บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ที่ ๔ | ๒ สถติ ินิสติ หลกั สตู รพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาวชิ าพระพุทธศาสนา ปกี ารศึกษา ๒๕๔๔-๒๕๕๕ ปีการศกึ ษา จำนวน ปีที่ ๕ รวม หมายเหตุ ปที ี่ ๑ ปที ่ี ๒ ปีท่ี ๓ ปที ี่ ๔ ๕๐ รุ่น๑ ๒๕๔๔ ๑๑ ๑๕ ๒๕ - - ๕๓ รนุ่ ๒ ๖๓ รนุ่ ๓ ๒๕๔๕ ๓ ๑๑ ๑๕ ๒๕ - ๔๘ รนุ่ ๔ ๔๕ รุน่ ๕ ๒๕๔๖ ๑๐ ๓ ๑๑ ๑๕ ๒๕ ๔๑ รนุ่ ๖ ๔๙ รุ่น๗ ๒๕๔๗ ๑ ๑๐ ๓ ๑๑ ๑๕ ๔๓ รนุ่ ๘ ๔๙ รุน่ ๙ ๒๕๔๘ ๒๐ ๑ ๑๐ ๓ ๑๑ ๓๖ รนุ่ ๑๐ ๔๐ ๒๕๔๙ ๗ ๒๐ ๑ ๑๐ ๓ ๓๓ รุ่น ๒๕๕๐ ๑๑ ๗ ๒๐ ๑ ๑๐ รวม ๑๑ ๑๒ ๒๕๕๑ ๔ ๑๑ ๗ ๒๐ ๑ ๓๕ ๑๓ ๓๔ ๑๔ ๒๕๕๒ ๗ ๔ ๑๑ ๗ ๒๐ ๒๗ ๑๕ ๒๗ ๑๖ ๒๕๕๓ ๗ ๗ ๔ ๑๑ ๗ ๓๐ ๑๗ ๒๗ ๑๘ ๒๕๕๔ ๑๑ ๗ ๗ ๔ ๑๑ ๙๑ ๑๙ ๑๐๘ ๒๐ ๒๕๕๕ ๔ ๑๑ ๗ ๗ ๔ ๑๑๖ ๑๒๗ การศึกษา ๒๕๕๖-๒๕๖๖ ปกี ารศึกษา จำนวน ปที ี่ ๑ ปที ่ี ๒ ปีท่ี ๓ ปีที่ ๔ ปีท่ี ๕ ๒๕๕๖ ๑๖ ๓ ๗ ๕ ๔ ๒๕๕๗ ๘ ๑๐ ๔ ๗ ๕ ๒๕๕๘ ๗ ๕ ๔ ๔ ๗ ๒๕๕๙ ๗ ๗ ๕ ๔ ๔ ๒๕๖๐ ๖ ๗ ๗ ๖ ๔ ๒๕๖๑ ๖ ๔ ๖ ๕ ๖ ๒๕๖๓ ๖๙ ๗ ๔ ๖ ๕ ๒๕๖๔ ๓๗ ๕๔ ๗ ๔ ๖ ๒๕๖๕ ๒๖ ๓๒ ๔๘ ๗ ๓ ๒๕๖๖ ๑๖ ๒๖ ๓๒ ๔๘ ๕
๓ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ คำนำ “สิกขาจาริกโสเหล่เสวนาอารยธรรมล้านนา” เป็นกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนานิสิตท่ีรวมเอา กจิ กรรมโสเหล่เสวนาและสกิ ขาจารกิ เข้าด้วยกัน ในปนี ้ีคณะกรรมการบริหารหลักสูตร ได้กำหนดสถานท่ีสิกขา จาริกอารยธรรมล้านนา จึงผูกสามคำเข้าด้วยกัน โดยคาดว่าจะพัฒนาองค์ความรู้และประสบการณ์ในด้าน ประวัติศาสตร์ อารยธรรม บทบาทของพระสงฆ์ในด้านสังคมสงเคราะห์ การบริหารจัดการวัดเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวทางศาสนาและวัฒนาธรรม รูปแบบสำนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่มีมาตรฐาน ตลอดถึงการ ประยุกต์พุทธธรรมให้เกิดผลและเหมาะสมกับยุคปัจจุบัน โดยจุดสำคัญสูงสุดอยู่ที่การโสเหล่เสวนาท่ี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ภายใต้หัวข้อ “ จากเดินสู่อิสรภาพถึงขันธวิมุติสะมังคีธรรมะ” ที่มีอาจารย์ประมวลเพ็ง จันทร์เป็นวิทยากรหลัก หลังจากกิจกรรมโสเหล่เสวนาสิกขาจาริกอารยธรรมล้านนาเสร็จสิ้นลง ทางหลักสูตรสาขาวิชา พระพุทธศาสนา ได้รวบรวมประมวลข้อสรุปและความคิดเห็นของผู้ร่วมกิจกรรมฯ จัดทำเป็นอีบุ๊คตามชั้นปี ของนสิ ติ จำนวน ๔ เล่ม เพอื่ ขยายผลในวงกว้างออกไป ในเอกสารนม้ี เี นือ้ สาระแบง่ เปน็ ๓ ส่วน ๓ ป. คอื ปฐม บท ประสบการณ์ และปัจฉิมบท ซึ่งเป็นการสะท้อนข้อคิดความเห็นหลากหลายมิติ ในมุมมองของผู้เข้าร่วม กิจกรรมสิกขาจาริกตั้งแต่คณาจารย์ บัณฑิต นิสิต ผู้ร่วม ตลอดถึงประมวลภาพถ่ายและข้อสังเกตในสถานที่ สำคญั ๆ อรรถรสจะเข้มขน้ เพยี งใด ขอเชิญชวนตามดรู ายละเอยี ดภายในเลม่ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบันทึกสิกขาจาริกอารยธรรมล้านนาเล่มนี้ จักเป็นประโยชน์และมีคุณค่าต่อผู้ใฝ่รู้ ใฝ่คดิ ใฝ่ศกึ ษาสบื ไปในอนาคต
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ | ๔ สารบญั เรอ่ื ง หนา้ คำนำ ๓ สารบญั ๔ ปฐมบท : สิกขาจารกิ โสเหลเ่ สวนา อารายธรรมลา้ นนา ๕ ๕ โสเหล่เสวนา คืออะไร... ? ๗ สิกขาจาริก…ทำไม...? ๙ สกิ ขาจารกิ ดำเนินการอยา่ งไร...? ๑๑ ทำไม…อารยธรรมลา้ นนา...? ๑๓ จาริกไม่หลงทาง... ๒๐ ประสบการณ์ : สกิ ขาจาริก โสเหลเ่ สวนา อารายธรรมลา้ นนา ๒๑ การเดนิ ทางภายนอกสคู่ วามหมายแห่งภายใน ๒๗ จากเดินสูอ่ ิสรภาพถงึ ขนั ธวมิ ุติสะมังคีธรรมะ ๓๑ คุณคา่ และความหมายสิกขาจาริก ๓๕ อีกคร้งั กับสกิ ขาจารกิ ๓๙ ประสบการณ์รว่ มเดนิ ทาง ๔๑ ได้อยา่ งต้อง...(ยอม)เสยี อยา่ ง... ๔๔ ปัจฉิมบท : สกิ ขาจาริก โสเหลเ่ สวนา อารายธรรมลา้ นนา ๔๕ กลุ่มเครอื ข่ายวิทยาเขตสุรนิ ทร์ ๔๙ กลมุ่ เครือขา่ ยจังหวดั เชียงราย ๕๑ ศนู ยก์ ลางอาณาจกั รล้านนา ๕๒ กลมุ่ เครอื ขา่ ยจังหวดั เชยี งใหม่ ๕๙ พฒั นาการสาขาวิชาพระพุทธศาสนา มจร วิทยาเขตสุรินทร์
๕ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ ปฐมบท : โสเหลเ่ สวนา…คอื อไร... ? พระครูปรยิ ัติวสิ ุทธคิ ณุ ,รศ.ดร.๑ โสเหล่เสวนา…คอื อไร... ? ในการกิจกรรมการเรียนการสอน ผู้เขียนคุ้นเคยกับการใช้รูปแบบโสเหล่เสวนาเชิงวิชาการ เพื่อเปน็ แนวทางส่งเสริมและพัฒนานิสิตควบคู่กับกิจกรรมสิกขาจาริกต่อเนื่องมาหลายปี ลักษณะกิจกรรมเป็นแบบ ชวนคิดชวนคุยชวนทดลองปฏิบัติ ตัดส่วนพิธีกรรมพิธีการออกไม่เน้นความเข้มขรึมเชิงวิชาการจนเกินไป แต่ เน้น...“สนกุ เรียบง่าย ได้แง่คิด” เชื้อเชิญวิทยากรที่เป็นกันเองมีแนวคิดทันสมัยตรงกับเนือ้ หาสาระที่กำหนด และสามารถกระตุ้นให้นิสิตเกดิ การเรียนรู้เป็นสำคัญ ในระยะหลังวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิเน้นคณาจารย์ภายใน แต่ละสาขาวิชา เป็นการสร้างเวทีให้คณาจารย์ได้ฝึกฝนการนำเสนอไปในตัว...ปีการศึกษา ๒๕๖๕ พิเศษกว่า ทุกปี เพราะเป็นการรวมเอากิจกรรมโสเหล่าเสวนากับสิกขาจาริกเข้าด้วยกัน จึงเป็นที่มาของกจิ กรรมคร้งั นี้วา่ “สกิ ขาจารกิ โสเหลเ่ สวนาอารยธรรมลา้ นนา” ๑ อาจารย์ประจำหลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑติ สาขาวิชาพระพทุ ธศาสนา วทิ ยาเขตสรุ ินทร์
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ช้ั น ปี ท่ี ๔ | ๖
๗ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ ปฐมบท : สิกขาจารกิ …ทำไม...? พระปลดั วชั ร วชริ ญาโณ,ผศ.ดร.๒ สิกขาจารกิ …ทำไม...? ถ้าสถาบันการศึกษาคือเบ้าหลอมทำให้ผู้เข้าฝึกฝนแล้วเปลี่ยนแปลงพัฒนาการที่ดี...กิจกรรมสิกขา จาริกคือเครื่องมือที่ดีที่สมสมัย ถ้าหากว่าเป้าหมายสำคัญของการศึกษาคือพัฒนาคนให้มีความคิดอ่าน โดยเฉพาะกลุ่มพระนิสิตได้รับการสนับสนุนจากทางคณะสงฆ์จังหวัดสุรินทร์ภายใต้ “โครงการศาสนทายาท” ท่านเหลา่ น้ีจึงไม่เพียงแตม่ าแสวงหาความรู้ใส่ตัวเท่านัน้ หากแต่ยังตอ้ งรับผิดชอบในการพัฒนาวดั วาอารามให้ เจริญม่ันคงเข้าแขง็ การไปท่องดูโลกกว้างดูคนอนื่ เพ่ือนำมาปรบั ปรงุ พระศาสนาในจงั หวดั จึงเปน็ ความจำเป็น สิกขาจาริก มิใช่สิ่งใหม่หากแต่เป็นกิจกรรมเก่าที่เคยทำมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี และเป็นกิจกรรมที่ สาขาวิชาม่นั ใจวา่ สามารถเปล่ียนแปลงแนวคิด และพฒั นาต่อยอดสำหรับผ้เู รียนได้เปน็ อยา่ งดี ๒ อาจารย์ประจำหลกั สตู รพุทธศาสตรบณั ฑิต สาขาวิชาพระพทุ ธศาสนา วทิ ยาเขตสรุ ินทร์
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ช้ั น ปี ท่ี ๔ | ๘
๙ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ ปฐมบท : สิกขาจารกิ ดำเนนิ การอย่างไร...? พระมหาสมพงษ์ ฐติ จติ โฺ ต๓ สกิ ขาจาริกดำเนนิ การอยา่ งไร...? เคล็ดลบั แหง่ ความสำเรจ็ อย่างหน่ึงของกิจกรรมน้ี...๑) ใช้เวทกี ารประชุม: การประชมุ สร้างความเข้าใจ ถอื เปน็ หวั ใจสำคัญของการดำเนินกิจกรรม เร่มิ ต้งั แตก่ ารวางแผน ออกแบบกจิ กรรม จนถึงแบง่ หน้าท่ีกนั ปฏิบัติ รับผิดชอบร่วมกัน...กว่าจะคิดการใหญ่เช่นนี้ได้อาศัยประสบการณ์ที่ผ่านมา และทีมงานที่มีแนวคิดเป็นไปใน ทิศทางเดียวกัน... ๒) คู่มือสิกขาจาริก: คู่มือถือเป็นลายแทงสำคัญที่จะทำให้กิจกรรมดำเนินไปสู่ความสำเร็จ เพราะในคู่มือจะบอกจุดหมายปลายทาง กำหนดการ กิจกรรมต่างๆ ผู้ร่วมเดินทาง สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อม คำสั่ง โครงการ เนื้อหาสาระของสถานที่ ฯลฯ ทุกอย่างรวมอยู่ในคู่มือ... ๓) แบ่งภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ: กำหนดบทบาทหน้าที่นิสิตเป็นกลุ่ม แบ่งภาระงานรับผิดชอบร่วมกันใน กระจายงาน เป็นการฝึกฝน ทำงาน เป็นทีม สร้างความสมั พันธ์เพื่อนพ้องน้องพ่ี...๔) บูรณาการรายวชิ า: คณาจารย์บูรณาการรายวิชาที่รบั ผิดชอบ โดยปรับหัวข้อแผนการสอนใน มคอ.๓ แล้วออกแบบกำหนดประเด็น ให้สอดคล้องกับกิจกรรม...คณาจารย์ ประจำรายวิชาที่รับผิดชอบ นอกจากกำหนดกิจกรรมบูรณาการเชื่อมโยงไว้ใน มคอ. ๓ ของรายวิชาแล้ว อาจ กำหนดประเดน็ หลัก ๓ ประเดน็ ไว้ในคมู่ ือ ไดแ้ ก่ ประเด็นศึกษา วิธศี กึ ษา และการสรปุ สง่ งาน... ๓ อาจารยป์ ระจำหลกั สตู รพทุ ธศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา วทิ ยาเขตสรุ นิ ทร์
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ช้ั น ปี ที่ ๔ | ๑๐
๑๑ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ ปฐมบท : ทำไม…อารยธรรมลา้ นนา...? ผศ.บรรจง โสดาด๔ี ทำไม…อารยธรรมลา้ นนา...? ...กิจกรรมสิกขาจาริกและโสเหล่เสวนาวิชาการ เป็นกิจกรรมพัฒนาและส่งเสริมนิสิตที่มีพัฒนาการ ควบคู่กันมาอย่างต่อเนื่องกินระยะเวลามากกว่าหนึ่งทศวรรษ แต่ขอบเขตการจาริกจำกัดในภูมิภาคอีสานเป็น ส่วนใหญ่ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรสาขาวิชาพระพุทธศาสนา จึงกำหนดแนวทางสร้างโลกทัศน์ชีวทัศน์ สำหรับนิสติ ให้กวา้ งไกลออกไป หลังจากมีการสำรวจและประสานงานเบื้องต้น พบว่านิสิตมีฉันทามติจาริกไปภาคเหนือของประเทศ ไทย และเงื่อนไขปัจจัยต่างๆ มีความพร้อมมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา สอดคล้องกับแนวทางที่สาขาวิชา พระพุทธศาสนากำหนดเอาไว้ ดังนั้น อารยธรรมล้านนาจึงเป็นจุดหมายปลายทางของการสิกขาจาริก และ กิจกรรมโสเหล่เสวนาภายใต้หัวข้อ “จากเดินสู่อิสรภาพถึงขันธวิมุติสะมังคี” โดย ดร.ประมวล เพ็งจันทร์ ณ ห้องประชมุ ๕๐ ปี คณะมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงเปน็ จดุ สุดยอดของกจิ กรรม ครงั้ น.ี้ .. ศิษยม์ ีครู... ๔ อาจารยป์ ระจำหลักสตู รพุทธศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา วทิ ยาเขตสรุ นิ ทร์
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ช้ั น ปี ที่ ๔ | ๑๒
๑๓ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ จารกิ ไมห่ ลงทาง (Don’t Lost Your Way) อาจารยธ์ นรฐั สะอาดเอย่ี ม๕ เมื่อล้อรถเริ่มหมุน ในระหว่างวันที่ ๒๓-๒๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๖ ผมได้มี โอกาสเข้าร่วมกิจกรรมสิกขาจาริกในฐานะของผู้บรรยายประกอบ เส้นทาง ประจำรถบัสคันที่ ๒ ในเส้นทาง “อารยธรรมล้านนา” เส้นทางเชียงราย-เชียงใหม่ของหลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา วิทยาเขตสุรินทร์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ ประกอบการศึกษาในหลักสูตร และฝึกทักษะการใช้ชีวิตในสภาพ บริบทท่เี ป็นจรงิ ของนสิ ติ ในหลักสูตร หากถามผมว่า บรรยากาศเปน็ อยา่ งไรบา้ ง พระนิสิตเป็น อย่างไรบ้างในกิจกรรมสิกขาจาริกในครั้งนี้ ผมขอนำเสนอในสาระ บางประการเท่านั้น ในมุมมองที่ผ่านแว่น ความคิดของผมเท่านั้น อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดที่ ควรจะเปน็ แต่กเ็ ปน็ เพยี งสง่ิ หน่งึ ทช่ี วนให้ผมได้ หวนระลึกถึงบรรยากาศ และสีสันการเดินทาง ในครัง้ นน้ั ไดเ้ ป็นอยา่ งดี ผมขอนำเสนอเป็นเรื่องเล่า แบบไม่ ต ้ อ ง อ ้ า ง อ ิ ง ว ิ ช า ก า ร อ ะ ไ ร ม า ก ใ ห ้ ร ก ร ุ ่ ง รั ง หน้ากระดาษ ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ผู้อ่านได้เสพ อรรถรสจากตัวอักษรทีผ่ มพมิ พ์จากบรรทัดแรก กระทั่งถึงบรรทัดสุดท้าย และหากว่า อ่านแล้ว มีข้ออะไรบางอย่างส่งกลับมาให้ผมในฐานะ ผเู้ ขียนบ้าง กจ็ ะเป็นการดีอย่างมาก ๕ ผูบ้ รรยายประกอบเสน้ ทาง ประจำรถบัสคันที่ ๒
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ | ๑๔ รูปแบบและสาระ...คือ...ชัยชนะของนกั เดินทาง บรรยากาศในระหว่างทางนั้น กิจกรรมหนึ่งที่ผม ได้นำพาพระนิสิตในรถบัสคันที่ ๒ ปฏิบัติ คือ การตั้งสติ ก่อน Start น่ัน คือ การสวดมนต์ระหว่างทาง เพื่อนำพา พระนิสิต และผู้ร่วมเดินทางทุกท่านได้มีโอกาสบูชาพระ รัตนตรัยทั้งภาคเช้า และภาคค่ำ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการปรับ จติ ปรับใจ และสรา้ งความเปน็ เอกภาพของนิสิตรว่ มทั้งผู้ ร่วมเดินทางได้แสดงออกทั้งกายภาพ วจีภาพ และมโน ภาพ ซึ่งผู้ร่วมเดินทาง และพระนิสิตต่างก็ได้แสดงข้อ วตั รอันน้ี และให้ความรว่ มมือเปน็ อยา่ งดี ผมขอกราบอนุโมทนาสาธุการต่อทกุ ๆ ท่าน ในการสาธยายมนต์ ซง่ึ เป็นบทพทุ ธมนตน์ นั้ ทำให้ผมได้มีโอกาสทวนความจำ คอื สัญญาในมนต์ท่ีเคย ท่องจำเมื่อครั้งดำรงสมณเพศ และผมเฝ้าสังเกตตัวเองว่า สัญญาคือความจำในพุทธมนต์น้ัน ยังคงมีอยู่หรือไม่ หรอื จำได้เพยี งใด นอกจากน้ี กิจกรรมในระหว่างทางผมได้มีโอกาสบรรยายประกอบการเดินทาง ต้ังแตล่ อ้ รถเริ่มเคลื่อน กระทั่งล้อรถหยุด พร้อมทั้งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หรือธรรมสากัจฉากับพระนิสิตในระหว่างการเดินทาง ตลอดเวลา ในกิจกรรมนี้ เราได้สมมติของรถบัส ให้เป็นท้ัง “ธรรมศาลาเคลอ่ื นที”่ สำหรบั ประกอบศาสนพธิ ีทำวตั รเช้า- เย็น และยังใช้เป็น “ห้องเรียนเคลื่อนที่” ในการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ทั้งวิชาการ และบันเทิงคดี ที่สอดแทรกเพื่อสร้าง บรรยากาศแห่งการต่นื รไู้ ดเ้ ปน็ อยา่ งดี ในกิจกรรมการบรรยายนั้น เป็นบรรยากาศที่ทำให้ ผมได้นึกถึงบรรยากาศของการได้เป็นพระวิทยากรบรรยาย ประกอบเส้นทางการเดินทางในเส้นทางพุทธภูมิตลอดระยะเวลาที่ทำหน้าที่ ๖ ปี เมื่อครั้งครองสมณเพศ ช่าง เป็นบรรยากาศที่น่าจดใจ และผมก็มีความสุขทุกครั้ง เมื่อได้รับการมอบหมายหน้าที่ให้ปฏิบัติในหน้าท่ี ผ้บู รรยายประกอบเสน้ ทาง
๑๕ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ มรรคมอี งค์ ๘ ของนักเดินทาง บทบาทและลลี าของนกั เดินทาง ขึน้ อย่กู ับว่า เราเอาอะไรมาใชเ้ ป็นเครื่องนำ สายตาของเราในการเดินทาง หรือการดำเนินชีวิต ทุกครั้งที่ผมมีโอกาสใน การเดินทาง และนำบรรยายประกอบเส้นทางของกิจกรรมสิกขาจาริกของ หลักสูตรในสาขาวิชาพระพุทธศาสนา ทั้งในระดับปริญญาตรี และปริญญา โท-เอก ผมมักจะยก “มรรคมีองค์ ๘ ของนักเดินทาง” ซึ่งเป็นวาทะธรรม ของหลวงพ่อใหญ่ “พระธรรมโพธิวงศ์ (วีรยุทธ วีรยุทฺโธ) หัวหน้าพระธรรม ทูตไทยสายอินเดยี -เนปาล มาประกอบการบรรยายทกุ ครงั้ ท้ังน้กี ็ “เพอ่ื บชู า ครูผู้เป็นต้นแบบ” ของการบรรยาย และปรับจิตปรับใจนักเดินทาง ผู้ร่วม เดนิ ทางทุกครงั้ ทัง้ ในและนอกประเทศ เอาหละเพื่อให้เห็นว่า มรรคมีองค์ ๘ ของนักเดินทางนั้น มีอย่างไรบ้าง ผมขอคัดเอาจากหนังสือ “สู่แดนพุทธองค์อินเดีย- เนปาล” มานำเสนอพอเป็นเสน้ นำสายตาให้ท่านผ้อู ่านดังน้ี “...มีความกล่าวว่า ชีวิต คือ การเดินทาง เห็นจะจริง แต่ การเดินทางจะมีชีวิตได้ ลองนำสตู ร มรรค ๘ ของนกั ทอ่ งเท่ียว มา ประกอบการเดนิ ทางดูบ้าง ดงั นี้...” ๑) ไปอยา่ งฝรัง่ ...รู้จักวางแผน ๒) ใช้สตงั คแ์ บบญีป่ นุ่ ...รู้จกั การวางแผนการใช้จา่ ย ๓) มที นุ แบบไทย ๆ ....รจู้ กั หาทนุ ใหพ้ อเพียง ๔) ทำใจแบบธิเบต...รูจ้ กั ข่มใจใหด้ ี ๕) หม่นั สังเกตแบบชาวจนี ...รู้จกั การจัดบนั ทกึ ๖) กนิ แบบแขก...รจู้ กั ประมาณในการบริโภค ๗) บุกแหลกแบบพระธุดงค์...รูจ้ กั จดั สรรภาระให้น้อย ๘) มัน่ คงดุจองคอ์ รหันต์....รู้จกั บากบั่นสู่เป้าหมาย (ท่ีมา: สแู่ ดนพระพทุ ธองคอ์ นิ เดยี -เนปาล หนา้ ๑๙๒) อรรถรสแห่งการบรรยายในส่วนของรายละเอียดนั้นเป็นเช่นไร ให้ท่านผู้อ่านได้ไปพินิจพิเคราะห์ดว้ ย ตัวของทา่ นผู้อา่ นเอง ผมขออนญุ าตไมอ่ ธิบายในรายละเอียดเอาไว้ในหน้ากระดาษนี้
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ที่ ๔ | ๑๖ ถงึ เมอ่ื ....มนั ถงึ ... อนั ธรรมดาการเดินทางตลอดระยะเวลาท่ยี าวไกล เส้นทางจังหวัดสรุ นิ ทร์-จังหวัดเชียงราย (จากใต้สุด แดนอีสาน สู่เหนอื สดุ แดนสยาม) คงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นสิ่งท่ีท้าทายใหก้ ับเรานักเดนิ ทางสกิ จารกิ สิ่งหนึ่งที่ผมได้นำมาช่วยเป็นเครื่องประคับประคองใจของนิสิตและผู้ร่วมเดินทาง คือ ประโยควรรค ทองที่วา่ “ถึงเม่ือ...มนั ถึง..” ความหมาย คอื ทุกคร้ังทเ่ี ราตัดสนิ ใจในการเดินทางไปไหนสักแหง่ หนึ่ง สิ่งหนึ่งที่ คนเราสว่ นมากจะคร่นุ คิดกนั สิ่งนนั้ คือ “เป้าหมาย” หรือ “ปลายทาง” ของการเดินทาง ย่ิงปลายทางไกลแค่ นัน้ เรากย็ ่ิงปรงุ แต่ง แตง่ เตมิ ความทุกข์ให้กับชวี ติ เรามากเทา่ นน้ั โดยปราศจากความสนใจในส่งิ ทอ่ี ยู่รอบตวั ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่ผู้เดินทางควรนำมาปรับจิตปรบั ใจของเราในระหว่างการเดินทาง คือ การเดินทาง ให้คิด ว่า “...ถึงเมื่อ..มันถึง...” คือ ถึงเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น สีสัน และบรรยายกาศระหว่างทาง ต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ และมีสาระที่ผู้ร่วมจาริกควรนำไปปรับใช้ในการเดินทาง สั้นๆ ง่ายๆ คือ ....อยู่กับปัจจุบันขณะ...เท่านั้นเอง เพราะการเดนิ ทาง...เป้าหมายอยู่ทป่ี ลายเทา้ ... อ.ดร.ประมวล เพ็งจันทร.์ ..เมธีชน ผ้ไู ม่ต้องปรุงแต่งมาก สิง่ ทเี่ ปน็ เหมือนกบั แมเ่ หล็กที่คอยดงึ ดูดสรรพสิง่ ให้เขา้ หากนั และการตดั สินใจของผู้ร่วมเดินทางท่ี อยู่นอกหลักสูตรฯ และคงเป็นเงื่อนไขสำคัญของผู้ตัดสินใจร่วมเดินทางในครั้งนี้ คือ การเข้าร่วมแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และฟังธรรมบรรยายจากผู้รู้ท่านหนึ่ง ที่หลายๆ ท่านเคยติดตามผลงาน และเคยเป็นศิษย์ที่ไม่เคยเห็น อาจารย์ ท่านผนู้ คี้ ือ “อ.ดร.ประมวล เพ็งจนั ทร์” โดยส่วนตัวผมไม่เคยได้เรียนหนังสือ และเป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ใน หอ้ งเรียน ผมเปน็ เพียงแคศ่ ิษยผ์ ูไ้ ม่เคยเหน็ อาจารย์ในเชงิ กายภาพ แต่ผมไดเ้ คยเป็นศิษยผ์ า่ นลิขิตภาพ คอื ผ่าน ตัวหนังสอื และผ่านโสตภาพ (ห)ู คือ การฟงั การบรรยายจากท่านอาจารย์ ผมขอนำเสนอแบบนี้ว่า ในช่วงเวลาที่ผมได้มีโอกาสอยู่กับตัวเองมากที่สุด คือ ช่วงเวลาที่ผมไป เรียนหนังสือปริญญาเอก ที่ภาควิชาพุทธศาสน์ศึกษา (Buddhist Studies) มหาวิทยาลัยจัมมู (University of Jammu) ในครั้งนนั้ ในระหว่างการเดินทางบินไปเรียนหนงั สือ ผมไดม้ โี อกาสเดินทางไปรา้ นหนังสือนายอินทร์
๑๗ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ แล้วสายตามองไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า “เดินสู่อิสรภาพ” ภาคภาษาไทย ปกสีเหลือง ความหนาประมาณ ๔๐๐ ถึง ๕๐๐ ร้อยหน้าได้ ส่วนภาพปกนั้นเป็นรูปชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง สวม หมวกกำลังสะพายเป้เดินไปท่ีไหนสักแห่งหนึ่ง แค่หน้าปกหนังสอื และชื่อหนังสือก็สรา้ งความน่าสนใจให้กับผมแล้ว ผมก็เหมือนกับ ผู้คอยเสพสิ่งที่ผู้อื่นสร้าง ผมจึงตัดสินใจได้ไม่ยากในการเลือกซื้อ หนังสือเล่มนัน้ คือ หนงั สอื “เดนิ สู่อสิ รภาพ” ของเจ้าของผลงาน เขียนนามวา่ “อ.ดร.ประมวล เพ็งจนั ทร”์ ถอื ตดิ มอื บินขา้ มฟ้าไป เรียนหนงั สือถึงเดนิ ภารตะในคร้งั กระโนน้ ในระหวา่ งท่ีผมเรยี นหนังสืออยู่น่ัน มีชว่ งเวลาท่ีผมได้ มีโอกาสไปรว่ มเดินทางข้ามเมืองตา่ ง ๆ ในชว่ งหน่ึง ผมได้เดินทาง ภาพจาก https://m.se-ed.com/ ด้วยเครื่องบินจากเมืองเดลี เพื่อไปร่วมประชุมวิชาการระดับ นานาชาติที่เมืองสิกขิม (Sikkim) ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ผมได้เอาหนังสือเล่มนี้ใส่กระเป๋า เดินทางไปดว้ ย แลว้ หยบิ มาอ่านตลอดระยะเวลาทีเ่ ดินทาง และครง้ั หนึ่ง ในขณะท่ีผมน่ังบนเครือ่ งบินน่นั ผมได้ หยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่าน แบบไม่เว้นเลยสักบรรทัดและหน้า หากว่าไปแล้วในการเสพตัวหนังสือ หรืออ่าน หนงั สืออน่ื ใด ผมคงไมม่ คี วามสนใจในการอา่ นตั้งแต่บรรทัดแรก ถึงบรรทัดสุดทา้ ย...แต่ผมตอ้ งยอมรบั โดยดุษฎี ภาพว่า หนังสือเล่มนีเ้ ป็นหนังสือที่ผมอ่านทกุ บรรทัดจรงิ ๆ อ่านแบบไม่ได้รู้สึกว่า ต้องอ่านเพื่อหาข้อสรุป หรือ เพื่ออะไรบางอย่าง แต่ผมมีความสุขในการอ่าน และได้บันเทิงในอรรถรสของชีวิตอาจารย์ผู้หนึ่งที่ได้ตัดสินใจ ลาออกจากความสมมติของคำวา่ “อาจารย์มหาวทิ ยาลัย” แตอ่ อกเดินทางไปสโู่ ลกกวา้ ง เพอ่ื คน้ หาความหมาย อะไรบางอย่างให้กับชีวิต และตลอดระยะเวลาและตลอดเส้นทางของการเดินทางจากเชียงใหม่ไปถึงบ้านเกิด เมืองนอนของท่านอาจารย์ที่สุราษฎร์ธานี ก้าวต่อก้าวของท่านอาจารย์นั้น ช่างเป็นบรรยากาศที่งดงาม เบิก บานไปในทางธรรม แบบกลมกลนื ไปกับธรรมชาติ ผมได้ข้อสรุปของความหมายแห่งชีวิตท่ีงดงาม เพราะผมเสพด้วยการอ่านผ่านตัวหนังสอื ที่ท่านผูร้ ู้ “อ.ดร.ประมวล เพง็ จันทร์” ไดข้ ดี เขยี นเลา่ เรอ่ื งเอาไวต้ ลอดเส้นทางทผี่ า่ นมา เมื่อกาลเวลาอันสำคัญมาถึง เราชาวคณะสิกขาจาริกจากเมืองสุรินทร์ ถิ่นช้างใหญ่ ก็ได้โอกาส เดินทางไปที่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาเชียงใหม่ เพื่อพบปะและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับทางภาควิชาศาสนา และปรัชญาในครงั้ นนั้ ภาคเชา้ ผมได้ทำหน้าที่นำพาคณะพระนิสิต ในรถบสั คนั ท่ี ๒ เดินทางไปโดยไม่รูว้ ่า โชคชะตาหรือฟ้าลิขิตอะไร รถบัสคันที่ผมนำพาไปในครั้งกระนั้น ดันหยุดและจอดติดไฟแดง ทำใหต้ ามคันหน้าอีก ๒ คันหนา้ ไม่ทนั ทำใหเ้ ราหลงทางกัน วนรถ อยู่ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่หลายรอบ เหมือนวนอยู่ในเขาวงกต ในระหว่างที่รถกำลังหลงทางนั้น ผมก็ได้แต่คิดว่า ...หากมีบุญ วาสนาตอ่ กัน กค็ งได้พบท่านอาจารย์ประมวล... และแลว้ เราก็หา
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ | ๑๘ ทางเขา้ คณะมนุษยศาสตรเ์ จอ และเข้าไปร่วมประชมุ เปน็ คนั สุดท้าย ผมไดเ้ ดินปดิ ท้ายไปส่งพระคุณเจ้าเข้าห้อง ประชมุ ในระหว่างที่รอความพร้อมนัน้ เราได้มีโอกาสดี ได้รับฟังการพูดต้อนรบั ของท่าน “ผศ.ดร.สมหวัง แก้วสุฟอง” อดีตสามเณรนาคหลวง ผู้สำเร็จดุษฎีบัณฑิตด้านปรัชญา จากมหาวิทยาลัยบาณารัส ฮินดู เมือง พาราณสี ท่านอาจารย์เป็นผู้เชี่ยวชาญในการแปลหนังสือภาษาอังกฤษด้านพระพุทธศาสนาและปรัชญา เป็น ภาคภาษาไทยจำนวนมาก และท่านอาจารย์เป็นตน้ แบบการเรียนใหก้ ับผูเ้ รยี นในสายนี้หลายๆ ทา่ น รวมท้ังผม ด้วย ท่านอาจารย์ได้ทำหน้าที่ของการเป็น “เจ้าบ้านที่ดี” กล่าวต้อนรับด้วยอัธยาศัยโอบอ้อมอารีอย่างไมตรี จิตที่สื่อสารผ่านวจีอันไพเราะ สุขุมคัมภีรภาพของท่านอาจารย์ และนอกจากนี้ก็มีคณาจารย์ภาควิชาปรัชญา และศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาเชียงใหม่ ที่คอยให้การต้อนรับดว้ ยไมตรีจิตที่งดงาม ผมขออภัยที่ไม่ สามารถเอ๋ยนามท่านไดค้ รบทงั้ หมด เมื่อช่วงเวลาสำคัญมาถึง.. เมื่อฝ่ายประสานงานไดแ้ จ้ง ว่า “อ.ดร.ประมวล เพ็งจันทร์” ได้เดินทางมาถึงงานแล้ว ภาพท่ี ปรากฏต่อหน้าผม คือ....ชายสูงอายุ ผมสีขาว สัดส่วนไม่สูง ไม่ต่ำ มาก สีผิวคล่ำออกไปทางภาคใต้ แต่งตัวธรรมดาๆ....เดินทางเข้า ห้องประชุม ที่เต็มไปด้วยพระนิสิต และคณาจารย์ แต่ภาพที่เห็น คือ ทั้งพระนิสิต และคณาจารย์ทั้งหลายต่างพากันลุกขึ้นยืนรับ เพอื่ แสดงความเคารพทา่ นอาจารย์... ผมได้แต่ครุ่นคิดว่า ทำไมหนอ ท่าน “อ.ดร.ประมวล เพ็งจันทร์” เป็นเพียงอาจารย์วัยกลางคน ท่านหนึ่ง ไม่ได้มีตำแหน่งทางวิชาการใด ๆ หรือตำแหน่งใดๆ ที่ยาวเป็นหางว่าว แต่ทำไม? ท่านอาจารย์จึง ได้รับการต้อนรับ และได้รับเกียรติจากบรรดามวลพระนิสิต ผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ และคณาจารย์ในที่นั้นเป็น อย่างดี และบรรยากาศแบบนีก้ อ็ บอนุ่ ไปด้วยไมตรีจติ คำตอบ...ผมว่า เราคงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพราะ เราท่านทั้งหลาย คงได้รับรู้แก่ใจเราว่า “...เรานับถือ และชื่นชม ทา่ นอาจารยด์ ร.ประมวล เพง็ จันทร์ ดว้ ยเหตผุ ลอะไร...” ก่อนที่ผมจะออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผมไดเ้ ขา้ ไปจับมือท่าน “อ.ประมวล เพง็ จันทร”์ และกล่าวว่า ท่าน อาจารย์ครบั ผมขอจับ “มือครู” หน่อยครับ มือของท่านนีแ้ หละที่ ทำให้ผมได้เข้าใจและสัมผัสกับ “...อรรถรสของความหมายแห่ง ชีวิตที่แท้จริงว่า...ความเป็นครู” นั่นควรเป็นอย่างไร และผม ขอบคุณในไมตรจี ิตท่ีท่านอาจารย์ได้มอบให้ และขอถ่ายภาพเป็นท่ี ระลึกถึง “ครูผู้ไม่เคยสอนศิษย์ในห้องเรียน” เลยสักครั้ง ด้วยจิต นอ้ มคารวะ...
๑๙ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ ในพระพุทธศาสนาไม่มีเรื่องบังเอิญ ทุกอย่างมีที่มาและที่ไปเสมอ....ดังนั้น สิ่งที่ผมได้กล่าวมา คง ไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากผมไม่เคยมีวาสนาในการร่วมสร้างมาก่อน ผมคงไม่ได้สัมผัสกับ บรรยากาศแบบนั้น และเพราะท่าน “อาจารย์ ดร.ประมวล เพ็งจันทร์” ก็ส่งผลให้การตัดสินใจในการร่วม เดินทางในครั้งนี้ มีความง่ายขึ้น และเมื่อผมได้รับคำเชิญชวนจาก ท่าน “ผศ.บรรจง โสดาดี” กัลยาณมิตรทางวิชาการ ผู้ เปรียบเสมือนผู้ไขกุญแจให้ขบวนรถแห่งสิกขาริกปีนี้ ได้ออก เดินทางโลดแล่นไปถึงภาคเหนือ ผมก็รับการเชิญนั้นด้วยไมตรีจิต กระทั่ง ผมและหลายๆ ท่านได้พบกับท่าน “อ.ดร.ประมวล เพ็ง จนั ทร”์ ในคร้งั น้ี ขอสว่ นแห่งความดีอนั จะพึงมี ในการรว่ มเดนิ ทางสิกขาจาริกในครั้งน้ี ผมขอนอ้ มยกถวายเป็นพุทธ บูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และอาจาริยบูชาแด่ท่าน “อ.ดร.ประมวล เพ็งจันทร์ ครูผู้ไม่เคยสอนศิษย์ใน ห้องเรียน” เลย แต่เป็นครูตลอดชีวิต... สุดท้าย ผมขอกราบขอบคุณ พระมหาปุรวัฒน์ พุทฺธรกฺขิโต นิสิต มจร วทิ ยาเขตเชยี งใหม่ ทีก่ รุณาตรวจทานงานเขยี นฉบบั นี้ ด้วยจติ นอ้ มคารวะ อาจารยธ์ นรัฐ สะอาดเอ่ียม ผสู้ มมตแิ ตเ่ พยี งให้เปน็ ผูบ้ รรยายประกอบเส้นทางรถบสั คันท่ี ๒ บนั ทึก ณ วันที่ ๙ มถิ นุ ายน ๒๕๖๖ E-mail: [email protected]
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ช้ั น ปี ที่ ๔ | ๒๐
๒๑ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ การเดินทางภายนอกสคู่ วามหมายแห่งภายใน พระพิธวิ ฒั น์ ปญุ ญฺ กสุ โล (หลวงพ่ีโอโม่)๖ กอ่ นการเดินทาง หลงั จากผมเข้ารว่ มพธิ ปี ระสาทปรญิ ญาบัตร ในระดบั ปรญิ ญาตรี หลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาวชิ าพระพุทธศาสนา ด้วยเกียรตนิ ยิ มอนั ดบั ๑ เพยี งผู้เดียวในวทิ ยาเขต (ไมไ่ ด้ข้ีอวดนะครับ แต่ขอ อนุญาตอวดหนอ่ ย ฮ่า ๆ ) ผมเพียงต้องการแสดงให้เหน็ ถึงความพากเพยี รในการศกึ ษาความรจู้ ากทาง มหาวทิ ยาลัย วา่ ผมไดต้ ้ังใจศึกษามนั เป็นอย่างดีแลว้ เท่านั้นครับ \"คณาจารย์ได้มมี ติเห็นชอบว่าต้องการร่วมแสดงความยนิ ดีกับบัณฑติ ใหม่ ด้วยการถวายที่น่ังแก่ บัณฑติ ท่านละ ๑ ท่นี ่ัง ในการร่วมเดนิ ทางสกิ ขาจารกิ อารยธรรมลา้ นนา เชียงราย-เชยี งใหม่\" ขอ้ ความจาก อาจารยบ์ รรจง ทป่ี รากฏผา่ นกลมุ่ ไลน์บณั ฑติ คณะพทุ ธศาสตรร์ นุ่ ที่ ๖๗ ซึง่ มีจำนวนมากถึง ๓... ใชค่ รับ ๓ ที่ ไมใ่ ช่ ๓๐ หรือ ๓๐๐ นอ่ี าจจะเปน็ จำนวนทนี่ า่ ตกใจ สำหรบั นสิ ิตรนุ่ ใหม่ แตเ่ ป็นเรือ่ งธรรมดาสำหรับร่นุ เกา่ อยา่ งผม คณะพทุ ธมีไม่เคยเกิน ๑๐ ครับ แตป่ จั จบุ นั มีรวมมากถึงหลกั ร้อย ผมก็รู้สึกยนิ ดีมากครบั เมื่อผมได้เหน็ ข้อความกร็ ู้สึกดี และขอบคุณคณาจารย์ แต่บอกตามตรงในใจผมไม่คอ่ ยอยากจะ เดินทางเท่าใดนัก เพราะท้ังไกลและเดินทางหลายวัน ดว้ ยทั้งความตัง้ ใจหลงั จบการศึกษาทหี่ มุดหมายไวว้ ่า ขอ ภาวนาดแู ตใ่ จของตนอยา่ งเงียบ ๆ งดการดสู ง่ิ ภายนอกเสียที แตส่ ่งิ ทท่ี ำให้ใจของผมเกดิ การสัน่ สะเทือนทางอารมณ์ เกิดความลังเล เกดิ กระบวนการทางความคิด ใครค่ รวญเสียใหม่ เม่ือไดพ้ บกับช่อื ของฆราวาสท่านหน่งึ ทปี่ รากฏอยูใ่ นกำหนดการเดินทางครงั้ นี้ พร้อมหวั ข้อ เสวนาทวี่ า่ \"จากเดินสอู่ สิ รภาพถงึ ขันธวมิ ตุ ติสะมังคธี รรมะ\" โดย อาจารยป์ ระมวล เพง็ จันทร์ เพราะช่ือนที้ ำให้ ผมตดั สนิ ใจรว่ มเดนิ ทางไปกบั คณาจารยแ์ ละนสิ ิตรุ่นน้องคณะพทุ ธศาสตร์ในครั้งน้ี ย้อนกลบั ไปกับคำทวี่ ่า ผมตอ้ งการท่จี ะภาวนาดูใจตนเงียบ ๆ ไฉนจึงเปลี่ยนใจยอมเดนิ ทางเล่า น่นั ก็ เพราะว่า อาจารยป์ ระมวล เพ็งจนั ทร์ ผมไดร้ ้จู กั ท่านผา่ นส่ือมานานแล้ว ถ้าใครได้เคยรู้จักท่าน จะไมส่ งสัยเลย วา่ ทำไมผมจึงเปลี่ยนใจ เพราะนี่คือบรมครูยอดนักเดินทางภายในท่ีดีทีส่ ดุ คนหน่งึ เลยล่ะ ผมจงึ ไม่อยากพลาด โอกาสท่จี ะได้เจอบุคคลเช่นท่าน แมจ้ ะไม่ชอบการเดนิ ทางแสนไกล เวลาทย่ี าวนาน และเจอผู้คนท่มี ากมาย จนเกนิ ไปก็ตาม ๖ บัณฑิตหลักสตู รพทุ ธศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา, รนุ่ ที่ ๖๗
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ช้ั น ปี ท่ี ๔ | ๒๒ พบกัลยาณมิตรครั้งแรก กอ่ นการเดนิ ทาง ผมได้แจ้งขา่ วไปยงั กัลยาณมติ รท่านหนง่ึ ซ่งึ ผมรู้จกั เธอมาสักระยะแล้ว เธอเป็น อบุ าสกิ าคนหนึ่งท่มี ีความสนใจในปรัชญา ข้อคิด ธรรมะ ไม่เพียงแต่มคี วามรทู้ างธรรมในระดับตรรกะความคิด เชิงเหตผุ ลเท่านัน้ แต่ยังเป็นอุบาสกิ านกั ภาวนาท่ดี ีคนหน่ึงด้วย และเธอยงั ทำหนา้ ทีถ่ ่ายทอดสง่ิ ทีเ่ ธอรู้ แบ่งปัน ให้กบั ผู้คนในการนำไปพัฒนาชีวติ ของตนเอง ทงั้ ยงั สามารถถ่ายทอดได้ดผี ่านส่ือสงั คมออนไลน์ จนมีผูต้ ดิ ตาม กว่าคร่ึงลา้ น ฟังจากท่ผี มกลา่ วมาทา่ นคงคิดว่าเธอคนนี้คงเป็นผู้ใหญ่ท่มี ากประสบการณ์ แต่เปลา่ เลย เธออายุเท่า ผม คือสาววัยร่นุ ในวัย ๒๕ ปี เธอเป็นคนจงั หวัดเชยี งราย เมอ่ื ผมแจง้ ขา่ วไป เพราะกห็ วังวา่ จะมโี อกาสได้พบ เจอกนั ครั้งแรก เธอก็รสู้ ึกยนิ ดีและอยากพบผมเชน่ กัน รวมถงึ เม่ือเหน็ กำหนดการสกิ ขาจารกิ เธอก็เกดิ ความ สนใจ อยากร่วมเดนิ ทางศึกษาดว้ ยเช่นกนั นจี่ งึ เปน็ จดุ เร่มิ ต้นของการพบกัลยาณมติ รคร้ังแรก ขออธิบายเพิ่มเติมสำหรบั ผทู้ ่ีสงสัย เหตุทีผ่ มรจู้ กั กนั มาจากท่ีผมติดตามเพจของเธอ คือเพจ Mytime kanapos และรสู้ กึ วา่ คน ๆ นี้ไมธ่ รรมดา จึงอยากรู้จัก เผอ่ื จะได้อะไรดี ๆ จากเธอคนนี้ เพราะผมเองก็เผยแผ่ ธรรมผ่านสอ่ื ความรูต้ า่ ง ๆ เทคนคิ เคลด็ ลับ วิธกี ารบางสว่ นผมก็ศึกษาและได้รบั ความรู้จากเธอ สว่ นเธอเองก็ ไดผ้ มเป็นท่ีปรึกษาในการชว่ ยดูเน้ือหาคอนเทนตว์ ดิ โี อที่จะลงบางวดิ โี อ และรว่ มตรวจเนอื้ ความหนงั สอื ที่เธอ เขียนด้วย รวมถึงการแลกเปลี่ยนสนทนาธรรมในประเดน็ ต่าง ๆ บ้าง ท่ีสำคัญเราเปน็ ศษิ ย์ท่มี คี รูบาอาจารยผ์ ู้ชี้ ทางสว่างของการภาวนาเดยี วกัน คอื หลวงพ่อ ปราโมทย์ ปาโมชฺโช เราทง้ั สองตา่ งเปน็ กัลยาณมิตรที่ ดีต่อกัน เริ่มการเดินทาง การเร่ิมเดินทางในวันแรก ส่ิงทีผ่ มรูส้ กึ ยินดกี ็ คือการไดช้ มงานพุทธศลิ ปข์ องวัดร่องขนุ่ ผลงานชนิ้ เอกของอาจารยเ์ ฉลิมชยั ที่ท่านต้องการทำภาพ จติ รกรรมลายไทยรว่ มสมยั ท่ีอ่อนช้อยงดงามของท่าน ให้ออกมาเป็นงานประติมากรรมและสถาปัตยกรรม ช่วงแรกก็มคี นปรามาสท่านว่า จะทำไดห้ รอ มนั ดูผดิ หลักการทางวิศวกรรมด้านสถาปัตยกรรม แต่ทา่ นก็ พิสูจน์ใหเ้ หน็ ผ่านสายตาของคนทง้ั โลก ทตี่ า่ งเดนิ ทางเข้ามาชมจากทัว่ ทุกมุมโลก และสิ่งทีน่ ่าสนใจ ซ่ึงถอดบทเรยี นไดจ้ ากงาน ของอาจารย์เฉลมิ ชัยคือ วดั ร่องขนุ่ แน่นอนวา่ สะท้อน ความเปน็ พุทธศาสนาโดยตรง แตผ่ ู้ท่ีเขา้ มาชมนน้ั ลว้ นตา่ งศาสนา ต่างวัฒนธรรม เพราะอะไรจึงเป็นเชน่ นน้ั คำตอบของเรือ่ งนีผ้ มจะบอกใหฟ้ งั ...
๒๓ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ \"สิง่ ทส่ี ามารถเข้าถงึ คนทุกชนชาติได้ โดยขา้ มพ้นเร่อื งของภาษา ศาสนา และวฒั นธรรม ผมคิดว่าสง่ิ นั้นคือ ศิลปะ\" อีกหนง่ึ ความประทับใจในวนั นี้ ก็คือการได้พบ กัลยาณมิตร ใชค่ รบั เธอคนนน้ั ที่ผมกล่าวถึง ถา้ ใคร สงั เกตเหน็ ผม อาจจะเห็นว่าผมเดนิ กับใครคนหนึ่ง ซง่ึ ดแู ตกตา่ งจากคนสรุ นิ ทร์ ต่างจากคณะของเรา เพราะผิวของเธอขาวผ่องจนผมเทียบไม่ติด หนา้ ตาหมวย ๆ ออกไปทางจีน เกาหลี ผมส้นั ใส่ หมวก แตโ่ ชคดีท่เี ธอผมสน้ั เพราะพ่ึงไปบวชชมี าท่ี อนิ เดีย ถ้าเธอผมยาวทา่ นคงคิดวา่ สาวทไี่ หนมาเดนิ ตามผมเปน็ แน่ ในวันน้ันผมก็ไดส้ นทนาพูดคยุ ในประเดน็ ตา่ ง ๆ มากมาย ทัง้ การเดนิ ทางมาสกิ ขาจาริก ธรรมะ ครู บาอาจารย์ทางธรรม และการภาวนา เป็นตน้ แต่ เปน็ ทน่ี า่ เสียดายเธอสะดวกร่วมเดินทางกับทาง คณะเราเพียงแค่ช่วงเวลาของวันท่ี ๒๔ เพยี งครึ่งวัน เท่านน้ั และยงั ไม่มีโอกาสได้เสวนาแลกเปล่ียน เรียนรู้กบั เหลา่ คณาจารย์ นิสิตหมูใ่ หญ่ หากไดม้ ี โอกาส พวกเราอาจไดร้ บั อะไรดี ๆ จากเธอเปน็ แน่ การเดนิ ทางครัง้ น้ี ไปคอ่ นขา้ งหลากหลายสถานท่ี ไมว่ า่ โบราณสถาน พระเจดียม์ ากมายที่บรรจพุ ระ บรมสารรี ิกธาตุ การได้มาพบ มานอบน้อมสกั การะ ก็เปรียบเสมอื นเราไดเ้ คารพองค์แทนของสมเดจ็ พระ สัมมาสมั พุทธเจ้าซ่งึ ปรนิ ิพพานนานแล้ว การได้เหน็ รปู แบบการบรหิ ารจัดการ การพัฒนาวัดวาอาราม ที่ แตกตา่ งกันในรูปแบบและวธิ ีการของแตล่ ะวดั แตม่ จี ดุ หมายเดียว คอื เพ่ือสบื ทอดพระพุทธศาสนา ท้ังความ ประทบั ใจ องค์ความรู้ สง่ิ ท่ีพบ รวมถงึ ความรู้สึกมากมาย ผมไม่อาจจะพรรณนาได้ท้ังหมด จึงขอยกมา ถ่ายทอดเฉพาะชว่ งเวลาทผี่ มประทบั ใจมากทสี่ ุดแทนนะครับ พบครูผ้เู ป็นยอดของการเดนิ ทางภายใน วนั นีผ้ มตนื่ เตน้ เปน็ พิเศษ และรอคอยมากทส่ี ุดในบรรดาหมุดหมายของการเดินทางทั้งหมด น่นั คือการ ไดพ้ บกับอาจารยป์ ระมวล เพ็งจนั ทร์ ทผ่ี มทนกับการน่ังเดินทางกวา่ ๒๐ ชม. ในรถบสั จากสรุ ินทรถ์ ึงเชียงราย และเชยี งใหม่ ก็ถอื เปน็ การเดินทางท่ีคุ้มค่า
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ที่ ๔ | ๒๔ เมอื่ เดินเข้าไปในหอ้ งของการฟงั บรรยาย ผมเดินด่ิงม่งุ ตรงไปยัง โต๊ะตัวแรกทใี่ กล้กับผูบ้ รรยาย มากท่ีสดุ เพอ่ื หวงั จะเหน็ หน้า อาจารยป์ ระมวลไดช้ ัดทส่ี ดุ คง อารมณ์เดียวกับเหล่าแฟนคลับที่ วง่ิ ไปจองพื้นที่หน้าเวทีของนกั รอ้ ง ศิลปินท่ีคลั่งไคลช้ ่นื ชอบ เวลาทร่ี อคอยก็มาถึง ผมได้นั่งฟงั อาจารยป์ ระมวล บรรยายอยตู่ รงหนา้ ย่ิงในระหวา่ งทา่ นสนทนาบรรยาย หันมามองเราบอ่ ย ๆ ในขณะสนทนา ช่ังเปน็ ช่วงเวลาท่ี อม่ิ เอม ปตี ยิ นิ ดเี ปน็ ทส่ี ุด รวมถงึ ชว่ งเวลาทไ่ี ดร้ ับโอกาสในการสนทนากับอาจารย์ ผมพูดไปดว้ ยเสียงทส่ี ั่นเครือ ถา่ ยทอดความรสู้ กึ ออกมา ทำเอาน้ำตาปริ่มในดวงตา ความปีติเอ่อล้นจากภายใน รวมถงึ ได้ขอให้อาจารยเ์ มตตาแนะนำช้ที างใหก้ บั มิตรตา่ งวัยของอาจารย์ ที่กำลงั เดินทางภายในตาม รอยของอาจารย์ ทา่ นอาจารยก์ ็ไม่ไดใ้ ห้คำแนะนำอะไรที่มากมายในเชงิ ตรรกะความคดิ เพราะทา่ นทราบดวี ่า เรานั้นมีอยู่แลว้ แต่พยายามชี้เน้นใหเ้ ราเข้าไปสมั ผสั มนั ดว้ ยจิตภายใน คอื การเดินทางภายในที่ผมปรารถนา จำเป็นตอ้ งข้ามพน้ เรื่องความคดิ ทะลวงความคดิ ซงึ่ เปน็ บ่อเกิดของการตัดสนิ สิง่ ต่าง ๆ ตามทิฏฐิของตน แต่ หากเราขา้ มพ้นมันไปได้ เราจะได้พบกบั ความเปน็ จรงิ ของสัจธรรมทปี่ ระจักษแ์ จง้ จากภายใน จนไม่อาจอธิบาย มนั ออกมาให้ผูอ้ นื่ เข้าใจได้ชดั จนกวา่ เราจะเข้าไปเหน็ มันด้วยตัวของเราเอง การได้มาเจออาจารยป์ ระมวลในครงั้ นี้ ถือวา่ ทำให้ผมไดร้ ับแรงบนั ดาลใจ ไดร้ ับคำแนะนำ ไดเ้ ห็น ต้นแบบของครทู างจติ วญิ ญาณ ผ้เู ดินทางภายในที่เราควรเดินรอยตาม ในแบบของเราเองเพื่อพบกบั สิง่ เดยี วกนั นนั้ คอื ส่ิงท่ีองคส์ มเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และส่ิงทพ่ี ระอรยิ สงฆส์ าวกทา่ นเขา้ ไปถงึ นั่นเอง ทา้ ยท่สี ดุ นี้ขอขอบคุณ ผศ.บรรจง โสดาดี ท่นี มิ นต์มรว่ มเดนิ ทางในคร้ังน้ี ขอบคุณนายเกยี รตศิ ักด์ิ ตะเคียนจนั ทร์ (ทิดภูมิ) ทรี่ บั หน้าทเ่ี ปน็ กปั ปิยการกหรือไวยาวจั กร ทำให้สามารถรักษาธรรมวนิ ยั ได้สะดวก ย่งิ ขน้ึ ขอบคุณมายทามกัลยาณมิตรท่ีสละเวลาส่วนตัวมาพบกัน ขอบคุณครูบาอาจารย์ นิสิต และผู้รว่ มเดนิ ทางทุก ๆ ทา่ นที่มสี ว่ นร่วมในการเดนิ ทางครั้งน้ี
๒๕ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ พระพธิ วิ ัฒน์ ปญุ ญฺ กสุ โล (หลวงพี่โอโม่) ๓๐ มกราคม ๒๕๖๖ บณั ฑติ หลกั สูตรพทุ ธศาสตรบัณฑติ สาขาวชิ าพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตสรุ นิ ทร์ รุน่ ท่ี ๖๗ สถานะ : ผรู้ ว่ มเดนิ ทางสกิ ขาจารกิ
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ช้ั น ปี ที่ ๔ | ๒๖
๒๗ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ อยา่ งไร...? : จากเดินสอู่ สิ รภาพถึงขันธวิมตุ สิ ะมังคีธรรมะ พระวดิ ล คณุ ยตุ ฺโต๗ บทนำ มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์ มีปรัชญาของมหาวิทยาลัยว่า “ศูนย์กลางการศกึ ษาพระพทุ ธศาสนา บูรณาการกบั ศาสตร์สมยั ใหม่ พัฒนาจิตใจและสังคม” มีพนั ธกิจในการ ผลิตบัณฑิต วิจัยและพัฒนา ส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการวิชาการแก่สังคม ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และวัฒนธรรม ในด้านการจัดการศึกษา ตามหลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา มี วัตถุประสงค์เพื่อผลิตบัณฑิตให้มีความรอบรู้และเชี่ยวชาญในพระพุทธศาสนา สามารถวิเคราะห์ วิพากษ์และ วิจัยวิชาการด้านพระพุทธศาสนาได้อย่างแตกฉาน เพื่อผลิตบัณฑิตใหม้ ีคุณธรรมจริยธรรม เป็นผู้นำสังคมด้าน จิตใจและปัญญา และเพื่อผลิตบัณฑิตให้สามารถนำพุทธธรรม ไปประยุกต์ใช้ ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และพัฒนาชีวิตและสังคม นอกจากนี้ยังมุ่งพัฒนานิสิตให้มีคณุ สมบัติที่พึงประสงค์ ๙ ประการ ได้แก่มีปฏิปทา น่าเลื่อมใส รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงทางสังคม มีศรัทธาอุทศิ ตนเพื่อพระพทุ ธศาสนา มีความสามารถในการ แก้ปัญหา มีความใฝ่รู้ ใฝ่คิด มีน้ำใจเสียสละเพื่อส่วนรวม มีโลกทัศน์กว้างไกล มีความเป็นผู้นำด้านจิตใจและ ปญั ญา และมคี วามมงุ่ มั่นพัฒนาตนใหเ้ พยี บพร้อมดว้ ยคุณธรรมจริยธรรม วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพอ่ื ให้นสิ ิตได้ศึกษาวัฒนธรรมพุทธในอารยธรรมล้านนา ๒. เพือ่ ให้นสิ ติ ได้รับประสบการณ์ตรงเกี่ยวกบั พฒั นาการของพระพทุ ธศาสนาในยุคตา่ งๆ ๓. เพื่อให้นสิ ิตตระหนกั รคู้ ณุ ค่าและความหมายของพระพุทธศาสนาในอดตี เชอ่ื มโยงถึงปัจจบุ นั ๔. เพื่อบูรณาการรายวิชาและการส่งเสริมพัฒนานิสิตให้บรรลุวัตถุประสงค์การเรียนการสอนท่ี หลักสตู รได้กำหนด ก่อนอื่นพระนิสิตขอช้ีแจงในหลกั ประเด็นต่าง ๆ ว่า การที่นิสิตได้สิกขาจาริกในทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมาได้ ประโยชน์หลายอยา่ งหลายประการด้วยกัน ประการแรกได้ทราบถงึ ความเป็นมาในยุคของความเจริญรุ่งเรืองใน แต่ละยุคแต่ละสมัย เช่น พุทธศิลปะ ความมีศิลปะในพระพุทธศาสนา ในยุคที่เจริญรุ่งเรื่องที่สุดเมื่อสมัยพระ เจ้าวรมัน ที่ ๗ ทรงสร้างสิ่งปลูกสร้างเพื่อเป็นพุทธบูชามากมายมหาศาล และครั้งนี้นิสิตได้สิกขาจาริกโสเหล่ เสวนาอารยธรรมล้านนา (เชียงราย - เชียงใหม่) ไปครั้งเดียวได้เที่ยวหลายที่ ดีกว่าไปเป็นปีได้เที่ยวอยู่ที่เดียว ตลอดเสน้ ทางที่ไดเ้ ดนิ ทาง นิสติ มีความดอี กดีใจปลาบปล้มื ยินดีอย่างยิง่ ท่ีมีคณาจารยน์ ำพาไปถงึ ภาคเหนือและ กลับมาโดยสวัสดิภาพ ตลอดการเดินทางมีคณาจารย์วิทยากรประจำบนรถ ได้พูดถวายความรู้ตลอดเส้นทาง อย่างไรก็แล้วแต่เมื่อสิกขาจาริกคราใดก็ไม่ลืมสรรเสริญบทพุทธคณุ ธรรมคุณ และสังฆคุณ คือสวดสาธยายทำ ๗นิสติ หลักสตู รพทุ ธศาสตรบัณฑติ สาขาวชิ าพระพุทธศาสนา ช้นั ปีที่ ๔
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ช้ั น ปี ท่ี ๔ | ๒๘ วัตรเย็นเมือ่ เวลาพลบค่ำให้นิสิตได้สวดมนต์เจริญจิตภาวนาไปในรถด้วย เมื่อไปถึงที่พักแรมอำเภอพุทธมณฑล ของจังหวัดเชียงราย รุ่งเช้าตื่นขึน้ มาได้ระลึกถงึ การเดินทางว่า ทางที่พาคณะนิสติ มา ณ ครั้งนี้ มีเสียวอย่างแน่ แท้เพราะทางโค้งมีประมาณพันกวา่ โคง้ ตลอดเส้นทางไม่ควรส่งกระแสจิตไป ณ ที่ใด ๆ ควรภาวนาระลึกร้ลู ม หายใจตลอดเสน้ ทางจะดีกว่า และถ้าหาก ว่าเกิดอุบัตเิ หตุข้ึนมาแล้วเสียชวี ติ เราจะไม่เสียชาติเกดิ อย่างแนแ่ ท้ เมื่อเราส่งกระแสจิตออกไปนอกกายนั่นคือสถานที่เกิด คือ ภพชาติชรา มรณะ แต่ถ้าได้กระทำตามพระพุทธ องค์ทรงวางหลักสติปัฏฐานไว้แล้วอย่างไร อันคือ ความไม่ประมาทตลอดเส้นทางทุกย่างก้าว คือได้ เจรญิ มรณานุสสติไปด้วย ประโยคที่ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง ภัตร ตาหารช่วงเช้าที่ได้รับถวายมีหลากหลายให้ได้ขบฉัน แต่สิ่งหนึ่งที่พระนิสิตเองไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อนก็คือ ขนมจีนน้ำเงี้ยวซึ่งถ้าหากว่าพลาดโอกาสสิกขาจาริก ครั้งนถี้ ือได้ว่าไมร่ ู้จักขนมจีนน้ำเงี้ยวตลอดชีพเลยก็ว่า ได้ซึ่งเป็นอาหารของชาวภาคเหนือทานกัน จากนั้น เข้าสู่โหมดการเรียนรู้อารยธรรมแห่งวัดรองขุ่นซึ่ง อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ได้ลงทุนสร้างโบสถ์ ถวายแก่วัดแห่งนี้ด้วยมูลค่าสองพันกว่าล้านบาท แสดงถึงความเสียสละแก่ประเทศชาติบา้ นเมืองอย่าง มากโดยไม่หวังสิ่งผลตอบแทน แต่ละอย่างมีปรัชญา ธรรมแฝงอยู่ เพอ่ื ให้ผู้คนตา่ ง ๆ นานาอารย ได้เที่ยวชมผลงานของทา่ นได้ระลึกนึกถึงว่าบาปบุญน้ันมีจริงไม่อิง นิยาย ไม่ได้แต่งเร่ืองราว ที่สร้างขึ้นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมานัน้ ไม่ได้สร้างมาเพื่อให้ใคร ๆ หลงเชื่อ ไม่ได้วาดภาพ เพื่อให้ใครๆ กลวั แตส่ ่งิ เหล่าน้นั มอี ยจู่ รงิ ของมันอยา่ งน้นั เองผูเ้ ขยี นนำมาไตร่ตรองพิจารณาดูแล้วว่าส่งิ เหล่าน้ัน เกิดขึ้นได้เพราะเหตุใด พระพุทธศาสนาได้สอนให้เชื่อกรรม คือการกระทำ สรรพสัตว์ที่มีธุลีในดวงตา (คือ จติ ใจ) กม็ ีอยู่ เพราะเกดิ จากการกระทำทางกาย ทางวาจา และทางใจทั้งสนิ้ พฒั นาการของพระพุทธศาสนาใน ยุคต่างๆ เราไม่อาจรู้ได้ทั้งหมดทั้งมวล แต่สิ่งที่ควรกำหนดรู้ก็เพื่อนำมาเป็นแบบแผนในการดำรงชีวิตให้ดีงาม แต่ละยคุ มีการใชว้ าจาเปน็ หลักในการสื่อสาร และการส่อื สารน้ันจำเปน็ ต้องระมัดระวงั อย่างยง่ิ ประโยคทีว่ ่าอยู่ คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่กับมิตรให้ระวังคำพูด เมื่อพูดไม่คิดชีวิตย่อมเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี เช่นเดียวกัน กบั สกิ ขาจาริกในครั้งนี้ ไปโดยเป็นหมเู่ ป็นคณะเปน็ คนหมมู่ ากการใชว้ าจาในการส่ือสารย่อมต้องคิดให้รอบคอบ เสยี ก่อน ความผิดพลาดจกั ไดม้ นี อ้ ยลง
๒๙ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ อาจารย์ ดร.ประมวล เพง็ จันทร์ คือไอดอลในการสกิ ขอจารกิ ครงั้ นี้ ที่สำคัญคือได้ไอดอล เป็นเครื่องมือ เป็นแรงจูงใจ ผลกั ดนั ใหน้ สิ ิตได้ดำเนินรอยตาม นำมาเป็นเยี่ยงอย่าง ซึ่งก็คือ อาจารย์ ดร.ประมวล เพ็งจันทร์ ท่านเป็นฆราวาสญาติโยม เพราะ ท่านคิดว่าการเรียนรู้อย่างเดียว นั้นคงยังไม่ใช่การบรรลุธรรม อย่างแน่นอน ทั้งที่ท่านทำงาน ทำการอย่างนี้เรื่อยมาจวบจน คร่ึงอายุ คงไมม่ โี อกาสได้อะไรไป มากกว่านี้ คงจักต้องทำอะไร บางอย่างให้ได้ และคงเสียชาติ เกิดอย่างแน่แท้หากไม่ได้บรรลุ คุณธรรมในชาตินี้ คณะนั้นจึง ตัดสินใจโดยที่ท่านเลือกลาออก จากงานประจำ แลว้ ตัดสนิ ใจเตรียมตวั เดินดว้ ยเท้าจากจังหวัดเชียงใหม่ ไปส่เู กาะสมุย จงั หวดั สุราษธานี อย่าง ที่ไม่มีใครท่านใดทำมาก่อน อีกทั้งไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาดเดียว ไม่ใช้เงินสักบาทเดียวในการเดินทางไปเกาะ สมุย ซึ่งนสิ ิตเองกย็ ังมคี วามนา่ ทงึ่ วา่ ทำได้อย่างไร อปุ สรรคทอี่ ยขู่ ้างหน้าตลอด ๖๖ วนั ในการเดนิ ทาง มนั ไม่ใช่ เรื่องง่าย หากเป็นพระภิกษุยังพอมีความไปมาเป็นไป ยังอาตภาพตนด้วยการถือบิณฑบาต ก็คงได้ภัตาตาหาร มาฉันโดยไม่ลำบาก แต่อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ ทา่ นน้ีคงมีความไม่ธรรมดาในตัวเอง มนั่ ใจเต็มเป่ียมเม่ือได้ ศกึ ษาธรรมท่ีหลวงปมู่ ่ันทา่ นได้เขียนงานชิน้ หนึ่งไว้ให้ชนรุน่ หลงั ได้ศึกษา ผลงานของท่านมชี ือ่ วา่ มตุ โตทัย หรือ (ขันธวิมุติสะมังคีธรรมะ) ท่านยิ่งมีความมั่นใจยิ่งขึ้นที่จะเดินเท้าจากภาคเหนือจนถึงภาคใต้ จนในสุดท้ายได้ ประสบผลสำเร็จ สิ่งที่เริ่มต้นและปลายทางอาจไม่ใช่อุปสรรค แต่สิ่งที่สำคัญคือระหว่างทางของการเดินทาง ภายหลังท่านได้เขียนลงหนังสือ เป็นผลงานชิ้นหนึ่งของท่าน ออกมาให้นักอ่านได้รับรู้เรื่องราวของท่านเมื่อ สิกขาจาริกในครั้งน้ัน หนังสือเล่มนีม้ ีช่ือว่า “จากเดินสู่อิสรภาพถึงขนั ธวิมตุ สิ ะมังคีธรรมะ” ความคิดนั้นสำคญั หากแตไ่ มล่ งมือทำกย็ ่อมไม่มีวันสำเร็จ ดว้ ยเหตุนผี้ ้เู ขียนจงึ นำมาเป็นข้อคิดวิเคราะหว์ า่ การเดนิ ทางของอาจารย์ ประมวล เพง็ จนั ทร์ เชน่ นักปราชญท์ ่านหนึ่งได้กลา่ วไว้ว่า หนทางหมื่นลี้ “ย่อมจะเร่ิมจากกา้ วแรกเสมอ” นิสิต ผู้เขียนเป็นกลุ่มผู้สร้างคู่มือ (กลุ่มที่ ๒) และเป็นกลุ่มแรกที่เป็นแฟนพันธ์แท้ของการตอบคำถามเกี่ยวกับ อาจารย์ ดร.ประมวล เพง็ จนั ทร์ หัวข้อจากเดินสู่อสิ รภาพถงึ ขนั ธวิมตุ ิสะมังคีธรรมะ ของการแขง่ ขันตอบคำถาม ในจำนวน ๙ กลุ่ม ซึ่งผู้สร้างคู่มือเป็นผู้ชนะเลิศได้อันดับที่หนึ่งในการแข่งขันในครั้งนี้ก่อนออกเดินทางไปพบ ทา่ นท่ีมหาวทิ ยาลัย เชียงใหม่ เมอื่ วันท่ี ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ | ๓๐ สรปุ การสิกขาจากริกครั้งนี้พระนิสิตพูดได้ว่าคุ้มค่าต่อการเดินทางอย่างมาก ด้วยการได้แสวงหาครูบา อาจารย์ผู้มีประสบการณ์ ดั่งคำโบราณท่านว่า น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ต้องอาศัยครูผู้มีความรู้และยอมลดตนเอง เพื่อเป็นลูกศิษย์เพื่อให้อาจารย์ได้เป็นผู้สอน การเป็นลูกศิษย์ไม่ควรทำให้ครูเศร้า เป็นลูกเต้าไม่ควรทำให้พ่อ แม่น้ำตาตก เป็นสามีภรรยาไม่ควรทำให้ช้ำชก เป็นพระไม่ควรทำให้วัดรก เกิดเป็นนกไม่ควรทำให้ต้นไม้โกรน เกิดเป็นคนอย่าลืมการศึกษาเป็นอันขาด ฉะนั้นการแสวงหาครูบาอาจารย์ที่มีความรู้มีประสบการณ์ ตลอดท้ัง คุณธรรมจรยิ ธรรมนั้นหาไดย้ ากแลว้ แตก่ ารนำสิ่งเหล่านัน้ มาประพฤติปฏบิ ัตติ ามใหเ้ กิดผลย่อมยากยิ่งกว่า
๓๑ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ช้ั น ปี ที่ ๔ คุณคา่ สิกขาจารกิ อารายธรรมล้านนา... ประสิทธิ์ มากวงศ๘์ เกรนิ่ นำ การมาเยี่ยมเยือนของกัลยามิตร อาจารย์บรรจง โสดาดี และมากางเต็นท์นอนคืนที่ทุ่งนา ช่วงปลาย เดือนธันวาคม ๒๕๖๕ และชักชวนเข้าร่วมสิกขาจาริก ในการเดินทางครั้งนี้ เรามีเรื่องสนทนากันมากมาย โดยเฉพาะประสบการณ์ การร่วมทุกข์ ร่วมสุขใน ๓-๔ ครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะการเดินธุดงค์ทางเท้าจากต้น ทาง มจร.วิทยาเขตสุรินทร์ ถึงปลายทาง ศูนย์ปฏิบัติธรรมโมลี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา (ครั้งที่ ๑) และปลายทางไปศูนยป์ ฏิบัตธิ รรมวดั สิรนิ ธร อำเภอช่องเม็ก จังหวดั อบุ ลราชธานี (ครงั้ ท่ี ๒) ทเ่ี ดินเท้ากว่า ๒๐ วัน และปฏิบัติธรรมอีกราว ๑ สัปดาห์ เป็นประสบการณ์การเดินทางไกลด้วยเท้าที่ยาวนานที่สุด ลำบากกาย มากที่สุด แต่กลับมีความประทับใจซาบซึ้งมากที่สุด ที่ยังจดจำได้ดีไม่รู้ลืม ถึงการสิกขาจาริก การศึกษาและ ฝกึ ฝนจติ ใจภายใน อารายธรรมล้านนา คุณค่าความหมาย ความดงี ามที่ควรศึกษาและต่อยอด เป็นอีกครั้งของการเดินทางไกลกว่า ๑,๐๐๐ กิโลเมตร ด้วยรถบัสใหญ่ เช่นเดียวกับในคราวที่สิกขา จาริกไปเมืองคุณหมิง สิบสองปันนา ประเทศจีน เพื่อศึกษาพระพุทธศาสนามหายานที่ต่างแดน และในครั้งนี้ เรามุ่งสู่ภาคเหนือตอนบน ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ เพื่อศึกษาพระพุทธศาสนา ในอารายธรรมล้านนา นับตงั้ แต่อดีตถงึ ปจั จบุ นั ด้วยความมั่นคงของอาณาจักรลา้ นนา ของราชวงศ์มังราย นับตั้งแต่พญามังราย ปฐมกษัตริย์ปกครอง ในปี พ.ศ.๑๘๓๙ กว่า ๗๐๐ ปี ที่ชุมชนได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ผืนป่า แม่น้ำ และขุนเขา อันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งผู้คนได้อาศัยอยู่กินโดยไม่ขาดแคลน และมีพระสงฆ์เป็นผู้สาธยายธรรมให้กับ ผูค้ นในชุมชนสังคมลา้ นนา สร้างความคดิ ความเชอ่ื ในการอยูร่ ว่ มกนั อย่างสงบสุขตลอดมา ดังนนั้ ด้วยการทอี่ ม่ิ พอ และจติ ใจทป่ี รารถนาความสงบสขุ เจา้ ผูค้ รองนครก็สรา้ งวดั และศาสนสถานท่ี ยิ่งใหญ่งดงามหลายสิบแห่ง ส่วนชุมชนก็สร้างวัดนับกว่าพันวัดในเขตเมืองล้านนา เราจึงพบเห็นวัดและศาสน สถานมากมายในเขตเมอื งเก่า ไดแ้ ก่ เมืองเชียงแสน เมืองกมุ กาม และเมืองเชยี งใหม่ วัดและศาสนสถานเหล่านั้น ล้วนมีความเกี่ยวเนื่องด้วยกับพระพุทธศาสนา ที่เจ้าเมืองและประชา ราษฎรมีความศรัทธาร่วมกัน งานศิลปะล้านนาทุกด้าน งานประติมากรรม งานสถาปัตยกรรม รวมทั้งงานจิต กรรม จึงยงิ่ ใหญ่งดงามและดงี าม การพฒั นาต่อยอดหรือการขยายผล กำลังดำเนนิ การอยู่และเดินตอ่ ไปเชน่ ๑) การสงเคราะห์ผู้ยากลำบากทางกาย ก็มีโรงพยาบาลวัดห้วยปลากัง้ เพื่อสังคม และการมีงานทำที่ มรี ายไดใ้ นพ้ืนทีใ่ กลเ้ คยี งกับวัด รวมทงั้ มีการร่วมมือกบั ต่างศาสนาเป็นสหธรรมิกสงเคราะหช์ ุมชนสังคม ๘ ผ้รู ว่ มสิกขาจาริก
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ | ๓๒ ๒) การอนุเคราะห์ให้ใช้สถานที่ที่พร้อมให้บริการแก่ภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา ทั้งที่พัก ที่ประชุม ที่ สักการะบูชา ที่ปฏิบัติธรรม และธรรมชาติที่ร่มรื่น งดงาม เช่น ที่พุทธมลฑลเชียงราย เนื้อที่ราว ๑๕๐ ไร่ วัด พระธาตผุ าเงา จงั หวัดเชยี งราย วดั รำ่ เปงิ จังหวดั เชยี งใหม่ รวมทัง้ เครือข่าย มจร. วทิ ยาเขตต่างๆ ๓) สถานที่อันสวยงาม วิจิตรพิสดารที่วัดร่องขุ่น ที่สร้างสรรค์งานศิลป์ อันเกี่ยวเนื่องด้วย พุทธ ศาสนาให้ชาวต่างชาติได้เข้ามาเยี่ยมชม งานก่อสร้างสถาปัตยกรรม งานหล่อ งานปั้นพระพุทธรูปที่เป็น ปฏิมากรรมท่งี ดงาม งานจติ รกรรมบนกระดาษโปสการด์ บนฝาผนังท่ีดงึ ดดู อารยชนได้เข้ามาสมั ผสั ความท่ีเป็น รูปธรรม และเข้าถึงความดี ความงามทางจติ ใจด้วยนามธรรมตามลำดับ ซึ่งอาจารยเ์ ฉลิมชยั ได้ประกาศตนจะ รับใช้ ชาติ พุทธศาสนา นับตั้งแต่อายุ ๔๕ ปี ในปัจจุบันช่วงใกล้วัย ๗๐ ปี ก็ออกไปขับมอเตอร์ไซต์ท่องเที่ยง และระดมทนุ สนบั สนุน งานมูลนิธิวัดร่องขุ่นใหย้ ง่ั ยืนตอ่ ไป ๔) สถานท่ีอนั ศักด์ิสิทธิ์ของชาวพุทธ และทัศนียภาพอันสวยงามของธรรมชาติ ผสมกับความต่ืนเต้น ตื่นกลัวกับ Sky Walk นวัตกรรมทันสมัยของวัดพระธาตุผาเงา อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ก็ดึงดูดท้ัง ชาวไทยและชาวต่างประเทศ ได้เข้าวัดสักการะ และชื่นชมกับความงามของลำน้ำโขงและทิวทัศน์ของดนิ แดน ไทย-ลาว เป็นงานและรายได้ที่ท้าทายการบริหารจัดการในยุคสมัย การเปลี่ยนแปลงที่ต้องหาความรู้ หาวิธี จดั การทีถ่ ูกตอ้ งเหมาะสมต่อไป ๕) การศึกษาและการท่องเที่ยวของผู้คน ต่างชาติ ต่างศาสนา ต่างวัฒนธรรมของชาวตะวันตกและ ชาวเอเชีย ในพื้นที่อารยธรรมล้านนา เช่น วัดป่าสัก จังหวัดเชียงราย วัดสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ วัดสวนดอก จังหวัดลำพูน และวัดเจดีย์หลวง จังหวัดลำปาง เป็นที่ศึกษาประวัติศาสตร์ล้านนา ที่ผ่านมาแล้วกว่า ๗๐๐ ปี กบั ศิลปะ ความงดงามในด้านต่างๆทเ่ี หลา่ บรรพชนผ้มู บี ุญคุณไดส้ ร้าสมบุญอันดีงามมา ต้นทนุ เดิมอันยิ่งใหญ่ไว้ ให้แล้ว เราจะยกระดับการศึกษาเชิงประวตั ศิ าสตร์ในท้องถน่ิ และชาติอย่างไร และการพฒั นาเศรษฐกิจเชิงท่อง เที่ยง และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนทั้ง ๔ จังหวัด ให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชน อยา่ งย่งั ยืนต่อไปไดอ้ ยา่ งไร
๓๓ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ที่ ๔ สาระธรรมและวิธกี ารเข้าถึงธรรมทค่ี วรแบ่งปนั การส่งเสริมมนุษย์ให้มีสติ มีปัญญา ตามหลักไตรสิกขาคือ ศีล สมาธิ ปัญญา ในกิจกรรมโสเหล่ เสวนา “การเดนิ ทางสู่อิสระภาพถึงขนั ธวิมุติสะมังคี” โดยอาจารย์ประมวล และคณาจารย์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ และการฝกึ วิปสั สนากรรมฐาน ท่วี ัดรำ่ เปิง ดอยสุเทพ จังหวัดเชยี งใหม่ คอื การถึงปัญญา ๓ ระดับในพระพุทธศาสนา คือ สุตะมยปัญญา จิตนมยปัญญา และภาวนามยปญั ญา ด้วยการศกึ ษาธรรมจาก ธรรมชาตริ อบตัวเรา และธรรมชาติของจติ ภายในตวั เรา ดว้ ยความมีสติ ระลกึ รู้ในความรู้สึกตัว และความหมาย ในใจเรา (จิตต้น) เหล่านี้คือ “กระบวนการปรับจิตใจใหม่” หรือ “จิตตื่นรู้” และการเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ใน ครรลองแหง่ “ศลี สมาธิ ปัญญา” ท่จี ัดปรับกระบวนทศั น์ใหม่ เปล่ยี นเปา้ หมายชีวิตจากเงนิ หรือมูลค่าทางวัตถุ เป็นการเข้าถึงสิ่งที่สูงสุดคือ คุณค่าความมายทางจิตใจ ที่สังคมไทยควรได้แบ่งปันต่อกัน ทั้งชาวไทยและชาว ต่างประเทศ เพราะมนษุ ยท์ ้งั ผองคอื พี่นอ้ งกนั โดยแท้ ข้อเสนอแนะ สงิ่ ทค่ี วรทำต่อไป ๑) ใช้ประสบการณ์การเรยี นรู้รว่ มกันครัง้ นีเ้ ป็นฐานการเรียนรู้ต่อเนื่องต่อไป เพื่อลงเนื้อหาประเดน็ อันลึกซึ้ง ตามสนใจของพระนิสิต เพราะประสบการณ์ตรงหรือความรู้ในครั้งนี้จะเป็นแรงกระตุ้นให้พระนิสิต ตื่นตัวกับประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกันต่อ อันเป็นการเพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจ ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ การพัฒนา ตนเอง ทัง้ ทางโลกและทางธรรมอันดตี ่อไป ๒) บทบาทใหม่ของครูอาจารย์ในฐานะวิทยากรกระบวน ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสื่อสาร สมัยใหม่ ทำให้คนยุคนี้มีโอกาสใช้คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนเพื่อเรียนรู้เรือ่ งราวสาระ หรือคอนเท็นต์ใหม่ๆ ได้มากมายอย่างง่ายดาย ประเด็นท้าทายคือ การเลือกเรียนรู้ประเด็นทั้งสาระและอสาระ (ไร้สาระ) จะเลือก อย่างไร จึงเป็นโอกาสและบทบาทของครูอาจารย์สถานศึกษา ที่จะช่วยแนะนำหัวข้อประเดน็ แกพระนิสิตหรือ คนหนุ่มสาว ในการศึกษาและจัดกลุ่มศึกษา ซึ่งครูอาจารย์ก็สามารถทำหน้าที่ทั้งเป็น “วิทยากรผู้รู้” และเป็น “วทิ ยากรกระบวนการ” ไปพร้อมกันด้วย
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ | ๓๔ ๓) การขยายขอบข่ายการสิกขาจาริกในอารยธรรมอ่ืนๆ ได้แก่ อารยธรรมทราวดี อารยธรรมศรีวิชัย หรืออารยธรรมลา้ นชา้ ง เปน็ ตน้ และการเดนิ ทางสิกขาจารกิ พรอ้ มการฝกึ วิปสั สนากรรมฐานในปลายทาง ก็ยัง เปน็ เรื่องสำคญั ทีท่ ้าทายให้พุทธบรษิ ทั ๔ ไดศ้ ึกษาและฝกึ ฝนทกุ รูปนามตลอดมา
๓๕ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ที่ ๔ ...อีกครั้งกับสิกขาจารกิ ยพุ ดี มากวงศ์๙ เป็นอกี ครง้ั หน่ึงที่มโี อกาสสิกขาจารกิ กับพระคุณเจา้ ร้อยกว่าชวี ิต ประกอบด้วย พระอาจารย์ พระนิสิต คณาจารย์ ผู้ทรงคุณวุฒิ จากจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์ ในโครงการ สิกขาจาริก โสเหล่ เสวนา อารายธรรมลา้ นนา ในลกั ษณะห้องเรยี นเคลื่อนที่ ระหว่างอยบู่ นรถบัส ตามธรรมเนียมปฏิบตั ิ คอื การ ทำวัตรเช้าบนรถ หลังจากรถเคลื่อนที่จากวัดศาลาลอย จังหวัดสุรินทร์ ตามด้วย แนะนำตัวผู้ร่วมเดินทาง ต่อ ด้วย ความคาดหวังของแต่ละรูปต่อคน และแลกเปลี่ยน เรียนรู้ร่วมกันตลอดเส้นทาง โดยมีอาจารย์ ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านประวัตศิ าสตร์ คอื อาจารย์สทุ ัศน์ กองทรัพ ใหข้ ้อมลู ความรเู้ ป็นช่วงๆ จนกระท่ังถึงพุทธ มณฑล จงั หวดั เชียงราย เวลาประมาณตีสอง พักผ่อนตามอัธยาศัย เช้า ๒๔ มกราคม ๒๕๖๖ ออกเดินทางไปวัดร่องขุ่น ระหว่างเดินทาง ได้รับเกียรติจาก ดร.กฤษชัย เป็นมัคคุเทศพิเศษ ให้ข้อมูลกายภาพของจังหวัดเชียงรายพอสังเขป จนกระทั่งถึงวัดร่องขุ่น ได้คารวะอาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพพิ ฒั น์ ประติมากรรมสีขาวที่โดดเด่น เป็นวัดที่โด่งดังด้วยศิลปกรรมที่งดงามติดอันดับของจังหวัดเชียงรายท่ี ดึงดูดนักท่องเที่ยงจากต่างประเทศและในประเทศ ให้มาชมได้อย่างมากมาย อาจาร์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรผู้มีชื่อเสียงระดับชาติ เป็นผู้สร้างถวายวัด ด้วยทุนส่วนตัว ความงดงามของศิลปะหลากหลายแขนง แล้วแตพ่ ้นื ฐานความสนใจของแตล่ ะคนจะเลอื กชม เรียกวา่ ครบวงจรชม ชมิ ชอ็ ป แชะ ต่อด้วยวัดหว้ ยปลาก้งั ซึ่งบริหารงานโดย หลวงพอ่ พบโชค ท่ีโดดเด่นหลายดา้ น ศลิ ปกรรมงดงามทั้งใน แบบพุทธศิลป์ของมหายาน เจดีย์เจ้าแม่กวนอิม บันไดนาค มีโรงพยาบาลรักษาฟรี มีโรงเรียนส่งเสริมอาชีพ ที่ ๙ ผู้รว่ มสกิ ขาจาริก
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ที่ ๔ | ๓๖ สำคัญคือ การท่มี ศี าสนาหลากหลายมาทำกจิ กรรมร่วมกนั ไดแ้ ก่ ศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู ซิค ณ ที่นี้ ได้มีโอกาสพบคนรุ่นใหม่ที่ใฝ่ใจในทางธรรม ศึกษา ฝึกฝน และเผยแพร่หลักธรรม คำสอนของพระสัมมาสัม พุทธเจ้า กัลยาณมิตร หลวงพี่โอโม่ ที่เป็นสะพานบุญให้รู้จัก น้องมายทาม รู้สึกยินดีกับน้องมายทามและ ครอบครวั ท่ีน้องคน้ พบเป้าหมายชวี ิตของตนเองได้เร็ว ทางทใี่ ช่และชอบ ด้วยวัยเบญจเพศเท่าน้นั ลำดับต่อมาเดินทางเข้าสู่เมืองเชียงแสน โดย ดร.เศรษฐบัณฑิต มัคคุเทศกิตติมาศักดิ์ เรื่องราว หลากหลาย พรั่งพรูออกมาให้คณะเราไดเ้ รียนรู้ ทั้งทางด้านภูมิประเทศ ด้านประวัตศิ าสตร์และอื่นๆ ได้สัมผสั เชียงแสน เมืองสามแผ่นดิน (ไทย ลาว พม่า) ความงดงามของธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ล้านนาที่ยาวนาน เกือบ ๗๐๐ ปี สามเหลี่ยมทองคำ ที่เป็นเขตแบ่งการปกครองสามประเทศ จึงเข้าสู่การศึกษาวัดโบราณ ซึ่งมี กระจายอยู่ท่ัวเมือง คณะเราเข้าสักการะ วัดป่าสักและวัดเจดีย์หลวง ที่เก่าแก่ยาวนาน มาพร้อมกับการ ปกครองของพระมหากษัตริย์ท่ีมเี ร่ืองราวเกี่ยวข้องกันมายาวนาน เพราะกษัตริย์เป็นองค์อุปถัมภ์ให้มีการสร้าง วัดต่างๆ ตามโอกาสสำคัญที่เกิดขึ้น ส่งผลให้เกิดปูชนียสถานให้คนรุน่ หลังได้สืบค้น ศึกษาหาความรู้ได้ง่ายขึ้น เพอ่ื รู้จักรากเหง้าของบรรพบุรษุ ตนเอง และเชอ่ื มโยงกบั เพ่อื นบา้ นใกลเ้ คยี งที่อยใู่ นยคุ สมัยเดียวกนั ช่วงเย็น (๒๔ มกราคม ๒๕๖๖) ได้มีโอกาสมาพักที่วัดพระธาตุผาเงา ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นวัดของหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย ท่านได้เมตตาค่อคณะสิกขาจาริก เข้าพบ ในช่วงค่ำและมีการปฏิสันถารพอสมควร เช้ามืด (๒๕ มกราคม ๒๕๖๖) ได้เดินขึ้นบนเขา เพื่อทำวัตรเช้าที่ อุโบสถบนเขาแสนชมสกายวอร์ค ไดช้ มภาพ สามแผ่นดินในมมุ สูง ท้ังธรรมชาติ ดิน นำ้ ป่า ภเู ขา และสิง่ ปลกู สร้างล้วนกลมกลนื กนั ดังคำที่หลวงพอ่ กลา่ ววา่ เพราะวัดมี สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมกับวัด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใครๆก็ อยากจะมาให้ไดค้ รัง้ หน่ึงในชีวติ เดนิ ทางตอ่ มาท่ีเชียงใหม่ ได้ไปสักการะวัดหลายวัด เชน่ วดั เจ็ดยอด วดั พระสงิ ห์ วัดสวนดอก และวัด เจดีย์หลวงที่หลวงปู่มั่นเคยมาจำพรรษา แต่ละวัดมีศิลปะแบบล้านนาที่งดงาม เป็นเอกลักษณ์ มีพระพุทธรูป
๓๗ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ช้ั น ปี ที่ ๔ สำคญั ประดิษฐานอยู่ นอกจากความงดงามของศลิ ปะท่ผี า่ นทางสายตา และหทู ่ไี ดร้ ับฟงั เรอื่ งราวความเป็นมาที่ เนิ่นนานหลายชั่วอายุคน การปกครองของกษัตริย์ที่อุปถัมภ์พระพุทธศาสนาและเห็นภาพการปกครอง ประชาชนในยุคประวัติศาสตร์ ความอดุ ดมสมบรู ณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ บรรยากาศทเ่ี ย็นสบาย ผ่อนคลาย แต่ละวัดมีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศที่มาชมมากมาย ล้วนมีใบหน้าเบิกบาน แจ่มใส สงบ แต่ง กายถกู กาละเทศะ น่ีคือการดำเนินชีวิตแบบสโลว์ ไลฟ์ จริงๆ เมื่อเราได้เรียนรู้ทางสัมผัสภายนอกต่างๆมาแล้ว วันนี้ (๒๖ มกราคม ๒๕๖๖) เป็นโอกาสดีที่ได้มาฟัง อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ ซึ่งเป็นอาจารย์ของอาจารย์บรรจง โสดาดี ที่ท่านเป็นสะพานบุญให้คณะสิกขา จาริกของเราได้มาฟัง อาจารย์ประมวล บรรยายสดที่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นการคืนสู่ เยา้ ของอาจารยบ์ รรจง ท่ียิ่งใหญ่ ดว้ ยคณธพระสงฆ์หมูใ่ หญ่จาก มจร.วข.สุรินทร์ เบิกบานกนั ถ้วนหน้า อาจารย์ประมวล ที่รู้จักท่านผ่านทางอาจารย์บรรจง รวมทั้งอ่านหนังสือ เดินสู่อิสรภาพ และช่องทาง อื่นๆ เมื่อได้มาฟังท่านบรรยายสด รู้สึกได้ถึงพลังความรัก ความเมตตา ซาบซึ้งในแต่ละคำพูดที่อาจารย์กล่าว ออกมาอย่างปาฏิหารย์ที่คนธรรมดาคนหนึ่งได้แบ่งปันพลังนี้อย่างมีอานุภาพเช่นนี้ เป็นความรู้สึกที่บรรยาย ยากมาก เพราะเคารพศรัทธา ในสิ่งที่ท่านเดินหาความหมายของชีวิต เพื่อการหลุดพ้นและแบ่งปัน ประสบการณ์สู่สาธารณชน และเป็นแบบอย่างแก่คฤหัสถ์ที่กำลังแสวงหา ได้ศึกษาทางลัดเพื่อเข้าถึงสัทธรรม ของชีวิตไดง้ ่ายขนึ้ โดยการภาวนาตามแนวทางท่ีอาจารยไ์ ด้แนะนำ การคน้ หาจากจติ ภายในของตนเองตอ่ ไป มาเชียงใหม่ก็ต้องไปดอยสุเทพ เป็นโอกาสดีของเราที่ได้ไปดอยปุยด้วย โดยได้อาศัยบารมีของพระ อาจารย์วัชะ พระอาจารย์สมพงษ์ หลวงพี่โอโม่ พระนิสิตอีก ๒ รูป และคุณประสิทธิ์ โดยมีศรัทธาญาติโยม ผู้หญิง ๒ คน ได้ถวายค่ารถในครั้งนี้ เพราะศรัทธาในพระภิกษุสงฆ์ ส่วนคนขับรถก็ปลื้ม เล่าทั้งขาไป-ขากลับ วา่ โชคดวี า่ รถคนอนื่ ท่ีมีพระคุณเจ้ามาข้ึนรถของตนเอง อานิสงสเ์ กิดข้นึ ได้ทันที ปลื้มกันถ้วนหน้า
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ | ๓๘ การสิกขาจาริกครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ อารยธรรมล้านนาที่ยาวนาน สืบเนื่องมา จนถึงปัจจุบัน มีพุทธศิลป์ที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ มีวัดเป็นศูนย์รวมจิตใจ และอนุรักษ์โบราณสถาน โบราณวัตถุไว้ และมีสิ่วใหม่ๆเกิดขึ้น มาอยู่ร่วมกันอย่างลงตัว ให้ผู้ที่แสวงหาทั้งหลาย ได้เป็นที่พักกาย พักใจ สุขกาย สขุ ใจ หายเหน่อื ยลา้ มพี ลังกา้ วเดินต่อไป ขอขอบคุณอาจารย์บรรจง โสดาดี และมจร.วข.สุรินทร์ เป็นอย่างสูงที่ให้โอกาสได้มาสิกขาจาริก โส เหล่ เสวนา อารายธรรมลา้ นนาในครั้งนี้ หลายครง้ั ท่มี โี อกาสได้รว่ มกิจกรรมกับอาจารย์บรรจง ที่เลี่ยงไม่ได้คือ การถูกกระทบกระทั่งจากผู้ร่วมคณะ แต่ก็ผ่านไปด้วยดี จนอยากรู้ว่า จิตใจของอาจารย์ทำดว้ ยอะไร มีเทคนิค วิธีการจัดการสภาวะนี้ได้อย่างไร จึงมีความอดทนสูงมาก มาก มาก อดทนต่อไปนะครับอาจารย์ “ถ้าไม่ใช่ อาจารย์บรรจง กจิ กรรมแบบนที้ ำไม่ไดห้ รอก”
๓๙ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ที่ ๔ ประสบการณ์รว่ มเดนิ ทาง มายทาม คณพศ๑๐ การสิกขาจาริกในคร้งั น้ี ข้าพเจ้าได้รว่ มเดินทางด้วยในชว่ งระยะเวลาส้ันๆ แต่กไ็ ดส้ มั ผัสประสบการณ์ ที่มคี วามหมายและได้รบั ความรู้มากมาย จากพระวิทยากรผ้ทู รงคุณวุฒอิ ย่างพระอาจารยพ์ บโชค และความรู้ จากคณาจารย์ทั้งหลาย การท่ี มจร. วิทยาเขตสรุ นิ ทร์ ได้พาพระนสิ ติ มาจาริกในคร้งั นี้นบั ว่าเป็นประโยชนย์ ิ่ง โดยเฉพาะใน เรื่องของงานพุทธศิลปซ์ ึ่งเป็นการสมั ผสั ประสบการณท์ จ่ี ะทำให้ทา่ นทั้งหลายเหลา่ น้นั นำส่ิงทีไ่ ด้พบเห็นไป พัฒนาวดั ของตวั เองใหม้ ีความเจริญย่งิ ขนึ้ เพ่ือดงึ ดูดพุทธศาสนกิ ชนมาเข้าวดั ทำบุญ ซึ่งเป็นบุญขั้นต้นเพ่ือท่ี พวกเขาจะไดอ้ ัพเกรดตวั เอง ในการรักษาศลี ทเ่ี ปน็ บญุ ในระดับกลางและต่อยอดไปจนถึงการภาวนาซึง่ เปน็ บุญ ขน้ั สงู ข้าพเจ้าเหน็ ว่าการจารกิ ในคร้ังนท้ี รงประโยชนแ์ ละทรงคุณคา่ เป็นการเดินทางภายนอกสู่ความหมาย ภายในอยา่ งแทจ้ รงิ ๑๐ ผูร้ ่วมสิกขาจาริก
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ช้ั น ปี ที่ ๔ | ๔๐
๔๑ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ ได้อยา่ งตอ้ ง...(ยอม)เสยี อย่าง... เกยี รตศิ ักดิ์ ตะเคยี นจนั ทร๑์ ๑ กอ่ นการเดินทาง เดิมทราบข่าวนานแล้วว่านิสติ จะเดนิ ทางสิกขา จารกิ ไปศึกษาอารยธรรมมลา้ นนา เชียงราย-เชยี งใหม่ ซงึ่ ขา่ วนี้กร็ ูม้ าเป็นเดือนๆแล้วจากวงใน จากใครมใิ ชใ่ ครอื่น นอกจากอาจารของกระผมเอง คอื ทา่ นอาจารย์ ผศ.บรรจง โสดาดี ซง่ึ เป็นอาจารยท์ ผี่ มเคารพนบั ถือมาก เพราะวา่ หลงั กอ่ นที่ผมจะจบการศึกษากเ็ ดินทางด้วยกันบ่อยมาก จนมี คนวา่ อาจารยบ์ รรจงอยู่ไหน ผมกอ็ ย่นู ่นั ผมอยไู่ หน สามเหล่ยี มทองคำ อาจารยบ์ รรจงก็อยนู่ ัน่ ฮ่าๆ (เปน็ การเลา่ ใหฟ้ ังเฉยๆครบั ไม่มีสาระอะไรหรอก ฮ่าๆ) เรื่องสกิ ขาจาริกกก็ราบขา่ วมาเร่ือยๆ จนกระท่งั ถึงในวนั ประสาทปริญญาบตั ร คณาจารยห์ ลายท่านก็ มมี ตวิ ่าตอ้ งการร่วมแสดงความยินดีกบั บัณฑิตใหม่ ดว้ ยการจะใหบ้ ัณฑติ ใหม่ท่ีจบการศึกษาในปนี ้ี จำนวนสาม รปู /คน ด้วยการถวายทน่ี ั่งแลกกบั การชว่ ยงานกิจกรรมของสาขาฯ หนง่ึ ในน้นั ก็คอื ผมทจี่ บ ซ่ึงเปน็ บัณฑิต คฤหสั ถค์ นเดยี วในหลกั สูตรพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพระพทุ ธศาสนา ดว้ ยเกยี รตินิยมอนั ดับสอง ตอนแรก ผมแทบจะไม่มโี อกาสทีจ่ ะเดนิ ทางร่วมกบั คณะสิกขาจาริกใน ครงั้ น้ีแลว้ เนือ่ งในขณะนัน้ ตดิ ภาระหนา้ ท่ที ำงานประจำอยู่ท่ีจงั หวดั ระยอง ผมก็ได้นอนทบทวนหลายคืนทเี ดียวว่าจะไปสิกขาจารกิ ด้วยหรอื เปลา่ แตใ่ น ใจจริงแลว้ อยากไปมาก จนกระทง่ั ก่อนวนั เดนิ ทางประมาณสามวนั ผมก็ได้ ตัดสนิ ใจแลว้ วา่ ต้องได้เดินทางสิกขาจาริกกับคณะสิกขาจาริกนี้ให้ได้ เพราะวา่ เปน็ การเดินทางกบั คณะหมู่ใหญ่ซงึ่ ส่วนมากก็เปน็ พระภกิ ษุสงฆ์ และ เปน็ นสิ ิตรุ่นน้อง และคณาจารย์ทม่ี ีความรู้หลายๆ ท่าน แต่ประเด็นสำคัญ จริงๆ แลว้ ท่ีทำให้ผมตดั สินใจเดินทาง ก็คอื ความรู้ สิ่งใหมท่ ่ีพบเจอในการ ประสาทปรญิ ญาบัตร เดินทางแตล่ ะสถานที่ของอารยธรรรมล้านนา และกลั ยาณมิตรท่ีดี สงิ่ สำคัญ เหลา่ นี้ที่ผมจะไดส้ ำหรับการเดนิ ทาง และทำให้ผมตดั สินใจเดินทางสกิ ขาจารกิ ดว้ ยในคร้ังนี้ หลังจากตดั สินใจแล้วผมก็ได้ไปลาออกจากงาน และเดนิ ทางกลบั สรุ ินทรเ์ พ่ือเตรียมความพรอ้ มในการ เดินทางสิกขาจารกิ โสเหล่เสวนาอารยธรรมล้านนา เชยี งราย-เชียงใหม่ ชีวติ ก็เป็นเช่นน้แี หละอยากไดอ้ ย่างก็ ๑๑ บณั ฑติ หลกั สตู รพทุ ธศาสตรบณั ฑติ สาขาวิชาพระพุทธศาสนา, รุน่ ท่ี ๖๗
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ที่ ๔ | ๔๒ ต้องยอมเสียอย่าง...และหลงั จบกจิ กรรมก็ได้ข้อสรปุ ว่ามันก็เป็นการเสยี เพือ่ ได้...อยา่ งคมุ้ ค่าท่สี ุดสำหรับ ชวี ิต... วันของการเดินทาง ในการเดินทางน้ันตวั ผมเองทราบดแี ล้ววา่ เรา มาในฐานอะไรในการเดินทางตามความคิดของผู้อา่ นเอง ที่อา่ นต้ังแต่แรกก็อาจจะคดิ วา่ มานามบัณฑิตจบใหม่ ก็ อาจจะคดิ ว่าเปน็ การมาพักผอ่ น คอื เท่ยี วอะไรประมาณนี้ ใช่ใหม่ครับ? แตค่ วามจริงนนั้ ไม่ใช่อยา่ งทค่ี ิดเลย ฮ่าๆ การ เดนิ ทางในครงั้ นีน้ น้ั ผมเปน็ บริกรคอยบริการคณะผรู้ ว่ ม เดินทาง เป็นตากลอ้ งคอยถ่ายรปู (ไม่ค่อยมีภาพตัวเอง) เป็นคนถือของที่ระลกึ เป็นคนยกกระเปา๋ ถือของให้พระคุณ เจ้า ซอื้ ของถวายท่าน คอยประเคนของ เปน็ ไวยาวัจกร และ เป็นทุกๆอยา่ งทจี่ ะเป็นได้ ทผ่ี มพดู มาทง้ั หมดน้ีไมใ่ ชว่ า่ ผมมาบน่ นะครับ แต่ว่าเปน็ การบอกหนา้ ทที่ ผ่ี มได้ทำและทำจรงิ ด้วย ทำ ดว้ ยใจและเต็มใจท่ีทำ ทจี่ ะบริการคณะเดินทางหรือพระคุณเจา้ ทกุ รปู เพราะผมเขา้ ใจดีว่าการอย่ใู นสมณเพศนี้ ลำบากแค่ไหนในการเดินทาง การขบการฉนั เพราว่าพระมีศีลมีวินัยทตี่ อ้ งปฏิบัตติ ามพระบรมพุทธานญุ าตของ องค์สมเด็จพระสัมมาสมั พทุ ธเจ้า เพราะว่าถ้าพระรักาศีลรกั ษาวนิ ยั ได้ดกี จ็ ะเปน็ ทีน่ า่ เคารพนบั ถือ เหมาะสมควรแก่การกราบไหว้ สว่ นตวั ผมเองเปน็ พุทธบรษิ ัทก็จะคอยช่วยใหค้ วามสะดวกพระคณุ เจ้าในบางส่วนตามวินัยตามท่ีจะพอชว่ ยได้ครับ พบกัลยาณมิตรท่ีเชียงราย สำหรบั ความรู้ในการเดินทางในคร้ังนนี้ น้ั กจ็ ะไม่ขอนำมาพดู ไว้ ในทนี่ ้ี เพราะว่าการเดนิ ทางในครง้ั นีไ้ ด้ความรแู้ น่นอนเกีย่ วกบั อารย ธรรมล้านนา รคู้ วามเจริญทางวัฒนธรรม รดู้ า้ นประวัตศิ าสตร์ รู้ถึงความ ซับซ้อนของระบบสงั คม ถึงความสมั พนั ธ์ขององคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ใน ระบบสงั คมนั้น ๆ และทำใหท้ ราบถงึ เหตุปจั จยั การเกดิ และการล่มสลาย ของอารยธรรมนนั้ รวมถึงอทิ ธิพลของอารยธรรมนน้ั ต่ออารยธรรมอื่นๆ พุทธศิลปะต่างๆ การปกครองบา้ นเมอื งแต่ละยุค จนถึงการปกครอง วดั เจด็ ยอด เลก็ ๆ คือวัด ชมุ ชน และอ่ืนๆ ท่ีไดเ้ ห็นในการเดินทาง แต่ละคนก็อาจจะ ไดค้ วามรู้ความคดิ ทีแ่ ตกตา่ งกันไป ท้งั วิทยากรแต่ละสถานท่ี ครูบาอาจารยต์ า่ ง เชน่ ม.เชยี งใหม่ โดยเฉพาะ อาจารยป์ ระมวล เพง็ จันทร์ ซึงเปน็ ไอดอลของใครหลายท่าน โดยเฉพาะตวั ผมเองนัน้ กเ็ ชน่ เดียวกัน
๔๓ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ช้ั น ปี ที่ ๔ สุดท้ายน้กี ็ขอขอบคุณอาจารย์ ผศ.บรรจง โสดาดี ทต่ี ดิ ตอ่ ใหร้ ่วมเดินทาง และคณาจารย์ทุกทา่ นท่ี อนุมัติใหร้ ว่ มเดนิ ทาง ขอบคุณคณาจารย์ นิสิต และผ้รู ่วมเดินทางสกิ ขาจาริกทุกท่านที่ร่วเดินทางในคร้งั น้คี รบั นายเกียรติศักดิ์ ตะเคียนจนั ทร์ บณั ฑิตหลกั สตู รพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาวชิ าพระพทุ ธสาสนา มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตสรุ ินทร์ รนุ่ ท่ี ๖๗ ผรู้ ่วมสกิ ขาจาริก ๓๐ มกราคม ๒๕๖๖
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ช้ั น ปี ที่ ๔ | ๔๔
๔๕ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ ปจั ฉิมบท : บุคคล เครอื ข่าย สถานท่ี ความสำเรจ็ ... บรรจง โสดาด๑ี ๒ กลุ่ม มจร วิทยาเขตสรุ ินทร์... อาจารยผ์ รู้ บั ผิดชอบหลกั สูตร : พระครปู รยิ ตั ิวิสุทธิคุณ,รศ.ดร. แม้จะมีภารกิจมากมาย มีเวลาไม่มาก แต่ก็ดั้นด้นเดินทางตามคณะไปทีหลังโดยใช้พาหนะส่วนตัว ทันเข้าร่วมช่วงเวลาจุดสำคัญสูงสุด(climax) ของ กิจกรรมสิกขาจาริกโสเหลเ่ สวนาท่ีมหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ พระปลดั วชั ระ วชริ ญาโณ, ผศ.ดร. ประธานหลกั สูตร แม้จะติดภารกิจสำคัญเช่นกันแต่ก็ตามมาทันทีเชียงแสนด้วยพาหนะส่วนตัวและนำพาหนะไปใช้สนับสนุน กิจกรรม พระมหาสมพงษ์ ฐิตจิตฺโต อ.ธีรทิพย์ พวงจันทร์(ที่มิได้เดนิ ทางร่วมในครัง้ นี้) รวมทั้งผู้เขียน เป็นกลุ่ม มดงานในการทำงานให้แล้วเสร็จ คณาจารย์ทั้งห้าท่านเป็นเจ้าภาพหลัก รับผิดชอบตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด ภารกิจ ทุม่ เทเสยี สละอทุ ิศตนอย่างมาก เป็นทกุ อยา่ งใหก้ บั กิจกรรมคร้ังนี้... ๑๒ อาจารย์ประจำหลกั สตู รพทุ ธศาสตรบัณฑิต สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา วทิ ยาเขตสรุ นิ ทร์
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ช้ั น ปี ท่ี ๔ | ๔๖ กลมุ่ วิทยากร : พระมหายุทธพิชาญ โยธศาสโน พระมหาโชตนพิ ิฐพนธ์ สุทธฺ จิตโฺ ต,ผศ. ผศ.สุทัศน์ กองทรัพย์ และ ดร.ธนรัฐ สะอาดเอี่ยม ทั้งสี่ท่านเป็นแนวร่วมสำคญั ในการกำกับดูแลคณะสิกขาจาริกให้ อยใู่ นระเบยี บแบบแผนดีงาม เป็นวทิ ยากรบนรถ และเป็นท่ปี รกึ ษารว่ มตดั สินใจ...
๔๗ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ช้ั น ปี ที่ ๔ กลุ่มเจ้าหน้าท่ีประสานงาน : นส.จิรารัตน์ พิมพ์ประเสริฐ นส.ณัตพร บุญปก รับภาระเป็นผู้ช่วยใน ดา้ นธรุ การ เอกสาร การเงิน...
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ | ๔๘ กลุ่มบัณฑิตศิษย์รุ่นพี่ : พระพิธิวัฒน์ ปุญฺญกุสโล เป็นศิษย์พี่ท่ีมีต้นทุนด้านความรู้สูง ความคิดสุขุม ลุ่มลึก มีความอาจหาญในที่ชุมชน สามารถถอดบทเรียน ให้ข้อคิด และสรุปประเด็นการเรียนรู้ที่กระชับและ ชดั เจน สว่ นนายเกียรติศักด์ิ ตะเคยี นจันทร์ เป็นศิษย์พท่ี ี่ค่อยช่วยเหลือกิจกรรมในทุกๆ เรื่อง เชน่ เป็นตากล้อง ประสานงานสถานที่ ฯลฯ และพระธเนศ ฐานิโย ไม่ได้เดนิ ทางด้วยแต่ชว่ ยสนบั สนนุ ค่าพาหนะกจิ กรรม ท้งั สาม ท่านเปน็ บัณฑิตใหมใ่ นปกี ารศึกษา ๒๕๖๕
๔๙ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ช้ั น ปี ท่ี ๔ กล่มุ เครือขา่ ยจงั หวดั เชยี งราย... กลุ่มแนวร่วมเชียงราย : การสิกขาจาริกครั้งน้ีแม้จดุ หมายปลายทางสูงสุดอยู่ที่การโสเหล่เสวนาท่ี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่กิจกรรมระหว่างทางก็มีคุณค่าและความหมายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยเฉพาะที่ จังหวัดเชยี งราย ได้รับความเอ้ือเฟื้อเก้ือกูลท่ีพักแรม ๒ คืน อาหารหลกั ๓ ม้อื วทิ ยากรผู้ทรงคุณวุฒิให้ความรู้ ในห้องเรียนเคลื่อนท่ี(บนรถ) พุทธสถานที่สำคัญๆ บทบาทวัดและพระสงฆ์ ฯลฯ ในตัวจังหวัดเชียงราย-เชียง แสน สรา้ งความอบอนุ่ ใจและความประทบั ใจใหก้ ับคณะสิกขาจาริกเป็นอย่างมาก... คณะผู้บริหารคณาจารย์จากวิทยาลัยสงฆ์เชียงราย ประกอบด้วย พระครูสุธสี ุตสนุ ทร,ดร. พระมหา ธีรวัฒน์ เสสปฺญโญ,ผศ.,ดร. พระไพศาลประชาทร วิ. พระครูสังฆรักษ์เรวัฒน์ เรวโต ดร.กฤษชัย ดร.เศรษฐ บัณฑติ เปน็ ต้น ขอกราบขอบพระคณุ เป็นอย่างสูง...
บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก โ ส เ ห ล่ เ ส ว น า อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๔ | ๕๐ กลุ่มแนวร่วมเชียงแสน : คณะผู้บริหารและคณาจารย์จากวิทยาลัยสงฆ์เชียงราย ทำหน้าที่เป็น วิทยากรแนะนำให้ความรู้แก่คณะสิกขาจาริกทั้งบนรถและตามโบราณสถานต่างๆ ช่วงสิกขาจาริกที่เชียงแสน ไดร้ บั การต้อนรับจากคณะสงฆ์ พระมหาธรี วฒั น์ เสสปฺญโญ, ผศ.ดร. แมช่ ศี ศภิ า ทา่ นท็อป คณะศษิ ย์ภายในวัด พระธาตุผาเงา เป็นอย่างดเี ช่นเดยี วกบั ในตัวจงั หวดั เชียงราย ยงิ่ กวา่ นนั้ พระเดชพระคุณ พระพทุ ธิญาณมุนี เจ้า คณะจังหวัดเชียงราย ยังมีเมตตามาใหโ้ อวาท ให้ขอ้ คดิ แลกเปลย่ี นมมุ มองกบั คณะสิกขาจาริกอย่างเป็นกันเอง ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง และตลอดระยะเวลาที่สิกขาจาริกในจังหวัดเชียงรายหากมีข้อผิดพลาด ประการใด กราบขออภยั มา ณ โอกาสน้ี...
Search