Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การท่องเที่ยว

การท่องเที่ยว

Published by 38_ศรสิริ บุตรครุฑ 1/6, 2022-02-17 07:35:40

Description: ด.ญ.ศรสิริ บุตรครุฑ ชั้นม.1/6 เลขที่38

Search

Read the Text Version

การท่องเที่ยว



ความหมายของการท่องเที่ยว ความหมายและลักษณะ ของการท่องเที่ยวเชิงนิ เวศ แหล่งท่องเที่ยว การแบ่งประเภทนั กท่องเที่ยว ตามลักษณะชีวิต และตามความสนใจ ทฤษฎีและแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนา การท่องเที่ยว

ความหมายของการท่อง เที่ยว การท่องเที่ยว หมายถึงการเดินทางเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ หรือเพื่อความสนุกสนานตื่นเต้นหรือเพื่อหาความรู้ องค์กรการ ท่องเที่ยวของสหประชาชาติ (อังกฤษ: World Tourism Organization) กำหนดไว้ว่า การท่องเที่ยวหมายถึงการเดิน ทาง โดยระยะทางมากกว่า 40 กิโลเมตรจากบ้าน เพื่อจุด ประสงค์ในการพักผ่อนหย่อนใจ การท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ มีพัฒนาการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2467 สมัยพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรม พระกำแพงเพชรอัครโยธิน ครั้งทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการ รถไฟ ซึ่งในครั้งนั้นการท่องเที่ยวในประเทศไทย ยังเป็นการท่อง เที่ยวเพื่อชมธรรมชาติและสถานที่ราชการ หรือสถานที่สำคัญ ที่ทางชาวต่างประเทศที่เข้ามาในประเทศไทยสร้างขึ้น แต่เมื่อ ประมาณ 10 ปี ที่ผ่านมาทางองค์การท่องเที่ยวโลก (www.unwto.org) ได้มีการกำหนดรูปแบบการท่องเที่ยวได้ 3 รูปแบบหลัก ได้แก่ 1) รูปแบบการท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติ 2) รูปแบบการท่องเที่ยวในแหล่งวัฒนธรรม 3) รูปแบบการท่องเที่ยวในความสนใจพิเศษ

การเดินทางของบุคคลจากสถานที่ซึ่งเป็นที่อาศัยอยู่ประจำไป ยังสถานที่อื่นเป็นการชั่วคราวและเดินทางก ไปสถานที่อาศัยเดิม โดยการเดินทางนั้นไม่ใช่เพื่อประกอบ อาชีพโดยตรง แม้ว่า รูปแบบของการท่องเที่ยวบาง ประเภทจะมีเรื่องของอาชีพ หรือ ธุรกิจการงานเข้ามา เกี่ยวข้องอยู่บ้าง เช่น การท่องเที่ยวในรูป แบบของการจัดประชุม การจัดสัมมนา การจัดฝึกอบรม นัก ท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางท่องเที่ยวมักจะมีเหตุผลหรือประเภทของ จุดมุ่งหมายในการเดินทางที่แตกต่างกันออกไปโดยมีปัจจัย ประกอบที่เป็นตัวสนับสนุน หรือ แรงผลักที่ เป็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่เท่ากัน ปัจจัยเหล่านี้ ได้แก่ รายได้ เวลา โอกาสครอบครัว การได้รับข้อมูลข่าวสาร และ ความสนใจส่วนบุคคล เช่น สนใจ เรื่องราวของชนเผ่า วัฒนธรรม ประเพณี ประวัติศาสตร์ สิ่งแวดล้อม นันทนาการ หรือความต้องการที่จะได้รับ ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ เป็นต้น ซึ่งไม่ว่าจะเดินทางด้วย เหตุผลใดก็ตาม สิ่งที่นักท่องเที่ยวต่างก็คาดหวังที่จะได้รับ คือ ความสุข ความสนุกสนาน ความเพลิดเพลิน ความรู้ และ ประสบการณ์ใหม่ที่สนองตอบความต้องการส่วน บุคคลที่มีอยู่

tourist หมายถึง นักท่องเที่ยวที่เดินทางจากที่พักอาศัยของตน แล้วกลับ มาเกินกว่า 24 ชั่วโมงและได้พักแรมที่ไหนแห่งหนึ่งชั่วคาบเวลาหนึ่ง บาง ประเทศก็ เรียกว่า night visitor excursionist หมายถึง นักท่องเที่ยวแบบช้าไป เย็นกลับ หรือกลับมาถึงบ้าน ภายใน 24 ชั่วโมงโดยไม่พักแรม ณ ที่ใด บางประเทศก็เรียกว่า day visitor visitor หมายถึงอย่างเดียวกับ tourist แต่เป็นคำที่ประเทศหนึ่งใช้เรียก นักท่องเที่ยวจากประเทศที่เข้ามา ในประเทศของตน และบางทีก็เรียกเต็มยศว่า foreign visitor นอกจากนี้ในประเทศที่ใช้คำvisitor แทนคำ tourist นี้มัก จะใช้คำว่า tourist หรือ domestic tourist ให้หมายถึงนักท่องเที่ยว ที่มี ภูมิลำเนาอยู่ในประเทศหนึ่งแล้ว ท่องเที่ยวไปแต่เฉพาะภายในประเทศของ ตนเอง การท่องเที่ยวเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งของมนุษย์ ซึ่งกระทำเพื่อผ่อนคลาย ความตึงเครียดจากกิจการงานประจำ โดยปกติ การท่องเที่ยวหมายถึง การ เดินทางของคนจากที่แห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง เป็นการชั่วคราว โดยมี วัตถุประสงค์ เพื่อการพักผ่อน หรือหาความรู้ ซึ่งครอบคลุมถึงการเดินทางเพื่อ ธุรกิจตราบที่ผู้เดินทางยังมิได้ตั้งหลักแหล่งถาวร และไม่ได้รับรายได้เพื่อยังชีพ จากเจ้าของถิ่นปลายทางโดยการท่องเที่ยวยังเป็นผลรวมของประสบการณ์ พิเศษกับสัมพันธภาพซึ่งเกิดจาการเดินทางและการพักแรมต่างถิ่นเป็นการ ชั่วคราว โดยมิได้ประกอบอาชีพ ดังนั้นการท่องเที่ยวจึงเป็นการเดินทางตามเงื่อนไขสากล 3 ประการ คือ 1 เป็นการเดินทางจากที่อยู่อาศัยปกติไปยังที่อื่นเป็นการชั่วคราว 2 เป็นการเดินทางด้วยความสมัครใจ 3 เป็นการเดินทางด้วยวัตถุประสงค์ใด ๆ ก็ตาม ที่มิใช่เพื่อประกอบอาชีพหรือ หารายได้

ความหมายและความสำคัญของการท่องเที่ยว หากกล่าวถึงคำว่า\"การท่องเที่ยว\" หลายคนอาจนึกถึงคำว่า การเดิน ทาง ไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ หรือเพื่อไปร่วมกิจกรรมบางอย่าง เยี่ยม เยือนญาติมิตร ไปประชุม หรือบางคนอาจจะนึกถึงชาวต่างประเทศ สะพายกระเป๋าอยู่กลางถนน นอนอาบแดดอยู่ริมชายหาด ดังนั้นจึงพบ ว่ากิจกรรมการเดินทางนั้น มีความเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับชีวิตมนุย์มา ตั้งแต่สมัยโบราณ อาทิเช่น การทำสงคราม การแสวงหาสินค้า แสวงหา ดินแดนใหม่ หรือเพื่อ นมัสการสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งการเดินทางบาง อย่างยังคงปรากฎให้เห็นจนถึงปัจจุบั จะพบว่าการท่องเที่ยวเป็น กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า การเดินทางไม่ใช่ การท่องเที่ยวเสมอไป ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ควรจะรู้ความ หมายขอ งการท่เที่ยว ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้อย่างมหาศาล ให้แก่ประเทศ และถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกความ หมายของการท่องเที่ยว - การท่องเที่ยวเป็นรูปแบบหนึ่งของกิจกรรมนันทนาการ และการเดิน ทาง ไม่ใช่ การท่องเที่ยวเสมอไป - มีการประชุมของสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องของการเดินทางและการ ท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี และได้ยอมรับข้อ เสนอเกี่ยวกับคำจำกัดความของการท่องเที่ยวจากนักวิชาการจากจาก องค์การการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ (WTO)ว่าการเดินทางที่จัด เป็นการท่องเที่ยวต้องมีลักษณะดังนี้ 1. เป็นการเดินทางจากที่อยู่อาศัยปกติไปยังที่อื่นเป็นการชั่วคราว 2. เดินทางด้วยความสมัครใจ 3. ไม่ใช่เดินทางเพื่อไปประกอบอาชีพและการหารายได้ การจำแนกประเภทของผู้มาเยือน การแบ่งตามช่วงเวลาที่ใช้ไปในการไป เยือนและมีการพักค้างคืน ณ สถานที่ที่ไปเยือนนั้น

ความหมายแลลักษณะของ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ Ecotourism เป็นคำที่เกิดใหม่ในวงการ อุตสาหกรรมท่อง เที่ยว โดยนำคำ 2 คำมารวมกัน ได้แก่ Eco และ Tourism คำ ว่า Eco แปลตามรูปศัพท์ว่า บ้านหรือที่อยู่อาศัย ส่วน Tourism แปลว่า การท่องเที่ยว Ecotourism จึงแปลว่า การท่องเที่ยว เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย หมายความถึง การท่องเที่ยวที่เน้นในด้านสิ่ง แวดล้อมอันเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ทั้งพืช สัตว์ และ มนุษย์ ส่วนคำว่า นิเวศ ซึ่งเป็นคำภาษาสันสกฤตที่นำมาใช้ในภาษา ไทยก็แปลว่า บ้านหรือที่อยู่อาศัยเช่นกัน (ดูพจนานุกรมฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน) ฉะนั้น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศจึงเป็นศัพท์ บัญญัติที่มีความหมายตรงกับคำในภาษาอังกฤษอย่างเหมาะสม คำว่า การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เป็นศัพท์บัญญัติที่การท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย (ททท.) นำมาใช้อย่างเป็นทางการใน พ.ศ. 2541 โดยให้มีความหมายตรงกับคำว่า Ecotourism ในภาษา อังกฤษ ศัพท์บัญญัตินี้ได้รับความเห็นชอบจากราชบัณฑิตยสถาน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบัญญัติศัพท์แล้วเพื่อขยาย ความหมายของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศให้ชัดเจนยิ่งขึ้น จะขอ กล่าวถึงคำนิยามที่นักวิชาการได้ให้ไว้ในที่ต่างๆ

การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ คือ การท่องเที่ยวรูปแบบหนึ่งที่ เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปยังแหล่งธรรมชาติ และแหล่ง วัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ มีการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม โดยมีการ ควบคุมผลกระทบ และสร้างบรรยากาศของการศึกษาเรียนรู้ ธรรมชาติแวดล้อม พร้อมให้ชุมชนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม และ ได้ รับประโยชน์เพื่อเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตแหล่งธรรมชาติ รวมทั้งแหล่ง วัฒนธรรมอย่างมีความรับผิดชอบ โดยไม่ก่อให้เกิดการรบกวน หรือทำความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และ มีวัถตุประสงค์อย่างมุ่งมั่นเพื่อชื่นชม ศึกษา เรียนรู้ และเพลิดเพลิน ไปกับทัศนียภาพ พืชพรรณ และสัตว์ป่า ตลอดจนลักษณะทาง วัฒนธรรมที่ปรากฏในแหล่งธรรมชาตินั้น อีกทั้งช่วยสร้างโอกาส ทางเศรษฐกิจที่ส่งผลให้การอนุรักษ์ ปกปักรักษา ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนท้อง ถิ่นด้วยแนวคิดพื้นฐานของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

แหล่งท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแบ่งตามความสําคัญ และ สภาพแวดล้อม ได้ 12 ประเภทดังนี้ 1. แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ : (Eco-tourism) หมายถึง แหล่งท่องเที่ยวที่มีลักษณะทางธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น โดย อาจมีเรื่องราว ทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับระบบนิเวศที่เกี่ยวข้องโดย การจัดการการท่องเที่ยวใน แหล่งนั้น จะต้อง มีกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของผู้ที่เกี่ยวข้องมีกิจกรรมที่ส่งเสริม ให้เกิดการเรียนรู้ เกี่ยวกับระบบนิเวศ นั้น มีการจัดการสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมของท้องถิ่น เพื่อมุ่งเน้น ให้เกิดจิตสํานึก ต่อการรักษาระบบนิเวศอย่างยั่งยืน 2. แหล่งท่องเที่ยวทางศิลปะวิทยาการ (Arts and Sciences Educational Attraction Standard) : หมายถึง แหล่งท่องเที่ยวหรือกิจกรรมที่สามารถตอบสนองความสนใจพิเศษของนัก ท่องเที่ยว ซึ่งมี รูปแบบของการท่องเที่ยวที่ชัดเจนเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวแบบใหม่ที่เกิดขึ้น แหล่ง ท่องเที่ยว ประเภทนี้สามารถเพิ่มเติมได้อีกมากมายตามความนิยมของคนในแต่ละยุคสมัย เมื่อมี การระบุชัดว่า กิจกรรมนั้นๆ สามารถให้ความรู้และดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ ปัจจุบันมีปรากฏอยู่หลายๆ แห่ง ตัวอย่าง เช่น พิพิธภัณฑ์เฉพาะทาง แหล่งท่องเที่ยวเพื่อการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรมและ เทคโนโลยี และ MICE (Meeting & Incentives & Conventions & Exhibitions) เป็นต้น

3. แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์(Historical Attraction) : หมายถึง แหล่งท่องเที่ยวที่มีความสําคัญและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี และศาสนา รวมถึง สถานที่หรืออาคารสิ่งก่อสร้างที่มีอายุเก่าแก่หรือเคยมีเหตุการณ์ สําคัญ เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ เช่น โบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์ ชุมชนโบราณ กําแพงเมือง คูเมือง พิพิธภัณฑ์ วัด ศาสนสถาน และสิ่งก่อสร้างที่มีคุณค่าทางศิลปะและสถาปัตยกรรม 4. แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ : (Natural Attraction) หมายถึง สถานที่ที่เปิดใช้เพื่อการท่องเที่ยว โดยมีทรัพยากรธรรม ชาติเป็น สิ่งดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยว มาเยือน ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้อาจจะเป็นความงดงามตามสภาพ ธรรมชาติ ความ แปลกตา ของสภาพธรรมชาติ สัณฐานที่สําคัญทางธรณีวิทยาและภูมิศาสตร์อันเป็น เอกลักษณ์หรือเป็น สัญลักษณ์ ของท้องถิ่น นั้นๆ สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่มีลักษณะ พิเศษ (Special Environmental Features) หรือสภาพแวดล้อมที่มีคุณค่าทาง วิชาการ ก็ได้ 5. แหล่งท่องเที่ยวเพื่อนันทนาการ : (Recreational Attraction) หมายถึง แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อการพักผ่อนและเสริมสร้าง สุขภาพ ให้ความสนุกสนาน รื่นรม บันเทิง และการศึกษาหาความรู้ แม้ไม่มีความสําคัญในแง่ ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม แต่มีลักษณะเป็นแหล่งท่องเที่ยวร่วมสมัย ตัวอย่างเช่น ย่านบันเทิงหรือสถานบันเทิง สวนสัตว์ สวนสนุกและสวนสาธารณะลักษณะพิเศษ สวนสาธารณะ และ สนามกีฬา

6. แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม (Cultural Attraction) : หมายถึงหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณค่าทาง ศิลปะและขนบธรรมเนียมประเพณีที่ บรรพบุรุษได้สร้างสมและ ถ่ายทอดเป็นมรดกสืบทอดกันมา แหล่งท่องเที่ยวประเภทนี้ประกอบด้วย งาน ประเพณี วิถีชีวิตความ เป็นอยู่ของผู้คน การแสดงศิลปวัฒนธรรม สินค้าพื้นเมือง การแต่งกาย ภาษา ชนเผ่า เป็นต้น ตัวอย่าง ของแหล่งท่องเที่ยวที่สําคัญของประเทศไทยในประเภทนี้ได้แก่ ตลาดน้ําดําเนิน สะดวก งานแสดงของ ช้างจังหวัดสุรินทร์ งานร่มบ่อสร้าง ประเพณีลอยกระทง ประเพณีสงกรานต์ เป็นต้น 7. แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพน้ําพุร้อนธรรมชาติ : ในการจัดทําเกณฑ์มาตรฐานสําหรับแหล่งท่อง เที่ยวน้ําพุร้อนธรรมชาติ มีจุด ประสงค์เพื่อเป็นกรอบ แนวทางในการจัดการแหล่งท่องเที่ยวประเภทน้ําพุร้อน ธรรมชาติอย่างชัดเจน โดยเน้นในด้านการ กําหนดมาตรฐานที่จําเป็นสําหรับการบริการต่างๆ เนื่องจากการท่องเที่ยว ประเภทนี้จะต้องคํานึงถึง ด้านความปลอดภัยของนักท่อง เที่ยวเป็นสําคัญ และต้องไม่ส่งผลกระทบต่อ ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม เนื่องจากน้ําพุร้อน จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวประเภทธรรมชาติประเภท หนึ่ง ซึ่งหากไม่มีการ กําหนดมาตรฐานที่ชัดเจน การดําเนินกิจกรรมการท่องเที่ยวใดๆ อาจส่งผลกระ ทบต่อแหล่งน้ําพุร้อน ธรรมชาติได้ นอกจากนี้ การจัดทําเกณฑ์มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพน้ํา พุร้อนธรรมชาติ ยังมี เป้าหมายเพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลแหล่งท่องเที่ยวได้นําไปใช้ เป็น เครื่อง มือในการตรวจสอบ มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวของตน และยังสามารถใช้เป็นข้อมูล ที่สําคัญเพื่อ ประกอบการตัดสินใจ ของ นักท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นการเพิ่มมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยว เชิงสุขภาพ น้ําพุร้อน ธรรมชาติของ ประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น

8. แหล่งท่องเที่ยวประเภทชายหาด (Beach Attraction) : หมายถึง สถานที่ที่เปิดใช้เพื่อการท่องเที่ยว โดยมีชายหาดเป็นทรัพยากรธรรมชาติ ที่ดึงดูดใจให้ นักท่องเที่ยวมาเยือน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อความเพลิดเพลินและนันทนาการใน รูปแบบที่ใกล้ชิดกับ ธรรมชาติและอาจเสริมกิจกรรมเพื่อการศึกษาหาความรู้เข้าไปด้วย ซึ่งกิจกรรมการ ท่องเที่ยวที่เกิดขึ้น บริเวณชายหาด ได้แก่ การเล่นน้ํา การอาบแดด กีฬาทางน้ํา การนั่งพักผ่อน รับ ประทานอาหา เป็นต้น 9. แหล่งท่องเที่ยวประเภทน้ําตก : สถานที่ที่เปิดใช้เพื่อการท่องเที่ยว โดยมีน้าตกเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ดึงดูดใจ ให้นักท่องเที่ยวมา เยือน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อความเพลิดเพลินและนันทนาการในรูปแบบที่ใกล้ชิด กับ ธรรมชาติและ อาจเสริมกิจกรรมเพื่อการศึกษาหาความรู้เข้าไปด้วย ซึ่งกิจกรรมการท่องเที่ยวที่ เกิดขึ้นในแหล่งน้ําตก ได้แก่ การว่ายน้า การนั่งพักผ่อน รับประทานอาหาร การเดินสํารวจน้าตก การ ล่องแก่งการดูนก และ การตกปลา เป็นต้น 10. แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติประเภทถ้ํา : แหล่งท่องเที่ยวประเภทถ้ํา หมายถึง สถานที่ที่เปิดใช้เพื่อการท่องเที่ยว โดยมีถ้ํา เป็น ทรัพยากรธรรมชาติที่ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ความเพลิดเพลินและ นันทนาการในรูปแบบที่ใกล้ชิดกับ ธรรมชาติและอาจเสริมกิจกรรมเพื่อการศึกษา หาความรู้เข้าไปด้วย ซึ่งกิจกรรมการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นในแหล่งท่องเที่ยวประเภทถ้ํา ได้แก่ การเข้าชม บรรยากาศและหิน งอกหินย้อยภายในถ้ํา การศึกษาด้านโบราณคดีของมนุษย์ยุค ต่างๆ ที่เคยอาศัยในถ้ํา การนมัสการ พระพุทธรูป การให้อาหารสัตว์ การปิกนิกและรับประทานอาหาร เป็นต้น

11. แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติประเภทเกาะ : การประเมินมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวประเภท เกาะสามารถแบ่งได้เป็น 3 องค์ประกอบ ซึ่งมีจํานวน ตัวชี้วัดทั้งหมด 47 ตัวชี้วัด โดยแต่ละตัวชี้วัดมีค่าคะแนนสูงสุดเท่ากับ 5 คะแนน จึงมีค่าคะแนนรวม ทั้งสิ้น 235 คะแนน โดยการให้คะแนนจะให้ความสําคัญกับองค์ ประกอบคุณค่าด้านการท่องเที่ยวและ ความ เสี่ยงต่อการถูกทําลายมากที่สุด เนื่องจากเป็นแรงดึงดูด ใจสําคัญสําหรับให้นักท่องเที่ยวเข้าไป เที่ยวชมแหล่ง ท่องเที่ยว ส่วนองค์ประกอบด้านการบริหารจัดการมี ความสําคัญของคะแนนรองลงมา และองค์ประกอบด้านศักยภาพในการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวมีความ สําคัญของ คะแนน น้อยที่สุด 12. แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติประเภทแก่ง : แหล่งท่องเที่ยวประเภทแก่ง หมายถึง สถานที่ที่เปิดใช้เพื่อการท่องเที่ยว โดยมีแก่งเป็น ทรัพยากรธรรมชาติที่ดึงดูดใจให้นักท่อง เที่ยวมาเยือน และมี วัตถุประสงค์เพื่อความเพลิดเพลินและ นันทนาการในรูปแบบที่ใกล้ชิดกับ ธรรมชาติ โดยมีกิจกรรมการท่อง เที่ยวหลัก ได้แก่ การล่องแก่ง การพายเรือ การพักแรม และการเดินป่า ซึ่งอาจเสริมกิจกรรมเพื่อการ ศึกษาธรรมชาติเข้าไปด้วย ได้แก่การดูนก การสํารวจธรรมชาติ การศึกษาพันธุ์พืชต่างๆ เป็นต้น

การแบ่งประเภทนักท่อง เที่ยวตามลักษณะชีวิตและ ตามความสนใจ การจัดประเภทของนักท่องเที่ยวสามารถจำแนกได้หลายลักษณะ ดังนี้ 1.ตามการจัดการเดินทาง 1.1 Mass Tourists กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมาก มีการเดิน ทางท่องเที่ยวในรายการเดียวกัน พักโรงแรมในระดับเดียวกัน รับ ประทานอาหาร และทำกิจกรรมการท่องเที่ยวอื่น ๆ ในแบบ เดียวกัน 1.2 Eco Tourists นักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวโดยมีจุด ประสงค์ที่มุ่งรักษาสภาพแวดล้อมของระบบนิเวศน์ 2. ตามจำนวนมากน้อยของนักท่องเที่ยว 2.1 เป็นกลุ่ม (Group Tour หรือ Escort Tour) 2.2 เป็นส่วนบุคคล (Independent Tour) 3.ตามวัตถุประสงค์ของการเดินทาง ความมุ่งหมายในการเดินทางของนักท่องเที่ยว ซึ่งแบ่งได้ 7 ประการ คือ 3.1 การท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจในวันหยุด (holiday- mass Popular individual)

3.2 การท่องเที่ยวเพื่อวัฒนธรรมและศาสนา (Cultural Religion) เป็นการเดินทางเพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมของสังคมต่างๆ เช่น การศึกษาความเป็นอยู่ การชมศิลปะ ดนตรี ละคร การนมัสการศูนย์ ศาสนา เป็นต้น 3.3การท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา (Educational) เป็นการเดินทาง เพื่อการทำวิจัยการศึกษา สอนหนังสือ ฝึกอบรม หรือดูงานต่าง ประเทศ ซึ่งจะต้องพำนักอยู่สถานที่นั้นๆ เป็นเวลานาน 3.4 การท่องเที่ยวเพื่อการกีฬาและบันเทิง (Sport and Recreation) คือการเดินทางไปชม หรือร่วมแข่งขันกีฬา หรือ นันทนาการต่างๆ 3.5 การท่องเที่ยวเพื่อประวัติศาสตร์ และความสนใจพิเศษ (Historical and special interests) 3.6 การท่องเที่ยวเพื่องานอดิเรก (Hobbies) หมายถึงการท่องเที่ยว เพื่อทำงานอดิเรก เช่นการวาดภาพ การเขียนนวนิยาย เป็นต้น 3.7 การท่องเที่ยวเพื่อเยี่ยมญาติมิตร (visiting Friend and Relative) การท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจ(Business) เป็นการเดินทางของ นักธุรกิจที่จัดเวลาบางส่วนของการเดินทางหลังจะทำธุรกิจเสร็จสิ้น แล้ว ใช้เวลาในการท่องเที่ยวก่อนเดินทางกลับ 4.ตามวิธีการเดินทาง 4.1 แบบเหมาจ่าย (Package Tour) 4.2 แบบเบ็ดเสร็จ (Inclusive Tour) 4.3 แบบเป็นรางวัล (Incentive Tour) 4.4 แบบเช่าเหมาลำ (Charter Tour)

5. ตามอายุ 6. ตามเพศ 7. ตามฐานะทางสังคม 8. ตามประสบการณ์และบทบาท 8.1 The organized mass Tourists 8.2 The individual mass Tourists 8.3 The explorer 8.4 The drifter การกำหนดรูปแบบพฤติกรรมนักท่องเที่ยว การกำหนดรูปแบบพฤติกรรมนักท่องเที่ยวรูปแบบพื้นฐานที่สุดคือ การ แบ่งนักท่องเที่ยวออกเป็น 2 กลุ่ม ตามลักษณะของพฤติกรรมของการ เดินทาง คือ การแบ่งว่าบุคคลนั้นเป็น 1) นักท่องเที่ยว (Tourists) หรือ 2) นักเดินทาง (travelers) นักท่องเที่ยวคือ บุคคลซึ่งซื้อรายการนำ เที่ยวเหมาจ่ายจากบริษัทนำเที่ยว ในขณะที่นักเดินทางคือ บุคคลซึ่ง จัดการการเดินทางด้วยตนเอง เช่น ซื้อตั๋วเครื่องบินเอง จองที่พักเอง กำหนดสถานที่ท่องเที่ยวด้วยตนเอง เป็นต้น Perreault และ Dorden (1979) ได้เสนอรูปแบบพฤติกรรมนักท่อง เที่ยวออกเป็น 4 รูปแบบ ได้แก่ 1) นักท่องเที่ยวแบบประหยัด (Budget Travelers) โดยทั่วไปแล้ว นักท่องเที่ยวประเภทนี้ทีรายได้ปานกลาง แต่แสวงหาการหยุดพักผ่อนหรือ ท่องเที่ยวที่ใช้ค่าใช้จ่ายต่ำ 2) นักท่องเที่ยวชอบผจญภัย (Adventurous Travelers) เป็นนัก ท่องเที่ยวที่มีการศึกษาดีและมีรายได้ปานกลางถึงสูง มีความชื่นชอบใน กิจกรรมระหว่างการหยุดพักผ่อนหรือการท่องเที่ยวแบบผจญภัย

3) นักท่องเที่ยวประเภทเดินทางระหว่างวันหยุด (Vacationers Travelers) เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มเล็กๆ ซึ่งมักใช้เวลาในการคิดเกี่ยว กับการท่องเที่ยวหรือการเดินทางในครั้งต่อไปว่าจะไปที่ไหน อย่างไร นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ค่อนข้างมีความกระตือรือร้นแต่มีรายได้ค่อนข้าง น้อย 4) นักท่องเที่ยวแบบชอบเดินทางโดยใช้ระยะเวลาเดินทางยาวนาน (Moderates Travelers) เป็นนักท่องเที่ยวที่มีใจรักการท่องเที่ยว เดินทางอย่างมากแต่ไม่สนใจการท่องเที่ยวในระหว่างวันหยุดสุด สัปดาห์หรือการใช้เวลากับการเล่นกีฬา แต่จะชอบการเดินทางที่ใช้ ระยะเวลานานมากกว่า 5)นักท่องเที่ยวแบบนันทนาการ (Recreational Tourists) เป็น นักท่องเที่ยวซึ่งเน้นความสำคัญในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการ นันทนาการหรือการพักผ่อนทางร่างกาย 6) นักท่องเที่ยวแบบปลีกตัวหาความเพลิดเพลิน (The Diversionary Tourists) เป็นนักท่องเที่ยวที่พยายามทางแนวทาง เพื่อลืมความจำเจในชีวิตประจำวัน 7) นักท่องเที่ยวมุ่งหาประสบการณ์ (The Experiential Tourists) เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเพื่อแสวงหาประสบการณ์ที่แท้ จริง นักท่องเที่ยวประเภทนี้สนใจศึกษาและได้รับประสบการณ์ที่แท้ จริงของแหล่งท่องเที่ยวที่ได้ไปสัมผัส

8)นักท่องเที่ยวแบบชอบทดลอง (The Experimental Tourists) มีลักษณะที่เห็นเด่นชัดคือ ชอบติดต่อพูดคุยกับคนท้อง ถิ่นเพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจในชีวิตความเป็นอยู่ การปรับตัวให้ เข้ากับสิ่งแวดล้อมของคนท้องถิ่น 9) นักท่องเที่ยวที่ใช้ชีวิตแบบคนท้องถิ่น (The Existential Tourists) นักท่องเที่ยวประเภทนี้ต้องการฝังตัวเองหรือใช้ชีวิต ภายใต้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตเดียวกับคนท้องถิ่น นักท่องเที่ยว ประเภทนี้จะใช้เวลาอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวนั้นเป็นเวลานาน ตัวอย่าง เช่น นักท่องเที่ยวที่มาใช้เวลาอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวบางแห่งใน ประเทศไทย 10) นักท่องเที่ยวประเภทหลงใหลในทะเล (Active sea lovers) 11) นักท่องเที่ยวประเภทชอบผูกมิตร (Contact-minded holiday makers) มีจิตใจชอบติดต่อพบปะกับผู้อื่น แสวงหามิตร ใหม่โดนเฉพาะที่เป็นคนท้องถิ่น 12) นักท่องเที่ยวประเภทชอบชมธรรมชาติ (Nature Viewers) ชอบความงดงามของภูมิทัศน์ของแหล่งท่องเที่ยว 13) นักท่องเที่ยวประเภทแสวงหาการพักผ่อน (Rest- seekers) ใช้เวลาไปกับการนอนพักผ่อนหย่อนใจมากกว่าการทำกิจ กรรมอื่นๆ 14) นักค้นหา (Discovers) ชอบกิจกรรมประเภทผจญภัยและ ชอบแสวงหามิตรใหม่

17)นักท่องเที่ยวแบบเดินทางพร้อมครอบครัว (Family- orientated) เป็นนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในแสงแดดและทะเล และ ชอบเดินทางท่องเที่ยวแบบไปเป็นครอบครัว 16) นักท่องเที่ยวแบบประเพณีนิยม (Traditionalists) ชอบเดิน ทางท่องเที่ยวที่เน้นความปลอดภัยและไม่ เสี่ยงภัย

ทฤษฎีและแนวคิดเกี่ยวกับการ พัฒนาการท่องเที่ยว การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน องค์การการท่องเที่ยวแห่งโลก (WTO, 2004) ได้ให้อธิบายคําจํา กัดความล่าสุดของการพัฒนา การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน (sustainable Tourism) ว่าการท่อง เที่ยวแบบยั่งยืนจะไม่ใช่เป็นเพียงแค่การท่องเที่ยว ขนาดเล็กหรือการตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche tourism segments) หากแต่การท่องเที่ยวแบบยั่งยืนจะต้อง ครอบคลุมถึงการตลาดโดยรวมหรือที่เรารู้จักกันในชื่อที่เรียกว่า “การ ท่องเที่ยวแบบมวลชน” (Mass tourism) โดยทั่วไปการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน หมายถึง การท่องเที่ยวที่ให้ความ สําคัญต่อการเสมอภาคระหว่างเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม รวมไปถึงสังคมและวัฒนธรรมของคนทั้งในรุ่นปัจจุบัน ต่อไปจนถึงคนในอนาคตดังนั้น หลักการและ แนวคิดที่สําคัญของการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในคําจํากัดความของ WTO จึงประกอบด้วย

• การท่องเที่ยวต้องตระหนักและใช้ทรัพยากรธรรมชาติความ หลากหลายทางชีวภาพ ให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด • การเคารพในสังคม วัฒนธรรม และประเพณีของประชาชนพื้น เมือง รวมไปถึงการรู้จักปรับตัวและเข้าใจถึงความแตกต่างทาง วัฒนธรรมและประเพณีของแต่ละชุมชน • การสร้างความเจริญมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การท่อง เที่ยวอย่างยั่งยืนควรก่อให้เกิดการกระจายของรายได้อย่างเป็น ธรรมและทั่งถึงแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการท่องเที่ยว (tourism stakeholder) นอกจากนี้ยังควรที่จะก่อให้เกิดการจ้างงานและ การสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น รวมไปถึงการมีส่วนสําคัญ ในการช่วยลดความยากจนในท้องถิ่นด้วยนอกจากการท่องเที่ยว แบบยั่งยืนจะต้องให้ความสําคัญในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจแล้ว ยังจะต้องคํานึงถึงความร่วมมือกัน ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการท่องเที่ยว (Tourism stakeholder) ทุกฝ่ายรวมไปถึงจะต้องสามารถรักษาความพึงพอใจสูงสุดของนัก ท่องเที่ยว การดําเนินการวางแผนอย่างต่อเนื่อง และที่สําคัญจะ ต้องมีเครื่องมือดัชนีที่ใช้วัดประสิทธิภาพต่อผลกระทบของการดํา เนินการในส่วนต่างๆ เพื่อสามารถนําไปปรับปรุงและแก้ไขเพื่อให้ เกิดความยั่งยืนได้ต่อไปในอนาคตปัจจัยสําคัญ 5 ประการ ในกา รนํามาพิจารณาเพื่อการกําหนดแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนประกอบ ด้วย • ทรัพยากรการท่องเที่ยว หมายถึง สิ่งแวดล้อมต่างๆ ทั้งที่เป็น สิ่งแวดล้อมที่กําเนิดขึ้นมาเอง ตามธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นแล้วสืบทอดต่อกันมา เช่น ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์

• นักท่องเที่ยว เป็นกลุ่มคนที่มีความสําคัญต่อการท่องเที่ยวในฐานะผู้ บริโภคทรัพยากรการท่องเที่ยวมีความต้องการ (Demand) ที่ทําให้คนใน แหล่งท่องเที่ยวและกลุ่มนักธุรกิจท่องเที่ยวต้องตอบสนองซึ่งก่อให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงทรัพยากรการท่องเที่ยวและก่อผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ด้วยเหตุนี้นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพจึงจําเป็นต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ ยั่งยืน • กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว กลุ่มธุรกิจให้ความสําคัญกับธุรกิจการท่องเที่ยวเป็น อย่างมาก และพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงทรัพยากรการท่องเที่ยวเพื่อตอบ สนองความต้องการของนักท่องเที่ยวจนอาจละเลยผลกระทบด้านลบที่อาจจะ เกิดขึ้น ถาจะให ้ ้เกิดการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน กลุ่มธุรกิจนี้จะต้องคํา นึงถึงขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวและเป็นตัวกลางที่จะช่วยกลั่น กรองคุณภาพของนักท่องเที่ยว • ชุมชนที่มีแหล่งท่องเที่ยว มีบทบาทเป็นทั้งผู้ผลิตทรัพยากรการท่องเที่ยว เช่น วิถีชีวิตวัฒนธรรมประเพณีของคนในชุมชน ขณะเดียวกันในชุมชนเองมี บทบาทเป็นผู้ดูแลทรัพยากรการท่องเที่ยวด้วยเช่นกันที่ผ่านมาคนในแหล่งท่อง เที่ยวมักเป็นฝ่ายตั้งรับการท่องเที่ยวที่เข้ามา โดยคนในแหล่งท่องเที่ยวส่วน ใหญ่จะมองเห็นผลประโยชน์ในเชิงรายได้แต่อาจไม่ตระหนักและคาดการณ์ถึง ผลกระทบที่เกิดตามมา นอกจากการตั้งรับกับทรัพยากรที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว คนในชุมชนที่มีแหล่งท่องเที่ยวกลับไม่ได้รับผลประโยชน์จากการท่องเที่ยว อย่างยุติธรรม หรืออาจกล่าวได้ว่าคนในชุมชนได้ประโยชน์เพียงส่วนน้อยเมื่อ เทียบกับผลกระทบที่เกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ ยั่งยืนจึงให้ความสําคัญกับเรื่องการกระจายผลประโยชน์ให้กับคนในท้องถิ่น อย่างเท่าเทียมกัน ความรักท้องถิ่นเป็นอีกปัจจัยหนึ่งอยู่ในหลักการท่องเที่ยว อย่างยั่งยืน กระบวนการเรียนรูในชุมชนจึงมีความจําเป็นอย่างยิ่ง โดยเน้นการให้ความ สําคัญกับการท่องเที่ยวท่ีมีส่วนช่วย อนุรักษ์วิถีชีวิตและทรัพยากรของชุมชน สร้างความภาคภูมิใจในท้องถิ่น ทําให้ คนในชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วม ในการจัดการกับทรัพยากรของตนเองซึ่งเป็นความสําคัญอย่างยิ่งที่คนใน ชุมชนจะต้องมีสิทธิเลือกได้ว่าต้องการให้ทรัพยากรของตนเป็นทรัพยากรการ ท่องเที่ยวหรือไม่และควรมีรูปแบบเช่นไร

• นักวิชาการและสถาบันการศึกษา ได้เข้ามามีบทบาทในการเป็น หน่วยงานสนับสนุน (Facilitator) ที่ช่วยนําความรู้ในทางวิชาการหรือภูมิปัญญาสากลมาใช้ในการศึกษา ค้นคว้าเพื่อยกระดับและคําอธิบายองค์ความรู้ท้องถิ่นที่เรียกว่า ภูมิปัญญาให้เป็นองค์ความรู้ที่เป็นสากลได้และยิ่งทรัพยากรการท่อง เที่ยวได้รับการศึกษาค้นคว้ามากเท่าใด คนในชุมชน นักท่องเที่ยว และกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยวก็จะเห็นคุณค่าของทรัพยากรการท่อง เที่ยวมากเท่านั้น นอกจากบทบาทการเป็นผู้ศึกษาค้นคว้าแล้วนัก วิชาการอาจเข้าไปมีบทบาทในการเป็นวิทยากรช่วยประสานงานและ อํานวยให้เกิดการพูดคุยกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับแหล่งท่องเที่ยว อันจะนําไปสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน การพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน (Sustainable Tourism Development) หมายถึงการพัฒนาการท่องเที่ยวที่มุ่งด้าน เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมพร้อมกันไป ในขณะ เดียวกันก็ให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วม และได้รับผลประโยชน์ทาง เศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันหลักการ จัดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนนั้น จึงประกอบด้วยหลักการที่สําคัญอยู่ 10 ประการ คือ 1. อนุรักษ์โดยใช้ทรัพยากรอย่างพอดี(Using resource sustainable) หมายถึง ต้องมีวิธีการจัดการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เดิม ทั้งมรดกทางธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรมอย่างเพียงพอหรือใช้ อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้อย่างประหยัดต้องคํานึงถึงต้นทุนอันเป็น คุณค่า คุณภาพของธรรมชาติวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น ประกอบด้วย

• การอนุรักษ์ทรัพยากรการท่องเที่ยว หมายถึง การสงวนรักษา คุณภาพของทรัพยากรให้มีคุณค่าต่อชีวิตที่ดีรู้วิธีการใช้ทรัพยากร อย่างคุ้มค่า ปรับปรุง บํารุงให้เกิดประโยชน์ได้นาน เพิ่มพูน และ เสริมสร้างไว้ให้มีมากเพียงพอต่อการใช้เพื่อการดํารงชีวิตอย่างเหมาะ สม •การปรับปรุงและฟื้ นฟูทรัพยากรนั้น ต้องคงความเป็นเอกลักษณ์ อย่างดั้งเดิมไว้ให้มากที่สุดเกิดผลกระทบอันเป็นผลเสียน้อยที่สุด โดย การใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้านประยุกต์กับเทคโนโลยีแบบใหม่ การใช้ ทรัพยากรอย่างประหยัดอย่างเหมาะสมจะสามารถดําเนินธุรกิจได้ อย่างยาวนาน 2. ลดการบริโภคและใช้ทรัพยากรที่เกินความจําเป็นกับการลด ของเสีย (Reducing over-consumption and waste) ผู้ที่ เกี่ยวข้องต้องร่วมกันวางแผนการจัดการการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างมีประสิทธิภาพหรือจัดหาทรัพยากรอื่นที่มีคุณสมบัติและมี คุณภาพเหมือนกันใช้ทดแทนกันได้เพื่อลดการใช้ทรัพยากรที่หายาก ส่วนการลดของเสีย เช่น ขยะปฏิกูลต้องหาวิธีการจัดการโดยการ แยกประเภทขยะ ขยะแห้งอาจนําระบบการหมุนเวียนการใช้การใช้ซ้ํา และการแปรรูปกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ (Reuse Renew Recycle) ขยะเปียกอาจนําไปทําปุ๋ยอินทรีย์และนําหมักปุ๋ยจุลินทรีย์ ได้ 3. รักษาและส่งเสริมความหลากหลายของธรรมชาติสังคม และ วัฒนธรรม (Maintain diversity) ต้องวางแผนขยายรากฐาน การท่องเที่ยว โดยการรักษาและส่งเสริมให้มีความหลากหลายเพิ่ม ขึ้นในแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและแหล่ง ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่มีอยู่เดิม โดยการเพิ่มคุณค่าและมาตรฐาน การบริการ เพื่อให้นักท่องเที่ยวใช้เวลาในการท่องเที่ยว ณ สถานที่ นั้นนานขึ้นหรือกลับไปเที่ยวซ้ําอีก

4. ประสานการพัฒนาการท่องเที่ยว (Integrating tourism into planning) ต้องมีการประสานแผนการพัฒนาในหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องอาทิแผนพัฒนาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (เทศบาล, อบต.) แผนพัฒนาจังหวัดแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดแผน พัฒนาของกระทรวง ทบวงกรม ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อให้การ พัฒนาการทํางานในสถานที่ท่องเที่ยวเดียวกันมีศักยภาพเพิ่มมาก ขึ้น 5. นําการท่องเที่ยวขยายฐานเศรษฐกิจในท้องถิ่น (Supporting local economy) ต้องประสานงานกับองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานรัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการส่ง เสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น โดยสรรหาความโดดเด่นของ ทรัพยากรในท้องถิ่นนําไปประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขายการ ท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวให้มากขึ้นเป็นการ สร้างรายกระจายสู่ประชากรที่ประกอบการในท้องถิ่น 6. การมีส่วนร่วมโดยการสร้างเครือข่ายพัฒนาการท่องเที่ยวกับ ท้องถิ่น (Involving localcommunities) ต้องร่วมทํางานกับ ท้องถิ่นแบบเป็นองค์กรรวม (Participation Approach) โดย เข้าร่วมในลักษณะหน่วยงานร่วมจัด เช่น เป็นหน่วยงานร่วมทํา กิจกรรมสาธารณะประโยชน์ เป็นหน่วยงานร่วมวิเคราะห์หรือร่วมแก้ ปัญหาด้วยกัน เป็นหน่วยงานร่วมส่งเสริมการขายการท่องเที่ยวด้วย กัน เป็นต้นนอกจากนั้น ยังต้องประสานเครือข่ายระหว่างองค์กร และท้องถิ่น เพื่อยกระดับคุณภาพของการจัดการการท่องเที่ยวใน ท้องถิ่น

7. มีการประชุมกับผู้ที่เกี่ยวข้องที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน (Consulting stakeholders and the public) ต้องมีการประสานกับประชาคมใน พื้นที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มผู้กระกอบการท่องเที่ยว สถาบันการ ศึกษา สถาบันศาสนา หน่วยงานราชการที่รับผิดชอบในพื้นที่ ร่วมประชุม หารือทั้งการเพิ่มศักยภาพให้กับแหล่งท่องเที่ยว การประเมินผลกระทบการ ท่องเที่ยว การแก้ไขปัญหาที่เกิดจากผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และด้านการ ตลาด โดยจัดการประชุมกันอย่างสม่ําเสมอเพื่อร่วมปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน เป็นการลดข้อขัดแย้งในด้านผลประโยชน์ที่ต่างกัน 8. การพัฒนาบุคลากร (Training staff) ต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้ ความรู้การฝึกอบรมการส่งเจ้าหน้าที่ดูงานอย่างสม่ําเสมอให้มีความรู้มี แนวคิด และวิธีปฏิบัติในการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนนับเป็นการพัฒนา บุคลากรในองค์กร และเป็นการช่วยยกระดับมาตรฐานการบริการการท่อง เที่ยว 9. การจัดเตรียมข้อมูล คู่มือในการบริการข่าวสารการท่องเที่ยว (Marketing tourismresponsibly) ต้องร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องจัดเตรียม ข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยว ข่าวสารการบริการการขายให้พร้อมและเพียงพอ ต่อการเผยแพร่ อาจจัดทําในรูปสื่อทัศนูปกรณ์รูปแบบต่างๆ เช่น คู่มือการ ท่องเที่ยวคู่มือการตลาดการท่องเที่ยวในรูปเอกสาร แผ่นพับ หนังสือคู่มือ วีดีโอ แผ่นซีดรอม ี เป็นต้น 10. ประเมินผล ตรวจสอบ และวิจัย (Undertaking research) จําเป็น ต่อการแก้ปัญหาและเพิ่มคุณค่าคุณภาพของแห่งท่องเที่ยว การลงทุนใน ธุรกิจท่องเที่ยว โดยจะต้องมีการประเมินผล การตรวจสอบผลกระทบ และ การศึกษาวิจัยอย่างสม่ําเสมอ โดยการสอบถามผู้ใช้บริการโดยตรง การสอบ ความเห็นจากใบประเมินผลหรือการวิจัยตลาดการท่องเที่ยว เพื่อทราบผล ของการบริการนํามาปรับปรุงและแก้ไขการจัดการการบริการอย่างมี ประสิทธิภาพ เพื่อความประทับใจและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว

เอกสารอ้างอิง http://52011011275g5.blogspot.com/2012/03/blog-post.html?m=1 https://sites.google.com/site/ecotourismbybuzz/khwam-hmay-khxng-kar-thxng- theiyw-cheing-niwes http://osthailand.nic.go.th/masterplan_area/userfiles/files/Tourism.pdf https://tourismatbuu.wordpress.com/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0% B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B 7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0 %B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD/%E0%B8% 9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%97%E0%B8%82%E 0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B9% 88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0 %B8%A2%E0%B8%A7/

ประวัติส่ วนตัว • ชื่อ ด.ญ.ศรสิริ บุตรครุฑ เลขที่38 ชั้น มัธยมศึกษาปี ที่1/6 • ระดับการศึกษา –ระดับประถม ร.ร เทศบาลวัดชัยชุมพล –ระดับมัธยม ร.รทุ่งสง • ชื่อเล่น แพง น้ำหนัก 38 กิโลกรัม สูง 156 เซนติเมตร • เกิดวันที่22 พฤศจิกายน พ.ศ.2551 • สัญชาติ ไทย เชื้อชาติ ไทย ศาสนาพุทธ • อาชีพในฝั น ครู • คำคม ความจริงจังตั้งใจคือกุญแจไขสู่ความสำเร็จ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook