ตวั อยา่ ง : หญงิ นนั ทาวดี

เอกสารประกอบการเรียนวิชาหอ้ งสมุดกับการรูส้ ารสนเทศ บทท่ี 7 การเขยี นบรรณานกุ รม 152 ประเภท โครงสรา้ งและตัวอย่าง ผูแ้ ปล (กรณที ราบช่อื ผู้แปล) โครงสร้าง : ชอ่ื ผู้แปล, ผูแ้ ปล. ชอ่ื หนงั สือ ผู้รวบรวม (Comp.) วิลเลอร,์ เวลเมอร.ี ผ้แู ปลเฉลิมพงษ์ จริ ะรตั น.์ บรรณาธกิ าร (ed.) สตีเวนสนั , วิลเลยี ม. นายอนิ ทร์ผู้ปิดทองหลงั พระ. ทรงแปล โดย พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั ภมู พิ ลอดุลยเดชฯ. กรุงเทพมหานคร : อมรนิ ทรพ์ ริ้นต้ิง แอนด์พับลชิ ชงิ่ , 2536. โครงสร้าง : ชือ่ ผู้แตง่ , บรรณาธกิ าร/ผรู้ วบรวม ตวั อย่าง : ทวน วิริยาภรณ,์ ผ้รู วบรวม Downs, R. b, ed.

เอกสารประกอบการเรียนวชิ าหอ้ งสมดุ กับการรสู้ ารสนเทศ บทท่ี 7 การเขยี นบรรณานกุ รม 153 ใบงานบทท่ี 7 การเขยี นรายงาน คาํ สัง่ ตอบคําถามต่อไปนี้ 1. บอกความหมายของคําตอ่ ไปน้ี - การอา้ งอิง - บรรณานกุ รม - อัญประกาศ - เชงิ อรรถ 2. บอกสําคญั ของการอา้ งอิง 3. จดุ มงุ่ หมายของการเขยี นบรรณานกุ รมคืออะไร 4. วิธกี ารเขยี นบรรณานุกรมมีหลักการอย่างไรบา้ งบอกมาอยา่ งนอ้ ย 6 ข้อ 5. ยกตวั อยา่ งการเขียนบรรณานกุ รมของวัสดุอ้างองิ ต่อไปน้ี - หนงั สือ - วิทยานิพนธ์ - วารสาร - หนังสือพิมพ์ - พจนานกุ รม - เวบ็ ไซต์ (เอกสารอเิ ล็กทรอนกิ ส)์ 6. บอกหลกั การพรอ้ มยกตัวอย่างของการเขียนชื่อผแู้ ต่งในบรรณานกุ รมต่อไปน้ี - ผแู้ ต่ง 1 คน - ผแู้ ตง่ 3 คน - ผแู้ ต่ง 2 คน - ผแู้ ต่ง 4 คน 7. จงเขียนบรรณานุกรมของรายการวัสดุอ้างองิ ต่อไปน้ี โดยเรยี งลําดับตามช่ือผูแ้ ตง่ เขยี นในรปู แบบ และกฎเกณฑก์ ารเขียนบรรณานกุ รมทถ่ี ูกต้อง ช่อื หนงั สอื ดิจิตอลอเิ ลก็ ทรอนิกส์ จงั หวัด กรุงเทพมหานคร ชอ่ื ผแู้ ตง่ ยืน ภ่วู รวรรณ ปีที่พมิ พ์ 2550 สํานักพิมพ์ ซีเอ็ดยูเคชน่ั ครัง้ ทพ่ี มิ พ์ 3 ช่อื หนงั สอื สถติ เิ พ่อื การวิจัย ชื่อผู้แต่ง กานดา พนู ลาภทวี, ผสุ ดี ทพิ ทสั , มานพ พงศทตั โรงพมิ พ์ ฟิสกิ ส์เซ็นเตอร์ จังหวดั กรงุ เทพมหานคร ปที พ่ี ิมพ์ 2552 ครั้งทพ่ี มิ พ์ 4

เอกสารประกอบการเรยี นวชิ าห้องสมดุ กบั การรู้สารสนเทศ บทท่ี 7 การเขียนบรรณานุกรม 13535 ชื่อหนังสอื สารนเิ ทศกบั การศึกษาค้นควา้ ชอื่ ผู้แตง่ พรรณพไิ ล เสกสทิ ธ์, ประเสรฐิ คงคะเสน, พรี ะศักดิ์ จนั ทรประทีป, ฉววี รรณ สวัสดี โรงพมิ พ์ สวุ วี ริ ิยาสาส์น จงั หวัด กรงุ เทพมหานคร ปีท่ีพมิ พ์ 2552 คร้งั ทพี่ มิ พ์ 1 ช่ือวารสาร ความรู้ทว่ั ไปเกยี่ วกบั การทาํ หนงั สือพิมพ์ ช่อื บทความ การจัดหน้าหนังสอื พิมพ์ ชือ่ ผเู้ ขยี นบทความ โชตมิ า พรหมมิ โรงพิมพ์ เรือนอักษร จงั หวดั กรุงเทพมหานคร ปที ี่พมิ พ์ กนั ยายน 2554 ฉบบั ที่ 245 หน้าที่ 11 – 15 ช่ือวิทยานพิ นธ์ การพัฒนาเอกสารประกอบการเรยี นภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสถานท่ที อ่ งเที่ยว สาํ หรับนกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 ในจงั หวัดประจวบคีรขี นั ธ.์ ช่ือผู้จดั ทาํ ประคองศรี สายทอง. การศกึ ษาระดบั มหาบัณฑติ มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช ปพี .ศ.ท่จี บ 2545 ชอ่ื บทความ การตรวจสอบคณุ ภาพของสอื่ การสอน ชื่อผูเ้ ขียนบทความ ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ ชื่อเวบ็ ไซต์ http://inno-sawake.blogspot.com/ 2008/ 07/4.html วนั ทเ่ี ขา้ ถงึ เวบ็ ไซต์ 12 พฤศจกิ ายน 2555

เอกสารประกอบการเรยี นวิชาห้องสมุดกับการรสู้ ารสนเทศ บทที่ 7 การเขยี นบรรณานกุ รม 113546 8. จงเขยี นบรรณานุกรมจากขอ้ มลู ในหนา้ ปกในตอ่ ไปนี้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook