Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติศาสตร์น่ารู้ อยุธยาน่าเรียน

ประวัติศาสตร์น่ารู้ อยุธยาน่าเรียน

Published by Yotanut Bonnyo, 2021-11-17 14:35:51

Description: นางทรายทอง บุญโญ
โรงเรียนสันป่าตอง(สุวรรณราษฎร์วิทยาคาร)

Search

Read the Text Version

50 นอกจากนั้น เป็นเพราะสมัยแรกตั้งกรุงศรีอยุธยา ต้องใช้ชายฉกรรจ์จำนวนมากในการ ปกป้องข้าศึกศัตรู ความจำเป็นของสังคมจึงบังคับให้ราษฎรต้องมีนาย เพราะนายจะเป็นผู้ เกณฑ์กำลังไปให้เมืองหลวง ป้องกันภัยจากข้าศึกศัตรู และนายซึ่งต่อมากลายเป็น “เจ้าขุนมูลนาย” ต้องมีความรับผิดชอบต่อลูกหมู่ของตน ถ้านายสมรู้ร่วมคิดกับลูกหมู่ทำ ความผิด ก็ถูกปรับไหมตามยศสูงต่ำและหากลูกหมู่ของตนถูกกล่าวหาว่าเป็นโจรปล้นทรพั ย์ มูลนายกต็ อ้ งสง่ ตัวลูกหมู่ใหแ้ กต่ ระลาการ สงั คมอยธุ ยาจงึ เป็นสังคมท่ตี ้องมีความรับผิดชอบ มากอยู่ มีกฏเกณฑ์ต่างๆ มากมาย เพราะลักษณะและองค์ประกอบของสังคมซับซ้อนกว่า สังคมสโุ ขทัย ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยสมยั อยธุ ยา

51 ๒) ระบบราชการสมัยกรุงศรอี ยุธยา ลักษณะสังคมไทยที่น่าสนใจอยู่อีกประการหนึ่งคือ ระบบราชการ ซึ่งเป็นเครื่อง ผูกมัดราษฎรให้มีภาระต่อแผ่นดิน ชีวิตคนไทยได้ผูกพันอยู่กับราชการมาตั้งแต่สมัยอยุธยา จนถงึ ปัจจบุ ันข้าราชการในสมัยอยธุ ยา เรยี กวา่ ขุนนาง มยี ศหรอื บรรดาศักดิช์ ้นั พระยา หรือ ออกญาเป็นชั้นสูงสุด และลดลงไปตามลำดับ คือ เจ้าหมื่น พระ จมื่น หลวง ขุน ข่า หมื่น และพัน ส่วนเจ้าพระยา และสมเด็จพระยานั้น เกิดในตอนปลายๆ สมัยอยุธยา ส่วนยศ เจ้าหมื่น จมื่น และจ่านั้น เป็นยศที่ใช้กันอยู่ในกรมมหาดเล็กเท่านั้น ส่วนตำแหน่ง ข้าราชการสมัยอยุธยาก็มี อัครมหาเสนาบดี เสนาบดี จางวาง เจ้ากรม ปลัดกรม และ สมุห์บัญชี ในระยะแรกๆ มีบรรดาศักดิ์เป็นพระยา ต่อมาในระยะหลังๆ ก็เป็นเจ้าพระยาไป หมด ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ตั้งแต่ จางวาง เจ้ากรม ปลัดกรม ลงมาจนถึงสมุห์บัญชีนั้น มี บรรดาศักดเิ์ ปน็ พระยาบา้ ง พระบา้ ง จนถึงหลวง และขนุ ตามความสำคญั ของตำแหน่งนัน้ ๆ ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยสมัยอยุธยา

52 ประวัตศิ าสตร์ไทยสมยั อยธุ ยา

53 ข้าราชการในสมัยอยุธยา ไม่ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน หรือเงินปี ได้รับ พระราชทานเพียงที่อยู่อาศัยและเครื่องอุปโภคบริโภคบางอย่าง เช่น หีบเงินใช้ใส่พลู ศาตราวุธ เรือยาว พาหนะ เลกสมกำลังและเลกทาสไว้ใช้สอย ที่ดินสำหรับทำสวนทำไร่แต่ เม่ือออกจากราชการแล้วก็ต้องคืนเป็นของหลวงหมดสน้ิ ๓) ไพรส่ มัยอยุธยา ระบบราชการของอยุธยานั้น ได้นำคนลงเป็นไพร่ สังคมอยุธยาจึงมีไพร่มีนาย ตาม จดหมายเหตุลาลูแบรก์ ล่าวไว้ว่า “ประชาชนชาวสยามรวมกันเปน็ กองทหารรักษาดนิ แดน” ซึ่งทุกคนต้องขึ้นทะเบียนหางว่าวกรมสุรัสวดีเข้าไว้ทั้งหมด ทุกคนเป็นพลรบต้องเกณฑ์เข้า เดอื นรับราชการในพระองค์ปีละ ๖ เดอื น พลเมอื งท้ังส้นิ ต้องข้นึ ทะเบยี นเป็นหลกั ฐานไว้โดย แบ่งออกเป็นฝา่ ยขวา ฝ่ายซา้ ย เพ่ือทุกคนวา่ ตนตอ้ งขน้ึ สงั กัดหนา้ ท่ีฝา่ ยใด ประวัติศาสตรไ์ ทยสมยั อยธุ ยา

54 นอกจากน้นั ยังแบ่งสว่ นราชการออกเป็นกรมอกี แต่ละกรมมหี วั หนา้ คนหน่ึงเรียกว่า นาย จนกระทั่งนายนี้เป็นคำแสดงความเคารพยกย่องที่ใช้กันทั่วไปแม้ระเบียบการปกครอง สมยั อยธุ ยาจะแบ่งแยกอำนาจหน้าท่อี อกเป็นฝ่ายทหารและพลเรือน แตก่ ป็ รากฏว่าใช้ได้แค่ ยามปกติเทา่ นั้น พอเกิดสงครามขึ้น เจ้านายทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนก็ต้องเข้าประจำกองตาม ทำเนียบตนทั้งนี้เพราะกำลงพลมีน้อย ไม่อาจแยกหน้าที่ป้องกันประเทศไว้กับทหารฝ่าย เดียวได้ จำเป็นต้องใช้หลักการรวม จึงทำให้ขายฉกรรจ์ทุกคนต้องเป็นทหาร สมัยอยุธยา และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นเรียกว่า ไพร่ ไพร่เป็นคำที่กินความกว้างขวางเพราะผูกพัน อยู่กับราชการมากว่าทหารปจั จบุ ัน ประวัตศิ าสตรไ์ ทยสมัยอยธุ ยา

55 ในสมัยอยุธยา ไพร่ คือ ประชาชนท่ีสงั กดั มูลนายต่างๆ มหี น้าท่ีและความรับผิดชอบ แยกออกได้ดังน้ี ๑. ไพร่หลวง หมายถึง ไพร่ที่สังกัดวังหลวง หรือพระเจ้าแผ่นดิน ไพร่หลวงจะต้อง ถูกเกณฑ์เข้ารับราชการปีละ ๖ เดือน คือ เข้าเดือนหนึ่งออกเดือนหนึ่งสลับกันไป ถ้าไม่ อยากถูกเกณฑ์เข้ารับราชการก็จะต้องเสียเงินแทน ซึ่งอาจจะเป็นเดือนละ ๔-๖ บาท ไพรห่ ลวงจะต้องสงั กัดอยูใ่ นกรมพระสัสดีซ้าย ขวา นอก ใน ไพร่หลวงทเ่ี ปน็ ชายเมื่อเกิดศึก สงครามก็จะต้องออกรบได้ ประวตั ศิ าสตร์ไทยสมยั อยุธยา

56 ๒. ไพรส่ ม หมายถงึ ไพร่ที่สงั กดั บรรดาเจ้านายหรอื ขุนนางใหญ่นอ้ ยทั้งหลายในยาก ปกติกถ็ ูกเกณฑ์แรงงานหรือรบั ราชการ ถ้าเกดิ ศึกสงครามผู้เปน็ ชายกจ็ ะตอ้ งออกรบ มี บางครงั้ พวกไพร่หลวงหนีไปสมัครเป็นไพร่สมอย่กู บั เจ้านาย กฎหมายอยุธยามีบทลงโทษถงึ จำคุก และถกู เฆย่ี นถ้าหากจบั ได้ นอจากนนั้ กฎหมายอยุธยายงั ไดก้ ำหนดอกี วา่ ถ้าพ่อกับ แมส่ ังกดั แตกต่างกันเช่นคนหน่งึ เป็นไพรห่ ลวง อกี คนหนึ่งเป็นไพร่สม ลูกทเ่ี กิดอาจจะต้อง แยกสังกัดตามท่ีกฎหมายกำหนด ๓. ไพร่ราบ หมายถึง ไพร่ท่ีสงั กัดมลู นายมอี ายุ ระหวา่ ง ๑๓-๑๗ ปี มีศกั ดินา ระหว่าง ๑๕ ไร่ ประวตั ิศาสตรไ์ ทยสมัยอยุธยา

57 ๔. ไพรส่ ่วน คือ พวกท่ียกเวน้ ไมต่ ้องถกู เกณฑ์เขา้ มารับราชการแต่จะต้องสง่ สิ่งของ มาใหห้ ลวงแทน เช่น อาจจะเป็นดีบกุ ฝาง หญา้ ช้าง ถา้ ไมน่ ำสิง่ ของเหล่าน้ีมาจะต้อง จ่ายเงินแทน ประวตั ศิ าสตร์ไทยสมัยอยุธยา

58 ๕. เลกหรือเลข เปน็ คำรวมทใี่ ชเ้ รียกไพรห่ ัวเมืองทั้งหลายตลอดจนข้าทาส พวกเลก หัวเมือง ยังข้ึนกบั กระทรวงใหญ่ ๒ กระทรวง คือ กระทรวงมหาดไทย และกลาโหม มมี า ตงั้ แตส่ มัยอยธุ ยา ๔) ทาสสมยั อยธุ ยา เปน็ ทย่ี อมรับกันว่า สงั คมอยุธยามที าสไวใ้ ช้ ทาสเป็นชนชน้ั อกี ชนช้ันหน่ึงของสงั คม สมัยอยธุ ยาและกฎหมายอยธุ ยาก็ไดย้ อมรับการมีทาส มีบทบญั ญตั ิเก่ียวกับทาสไวม้ ากมาย และไดแ้ บ่งประเภทของทาสไว้ ๗ พวกดว้ ยกนั คอื ๑. ทาสสินไถ่ ๒. ทาสเกิดในเรือนเบย้ี ๓. ทาสไดม้ าแต่บิดามารดา ๔. ทาสทา่ นให้ ๕. ทาสอันไดช้ ว่ ยเหลือในยามโทษทัณฑ์ ๖. ทาสอันไดเ้ ลย้ี งมาเมอื่ เกิดทพุ ภิกขภัย ๗. ทาสอันไดด้ ้วยเชลย ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยสมยั อยธุ ยา

59 จะเห็นว่า ทาสในสมัยอยุธยานั้น เป็นทาสที่ถูกกฎหมายคุ้มครอง เป็นทาสที่มีสภาพ เปน็ มนษุ ย์และเป็นพลเมอื งของชาติอย่างสมบรู ณ์ ฉะนั้นคนไทยในสมยั อยุธยาจึงสมัครใจจะ เปน็ ทาสมากกวา่ จะเป็นขอทาน เพราะอยา่ งนอ้ ยก็มีข้าวกนิ มีท่อี ยู่อาศยั โดยไม่เดือดร้อน ประวตั ิศาสตร์ไทยสมัยอยุธยา

60 ๕) ชีวิตความเป็นอย่แู ละประเพณีบางอยา่ งสมยั อยุธยา การก่อรูปสังคมนั้น โดยทั่วไปย่อมเป็นหมู่บ้านตามที่อุดมสมบูรณ์พอจะเพาะปลูก เพือ่ ยังชพี ได้ เช่น บรเิ วณลุ่มแม่น้ำ ลักษณะการกอ่ รูปของสังคมไทยโบราณก็เป็นไปลักษณะ น้ี ๑. บ้านเรือนสมยั อยธุ ยา สร้างเปน็ หลงั ขนาดย่อมๆ ๒. ผ้หู ญงิ ต้องรับผดิ ชอบต่อครอบครัวมากกวา่ ผู้ชาย ๓. ชอบเล่นการพนนั กนั อย่างกวา้ งขวาง ๔. ชอบสูบยาเสน้ และสบู กนั อยา่ งกว้างขวาง ๕. นิยมใหล้ ูกชายไดศ้ ึกษาเลา่ เรียนโดยใช้วัดเปน็ สถานศึกษา ประวัตศิ าสตร์ไทยสมยั อยุธยา

61 ๓.๓ พฒั นาการด้านเศรษฐกิจสมยั อยธุ ยา -โครงสร้างทางเศรษฐกจิ อยุธยามีพื้นฐานทางเศรษฐกิจดี มาตั้งแต่แรกตั้งอาณาจักรเนื่องจากตั้งอยู่บริเวณท่ี ราบลุ่มดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ ซึ่งเอื้ออำนวยต่อการทำการเกษตร และการค้ากับ ตา่ งประเทศ ประวัตศิ าสตร์ไทยสมัยอยธุ ยา

62 ๑) เกษตรกรรม อยุธยาตั้งอยู่บรเิ วณทีร่ าบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ป่าสัก และลพบุรี พื้นดินมีความอดุ ม สมบูรณ์สูงและเหมาะต่อการเพาะปลูกโดยเฉพาะการปลูกข้าว ข้าวจึงเป็นผลิตผลที่สำคัญ ของอาณาจักร ในการปลูกข้าวนั้น ประชากรส่วนใหญ่จะทำในลักษณะพอยังชีพมีการใช้ เทคโนโลยีอย่างง่ายๆ โดยใช้แรงงานคนและสัตว์เป็นหลัก แต่เนื่องจากสภาพพื้นที่มีความ เหมาะสมจึงมีผลผลิตค่อนข้างมาก ที่จะส่งส่วยให้กับรัฐซึ่งทางรัฐเองก็จะนำไปหา ผลประโยชนอ์ กี ทางหนง่ึ นอกจากขา้ วแล้วประชากรยงั มีการผลติ ในทางการเกษตรอีกหลาย ประเภท เชน่ ทำสวน ทำไร่ เลีย้ งสตั วแ์ ละการประมง ซ่ึงผู้ปกครองเองก็เห็นความสำคัญของ การประกอบอาชีพเกษตรดังกล่าว จึงมีนโยบายสนับสนุนด้วยวธิ ีการต่างๆ เชน่ สนับสนุนให้ ราษฏรเข้าไปทำกินในที่ดินว่างเปล่า ตรากฎหมายคุ้มครองผลผลิตของราษฎร เป็นต้น กระบวนการผลิตทางการเกษตรนั้นประชากรทั่วไปจะผลิตโดยใช้แรงงานครอบครัวและ ชุมชนตามประเพณีที่เคยปฏิบัตกิ ันมา สว่ นการผลติ ของพระมหากษตั ริย์ ขุนนางจะผลิตโดย ใชก้ ารเกณฑแ์ รงงานไร่และทาส กระบวนการผลิตดงั กล่าวก่อเกดิ เป็นวัฒนธรรมของท้องถ่ิน หลายประการ เช่น การลงแขก การประกอบพิธีกรรมพืชมงคล และการทำขวัญไร่นา เป็นตน้ ประวตั ศิ าสตร์ไทยสมยั อยุธยา

63 ประวัตศิ าสตร์ไทยสมยั อยธุ ยา

64 การเกษตรเปน็ เศรษฐกิจหลักท่ที ำให้อยธุ ยามีความรุ่งเรอื ง บ้านเมืองมีความ เจริญก้าวหน้า ทำให้อยุธยาขยายอาณาเขตประเทศออกไปอย่างกวา้ งขวางและสามารถ เอาชนะอาณาจกั รนอ้ ยใหญใ่ นดนิ แดนสวุ รรณภมู ิได้ ประวัตศิ าสตรไ์ ทยสมัยอยุธยา

65 ๒) อุตสาหกรรม ผลิตผลทางอุตสาหกรรมของอยุธยา ส่วนใหญ่ คือ อุตสาหกรรมในครัวเรือน ผลิตเครื่องใช้ไม้สอยอย่างง่ายๆ รวมไปถึงเครื่องครัวเรือนของชุมชนชั้นสูงและในราชสำนัก เช่น เสื้อผ้า เครื่องจักสาน เครื่องเหล็ก เครื่องแกะสลัก เครื่องประดับ การผลิตเครื่อง ทองรูปพรรณ อุตสาหกรรมที่สำคัญอีกอย่างก็คือ การทำเครื่องปั้นดินเผา เครื่องเคลือบ ดังปรากฏหลักฐานว่ามีการพบเตาเผาภาชนะหลายเตาในบริเวณ แม่น้ำน้อย นอกจากนี้มี อุตสาหกรรมการต่อเรอื ขนาดเลก็ และเรือขนาดใหญ่ เพือ่ ใช้บรรทกุ สนิ ค้า ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยสมยั อยุธยา

66 ประวัตศิ าสตร์ไทยสมยั อยธุ ยา

67 ๓) การคา้ จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่า อยุธยามีบทบาทสำคัญทั้งในแง่ ของการเป็นอาณาจักรการค้า ซึ่งได้สร้างความมั่งคั่งให้กับอาณาจักรอย่างต่อเนื่อง ทั้งน้ี เพราะสภาพที่ตั้งของอยุธยา เหมาะสมกับการค้าขายทั้งภายในอาณาจักร และระหว่าง ประเทศ ๓.๑) การคา้ ขายภายในอาณาจักร ด้วยสภาพทต่ี ้งั ของอยธุ ยาอยู่บริเวณใกล้ปากแม่นำ้ เจา้ พระยา และอยบู่ รเิ วณที่แมน่ ้ำ สำคัญหลายสายไหลผ่าน ดังนั้นจึงเป็นชุมชนทางการค้าท่ีพ่อค้าจากหัวเมืองทางเหนือจะนำ สินค้าของป่ามาแลกเปลี่ยนกับสินค้าที่มาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากพ่อค้าจีนท่ีเดิน ทางเข้ามาจอดเรอื ซ้ือขายบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา สินค้าเหล่านี้จะมีการค้าขายโดยผ่าน พระคลังสินค้าซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ทำให้รัฐได้ผลประโยชน์จากการเป็นพ่อค้าคนกลาง ในการแสวงหาผลประโยชน์ดังกล่าว ความสำคัญของการค้าทำให้รัฐได้ส่งเสริมการค้าด้วย วิธีการต่างๆ ตลอดจนออกกฎหมายควบคุมการค้า เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจดังกล่าว ดำเนินไปได้ดว้ ยดี ประวัตศิ าสตร์ไทยสมยั อยุธยา

68 อย่างไรก็ตามแม่ว่าภาครัฐจะสนับสนุนการค้า แต่ประชากรทั่วไปก็ไม่ได้รับ ผลประโยชนม์ ากนักเน่ืองจากยังคงต้องขายท่ีเน้นการแลกเปล่ียนผลิตภัณฑท์ ี่ตนเองต้องการ มากกว่าจะแสวงหากำไร และผลประโยชน์โดยตรง ดังนั้นผู้ที่ได้ประโยชน์จากการค้าจึง จำกัดอยู่เฉพาะขุนนาง เจ้านาย ตลอดจนชาวต่างชาติ ผู้ที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ใน เรอื่ งดังกลา่ ว ๓.๒) การคา้ ขายระหวา่ งประเทศ อยุธยานับว่ามีชัยภูมิเหมาะสมกับการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากเป็นเมืองเท่าที่ อยู่กึ่งกลางเส้นทางการเดินเรือค้าขายระหว่างประเทศจีนกับประเทศอินเดีย ประกอบกับ ความเขม้ แขง็ ของอำนาจทางการเมืองทำใหอ้ ยุธยาไม่มคี ูแ่ ข่งการค้าและยังเป็นศูนย์รวมของ สินค้าจากเมืองท่าต่างๆ ที่อยู่ใต้อิทธิพลทางการเมืองของอยุธยาด้วยปัจจัยดังกล่าวทำให้ อยุธยา กลายเป็นศนู ย์กลางการแลกเปลี่ยนสนิ คา้ ระหว่างจนี กับอนิ เดยี สำหรับการค้าขายกับอยุธยากับประเทศในแถบเอเชีย อยุธยาจะค้าขายกับจีนและ อินเดียเป็นหลัก นอกจากนั้นก็ค้าขายกับชาวอาหรับ เปอร์เซีย ส่วนการค้ากับต่างชาติ ตะวันตกนั้นโปรตุเกส เป็นชาติแรกที่เข้ามาติดต่อค้าขายกับอยุธยาราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑ ต่อจากนั้นก็ชาติอื่นๆ เช่น สเปน ฮอลันดา อังกฤษ และฝรั่งเศส เดินทางเข้ามาค้าขายซึ่ง รุ่งเรืองมากในสมัยราชวงศ์ปราสาททอง แต่เมื่อถึงรัชสมัยของราชวงศ์บ้านพลูหลวงการค้า กบั ชาตติ ะวันตกกซ็ บเซาลง ประวตั ศิ าสตร์ไทยสมัยอยธุ ยา

69 การดำเนินกิจกรรมค้าขายกับต่างชาตินั้น รัฐจะเป็นผู้จัดการโดยหน่วยงาน “พระคลังสินค้า” ซึ่งมีการท่าซ้ายดูแลรับผิดชอบการค้ากับอินเดีย และชาติอาหรรับ เปอร์เซีย ส่วนกรมท่าขวาดูแลค้าขายกับจีน และกรมท่ากลางค้าขายกับชาติตะวันตก หน่วยงานของรัฐจะดำเนินการค้าขายโดยการผูกขาดสินค้า คือ สินค้าบางอย่าง เช่น อาวุธ และสินค้าท่รี ฐั เหน็ วา่ จะขายตอ่ ไดก้ ำไรรัฐจะผกู ขาดซอ้ื ไว้ สว่ นสินคา้ ออก เช่น ขา้ ว และของ ป่า รัฐจะกำหนดให้เป็นสินค้าต้องห้ามต้องซื้อผ่านรัฐเท่านั้น การที่รัฐดำเนินธุรกิจแบบ ผูกขาดสินค้าและยังเรียกเก็บภาษี การค้าจากเรือของชาวต่างชาติ ทำให้รัฐบาลได้ผล ประโยชน์อย่างมหาศาลาจากกิจกรรมดังกล่าวจะเห็นได้ว่า การค้าส่งผลให้อยุธยามีความ มัน่ คงทางด้านเศรษฐกิจเกิดการขยายตัวของชุมชนการแลกเปลี่ยนสนิ ค้าการพัฒนาทางด้าน สงั คม นำไปสู่ความม่ันคงเขม้ แขง็ ของอาณาจกั รอยุธยา ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยา

70 -เศรษฐกิจสมัยอยุธยา ความอุดมสมบูรณ์ของบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง การมีแหล่งน้ำ จำนวนมาก ดนิ มคี วามอดุ มสมบูรณ์เพราะเกดิ จากการทบั ถมของดนิ ตะกอนแมน่ ้ำ ซง่ึ เหมาะ สำหรับการทำนา ทำให้อาณาจักรอยุธยาเปน็ แหล่งเพาะปลกู ที่สำคัญ นอกจากนี้การมีทำเล ที่ตั้งที่เหมาะสมกบั การค้าขายกับเมืองต่างๆ ที่อยู่ภายในตามเสน้ ทางแม่นำ้ และการค้าขาย กับภายนอกทางเรือสำเภา ทำให้เศรษฐกจิ อยุธยามีพ้ืนฐานสำคญั อยทู่ ่กี ารเกษตรและการค้า กับต่างประเทศ ต่อมาได้พัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการคา้ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผูกขาดสินค้าและยังเรียกเก็บภาษีการค้าจากเรือของชาวต่างชาติ ทำให้รัฐบาลได้ผล ประโยชน์อย่างมหาศาลจากกิจกรรมดังกล่าว จะเห็นได้ว่าการค้าส่งผลให้อยุธยามีความ มั่นคงทางดา้ นเศรษฐกิจเกิดการขยายตวั ของชุมชนการแลกเปล่ียนสินค้าการพฒั นาทางด้าน สงั คม นำไปสู่ความมั่นคงเขม้ แข็งของอาณาจกั รอยุธยา ประวตั ิศาสตรไ์ ทยสมยั อยธุ ยา

71 ๑) เศรษฐกิจในสมัยอยุธยา เป็นเศรษฐกิจแบบยังชีพที่ขึ้นอยู่กับเกษตรกรรม เช่นเดียวกับสุโขทัย พื้นฐานทางเศรษฐกิจของอยุธยาคือการเกษตร มีวัตถุประสงค์ในการ ผลิตเพื่อบริโภคภายในอาณาจักรตามลักษณะเศรษฐกิจแบบพอยังชีพ แต่อาณาจักรอยุธยา ได้เปรียบกว่าอาณาจักรสุโขทัยในด้านภูมิศาสตร์ เพราะอาณาจักรอยุธยาตั้งอยู่ในบริเวณที่ ราบลมุ่ แมน่ ้ำอันกว้างใหญ่ แม่น้ำสำคญั คอื แมน่ ำ้ เจา้ พระยา แมน่ ้ำป่าสกั แมน่ ้ำลพบุรี ซ่ึงมี น้ำตลอดปีสำหรับการเพาะปลูก พืชที่สำคัญ คือ ข้าว รองลงมาได้แก่ พริกไทย หมาก มะพร้าว อ้อย ฝ้าย ไม้ผลและพืชไร่อืน่ ๆ ลกั ษณะการผลติ ยังใช้แรงงานคน และแรงงานสัตว์ เป็นหลัก ด้วยเหตุดงั กลา่ ว อาณาจักรอยธุ ยาจึงได้ทำสงครามกับรฐั ใกล้เคียงเพ่ือครอบครอง แหล่งทรพั ยากรและความต้อนผคู้ นเพ่ือนำมาเป็นแรงงานสำคัญของบา้ นเมือง ประวตั ิศาสตร์ไทยสมยั อยธุ ยา

72 ราชอาณาจักรอยุธยาได้ทำนุบำรุงการเกษตรด้วยการจัดพระราชพิธีต่างๆ เพื่อให้ เป็นสิริมงคลบำรุงขวญั ชาวนาใหม้ กี ำลงั ใจ เช่น พระราชพิธีพริ ุณศาสตร์ เป็นพิธีขอฝนให้ตก ต้องตามฤดูกาล พระราชพิธีพืชมงคล เป็นพิธีการสร้างสิริมงคลให้กับชาวนาและแจกพันธุ์ ข้าวเป็นพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพิธีลงมือจรดคันไถเป็นครั้งแรกเพื่อเปน็ การเตือนว่าถงึ เวลาทำนาแล้ว อาณาจักรอยธุ ยาไม่ไดส้ ร้างระบบการชลประทานเพ่ือสง่ เสริมการเกษตร เนือ่ งจากมี แหล่งน้ำเพียงพอ ส่วนกากรขดุ คลองทำขึ้นเพื่อเปน็ เส้นทางการคมนาคม เพื่อประโยชน์ทาง ยุทธศาสตร์ และการระบายน้ำตอนหน้าน้ำเท่านั้น แม้ว่าอาณาจักรอยุธยาการเพาะปลูกยัง เป็นแบบดั้งเดิมต้องพึ่งพาแรงงานคนและธรรมชาติเป็นหลัก แต่สภาพภูมิศาสตร์ที่อุดม สมบูรณ์ ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรมีเหลือเป็นจำนวนมาก ผลผลิตทางการเกษตรเป็น สินค้าที่นำไปขายให้ชาวต่างประเทศ นำรายได้มาสู่อาณาจักรดังปรากฏหลักฐานว่าอยุธยา เคยขายหมากให้จีน อินเดีย และโปรตุเกส ส่วนฝ้ายและมะพร้าวให้ญี่ปุ่นกับ ลังกา จนี ญี่ปุ่น การเกษตรจงึ เป็นรากฐานสำคัญทางเศรษฐกจิ ของอยุธยา และมีส่วนในการ เสรมิ สรา้ งราชอาณาจักรอยธุ ยาให้เจริญรุ่งเรืองมาตลอดเวลา ๔๑๗ ปี ประวัตศิ าสตรไ์ ทยสมยั อยุธยา

73 ๒) อาณาจักรอยุธยาเป็นศูนย์กลางทางการค้าในภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ เน่อื งจากทำเลที่ตงั้ ของอาณาจักรอยุธยาเอื้ออำนวยต่อการค้า กล่าวคือ ศนู ย์กลางอาณาจักร ตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสมกับการค้าทั้งภายใน และภายนอกราชอาณาจักร กล่าวคือ กรุงศรี อยุธยาม่แม่นำ้ ล้อมรอบทั้ง ๓ ด้าน คือ แม่น้ำลพบุรี แม่น้ำป่าสัก แลแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ อยุธยาใช้เส้นทางทางน้ำติดต่อกับแว่นแคว้นที่อยู่ภายในได้สะดวก เช่น สุโขทัย ล้านนา ล้านช้าง นอกจากนี้ที่ตังของราชธานีที่อยู่ไม่ห่างไกลปากน้ำหรือทะเล ทำให้อยุธยาติดต่อ ค้าขายทางเรือกับต่างประเทศที่อยู่ห่างไกลได้สะดวก และเมื่ออาณาจักรมีความเข้มแข็ง สามารถควบคมุ การคา้ รอบชายฝ่งั ทะเลอันดามัน และโดยรอบอา่ วไทย ซ่ึงเป็นแหล่งท่ีพ่อค้า ต่างชาติเดินทางมาค้าขายได้ ทำให้อยุธยาสามารถทำหน้าท่ีเปน็ พ่อค้าคนกลางในการตดิ ตอ่ ค้าขายระหว่างจีน ญี่ปุ่นกับพ่อค้าต่างชาติอื่นๆ กรุงศรีอยุธยาจึงเป็นศูนย์กลางที่สำคัญแหง่ หนจ่ึงในภูมิภาคเอเซยี ตะวันออกเฉียงใต้ ประวตั ศิ าสตร์ไทยสมยั อยุธยา

74 บทบาทสำคัญของอยุธยาทางการค้ามี ๒ ประการคือ เป็นแหล่งรวมสินค้าประเภท ของป่าที่ต่างชาติต้องการและเป็นศูนย์กลางการค้าส่งผ่านคือ กระจายสินค้าจากจีนและ อินเดียสู่ดินแดนตอนในของภูมิภาค เช่น ล้านนา ล้านช้าง และส่งสินค้าจีนไปยังดินแดน ต่างๆ ในมหาสมุทรอินเดีย และรวบรวมสินค้าจากดินแดนตอนในและจากดินแดนต่างๆ ในอินเดียไปขายต่อให้จนี ประวัตศิ าสตร์ไทยสมยั อยธุ ยา

75 ประวัตศิ าสตร์ไทยสมยั อยธุ ยา

76 สินค้าประเภทของป่า ได้แก่ สัตว์ป่าและผลผลิตจากสัตว์ป่า ไม้ เช่น ไม้ฝาง ไม้กฤษณา ไม้จันทน์หอม และพืชสมุนไพร เช่น ลูกกระวาน ผลเร่ว กำยาน การบูร เป็นต้น สินค้าเหล่านี้ได้จากดินแดนภายในอาณาจักรอยุธยา และดินแดนใกล้เคียง ผ่านทางระบบ มูลนายโดยแรงงานไพร่จะเป็นผู้หาแล้วส่งมาเป็น “สว่ ย” แทนแรงงานท่จี ะตอ้ งมาทำงานให้ รัฐบางส่วนได้มาดว้ ยการซื้อหาแลกเปลี่ยนกับราษฎรและอาณาจักรเพื่อนบ้าน แต่ส่วนใหญ่ มาจากการเกณฑ์ส่วยจากหัวเมืองภายในอาณาจักร โยเฉพาะในรชั สมัยพระบรมไตรโลกนาถ ที่ปฏิรูปการปกครองหัวเมือง ทำให้การเกณฑ์ส่วยจากหัวเมืองภายในอาณาจักร โดยเฉพาะ ในรัชสมัยพระบรมไตรโลกนาถที่ปฏิรปู การปกครองหัวเมอื ง ทำให้การเกณฑ์ส่วยรัดกมุ มาก กวา่ เดิม และส่วนหน่ึงมาจากเมอื งประเทศราชของอยุธยา ประวัตศิ าสตร์ไทยสมัยอยธุ ยา

77 นอกจากของป่าแล้ว สินค้าออกยังได้แก่ พริกไทย ดีบุก ตะกั่ว ผ้าฝ้าย และข้าว ส่วนสินคา้ เขา้ ได้แก่ ผา้ แพร ผา้ ลายทอง เคร่ืองกระเบ้ือง ดาบ หอก เกราะ ฯลฯ การค้ากับต่างประเทศในสมัยอยุธยาส่วนใหญ่เป็นการส่งเรือสำเภาไปค้าขาย กบั ดนิ แดนต่างๆ ทสี่ ำคญั คอื การคา้ กับจีนภายใต้การค้าในระบบบรรณาการ ที่จนี ถือว่าไทย เป็นเมืองขึ้นของจีน แต่อยะยาเห็นว่าเป็นประโยชน์ทางการค้า เพราะทุกครั้งที่เรือของ อยุธยาเดินทางไปค้าขายกับจนี จะนำ “ของขวัญ” ซึ่งส่วนใหญ่เปน็ สินค้าจากป่า เช่น นกยูง งาช้าง สัตว์แปลกๆ กฤษณา กำยาน เปน็ ตน้ เป็นเครอ่ื งราชบรรณาการไปถวายให้จกั รพรรดิ จีน ซงึ่ จนี จะมอบของตอบแทน เชน่ ผา้ ไหม เคร่ืองลายคราม ซึ่งเป็นสินค้าราคาแพงเป็นการ ตอบแทน เรอื สินคา้ ท่นี ำสนิ ค้าไปคา้ ขายถึงจะถูกละเวน้ ภาษีและได้รับการอนุญาตให้ค้าขาย ประวตั ศิ าสตร์ไทยสมยั อยธุ ยา

78 กับหัวเมืองต่างๆ ของจีนได้ นอกจากนี้อยุธยายังค้าขายกับหัวเมืองมลายู ชวา อินเดีย ฟิลิปปินส์ เปอร์เซีย และลังกา การค้าส่วนใหญ่จะดำเนินการโดยพระมหากษัตริย์ เจ้านาย และขุนนาง มีการค้าเอกชนบ้างโดยพวกพ่อค้าชาวจีนดำเนินการลักษณะการค้ากับ ต่างประเทศในสมัยอยุธยาตอนต้นยังเป็นการค้าแบบเสรี พ่อค้าต่างชาติยังสามารถค้าขาย กับราษฎรได้โดยตรงไม่ต้องผ่านหน่วยงานของรัฐบาล แต่ก็มีลักษณะการผกู ขาดโดยอ้อมใน ระบบมลู นาย ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยา

79 หลังรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ (พ.ศ. ๒๐๓๔-๒๐๗๒) การค้ากับต่างประเทศ ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นเพราะอยุธยาเริ่มมีการติดต่อค้าขายกับชาติตะวันตก เริ่มตั้งแต่ชาติ โปรตุเกสใน พ.ศ. ๒๐๕๔-ต่อมาใน พ.ศ. ๒๐๕๙ อยุธยาได้ทำสัญญาทางพระราชไมตรีทาง การค้ากับโปรตุเกส เป็นฉบับแรกที่อยุธยาทำกับประเทศตะวันตก จากนั้นก็มีชาติฮอลันดา (พ.ศ. ๒๑๔๒ ) สเปน (พ.ศ. ๒๑๔๑) อังกฤษ ในรูปบริษัทอินเดียตะวันออก บริษัทการค้า ของฮอลันดา เรียกว่า V.O.C. ส่วนบริษัทการค้าของอังกฤษ เรียกว่า E.J.C และฝรั่งเศสใน สมยั พระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. ๒๑๙๙-๒๒๓๑) ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยสมยั อยธุ ยา

80 การค้ากับต่างประเทศเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พ.ศ. ๒๐๙๑-๒๑๑๑) มีการตรากฎหมายหลายฉบับเกี่ยวกับการค้าและจัดระบบผูกขาด ทางการค้าให้เป็นระเบียบยิ่งขึ้น คือ มีการกำหนดสินค้าต้องห้าม ซึ่งเป็นสินค้าท่ีรัฐบาลโดย พระคลังสินค้าเท่านั้นที่จะผูกขาดซื้อขาย สินค้าขาเข้าได้แก่ ปืนไฟ กระสุนดินดำ และ กำมะถัน ส่วนสินค้าขาออก ได้แก่ นอระมาด งาช้าง ไม้กฤษณา ไม้จันทน์ ไม้หอม และไม้ ฝาง ซึ่งต่อมาการค้าผูกขาดของรัฐ ได้เข้มข้นมากขึ้น สินค้าบางประเภท เช่น ถ้วยชาม ผ้า แดง ซ่ึงเป็นสินคา้ ในชีวติ ประจำวนั ก็เป็นสินค้าผูกขาดด้วยและมีการจัดต้ัง “พระคลงั สินค้า” ให้รับผิดชอบดูแลการค้าผูกขาดของรัฐบาล พระคลังสินค้าจึงเป็นหน่วยงานสำคัญในระบบ เศรษฐกิจไทยในสมัยอยุธยาสืบต่อมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในปลาย สมัยอยุธยา “ข้าว” ได้กลายเป็นสินค้าออกที่สำคัญแทนที่สินค้าจากป่า เนื่องจากเกิด ทุพภิกขภัยอย่างรุนแรงในประเทศจีน ชายจีนจึงขอให้พ่อค้าอยุธยานำข้าวไปขายให้จีนโดย ลดภาษีให้ ประวตั ิศาสตรไ์ ทยสมยั อยธุ ยา

81 นอกจากนี้ อยุธยายังขายข้าวให้ฮอลันดา ฝรั่งเศส หัวเมืองมลายู มะละกา ชวา ปัตตาเวีย ญวน เขมร มะละกา ลังกา และญี่ปุ่น การคา้ กับต่างประเทศจึงเป็นพื้นฐานสำคัญ ของเศรษฐกิจอยุธยา ซึ่งนำความมั่งคั่งให้กลุ่มผู้ปกครอง ได้แก่ พระมหากษัตริย์ เจ้านาย และขนุ นางอยา่ งมหาศาล -รายได้ของอยุธยา ๑) รายได้ในระบบมูลนาย แรงงานจากไพร่ถือเป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจที่สำคัญ รฐั บาลได้เกณฑ์แรงงานจากไพร่ในระบบเข้าเดือนออกเดือน หรือปลี ะ ๖ เดอื น มาทำงานให้ รัฐ เช่น การสร้างกำแพงเมือง ขุดคลอง สร้างวัด สร้างถนน เป็นต้น ไพร่ที่ไม่ต้องกากร ทำงานให้รัฐก็สามารถจ่ายสิ่งของที่รัฐต้องการ เช่น มูลค้างคาว สินค้าป่า เรียกว่า “ส่วย” แทนการเกณฑแ์ รงงานได้ ส่วยเหล่านี้รัฐจะนำไปเปน็ สนิ คา้ ขายยังต่างประเทศต่อไป ประวตั ิศาสตร์ไทยสมัยอยธุ ยา

82 ๒) รายได้จากภาษอี ากร ภาษีอากรในสมัยอยุธยา มีดงั นี้ ส่วย คือสิ่งของหรือเงินที่ไพร่หลวงจ่ายให้รัฐทดแทนการถูกเกณฑ์มาทำงานโดยรัฐ จะเปน็ ผู้กำหนดว่าท้องถน่ิ ใดจะสง่ สว่ ยประเภทใด เช่น สว่ นดีบุก สว่ ยรังนก สว่ ยไม้ฝาง ส่วย นอแรด ส่วยมูลค้างคาว เป็นต้น ประวัตศิ าสตรไ์ ทยสมัยอยธุ ยา

83 -อากร คือ เงินที่เก็บจากผลประโยชน์ที่ราษฎรประกอบอาชีพได้ เช่น การทำนา จะเสียอากรค่านา เรียกว่า “หางขา้ ว” ให้แกร่ ัฐ เพื่อรัฐจะไดเ้ ก็บไว้เป็นเสบยี งอาหารสำหรับ กองทัพ ผู้ที่ทำสวนอาการค่าสวนซ่ึงคิดตามประเภทและจำนวนต้นไม้แต่ละชนิด นอกจากน้ี ยังรวมถึงการได้รับสิทธิจากรัฐบาลในการประกอบอาชีพ เช่น การอนุญาตให้ขุดแร่ การอนุญาตให้เก็บของปา่ การอนุญาตให้จบั ปลาในนำ้ การอนญุ าตใหต้ ้มกล่นั สรุ า เป็นต้น -จังกอบ คือ ค่าผ่านด่านขนอนทั้งทางบก และทางน้ำ โดยเรียกเกบ็ ตามยานพาหนะ ท่ีบรรทุกสินค้า เชน่ เรอื สนิ คา้ จะเก็บตามความกว้างของปากเรือตามอัตราทีก่ ำหนด จึงเรยี ก ภาษีปากเรือ สว่ นพ่อค้าแมค่ ้าในท้องถน่ิ มกั เกบ็ ในอัตราสิบชกั หนึง่ -ฤชา คือ เงินที่รัฐเรียกเก็บจากการให้บริการจากราษฎร เช่น การออกโฉนด หรือ เงินปรับไหมที่ผู้แพ้คดีต้องจ่ายให้ผู้ชนะ เงินค่าธรรมเนี ยมนี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เงินพินัยหลวง” ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยสมัยอยุธยา

84 ๓) รายได้จากต่างประเทศ ได้แก่ ผลกำไร จากการค้าเรือสำเภา ภาษีสินค้าขาเข้า และสินค้าขาออก สิ่งของที่ได้รับพระราชทานาจากจักรพรรดิจีน บรรณาการจากต่างชาติ เขา้ มาตดิ ตอ่ ค้าขายกับอยุธยา ประวตั ิศาสตรไ์ ทยสมยั อยุธยา

85 เอกสารอา้ งอิง อรรถ นนั ทจกั ร์ และคณะ. (2550). ประวตั ศิ าสตร์ไทยสมยั ต่าง ๆ. หยกศกึ ษาภัณฑ์ และการพมิ พ์, ประวัติศาสตรไ์ ทยสมยั อยธุ ยา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook