Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ไม้ebook

ไม้ebook

Published by dekdeedusit, 2020-05-09 04:54:00

Description: ไม้ebook

Keywords: wood,ไม

Search

Read the Text Version

ไม้ WOOD

หน่วยที ไม้ (WOOD) กรอบการจดั การเรียนรู้บูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มีเหตุมผี ล พอประมาณ มภี ูมคิ ้มุ กนั 1. วิเคราะหร์ ูปแบบการเลือกใชไ้ ม้ 3. เลือกใชไ้ มไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม 6. ปฏิบตั ิงานตามขนั ตอนทีได้ 2. วเิ คราะหก์ ารสูญเสียทจี ะเกดิ ขึน 4. ปฏิบตั ิงานตามแผน-ปัจจยั วางแผนไวอ้ ยา่ งรอบคอบ จากการทาํ งานได้ เพอื ใหบ้ รรลุจดุ มงุ่ หมาย 7. ปฏิบตั ิงานโดยคาํ นึงถึงความ 5. ใชไ้ มใ้ หเ้ กิดประโยชน์และ ปลอดภยั ความรู้ คุม้ คา่ มากทีสุด 8. สอบถามขอ้ มูล/ความรู้เพิมเติม * ความสาํ คญั ของไม้ จากผรู้ ู้ * โครงสร้างและองคป์ ระกอบ ไม้ คณุ ธรรม ของเนือไม้ * ลกั ษณะหนา้ ตดั ของไม้  รอบคอบ ใฝ่ รู้ มคี วามคดิ ริเริม * ลายไม้ และตาํ หนิของไม้  รับผดิ ชอบตอ่ งานทีไดร้ ับ * ประเภทและคุณสมบตั ิของ ไม้ * ขนาดและมาตรฐานไม้ ก่อสร้าง มอบหมาย * การเลือกใชไ้ ม้  สามารถทาํ งานร่วมกนั เป็นทีม * การเก็บไม้ การป้องกนั และการ  ใหค้ วามช่วยเหลือ ร่วมมือ  มีไหวพริบทีดี รู้จกั การแกไ้ ข รักษาเนือไม้ ปัญหาเฉพาะหนา้ เศรษฐกจิ สังคม สิงแวดล้อม วฒั นธรรม

หน่วยที ไม้ สาระการเรียนรู้ . ความสาํ คญั ของไม้ 1.2 โครงสร้าง และองคป์ ระกอบของเนือไม้ . ลกั ษณะหนา้ ตดั ของไม้ . ลายไม้ และตาํ หนิของไม้ . ประเภท และคณุ สมบตั ิของไม้ . ขนาดและมาตรฐานไมก้ ่อสร้าง . การเลือกใชไ้ ม้ . การเกบ็ ไม้ การป้องกนั และการรักษาเนือไม้ สาระสําคัญ ไม้ เป็นทรัพยากรธรรมชาติทีมีความสาํ คญั และมีประโยชน์มากมายต่อการดาํ รงชีวิตของมนุษย์ ทงั ทางตรงและทางออ้ มมาตงั แตส่ มยั โบราณ ซึงมนุษยไ์ ดน้ าํ ไมม้ าใชป้ ระโยชน์ในรูปแบบตา่ ง ๆ หลายอยา่ ง เช่น ใชไ้ มเ้ ป็นเชือเพลิงในการหุงตม้ อาหาร ก่อเพงิ เป็นทีพกั อาศยั ทาํ เป็นลูกดอก ทาํ เป็นอปุ กรณ์ต่าง ๆ ทีใช้ ในชีวติ ประจาํ วนั ปัจจุบนั เทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้าขึน มนุษยจ์ ึงนาํ เทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ในการผลิต ผลิตภณั ฑไ์ ม้ และไดผ้ ลิตภณั ฑไ์ มท้ ีสวยงามจนเป็นทีนิยม และมีคุณคา่ ในครัวเรือนอย่างแพร่หลาย เช่น โตะ๊ เกา้ อี ตู้ บานประตู หนา้ ต่าง ชนั วางของ ฯลฯ จะเห็นไดว้ า่ ไมม้ ีความสําคญั ต่อมนุษยเ์ ป็นอยา่ งมาก ดงั นนั เราควรจะตอ้ งมีความรู้พืนฐานเรืองของไม้ เพือสามารถเลือกใชไ้ มใ้ นชีวิตประจาํ วนั ไดอ้ ย่างเหมาะสมตาม คุณลกั ษณะของไม้ ลกั ษณะของงานทีตอ้ งการบูรณาการตามแนวทางหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ให้ มีคณุ ลกั ษณะทีพึงประสงค์ อยใู่ นสังคมไดอ้ ยา่ งมีความสุข จดุ ประสงค์การเรียนรู้ จุดประสงค์ทัวไป เพือให้นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจเกียวกับความสําคัญ โครงสร้าง องค์ประกอบของไม้ ลกั ษณะหน้าตดั ลายไม้ ตาํ หนิของไม้ และมาตรฐานของไม้ อุตสาหกรรมไมอ้ ดั ประเภท และคุณสมบตั ิ ของไม้ การป้องกนั รักษาเนือไม้

จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม เพือใหน้ กั เรียน 1. บอกความสาํ คญั ของไมไ้ ด้ . อธิบายโครงสร้าง และองคป์ ระกอบของไมไ้ ดถ้ ูกตอ้ ง . บอกลกั ษณะหนา้ ตดั ลายไม้ และตาํ หนิของไมไ้ ด้ . อธิบายมาตรฐานไม้ เลือกใช้ และเรียกชือไมท้ ีใชใ้ นงานก่อสร้างไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง . อธิบายวิธีการผลิตไมอ้ ดั และบอกประเภทของไมอ้ ดั ไดถ้ ูกตอ้ ง . บอกประเภท และคณุ สมบตั ิของไมไ้ ดถ้ ูกตอ้ ง . อธิบายวธิ ีป้องกนั และรักษาเนือไมไ้ ด้

ไม้ (WOOD) 1. ความสําคญั ของไม้ ไม้ เป็ นวสั ดุก่อสร้างทีใช้ในการสร้างทีอยู่อาศยั แมน้ ว่าในปัจจุบนั ไมจ้ ะกลาย เป็ นวสั ดุทีหายาก และแพงกว่าวสั ดุทดแทนอย่างอืน แต่ไมก้ ็ยงั เป็ นส่วนประกอบหลกั ทียงั จาํ เป็ นตอ้ งใช้ เช่น วงกบ ประตู หน้าต่าง ตลอดจนถึงผลิตภณั ฑ์ทีใช้ตกแต่งภายในบา้ น ทีสําคญั ไดแ้ ก่ วงกบประตู หน้าต่าง บานประตู หนา้ ตา่ ง แมบ่ นั ได ขนั บนั ได พืนในร่ม ใชท้ าํ เครืองเรือน และเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ไม้ มีความสาํ คญั ตอ่ การดาํ รงชีวิตดงั นี 1.1 ใชก้ ารสร้างบา้ นพกั อาศยั ศาลา สะพาน เรือชนิดต่างๆ เป็นตน้ 1.2 ใชใ้ นการประดิษฐ์สิงของ เครืองมือ เครืองใช้ต่างๆ ในการดาํ รงชีวิตประจาํ วนั เช่น กบไสไม้ โตะ๊ เกา้ อี ตู้ เตียง เป็นตน้ 1.3 ใช้ในการสร้างงานทางศิลปะ เช่น พระพุทธรูป การตกแต่งภายในภายนอกอาคารสถานที ตา่ งๆ เป็นตน้ 2. โครงสร้างและองค์ประกอบของต้นไม้ โครงสร้างของตน้ ไมม้ ีส่วนประกอบทีสาํ คญั ส่วนคือ . ราก รากของตน้ ไมท้ ุกตน้ มีหนา้ ทียดึ กบั พืนดินไม่ให้ตน้ ไมล้ ม้ ทาํ ใหต้ น้ ไมย้ นื อยไู่ ด้ และทาํ หนา้ ทีดูดสารอาหารส่งผา่ นลาํ ตน้ ไปสู่ใบ . ลําต้น ลําต้นของต้นไม้ทุกต้นมีหน้าทีเป็ นโครงสร้างของต้น และทําหน้าทีลําเลียง สารอาหารไปยงั ใบทกุ ส่วน 2.3 ใบ ใบของตน้ ไมท้ กุ ตน้ ทาํ หนา้ ทีรับแสงอาทิตยเ์ พือนาํ มาปรุงอาหาร เมือเสร็จแลว้ กส็ ่งไป ยงั เยอื เจริญซึงอยใู่ นลาํ ตน้ ทาํ ใหล้ าํ ตน้ มีการเจริญเติบโตตามลาํ ดบั ดูตามภาพที (ใบ) (ลาํ ตน้ ) (ลาํ ตน้ ) (ราก) ภาพที แสดงส่วนตา่ งๆ ของตน้ ไม้ และหนา้ ที

โครงสร้างของตน้ ไมป้ ระกอบดว้ ยเซลล์ (Cell) หรือเสน้ ใย (Fiber) ในลกั ษณะตา่ ง ๆ เพือทาํ การ ยดึ เกาะกนั จนเป็นรูปตน้ ไมข้ ึนมา ดงั นนั จึงแบ่งเซลลอ์ อกตามลกั ษณะของการเรียงตวั ดงั แสดงในภาพที โดยสามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น ชนิด คือ เซลลท์ ีเรียงตวั ไปตามแนวขวางของลาํ ตน้ เรียกวา่ เซลลร์ ังสี (Ray Cell) และเซลลท์ ีเรียงตวั ยาวไปตามลาํ ตน้ เรียกวา่ เซลลไ์ ม้ (Wood Cell) โดยทวั ไปเซลลต์ ่างๆ ของตน้ ไม้ ยงั สามารถแบง่ ออกตามหนา้ ทีการทาํ งานออกไดอ้ ีก ชนิด คอื . เซลล์สะสม (Storage Tissue) ซึงทาํ หน้าทีสะสมอาหารไวใ้ นลาํ ตน้ ซึงโดยทวั ไปผนังของ เซลลจ์ ะบางและมีรูปร่างเป็นเหลียมแบน . เซลลล์ าํ เลียง (Conducting Tissue) ซึงทาํ หนา้ ทีลาํ เลียงธาตุอาหารต่าง ๆ ซึงโดยทวั ไปจะมี ขนาดเซลลใ์ หญ่และมีผนงั เซลลบ์ าง . เซลลค์ าํ จุน (Supporting Tissue) ซึงทาํ หนา้ ทีใหค้ วามแข็งแรงแก่ลาํ ตน้ ซึงโดยทวั ไปจะเป็ น เซลลท์ ีมีขนาดเลก็ แตม่ ีผนงั เซลลห์ นา ดูตามภาพที ภาพที แสดงลกั ษณะการเรียงตวั ของเซลลต์ า่ ง ๆ ของไม้ ทีมา : กวี หวงั นิเวศนก์ ุล, ลกั ษณะการเรียงตวั ของเซลล์นนั อาจจะเรียงตวั ตามแนวยาวขนานกบั ลาํ ตน้ หรือขวางกบั ลาํ ตน้ ก็ ได้ ซึงขึนอยกู่ บั ชนิดของไม้ ซึงตวั เซลลน์ นั จะประกอบดว้ ยผนงั เซลล์ (Cell Wall) และเยอื ชีวติ (Protoplasm) อยู่ภายในเซลล์ โดยเมือเซลล์เจริญเต็มทีก็จะตาย และเยือชีวิตก็จะกลายเป็ นเนือไม้ ดงั นัน ผนงั เซลลจ์ ะมี ส่วนประกอบของสารเซลลูโลส (Cellulose) อยู่ประมาณ % โดยส่วนใหญ่จะอยู่ทีผนังเซลล์และลิกนิน (Lignin) อยปู่ ระมาณ % โดยอยรู่ ะหวา่ งเซลลต์ ่อเซลล์ ซึงทาํ หนา้ ทีเชือมประสานเซลลใ์ ห้ตดั กนั เป็นเนือไม้ นอกจากนนั จะเป็ นส่วนประกอบจากสารอืนๆ ซึงการเจริญเติบโตของตน้ ไม้ โดยจะเกิดจากการเพิมเซลล์ ทางสูงของลาํ ตน้ มากกว่าทางดา้ นขา้ ง ทาํ ใหก้ ารเจริญเติบโตของตน้ ไมใ้ นแต่ละรอบปี จะทาํ ให้เกิดเสน้ วงรอบ ปี ขึน แตถ่ า้ ในปี ใดมีความแหง้ แลง้ มากเส้นวงรอบปี ก็จะมีสีจางลง ดูตามภาพที

(ก) โครงสร้างของเซลลไ์ มเ้ นือแขง็ (ข) โครงสร้างเซลลไ์ มเ้ นืออ่อน ภาพที แสดงโครงสร้างการเรียงตวั ของเซลลข์ องไม้ ทีมา : กวี หวงั นิเวศน์กุล, 3. ลกั ษณะหน้าตัดของไม้ หากตดั ขวางลาํ ตน้ ของตน้ ไมข้ นาดใหญ่ (ทีมีอายุ ปี ขึนไป) ใหเ้ ป็นแผน่ บางคลา้ ยเขยี ง ดงั ภาพ ที จะมองเห็นไดว้ ่า ลาํ ตน้ ไมป้ ระกอบดว้ ยส่วนใหญ่ ๆ ส่วน คือ เปลือกไมก้ บั เนือไม้ โดยมีเยือเจริญ (Cambium) ซึงเป็นเซลลช์ นั บาง ๆ คนั อยู่ทีทาํ หนา้ ทีเกียวกบั การเจริญเติบโตของตน้ ไม้ แต่หากพิจารณาให้ ละเอียดมากขึนจากเปลือกชันนอกเข้าหาไส้หรือใจไม้ทีอยู่กลางลําต้น จะเห็นว่าลาํ ต้นของต้นไม้จะ ประกอบดว้ ยส่วนตา่ ง ๆ ทีสาํ คญั ส่วน ดงั ต่อไปนี

3.1 เปลือกไมช้ นั นอก (Outer Bark) ซึงเป็นส่วนทีอยนู่ อกสุดของลาํ ตน้ โดยเป็นเซลลท์ ีตายแลว้ และแห้งแข็ง มีหนา้ ทีห่อหุ้มลาํ ตน้ ไวเ้ พือป้องกันอนั ตรายให้กบั ลาํ ตน้ เช่น การกดั แทะ และการเสียดสี เป็ นตน้ . เปลือกชันใน (Inner Bark) ซึงเป็ นเซลล์ทียงั มีชีวิต มีหน้าทีลําเลียงอาหารทีผ่านการ สังเคราะห์แลว้ จากใบโดยส่งไปเลียงส่วนตา่ งๆ ของลาํ ตน้ เพือใหไ้ มม้ ีการเจริญเติบโต . เส้นวงรอบปี (Annual Growth Ring) ซึงเป็ นเส้นทีบ่งบอกถึงแนวต่อของไมท้ ีเจริญเติบโต ขนึ มาในแตล่ ะรอบปี หรือแต่ละฤดู ซึงถา้ ไมอ้ ยใู่ นทอ้ งถินทีมีความอุดมสมบูรณ์มาก จะมีระยะห่างของเส้น วงรอบปี นีก็จะห่างมาก สีของเส้นจะจาง แต่ถา้ ในทอ้ งถินทีใดไม่มีความสมบูรณ์หรือแหง้ แลง้ เส้นวงรอบ ปี ก็จะถี ซึงบ่งบอกถึงการเจริญเติบโตทีชา้ สีของเส้นจะเขม้ ซึงโดยปกติประมาณกนั วา่ เส้นวงรอบปี หนึง เส้นจะเท่ากบั อายุของตน้ ไมห้ นึงปี แตย่ กเวน้ ตน้ ไมบ้ างชนิด เช่น ไมส้ กั ในบางปี ทีสมบูรณ์มากก็อาจจะมี ถึง วง หรือกรณีตน้ ไมท้ ีเกิดใบร่วงหมดตน้ กอ็ าจจะทาํ ใหก้ ารเจริญเติบโตไมค่ รบวงรอบ . เยือเจริญ (Cambium) ซึงเป็นเซลลบ์ าง ๆ ทีมีชีวิตอย่รู ะหว่างกระพีกบั เปลือกชนั ใน ซึงการ เจริญเติบโตของเนือไม้ และเปลือกไมจ้ ะเกิดจากการแบ่งเซลลข์ องเยือเจริญ เซลลเ์ ยือเจริญทีแบ่งอยดู่ า้ นใน ก็จะกลายเป็นเนือไม้ ซึงเซลลท์ ีแบ่งตวั ดา้ นนอกก็จะกลายเป็นเปลือกชนั ใน โดยจะค่อยๆ ขยายตวั ตามการ เติบโตของลาํ ตน้ โดยจะไปดนั เปลือกชนั นอกใหแ้ ตกเป็นลายหรือเป็นร่องต่าง ๆ ตามทีเราไดเ้ ห็นกนั ทวั ไป . กระพี (Sapwood) ซึงเป็นส่วนทีอยถู่ ดั ออกมาจากไมแ้ ก่น ซึงอยรู่ ะหวา่ งเปลือกชนั ใน และ ไม้ แก่ โดยเนือกระพีจะมีสีจางกว่าไมแ้ ก่น มีหน้าทีลาํ เลียงธาตุอาหารต่างๆ ไปสู่ใบ อีกทงั เป็ นทีเก็บสะสม อาหารจาํ พวกแป้งและนาํ ตาล โดยเมือตน้ ไมเ้ จริญเติบโต เนือไมท้ ีงอกขึนมาใหม่ก็จะทาํ หนา้ ทีแทนกระพี เดิม โดยกระพีเดิมกจ็ ะกลายเป็นไมแ้ ก่นแทนต่อไป . ไมแ้ ก่น (Heartwood) ซึงเป็นส่วนทีอยถู่ ดั ออกมาจากไส้ไม้ ซึงแก่นไม้ คือ เซลลต์ า่ ง ๆ ของ ตน้ ไมท้ ีไม่ทาํ งานแลว้ โดยไมแ้ ก่นจะเป็นส่วนทีแข็งทีสุด มีหนา้ ทีเป็นโครงสร้างใหก้ บั ลาํ ตน้ ดงั นนั ไมแ้ ก่น จะมีเนือสีเขม้ เนืองจากยงั มีสารอาหารต่าง ๆ ตกคา้ งอยู่ ซึงไมแ้ ก่นเป็นไมท้ ีนาํ มาใชร้ ับนาํ หนกั ไดเ้ ป็นอย่าง ดีในงานก่อสร้างตา่ ง ๆ . ไส้ไม้ (Pith) หรือเรียกอีกชือหนึงว่า ใจไม้ ซึงเป็ นส่วนทีอยู่ตรงกลางลาํ ตน้ ของตน้ ไม้ ซึง เป็นจุดเริมตน้ ของการเจริญเติบโตของตน้ ไม้ โดยจะทาํ ใหเ้ กิดลาํ ตน้ กิงกา้ น และใบ ดงั นนั เมือตน้ ไมม้ ีอายุ มากขึน ไส้ไมก้ ็จะกลายเป็ นโพรง โดยถา้ มองในแง่กลสมบตั ิของไม้ก็ถือว่าไมท้ ีมีโพรงจะสามารถรับ นาํ หนกั ไดต้ าํ ไม่เหมาะทีจะนาํ มาใชใ้ นงานก่อสร้าง ลกั ษณะหนา้ ตดั ไมด้ ูตามภาพที

เปลือกนอก กระพี เปลือกใน ไมแ้ ก่น วงรอบปี เยอื เจริญ วงรอบปี ภาพที แสดงลกั ษณะหนา้ ตดั ของไม้ . ลายไม้และตาํ หนขิ องไม้ ในการนาํ ไมม้ าใชง้ านก่อสร้างนนั จะตอ้ งเริมจากการตดั โค่นตน้ ไมใ้ หเ้ ป็นท่อน หรือเรียกวา่ ซุง (Log) โดยเมือนาํ ซุงมาแปรรูป โดยการผ่าหรือเลือย ก็จะไดไ้ มแ้ ปรรูปทีมีลายต่าง ๆ (ซึงในทางวิศวกรรม ก่อสร้างเรียกวา่ เสียนไม)้ ตามลกั ษณะของการผา่ ขอยกตวั อยา่ งการผ่าซุง ดูตามภาพที และลายไม้ ดูตาม ภาพที

เปลือกชนั นอก กระพี รูปแบบของการผา่ ไมแ้ ก่น ภาพที แสดงรูปแบบของการผา่ ซุงลกั ษณะตา่ ง ๆ ทีมา : Woodworking For Industry, John L.Feirer ภาพที แสดงลายไมใ้ นลกั ษณะตา่ งๆ ทีมา : www.google.co.th . ตําหนขิ องไม้ ไมเ้ ป็นผลผลิตทีเกิดขึนตามธรรมชาติ จึงมีคุณสมบตั ิบางประการทีไม่เหมาะสมในการนาํ มาใช้ เพือการก่อสร้าง คอื ตาํ หนิของไมท้ ีเกิดขึนโดยธรรมชาติ ไดแ้ ก่ ตาไม้ รอยแตก และรอยปริเปลือกไม้ ความ เอียงของเสียนไม้ รอยเสีย และรอยเปื อน และความเสียหายเนืองจากแมลง เป็นตน้ ดงั นนั ก่อนทีจะนาํ ไมไ้ ป ใช้ในงานก่อสร้าง ผูเ้ กียวขอ้ งจะตอ้ งตรวจความสมบูรณ์ของชินไม้ โดยไม่ให้มีตาํ หนิมากกว่ามาตรฐาน กาํ หนด เพราะถา้ เกินก็จะส่งผลต่อการรับกาํ ลงั ของไมเ้ มือนาํ ไปใชง้ าน ซึงโดยทวั ไปตาํ หนิของไมอ้ าจจะเกิด จาก สาเหตุใหญ่ ๆ คือ 4.1.1 ตาํ หนิทีเกิดจากโครงสร้างทางดา้ นฟิ สิกส์ ไดแ้ ก่ . . . ตาไม้ (Knot) ซึงตาไมก้ ็คอื ส่วนทีกิงไมย้ ืนออกมาจากลาํ ตน้ โดยตาไมจ้ ะทาํ ให้ ความต่อเนืองของเสียนต้องสะดุด ไม่ราบเรียบ ซึงขนาดของตาไมจ้ ะมีผลเสียของการรับกาํ ลงั ในงาน

ก่อสร้าง โดยอาจจะมีผลเสียนอ้ ยในดา้ นการรับแรงอดั ถา้ เกิดอยู่ในไมเ้ สา แต่ถา้ นาํ ไมท้ ีมีตาไมไ้ ปทาํ คาน หรือตง จะมีผลเสียตอ่ การตา้ นทานแรงดดั ของคานหรือตงเป็นอยา่ งมาก ดูตามภาพที (ก) เปลือกฝังใน (ข) รอยนกจิก (ค) รอยปริ (ง) รอยผุ (จ) ตาผุ (ฉ) ตาแขง็ ตนั (ช) ภาพวงจรไมท้ ีถูกทาํ ลายโดยศตั รูไม้ ภาพที ตาํ หนิของไมล้ กั ษณะต่าง ๆ . . ตาํ หนิทีเกิดจากผลดา้ นชีววิทยา ไดแ้ ก่ . . . ปลวก (Termites) ซึงปลวก หรือแมลงเม่าทีเรารู้จกั กนั ดีจะมีอยู่ ชนิด คือ ปลวกทีมีปี กโดยจะชอบทาํ รังใตห้ ลงั คาบา้ น และปลวกทีชอบอยใู่ ตด้ ินจะค่อย ๆ ทาํ รังโดยไตข่ นึ มาตาม ผนงั บา้ น ดงั นนั ปลวกเป็นแมลงทีกดั กินและทาํ ลายไมท้ งั ทอ่ นใชเ้ วลาอยา่ งรวดเร็ว ดูวงจรชีวติ ของปลวก ดูตาม ภาพที

ภาพที แสดงวงจรชีวติ ของปลวก ทีมา : www.doctorplouk.com . . . เชือรา (Fungi) ซึงเชือราเป็ นศตั รูทีสําคญั มีลกั ษณะเป็ นรากฝอยลุกลามไป เรือย ๆ โดยเจาะกินเซลลูโลสในเนือไมเ้ ป็นอาหาร ซึงทาํ ใหไ้ มผ้ ุ เชือราจะเจริญเติบโตไดต้ อ้ งอาศยั ความชืน อณุ หภมู ิ และอากาศทีพอเหมาะ โดยสามารถสังเกตไดว้ า่ ไมท้ ีอยใู่ กล้ ๆ พืนดินหรือพนื ทีกึงเปี ยกแหง้ จะช่วย ใหเ้ ชือราเจริญเติบโตไดด้ ี 4.1.2.3 แบคทีเรีย (Bacterial) ซึงแบคทีเรียเป็ นพวกทีเกาะกินอาหารอยู่บนผิวไม้ ซึง ไม่ใช่สาเหตุทีทาํ ใหไ้ มผ้ ุโดยตรง แต่ถา้ แบคทีเรียเกาะกนั กินอาหารอยูบ่ นผิวไมน้ าน ก็จะทาํ ใหไ้ มเ้ กิดความ เสียหายไดเ้ หมือนกนั 4.1.2.4 มอด (Weevils) ซึงเป็นแมลงปี กแข็งตวั เลก็ ๆ ชอบกินเฉพาะแป้งทีมีในเนือไม้ โดยไม่กินเนือไมเ้ หมือนกบั ปลวก ความรุนแรงของการทาํ ลายไมจ้ ึงนอ้ ยกว่าปลวก ซึงถา้ เราพบเศษขยุ คลา้ ย ผงแป้งล่วงหลน่ เป็นกอง เลก็ ๆ ใกล้ ๆ กบั ชินไม้ โดยเราจะพบวา่ มีรูเลก็ ๆ เท่ารูเขม็ เตม็ ไปหมด รูทีมอดเจาะ เขา้ ไปกินแป้งแลว้ ถา่ ยมูลออกมาเป็นผงนนั เอง 4.1.2.5 เพรียง (Barnacles) ซึงเพรียงเป็ นตัวทาํ ลายไม้ทีใช้งานอยู่ในนําแยก ออกเป็น พวก คือ ) เพรียงทะเล ทีอยตู่ ามแถบชายฝังทะเล โดยอาศยั อยใู่ นไมท้ ีปักอยู่ในทะเล เช่น เสา บา้ นชายทะเล ท่าเทียบเรือ สะพานเรือ ฯลฯ ซึงจะกดั เจาะไม่ให้เป็นรูเพือฝังตวั อยขู่ า้ งใน โดยไมท้ ่อนใดทีมี เพรียงเกาะอยมู่ ากกอ็ าจถูกเจาะจนหกั พงั ไปได้ ) เพรียงนาํ จืด เป็นชือเรียกตวั อ่อนของแมลงชีปะขาว ซึงจะพบการทาํ ลายของเพรียงนาํ จืดในไมท้ ีจมอยใู่ นนาํ จืด หรือส่วนประกอบของบา้ นเรือน หรือเรือทีใชง้ านอยใู่ นนาํ จืด 5. ประเภทและคุณสมบัตขิ องไม้

5.1 ประเภทของไม้ ตามขอ้ กาํ หนดเกียวกบั ไมข้ องกรมป่ าไม้ แบ่งไมอ้ อกเป็ น 3 ประเภท โดย ถือเอาค่าความแข็งแรงในการดดั ของไมแ้ หง้ และความทนทานตามธรรมชาติของไมช้ นิดนนั ๆ เป็นเกณฑ์ ไดแ้ ก่ - ไมเ้ นืออ่อน มีความแขง็ แรงตาํ กวา่ 600 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร มีความทนทานตาํ กว่า 2 ปี ไดแ้ ก่ ไมอ้ ินทนิล ไมส้ ัก ไมย้ างแดง ไมพ้ ะยอม ไมพ้ ญาไม้ ไมท้ าํ มงั ไมต้ ะบนู ขาว ไมก้ ะบาก ไมก้ ระเจา ไมก้ วาด - ไมเ้ นือแข็งปานกลาง มีความแข็งแรง 600 ถึง 1000 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร มีความ ทนทาน 6 ปี ไดแ้ ก่ ไมเ้ หียง ไมร้ กฟ้า ไมย้ งู ไมม้ ะค่าแต้ ไมพ้ ลวง ไมน้ นทรี ไมต้ าเสือ ไมต้ ะแบก ไมต้ ะเคียน หนู ไมต้ ะเคียนทอง ไมก้ วา้ ว - ไมเ้ นือแขง็ มีความแขง็ แรงสูงกวา่ 1,000 กิโลกรัมตอ่ ตารางเซนติเมตร มีความทนทานสูงกว่า 6 ปี ไดแ้ ก่ ไมเ้ คียม ไมแ้ อ๊ก ไมห้ ลุมพอ ไมเ้ สลา ไมส้ ักขีควาย ไมเ้ ลียงมนั ไมร้ ัง ไมย้ มหิน ไมม้ ะค่าโมง ไม้ มะเกลือเลือด ไมป้ ระดู่ ไมเ้ ตง็ ไมต้ ะบูนดาํ ไมต้ ะคร้อหนาม ไมต้ ะคร้อไข่ ไมแ้ ดง ไมก้ นั เกรา 5.1.1 ไมเ้ นือออ่ น 5.1.1.1 ไมฉ้ าํ ฉา ลกั ษณะคณุ สมบตั ิ ไมเ้ นือหยาบไม่แน่นมีสีคอ่ นขา้ งจาง (ขาว) มี ลวดลายสวยงาม มีนาํ หนกั เบา จดั อยใู่ นประเภทไมเ้ นืออ่อน ทาํ การเลือย ผา่ ไสกบ ตกแตง่ ชกั เงาไดง้ า่ ย ประโยชน์ ใชท้ าํ ลงั กล่องใส่วสั ดุอุปกรณ์ เครืองมือต่าง ๆ ปัจจุบนั นิยมนาํ มาใชท้ าํ เครืองเรือน เครืองใชต้ า่ ง ๆ หรือเพอื ใชต้ กแตง่ ต่าง ๆ 5.1.1.2 ไมส้ ัก ลกั ษณะคุณสมบตั ิ เป็ นไมท้ ีมีคุณภาพดีทีสุด นอกจากความแข็งแรง อย่างเดียวเท่านันทีมีนอ้ ยไปหน่อย แต่ก็แข็งแรงพอทีจะใช้ได้ เป็ นไมส้ ูงขนาดใหญ่ จะทาํ การโค่นไมอ้ ายุ ประมาณ 150 ปี เป็นไมท้ ีขึนเป็นหม่ใู นป่ าเบญจพรรณ เนือไมม้ ีสีเหลืองนานเขา้ จะกลายเป็นสีนาํ ตาลแก่ มี กลินหอม มีนํามนั ในตวั มีเสียนตรง เนือหยาบไม่สมาํ เสมอกนั กรําแดด กรําฝน ไม่ค่อยผุง่าย หดตวั นอ้ ย ไม่มีอาการบิดหรือแตกร้าว มอดปลวกไม่คอ่ ยรบกวน เมือเลือยออกจะเห็นลายไดช้ ดั เจน เลือย ผา่ ไส กบ ตกแต่ง ชกั เงาไดง้ ่าย เป็นไมท้ ีผึงให้แห้งไดร้ วดเร็ว นาํ หนกั ต่อลูกบาศก์ฟุตประมาณ 35–45 ปอนด์ ยงั แบ่งเป็ น 3 ชนิด คือ สักทอง สักหิน สักขีควาย ไมส้ ักทอง มีลวดลายสวยงามมาก ปัจจุบนั มีราคาค่อนขา้ ง แพง ประโยชน์ ใชใ้ นการสร้างสิงทีตอ้ งทาํ อยา่ งประณีต ตอ้ งการความสวยงามและทนทาน ตอ้ งรับนําหนักหรือตา้ นทานมาก เช่น ทาํ ประตู หน้าต่าง วสั ดุ เครืองใช้ เครืองเรือนต่าง ๆ และยงั เป็ น สินคา้ ออกทีทาํ รายไดป้ ี ละไม่นอ้ ยทีเดียว 5.1.2 ไมเ้ นือแขง็ ปานกลาง 5.1.2.1 ไมม้ ะค่าโมง ลกั ษณะคุณสมบตั ิ ไมม้ ะค่าโมงหรือไมม้ ะค่าใหญ่ หรือไมม้ ะค่า หลวงเป็ นไมเ้ นือแกร่งลาํ ตน้ ใหญ่แต่ไม่สูงนัก ขึนตามป่ าดงดิบ และป่ าเบญจพรรณ เวน้ ทางภาคใต้ เนือไม้ เป็ น สีนาํ ตาลเหลือง เสียนค่อนขา้ งสน เนือหยาบมีริวแทรกแข็งเลือย ไสกบค่อนขา้ งยาก ถา้ แห้งดีแลว้ จะ ตกแต่งงา่ ย ขดั และชกั เงาไดด้ ี นาํ หนกั ต่อ 1 ลกู บาศกฟ์ ุตประมาณ 60 ปอนด์

ประโยชน์ ใชท้ าํ เสา ไมห้ มอนรางรถไฟ และใชใ้ นงานก่อสร้างต่าง ๆ เป็นไมช้ นิดให้ ป่ ุมมีลายงดงาม ราคาแพง ใชท้ าํ พวกเครืองเรือน เครืองใช้ เช่น ตู้ โต๊ะ เกา้ อีรับแขก เป็นตน้ 5.1.2.2 ไมป้ ระดู่ชิงชัน ลักษณะคุณสมบตั ิ ไม้ประดู่ชิงชันหรือพยุงแกม หรือพยุงแดง เชียงใหม่เรียกวา่ เกิดแดง ภาคอีสานเรียกวา่ ชิงชนั ภาคเหนือ เรียกวา่ ดู่ลาย เป็นไมป้ ระเภท เนือแขง็ ลาํ ตน้ ขนาดปานกลางถึงขนาดใหญ่ ขึนอยู่ในป่ าเบญจพรรณทวั ไป เนือไมม้ ีสีม่วงแก่ สีเส้นแทรกสีดาํ อ่อน หรือ สีแก่กว่าพืน เสียนมกั สับสนเป็นริวแคบ ๆ เนือละเอียดปานกลาง แข็ง เหนียวมาก แขง็ แรงทนทาน ไสกบ ตกแตง่ ชกั เงาไดด้ ี ตอกตะปูไดย้ าก เมือทาํ เสร็จแลว้ จะมี ความเรียบร้อยสวยงามเป็นมนั ดี เมือชกั เงาแลว้ จะ มีลายมีสีสันสวยงามมาก นาํ หนกั 1 ลกู บาศกฟ์ ตุ ประมาณ 67-70 ปอนด์ ประโยชน์ ใชท้ าํ พวกเครืองเรือน เช่น ตู้ โต๊ะ เกา้ อีรับแขก เกา้ อีโยก ดา้ มเครืองมือ รางกบ เกวยี น รถ แกะสลกั ทาํ หวี เป็นตน้ 5.1.2.3 ไมย้ าง ลกั ษณะ และคุณสมบตั ิเป็นไมเ้ นือออ่ น และหยาบมีสีนาํ ตาลปนแดงใช้ ในทีร่มทนทานพอใช้ แหง้ ชา้ ยดื หดงา่ ย เลือยผา่ งา่ ย บิดงอตามดินฟ้าอากาศ ถา้ ไสตอนไมส้ ด ๆ อยจู่ ะ ไม้ เรียบดีนกั เสียนมกั จะฉีกติดกนั เป็ นขยุ ออกมา ทาํ ให้ขดั หรือทานาํ มนั ไม่ค่อยดี ใชใ้ นการสร้าง รับนาํ หนกั มาก ๆ ไม่ได้ ใช้ในทีต้องการกรําแดดกรําฝนมากไม่ได้นอกจากจะทาสีนํามันป้องกันไว้ นําหนัก ตอ่ 1 ลกู บาศกฟ์ ุตประมาณ 40-50 ปอนด์ ประโยชน์ ใช้ทาํ บา้ นเรือน เครืองเรือนเฉพาะทีมีราคาถูก ๆ สร้างบา้ นใช้ทาํ ฝา ฝ้า หรือส่วนทีไมต่ อ้ งรับนาํ หนกั นิยมใชก้ นั เพราะราคาถูก หางา่ ย 5.1.3 ไมเ้ นือแขง็ 5.1.3.1 ไมแ้ ดง คุณลกั ษณะและคุณสมบตั ิ ไมแ้ ดง หรือกร้วมควา้ ย เป็ นไมป้ ระเภท เนือแข็ง มีลาํ ตน้ ขนาดใหญ่ขึนอยู่ทวั ไปในป่ าเบญจพรรณ เนือไมม้ ีสีแดงเรือ ๆ หรือสีนาํ ตาลแกม้ แดงเสียน เป็นลูกคลืน ละเอียดพอประมาณ แขง็ เหนียว มีความแขง็ แรงทนทาน มีลายสวยงาม ทาํ การเลือย ไสกบ ตกแต่ง ตอกตะปูได้ยาก เมือทําเสร็จแล้วมีความเรี ยบร้อยสวยงามชักเงาได้ดี มีนําหนักต่อ 1 ลูกบาศก์ฟุต ประมาณ 55 - 65 ปอนด์ ประโยชน์ ใชใ้ นการก่อสร้างอาคารบา้ นเรือน เช่น ทาํ เสา ขือ คาน ตง กระดานพืน สะพาน เกวยี น เรือ หมอนรถไฟ เครืองเรือน เครืองมือทางกสิกรรม และเครืองมือตา่ ง ๆ เป็นตน้ 5.1.3.2 ไมเ้ ต็ง ลกั ษณะคุณสมบัติ เป็ นไมข้ นาดใหญ่มีอยู่ทัวไป เมือเลือยไสแล้ว ระยะแรกจะเป็น สีนาํ ตาลอ่อน ทิงไวน้ านจะเป็นสีนาํ ตาลแก่แกมแดง เสียนหยาบสบั สน ทาํ ใหไ้ สกบตกแต่ง ไดย้ าก แต่ไมแ้ ขง็ และเหนียว เหมาะแก่การสร้างส่วนทีรับนาํ หนกั ไดด้ ี มีความแขง็ แรงทนทานดีมาก ทนตอ่ การใชก้ ราํ แดดกรําฝน เนือไมม้ กั จะมีรอยร้าวเป็นเส้นผมปรากฏหวั ไมม้ กั แตกเก่งงา่ ย ฉะนนั ไมเ้ ตง็ จึงมกั จะ ไมค่ อ่ ยใชใ้ นการสร้างสิงประณีต นาํ หนกั 1 ลูกบาศกฟ์ ตุ ประมาณ 60 – 70 ปอนด์ ประโยชน์ ใชก้ บั งานตรากตรําตอ้ งการความแข็งแรงทนทาน เช่น ทาํ โครงเกา้ อีนวม เก้าอีชิงช้า สะพาน หมอนรางรถไฟ ใช้ในการสร้างบ้านเรือนทีต้องรับนําหนักมาก ๆ เช่น ตง คาน กระดานพืน ไมโ้ ครงหลงั คา และดา้ มเครืองมือกสิกรรม

5.1.3.3 ไมร้ ัง ลกั ษณะ และคุณสมบตั ิ ไมร้ ัง หรือไมเ้ รียง เป็นไมข้ นาดกลางถึงใหญ่ ขึนเป็ นหมู่ ๆ ในป่ าแดง เนือไมม้ ีสีนาํ ตาลเหลือง เสียนสับสน เนือหยาบแข็งแรงทนทานมาก เลือย ไสกบ ตกแต่งคอ่ นขา้ งยาก นาํ หนกั ตอ่ 1 ลูกบาศกฟ์ ุต ประมาณ 50 - 60 ปอนด์ ประโยชน์ ใช้กับงานประเภททีตอ้ งการรับแรง เช่น ทาํ เสา หมอนรางรถไฟ สร้าง บา้ นเรือน การก่อสร้างต่าง ๆ ทาํ รถ เรือ เครืองมือกสิกรรม เนืองจากสาเหตุทีไมน้ ีแข็งแรง และทนทาน มากจึงนิยมใชก้ ารก่อสร้างทีตอ้ งการความแขง็ แรงทนทานลกั ษณะเหมือนกบั ไมเ้ ตง็ มีจาํ หน่ายในทอ้ งตลาด ทวั ไป 5.2 คุณสมบตั ขิ องไม้ การนาํ ไมไ้ ปใชใ้ หเ้ กิดประโยชนอ์ ยา่ งสูงสุด เราจาํ เป็นตอ้ งรู้ถึงคณุ สมบตั ิของไมแ้ ต่ละชนิด เพือทีจะไดเ้ ลือกใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั งานแต่ละประเภท เพราะไมเ้ กิดจากตน้ ไมเ้ หลายชนิดมีคณุ สมบตั ิในดา้ น ต่างๆ ทีจะนํามาใช้ประโยชน์จะมีความแตกต่างกัน ไมแ้ ต่ละชนิดย่อมเหมาะสมกับงานแต่ละอย่างไม่ เหมือนกนั เช่น ในงานก่อสร้าง ไมก้ ็จะตอ้ งมีความแข็งแรงและทนทาน ในการประดิษฐ์เครืองเรือน เป็น งานตอ้ งการความสวยงาม และความละเอียดในการเขา้ ไม้ ไมก้ ็จะตอ้ งมีสีและลวดลายเนือไมท้ ีสวยงาม เป็ นตน้ คุณสมบตั ิของไมใ้ นงานก่อสร้างแบ่งตามการนาํ ไปใชใ้ นงานก่อสร้างและงานทีเกียวขอ้ ง มีรายละเอียดดงั นี . . คุณสมบตั ิของไมท้ วั ไป ในด้านต่างๆ ทีจะนํามาใช้ประโยชน์ (พงศ์ โสโน, สารานุกรมไทยสาํ หรับเยาวชนฯ เล่มที , ) จะมีความแตกต่างกนั ไป ซึงจะตอ้ งคาํ นึงถึงลวดลายในไม้ การหดหรือการพองตวั ความยากง่ายในการไสกบตกแต่ง โดยลกั ษณะของเส้นใย รวมทงั ความยากง่ายใน การทาํ สี ซึงคณุ สมบตั ิของไมใ้ นงานก่อสร้างประกอบดว้ ย . . . ความชืน ความชืนอาจมีแตกต่างกนั ระหวา่ งร้อยละ ถึง หรือสูงตาํ กวา่ นนั ปริมาณความชืนไมแ้ หง้ จะมีค่าเปลียนแปรอยรู่ ะหวา่ งร้อยละ ถึง . . . นาํ หนัก ใช้วิธีเทียบเป็ นทศนิยมของนําหนักนาํ ทีมีปริมาตรเท่ากนั ซึง เรียกกนั วา่ ความถ่วงจาํ เพาะเนือไมแ้ ทๆ้ จะมีค่าความถว่ งจาํ เพราะโดยเฉลียประมาณ . . . . การหดและการพองตวั เกิดขึนเมือไมเ้ สียความชืนหรือไดร้ ับความชืนเพมิ ตามลาํ ดบั ในระดบั ทีมีความชืนตาํ กว่าจุดหมาด จะตอ้ งเลือกใช้ไมท้ ีมีความชืนให้เหมาะสมกบั งาน ซึงจะ ป้องกนั การรอยแตกเมือไมม้ ีการหดหรือพองตวั ภายหลงั ดงั แสดงการหดหรือพองตวั ในภาพที และเกิดการแตกเสียหายดงั ภาพที

ส่วนแนวขวาง โกง่ แนวยาว โค้ง แนวทะแยง บิด ไม้แปรรูป พอง ภาพที ตวั อยา่ งการเสียรูปจากการหดตวั ทีมา: http://guru.sanook.com/enc_preview.php?id=634&source_location=2 รอยแตกเกิดจากการหดตวั ภาพที ตวั อยา่ งการเสียรูปจากการหดตวั ทีมา: http://guru.sanook.com/enc_preview.php?id=634&source_location=2

. . . ความแขง็ แรง เป็นคณุ สมบตั ิสาํ คญั ทีจะตอ้ งพจิ ารณาเมือนาํ ไมม้ าใชก้ ่อสร้าง บา้ นเรือนหรืองานอืนๆ ในลกั ษณะเดียวกนั แรงทีเขา้ มากระทาํ ต่อไมท้ ีใชใ้ นการก่อสร้างนนั แยกไดเ้ ป็น ประเภท คือ แรงดึง ซึงมีผลทาํ ใหไ้ มแ้ ยกออกจากกนั แรงอดั หรือแรงบีบ จะมีผลใหไ้ มบ้ ีบตวั เขา้ หากนั และ แรงเฉือน ทาํ ใหไ้ มส้ ่วนหนึงไถลเลือนเคลือนคลาดออกไปจากส่วนขา้ งเคียงเดิม . . . ความทนทาน เป็ นความสามารถในการต่อตา้ นหรือตา้ นทานต่อตวั การ ทาํ ลายไมต้ ่างๆ ทีสาํ คญั คือ รา ซึงเป็นพืชชนั ตาํ ทาํ ใหไ้ มผ้ ุ หรือเสียสี มอด แมลงพวกชีปะขาว เพรียงนาํ จืดและปลวก เป็นตน้ โดยมีขอ้ กาํ หนดดา้ นความทนทานดงั ตอ่ ไปนี ) ความทนทานในร่ม เป็ นสภาพทีพน้ จากแดดฝน หรือไม่มีโอกาสถูกนํา ซาํ ซากได้ หรืออยกู่ ลางแจง้ ถูกแดดถูกฝนไดต้ ามกาลเวลา และไม่ควรใหไ้ มเ่ ปี ยกชืนอยนู่ าน ) ความทนทานในทีแฉะชืน กรณีการใชต้ ิดดินหรือทีเปี ยกชุ่มอยเู่ สมอเป็ น เวลานานๆ ในนาํ จืดและนาํ เคม็ ตอ้ งปลอดจากมอด หากไม่มีมาตรการป้องกนั ปลวกทีดีก็อาจไดร้ ับอนั ตราย จากปลวกได้ ) ความทนทานในทีกลางแจง้ และทีแฉะชืน มีความล่อแหลมต่ออนั ตราย จากรา มอด และปลวก ) ความทนทานทีจมอยู่ใตน้ าํ ตอ้ งปลอดภยั จาก รา มอด และปลวก แต่ยงั มี เพรียงทาํ ลายไดอ้ ยู่ สาํ หรับไมท้ ีอยใู่ ตด้ ินในระดบั ลึกกวา่ ดินผิวพน้ ระดบั ทีมีซากพืช หรือถา้ อยใู่ ตร้ ะดบั นาํ ใน ดินจะมีความปลอดภยั จากตวั การทาํ อนั ตรายตอ่ เนือไม้ 5.2.2 คุณสมบัติของไม้เนือแข็ง เป็ นไม้ทีมีวงปี มากกว่าไม้เนืออ่อน เพราะมีการ เจริญเติบโต ชา้ กว่า คือ ตอ้ งมีอายุหลายสิบปี จึงจะนาํ มาใชง้ านได้ ลกั ษณะทวั ไปของไมจ้ ะมีเนือมนั ลาย ละเอียด เนือแน่น มีนาํ หนกั มาก แขง็ แรงทนทานเช่น ไมแ้ ดง ไมส้ กั ไมเ้ ตง็ ไมม้ ะค่า เป็นตน้ 5.2.3 คุณสมบตั ิของไมเ้ นือแข็งปานกลาง ทนทาน เลือย ไสกบตกแต่งไดง้ ่าย ยืดหดตวั เลก็ นอ้ ย เช่น ไมต้ ะแบก ไมย้ าง ไมน้ นทรี ไมต้ ะกู เป็นตน้ 5.2.4 คุณสมบตั ิของไมเ้ นืออ่อน นาํ หนกั เบา ไม่ทนทาน ยืดหดตวั ไดง้ ่าย ราคาถูก เลือย ไสกบตกแต่งไดง้ า่ ย เช่น ไมฉ้ าํ ฉา ไมไ้ ผ่ ไมม้ ะพร้าว เป็นตน้ . ขนาดและมาตรฐานของไม้ ไมแ้ ปรรูปและการก่อสร้างนนั ไดม้ ีการกาํ หนดขนาดและมาตรฐานของไมไ้ วด้ งั นี . ขนาดของไม้ มีการกาํ หนดขนานตามขอ้ กาํ หนดมาตรฐานผลิตภณั ฑ์อุตสาหกรรมของ กระทรวงอุตสาหกรรม (มอก.) ดังแสดงตวั อย่างในภาพที เป็ นไมแ้ ปรรูปในรูปแบบต่างๆ ทีมีการ นาํ ไปใชง้ าน และขนาดของไมท้ ีมีการนาํ ไปใชง้ านดงั ต่อไปนี . . ไมฝ้ า มีขนาด ½ - / นิว กวา้ ง - นิว และ - นิว . . พืนไม้ มีขนาด , ½ - นิว, ½- นิว กวา้ ง - นิว . . ไมเ้ สา มีขนาด x นิว, 5 x นิว, และ x นิว . . ไมร้ ะแนง มีขนาด x นิว

. . ไมก้ ลอน มีขนาด ½- / นิว x - นิว และ - นิว x 1½- นิว ก. ไม้ซุงแปรรูป ข. ไม้แปรรปู ค. ไม้แปรรปู เพอื การจาํ หน่าย ง. การจัดเกบ็ เพือการจาํ หน่าย ภาพที . ตวั อยา่ งไมแ้ ปรรูปในรูปแบบต่างๆ ทีมา: http://takuyak.igetweb.com/index.php?mo=14&newsid=77962 http://xn--12cb7gd5b3bd9lwb.net/ c และ http://v-jointrubber.blogspot.com/2011/01/blog-post_4016.html . มาตรฐานของไม้ ตามมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรมของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ มอก. ในปัจจุบนั ซึงจะประกอบดว้ ย มาตรฐานของไมแ้ ปรรูปนนั มีมิติ (ขนาด) เป็นมิลลิเมตร (มม.) ซึง กาํ หนดตาม มอก. - ดงั นี . . ขนาด ไมแ้ ปรรูปตามมาตรฐานนี มีขนาดดงั ต่อไปนี . . . ความหนา มีขนาด , 16, 19, 22, 25, 32, 38, 44, 50, 63, 75, 88, 100, 113, 125, 138, และ มม. . . . ความกวา้ ง มีขนาด , 38, 50, 63, 78, 88, 100, 113, 125, 150, 175, 200, 225, 250, 275, 300, และ มม. (ยกเวน้ ไมส้ ักเหลียม ให้ถือตามขนาดไมส้ ักเหลียมแปรรูป มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม, มอก. ) . . . ความยาว มีขนาดเริมตงั แต่ . ม.และมีความยาวเพิมขึนช่วงละ . ม. ส่วนไมก้ ระยาเลย เริมตงั แต่ . ม. และมีความยาวเพิมขึนช่วงละ . ม. . . การเรียกชือขนาด ใหเ้ รียงลาํ ดบั ความหนา X ความกวา้ ง X ความยาว . . การแปรรูป ตอ้ งแปรรูปส่วนความยาวไมต้ ามความยาวทอ่ นซุงดา้ นตงั . . ความเรียบ เป็นแนวเส้นตรง มีขนาดสมาํ เสมอกนั ตลอดความยาวของแผน่ และ ภาคตดั ขวางหวั ทา้ ยตอ้ งเป็นสีเหลียมมมุ ฉาก

. . ข้อกาํ หนดมาตรฐานผลิตภณั ฑ์อุตสาหกรรม ทีเกียวขอ้ งกับไม้แปรรูป ได้ กาํ หนดค่าความแขง็ หรือค่าสมบตั ิเชิงกล ซึงขอ้ กาํ หนดมาตรฐานผลิตภณั ฑไ์ มต้ ามขอ้ กาํ หนดมาตรฐาน ผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรมทีควรรู้ ไดแ้ ก่ มอก. - หมายถึง ไมแ้ ปรรูปและขอ้ กาํ หนดทวั ไป มอก. - หมายถึงไมส้ ักแปรรูป มอก. - หมายถึงไมก้ ระยาเลยแปรรูป มอก. - หมายถึงไมแ้ ปรรูปสําหรับงานก่อสร้างทวั ไป มอก. - หมายถึงไมแ้ ปรรูปอบ มอก. - หมายถึงไมอ้ ดั นาํ ยา CCA เป็นตน้ . การเลือกใช้ไม้ การเลือกใชไ้ มใ้ หเ้ หมาะกบั ประโยชน์การงาน โดยเลือกตามประเภทของไมแ้ ปรรูปซึงการเลือก ไมท้ ีจะนาํ มาใชง้ านตอ้ งพจิ ารณาดงั นี . การเลือกไม้ใช้งานทัวไป ตามลกั ษณะงาน ดงั นี . . งานรับนาํ หนกั โดยตรง ใชใ้ นการก่อสร้างทีไม่ตอ้ งการความประณีตมากนกั ซึงไมไ้ ม่ ควรมีรอยชาํ รุดเสียหาย เช่น มีตา ผุ แตกร้าว ปิ ดงอ คด โคง้ และผา่ นการผงึ มา . . งานประณีต เป็ นไมท้ ีไม่ตอ้ งรับนาํ หนักหรือตา้ นแรงมาก โดยนาํ ไมไ้ ปประกอบเป็น รูปร่างตา่ งๆ ทีตอ้ งการความสวยงามมากกวา่ ความแขง็ แรง โดยเป็นงานทีทาํ ตอ้ งใชฝ้ ีมือ . . งานทวั ๆ ไป ควรใชไ้ มท้ ีตายยืนตน้ ซึงการผงึ แหง้ ในตวั ดี ซึงเนือไมจ้ ะมีความละเอียด เหนียวแน่น มีแนวตรง ขดั มนั และชกั เงาไดด้ ี ซึงไมแ้ ต่ละประเภทมีเกณฑก์ ารใชง้ านดงั นี . . . ไมเ้ นืออ่อน เป็ นไมท้ ีมีเนือค่อนขา้ งเหนียว ทาํ การเลือยไสกบ ตกแต่งไดง้ ่าย ลกั ษณะเนือมีสีซีดจาง นาํ หนกั เบา ขาดความแขง็ แรงทนทาน รับนาํ หนกั ไดไ้ มด่ ี . . . ไมเ้ นือแขง็ ปลานกลาง เป็นไมท้ ีมีเนือแขง็ ปานกลาง ทาํ การเลือยไสกบ ตกแต่ง ไดย้ าก ลกั ษณะเนือไมม้ ีสีเขม้ คอ่ น ไปทางสีแดง มีความแขง็ แรงทนทาน . . . ไมเ้ นือแกร่ง เป็นไมท้ ีมีเนือแกร่งทาํ การเลือยไสกบตกแต่งไดย้ ากมาก ลกั ษณะ เนือไมเ้ ป็นมนั ในตวั แน่น มีสีเขม้ จดั จนถึงสีดาํ มีความแขง็ แรงทนทานดีมาก . การเลือกใช้ไม้ในงานก่อสร้าง ไมท้ ีใชใ้ นการก่อสร้างมีดงั นี (กวี หวงั นิเวศนก์ ลุ , ) . . ไมก้ ระดาน ไมท้ ีนิยมนาํ มาทาํ อาทิ ไมแ้ ดง ไมเ้ ตง็ ไมต้ ะเคียนทองและไมย้ างขาว เป็น แผน่ ไมล้ กั ษะแบนๆ ใชส้ าํ หรับทาํ เป็นพืนบา้ นจะมีขนาด x4 นิว 1x6 นิว และ 1x8 นิว ส่วนทีใชส้ ําหรับทาํ เป็นฝาหรือเชิงชายอาจมีขนาด ½ x 6 นิว ½ x 8 นิว เป็นตน้ . . ไมค้ านหรือตง ไมท้ ีนิยมนาํ มาใชม้ ีอยูห่ ลายชนิด อาทิ ไมแ้ ดง ไมเ้ ต็ง ไมร้ ัง ไมป้ ระดู่ และไมม้ ะค่าโมง จะใชไ้ มป้ ระเภทเนือแข็งเทา่ นนั ขนาดโดยทวั ไปของตง คือ ½ x 5 นิว และ ½ x6 นิว @ . เมตร ส่วนขนาดของคานทวั ไปคอื 2x6 นิว 2x8 นิว และ 2x10 นิว . . ไมอ้ เส ขือ อกไก่ และจนั ทนั ซึงใชม้ ีหลายชนิด อาทิ ไมแ้ ดง ไมเ้ ตง็ ไมร้ ัง ไมป้ ระดู่ และไมม้ ะค่าโมง ขนาดโดยทวั ไปของจนั ทนั คือ 1½ x 5 นิว และ 2x6 นิว @ 100 เมตร

. . ไมเ้ สา ใชม้ ีหลายชนิด เช่น ไมแ้ ดง ไมเ้ ตง็ ไมร้ ัง ไมป้ ระดู่ และไมม้ ะค่าโมง ไมท้ ีตอ้ ง ทาํ หนา้ ทีแบกรับนาํ หนกั ของอาคารทงั หมด ขนาดของเสาไมจ้ ะตอ้ งเป็ นรูปสีเหลียมจตั ุรัสเท่านัน เช่น 4x4 นิว หรือ 6x6 นิว หรือ 8x8 นิว หรือเสากลม ซึงมกั จะใชก้ บั บา้ นทรงไทยเดิม . . ไมแ้ ป และไมร้ ะแนง เป็นไมท้ ีตอ้ งทาํ หนา้ ทีรองรับกระเบืองหลงั คาซึงมีนาํ หนักไม่ มากนกั ชนิดของไมท้ ีใชจ้ ึงสามารถใช้ไมเ้ นืออ่อนได้ เช่น ไมย้ าง ขนาดของแปทวั ไปคือ ½ x 3 นิว @ 1.00 เมตร ส่วนขนาดของระแนงทวั ไปคอื ½ x 1½ หรือ 2x2 นิว @ . เมตร . . ไมเ้ คร่า ไมท้ ีใช้จึงเป็ นไมเ้ นืออ่อนไดแ้ ก่ ไมย้ าง ซึงตอ้ งแบกรับนาํ หนกั ไม่มากนัก ชนิดของ ขนาดของไมเ้ คร่าทวั ไปคอื 1½ x3 นิว @ . เมตร . . ไมว้ งกบประตูหรือหนา้ ต่าง ใช้ ไมส้ ัก ไมแ้ ดง ไมม้ ะค่า และไมต้ ะเคียนทอง ควรเป็น ไมท้ ีมีความแขง็ แรงปานกลางและไมห่ ดตวั ไดง้ ่าย โดยมีขนาดคือ 2x2 นิว . . ไมแ้ บบ ไมท้ ีใช้เป็ นไมเ้ นืออ่อน อาทิ ไมก้ ะบาก ใชท้ าํ แบบหล่อให้กบั งานคอนกรีต และใชส้ าํ หรับงานโครงสร้างชวั คราว ขนาดของไมแ้ บบทวั ไปคือ x6 นิว หรือ 1x8 นิว 7.3 คุณสมบัติของไม้ทีใช้ในงานก่อสร้าง ไมท้ ีใชใ้ นงานก่อสร้างไดแ้ ก่ไมเ้ นือแข็ง ไมเ้ นือแข็ง ปานกลาง และไมเ้ นืออ่อน (พงศพ์ นั วรสุนทโรสถ : - ) ซึงมีการใชใ้ นงานโครงสร้าง งานชินส่วน ประกอบอาคาร และงานตกแต่งอาคาร ซึงแบง่ ไดต้ ามคุณสมบตั ิของไมไ้ ดด้ งั นี . . ไมเ้ นือแขง็ ไมเ้ นือแขง็ ทีหลายในงานก่อสร้างมีหลายประเภทและมีประโยชนท์ ีใชใ้ น การก่อสร้างดงั นี . . . ไมเ้ ต็ง เป็ นไมเ้ นือแข็งประเภทหนึงทีนิยมนํามาใช้งานในส่วนของการ ก่อสร้างบา้ นเรือนทีอยอู่ าศยั ซึงไมเ้ ตง็ ลาํ ตน้ มีขนาดปานกลางถึงใหญม่ ากเป็นไมท้ ีมีอายยุ นื ยาวเช่นกนั ไมเ้ ตง็ เป็ นไมท้ ีนิยมมาก ในปัจจุบนั นีเนืองจากเป็ นไมจ้ ริงทีดีและราคาไม่แพงมาก นิยมใช้กนั ในอุตสาหกรรม เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงงานตกแต่งทงั ภายในและภายนอก อาทิ เสาเรือนไม้ ไมพ้ ืน ไมบ้ นั ได ไมฝ้ ้าเพดาน บวั ไม้ คานไม้ หรือไมแ้ ปรรูปทวั ไป ซึงลกั ษณะตวั อยา่ งไมเ้ ตง็ ไดแ้ สดงในภาพที ก. ท่อนซุงไมเ้ ตง็ ข. ไมเ้ ตง็ แปรรูป ภาพที ตวั อยา่ งท่อนซุงและไมเ้ ตง็ แปรรูปนาํ มาใชง้ าน ทีมา: http://xn--72c1a9a7hsavl.com/ และ http://bksubpana.igetweb.com/?mo=3&art=408267

. . . ไมแ้ ดง เนือไมม้ ีสีนาํ ตาลอมแดง แข็งแรงและทนทานเป็ นพิเศษ ไม่ผุพงั ง่าย ทนตอ่ ปลวกและเชือรา เป็นไมเ้ นือแขง็ และดูสวยงามดว้ ยโทนสีแดง สาํ หรับคณุ สมบตั ิเนือไมข้ องไมแ้ ดงนนั มีความแข็งแรง ทนทานสูง มีอายุการใช้งานนานกว่า - ปี จึงทาํ ให้ราคาไมแ้ ดงมีราคาแพง ใชใ้ นงาน ก่อสร้าง อาทิ ไมป้ ูพืน ทาํ รางรถไฟ ทาํ ท่าเรือ หรือนิยมใชไ้ มแ้ ดงในการทาํ เป็นเสาบา้ น ไมค้ าน ซึงตวั อยา่ ง ไมแ้ ดงแปรรรูปและการใชง้ านพืนปาร์เกไ้ ดแ้ สดงภาพที ก. กระดานไมแ้ ดง ข. ปาร์เกร์ไมแ้ ดง ภาพที ไมก้ ระดานแปรรูปและการประยกุ ตใ์ ชง้ านปพู ืนปาร์เกร์ไมแ้ ดง ทีมา: http://sangprapai.com/main/lumber.php และ http://www.mplustimber.com/pyinkado_th.html . . . ไมต้ ะเคียนทอง เป็ นตน้ ไมใ้ หญ่และสูงมากขึนเป็ นหมู่ตามป่ าดิบชืนทวั ไป ลกั ษณะเนือไมม้ ีสีเหลืองหม่นสีนาํ ตาลอมเหลืองมกั มีเส้นสีขาวหรือเทาขาว มีเสียนของไมต้ ะเคียนทองมกั สับสนเนือละเอียดปานกลางแขง็ เหนียว ทนทาน ทนปลวกไดด้ ี เมือนาํ ไปเลือยใสกบตกแต่งและชกั เงาไดด้ ี มาก นิยมใชใ้ นการก่อสร้างอาคาร ไมห้ มอนรางรถไฟ ซึงตวั อยา่ งไมต้ ะเคยี นทองในลกั ษณะต่างๆไดแ้ สดง ไวใ้ นภาพที ก. ลาํ ซุงไมต้ ะเคยี น ข. ไมต้ ะเคียนแปร รูป ภาพที ลกั ษณะซุงและการแปรรูปไมต้ ะเคยี น

ทีมา: http://www.xn--42c7an3ah6frb0f6a3c.com/ และ http://www.siammasterwood.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539011283 . . . ไมร้ ัง เป็นไมใ้ นตระกูลเดียวกบั ไมเ้ ต็งซึงจดั อยใู่ นวงศไ์ มย้ าง และเป็นไมย้ ืนตน้ ผลัดใบ โดยทัวไปพบอยู่ในป่ าเต็งรัง มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ โดยทัวไปนําไปใช้ในการก่อสร้างที เกียวขอ้ งกบั การรับนาํ หนกั มากๆ อาทิ คาน พืน เสา ไมห้ มอนรถไฟหรือสะพาน เป็นตน้ ซึงตวั อยา่ งลกั ษณะ ของลาํ ตน้ ไมร้ ังในและตวั อยา่ งลกั ษณะเนือไมไ้ ดใ้ นแสดงภาพที ก) ลาํ ตน้ ไมร้ ัง ข) ไมร้ ังแปรรูป ภาพที 15 ตวั อยา่ งไมร้ ังและไมร้ ังแปรรูป ทีมา: http://www.suansavarose.com/index.php?mo=3&art= และ http://www.designlikeus.com/material_view.php?select_mate_id=10 . . . ไมต้ ะแบก ขึนในป่ าเบญจพรรณชืนและป่ าแลง้ ทวั ๆ ไปซึงจะมีลกั ษณะ เนือไมส้ ีเทาจนถึงสีนาํ ตาลอมเทาเสียนตรงหรือเกือบตรง เนือละเอียดปานกลางเป็ นมนั มีความแข็งและ เหนียว ซึงทนทานไดด้ ีถา้ ใชใ้ นร่มไม้ ซึงนิยมใช้ทาํ เสาบา้ น ทาํ เรือ แพ เกวียน เครืองกสิกรรมและ เครืองเรือน เป็นตน้ ซึงลกั ษณะตวั อยา่ งลาํ ตน้ ตะแบกและไมต้ ะแบกแปรรูปเพือการนาํ ไปใชง้ านดงั แสดงใน ภาพที

ก. ลาํ ตน้ ตะแบก ข. ไมต้ ะแบกแปรรูป ภาพที ตวั อยา่ งลาํ ตน้ ตะแบกและการแปรรูปไมต้ ะแบก ทีมา: ชลดา แสงคลอ้ ย, และ http://www.rakbankerd.com/agriculture/wb/show.php?Category=agriculture&No=17677 . . . ไม้สัก เป็ นตน้ ไม้ขนาดใหญ่พบในป่ าเบญจพรรณทางภาคเหนือ และ บางส่วนของภาคกลางและตะวนั ตก จะเนือไมเ้ ป็นสีเหลืองทอง และเมือทิงไวน้ านๆ จะกลายเป็นสีนาํ ตาล และมีกลินเหมือนหนงั ฟอกเก่าๆ มีสีเสน้ สีแก่แทรก เสียนตรง เนือหยาบและไม่สมาํ เสมอ โดยปลวกมอดไม่ ทาํ อนั ตราย ซึงมีตวั อยา่ งลาํ ตน้ และซุงไมส้ กั แปรรูปในรูปดงั แสดงในภาพที ก. ป่ าไมส้ กั ข. ลาํ ตน้ ไมส้ ัก ค. ซุงไม้สกั ง. ไมแ้ ปรรูป ภาพที ตวั อยา่ งไมส้ ักและการแปรรูป

ทีมา: http://xn--12cb7gd5b3bd9l wb.com . . . ไมเ้ คยี ม เป็นไมย้ นื ตน้ ขนาดกลางถึงขนาดใหญส่ ูง – ม. มีเรือนยอดเป็นพุ่ม ทึบทรงเจดียต์ าํ ๆ ลาํ ตน้ ตรง เปลือกเรียบสีนาํ ตาลเขม้ มีเนือละเอียด แข็ง เหนียว หนกั แข็งแรงมาก ใชท้ าํ หมอนรางรถไฟ หรือโครงสร้างทีตอ้ งการความแขง็ แรงมาก สะพาน แพ พืน เป็นตน้ ซึงลกั ษณะลาํ ตน้ และ เนือไมเ้ คยี มแปรรูปแสดงในภาพที ก. ลาํ ต้นไม้เคยี ม ข. ไมแ้ ปรรูป ภาพที ตวั อยา่ งลาํ ตน้ ไมเ้ คยี มและการแปรรูป ทีมา: http://www.biogang.net/biodiversity_view.php?menu=biodiversity&uid=22502&id=133832 7.3. . ไมป้ ระดู่ หรือไมช้ ิงชงั หรือไมพ้ ยงุ เป็นตน้ ไมส้ ูงใหญ่พบในป่ าเบญจพรรณชืน และป่ าแลง้ ทวั ไป ในพืนทีๆ มีชุกชุมทางภาคเหนือและภาคอีสาน (เวน้ ในภาคใต)้ ลกั ษณะเนือไมม้ ีสีแดงอม เหลืองถึงสีแดงเหมือนสีอิฐแก่ สีเส้นเสียนแก่กวา่ สีพืน เนือละเอียดปานกลาง แขง็ และทนทาน ไสกบตกแตง่ ไดด้ ีและชกั เงาไดด้ ี ใชใ้ นการก่อสร้าง ทาํ เครืองเรือน รวมทงั สิงอืนๆ ทีตอ้ งการความแข็งแรงทนทาน โดย ลกั ษณะลาํ ตน้ และตวั อยา่ งไมแ้ ปรรูปไดแ้ สดงในภาพที

ก. ลาํ ตน้ ไมป้ ระดู่ ข. ไมแ้ ปรรูป ภาพที ลกั ษณะลาํ ตน้ และตวั อยา่ งไมป้ ระดู่แปรรูป ทีมา: ชลดา แสงคลอ้ ย, และ http://www.designlikeus.com/material_view.php?select_mate_id=10 . . . ไมม้ ะค่าเต้ เป็ นตน้ ไมข้ นาดกลางถึงขนาดสูงใหญ่ พบในป่ าแดงและป่ าเบญจ พรรณแลง้ ทวั ไป ซึงลกั ษณะเนือไมเ้ ป็นสีนาํ ตาลอ่อนถึงสีนาํ ตาลแก่ มีเสียนสับสนและเนือค่อนขา้ งหยาบแต่ สมาํ เสมอ มีความมนั เลือม มีแข็งและทนทานต่อทนมอดและปลวกไดด้ ี แต่เลือยและไสกบตกแต่งไดย้ าก นิยมใชท้ าํ ทาํ ไมห้ มอนรางรถไฟ ทาํ เครืองเกวียน เครืองไถนา เครืองเรือน เป็ นตน้ ซึงลกั ษณะลาํ ตน้ ไมม้ ะ คา้ เตแ้ ละการตวั อยา่ งการแปรรูปแสดงในภาพที ก. ลาํ ต้นไม้มะค่าเต้ ข. ไม้แปรรูป ภาพที ลกั ษณะตน้ ไมม้ ะคา่ เตแ้ ละตวั อยา่ งแผน่ แปรรูป ทีมา: http://www.thaitambon.com/tambon/ttrvList.asp?ID=420801 และ http://www.makawood.com/eng/index.htm . . . ไมช้ นั เนือไมม้ ีลกั ษณะเป็นสีนาํ ตาลอ่อนถึงแก่ เสียนตรงพอประมาณ เนือ หยาบและสับสนแข็งพอประมาณ มีความเหนียวและทนทาน เมือนําไปเลือยและไสกบตกแต่งไดย้ าก บางครังเรียกวา่ เตง็ ดง ใชท้ าํ หมอนรางรถไฟ ใชก้ ่อสร้างอาคาร อาทิ ทาํ โครงสร้าง ตง คาน โครงหลงั คา พืน ปาร์เก เป็นตน้ . . ไมเ้ นือแข็งปานกลาง เป็ นไมท้ ีมีความแข็งแรง 600 ถึง 1000 กก./ตร.ซม. โดยมีความ ทน อาทิ ไมเ้ หียง ไมก้ าเปอร์ ไมย้ างไมก้ ระบากหรือไมก้ ะบากไมก้ ระทอ้ น และอืนๆ ซึงนิยมนาํ มาใชใ้ นงาน ก่อสร้างโดยทวั ๆ ไป อาทิ ไมฝ้ า ไม่คร่าว ฝ้าเพดาน ไมแ้ บบหล่อ เป็นตน้ โดยมีคุณสมบตั ิและประโยชน์ที ควรทราบดงั ตอ่ ไปนี . . . ไมย้ าง เป็นไมเ้ นือแข็งปลานกลางมีลกั ษณะเนือไมเ้ ป็นสีแดงเรือหรือสีนาํ ตาล หม่น เสียนมกั ตรง เนือหยาบ แข็งปานกลาง ไสกบ หรือตกแต่งไดง้ ่าย ใชใ้ นการก่อสร้างเหมาะสําหรับงาน ในร่ม นิยมใชท้ าํ เคร่าฝา ไมค้ ร่าวฝ้าเพดาน เสียนไมห้ ยาบเหนียวทาํ ใหต้ อกตะปูง่าย เลือยและไสกบตกแต่ง ไดด้ ี มีลาํ ตน้ ไมส้ ูงใหญ่ สูงชะรูด ไม่มีกิงทีลาํ ตน้ มกั ขึนเป็ นหมู่ในป่ าดิบชืน ดงั แสดงตวั อย่างลาํ ตน้ ไมย้ าง และการแปรรูปในภาพที

ก. ลาํ ต้นไม้ยาง ข. ไมแ้ ปรรูป รูปที ลกั ษณะตน้ ยางและการแปรรูปไมย้ าง ทีมา: http://www.takuyak.com/index.php?mo=3&art= และ http://nongbuakeawwoods.com/sara.php?action=sara1_2_1 . . . ไมน้ นทรี เป็ นไมย้ ืนตน้ ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ โดยมีลกั ษณะเนือไมเ้ ป็ นสี ชมพูอ่อนถึงสีนาํ ตาลแกมชมพู เป็นมนั เลือม เสียนตรงหรือเป็นลูกคลืนหรือสับสนบา้ งเลก็ น้อยเสียนตรง หรือเป็นลกู คลืน ใชท้ าํ ไมพ้ ืนเพดานและฝา ทาํ เครืองเรือน ทาํ หีบใส่ของต่างๆ ดงั ตวั อยา่ งลาํ ตน้ ไนนทรีและ การแปรรูปตวั อยา่ งการนาํ ไปใชง้ านดงั แสดงในภาพที ก ลาํ ต้นไม้นนทรี ข การนาํ มาทาํ เครืองเรือน ภาพที ลกั ษณะตน้ ของตน้ นนทรีและการนาํ มาใชง้ าน ทีมา : ชลดา แสงคลอ้ ย, และhttp://www.thaidreamhost.com/ webboard/detail.php?mem_id=&ser=board2&lan=&board_id=5632&pageid=1&cat_id=15

. . . ไมก้ ระบาก (หรือไมก้ ะบาก กระบากขาว กระบากโคก กระบากดาํ กระบาก ช่อ) มีลาํ ตน้ ขนาดใหญ่สูง - ม. โดยลกั ษณะเนือไมโ้ ดยรวมเป็ นสีตงั แต่นวลเหลืองถึงนาํ ตาลอ่อนแกม แดง มีเสียนมกั ตรงและเนือหยาบแตส่ มาํ เสมอ มีความแขง็ แรง และเหนียว แตม่ ีขอ้ เสียคอื เนือเป็นทรายทาํ ให้ กดั คมเครืองมือ ใชท้ าํ แบบหล่อคอนกรีตไดด้ ีเพราะถกู นาํ แลว้ ไม่บิดงอ ซึงลกั ษณะลาํ ตน้ และการแปรรูปเพอื นาํ ไปใชง้ านดงั ในภาพที ก. ลาํ ต้นไม้กระบาก ข. ไมแ้ ปรรูป ภาพที ลกั ษณะตน้ ไมก้ ระบากและการแปรรูป ทีมา: http://www.oknation.net/blog/print.php?id=89646 และ http://nongbuakeawwoods.com/sara.php?action=sara1_2_2 . . . ไมม้ ะม่วงป่ า ไมใ้ หญ่ในป่ าดิบชืนและป่ าเบญจพรรณหรือตามทีชุ่มชืนทวั ไป ลกั ษณะเนือไมไ้ ม่มีแก่นมากนกั เป็นสีนาํ ตาลไหม้ เสียนค่อนขา้ งตรงเนือเป็นมนั เลก็ นอ้ ย แข็ง เหนียว เลือย และไสกบไดง้ ่าย ใชท้ าํ เครืองเรือน เครืองเฟอร์นิเจอร์และดา้ มเครืองมือเครืองใช้ ซึงลกั ษณะลาํ ตน้ และไม้ แปรรูปแสดงในภาพที ก. ลาํ ต้นไม้มะม่วงป่ า ข. ไมแ้ ปรรูป ภาพที ลกั ษณะลาํ ตน้ และเนือไมแ้ ปรรูปไมม้ ะม่วงป่ า ทีมา: ชลดา แสงคลอ้ ย, และhttp://nongbuakeawwoods.com/sara.php?action=sara1_2_5

. . . ไมช้ ุมแพรก เป็นไมย้ ืนตน้ ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ชนิดไม่ผลดั ใบ มีความ สูงประมาณ - ม. ซึงเนือไมเ้ มือเลือยใหม่ ๆ สีแดงเขม้ เมือถูกอากาศจะเป็ นสีนาํ ตาลอมแดงเป็ นมนั มี เสียนตรงเป็นริวห่าง เหนียว แขง็ ถา้ ใชใ้ นร่วมจะทนทานดี เลือยและไสกบตกแตง่ ไดง้ า่ ย ชกั เงาไดด้ ี . . ไมเ้ นืออ่อน เป็นไมท้ ีมีวงปี กวา้ งมาก เนืองจากเป็นไมโ้ ดเร็ว ลาํ ตน้ ใหญ่ เนือค่อนขา้ ง เหนียว แต่สามารถนํามาทาํ งานไดง้ ่าย เนือไมม้ ีสีจางหรือค่อนขา้ งซีด อาทิ ไมฉ้ ําฉา ไมเ้ หียง ไมโ้ มก ไม้ กระทอ้ น ไมย้ มหอม ไมจ้ าํ ปาป่ า ไมส้ นต่างประเทศ เป็ นตน้ ซึงมีคุณสมบตั ิและประโยชน์ในการนาํ ไปใช้ งานทีควรทราบมีดงั ตอ่ ไปนี . . . ไมก้ า้ นเหลือง โดยทวั ไปไมข้ นาดกลางถึงขนาดใหญ่ ไมก้ า้ นเหลืองส่วนมาก จะ ขึนตามริมนาํ แม่นาํ ลาํ ธารหรือในทีชุ่มชืนดงั แสดงในภาพที และนิยมใชง้ านตกแต่งภายในอาคาร มี เนือไมส้ ีเหลือง ปนแสด มีเสียนตรงละเอียด เลือยไสกบไดง้ ่ายชกั เงาไดด้ ี ใช้ทาํ พืน ฝา เครืองเรือน หีบใส่ ของ เป็นตน้ ก. ลาํ ต้นไม้ก้านเหลือง ข. นาํ ไมม้ าใชง้ านพืนและผนงั ภาพที ลาํ ตน้ ไมก้ า้ นเหลืองและการนาํ ไมม้ าใชง้ าน ทีมา: http://poookkk.blogspot.com/ และ http://nongbuakeawwoods.com/sara.php?action=sara1_3_2

. . . ไมส้ ยาขาว เป็นตน้ ไมข้ นาดใหญ่ ขึนตามไหล่เขาและบนเขาในป่ าดิบทาง ภาคใต้ โดยลกั ษณะเนือไมเ้ ป็นสีชมพูอ่อนแกมขาวถึงสีนาํ ตาลอ่อนแกมแดง มีเนือหยาบอ่อนและค่อนขาง เหนียว ใชท้ าํ ใบพดั เครืองเรือนและส่วนของอาคารทีอยใู่ นร่ม โดยเปลือกไมใ้ ชท้ าํ ไมอ้ ดั เป็นตน้ ซึงลกั ษณะ ลาํ ตน้ และตวั อยา่ งการนาํ ไปใชง้ านดงั แสดงในภาพที ก. ลาํ ต้นไม้สยาขาว ข. นาํ ไมม้ าใชง้ านเป็นใบพดั ภาพที ลกั ษณะลาํ ตน้ ไมส้ ยาขาวและการนาํ ไปใชง้ าน ทีมา: http://yalanama.blogspot.com/2007/08/blog-post_4717.html และ http://nongbuakeawwoods.com /sara.php? action=sara1_3_1 . . . ไมม้ ะยมป่ า (หรือกะยมป่ า ดีงูตน้ ) ไมย้ นื ตน้ ขนาดกลางมีลาํ ตน้ คลา้ ยตน้ มะยม ขึนในป่ าดิบชืน มีเนือไมไ้ ม่มีแก่น สีจาง เสียนตรง นิยมใชท้ าํ กา้ นไมข้ ดี ไฟ กลกั ไมข้ ีดไฟ ซึงลกั ษณะลาํ ตน้ และเนือไมแ้ สดงในภาพที ก. ลาํ ต้นไม้มะยมป่ า ข. ไมแ้ ปรรูป ภาพที ลกั ษณะลาํ ตน้ และตวั อยา่ งไมแ้ ปรรูปไมม้ ะยมป่ า

ทีมา: ชลดา แสงคลอ้ ย, และ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=imaginer&month=07-06- 2009&group=2&gblog=82 . . . ไมม้ ะพร้าว เป็ นไมเ้ นืออ่อน ซึงมีความหนาแน่นตรงริมขอบ มากกว่าตรง กลางตน้ ตอนกลางๆ มีความหนาแน่น ถึง กก./ลบ.ม. นิยมใชส้ ําหรับงานส่วนประกอบของอาคาร และนาํ มาเป็นเฟอร์นิเจอร์ทีสวยงามได้ ดงั ตวั อยา่ งในภาพที ก. ลาํ ต้นไม้มะพร้าว ข. ตัวอย่างการนาํ ไปใชง้ าน ภาพที ลกั ษณะตน้ มะพร้าวและตวั อยา่ งการนาํ ไปใชง้ าน ทีมา:ชลดา แสงคลอ้ ย, และ http://www.jadsan.com/product.aspx? shop_id=10&product_id=113&po . . ไมอ้ ดั สามารถแบ่งออกตามลกั ษณะการใชง้ านได้ ประเภท คือ 7.3.4.1 ประเภทใชง้ านภายใน โดยไมอ้ ดั ทียดึ ติดดว้ ยกาวยเู รียฟอร์มาดีไฮด์ โดยมีความ ทนทานต่อสภาพลมฟ้าอากาศไดป้ านกลาง ซึงเหมาะสําหรับใช้งานภายในอาคารหรือในทีซึงไม่ถูกกบั ความชืน หรือฝน เช่น ประตู ฝ้าเพดาน งานเฟอร์นิเจอร์ กันผนังห้องภายในอาคาร ฯลฯ โดยใช้ สัญลกั ษณ์ประทบั ตราดว้ ยหมึกสีมว่ ง 7.3.4.2 ประเภทใชง้ านภายนอก โดยไมอ้ ดั ทียึดติดดว้ ยกาวพีนอลฟอร์มาดีไฮด์ โดยมี ความทนทานต่อสภาพลมฟ้าอากาศไดด้ ี ซึงเหมาะสําหรับใชง้ านภายนอกอาคาร หรือในทีซึงถูกนาํ หรือ เปี ยกชืน เช่น ประตูหอ้ งนาํ งานต่อเรือ งานแบบหล่อคอนกรีต กนั ผนงั ห้องภายนอกอาคาร ฯลฯ โดยใช้ สัญลกั ษณ์ประทบั ตราดว้ ยหมึกสีแดง 7.3.4.3 ประเภทใชง้ านชวั คราว โดยไมอ้ ดั ทีผลิตดว้ ยกาว ไม่ทนต่อความเปี ยกชืน ซึง เหมาะสําหรับใช้งานชวั คราวเท่านนั เช่น กนั ห้องคนงานชวั คราว ลงั บรรจุภณั ฑท์ ีไม่สัมผสั กบั ความชืน และใชใ้ นงานทาํ ป้ายโฆษณาในระยะสัน ฯลฯ

ไมอ้ ดั ทีบริษทั ผผู้ ลิตออกมาจาํ หน่าย มีขนาดมาตรฐานทวั ไปคือ .  2.40 เมตร (โดยมี ขนาดจริงคือ 1.22  2.44 เมตร) โดยมีความหนามาตรฐานทวั ไปคือ , , , และ มิลลิเมตร การใช้ งานของไมอ้ ดั ดูตามภาพที ภาพที แสดงการใชไ้ มอ้ ดั เป็นผลิตภณั ฑป์ ระตู ผลิตภณั ฑ์จากอุตสาหกรรมไม้อดั ได้เกิดขึนเนืองจากป่ าไมถ้ ูกทาํ ลายและมีจาํ นวนเหลือ น้อยลงทุกปี ในสมยั รัฐบาลจอมพลสฤษดิ ธนะรัตน์ จึงไดม้ ีนโยบายทีจะปฏิรูปการใชไ้ มข้ องประเทศให้ เป็ นไปโดยประหยดั ตามหลกั วิชาการ เศรษฐกิจ พร้อมทงั สะดวกแก่การใชง้ านต่าง ๆ เช่น งานก่อสร้าง งานเครืองเรือนต่าง ๆ งานอุตสาหกรรมต่างๆ ดว้ ยเหตนุ ี บริษทั ไมอ้ ดั ไทย จาํ กดั ไดก้ าํ เนิดขนึ เมือวนั ที พฤศจิกายน เพือสนองนโยบายของรัฐดงั กลา่ ว โดยมีรายละเอียดและกรรมวิธี ดงั นี 1) ไมอ้ ดั (Plywood) ซึงเรียกอีกอย่างวา่ ไมอ้ ดั สลบั ชนั คือ การนาํ ไมบ้ าง ๆ หลาย ๆ แผ่นมา ประกอบให้ยดึ ติดกนั ดว้ ยกาว โดยมีการจดั วางไมบ้ างแต่ละแผ่นจะตอ้ งมีแนวเสียนขวางตงั ฉากกนั ซึงจะ ช่วยเพิมคุณสมบตั ิดา้ นความแข็งแรง พร้อมทงั ลดการขยายตวั หรือหดตวั ในระนาบของแผ่นใหเ้ กิดขึนนอ้ ย ทีสุด 2) ไมบ้ าง (Veneer) คือ แผ่นไมบ้ าง ๆ ทีไดจ้ ากการปอกหรือฝานจากท่อนซุง ซึงจาํ นวน ของไมบ้ างทีประกอบเป็นไมอ้ ดั นนั โดยปกติจะใช้ ชนั แต่ถา้ ไมอ้ ดั มีความหนามากกว่า มิลลิเมตร อาจ ตอ้ งใชไ้ มบ้ าง ชนั หรือมากกวา่ 3) ซุง (Log) ซึงซุงทีนาํ มาใช้อาจใชไ้ มส้ ัก ไมย้ าง ไมจ้ าํ ปา ไมม้ ะปิ น ไมย้ มหิน และ ไม้ กระยาเลย ฯลฯ โดยก่อนจะนาํ ซุงเขา้ สู่กระบวนการผลิตจะตอ้ งทาํ การตดั ซุงออกเป็นท่อน ๆ โดยใหม้ ีความ ยาวพอดีกับเครืองปอกหรือฝาน หลังจากนันจึงนําซุงไปต้มหรือนึงเสียก่อน เพือให้เนือซุงอ่อนตัว โดยสะดวกต่อการปอกหรือฝานเป็นแผ่นบาง ๆ ไดง้ ่าย โดยสารเคมีทีอยูใ่ นเนือไมบ้ างชนิดจะมีปฏิกิริยาที จะช่วยรักษาเนือไมด้ ว้ ย

. การเกบ็ กองไม้ การป้องกนั และรักษาเนือไม้ ไมเ้ ป็นวสั ดุก่อสร้างทีตอ้ งมีการกองเกบ็ รักษาให้เหมาะสม มิฉะนนั จะเกิดสภาพเสือม ผุผงั หรือ มีเชือราขึน จะทาํ ใหน้ าํ ไปใชง้ านไดไ้ มเ่ หมาะสม ซึงการเกบ็ กองและการรักษาควรดาํ เนินการดงั นี . การเกบ็ กองไม้ ดงั แสดงในภาพที ซึงแสดงไดล้ กั ษณะการเกบ็ ไมใ้ นโรงงานเก็บหนา้ สถานทีก่อสร้าง โดยการเก็บกองไม้ ควรมีหลงั คาปิ ดคุมมิดชิดและไม่มีถูกนาํ ฝน โดยควรมีฝาเป็นแผงกะบงั ลมซึงสามารถบงั คบั กระแสอากาศได้ และไมค่ วรใหม้ ีเศษไมแ้ ละขยะมูลฝอย ซึงจะเป็นทีอยขู่ องสัตวก์ ดั แทะ หรือตวั แมลงทีอาศยั อยใู่ นไมไ้ ด้ ซึงการสร้างโรงเกบ็ ไมแ้ ละบริเวณการปฎิบตั ิงานประกอบไมใ้ นบริเวณโรง เก็บควรเวน้ ช่องทางเดินหรือช่องทางสําหรับการขนถ่ายบริเวณตรงกลางโรงเก็บหรือดา้ นขา้ งโดยรอบๆ ประมาณไมต่ าํ กวา่ . ม. ถา้ โรงเกบ็ ไมห้ ากมีบริเวณกวา้ งควรมีทีจดั ผงึ ไมด้ ว้ ย และตอ้ งมีการป้องกนั การเกิด อคั คีภยั ทีอาจเกิดขนึ ในโรงเกบ็ ไมด้ ว้ ย ก. การผงึ และการเกบ็ ไม้ ข. โรงเกบ็ ไม้แบบปิ ดทบึ ค. โรงเกบ็ แบบโปร่งพืนทที ํางาน ง. โรงเกบ็ แบบโปร่งแยกขนาด รูปที ตวั อยา่ งโรงเกบ็ ไมก้ ารผึงไม้ และโรงเก็บแบบถาวร ทีมา: http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=guqin&month=05-06-2008&group=5&gblog=4 http://www.spk-sawmill.com/customize-ABOUTUS-102372-1.html http://nuthida.blogspot.com/ และ http://www.thaiwoodproduct.com/?p=17&a=723

. การป้องกนั รักษาเนือไม้ การผขุ องไมเ้ กิดจากการกระทาํ ของฟังใจ (Fungi) ซึงเป็นจุลินทรีย์ ทีมุ่งทําลายใยไม้โดยจะกัดกินเยือไม้ (Tissue) เป็ นอาหาร การทําลายของฟังใจจะจะเกิดจากปัจจัย ดงั ต่อไปนี - มีอาหารทีฟังใจชอบ - มีปริมาณอากาศทีเคลือนไหวนอ้ ย - มีสภาพความชืนทีพอเหมาะ - มีอุณหภมู ิทีพอเหมาะกบั ฟังใจ ถา้ ขาดปัจจยั ใดปัจจยั หนึงการทาํ ลายของฟังใจจะไม่เกิดขึน จะทาํ ให้ไมม้ ีอายกุ ารใชง้ านทียาวนานและมี คณุ ภาพดี ดงั นนั จึงมีความจาํ เป็นจะตอ้ งมีการรักษาเนือไมอ้ ยา่ งดีทีสุด การป้องกนั รักษาเนือไมท้ ีดีทีสุด ก็คือ การทาํ ใหอ้ าหารของฟังใจเป็นพิษ โดยการทา หรือพ่นนาํ ยาหรือการอาบนาํ ยาทีเป็นพิษเขา้ ไปในเนือ ไม้ เราสามารถแบ่งการป้องกนั รักษาเนือไมอ้ อกเป็น วธิ ีใหญ่ ๆ คอื 8.2.1 วิธีการทาหรือพ่น เป็นวิธีการป้องกนั รักษาเนือไมท้ ีง่ายและค่าใช้จ่ายตาํ โดยการเอา แปรงทาหรือใช้เครืองพ่นทีไม้ โดยการทา หรือใชเ้ ครืองพ่น ควรทาํ อย่างนอ้ ยสองครัง เพราะว่าจะทาํ ให้ นาํ ยาซึมเขา้ ไปในเนือไมอ้ ยา่ งทวั ถึง ทาํ ใหไ้ มม้ ีความคงทนใชง้ านไดย้ าวนาน 8.2.2 วิธีการอาบนาํ ยา เป็ นวิธีการป้องกนั รักษาเนือไมท้ งั ทีเป็ นซุง หรือทีผ่านการแปรรูป มาแลว้ ก็ได้ วิธีการคอื การนาํ ไมท้ ีตอ้ งการอาบนาํ ยาลงไปแช่ในถงั อดั นาํ ยา โดยจะทาํ การอดั นาํ ยาดว้ ยแรงอดั ภายในถงั ซึงจะทาํ ใหน้ าํ ยาสามารถซึมเขา้ ไปในเนือไมไ้ ดอ้ ยา่ งทวั ถึง วธิ ีการอดั นาํ ยาสามารถแบง่ ออกไดอ้ ีก วิธีดงั นี 8.2.2.1 การอดั นาํ ยาแบบไม่เต็มเซลล์ (Empty Cell Process) ซึงเป็ นการอดั นาํ ยาเพียง เพอื ใหน้ าํ ยาซึมเขา้ ไปในเซลลแ์ ละเกาะติดอยู่ตามผิวของผนงั เซลลข์ องไมเ้ ทา่ นนั กรรมวิธีจะเริมจากการนาํ ไมเ้ ขา้ ไปในถงั แลว้ ให้อากาศอดั เขา้ ไปในถงั อากาศทีอดั เขา้ ไปจะเขา้ ไปอยู่ในเซลล์ต่าง ๆ ของเนือไมด้ ว้ ย แรงอดั ประมาณ – กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร หลงั จากนนั ก็ปล่อยนาํ ยาเขา้ ถงั ดว้ ยแรงอดั ทีสูงกว่าครัง แรกประมาณ – กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร ปล่อยใหน้ าํ ยาซึมเขา้ ไปในเนือไมจ้ นเตม็ เซลล์ 8.2.2.2 การอัดนํายาแบบเต็มเซลล์ (Full Cell Process) ซึงการอัดนํายาด้วยวิธีนีมี จุดประสงคเ์ พือตอ้ งการให้นาํ ยาสามารถซึมเขา้ ไปในเซลลเ์ นือไมม้ ากทีสุดเท่าทีจะมากได้ กรรมวิธีจะเริม จากการนําไมเ้ ขา้ ไปในถงั แลว้ ทาํ การไล่อากาศและนาํ ภายในเซลล์ไมอ้ อกให้หมดด้วยระบบสุญญากาศ หลงั จากนนั กป็ ล่อยนาํ ยาเขา้ ถงั ดว้ ยแรงดนั ถึง – กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร ทีอณุ หภมู ิประมาณ – องศาเซนเซียส เพือให้นาํ ยาอดั เขา้ ไปในเนือไมไ้ ดท้ วั ทุกเซลล์ ใช้ระยะเวลาประมาณ – ชวั โมง ซึงหลงั จากนันก็ลดแรงดันและปล่อยนาํ ยาออกจากถงั โดยขณะเดียวกนั ก็ทาํ สุญญากาศอีกครังก็เพือให้ เนือไมแ้ หง้ . นํายารักษาเนือไม้ นาํ ยารักษาเนือไม้ เป็นนาํ ยา หรือสารเคมีทีนาํ มาใชใ้ นการป้องกนั รักษา เนือไมใ้ หม้ ีอายุ การใชง้ านทียาวนาน มีอยหู่ ลายชนิด ผใู้ ชจ้ ะตอ้ งเลือกใหใ้ หเ้ หมาะกบั ลกั ษณะของงานนนั ๆ มีรายละเอียด ดงั นี

8.3.1 ครีโอโสต (Coal – Tar Creosote) ซึงเป็ นนํามันทีเป็ นผลพลอยได้มาจากการกลัน นาํ มนั ดิบ และถา่ นหิน ซึงมีสีดาํ หรือสีนาํ ตาล โดยมีคุณสมบตั ิในการรักษาเนือไม้ เพราะวา่ เป็นสารทีมีพิษ ตอ่ เชือรา และแมลงตา่ ง ๆ ซึงแทรกซึมเขา้ เนือไมไ้ ดง้ ่าย หาซือไดง้ ่าย แต่มีกลินเหมน็ ไม่ละลายในนาํ ทาสี บา้ นไม่ไดเ้ หมาะสาํ หรับการทาเสาเขม็ ไม้ โคนเสาใตถ้ นุ บา้ น หรือโครงหลงั คาไมบ้ นผา้ เพดาน 8.3.2 นาํ มนั ปิ โตรเลียม(Petroleum) ซึงเป็นนาํ มนั ปิ โตรเลียมดิบ หรืออาจจะใชน้ าํ มนั เครือง เก่าทีผ่านการใชง้ านมาแลว้ ทีเรียกวา่ นาํ มนั ขีโล้ โดยนาํ มาผสมกบั นาํ มนั ครีโอโสตในสัดส่วนครึงต่อครึง เพือทาํ ใหท้ าไดง้ า่ ยขึน ซึงมีคณุ สมบตั ิป้องกนั แมลงเจาะไช และป้องกนั การผุ ใชใ้ นการทาไมห้ รือเสาไมท้ ี สัมผสั กบั พืนดิน 8.3.3 ซิงค์คลอไรด์ (Zine Choride) ซึงเป็ นผงสีขาวหาซือได้ง่าย มีราคาถูก ไม่มีกลิน สามารถทาสีบา้ นได้ เนือไมท้ ีไดร้ ับสารนีเขา้ ไปก็จะช่วยทาํ ใหท้ นไฟไดด้ ีขึน ละลายในนาํ ได้ แตจ่ ะไมเ่ หมาะ กบั งานในทีโล่งแจง้ ตอ้ งเป็นไมท้ ีแห้ง โดยมีคุณสมบตั ิในการป้องกนั พวกเห็ดรา และแมลงเจาะไมต้ ่าง ๆ ยกเวน้ ปลวก เหมาะสาํ หรับงานไมท้ ีอยใู่ นทีร่มทีไมส่ มั ผสั กบั พืนดิน 8.3.4 สารหนู (Arsenic) ซึงเป็นสารทีเป็นพิษต่อแมลง และเชือราต่าง ๆ แตใ่ นการทาสารหนู ลงบนเนือไมน้ นั จะตอ้ งทาํ อย่างระมดั ระวงั เพราะสารหนูจะมีแก๊สทีเป็นอนั ตรายต่อสุขภาพของผูค้ นทีอยู่ อาศยั บริเวณนนั ๆ 8.3.5 โซเดียมฟลูออไรด์ (Sodium Fluoride) ซึงเป็ นผลึกสีขาวละลายนาํ ไดด้ ี แต่ไม่ควรใช้ ในทีทีมีหินปูน เพราะจะทาํ ให้เกิดปฏิกิริยาจบั ตวั เป็ นกอ้ น ซึงไม่เหมาะกบั งานทีอยู่ในทีโล่งแจง้ โดยมี คุณสมบตั ิในการป้องกนั พวกเห็ดราและแมลงเจาะไมต้ ่าง ๆ เหมาะสําหรับงานไมท้ ีอยู่ในทีร่มทีไม่สัมผสั กบั พืนดิน นอกจากนียงั มีนาํ ยาหรือสารเคมีอีกหลายชนิด ทีใชใ้ นการรักษาเนือไม้ ซึงก็ขึนอยู่กบั ผูใ้ ช้ ตอ้ งเลือกใชใ้ หเ้ หมาะสม สําหรับผลิตภณั ฑท์ ีรักษาเนือไมท้ ีเป็นทีรู้จกั กนั เช่น สารเซลลไ์ ดรท์ ของบริษทั เซอร์วดู้ ใชป้ ้องกนั ปลวก มอด เชือรา และแมลงตา่ ง ๆ และสารทิมเบอร์ซิลดข์ อง TOA ใชป้ ้องกนั เชือรา และกนั นาํ ซึมเขา้ เนือไม้ ฯลฯ และผลิตภณั ฑท์ ีป้องกนั เฉพาะผิวไม้ เช่น เชลแลก็ แลก็ เกอร์ ยนู ิเทน นาํ มนั วานิช และสีนาํ มนั ตา่ ง ๆ เป็นตน้

Create by Kru ChonladaSangkloy


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook