Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วัฒนธรรมอาเซียน

วัฒนธรรมอาเซียน

Published by surasate_hobby, 2020-06-07 04:49:04

Description: วัฒนธรรมอาเซียน

Search

Read the Text Version

วฒั นธรรมอาเซียน (ASEAN Culture) รหสั วชิ า 20000-1507 กลมุ่ วิชาสงั คมศึกษา หมวดวชิ าสมรรถนะแกนกลาง หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2562 ส�ำนกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา (สอศ.) กระทรวงศึกษาธกิ าร ดร.เศรษฐชัย ชยั สนิท Ph.D. (Learning In Innovation Technology) KMUTT, Doctoral Program in Collaboration with California State University, Sacramento, U.S.A พิศษิ ฐ์ กาญจนพมิ าย กศ.บ., กศ.ม. (เทคโนโลยีการศกึ ษา), นศ.ม. (การประชาสัมพนั ธ์)

วฒั นธรรมอาเซยี น ISBN 978-616-495-045-0 จดั พมิ พ์และจ�ำหนา่ ย โดย... บริษัทวงั อักษร จ�ำกัด... 69/3 ถนนอรณุ อมรนิ ทร์ แขวงวดั อรณุ เขตบางกอกใหญ่ กรงุ เทพฯ 10600 โทร. 0-2472-3293-5 โทรสาร 0-2891-0742 Mobile 08-8585-1521 Facebook : สำ� นกั พมิ พ์ วงั อกั ษร e-Mail : [email protected] http://www.wangaksorn.com ID Line : @wangaksorn พมิ พ์คร้งั ที่ 1 พ.ศ. 2562 จำ� นวนท่พี ิมพ์ 5,000 เล่ม สงวนลิขสิทธต์ิ ามพระราชบัญญัติลิขสทิ ธ์ิ พ.ศ. 2537 โดยบริษทั วังอกั ษร จ�ำกดั ห้ามนำ� ส่วนใดส่วนหนง่ึ ของหนังสือเล่มน้ี ไปท�ำซ�้ำ ดัดแปลงหรอื เผยแพร่ต่อสาธารณชน ไม่ว่ารูปแบบใด ๆ นอกจากได้รบั อนญุ าตเปน็ ลายลักษณ์อกั ษรจากทางบรษิ ัทวังอักษร จ�ำกัด เท่านนั้ ช่ือและเครือ่ งหมายการค้าอ่นื ๆ ทอ่ี ้างองิ ในหนงั สอื ฉบบั น้ี เป็นสิทธโิ ดยชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของแต่ละราย โดยบรษิ ทั วงั อกั ษร จ�ำกัด มไิ ด้อ้างความเป็นเจ้าของแต่อย่างใด

วัฒนธรรมอาเซยี น (ASEAN Culture) รหัสวชิ า 20000-1507 จดุ ประสงคร์ ายวชิ า เพอ่ื ให้ 1. ร้แู ละเขา้ ใจเกี่ยวกบั วฒั นธรรมของประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียน 2. สามารถประยุกตใ์ ช้ขอ้ มลู ด้านวฒั นธรรมอาเซยี นเพือ่ การพัฒนาชีวิตและสงั คม 3. ตระหนักถึงความแตกต่างทางวฒั นธรรมเพ่อื การแลกเปลีย่ นเรียนร้ใู นกลมุ่ ประชาคมอาเซยี น สมรรถนะรายวชิ า 1. แสดงความรเู้ กยี่ วกบั วัฒนธรรมของประเทศในกลมุ่ ประชาคมอาเซียน 2. สืบคน้ ขอ้ มลู สารสนเทศเกยี่ วกบั วฒั นธรรมและความสัมพันธร์ ะหว่างประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซยี น 3. วางแผนการด�ำเนินชวี ติ สอดคล้องกบั วัฒนธรรมของประเทศในกลมุ่ ประชาคมอาเซียน ค�ำอธบิ ายรายวิชา ศกึ ษาเกยี่ วกบั วฒั นธรรม ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศ ความแตกตา่ งทางวฒั นธรรม การแลกเปลยี่ น เรียนรู้ของประเทศในกลุม่ ประชาคมอาเซยี น

ตารางวเิ คราะห์สมรรถนะรายวิชา แสดงความรู้เ ี่กยวกับ ัวฒนธรรมของประเทศใน วชิ าวฒั นธรรมอาเซียน รหัสวชิ า 20000 – 1507 ก ุ่ลมประชาคมอาเ ีซยน ท – ป – น 1 – 0 – 1 จำ� นวน 1 คาบ/สปั ดาห์ รวม 18 คาบ ืสบค้นข้อ ูมลสารสนเทศเกี่ยวกับ ัวฒนธรรมและ ความ ัสม ัพนธ์ระหว่างประเทศในกลุ่มประชาคม สมรรถนะรายวชิ า อาเซียน วางแผนการด�ำเ ินนชีวิตสอดคล้องกับวัฒนธรรม หนว่ ยที่ ของประเทศในก ุ่ลมประชาคมอาเซียน 1. ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั วฒั นธรรมและวฒั นธรรมของเอเซยี  ตะวนั ออกเฉยี งใต้ 2. วฒั นธรรมราชอาณาจักรไทย  3. วัฒนธรรมสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  4. วฒั นธรรมราชอาณาจักรกัมพูชา  5. วัฒนธรรมสาธารณรฐั สหภาพพม่า  6. วฒั นธรรมสาธารณรฐั สังคมนยิ มเวียดนาม  7. วัฒนธรรมประเทศมาเลเซีย  8. วฒั นธรรมสาธารณรัฐอนิ โดนเี ซีย  9. วฒั นธรรมสาธารณรัฐฟลิ ปิ ปินส์  10.วัฒนธรรมสาธารณรฐั สงิ คโปร์  11.วัฒนธรรมประเทศเนการา บรไู น ดารสุ ซาลาม  12.ความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยกบั กลุม่ ประเทศ   อาเซยี น 13.ความแตกต่างทางวัฒนธรรมและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในกลุ่ม   อาเซียน

คำ� น�ำ วชิ าวัฒนธรรมอาเซียน รหสั วิชา 20000-1507 จดั อยู่ในหมวดวชิ าสมรรถนะแกนกลาง กลมุ่ วิชา สงั คมศกึ ษา ตามหลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช 2562 สำ� นกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา (สอศ.) กระทรวงศึกษาธิการ ผู้เขียนได้บริหารสาระการเรียนรูแ้ บ่งเปน็ 13 บทเรียน ไดจ้ ดั แผนการเรียนร้/ู แผนการสอนทมี่ ุ่งเน้นฐานสมรรถนะ (Competency Based) และการบูรณาการ (Integrated) ตรงตาม จดุ ประสงคร์ ายวชิ า สมรรถนะรายวชิ า คำ� อธิบายรายวิชาในแตล่ ะบท มงุ่ ใหค้ วามสำ� คัญสว่ นทีเ่ ปน็ ความรู้ ทฤษฎี หลกั การ กระบวนการ ตวั อยา่ ง แบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ และคำ� ถามเพอ่ื การทบทวนเพอ่ื ฝกึ ทกั ษะประสบการณ์ เรง่ พฒั นาบทบาทของผเู้ รยี นเปน็ ผจู้ ดั การแสวงหาความรู้ (Explorer) เปน็ ผสู้ อนตนเองได้ สรา้ งองคค์ วามรใู้ หม่ และบทบาทของผู้สอนเปลี่ยนจากผู้ให้ความรู้มาเป็นผู้จัดการชี้แนะ (Teacher Roles) จัดสิ่งแวดล้อม เอื้ออำ� นวยต่อความสนใจเรยี นรู้ และเป็นผ้รู ว่ มเรียนรู้ (Co-investigator) จดั ห้องเรียนเป็นสถานท่ีทำ� งาน รว่ มกนั (Learning Context) จดั กลมุ่ เรยี นรใู้ หร้ จู้ กั ทำ� งานรว่ มกนั ฝกึ ความใจกวา้ ง (Grouping) มงุ่ สรา้ งสรรค์ คนร่นุ ใหม่ สอนความสามารถท่นี ำ� ไปทำ� งานได้ (Competency) สอนความรกั ความเมตตา (Compassion) ความเชื่อม่ัน ความซ่ือสัตย์ (Trust) เป้าหมายอาชีพอันยังประโยชน์ (Productive Career) และชีวิตที่ มศี ักดิศ์ รี (Noble Life) เหนือสิง่ อนื่ ใดเปน็ คนดี ท้ังกาย วาจา ใจ มีคุณธรรม จรรยาบรรณทางธรุ กิจและ วิชาชีพ สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาระบบคณุ วฒุ วิ ชิ าชพี (Vocational Qualification System) สอดคล้องตามมาตรฐานอาชีพ (Occupational Standard) สร้างภูมิคุ้มกัน เพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศ กำ�ลังแรงงาน การพัฒนามาตรฐานการปฏิบัติงานระดับชาติ (National Benchmarking) และการวเิ คราะหห์ นา้ ทก่ี ารงาน (Functional Analysis) เพอ่ื ใหเ้ กดิ ผลสำ�เรจ็ ในภาคธรุ กจิ อุตสาหกรรม ทุกสาขาอาชีพ เป็นการเตรยี มความพรอ้ มเขา้ สู่ประชาคมอาเซียน ขอขอบคณุ ทา่ นอาจารยผ์ สู้ อน ผปู้ ระสาทวชิ าความรู้ เอกสาร หนงั สอื ทใ่ี ชป้ ระกอบในการเรยี บเรยี ง ไว้ ณ โอกาสนี้ ดร.เศรษฐชัย ชัยสนทิ พศิ ษิ ฐ์ กาญจนพิมาย

สารบญั 1 บทท่ี 1 ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกีย่ วกับวฒั นธรรมและวัฒนธรรม 2 ของเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ 3 5 ความหมายของ “วัฒนธรรม” 5 ลกั ษณะของวฒั นธรรม 7 องคป์ ระกอบของวฒั นธรรม 8 ประเภทของวฒั นธรรม 8 วธิ ีการของมนุษย์กับการสร้างวฒั นธรรม 9 วัฒนธรรม 5 สาขา 11 การแทรกซึมของวัฒนธรรม 13 ความส�ำคญั ของวัฒนธรรมทมี่ ตี อ่ ชีวติ มนษุ ย ์ 18 ความส�ำคญั ของวฒั นธรรมระดบั ชาติ 19 วฒั นธรรมของเอเชียตะวันออกเฉยี งใต ้ 22 ประชากรและภาษาในเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ 2011 แบบทดสอบและกิจกรรมการฝึกทักษะ 23 ใบงานบทท่ี 1 แผนผงั ของวฒั นธรรม 24 บทท่ี 2 วัฒนธรรมราชอาณาจักรไทย 28 29 ภูมหิ ลงั ประเทศไทย 38 ความรทู้ ว่ั ไปเกี่ยวกับประเทศไทย 41 วฒั นธรรมและสังคมของประเทศไทย 44 สถานที่ทอ่ งเทีย่ วทีส่ ำ� คญั แบบทดสอบและกจิ กรรมการฝกึ ทกั ษะ 45 ใบงานบทที่ 2 วันสำ� คญั ของประเทศไทย 46 บทที่ 3 วัฒนธรรมสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 49 50 ภูมหิ ลังประเทศลาว 56 ความร้ทู ัว่ ไปเกีย่ วกับประเทศลาว 58 วฒั นธรรมและสังคมประเทศลาว 61 สถานทท่ี อ่ งเท่ียวท่สี ำ� คัญ แบบทดสอบและกิจกรรมการฝกึ ทักษะ ใบงานบทท่ี 3 วัฒนธรรมอันเป็นเอกลกั ษณข์ องลาว

บทที่ 4 วัฒนธรรมราชอาณาจักรกัมพูชา 62 ภมู หิ ลังประเทศกมั พชู า 63 ความรทู้ วั่ ไปเก่ียวกบั ประเทศกมั พูชา 65 วฒั นธรรมและสงั คมประเทศกมั พูชา 66 สถานทท่ี อ่ งเทย่ี วทีส่ ำ� คญั 70 แบบทดสอบและกิจกรรมการฝึกทกั ษะ 74 ใบงานบทท่ี 4 สถานท่ีทอ่ งเที่ยวทส่ี ำ� คัญของกัมพชู า 77 บทที่ 5 วฒั นธรรมสาธารณรฐั สหภาพพม่า 78 ภมู หิ ลงั ประเทศพมา่ 79 ความรทู้ วั่ ไปเกี่ยวกบั ประเทศพม่า 81 วฒั นธรรมและสังคมประเทศพมา่ 83 วัฒนธรรมอนั เปน็ เอกลกั ษณ์ของพมา่ 85 สถานท่ที ่องเที่ยวท่สี ำ� คัญ 89 แบบทดสอบและกิจกรรมการฝึกทกั ษะ 92 ใบงานบทท่ี 5 เมอื งมัณฑะเลย์ 95 บทที่ 6 วัฒนธรรมสาธารณรฐั สังคมนิยมเวียดนาม 96 ภูมิหลังประเทศเวยี ดนาม 97 ความรทู้ ่ัวไปเกย่ี วกบั ประเทศเวียดนาม 100 วฒั นธรรมและสงั คมประเทศเวียดนาม 101 สถานที่ท่องเทย่ี วท่สี ำ� คัญของเวยี ดนาม 106 แบบทดสอบและกจิ กรรมการฝกึ ทกั ษะ 112 ใบงานบทท่ี 6 สถานทที่ ่องเทยี่ วทสี่ ำ� คญั ของเวียดนาม 115 บทที่ 7 วัฒนธรรมประเทศมาเลเซยี 116 ภูมหิ ลงั ประเทศมาเลเซยี 117 ความรูท้ ั่วไปเก่ียวกบั ประเทศมาเลเซยี 119 วฒั นธรรมและสังคมประเทศมาเลเซยี 120 สถานที่ท่องเที่ยวท่ีสำ� คญั ของมาเลเซยี 126 แบบทดสอบและกิจกรรมการฝกึ ทักษะ 129 ใบงานบทที่ 7 วฒั นธรรมอันเปน็ เอกลักษณข์ องประเทศมาเลเซีย 132

บทที่ 8 วฒั นธรรมสาธารณรฐั อนิ โดนเี ซยี 133 ภูมิหลังประเทศอินโดนเี ซีย 134 ความร้ทู ว่ั ไปเกี่ยวกับประเทศอินโดนเี ซยี 136 วฒั นธรรมและสังคมประเทศอนิ โดนเี ซีย 137 สถานท่ที ่องเทยี่ วทีส่ ำ� คัญของประเทศอนิ โดนีเซยี 143 แบบทดสอบและกิจกรรมการฝึกทกั ษะ 149 ใบงานบทท่ี 8 มหาสถปู โบโรบูดูร์ หรอื บโุ รพทุ โธ 152 บทท่ี 9 วัฒนธรรมสาธารณรัฐฟลิ ปิ ปนิ ส ์ 153 ภูมิหลงั ประเทศฟลิ ิปปินส ์ 154 ความรทู้ ว่ั ไปเกีย่ วกบั ประเทศฟิลปิ ปินส ์ 157 วัฒนธรรมและสังคมประเทศฟลิ ปิ ปนิ ส ์ 158 สถานทท่ี ่องเที่ยวท่สี ำ� คญั ของประเทศฟลิ ปิ ปินส ์ 164 แบบทดสอบและกจิ กรรมการฝึกทกั ษะ 167 ใบงานบทที่ 9 วนั สำ� คญั ของประเทศฟิลิปปนิ ส์ 170 บทที่ 10 วฒั นธรรมสาธารณรฐั สงิ คโปร ์ 171 ภมู หิ ลังประเทศสิงคโปร์ 172 ความรูท้ ว่ั ไปเกี่ยวกบั ประเทศสงิ คโปร์ 173 วฒั นธรรมและสงั คมประเทศสงิ คโปร ์ 174 สถานที่ทอ่ งเที่ยวทส่ี ำ� คัญของสงิ คโปร ์ 180 แบบทดสอบและกิจกรรมการฝึกทกั ษะ 182 ใบงานบทท่ี 10 เมอรไ์ ลออนหรอื สิงโตทะเล 185 บทท่ี 11 วฒั นธรรมประเทศเนการา บรไู น ดารุสซาลาม 186 ภมู ิหลังประเทศบรูไน 187 ความรทู้ ว่ั ไปเกยี่ วกบั ประเทศบรูไน 188 วฒั นธรรมและสงั คมประเทศบรไู น 189 สถานท่ที อ่ งเทย่ี วทส่ี ำ� คัญของบรไู น 194 แบบทดสอบและกิจกรรมการฝกึ ทักษะ 196 ใบงานบทที่ 11 วัฒนธรรมด้านอาหารของประเทศบรไู น 199

บทที่ 12 ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งราชอาณาจกั รไทยกบั กลุ่มประเทศอาเซียน 200 ความสมั พันธร์ ะหว่างประเทศไทย-ลาว 202 ความสมั พนั ธ์ระหว่างประเทศไทย-กัมพชู า 203 ความสมั พนั ธ์ระหว่างประเทศไทย-พม่า 205 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งประเทศไทย-เวียดนาม 206 ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งประเทศไทย-มาเลเซยี 207 ความสัมพันธร์ ะหว่างประเทศไทย-อนิ โดนีเซยี 209 ความสมั พันธร์ ะหว่างประเทศไทย-ฟิลปิ ปินส์ 210 ความสัมพันธร์ ะหว่างประเทศไทย-สงิ คโปร์ 212 ความสมั พันธร์ ะหว่างประเทศไทย-บรไู น 214 เกร็ดความรูอ้ าเซยี น 215 แบบทดสอบและกิจกรรมการฝึกทักษะ 217 ใบงานบทท่ี 12 เกร็ดความรูอ้ าเซียน 221 บทที่ 13 ความแตกตา่ งทางวฒั นธรรมและการแลกเปลย่ี นเรียนรใู้ นกลุ่มอาเซยี น 222 ความแตกตา่ งและมรดกรว่ มทางวฒั นธรรม 224 ความคล้ายคลึงกันทางวฒั นธรรม 231 การแลกเปลี่ยนเรียนรูใ้ นกลมุ่ ประชาคมอาเซียน 231 ยุทธศาสตร์ในแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคม ฉบับที่ 11 กับอาเซยี น 236 แบบทดสอบและกจิ กรรมการฝกึ ทกั ษะ 239 ใบงานบทท่ี 13 ยุทธศาสตรก์ ารเขา้ สู่ประชาคมอาเซียน 243 บรรณานกุ รม 244



บทท่ี 1 ความรูเ้ บื้องตน้ เกย่ี วกับวฒั นธรรมและ วฒั นธรรมของเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม (BEHAVIORAL OBJECTIVES) หลงั จากศึกษาจบบทเรียนนแี้ ล้ว นักศึกษาจะมีความสามารถดงั น้ี 1. นยิ ามความหมายของวฒั นธรรม 2. บอกลกั ษณะและองค์ประกอบของวัฒนธรรม 3. จำ� แนกประเภทของวฒั นธรรม 4. สรปุ วธิ กี ารสร้างสรรคว์ ัฒนธรรมของมนษุ ย์ 5. อธบิ ายความสำ� คญั ของวัฒนธรรมทีม่ ีตอ่ ชีวิตมนษุ ย์ 6. ระบคุ วามสำ� คัญของวฒั นธรรมระดับชาติ 7. สรุปวฒั นธรรมของเอเซียตะวนั ออกเฉยี งใต้ 1

1 ความรูเ้ บื้องต้นเก่ยี วกับวฒั นธรรมและ วัฒนธรรมของเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ การศกึ ษาเรอ่ื งของสงั คมและมนษุ ย์ วฒั นธรรมเปน็ สงิ่ ทมี่ บี ทบาทสำ� คญั ทต่ี อ้ งศกึ ษา เพราะวฒั นธรรม เปน็ สญั ลกั ษณข์ องสงั คม ทบี่ ง่ บอกถงึ ความเจรญิ และความเสอื่ มตลอดจนววิ ฒั นาการ ความเปน็ มาของมนษุ ย์ ในแต่ละสังคม วัฒนธรรมเป็นเครอ่ื งแสดงถงึ เอกลกั ษณ์ของชาตแิ ละเปน็ สง่ิ ทีก่ ่อให้เกิดการอย่รู ่วมกันอย่าง สนั ตสิ ขุ วฒั นธรรมเปน็ เครอื่ งกลอ่ มเกลาจติ ใจของมนษุ ย์ การอยรู่ ว่ มกนั ของมนษุ ย์จำ� เปน็ ตอ้ งอาศยั เอกภาพ ของวฒั นธรรม ประเทศใดมวี ัฒนธรรมอนั ดงี ามย่อมส่งผลตอ่ ความเจริญ และความสงบสุขของคนในสงั คม ในประเทศนั้นด้วย แรงผลักดันส�ำคัญที่ท�ำให้ผู้น�ำประเทศสมาชิกอาเซียนตกลงจัดตั้งประชาคมอาเซียน อันถือเป็น การปรบั ปรงุ ตวั ครงั้ ใหญแ่ ละวางรากฐานของการพฒั นาของอาเซยี น คอื สภาพแวดลอ้ มระหวา่ งประเทศท่ี เปลยี่ นแปลงไปทัง้ ในด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ท�ำให้อาเซยี นตอ้ งเผชิญกบั ความทา้ ทายใหม่ ๆ เชน่ โรคระบาด อาชญากรรมขา้ มชาติ ภัยพิบัตธิ รรมชาติ และปญั หาสิ่งแวดลอ้ ม ภาวะโลกรอ้ น และความเสี่ยง ทอ่ี าเซียนอาจจะไมส่ ามารถแขง่ ขันทางเศรษฐกจิ ได้กบั ประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะจนี และอินเดียซง่ึ มอี ตั รา การขยายตวั ทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด ความหมายของ “วฒั นธรรม” ศาสตราจารย์ พระยาอนุมานราชธน ใหค้ วามหมายของ “วัฒนธรรม” ไว้ดงั น้ี 1. สงิ่ ทมี่ นษุ ยเ์ ปลยี่ นแปลง ปรบั ปรงุ หรอื ประดษิ ฐข์ น้ึ เพอื่ ความเจรญิ ของงาน ในวถิ ชี วี ติ ของมนษุ ย์ ในส่วนรวมทถ่ี า่ ยทอดกันได้ เลียนแบบกันได้ 2. ส่งิ อันเปน็ ผลผลติ ของสว่ นรวมท่ีมนุษยไ์ ดเ้ รยี นรจู้ ากคนรนุ่ กอ่ นสบื ต่อกนั มา 2

บทท่ี 1 ความรเู้ บือ้ งตน้ เกย่ี วกับวฒั นธรรมและวฒั นธรรมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 3. ความคิดเหน็ ความร้สู ึก ความประพฤติ หรือการกระท�ำใด ๆ ของมนุษย์ในส่วนรวมทล่ี งรปู เปน็ พิมพเ์ ดยี วกัน และแสดงออกให้ปรากฏในรูปของภาษา ศิลปะ ความเชอ่ื ถือ และระเบยี บ ประเพณี 4. มรดกแหง่ สงั คม ซึง่ สังคมรบั และรักษาไว้ให้เจริญงอกงาม สพุ ตั รา สภุ าพ (2525) กลา่ ววา่ วฒั นธรรมมคี วามหมายครอบคลมุ ถงึ ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง อนั เปน็ แบบแผน ในความคดิ และการกระท�ำทแี่ สดงออกถึงวิถีชีวิตของมนุษยใ์ นสงั คมของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรอื สงั คมใด สงั คมหนึ่ง พระราชบัญญตั ิวฒั นธรรมแหง่ ชาติ พุทธศักราช 2485 ใหค้ วามหมายไว้วา่ วัฒนธรรม หมายถงึ ลกั ษณะท่ีแสดงถึงความเจริญงอกงาม ความเปน็ ระเบยี บ เรียบรอ้ ย ความกลมเกลียว ความก้าวหนา้ ของ ชาติ และศีลธรรมอันดีของประชาชน นกั วชิ าการสงั คมศาสตร์ ใหค้ วามหมายวา่ วฒั นธรรมมคี วามหมายกว้างมาก หมายความรวมถึง ทุกส่ิงทกุ อย่างท่ีมนษุ ย์คิดประดิษฐ์ขน้ึ มาเพอ่ื ชว่ ยในการด�ำรงชีวติ ในโลก อาจเป็นวตั ถุส่งิ ของตา่ ง ๆ ที่มนษุ ย์ สรา้ งขึ้นใชส้ อย ตลอดจนความรู้ และเทคนคิ วิธีการต่าง ๆ ทชี่ ว่ ยใหม้ นษุ ยส์ ามารถทำ� เกษตรกรรม และ อุตสาหกรรม รวมทั้งกฎข้อบังคับความประพฤติตา่ ง ๆ ขนบธรรมเนียมประเพณี ค่านยิ ม จริยธรรม ศาสนา ความเชอ่ื ศลิ ปหตั ถกรรมเปน็ ต้นสง่ิ ที่มนุษยค์ ดิ ประดิษฐ์ข้นึ มาน้ีจะเปน็ วฒั นธรรมได้กต็ อ่ เมอ่ื คนสว่ นใหญ่ใน กลุ่มสงั คมเดียวกันนัน้ เหน็ ชอบและรบั ไปใช้ร่วมกัน วฒั นธรรมจงึ เปน็ แบบแผนชวี ิต ความเปน็ อยู่ของคนใน สังคมหนึ่ง ซึ่งคนในสังคมอ่นื จะเห็นวา่ ดีหรอื ไมก่ ต็ าม แต่ถ้าคนในสังคมนน้ั ยอมรับท่ีจะเปน็ อยดู่ ว้ ยชีวิตแบบ นนั้ นน่ั กค็ อื วฒั นธรรมของสงั คมนนั้ วฒั นธรรมในความหมายทางวชิ าการ จงึ ไมเ่ กยี่ วกบั ความเจรญิ งอกงาม หรือสง่ิ ทดี่ ีงาม (เฌอมาลย์ ราชภัณฑารักษ,์ 2545) กล่าวโดยสรปุ วฒั นธรรมหมายถงึ ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งทมี่ นษุ ยส์ รา้ งขน้ึ นบั ตงั้ แตภ่ าษาขนบธรรมเนยี มประเพณีศาสนา กฎหมาย ศลิ ปะ จริยธรรม ตลอดจนวทิ ยาการและเทคโนโลยีตา่ ง ๆ อาจกล่าวได้ว่า วฒั นธรรม เป็นเครื่องมือ ทม่ี นษุ ยค์ ดิ คน้ ขน้ึ มา เพอื่ ชว่ ยใหม้ นษุ ยส์ ามารถดำ� รงอยตู่ อ่ ไปได้เพราะการจะมชี วี ติ อยใู่ นโลกน้ีมนษุ ยจ์ ะตอ้ ง รจู้ กั ประโยชนจ์ ากธรรมชาติ และจะตอ้ งรจู้ กั ควบคมุ ความประพฤตขิ องมนษุ ยด์ ว้ ยกนั วฒั นธรรมคอื คำ� ตอบ ท่ีมนุษย์ในสงั คมคดิ ข้นึ มาเพอ่ื แกป้ ัญหาเหล่าน้ี ลักษณะของวฒั นธรรม ลกั ษณะที่สำ� คญั ของวัฒนธรรม มีดังน้ี 1. เกดิ จากการเรยี นรู้ วฒั นธรรม ไมใ่ ช่สงิ่ ทีต่ ิดตวั มนษุ ยม์ าแต่กำ� เนิด และไม่ใชส่ ง่ิ ที่ถ่ายทอดทางพันธกุ รรมได้ เช่น การสรา้ งท่อี ยู่อาศยั ของมนุษย์ ย่อมแตกต่างไปจากรงั ของผ้ึง เพราะผง้ึ สรา้ งรังข้นึ โดยสญั ชาตญาณท่เี ปน็ เอง 3

บทท่ี 1 ความร้เู บ้ืองต้นเกี่ยวกับวฒั นธรรมและวฒั นธรรมของเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ ตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องมีการเรียนรู้หรือสั่งสอน แต่การสร้างที่อยู่อาศัยของมนุษย์เป็นสิ่งที่เกิดจาก การเรยี นรขู้ องสมาชกิ ในสงั คมนน้ั ดงั นนั้ วฒั นธรรมเกดิ ขน้ึ ในหมมู่ นษุ ยจ์ ะตอ้ งมกี ารเรยี นรจู้ ากมนษุ ยท์ เ่ี ปน็ สมาชกิ ในสงั คมเทา่ นัน้ 2. เปน็ มรดกของสงั คม วัฒนธรรมเป็นผลของการถ่ายทอดและการเรียนรู้จากสมาชิกรุ่นหนึ่งไปสู่สมาชิกรุ่นต่อไป การถา่ ยทอดวฒั นธรรมไปสสู่ มาชกิ นน้ั จะตอ้ งใชร้ ะยะเวลายาวนาน เครอื่ งมอื สำ� คญั ในการถา่ ยทอดวฒั นธรรม กค็ อื การท่มี นษุ ย์มภี าษาเป็นส่อื กลาง ภาษาจึงชว่ ยให้มนุษย์ได้แสดงความร้สู ึกและสามารถเขา้ ใจผู้อ่ืนได้ ช่วยให้การถ่ายทอดวัฒนธรรมสบื ต่อมาเปน็ มรดกทางสงั คม 3. เป็นแบบแผนในการดำ� เนนิ ชีวิต บคุ คลท่เี กิดในสังคมใด กจ็ ะเรียนรวู้ ัฒนธรรมของสงั คมน้ัน วัฒนธรรมของแต่ละสังคมมีความ แตกต่างกนั ซ่งึ ไมอ่ าจน�ำมาเปรยี บเทียบกนั ได้ เพราะวฒั นธรรมแต่ละวัฒนธรรมย่อมมีความเหมาะสมตาม สภาพแวดลอ้ มของแตล่ ะสังคม เชน่ วัฒนธรรมไทยกม็ ีแบบแผนการดำ� เนินชวี ิตในลกั ษณะหนง่ึ ไมว่ ่าในด้าน การแตง่ กาย อาหารการกนิ ความเปน็ อยู่วฒั นธรรมของชาวญปี่ นุ่ กม็ แี บบแผนการดำ� เนนิ ชวี ติ ในอกี ลกั ษณะ หน่ึงทแ่ี ตกตา่ งไปจากวัฒนธรรมไทย จงึ กลา่ วได้ว่า วถิ ีชีวติ ของคนไทย คนญปี่ ุ่นหรอื ชาตอิ น่ื ๆ จะมวี ถิ ชี วี ติ ทีเ่ ปน็ ลักษณะของตนเอง 4. เปน็ สิ่งท่ีเปลย่ี นแปลงได้ จากการทม่ี นษุ ยค์ ดิ คน้ สง่ิ ใหม่ ๆ หรอื ปรบั ปรงุ ของเดมิ ใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณท์ เี่ ปลย่ี นแปลงไป จึงท�ำให้วัฒนธรรมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เช่น การประดิษฐ์รถยนต์ท�ำให้ระยะเวลาในการติดต่อ รวดเร็วขนึ้ การขนย้ายสนิ ค้าและการใหบ้ รกิ ารรวดเร็วขน้ึ อันมีผลท�ำใหเ้ กิดการสรา้ งถนนหนทางมากมาย และยังกอ่ ให้เกิดผลตอ่ สังคมในดา้ นอนื่ ๆ ตามมาอีกมาก 5. มลี กั ษณะเปน็ การแสดงถึงรปู แบบของความคิด ในการแสดงพฤตกิ รรมของมนษุ ย์วฒั นธรรมมผี ลมาจากการชว่ ยกนั กำ� หนดรปู แบบของความคดิ ในการแสดงพฤตกิ รรมของสมาชิก โดยสมาชิกรับรรู้ ่วมกนั และประพฤตปิ ฏิบัติตามแนวความคดิ นั้น เชน่ คน ไทยพบหน้ากนั จะยกมือไหว้เปน็ การทกั ทายซึ่งกันและกัน สว่ นชาวตะวนั ตกจะทักทายกันดว้ ยการจบั มือ 6. มิใชเ่ ปน็ ของผูใ้ ดผู้หน่งึ โดยเฉพาะ วฒั นธรรมเปน็ ของสว่ นรวม ซง่ึ เกดิ จากการทม่ี นษุ ยอ์ ยรู่ ว่ มกนั และสรา้ งรปู แบบในการดำ� เนนิ ชวี ติ ในสงั คมรว่ มกัน วฒั นธรรมจงึ ไม่ใช่สง่ิ ท่ีสมาชกิ ในสงั คมคนใดคนหนึง่ ยอมรับและถอื ปฏิบัตเิ ท่านนั้ (วราวธุ สวุ รรณฤทธ์ิ, 2546) 4

บทที่ 1 ความรู้เบื้องตน้ เกีย่ วกับวัฒนธรรมและวฒั นธรรมของเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ องคป์ ระกอบของวฒั นธรรม วฒั นธรรมมอี งคป์ ระกอบ ดงั นี้ 1. องคว์ ตั ถุ (Instrumental and Symbolic Objects) ไดแ้ ก่ ผลงานทม่ี นษุ ยส์ รา้ งขน้ึ ในรปู วตั ถุ หรอื สญั ลกั ษณท์ ใี่ ชใ้ นการสอ่ื สารและถา่ ยทอด เชน่ รถไถนา อาคารบา้ นเรอื น เครอื่ งจกั ร เปน็ ตน้ 2. องคก์ าร (Association of Organization) ไดแ้ ก่ ระบบความสมั พนั ธข์ องมนษุ ย์ ทม่ี กี ารกำ� หนดแบบแผนพฤตกิ รรมเปน็ มาตรฐาน ทกุ คนในสงั คม รบั รรู้ ว่ มกนั มวี ตั ถปุ ระสงคใ์ นการดำ� เนนิ งานแนน่ อน เชน่ พรรคการเมอื ง รฐั สภา เปน็ ตน้ 3. องคพ์ ธิ กี าร (Usage) ไดแ้ ก่ วัฒนธรรมทแ่ี สดงออกในรปู ของพธิ กี รรมต่าง ๆ ขนบธรรมเนียมประเพณซี ึง่ แสดงออกในรูป พิธีกรรม เชน่ พธิ กี ารแตง่ งาน พธิ ไี หวค้ รู พธิ อี ปุ สมบท โดยพธิ เี หลา่ นมี้ กี ารเปลยี่ นแปลงไปบา้ งตามสภาพของ สงั คม เปน็ ตน้ 4. องคม์ ติ หรอื ความคดิ (Concepts) ไดแ้ ก่ระบบความเชอ่ื แนวความคดิ ความรู้ความเขา้ ใจเรอื่ งราวตา่ งๆอดุ มการณ์ทศั นคติเชน่ ความเชอื่ ทางศาสนา ความคดิ ทางการเมอื ง เปน็ ตน้ จากแนวคิดดงั กลา่ ว เมอ่ื นำ� มาสรุปกนั อาจจะแบ่งองคป์ ระกอบท่สี ำ� คัญของวฒั นธรรมได้ คอื ระบบ เทคโนโลยี ที่ประกอบดว้ ย ความรทู้ างเทคนคิ วิธีการผลิต เครื่องมือเครื่องใชแ้ ละทรพั ยากรธรรมชาติ ระบบ สงั คม ประกอบดว้ ยความรู้ ความเชอื่ ทศั นคติ และอดุ มการณ์ ซงึ่ องคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ดงั กลา่ ว มไิ ดแ้ ยกสว่ น เปน็ อสิ ระจากกัน แต่มีการเชอื่ มโยงประสานสอดคล้องกนั ภายในระบบสังคมและการแสดงพฤติกรรมของ บุคคลในรูปวิถีการดำ� เนนิ ชีวติ ประเภทของวัฒนธรรม วฒั นธรรมแบง่ ออกไดเ้ ปน็ 2 ประเภท คอื 1. วัฒนธรรมทางวัตถุ ไดแ้ ก่ สง่ิ ประดิษฐแ์ ละเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น อปุ กรณ์การเรยี นการสอน อุปกรณก์ ารครวั อปุ กรณ์การสอื่ สาร โบราณวัตถุ ศิลปะวตั ถุ สถาปตั ยกรรม ศลิ ปะดนตรี เครอ่ื งมอื ตา่ ง ๆ เป็นตน้ 2. วฒั นธรรมทไี่ มใ่ ชว่ ตั ถุ ไดแ้ ก่ ภาษา อดุ มการณ์ คา่ นยิ ม ขนบธรรมเนยี มประเพณที ปี่ ฏบิ ตั สิ บื ตอ่ กนั มา และยอมรบั วา่ เปน็ สง่ิ ดงี าม เหมาะสมสอดคลอ้ งกบั ศาสนา ความเชอ่ื ความสนใจ ทศั นคติ ความรู้ เชน่ ความเชอื่ เรอ่ื งพระเจา้ เชอื่ ในหลกั การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย เปน็ ตน้ 5

บทที่ 1 ความรเู้ บือ้ งต้นเกยี่ วกับวัฒนธรรมและวัฒนธรรมของเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ การแบง่ วัฒนธรรมออกเปน็ 2 ประเภทน้ัน นกั สงั คมวทิ ยาบางทา่ นเหน็ ว่า แนวความคิดเกี่ยวกับ วฒั นธรรมประเภททสี่ อง หรอื วฒั นธรรมทไ่ี มใ่ ชท่ างดา้ นวตั ถนุ นั้ ยงั คลมุ เครอื เหน็ วา่ นา่ จะแบง่ วฒั นธรรมออก เปน็ 3 ประเภท ดังนี้ (ณรงค์ เส็งประชา, 2528) 1. วฒั นธรรมทางวตั ถุ (Material - Having) ไดแ้ ก่ สง่ิ ประดษิ ฐท์ มี่ นษุ ยไ์ ดส้ รา้ งขน้ึ เชน่ รถยนต์ อาคารบ้านเรอื น โต๊ะ และเกา้ อ้ี เป็นตน้ 2. วัฒนธรรมทางดา้ นความคิด (Ideas - Thinking) ตวั อยา่ งของวัฒนธรรมทางด้านน้ี ได้แก่ ความเจริญทางวิทยาศาสตร์ ความเชอื่ ทางศาสนา วรรณคดี และสุภาษิต เปน็ ตน้ 3. วฒั นธรรมทางบรรทดั ฐาน (Norms - Doing) ไดแ้ ก่ ระเบยี บแบบแผนหรอื ประเพณที บ่ี คุ คล ในสงั คมยดึ ถอื และปฏบิ ตั ริ ว่ มกนั ซง่ึ ประกอบดว้ ย 3.1 วถิ ปี ระชา (Folkways) ไดแ้ ก่ การบวชของลกู ชายเมอ่ื อายคุ รบ 20 ปี เพอื่ ทดแทน บญุ คณุ บิดามารดาถ้าใครไม่ปฏิบตั ติ ามอาจได้รับการติฉนิ นินทา 3.2 จารตี (Mores) ได้แก่ ระเบียบแบบแผนทบี่ คุ คลในสงั คมจะตอ้ งปฏิบัตติ าม หากฝา่ ฝืน ถอื เปน็ การผดิ ทางศลี ธรรม สงั คมอาจรงั เกยี จและอาจถกู ตดั จากสงั คม ตวั อยา่ งเชน่ การเลย้ี งดพู อ่ แม่ ตอบแทน เมอื่ ท่านแกเ่ ฒ่า และเราอยู่ในภาวะท่จี ะรับผิดชอบได้ 3.3 กฎหมาย (Laws) ไดแ้ ก่ ระเบียบที่ทุกคนในสงั คมต้องปฏบิ ัติตาม หากฝา่ ฝืนจะถกู ลงโทษตามตัวบทกฎหมายหรอื ระเบียบขอ้ บังคับ วฒั นธรรม วัฒนธรรมทางวตั ถุ วัฒนธรรมทางด้านความคดิ แบบแผนพฤตกิ รรม (Norms) วัตถสุ ่งิ ของทมี่ นษุ ยส์ รา้ งข้นึ เคร่ืองมอื เคร่ืองใช้ต่าง ๆ ความเจริญทางวทิ ยาศาสตร์ วถิ ีชาวบ้าน ฯลฯ จารตี ความเชือ่ ทางศาสนา กฎหมาย คา่ นยิ ม ฯลฯ รปู ที่ 1.1 แผนผังของวฒั นธรรม 6

บทท่ี 1 ความรเู้ บือ้ งต้นเกย่ี วกบั วัฒนธรรมและวัฒนธรรมของเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ วิธกี ารของมนุษย์กับการสรา้ งวัฒนธรรม กระบวนการหรอื วิธกี ารสรา้ งสรรคว์ ฒั นธรรมของมนษุ ย์ มที ้ังวธิ ีจงใจและไม่จงใจท�ำขึ้น แตก่ าร กระท�ำนนั้ ๆ เกิดการสรา้ งสรรค์วฒั นธรรมขน้ึ มาเช่นในลกั ษณะเหตุบงั เอิญตา่ งๆหรอื การเปลีย่ นแปลงใน ส่งิ แวดลอ้ มตามธรรมชาติ ทำ� ใหเ้ กดิ หรอื เปล่ยี นแปลงวฒั นธรรมข้ึน วธิ ีและกระบวนการสรา้ งสรรคแ์ บบจงใจ มี 3 วธิ ี คือ 1. การคน้ พบสิง่ ท่มี ีอยู่แลว้ มาใช้ใหเ้ ป็นประโยชน์ เช่น แหล่งนำ้� มนั แร่ธาตตุ า่ ง ๆ ระบบการ หมนุ เวยี นของกระแสโลหติ เปน็ ตน้ การคน้ พบเปน็ ปจั จยั สำ� คญั อนั หนง่ึ ทท่ี ำ� ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงทางสงั คม รวมไปถงึ การนำ� เอาความรใู้ หม่ ๆ มาใชใ้ นการพฒั นาเทคโนโลยี เพอ่ื ชว่ ยใหส้ ง่ิ ทค่ี น้ พบมปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ 2. การประดิษฐ์ มี 2 วิธี คือ การประดิษฐ์ทางวัฒนธรรม ได้แก่ เคร่ืองบิน จรวด ดาวเทียม เครอื่ งปรบั อากาศ เปน็ ต้น การประดษิ ฐท์ างสังคม ไดแ้ ก่ คณะรฐั บาล องค์การสนั นิบาต กลมุ่ สมาคม เป็นต้น 3. การแพรก่ ระจาย โดยมกี ารเผยแพรภ่ ายในสงั คมเดยี วกนั หรอื ในระหวา่ งสงั คมกไ็ ด้ การเผยแพร่ เป็นกระบวนการแบบ 2 ทาง คอื “ให”้ และ “รับ” ส่วนใครจะใหห้ รอื รบั ได้มากนอ้ ยเพยี งไร ข้ึนอย่กู บั ความสามารถในการจงู ใจใหเ้ ห็นคลอ้ ยตาม การปรับปรงุ เปลย่ี นแปลงทางวฒั นธรรม มี 3 ลักษณะ ดังน้ี 1. การเปลย่ี นแปลงขน้ึ อยกู่ บั ปจั จยั ตา่ ง ๆ เชน่ ความรนุ แรงของธรรมชาติ ความรู้ และคณุ ภาพ ของมนษุ ยใ์ นสงั คม ความรุนแรงของการเปล่ยี นแปลงในสงั คมภายนอก หรอื ความถ่ีในการตดิ ต่อสมั พันธ์กบั โลกภายนอก เป็นตน้ 2. การเปล่ียนแปลงวัฒนธรรมทางวัตถุและวัฒนธรรมทางจิตใจ จากผลการส�ำรวจพบว่า การเปล่ยี นแปลงทางวัตถมุ ีความเร็วกวา่ การเปล่ียนแปลงสงิ่ ที่ไมใ่ ชว่ ตั ถุ หรอื อาจกล่าวไดว้ ่าความเจรญิ ทาง ด้านวัตถมุ มี ากกวา่ ความเจริญทางดา้ นจติ ใจ เพราะความเจรญิ ทางดา้ นวัตถมุ องเห็นได้งา่ ย 3. การปรับปรงุ เปล่ยี นแปลงทางดา้ นวฒั นธรรม เกดิ จากบทบาทของมนษุ ยท์ กี่ �ำหนดทศิ ทาง ไวล้ ว่ งหนา้ เช่น “ความปรารถนา” ของมนุษยท์ ต่ี อ้ งการใหเ้ ปน็ อย่างใดอย่างหนึง่ ตวั อยา่ ง เชน่ ต้องการ ให้เทคโนโลยมี ีความสามารถเจริญก้าวหน้า เพ่ือมนุษย์จะได้มีโอกาสเพิ่มพูนความสามารถตามธรรมชาติ ของตนให้มีประสทิ ธิภาพมากข้ึน เชน่ การปรบั ปรุงเครื่องใช้ในบ้าน เคร่อื งใชใ้ นสำ� นักงาน เครื่องใช้ในการ สื่อสารขนสง่ ให้ทันสมัยใช้การไดด้ ี เป็นต้น 7

บทที่ 1 ความรเู้ บ้ืองต้นเกีย่ วกับวฒั นธรรมและวฒั นธรรมของเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ ความแตกต่างทางวฒั นธรรมในสงั คม วฒั นธรรมของแตล่ ะสงั คมจะมคี วามแตกตา่ งกนั เชน่ บา้ นซงึ่ เปน็ ทอี่ ยขู่ องคนไทย คนญปี่ นุ่ หรอื คนจนี จะมีรปู แบบของบา้ นแตกต่างกนั คนเอเชียมอี าหารหลกั เป็นข้าว คนยุโรปรบั ประทานขนมปงั นม เนย เนอื้ สตั ว์ การแตง่ กายกจ็ ะมลี กั ษณะแตกตา่ งกนั ไปตามความนยิ ม ตามประเพณขี องแตล่ ะสงั คม การประพฤติ การปฏบิ ตั ริ ะหวา่ งกนั ในโอกาสและสถานทต่ี า่ ง ๆ กแ็ ตกตา่ งกนั ไป เชน่ คนไทยพบกนั จะทกั ทายกนั วา่ “สวสั ด”ี หรือยกมอื ไหว้กัน แตค่ นอเมรกิ ันจะใช้คำ� ทักทายว่า “สบายดหี รือ” แล้วกส็ ัมผัสมือกนั คนไทยเมื่อเขา้ โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรยี ญ หรือขน้ึ บนบา้ นของตนเอง หรอื ของผอู้ ่นื จะถอดรองเท้า แตค่ นฝร่ังไม่ถอดรองเทา้ เป็นต้น แม้แตใ่ นวฒั นธรรมด้านอ่นื ๆ เชน่ ดา้ นภาษา วรรณคดี สถาปตั ยกรรม แบบของเครื่องป้ันดนิ เผา แกะสลกั ภาพเขยี น การร้องร�ำท�ำเพลง กฬี า การพักผ่อน หยอ่ นใจ หลกั ศลี ธรรม ความเชอื่ ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี นิสยั ใจคอ ความสามารถ คา่ นยิ มและกฎหมายก็แตกต่างกันไป วฒั นธรรม 5 สาขา ส�ำนักงานคณะกรรมการวฒั นธรรมแห่งชาติ (พ.ศ. 2522) แบ่งวฒั นธรรมออกเปน็ 5 สาขา คอื 1. สาขามนษุ ยศาสตร์ ได้แก่ วฒั นธรรมทวี่ า่ ดว้ ยขนบธรรมเนยี มประเพณี คณุ ธรรม ศลี ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม ศาสนา ปรัชญา ประวัติศาสตร์ โบราณคดี มารยาทในสงั คม การปกครอง กฎหมาย เปน็ ต้น 2. สาขาศลิ ปะ ไดแ้ ก่ วฒั นธรรมในเรอื่ งภาษา วรรณคดี ดนตรี ฟอ้ นรำ� จติ รกรรม ประตมิ ากรรม สถาปัตยกรรม เป็นตน้ 3. สาขาชา่ งฝมี อื ไดแ้ ก่ วฒั นธรรมในเรอื่ งการเยบ็ ปกั ถกั รอ้ ย การแกะสลกั การทอผา้ การจกั สาน การท�ำเครื่องเขิน เคร่ืองเงิน เคร่ืองถม การจัดดอกไม้ การท�ำตุ๊กตา การท�ำเสื่อ การประดิษฐ์ การท�ำ เครอื่ งปน้ั ดนิ เผา เปน็ ตน้ 4. สาขาคหกรรมศลิ ป์ ไดแ้ ก่ วฒั นธรรมในเรอ่ื งอาหาร เสอื้ ผา้ การแตง่ กาย บา้ น ยา การดแู ลเดก็ เครื่องครัว การรู้จกั ประกอบอาชีพช่วยเศรษฐกิจในครอบครัว เป็นตน้ 5. สาขากีฬาและนันทนาการ ได้แก่ วฒั นธรรมในเร่ืองการละเลน่ มวยไทย ฟนั ดาบสองมอื กระบ่กี ระบอง กีฬาพ้นื บ้าน การแทรกซึมของวัฒนธรรม วฒั นธรรมแปรเปล่ยี นพฤตกิ รรมของคน เพราะมีการแทรกซึมด้วยการอบรม ส่งั สอน และการเลียน แบบกนั ปจั จบุ ันประเทศตา่ ง ๆ ในโลกติดตอ่ สอื่ สารกนั ได้สะดวกข้ึน เพราะความเจรญิ ก้าวหน้าทางวิชาการ และเทคโนโลยี ดังน้ัน เมื่อคนต่างชาติ ตา่ งศาสนา ตา่ งภาษา ได้มีโอกาสคบหาสมาคมกนั จงึ มีความจ�ำเป็นที่ 8

บทท่ี 1 ความรเู้ บอ้ื งต้นเกยี่ วกบั วัฒนธรรมและวัฒนธรรมของเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ จะต้องเรียนร้วู ัฒนธรรมของกนั และกนั เป็นเหตุใหเ้ กิดการเปลยี่ นแปลงวฒั นธรรมกนั โดยปริยาย วฒั นธรรม ของชาติต่าง ๆ มกี ารแทรกซมึ เกิดขึ้นทั้งทางตรงและทางออ้ มด้วยการอบรมสงั่ สอน และการเอาอยา่ งกนั นเี่ อง คอื สาเหตุหนงึ่ ทท่ี �ำให้เกดิ การประพฤตปิ ฏิบัตเิ พยี้ นไปจากเดิม การแทรกซมึ ของวฒั นธรรมนีม้ ีท้ัง ผลดีและผลเสยี ท้งั นข้ี ้นึ อยู่กับการปฏบิ ตั ิแตล่ ะอย่างและการยอมรบั ของสงั คม เชน่ เดิมคนไทยรับประทาน อาหารดว้ ยมอื ปจั จบุ นั คนไทยสว่ นใหญใ่ ชช้ อ้ นหรอื ชอ้ นสอ้ ม ถอื ไดว้ า่ เปน็ ผลจากการแทรกซมึ จากวฒั นธรรม ยโุ รป และเปน็ ไปในทางดเี พราะสะดวก ถูกสุขลักษณะของการรับประทาน การท�ำความสะอาดกง็ า่ ยกวา่ ประโยชนท์ ี่เกิดขน้ึ นี้มีผลดีทง้ั ส่วนตัวและสว่ นรวม นับเปน็ ผลดีที่คนไทยยอมรับ แตก่ ม็ กี ารแทรกซมึ ของ วฒั นธรรมบางอยา่ งท่เี ปลีย่ นไปแล้วเป็นทนี่ ยิ มเฉพาะบางกลมุ่ คนบางกลมุ่ ไม่ยอมรับการเปลย่ี นแปลงน้มี กั จะอยใู่ นระดบั ทเี่ ปน็ คา่ นยิ ม เชน่ การนยิ มเพลงในจงั หวะเรา่ รอ้ น การไมถ่ อื ในเรอื่ งการรว่ มเพศทผี่ ดิ ศลี ธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีไทย การแตง่ กายชนิดน่งุ นอ้ ยห่มนอ้ ยในที่สาธารณะ เป็นตน้ แต่พฤตกิ รรมทคี่ น บางคนแสดงออกและยอมรบั เฉพาะกลมุ่ นี้ คนในสังคมสว่ นใหญอ่ าจไม่ยอมรบั แต่ผ้ปู ระพฤตปิ ฏิบตั ิเมนิ เฉย เพราะเขาไดต้ ดั สนิ ใจเลอื กปฏบิ ตั เิ ชน่ นนั้ แลว้ แมจ้ ะไมผ่ ดิ ทค่ี นจะตดั สนิ ใจดว้ ยตวั เอง แตก่ ารตดั สนิ ใจทำ� ให้ สว่ นรวมเสยี ผลประโยชนถ์ อื ว่าไมค่ วรปฏบิ ตั ิ ความสำ� คญั ของวฒั นธรรมท่ีมตี ่อชวี ติ มนษุ ย์ วฒั นธรรมเป็นแนวความคดิ ทม่ี ีความสำ� คญั มากในการศึกษาเร่อื งของสังคมมนุษย์ ถ้าหากมนษุ ย์ ไม่มีวัฒนธรรม มนษุ ย์คงไม่สามารถเอาตวั รอดและสืบเผ่าพันธุ์มาจนถงึ ปัจจบุ นั ได้ วัฒนธรรมเปน็ วธิ ีการท่ี มนุษยใ์ ช้ตอบสนองความต้องการของชวี ติ ทกุ ส่ิงทีม่ นุษยค์ ดิ สรา้ งข้นึ มานอกเหนอื จากทมี่ ีอยู่ตามธรรมชาติ จัดว่าเปน็ วัฒนธรรมทง้ั สนิ้ มนุษย์เป็นสัตว์ประเภทเดียวเทา่ น้นั ทีม่ วี ฒั นธรรม การทีจ่ ะเขา้ ใจถงึ ความส�ำคัญของวฒั นธรรมทม่ี ี ตอ่ การดำ� รงชวี ติ ของมนษุ ยน์ น้ั จำ� เปน็ ตอ้ งรถู้ งึ ธรรมชาตขิ องมนษุ ย์และความแตกตา่ งระหวา่ งมนษุ ยก์ บั สตั ว์ ธรรมชาติของมนุษย์ หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ท่มี นษุ ยท์ กุ แห่งทุกยคุ ทุกสมยั มีอยเู่ หมอื นกัน อันได้แก่ วสิ ัยสามารถท่จี ะเรยี นรไู้ ด้ รวมท้งั ความสามารถในการสื่อความหมาย โดยใช้สัญลกั ษณแ์ ละความต้องการ จ�ำเป็น ซ่งึ แยกไดเ้ ปน็ ความต้องการจำ� เป็นทางร่างกาย จติ ใจ และสังคม ความแตกตา่ งระหวา่ งมนษุ ยก์ บั สตั วน์ นั้ มอี ยมู่ ากมายหลายประการ แตค่ วามแตกตา่ งประการหนง่ึ ที่ มคี วามสำ� คญั มาก กค็ อื วธิ กี ารทใ่ี ชต้ อบสนองความตอ้ งการของชวี ติ สำ� หรบั สตั วน์ น้ั การตอบสนองความ ตอ้ งการของสตั วก์ ระทำ� เองโดยสญั ชาตญาณ สญั ชาตญาณ คอื ความสามารถในการกระทำ� สงิ่ ตา่ ง ๆ ซง่ึ ตดิ ตวั มาแตก่ ำ� เนดิ ถ่ายทอดมาโดยสายโลหติ และเปน็ ลกั ษณะเฉพาะของสตั วช์ นดิ นนั้ ๆ ชว่ ยใหส้ ตั วป์ ระเภทนนั้ สามารถแก้ปญั หาต่าง ๆ เพอื่ ด�ำรงชวี ิตอยู่ตอ่ ไปได้ในโลก สัญชาตญาณเปน็ พลงั ผลักดนั ใหส้ ัตวน์ ้ันกระทำ� หรอื มพี ฤตกิ รรมในรปู ใดรปู หน่ึงแนน่ อน เช่น นกร้จู กั ทำ� รัง ผง้ึ รู้จักดูดอาหารจากเกสรดอกไม้ต่าง ๆ เปน็ ต้น ส่วนมนษุ ย์นั้นมีสญั ชาตญาณนอ้ ยมาก จนไมส่ ามารถชว่ ยในการดำ� รงชวี ติ สญั ชาตญาณของมนษุ ยม์ กี แ็ ตเ่ รอื่ ง 9

บทท่ี 1 ความร้เู บอ้ื งต้นเกย่ี วกับวัฒนธรรมและวัฒนธรรมของเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ ความหวิ ความกลวั การสบื พนั ธ์ุ แตม่ นษุ ยน์ นั้ มสี มองทพ่ี เิ ศษกวา่ สตั ว์ จงึ ทำ� ใหส้ ามารถคดิ สรา้ งวฒั นธรรมขน้ึ มาตอบสนองความตอ้ งการของชวี ิตได้ ความแตกตา่ งในเรอื่ งสมองของมนษุ ยก์ บั สมองของสตั วน์ น้ั ยงั เปน็ ทถี่ กเถยี งกนั อยใู่ นหมนู่ กั วชิ าการ วา่ แตกตา่ งกนั ทช่ี นดิ ของสมองหรอื แตกตา่ งกนั ในดา้ นระดบั ความคดิ ฝา่ ยทเ่ี ชอื่ วา่ สมองมนษุ ยก์ บั สมองของ สตั วต์ า่ งกนั ทช่ี นดิ ของสมองใหเ้ หตผุ ลวา่ “มนษุ ยเ์ ทา่ นนั้ ทสี่ ามารถสอื่ ความหมายโดยใชท้ ง้ั สญั ลกั ษณ์ (Symbol) และเครอื่ งหมาย (Sign) สว่ นสัตว์ใชไ้ ดแ้ ตเ่ คร่ืองหมายเทา่ น้ัน” สญั ลกั ษณ์ หมายถงึ สง่ิ ทมี่ นษุ ยก์ ำ� หนดความหมายเอาเอง สญั ลกั ษณท์ ส่ี ำ� คญั ไดแ้ ก่ ภาษาทงั้ ภาษา พดู และภาษาเขยี น สว่ นเครอ่ื งหมาย หมายถงึ สงิ่ ทส่ี มั ผสั ไดด้ ว้ ยประสาททงั้ หา้ เชน่ เสยี งหวั เราะ เสยี งรอ้ งไห้ ทอ้ งฟา้ มืดคร้มึ มีเสียงฟ้ารอ้ งเป็นเครอื่ งหมาย แสดงว่าฝนกำ� ลังจะตก เป็นตน้ พฤตกิ รรมของมนษุ ย์ เปน็ พฤตกิ รรมทางสญั ลกั ษณแ์ ทบทงั้ สน้ิ ทเ่ี ปน็ เชน่ นเี้ พราะพฤตกิ รรมตา่ ง ๆ มกั จะมคี วามหมายซอ่ นอยใู่ นพฤตกิ รรมนน้ั เชน่ การแตง่ กายดว้ ยชดุ สดี ำ� ในสงั คมไทย มคี วามหมายไปใน ทางไว้ทกุ ข์ ภาษาเปน็ สัญลักษณ์ ระบบความเชื่อ กริ ยิ ามารยาทก็เปน็ เรื่องของสัญลักษณท์ ้งั ส้นิ สว่ นฝา่ ยทเ่ี ชอื่ วา่ สมองมนษุ ยก์ บั สมองสตั วต์ า่ งกนั ทรี่ ะดบั ความคดิ ใหเ้ หตผุ ลวา่ สมองมนษุ ยจ์ ะหนกั ราว 1/50 ของน�้ำหนักรา่ งกาย ส่วนสมองของลงิ กอรลิ ลามีน้ำ� หนักตง้ั แต่ 1/150 ถงึ 1/200 ของน�ำ้ หนัก ร่างกาย น่นั ก็คือ นำ�้ หนกั สมองของลิงมีอตั ราสว่ นน้อยกวา่ มนษุ ยส์ ามถงึ สเ่ี ท่า โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ สมองส่วน หนา้ ของมนษุ ยจ์ ะใหญก่ วา่ ของลงิ เปน็ ทที่ ราบกนั วา่ ในสถานการณห์ ลายอยา่ ง การเปลย่ี นแปลงดา้ นปรมิ าณ จะเป็นสาเหตทุ ำ� ใหเ้ กดิ ความแตกต่างทางด้านคุณภาพ เชน่ น�้ำเปล่ียนเป็นไอเม่ือได้รับความร้อนมากขน้ึ หรอื พลงั ทีเ่ พม่ิ ขนึ้ สามารถทำ� ให้เคร่อื งบนิ ทะยานขนึ้ สอู่ ากาศได้ หรือแอลกอฮอลล์ชนดิ แข็งกบั ชนดิ เหลวจะ มคี ุณภาพต่างกนั เพราะจ�ำนวนคาร์บอนกบั ไฮโดรเจนมสี ดั ส่วนต่างกนั ในทำ� นองเดยี วกนั การทข่ี นาดสมอง ใหญ่กวา่ กอ็ าจจะมีสว่ นให้สามารถทำ� ส่งิ ตา่ ง ๆ ได้มากกวา่ กัน ดังได้กล่าวมาแล้วว่า มนุษย์มีสัญชาตญาณน้อยกว่าสัตว์มาก จึงไม่อาจช่วยในการด�ำรงชีวิต แตเ่ พราะมนษุ ยม์ สี มองทพี่ เิ ศษกวา่ สตั ว์ จงึ ทำ� ใหส้ ามารถคดิ สรา้ งวฒั นธรรมเพอื่ ตอบสนองความตอ้ งการทจี่ ำ� เปน็ ทง้ั 3 ประการ อนั ไดแ้ ก่ 1. ความตอ้ งการทางรา่ งกาย ไดแ้ ก่ ความต้องการปัจจัยสป่ี ระการ คือ อาหาร เคร่ืองนุ่งหม่ ทอี่ ยอู่ าศยั ยารกั ษาโรค สว่ นของวฒั นธรรมทส่ี นองความตอ้ งการทางรา่ งกาย ไดแ้ ก่ วธิ กี ารหาอาหาร วธิ กี าร ประกอบอาหาร วธิ กี ารปลกู สรา้ งบา้ นเรอื น วธิ กี ารทำ� เครอื่ งนงุ่ หม่ วธิ กี ารบำ� บดั โรคภยั ไขเ้ จบ็ รวมทง้ั อปุ กรณ์ ต่าง ๆ ทจ่ี ำ� เป็นตอ้ งใช้สำ� หรบั วิธกี ารน้นั ๆ 2. ความต้องการทางจิตใจ ได้แก่ ความต้องการความรัก ความอบอุ่น ความม่ันคงทางจิตใจ ความรืน่ เริงบนั เทงิ ใจ สว่ นของวัฒนธรรมทส่ี นองความตอ้ งการทางจิตใจกค็ อื ศาสนา ความเชือ่ การละเลน่ รื่นเรงิ ต่าง ๆ 3. ความตอ้ งการทางสงั คม ไดแ้ ก่ ความตอ้ งการทจ่ี ะอยรู่ ว่ มกบั คนอน่ื เปน็ กลมุ่ เปน็ สงั คมสว่ นหนง่ึ ของวัฒนธรรมท่ีสนองความต้องการด้านนี้ ก็คือ กฎข้อบังคับ ความประพฤติระหว่างบุคคล รวมทั้ง ขนบธรรมเนียมประเพณีตา่ ง ๆ ที่จะท�ำให้ชีวิตกลมุ่ ดำ� เนนิ ไปได้อยา่ งราบร่ืน 10


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook