Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 02_บันทึกสิกขาจาริกอารยธรรมล้านนา ปี2

02_บันทึกสิกขาจาริกอารยธรรมล้านนา ปี2

Published by banchongmcu_surin, 2023-08-03 04:09:05

Description: 02_บันทึกสิกขาจาริกอารยธรรมล้านนา ปี2

Search

Read the Text Version

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 2 สถติ นิ ิสิตหลักสูตรพทุ ธศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา ปกี ารศกึ ษา ๒๕๔๔-๒๕๕๕ ปีการศึกษา จำนวน ปีที่ ๕ รวม หมายเหตุ ปที ่ี ๑ ปที ี่ ๒ ปที ่ี ๓ ปีที่ ๔ - ๒๕๔๔ ๑๑ ๑๕ ๒๕ - - ๕๐ รนุ่ ๑ ๒๕๔๕ ๒๕ ๕๓ รนุ่ ๒ ๒๕๔๖ ๓ ๑๑ ๑๕ ๒๕ ๑๕ ๖๓ ร่นุ ๓ ๒๕๔๗ ๑๐ ๓ ๑๑ ๑๕ ๑๑ ๔๘ ร่นุ ๔ ๒๕๔๘ ๑ ๑๐ ๓ ๑๑ ๓ ๔๕ รุน่ ๕ ๒๕๔๙ ๒๐ ๑ ๑๐ ๓ ๑๐ ๔๑ รนุ่ ๖ ๒๕๕๐ ๗ ๒๐ ๑ ๑๐ ๔๙ รุ่น๗ ๒๕๕๑ ๑๑ ๗ ๒๐ ๑ ๑ ๔๓ รนุ่ ๘ ๒๕๕๒ ๒๐ ๔๙ รนุ่ ๙ ๒๕๕๓ ๔ ๑๑ ๗ ๒๐ ๗ ๓๖ รุน่ ๑๐ ๒๕๕๔ ๗ ๔ ๑๑ ๗ ๑๑ ๔๐ ๒๕๕๕ ๗ ๗ ๔ ๑๑ ๔ ๓๓ รนุ่ ๑๑ ๗ ๗ ๔ ๔ ๑๑ ๗ ๗ ๑๑ ๑๒ การศึกษา ๒๕๕๖-๒๕๖๖ รวม ๑๓ จำนวน ๑๔ ๓๕ ๑๕ ปกี ารศึกษา ปที ี่ ๑ ปีท่ี ๒ ปที ี่ ๓ ปีที่ ๔ ปีที่ ๕ ๓๔ ๑๖ ๒๕๕๖ ๑๖ ๓ ๗ ๕ ๔ ๒๗ ๑๗ ๒๕๕๗ ๘ ๑๐ ๔ ๗ ๕ ๒๗ ๑๘ ๒๕๕๘ ๗ ๕ ๔ ๔ ๗ ๓๐ ๑๙ ๒๕๕๙ ๗ ๗ ๕ ๔ ๔ ๒๗ ๒๐ ๒๕๖๐ ๖ ๗ ๗ ๖ ๔ ๙๑ ๒๕๖๑ ๖ ๔ ๖ ๕ ๖ ๑๐๘ ๒๕๖๓ ๖๙ ๗ ๔ ๖ ๕ ๑๑๖ ๒๕๖๔ ๓๗ ๕๔ ๗ ๔ ๖ ๑๒๗ ๒๕๖๕ ๒๖ ๓๒ ๔๘ ๗ ๓ ๒๕๖๖ ๑๖ ๒๖ ๓๒ ๔๘ ๕

3 |บนั ทกึ สกิ ขาจารกิ อารยธรรมลา้ นนา ชน้ั ปี ท่ี ๒ คำนำ “สิกขาจาริกโสเหล่เสวนาอารยธรรมล้านนา” เป็นกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนานิสิตที่รวมเอา กิจกรรมโสเหลเ่ สวนาและสิกขาจาริกเข้าดว้ ยกนั ในปนี คี้ ณะกรรมการบริหารหลักสูตร ได้กำหนดสถานท่ีสิกขา จาริกอารยธรรมล้านนา จึงผูกสามคำเข้าด้วยกัน โดยคาดว่าจะพัฒนาองค์ความรู้และประสบการณ์ในด้าน ประวัติศาสตร์ อารยธรรม บทบาทของพระสงฆ์ในด้านสังคมสงเคราะห์ การบริหารจัดการวัดเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวทางศาสนาและวัฒนาธรรม รูปแบบสำนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่มีมาตรฐาน ตลอดถึงการ ประยุกต์พุทธธรรมให้เกิดผลและเหมาะสมกับยุคปัจจุบัน โดยจุดสำคัญสูงสุดอยู่ที่การโสเหล่เสวนาท่ี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ภายใต้หัวข้อ “ จากเดินสู่อิสรภาพถึงขันธวิมตุ ิสะมังคีธรรมะ” ที่มีอาจารย์ประมวลเพ็ง จันทร์เปน็ วทิ ยากรหลัก หลังจากกิจกรรมโสเหล่เสวนาสิกขาจาริกอารยธรรมล้านนาเสร็จสิ้นลง ทางหลักสูตรสาขาวิชา พระพุทธศาสนา ได้รวบรวมประมวลข้อสรุปและความคิดเห็นของผู้ร่วมกิจกรรมฯ จัดทำเป็นอีบุ๊คตามชั้นปี ของนสิ ิต จำนวน ๔ เลม่ เพ่ือขยายผลในวงกวา้ งออกไป ในเอกสารนม้ี ีเน้อื สาระแบง่ เปน็ ๓ สว่ น ๓ ป. คือ ปฐม บท ประสบการณ์ และปัจฉิมบท ซึ่งเป็นการสะท้อนข้อคิดความเห็นหลากหลายมิติ ในมุมมองของผู้เข้าร่วม กิจกรรมสิกขาจาริกตั้งแต่คณาจารย์ บัณฑิต นิสิต ผู้ร่วม ตลอดถึงประมวลภาพถ่ายและข้อสังเกตในสถานท่ี สำคัญๆ อรรถรสจะเข้มข้นเพยี งใด ขอเชญิ ชวนตามดูรายละเอียดภายในเลม่ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบันทึกสิกขาจาริกอารยธรรมล้านนาเล่มนี้ จักเป็นประโยชน์และมีคุณค่าต่อผู้ใฝ่รู้ ใฝ่คิด ใฝศ่ ึกษาสบื ไปในอนาคต

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 4

5 |บนั ทกึ สกิ ขาจาริกอารยธรรมลา้ นนา ชนั้ ปี ที่ ๒ หน้า ๒ สารบัญ ๓ เรื่อง คำนำ ๕ สารบญั ๕ ตอนที่ ๑ : บนั ทกึ การโสเหล่เสวนาและอารยธรรมลา้ นนา ๕ ๕ พระสขุ สันต์ สิรธิ มโฺ ม ๕ พระธนบดี จารุธมฺโม ๓๙ พระสงวน กลยฺ าโณ ๓๗ พระบญุ มี ปรสิ ุทโฺ ธ พระณรงค์ ปภาโต ๓๗ พระบุญตดิ ขนตฺ โิ ก ๓๗ พระทองจันทร์ อนิ ฺทปญฺโญ ๕ ตอนท่ี ๒ : บันทกึ บทบาทพระสงฆ์ด้านสังคมสงเคราะห์ ๓๗ พระสมพร กติ ตวิ ุฒโฑ ๓๗ พระสมควร. ธมจฺ ิตโต ๓๓ พระมหาวรี ะชยั ขนฺตธิ มฺโม ๓๗ พระพลวัต พลวโร ๓๙ พระถาวร ถริ สทฺโธ ๓๗ พระทองทวิ ถริ สุโข พระธนชยั ธนปญฺโญ ๓๗ พระสมศกั ดิ์ ฉนฺทกโร ๓๕ พระสุรนิ ทร์ สมุ งฺคโล ๓๑ ตอนที่ ๓ : บันทกึ บทบาทพระสงฆด์ ้านปฏิบตั ิวิปัสสนากรรมฐาน ๓๑ พระปุญญพฒั น์ ญาณธมฺโม ๓๗ พระอธิการเทวา ๓๗ พระสาคร ชยวฑุ โฒ ๓๙ พระสุภกิตต์ ธมฺกาโม พระพงษ์พัฒน์ อภิปุณฺโณ ๓๙ พระวสันต์ วติกโร ๓๙ พระสงค์ ยโสธโร ตอนท่ี ๔ บนั ทกึ บทบาทพระสงฆด์ า้ นการทอ่ งเทย่ี วทางศาสนาและวฒั นธรรม พระวโิ รจน์ สุจิตโฺ ต พระอธิการวสิ ทุ ธศิ กั ดิ์ วสิ ารโท

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 6 พระวงศธร จนฺทวํโส ๓๙ พระปณั ฑ์ อคควโร ๕ พระสมบัติ ญานสมั ปนั โน ๓๙ พระสมร เตชธมฺโม ๓๗ พระสุพรม จติ ตฺ ปญโฺ ญ ๓๙

7 |บนั ทกึ สกิ ขาจาริกอารยธรรมลา้ นนา ชนั้ ปี ที่ ๒ ตอนท่ี ๑ บันทึกโสเหล่เสวนาวชิ าการล้านนา

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 8

9 |บนั ทกึ สกิ ขาจาริกอารยธรรมล้านนา ชนั้ ปี ท่ี ๒ ความเขา้ ใจเก่ียวกับประวตั ศิ าสตร์พุทธศาสนาในลา้ นนา พระสขุ สนั ต์ สิริธมโฺ ม (จนั ทร์งาม) 1 ประเด็นศึกษา... จากการโสเหล่ในหัวข้อ “จากเดินสู่อิสรภาพถึง ขันธวิมตุ สิ ะมังคีธรรมะ”สามารถสรปุ ประเดน็ ได้ อยา่ งไร สรปุ ความวา่ ความต้องการอสิ รภาพน้ันลว้ นมดี ้วยกนั ทกุ ชีวิต ซึ่งทกุ สรรพสิ่งล้วนมีบทบาทและ ความหมายต่างกันออกไป เงื่อนไขจงึ ถูกสรา้ งข้นึ เพ่อื ควบคุมสง่ิ ตา่ งๆ บนโลกใหข้ ับเคล่อื นไปบน แบบแผนที่ดีงาม ไม่ต่างจากมนุษยผ์ ้เู กดิ มาพร้อม อสิ รภาพ แตว่ า่ การดำรงชีวติ ของมนษุ ยน์ ั้นต้องดำ เนินชีวติ ในสังคมท่มี ีระเบียบ กฎเกณฑท์ งั้ โดยธรรมชาติ และสง่ิ ท่ีสงั คมสร้างขึ้น มนุษยจ์ ึงคดิ วา่ ตนเองไม่มีความ เปน็ อสิ ระ ทีต่ ้องอยใู่ นกรอบของสงั คมน้ันๆ ตลอดจนศาสนา ลทั ธิการเมืองต่างๆ มนุษย์ทุกคนจงึ ต้องการความ มอี สิ ระและเสรภี าพในการท่จี ะคิด พดู และทำส่งิ ใดก็ตาม หรือ แมแ้ ตใ่ นการดำรงชวี ติ ของตนเอง การดำ เนินชีวติ จงึ ต้องการให้ เปน็ ไปตามกระบวนการธรรมชาตขิ องจิตโดยไมต่ ้องการติดขอ้ งอยู่ ในกฎระเบยี บ หรือข้อบงั คบั ของใคร ไมต่ ้องตกเป็นทาสของ ส่งิ แวดล้อมใดๆ ไม่วา่ จะเปน็ กรอบของ ธรรมเนยี ม ประเพณี ตลอดจนความเชื่อที่นิยมถือปฏบิ ตั ิกนั อยู่ 1นสิ ติ ชั้นปี ๒ ๖๔๐๙๕๐๑๐๑๓ หลกั สตู รพุทธศาสตรบัณฑติ สาขาวิชาพระพุทธศาสนา

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 10 กระผมมีความคิดเห็นวา่ อาจารยป์ ระมวล เพง็ จันทร์ ได้มาบรรยาย ทมี่ หาลยั เชยี งใหม่ ในหวั ขอ้ จากเดินสูอ่ สิ รภาพถึง\"ขันธวิมุตสิ ะมงั คธี รรมะ ประจำ อยกู่ บั ท่ีไม่มีอาการไป ไม่มีอาการมา สภาวะธรรมทเี่ ปน็ จริงสิ่ง เดียวเทา่ น้ัน และไม่มเี รื่องจะแวะเวยี น\" คำสอนนี้ไดน้ อ้ มนำลิขติ ธรรมของท่าน พระอาจารย์มั่น ภู รทิ ัตโต เร่ือง \"ขนั ธวิมตุ สิ ะมังคธี รรมะ\" ทรงคุณคา่ อยา่ งยง่ิ ที่ เผยแพร่ เพราะเปน็ เน้ือหาท่ี อาจารย์ประมวล เพง็ จันทร์ ได้ บรรยายเนอ้ื หาประกอบดว้ ยสารัตถะครบถว้ นบรบิ ูรณ์ เข้าใจ ง่าย เหมาะสำหรบั ผคู้ น้ ควา้ ทุกระดบั เหมาะสำหรบั การนำไป เป็นประทีปธรรมสอ่ งสว่างแก่ชวี ติ สิง่ ทป่ี ระทับใจในเส้นทางอารยธรรมล้านนา ได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้ชีวิตเรา การเดินทางในแต่ละครั้ง เราจะได้รับแนวคิดใหม่ ๆ จากวัฒนธรรมความ เป็นอยู่ของผู้คนในแต่ละพื้นที่ ทำให้มุมมองของชีวิตเราเปิดกว้างมากขึ้น ประสบการณ์จากการเดินของเรา อาจจะทำใหม้ มุ มองความคดิ ของเราเปลีย่ นไป อาจจะทำใหเ้ ราได้เขา้ ใจตัวเองและคนอื่นมากขึ้น

11 |บนั ทกึ สกิ ขาจารกิ อารยธรรมล้านนา ชน้ั ปี ที่ ๒ ความเข้าใจเกย่ี วกบั ประวตั ิศาสตร์พทุ ธศาสนาในลา้ นนา พระธนบดี จารธุ มโฺ ม/ใจกล้า 2 ประเด็นการศกึ ษา : จากการสิกขาจารกิ มีความเขา้ ใจเกีย่ วกับประวตั ิศาสตร์พุทธศาสนาในล้านนาอยา่ งไร การเข้ามาของพระพทุ ธศาสนาในอาณาจักรลา้ นนา สามารถแบง่ เป็น ๒ มติ ิ ดังน้ี ๑. มติ ิทางชาติพันธุ์ ถ้ายอมรับว่า ชาติพันธุ์ไท เคยอยู่ที่ตอนใต้ของประเทศจีน อาศัยอยู่บริเวณ ลุ่มน้ำแยงซีเกียง ซึ่งปัจจุบันอยู่ ภายใต้การยึดครองของชาวจีน(ฮั่น) เรียกว่า อาณาจักรอ้ายลาว จุดศูนย์กลาง อยู่ที่ มณฑลยูนาน จะตั้งตัวมา ช้านานเพยี งไร ไม่อาจทราบ แต่ปรากฏ “เมอื งเทยี น” หรือ “เมืองแถน” ราว พ.ศ.๒๖๓-๓๒๓ ในสมยั ขุนหลวง ม้าว (ลิเมา) กษัตริย์ที่ทรงครองราชยอ์ ยู่ในอาณาจักรอ้ายลาว ก่อนที่จะอพยพ เข้ามาสู่ดินแดนประเทศไทยใน ปัจจบุ ัน ได้รบั เอาพระพุทธศาสนามหายาน โดยการนาํ ของพระสมณทูตชาวอนิ เดียมาเผยแผ่ หลังจากพระเจ้า กนิษกะมหาราชทรงอุปถัมภ์การสังคายนาครั้งที่ ๔ ของฝ่ายมหายาน ณ เมืองชลันธร แคว้นแคชเมียร์ พระ สมณทูตได้เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในเอเชียกลาง พระเจ้ามิ่งที่ จักรพรรดิจีนทรงรับเอาพระพุทธศาสนา ไปเผยแผ่ในจีน พระองค์ได้ส่งทูตมาเจริญสัมพันธไมตรีกับอาณาจักร อ้ายลาว คณะทูตที่มาได้นําเอา พระพุทธศาสนาและสมณทูตมาด้วย เมื่อหลวงลิวเมารับเอาพระพุทธศาสนา ราว พ.ศ. ๖๐๐ ก็ทําให้หัว เมืองไทยทั้ง ๗๗ หัวเมือง และราษฎรจํานวนถึง ๑,๘๙๐ ครอบครัว เปลี่ยนมานับถือ พระพุทธศาสนาแบบ มหายาน ภายหลัง เมื่อไทกลุ่มนี้ต่อสู้ปกป้องดินแดนกับจีน แต่พ่ายแพ้สงครามกับจีน จึงถอยร่นลงมาทาง แหลมอินโดจีน ตั้งบ้านเมืองเป็นอิสระ สร้างอาณาจักรน่านเจ้า (หนังสือ เรื่องของชาติไทย ของ พญาอนุมาน ราชธน เรียบเรียง เพื่อพิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. ๒๔๘๓ ราว ๗๐ ปีมาแล้ว ยังมีความเชื่อเก่า ๆ ว่า ถิ่นเดิมของไทย อยูใ่ นดนิ แดนจนี และ อาณาจกั รน่านเจ้าเป็นของไท แตถ่ ูกจนี รกุ รานหลายระรอก กลุม่ หนง่ึ ลงมาต้ังอาณาจักร ท่รี าบทางภาคกลาง ตอนบนของไทยปัจจบุ ัน มีกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี) เร่อื งอาณาจักรน่านเจ้าเป็นของไทนั้น ได้มีข้อโต้แย้งจาก นักนักวิชาการประวัติศาสตร์โบราณคดี มานุษยวิทยาทั่วโลก และรับรู้กันมานานว่า อาณาจักรน่าน เจ้าไม่ใช่ ของไท แต่เป็นอาณาจักรของ “ชนชาติไป, หมี่” (พดู ภาษาตระกูลจีน-ทเิ บต หรอื โล-โล้, หลอ-หลอ) ที่เปน็ คน พื้นเมืองดั้งเดิมดึกดําบรรพ์ อยู่ในหุบเขา(รอบทะเลสาบเอ๋อ ไห่) ทางตอนเหนือของมณฑลยูนนาน ศูนย์กลาง ตั้งอยู่ บริเวณทีป่ จั จบุ ันเรยี กว่าเมอื ง ต้าหล(ี่ ตํานานไทเรยี ก เมืองตา วดั ร่องขุ่น ลีฟ) ด้วยผลงานศึกษาค้นคว้าวิจัยของนักวิชาการจีนและ 2นิสิตช้นั ปี 6409501041 หลักสตู รพทุ ธศาสตรบณั ฑิต สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 12 นักวิชาการนานาชาติต่างยืนยันตรงกันว่า “ไม่มีคนไทในน่านเจ้า เพราะน่านเจ้าไม่ใช่อาณาจักรของไท จึงไม่เคยมีคนไทถูกขับไล่ให้ อพยพหลบหนรี น่ ลงมาทางใต้จากจีน” วัดสําคัญในล้านนา (ข้อมูลจากสํานกั พระพทุ ธศาสนา ปี พ.ศ. ๒๕๕๗) ๑) จงั หวดั เชียงใหม่ มีวัด จํานวน ๑,๒๕๘ วัด สาํ นกั สงฆ์ มี ๔๗๐ แหง่ พระอารามหลวง มจี ํานวน ๙ วดั วดั พระสงิ ห์วรมหาวหิ าร พระธาตุดอยสุเทพ - พระอารามหลวงชนั้ เอก ชนิดวรมหาวิหาร - ตําบลพระสิงห์ อําเภอ เมือง วดั พระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร - พระอารามหลวงช้นั โท ชนิด ราชวรวหิ าร - ตาํ บลสุเทพ อาํ เภอเมือง วัดพระธาตุศรจี อมทองวรวิหาร - พระอารามหลวงช้นั ตรี ชนิดวรวิหาร - ตาํ บลบา้ นหลวง อาํ เภอจอมทอง วดั โพธารามมหาวิหาร - พระอารามหลวงชนั้ ตรี ชนดิ สามัญ - ตาํ บล ชา้ งเผือก อาํ เภอเมือง วัดสวนดอก - พระอารามหลวงชั้นตรี ชนดิ สามญั - ตําบลสเุ ทพ อําเภอเมือง วัดทา่ ตอน - พระอารามหลวงช้นั ตรี ชนดิ สามญั - ตําบลท่าตอน อําเภอแม่อาย วัดพระธาตดุ อยสะเก็ด - พระอารามหลวง ชัน้ ตรี ชนิดสามญั - ตําบลเชิงดอย อําเภอดอยสะเกด็ วัดเจดียห์ ลวงวรวิหาร - พระอารามหลวงชน้ั ตรี ชนิด วรวหิ าร - ตาํ บลพระสิงห์ อําเภอเมอื ง วดั ปา่ ดาราภริ มย์ - พระอารามหลวงชน้ั ตรี ชนดิ สามญั - ตําบลรมิ ใต้ อาํ เภอแมร่ มิ วัดสามัญ : วดั เชยี งม่ัน วัดดับภัย วดั เชียงยืน วัดชัยมงคล วดั ดวงดี วัดหมืน่ ล้าน วัดหมื่นเงนิ กอง วดั ลอยเคราะห์ วดั ดับภัย วัดชยั พระเกยี รติ วดั ศรเี กดิ วดั อโุ มงค์ หลกั ศิลาจารกึ ภายในวัดอุโมงค์จารึกไว้ว่า วดั แหง่ น้มี ชี ื่อวา่ เวฬุกฏั ฐาราม ซึ่งหมายความวา่ วดั บนกอไผ่ ๑๑ กอ ๒) จงั หวดั เชยี งราย มีจาํ นวนวดั ทงั้ หมด ๑,๒๑๖ วดั พระอารามหลวง มี ๓ วัด วดั เจ็ดยอด (พระ อารามหลวงช้นั ตรี ชนดิ สามญั ) ตําบลเวยี ง อําเภอเมืองเชียงราย วดั พระแก้ว (พระอารามหลวงชน้ั ตรี ชนดิ สามัญ) ตําบลเวยี ง อําเภอเมืองเชยี งราย วัดพระสิงห์ (พระอารามหลวงชนั้ ตรี ชนดิ สามญั ) ตาํ บลเวยี ง อาํ เภอ เมอื งเชียงรายวดั พระแก้ว วัดสามัญ วัดเชตวนั วัดมุงเมือง วดั มงิ่ เมือง วดั ร่องขนุ่ วดั ศรเี กดิ วดั พระธาตดุ อยตงุ มวี ัด จนี นกิ าย ๑ วัด คอื วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม บา้ นป่าไร่ ต. ท่าขา้ วเปลอื ก อ. แม่จัน ๓) จังหวดั พะเยา มีวดั จาํ นวน ๔๕๕ วดั พระอารามหลวง มี ๑ วดั คอื วดั พระศรีโคมคํา วัดสามัญ วดั อนาลโย วดั กลางกวา๊ น วดั ตโิ ลกอาราม วัดลี วดั ราชคฤห์ วัดภูมนิ ทร์ วดั บญุ ยนื วดั ไชยอาวาส ๔) จังหวดั น่าน มวี ดั จํานวน ๔๐๖ วัด พระอารามหลวง ๔ วดั วดั พระธาตชุ า้ งคำ้ วรวหิ าร (พระอาราม หลวงชั้นตรี ชนิดวรวหิ าร) ตาํ บลในเวียง อาํ เภอเมืองน่าน วัดพญาภู (พระอารามหลวงช้ันตรี ชนดิ สามัญ) ตาํ บลในเวยี ง อําเภอเมืองน่าน วดั บุญยนื (พระอารามหลวงช้ันตรี ชนดิ สามญั ) ตาํ บลกลางเวยี ง อําเภอเวยี งสา วัดพระธาตแุ ช่แหง้ (พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ) ตาํ บลม่วงตด๊ึ อาํ เภอภูเพียง วดั สามัญ วัดน้ำลอ้ ม วัด ท่าช้าง วดั ดอนแก้ว วัดเชยี งแขง็ วดั ช้างเผอื ก วัดกู่คํา ๕) จงั หวดั แพร่ มีวดั จาํ นวน ๓๕๙ วดั พระอารามหลวง ๒ วัด วัดพระบาทมิ่งเมอื งวรวิหาร (พระ อารามหลวงชั้นตรี ชนดิ วรวหิ าร) ตําบลในเวียง อําเภอเมืองแพร่ วัดพระธาตชุ ่อแฮ วัดสามัญ วัดจอมสวรรค์

13 |บนั ทกึ สกิ ขาจาริกอารยธรรมลา้ นนา ชนั้ ปี ท่ี ๒ วัดพระบาทมิง่ เมืองวรวหิ าร วัดพระนอน วดั พระธาตจุ อมแจง้ วัดหลวง วัดศรีดอนคํา วดั พระธาตุพระลอ วดั สะแลง่ วัดสูงเมน่ วัดป่าแดง ๖) จงั หวัดลาํ ปาง มีวัดจาํ นวน ๗๐๖ วดั พระอารามหลวง จํานวน ๔ วัด วดั พระเจดยี ซ์ าวหลัง (พระ อารามหลวงช้นั ตรี ชนิดสามญั ) ตําบลตน้ ธงชัย อําเภอเมืองลาํ ปาง วัดพระแกว้ ดอนเตา้ สุชาดาราม (พระอาราม หลวงชั้นตรี ชนิดราชวรวิหาร) ตําบลเวยี งเหนือ อําเภอเมืองลาํ ปาง วดั บญุ วาทยว์ หิ าร (พระอารามหลวงชั้นตรี ชนดิ สามัญ) ตาํ บลหัวเวยี ง อาํ เภอเมืองลาํ ปาง วดั จองคํา (พระอารามหลวงช้ันตรี ชนิดสามัญ) ตําบลบา้ นหวด อาํ เภองาว วัดสามญั วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง วดั ท่ามะโอ วัดมอ่ นจาํ ศลี วัดไหล่หนิ ๗) จังหวัดลําพูน มวี ัดจํานวน ๔๑๒ วดั พระอารามหลวง จํานวน ๒ วัด วัดพระธาตุหริภญุ ชัย วรมหาวหิ าร (พระอารามหลวงชัน้ เอก ชนิดวรมหาวหิ าร) ตําบลในเมือง อําเภอเมอื ง วัดพระพทุ ธบาทตากผ้า (พระอารามหลวงช้นั ตรี ชนดิ สามญั ) ตาํ บลมะกอก อําเภอป่าซาง วดั สามัญ วัดมหาวัน วดั จามเทวี วัดพระยืน วัดเกาะกลาง ปา่ ซาง วัดรมณียาราม วัดบ้านปาง ลี้ วัดหนอง เจดีย์ วัดผาหนาม วัดบา้ นเหลา่ พระเจา้ ตาเขียว วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ต.นาทราย อ.ลี้ ๘) จังหวดั แมฮ่ ่องสอน มีวดั จํานวน ๑๔๑ วดั พระอารามหลวง ๑ วัด วัดจองคาํ (พระอารามหลวงชนั้ ตรี ชนดิ สามญั ) ตาํ บลจองคํา อาํ เภอเมืองแมฮ่ ่องสอน วัดสามัญ วัดกลางทงุ่ ตําบลจองคํา วดั ถ้าํ ก่อ ตําบลจอง คํา วัดดอนเจดยี ์ ตําบลจองคํา วัดปางลอ้ ตําบลจองคาํ วัดพระธาตุดอยกองมู ตาํ บลจองคํา วัดปางหมู ตําบล ปางหมู วัดหมอกจําแป่ ตําบลหมอกจาํ ปี พระพทุ ธศาสนาในล้านนาจาํ แนกตามองคป์ ระกอบ ๑. ศาสนธรรม ชาวล้านนามีหลักคําสั่งสอนทางพระพุทธศาสนาที่จารึกไว้ในพระไตรปิฎกเป็นหลัก ปฏิบัติ คัดลอก “ธัมม์” สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น เก็บรักษาไว้ที่หอธรรม หรือ หอไตร ในวัดเก่าแก่ ทุกชุมชน ท่ัว ราชอาณาจักรล้านนา คัมภีร์ใบลาน พับสา ยังมีสภาพสมบูรณ์ เป็นข้อมูลให้ศึกษาทั้งทางศาสนาและองค์ ความรู้ภมู ิปัญญาลา้ นนาอีกมากมาย แต่ก็ยงั มีความเชื่อและคตินิยมเดมิ ในเรื่องการนบั ถอื ส่ิงศกั ด์ิสทิ ธิ์ วัดสวนดอก วัดเจด็ ยอด

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 14 ๒. ศาสนบุคคล การสืบทอดพระพทุ ธศาสนา มีศาสนทายาท ท้ังบรรพชิตและคฤหัสถ์ ช่วยกันอนุรักษ์ ทํานุ บํารุงอย่างเข้มแข็ง ทั้งผู้ทํางานศาสนา และผู้อุปถัมภ์ พระสงฆ์ล้านนาสมัยก่อน เป็นพระเถรปราชญ์ นักวิชาการ แต่งหนังสือทางศาสนาฝีมือระดับเอกอุ ที่ชาวพุทธ ต่างประเทศยกย่องในความความรู้ท่ีแตกฉาน และเชี่ยวชาญ บาง ยุคบางสมัยมีพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติ มีบารมีสูงได้รับการเคารพยกย่อง เป็นตนบุญ เป็นผู้นําชาว พุทธ บูรณปฏิสังขรณ์ศาสนสถาน หรือ สาธารณะประโยชน์ ทั่วล้านนาให้สืบมาชั่วลูกหลาน ชาวบ้านชาว วัด มี ความผูกพันและสัมพันธ์กันดี หลวง ปู่จารย์ ศรัทธาวัด ต่าง เข้าใจกัน จัดตั้งเป็นคณะศรัทธาหัววัดต่าง ช่วยเหลือกิจกรรม ส่วนรวมอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ๓. ศาสนวตั ถุ ท่ดี นิ แดนลา้ นนา ถือว่า มวี ดั เปน็ จํานวนมากที่สดุ เมอ่ื เปรียบเทยี บกับเมืองใหญ่ๆใน ภูมภิ าค อน่ื แทบทุกหมู่บา้ น มีพระธาตุเจดีย์สาํ คัญเปน็ ท่สี ักการะท่ยี ึดเหนยี่ วทางจิตใจ มีพระพทุ ธรปู สําคัญ ๆ หลาย องค์ เปน็ ทีส่ ักการระ เคารพนับถือ ประจาํ จิตใจ นบั แต่ระดับชมุ ชนข้ึนไปถึงระระดบั ประเทศ มี สถาปตั ยกรรม ประติมากรรม และจติ รกรรมลา้ นนาท่สี วยงาม โดดเด่น ทรงคุณคา่ ไม่แพถ้ ่นิ ใด และทถ่ี ือเปน็ ตน้ แบบทาง ศลิ ปกรรมขน้ั ครูมหี ลายชิ้น เครอื่ งสักการะก็มี สตั ตภณั ฑ์ ไว้ตรงหนา้ พระพุทธรปู (ไมน่ ยิ มโตะ๊ หมู่ บชู า) ๔. ศาสนพิธี พธิ กี รรมทางศาสนาของชาวล้านนา มคี วามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตน การทาํ บญุ หรือพธิ ี สาํ คัญใด ต้องทาํ พธิ ีข้ึนทา้ วทง้ั ๔ ก่อน การเขาสพู่ ิธี มปี ่อู าจารยน์ าํ ประกอบพิธี มขี ันแก้วท้ัง ๓ ข้ันศีล, ขนั นำ้ ทาน, ก่อนจะถวาย จะมกี ารกลา่ วโอกาสเวนทาน (ขอสมาครัวทาน ก่อนแลว้ กลา่ วคาํ ถวาย เป็นคาํ คล้อง จอง ไพเราะ) ถวายเคร่ืองไทยทานพระสงฆ์แลว้ ยังมธี รรมเนียมการถวายกัณฑ์ป่จู ารย์ด้วย และการ กล่าวสวด แผ่ เมตตาคาํ เมอื ง และกรวดนำ้ พธิ กี รรมอื่นๆ มี พิธที านหลัวห้งิ พระเจ้า พิธีทานข้าวใหม่ พิธโี สสานกรรม ฯลฯ สรุปการสกิ ขาจาริกอารยธรรมล้านนา ในการสิกขาจารกิ ท่องเทยี่ วอารยธรรมล้านนาในครง้ั น้เี ป็นการสกิ ขาจาริกท่สี ำคัญทางพระพทุ ธศาสนา เนอ่ื งจากการสกิ ขาจารกิ เปน็ การศกึ ษาอารยธรรมทางภาคเหนือซง่ึ จะมีวดั และแหล่งท่องเท่ียวทเี่ ป็นเอกลกั ษณ์ แต่ละพ้นื ทแี่ ตล่ ะจังหวดั ซง่ึ มีความสวยงามและมคี วามเดน่ ในด้านเศรษฐกจิ การปกครอง การอนเุ คราะห์ในเขต ชุมชนน้นั ๆเชน่ บริบทวดั รอ่ งข่นุ และวดั ห้วยปลากัง้ ปฏเิ สธไมไ่ ดว้ ่าแหล่งท่องเทยี่ วตา่ ง ๆ ท่ัวโลกทีไ่ ด้รบั ความ นยิ มและเป็นท่สี นใจของนักท่องเทีย่ ว ที่จะไปเยีย่ มชมสถานท่นี นั้ ๆ วดั ร่องขุ่นและวดั ห้วยปลาก้งั นบั แต่ไดร้ บั ความสนใจจากนักท่องเที่ยวท้ังคนไทยและชาวต่างประเทศ ท่ไี ดม้ าสัมผสั สถานท่ีท้ังสองและได้สง่ ข้อมลู เหลา่ น้ี ใหก้ ันและกันมาแล้วนบั ครง้ั ไม่ถว้ น สว่ นหนงึ่ มาจากหลักการจัดพ้นื ท่ีของวดั ร่องขุน่ และวดั ห้วยปลากั้งให้เปน็ ท่ี น่าเท่ียวชม อยา่ งประทับใจ และสถานที่วดั อ่ืนๆ ทางภาคเหนือ อย่างไรก็ตาม การสิกขาจาริกในครงั้ น้ี ผ่านไป ไดด้ ้วยดี และมีคุณคา่ ทางศาสนาและบูรณาการรายวชิ าได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ

15 |บนั ทกึ สกิ ขาจารกิ อารยธรรมลา้ นนา ชน้ั ปี ท่ี ๒ ความเขา้ ใจเกยี่ วกับประวัติศาสตร์พทุ ธศาสนาในล้านนา พระสงวน กลยฺ าโณ3 ประวตั ศิ าสตร์พุทธศาสนาในล้านนา พุทธศาสนา เปน็ อกี หน่งึ ศรัทธาความเช่อื ของชาวล้านนาทีไ่ ม่เคยจางหายไป นบั ตง้ั แตค่ ร้งั ท่ีพระ สมุ ณะเถระนำพทุ ธศาสนาเถรวาทมายังดนิ แดนล้านนาในชว่ งพุทธศตวรรษท่ี ๑๙ จิตวญิ ญาณของความเปน็ ชาวพทุ ธทำให้เกดิ งานศลิ ปกรรมทางศาสนาที่มีความงามและมเี สนห์อย่างลึกซงึ้ ผ่านแรงบนั ดาลใจในการ สร้างสรรคง์ านโดยใช้ระบบสัญลักษณ์ท่แี ฝงไปด้วยปรศิ นาธรรมทางศาสนา วัด รูปแบบวดั ลา้ นนามีวหิ ารเปน็ ที่ประกอบพิธีกรรมต่างๆ โดยมพี ระธาตุเจดยี ์เป็นศูนย์กลางของวัด ซ่งึ ท้ังสองส่วนนจ้ี ะอยู่ในแนวเดียวกนั รวมท้งั ซมุ้ ประตโู ขงท่ีเปน็ ประตูทางเขา้ ด้านหน้าวัดดว้ ย นอกจากวัดจะ มีคุณค่าในด้านศิลปกรรมล้านนาแล้ว วัดยังมีความสำคัญกับชาวล้านนา ในฐานะที่เป็นศูนย์รวมจิตใจมาแต่ อดีต เพราะเป็นสถานทส่ี ำหรบั ศกึ ษาหาความรู้ท้งั ในทางธรรมและในทางวชิ าการอนื่ ๆ ดงั จะเห็นว่าภายในวัด มีการสอนภาษาบาลี สอนพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า รวมถึงเป็นแหล่งรวมรวมและเผยแพร่งาน ศลิ ปกรรมทางศาสนา ที่สะทอ้ นให้เห็นความงามจากพลัง แห่งความศรทั ธาท่เี หนอื การประเมินค่าเปน็ เงนิ ตราได้ สงิ่ หนึ่งท่ีทำใหเ้ ห็นถงึ ความสำคัญของพุทธศาสนา ในชาวล้านนา คือประเพณีต่างๆ ทั้ง ๑๒ เดือน ล้วน แล้วเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาแทบทั้งสิ้น แม้กระทั้ง กิจกรรมต่างๆ ในช่วงชวี ติ หนึง่ ก็ยังมีความสัมพันธ์กับพุทธ ศาสนาด้วย อาทิ การขึ้นบ้านใหม่ การบวช การสืบ ชะตา เป็นต้น ชาวล้านนานิยมไปทำบุญตักบาตรที่วัด ในช่วงวันพระ เพื่อเป็นการรักษาศีล ทำจิตใจให้บริสุทธ์ิ ทั้งยังเชื่อว่าการทำบุญจะช่วยส่งกุศลให้ตนไปเกิดบน สวรรค์หรือได้เกิดในยุคพระศรีอาริยเมตไตร หากไม่สามารถไปวัดได้ก็จะสวดมนต์ไหว้พระที่บ้านเป็นประจำ ดงั นน้ั เรือนทกุ หลงั จงึ ต้องมีหิ้งพระไวก้ ราบไหว้บชู า เพือ่ เตือนสติตนให้อย่ใู นศลี ในธรรม สรปุ การสิกขาจาริกอารยธรรมลา้ นนา พระพทุ ธศาสนามีความเจริญรุง่ เรอื งควบคู่กับอาณาจักรล้านนามาตลอดเม่ือพระมหากษัตริยห์ รือชนชั้น ผู้ปกครองสง่ เสริมทะนุบำรงุ พระพุทธศาสนากม็ ีความเจริญอย่าง เต็มท่ี แตถ่ ้าการเมืองการปกครองออ่ นแอลง 3นิสิตชัน้ ปี ๒ ๖๔๐๙๕๐๑๐๑๓ หลกั สตู รพุทธศาสตรบณั ฑิต สาขาวชิ าพระพุทธศาสนา

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 16 พระพทุ ธศาสนาก็ไดร้ ับผลกระทบเช่นเดียวกัน ส่วนการบันทึกเรื่องราวความเปน็ มา ประวัตศิ าสตรข์ อง พระพทุ ธศาสนา และการอธิบายหลัก ธรรมคำสอนนัน้ ลว้ นเปน็ ผลทสี่ บื เนือ่ งมาจากการท่ีพระพุทธศาสนา ได้รับการยกยอ่ ง และ มีการสง่ เสรมิ การศึกษาอยา่ งจริงจังดังในยคุ ทองของล้านนา ประดิษฐานพุทธศาสนาใน ดินแดนลา้ นนา และสวุ รรณภูมโิ ดยเป็นตำนานแรกสดุ ของยุคทองวรรณกรรมล้านนา โดยเฉพาะอย่างย่งิ การ เผยแพรพ่ ุทธศาสนาในล้านนาไดแ้ ก่ เชยี งใหม่ เชยี งราย ลำพูน ลำปาง พะเยา และน่าน ทำให้นสิ ิตได้เรยี นรู้ การบริหารจัดการวดั และนำไปเป็นแนวคิดในการพัฒนาบริหารจดั การภายในวัดเปน็ การเสรมิ สร้างใหบ้ คุ คล ทว่ั ไปได้รจู้ ักกับประวัตพิ ระพุทธศาสนาล้านนาต่อไปอกี ดว้ ย

17 |บนั ทกึ สกิ ขาจาริกอารยธรรมล้านนา ชนั้ ปี ที่ ๒ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั ประวตั ิศาสตรพ์ ุทธศาสนาในลา้ นนา พระบุญมี ปรสิ ทุ ฺโธ4 ประวตั ิศาสตร์พุทธศาสนาในล้านนา ลา้ นนาในอดตี มีอาณาจักรโบราณ คือ อาณาจักรหรภิ ญุ ชัย ปกครองโดยราชวงศ์จามเทวี อาณาจักรหริภญุ ชยั เปน็ อาณาจกั รมอญทีต่ ั้งอยู่ บรเิ วณภาคเหนือของประเทศไทยในปจั จบุ นั ตำนานจามเทววี งศ์ได้บันทึกว่า ฤๅษวี าสเุ ทพ เป็น ผสู้ ร้างเมอื งหริภญุ ชยั ขน้ึ ทลู เชิญพระนางจามเทวี ซ่ึงเปน็ เจา้ หญิงจากอาณาจกั รละโว้ ใหข้ ้ึนมาครอง เมืองหรภิ ญุ ชัย ในปี พ.ศ.๑๒๐๕ ในครั้งน้ันพระนาง จามเทวไี ด้นำพระภิกษุ ๕๐๐ รปู พร้อมทง่ั นกั ปราชญ์ และชา่ งศิลปะตา่ งๆจากละโวข้ น้ึ มาด้วย เป็นจำนวนมากกวา่ ๗,๐๐๐ คน ให้รว่ มเดนิ ทางกับ พระนาง เพื่อไปสรา้ งบา้ นเมืองแหง่ ใหม่ เดนิ ทาง ขน้ึ มาโดยเรือตามลำแม่น้ำปงิ เปน็ ระยะเวลานาน ถึง ๗ เดือน พระนางได้อัญเชิญพระพทุ ธรปู สำคัญ มาด้วย ๒ องค์ คือ พระแกว้ ขาว หรือ พระเสตังคมณี (องค์เดยี วกนั กบั ทปี่ ระดษิ ฐาน ณ วัดเชียงมน่ั จังหวัด เชียงใหม่ ในปจั จุบัน) และพระรอดหลวง (ประดิษฐาน ณ วัดมหาวนั จงั หวดั ลำพนู ในปัจจุบนั ) เม่ือพระนาง เดินทางมาถงึ เมืองหรภิ ุญชยั แลว้ สุเทวฤๅษีและสกุ ทันตฤๅษีจึงประกอบพิธีราชาภเิ ษก ยกพระนางจามเทวีขึน้ เปน็ กษัตริย์แห่งหริภุญชยั หลงั จากพธิ ีราชาภิเษกล่วง ไป ๗ วนั พระนางจามเทวที รงประสตู ิพระโอรส (แฝด ซึง่ ทรงพระครรภ์มาตงั้ แตย่ ังทรงอยู่ทีเ่ มืองละโว้) พระโอรสองคโ์ ต ขนานพระนามวา่ “พระมหนั ตยศ” สว่ นองค์ รองขนานพระนามว่า “พระอนันตยศ” ในรชั สมัยของพระนางจามเทวี นครหรภิ ญุ ชัย มีความเจรญิ รุ่งเรือง อยา่ งยงิ่ ราษฎรตา่ งอย่รู ่วมกันด้วยความรม่ เย็นเปน็ สขุ พระพุทธศาสนาได้รับการทำนบุ ำรงุ อยา่ งดียิ่ง ตาม ตำนานได้กล่าวว่า พสกนกิ รต่างมใี จเล่อื มใส ศรทั ธา สร้างวัดขึน้ เปน็ จำนวนมากถงึ ๒,๐๐๐ วัด มภี กิ ษอุ ยู่จำ พรรษาครบทกุ แห่ง เม่อื พระนางชนะสงครามตอ่ ขุนวิลังคะ ผู้นำชาวลวั ะในถนิ่ นี้ ได้สรา้ งวดั ประจำเมืองขน้ึ มา อกี ๕ วดั เพ่ือเป็นพุทธปราการ ลอ้ มพระนครหรภิ ุญชัย ไดแ้ ก่ 4นสิ ิตชน้ั ปี ๒ ๖๔๐๙๕๐๑๐๑๓ หลกั สูตรพทุ ธศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 18 ๑. วัดอรัญญกิ รัมมการาม ตง้ั อยทู่ างทศิ ตะวนั ออกเฉยี งใต้ (ปจั จบุ ันคอื วัดพระยนื ต.เวียงยอง อ.เมืองลำพนู ) ๒. วัดมูลการาม ตั้งอยูท่ างทิศใต้ (ปจั จุบนั คือ วดั รมณยี าราม ต.ตน้ ธง อ.เมืองลำพนู ) ๓. วดั อาพทั ธาราม ตั้งอยู่ทางทศิ เหนือ (ปจั จุบันคือ วดั พระคงฤๅษี ต.ในเมือง อ.เมืองลำพูน) ๔. วดั มหาวนาราม ต้งั อยูท่ างทิศตะวนั ตก (ปัจจุบันคือ วัดมหาวนั ต.ในเมอื ง อ.เมืองลำพูน) และ ๕. วัดมหารัตตาราม ตั้งอย่ทู างทิศใต้ (ปจั จบุ ันคือ วดั ประตูลี้ ต.ในเมือง อ.เมืองลำพนู ) พระนางจามเทวีไดท้ ำนบุ ำรงุ บ้านเมอื ง อยา่ งดี ทำใหเ้ มืองหริภุญชัย (ลำพูน) เปน็ แหลง่ ศิลปวัฒนธรรมท่ี เจริญรงุ่ เรืองอย่างยิง่ สมยั ต่อมา พระนาง ก็ไดส้ ร้างเขลางค์นคร (ลำปาง) ขึ้นอีก เมืองหนึ่ง ให้โอรสองค์เลก็ “พระอนันตยศ” ครอง เมือง พระพทุ ธศาสนาทนี่ ำมาสอู่ าณาจกั รหริภุญ ชัย เปน็ แบบเถรวาท ที่สบื ทอดมาแต่สมยั ทวาราว ดี นบั แตป่ ี พ.ศ.๑๘๒๔ ครนั้ พญามงั ราย ผู้ สถาปนาอาณาจกั รล้านนา ได้ยกกองทัพเขา้ ยึดเมืองหรภิ ุญชัยจากพญายบี าได้ อาณาจักรหริภญุ ชัยกส็ นิ้ สุดลง หลงั จากท่เี คยรุ่งเรืองมานานถึง ๖๑๘ ปี มกี ษตั รยิ ์ครองเมืองจำนวน ๔๙ พระองค์ ราวปลายพทุ ธศตวรรษที่ ๑๔ อาณาจักรศรวี ิชัยมีอำนาจรุ่งเรืองทางใต้ ศรวี ชิ ัยรับพระพทุ ธศาสนา แบบมหายาน จากชวาทเ่ี จรญิ รุ่งเรืองในสมัยพระเจ้าวษิ ณุ หรอื ธรรมตุงคะ ราชวงศไ์ ศเลนทร์ ผ้สู รา้ งพระมหา เจดยี ์ บรมพทุ โธ (บโุ รบโุ ด) ท่ี ชวา พ.ศ.๑๓๑๘ พระพทุ ธศาสนาแบบมหายาน ก็แผ่ขยายจากทางใตข้ ึน้ เหนือ มาจนถงึ อาณาจักรทวาราวดี และ หริภุญชยั ในปี พ.ศ.๑๕๘๖ สมัยพระเจา้ อาทติ ยราช (ราชวงศจ์ ามเทวี) กษัตริย์ครองนครหริภุญชยั ได้ขุดพบ พระบรมสารรี ิกธาตุ จึงโปรดให้สรา้ งพระสถปู ทรงปราสาทแบบศรีวชิ ัย (๔ เสา ๔ ประตู) ขนึ้ มาบรรจพุ ระบรม สารีรกิ ธาตุ ที่ขดุ ไดน้ ้ัน ต่อมาภายหลงั เมอื่ มกี ารบูรณะพระสถูป จงึ เปลี่ยนแปลงรปู แบบสถูปทรงปราสาทเดิม มาเป็นแบบ พระธาตหุ รภิ ญุ ชยั อย่างที่เหน็ ในปจั จบุ นั พระสถูปทรงปราสาทแบบศรวี ชิ ัย ยังมีปรากฏที่ดินแดน ล้านนาอีก หลงั หนึ่ง คือ ทว่ี ดั ชา้ งคำ้ อำเภอเมอื งนา่ น เรียกวา่ “สถูปหลงั คาคฤหะ” ราวพุทธศตวรรษท่ี ๑๖ โดยการเผยแผจ่ ากพุกาม พระเจ้าอนุรุทธมหาราช (อโนรธามงั ฉ้อ) แห่งพม่า ทรงตั้งราชธานีอยทู่ ี่เมอื งพุกาม ทรงแผข่ ยายอาณาเขตครอบคลุมมาถึงดินแดนตอนเหนือของไทย คือ ล้านนา ลพบรุ ี และ ทวาราวดี พระพุทธศาสนาเถรวาทแบบพุกามซ่งึ เปน็ สายท่ีมาจากเมือง มคธ อนิ เดีย จงึ ครอบงำคน ไทยแถบนน้ั ไปดว้ ย คนไทยจึงหนั ไปนับถือพระพุทธศาสนาเถรวาทแบบพุกาม พ.ศ.๑๖๙๘ เถรวาทแบบลังกาวงศ์เมื่อพระเจ้าปรักกมพาหุ แห่งประเทศลังกา ทรงฟืน้ ฟู พระพทุ ธศาสนาใน ลังกา ได้อาราธนาพระมหากัสสปะ ชำระสะสางพระธรรมวนิ ยั พระพุทธศาสนากก็ ลบั

19 |บนั ทกึ สกิ ขาจารกิ อารยธรรมล้านนา ชนั้ ปี ท่ี ๒ ร่งุ เรือง มชี ่อื เสยี งไปไกล ประเทศทีน่ บั ถอื พระพทุ ธศาสนาทั่วไปต่างกส็ นใจ พากันเดนิ ทางไปศึกษาเลา่ เรียน พระไตรปิฎกและไดร้ บั การ อุปสมบทใหม่ท่ีนั่น ครัน้ ศึกษาเจนจบแลว้ ก็กลบั ไปบ้านเมอื งของตนๆ เฉพาะใน ประเทศไทย พระพทุ ธศาสนา แบบลังกาวงศ์น้ีได้เข้ามาต้ังม่ันอยู่ทเี่ มืองนครศรีธรรมราชก่อน สมยั สโุ ขทยั หลัง พ.ศ.๑๘๐๐ เม่ือไทยตงั้ ราชอาณาจักรม่ันคงอยู่ท่สี โุ ขทยั แล้ว พ่อขุนรามคำแหง เล่ือมใสพระพทุ ธศาสนาอยา่ งแรงกล้า จงึ ได้อาราธนาพระสงฆม์ าจากเมืองนครศรีธรรมราชข้ึนไป เผยแผท่ ี่ สโุ ขทยั ทรงทำนุบำรุงพระสงฆ์ สง่ เสรมิ การศึกษาพระไตรปิฎก พระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานทมี่ อี ยเู่ ดมิ มผี ู้ เลื่อมใสน้อยลง และในท่สี ุดก็มารวมเป็นนิกายเดียวกัน พระพุทธศาสนาในสมยั สโุ ขทัยเจริญรุง่ เรืองมาก มีการ สรา้ งวดั อาราม และหล่อพระพุทธรูปขนาดใหญ่จำนวนมาก เมื่อปี พ.ศ.๑๘๙๓ พญาลิไท ข้ึนครองราชย์ ได้ นิมนต์พระมหาสวามีช่อื “สุมนะ” (เรยี กวา่ พระมหาสุมนเถระ เคยไปศึกษาพระไตรปิฎกที่ลงั กากลับมาเผยแผ่ ทพ่ี มา่ ) เขา้ มาเผยแผ่ -พระพุทธศาสนาทก่ี รงุ สโุ ขทยั พระองคไ์ ดเ้ สดจ็ ออกผนวชชว่ั คราว ณ วดั ป่ามะม่วง ใน เขตอรญั ญิก และได้ทรงพระราชนพิ นธห์ นงั สอื “เตภูมกิ ถา” หรอื “ไตรภมู ิพระรว่ ง” เป็นหนงั สือทางศาสนาท่ี ทรงอทิ ธิพลตอ่ ความคดิ ความเชอื่ และวิถปี ฏิบัตขิ อง ประชาชนทัว่ ไปในเร่อื งนรกสวรรค์และการทำดีทำชัว่ สมยั ล้านนา ประมาณ พ.ศ.๑๙๑๓ ในรชั สมยั ของพญากือนา ได้ทรงส่งราชทตู ไปนิมนต์พระสุมนเถระ จาก พญาลิไท เพ่ือขอให้มาเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาในลา้ นนา นับเปน็ การเรม่ิ ตน้ แห่งพระพทุ ธศาสนาแบบลังกา วงศ์ สายรามัญนกิ าย ในดนิ แดนแถบนี้ พระมหาสุมนเถระ ไดม้ าพำนักที่ วดั พระยนื จังหวดั ลำพูน ประมาณ ๒ พรรษา และมาประจำท่ี วดั บุปผาราม(วัดสวนดอก) จงั หวัดเชยี งใหม่ สมยั พระเจ้าแสนเมืองมา พ.ศ.๑๙๓๒ ไดพ้ ระสหี ลปฏิมา (พระพุทธสหิ ิงค์ หรือ พระสงิ ห์) จาก กำแพงเพชร สร้าง พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสน แบบสงิ ห์ ๑,๒,๓ สมยั พระเจ้าสามฝั่งแกน พ.ศ.๑๙๖๗ พระสงฆล์ า้ นนาประกอบด้วย พระชาวลพบรุ ี ๘ รปู พระมอญ ๑ รปู ไปศึกษาพระพทุ ธศาสนาทล่ี งั กา จบแลว้ ได้นิมนตพ์ ระสงฆช์ าวลังกา ๒ รูป คือ พระมหาวกิ รมพาหุ และ พระมหาอุตตมปญั ญา เพ่อื มาทำการอปุ สมบทกลุ บตุ รชาวเชยี งใหม่ ต้งั สำนกั ทวี่ ัดป่าแดง และไดต้ ัง้ คณะสงฆ์สี หลข้นึ มาอีกคณะหนึ่ง สมัยนี้สงฆ์แตกเป็น ๓ คณะ คอื คณะพืน้ เมืองเดมิ คณะสวนดอก(รามัญนิกาย) คณะป่า แดง(สีหลนิกาย) ในรชั สมยั ของพญาติโลกราช (พ.ศ.๑๙๘๔ - ๒๐๓๐) พระองค์ได้อปุ ถัมภก์ ารสงั คายนา ซ่ึงนบั เป็นการ สงั คายนาคร้งั ที่ ๘ ที่วดั มหาโพธาราม หรอื วดั เจดยี เ์ จ็ดยอด ในนครเชียงใหม่ พ.ศ.๒๐๒๐

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 20 สมัยพระเจ้ายอดเชียงราย (พ.ศ.๒๐๓๐ - ๒๐๓๘) ภารกจิ ทางศาสนา โปรดใหช้ ำระขนั ธสีมา ซงึ่ พระ ญาณมงคลเถระ สมมุตทิ ่ีเกาะดอนแท่น หนา้ เมืองเชียงแสน ทำการบชู าพระมหาธาตุเจดีย์หริภุญชยั ด้วยธงหนึ่ง แสนผนื สมัยพญาแกว้ (พ.ศ.๒๐๓๘ - ๒๐๖๘) พญาแกว้ ทรงเปน็ เหลนของพระเจา้ ติโลกราช ในรัชสมัยน้ี การ พระศาสนาเจริญร่งุ เรือง คณะสงฆ์ไมแ่ ตก สามัคคี พญาแกว้ เลอ่ื มใสศรัทธาใน พระพุทธศาสนาทรงอุปถมั ภ์บำรงุ มากมาย มี หลกั ฐานจากศลิ าจารกึ ในการสร้างวัดและการ บรู ณปฏิสังขรณ์ถูกค้นพบมากชิน้ ทางภาคเหนอื (จารกึ อักษรไทยฝกั ขาม ประมาณ ๓๔ - ๓๖ หลัก) แสดงให้เหน็ วา่ พระองคใ์ ห้การสนับสนนุ ทำนบุ ำรงุ การพระศาสนาอย่างย่ิง และพระองค์ ทรงลาผนวชระยะหน่ึง ดจุ พญาติโลกราช (พระ เจา้ ป)ู่ พระองค์เป็นยคุ รุง่ เรืองของวรรณคดพี ระพุทธศาสนา หรือยคุ ทอง สงู สดุ ของวรรณกรรมทางพุทธ ศาสนาในลา้ นนา เพราะมีพระสังฆปราชญ์จำนวนหลายองค์ สามารถแต่งคัมภรี ์ ทางศาสนาเป็นภาษาบาลี ข้นึ มาจำนวนมาก เช่น พระสิรมิ งั คลาจารย์ แต่ง ๔ คัมภรี ์ ไดแ้ ก่ มงั คลตั ถทปี นี เวสสนั ตรทปี นี จักรวาลทีปนี สังขยาปกาสกฏีกา / พระรตั นปญั ญา แตง่ หนงั สือ วชริ สารัตถสังคหะ เป็นต้น สรุป สมยั อาณาจกั รล้านนาเปรียบกับอาณาจักรสโุ ขทัย อาณาจกั รลา้ นนา เป็นอาณาจักรไทกล่มุ หนึ่ง ซ่ึงเปน็ อาณาจักรอิสระ เรม่ิ ต้น อาณาจกั รยุคเดยี วกับอาณาจกั ร สุโขทัย และเจริญร่งุ เรืองอยู่ในสมยั เดียวกนั และก็ไดเ้ จรญิ ต่อมาจนถึงสมัยอยธุ ยาตอนตน้ เร่ืองของอาณาจกั รล้านนามีหลายอย่างคลา้ ยคลึงกับอาณาจักร สุโขทยั และอยู่ใน ระยะเวลาใกลเ้ คยี งกันด้วย เชน่ ๑. พุทธศาสนาลทั ธลิ ังกาวงศ์ก็เขา้ สู่อาณาจักรล้านนาในระยะเดียวกันกับสุโขทยั ซึ่ง ตามพงศาวดาร โยนก กล่าวว่า เขา้ มาสมยั พญากือนา เจ้านครพงิ คเ์ ชียงใหม่ แตว่ ่าเข้ามาทางรามัญประเทศ และได้รับการทำนุ บำรุง จากกษตั รยิ ์ล้านนา มีความเจริญร่งุ เรอื งเช่นเดยี วกนั

21 |บนั ทกึ สกิ ขาจารกิ อารยธรรมลา้ นนา ชนั้ ปี ที่ ๒ ๒. มกี ารอาราธนาพระสงฆ์จากลังกา และสง่ พระสงฆ์ไทยไปศึกษาท่ีลังกาเหมือนกัน ส่งไปเมอ่ื พ.ศ. ๑๙๖๕ พระเถระชาวลา้ นนา ๗ รปู ช่อื พระธรรมคัมภีร์ , พระเม ธังกร , พระญาณมงคล , พระศีลวงศ์ , พระสารีบตุ ร , พระรัตนากร , และ พระพุทธสาคร ชาวกรงุ ศรอี ยธุ ยา ๒ รูป ชอื่ พระพรหมมนุ ี , และ พระ โสมเถระ ชาวกัมพชู า ๑ รูป ชอ่ื พระญาณสทิ ธิ และมีพระภกิ ษเุ ป็น จำนวนมาก ร่วมไปกับพระเถระคณะน้ีอกี ด้วย ขากลบั ได้ นมิ นตพ์ ระมหาเถระ ชาวลังกามาดว้ ย ๒ รปู ชอ่ื พระมหา วกิ รมพาหุ และ พระอุตตมปัญญา ๓. พญาติโลกราช กษตั ริยล์ า้ นนา กไ็ ด้ทรงผนวช ชั่วคราวเช่นเดยี วกนั กบั พระมหาธรรมราชาลไิ ท (ราว พ.ศ.๑๙๙๐) แต่อาณาจักรลา้ นนามหี ลายอยา่ ง ทางด้าน ตำราในทางพุทธศาสนา ไดร้ ุดหน้าไปกวา่ สุโขทยั มาก - พญาติโลกราช ได้ทรงจัดให้มกี ารสังคายนาพระไตรปฎิ กข้ึนใน พ.ศ.๒๐๒๐ (สุโขทัยกบั อาณาจกั รอยุธยาแลว้ ) - มสี ังฆปราชญ์ เกิดขนึ้ หลายองค์ แตล่ ะองค์ไดร้ จนาคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาและประวตั ศิ าสตรไ์ ว้ดว้ ย เช่น พระญาณกิตติ รจนาโยชนาวินัย โยชนาอภิธรรม และอน่ื ๆรวมประมาณ ๑๐ คัมภีร์ พระรัตนปัญญา รจนาวชริ สารตั ถสังคหะ และชนิ กาลมาลี พระโพธิรงั ษี รจนาจามเทวีวงศ์ พระนนั ทาจารย์ รจนาสารัตถะสังคหะ พระสวุ รรณรังสี รจนาปฐมสมโพธิสงั เขป พระสุวรรณปทปี เถระ รจนาอเผคคุสารตั ถทีปนี พระสริ ิมังคลาจารย์ รจนามงั คลตั ถทปี นี เวสสันตรทปี นี จักกวาฬทปี นี สังขยาปกาสกฎีกา ซงึ่ ถอื กนั ว่า พระสริ มิ ังคลาจารย์ เป็นพระมหาเถระทเ่ี ด่นท่ีสดุ ของลา้ นนา คัมภรี ์ต่างๆ ที่ปราชญช์ าวลา้ นนา รจนาข้ึนน้ไี ดม้ ีอทิ ธิพลในการศกึ ษาภาษาบาลีสบื มา จนปัจจบุ นั โดยเฉพาะ คมั ภรี ์มังคลตั ถทปี นี ในวงการศกึ ษา บาลี ให้ถอื เป็นฉบบั ครตู น้ แบบในการแต่งตำราทางศาสนา

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 22

23 |บนั ทกึ สกิ ขาจารกิ อารยธรรมล้านนา ชนั้ ปี ที่ ๒ ความเข้าใจเก่ยี วกับประวตั ิศาสตร์พทุ ธศาสนาในลา้ นนา พระณรงค์ ปภาโต 5 ประวตั ศิ าสตร์พุทธศาสนาในล้านนา ตามท่ีไดส้ ิกขาจาริกอารยธรรมทางล้านนาท่ีไมเ่ คยจาง หายไป นบั ตงั้ แต่พระสุมณะนำพระพทุ ธศาสนาเถรวาทมายัง ดนิ แดนล้านนา ในชว่ งพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๙ จติ วิญญาณของ ความเป็นชาวพุทธทำให้เกดิ ศิลปกรรมทางศาสนา ทีม่ ีความ งามและมีเสน่หอ์ ยา่ งลึกซึ้งผา่ นแรงบันดาลใจในการ สรา้ งสรรคง์ านโดยใช้ระบบสัญลกั ษณ์ที่แฝงไปด้วยปรศิ นา ธรรม ความเชื่อ ด้ังเดิมของชาวล้านนา มีแนวคดิ พ้ืนฐาน เกี่ยวกบั ผี ผสมผสานกับความเป็นพุทธได้อย่างลงตวั อาณาจักรลา้ นนาเปน็ อาณาจักรไทยกลมุ่ หนง่ึ ทเ่ี ป็นอาณาจักร อสิ ระ เริ่มจากอาณาจักรยคุ เด่ียวกบั อาณาจักรสุโขทยั เช่นกัน และไดเ้ จริญต่อมาจนถงึ สมัยอยุธยาตอนต้น พทุ ธศาสนาลัทธิ ลังกาวงศ์ ก็เขา้ สอู่ าณาจกั รล้านนา ซ่งึ ตรงพงศาวดารโยนก กลา่ วว่า เข้ามาสมัยกือนา เจา้ นครพงิ ค์เชียงใหม่ แต่เขา้ มาทางรามญั ประเทศ และไดร้ บั การทำนบุ ำรุงจาก พระมหากษัตริยล์ า้ นนา มีความร่งุ เรอื ง มกี ารอาราธนาพระสงฆจ์ ากลงั กาทวีป และพระสงฆ์ไทยไปศึกษาที่ ลงั กา เม่อื พ.ศ. ๑๙๖๕ พร้อมกนั กับพระเถระศรีอยุธยาและพระเถระชาวกัมพชู ามพี ระเถระชาวล้านนา ๗ รูป ทางประวัติศาสตรท์ ำให้ทราบว่าพุทธศาสนาเถรวาทได้เขา้ มาเผยแพร่ในอาณาจักรล้านนาแบบมอญและศรี ลงั กา ซึ่งทำให้เกิดกิจกรรมในด้านตา่ ง ๆ 5นิสิตช้ันปี ๒ ๖๔๐๙๕๐๑๐๑๓ หลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑติ สาขาวิชาพระพทุ ธศาสนา

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 24 เชน่ การทำสังคายนาพระไตรปฎิ กครั้งที่ ๘ ของ โลก ณ.วัดมหาโพธาราม เมอื งเชียงใหม่ (วดั เจด็ ยอด) เม่ือ พ.ศ.๒๐๒๐ ตลอดจนการแต่งคัมภรี ์ พระพทุ ธศาสนาเปน็ ภาษาบาลีการแต่งนทิ านชก ดก เป็นภาษาล้านนาที่ใชเ้ ทศนาตามเทศกาลและ ประเพณีตา่ ง ๆ คัมภีรเ์ หลา่ นีล้ ว้ นมบี ทบาทสำคญั ในด้านการศึกษาและเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา ตลอดจนมีอทิ ธพิ ลต่อ ความเช่ือ ค่านิยม และการ จัดระเบยี บสงั คมของชาวลา้ นนนาอีกดว้ ย ในสงั คม ลา้ นนามีความเชอ่ื ทางพระพุทธศาสนาเป็นสง่ิ ท่ี คอยยดึ โยงให้คนในสังคมมคี วามผกู พันแนบแน่น เปน็ ปกึ แผน่ เดยี วกัน โดยผ่านขนบธรรมเนยี ม ประเพณแี ละภาษาทมี่ ีเป็นของตัวเอง ภาษาลา้ นนา

25 |บนั ทกึ สกิ ขาจาริกอารยธรรมลา้ นนา ชนั้ ปี ท่ี ๒ ความเข้าใจเกี่ยวกบั ประวัตศิ าสตร์พทุ ธศาสนาในล้านนา พระบุญตดิ ขนฺตโิ ก6 ความเป็นมาวดั ร่องขนุ่ ๒ วัดร่องข่นุ เม่ือประมาณ พ.ศ. ๒๔๓๐ มีชาวบ้านเข้ามาจบั จองที่ดนิ ทำไร่ ทำนา บริเวณบ้านร่องขุ่น ในปัจจุบันเพียงไม่กห่ี ลงั คาเรอื น โดยอาศยั ลำนำ้ สายเลก็ ๆ ท่ี ไหลลงสแู่ ม่น้ำแมล่ าวซ่ึงมลี ักษณะสี ข่นุ เลย้ี ง ชพี ชาวบา้ นจงึ เรยี กกันตดิ ปากวา่ “บ้านฮ่องขนุ่ ” (รอ่ ง ขนุ่ ) มาโดยตลอด ต่อมา ขุนอุดมกจิ เกษมราษฎร์ (ตน้ ตระกูล เกษมราษฎร์) นำ ครอบครวั ญาตมิ ติ รเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านจนเพมิ่ จำนวนมากข้นึ กวา่ ๕๐ หลังคาเรอื น ท่านจงึ ไดด้ ำริท่ีจะสรา้ ง สำนักสงฆ์ขนึ้ ภายในหมูบ่ ้าน เพอ่ื จะได้เปน็ ทยี่ ึดเหนี่ยวจติ ใจของ ชมุ ชน วัดร่องขนุ่ จงึ ถือกำเนิดครัง้ แรก ณ ริมฝั่งนำ้ แมล่ าวด้านทิศ ตะวันตกใกลก้ บั ลำน้ำแม่มอญ ซง่ึ อย่เู ลยลำนำ้ รอ่ งขุน่ ไปทางทศิ ใตป้ ระมาณ ๕๐๐ เมตร คณะศรัทธาจงึ ไดร้ ว่ ม ใจกนั สร้างศาลาและกฏุ ิเป็นเรือนไม้แบบงา่ ยๆ เพ่ือใชป้ ระกอบศาสนกจิ โดยชาวบ้านได้อาราธนานมิ นตพ์ ระ ทองสุข บาวนิ จากวัดสนั ทรายนอ้ ย หมู่ ๑๓ มาเป็นเจ้าอาวาส ต่อมาเกิดนำ้ เซาะตล่ิงพงั จนไมส่ ามารถรักษาศาสนสถานไวไ้ ด้ มาจนถึงสมยั ของคณุ พ่อหมี แก้วเลอ่ื มใส เปน็ ผู้นำชุมชน ไดร้ ่วมกันกบั ชาวบา้ นย้ายวดั มาตัง้ อยู่ในบริเวณหวั นาของท่าน ซ่ึงอยฝู่ ั่งตรงข้ามของถนนด้านทิศ ตะวันตกติดกบั ลำน้ำร่องขุ่น จากน้ันไมน่ านพระทองสขุ ได้ยา้ ยออกจากวัด จึงเหลอื เพียงสามเณร ๓ รูป ใน จำนวนนี้มีสามเณรทา ดีวรตั น์ ได้ลาสิกขาออกมาเป็นฆราวาส นายทาเปน็ ผ้ทู ชี่ าวบา้ นให้ความเคารพนบั ถือ จึง ไดร้ บั คัดเลือกใหเ้ ป็นผใู้ หญ่บา้ น และสดุ ทา้ ยได้เป็นกำนันประจำตำบลบัวสลี (กำนนั คนแรกของหมบู่ ้านร่องขนุ่ ) กำนนั ทา ดีวรตั น์ เหน็ ว่าหมู่บ้านใหญข่ นึ้ ผ้คู นมากหลาย วดั วาคบั แคบ อีกท้ังเปน็ ทล่ี มุ่ ใกลล้ ำน้ำ เมอื่ ถึงฤดูน้ำ หลากสร้างความเดือดรอ้ นให้กับชาวบ้าน กำนนั และคณะศรัทธาจึงได้ทำการยา้ ยวดั มาตั้งอยบู่ นที่ดินในปจั จุบนั นีโ้ ดยนางบวั แกว้ ภรรยากำนนั ทา เป็นผ้ยู กที่ดนิ ให้สร้างวดั จำนวน ๔ ไรเ่ ศษ คณะศรัทธาไดร้ ว่ มกนั สร้างศาลา เรอื นไม้ ๑ หลงั เมื่อแล้วเสรจ็ จงึ รว่ มกนั เดินทางไปอาราธนานิมนต์ พระดวงรส อาภากโร จากวัดมงุ เมือง อำเภอ เมอื งเชยี งราย มาเปน็ เจ้าอาวาส โดยมีพระครูพทุ ธสิ ารเวที (แฮด เทววํโส) เป็นผแู้ นะนำ 6นิสิตชน้ั ปี ๒ ๖๔๐๙๕๐๑๐๑๓ หลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาวชิ าพระพุทธศาสนา

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 26 ในยคุ สมัยพระดวงรสเปน็ เจา้ อาวาสวดั เจริญรุ่งเรอื งมาก มีพระจำพรรษาถงึ ๔ รปู สามเณรรว่ ม๑๐ รูป แมช่ ี ๒ คนกาลเวลาลว่ งไปหลายพรรษาพระดวงรสได้ยา้ ยไป อยวู่ ัดอื่นทำใหว้ ัดรอ่ งข่นุ ขาดผนู้ ำคณะสงฆ์ คณะ ศรทั ธาจงึ ได้ร่วมกนั เดินทางไปพบเจา้ คณะ อำเภอเมอื ง เชยี งรายเพ่อื ขอพระภิกษมุ าเปน็ เจ้าอาวาส ทา่ นเจ้า คณะอำเภอฯ ได้สง่ พระอนิ ตา มาอยู่จำพรรษา แต่อยู่ ได้เพยี งพรรษาเดยี วพระอนิ ตากย็ า้ ยไปอยู่วัดอืน่ คณะ ศรัทธาชาวบา้ นจงึ ไดเ้ ดนิ ทางไปวดั สันทรายน้อยอีกครั้ง เพือ่ ขออาราธนานมิ นต์ พระไสว ชาคโร มาเปน็ เจ้า อาวาส เม่ือปี พ.ศ. ๒๔๙๙ พระไสว ชาคโร เป็นพระท่ี คณะศรัทธาในหมู่บ้านและต่างแดนเลอื่ มใสมาก ทา่ น ไดส้ ร้างอโุ บสถในปี พ.ศ. ๒๕๐๗ ตอ่ มา พระไสว กำนนั เปง็ ไชยลังกา พร้อมคณะศรัทธาอาราธนา พระพุทธรปู หินโบราณ จากหมบู่ ้านหนองสระ อำเภอแม่ใจ มาเปน็ พระประธานในอุโบสถ ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ได้รบั วิสุงคสีมา ปี พ.ศ.๒๕๒๙ ไดบ้ ูรณะซ่อมแซมกำแพงวัด ปี พ.ศ.๒๕๓๓ สร้างหอฉนั และซุ้มประตวู ัด ด้านข้าง ส่วนส่ิงก่อสร้างท่เี คยมีมาไมว่ า่ จะเป็นศาลา กฏุ ิ หอฉัน ศาลาอบสมุนไพร ซุ้มประตู และกำแพงวัดท่ีสรา้ ง ในสมยั พระครูชาคริยานยุ ุต ไดเ้ สอ่ื มโทรมไปตามกาลเวลาจำเปน็ ตอ้ งร้ือทง้ิ เพอ่ื สร้างบรรยากาศ สภาพแวดลอ้ ม ทศั นยี ภาพให้สวยงาม โดยเนน้ แสดงความเป็นเอกภาพของหม่สู ถาปตั ยกรรมแนวใหม่ และ คงไวซ้ งึ่ เอกลักษณ์ในรูปแบบของอาจารย์อันวจิ ติ รอลังการ อาจารยเ์ ฉลมิ ชัย ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอถวายตนรับใช้พระพุทธศาสนา เพ่ือสรา้ งวดั ร่องข่นุ ตั้งแตอ่ ายุ ๔๒ ปี (พ.ศ.๒๕๔๐) เป็นต้นไป จวบจนกวา่ จะสิ้นลม ณ วดั แห่งนี้ ทา่ นส้นิ แล้วซ่ึงความปรารถนาใดๆ ในวตั ถทุ างโลก ท่านมุ่งอทุ ศิ ถวายตนใหแ้ ก่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ และมวลมนษุ ย์ชาติ อนั เปน็ ท่ีรักของท่านดว้ ยความ ศรทั ธาเช่อื มัน่ จดุ เดน่ วดั ร่องขนุ วดั ร่องขนุ่ เป็นวดั พทุ ธช่ือดังประจำจังหวดั เชียงรายทีไ่ ดร้ บั การออกแบบและก่อสร้างขึ้นโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งเปน็ จิตรกรไทยชอ่ื ดัง เม่ือตงั้ แต่ พ.ศ. ๒๕๔๐ จนถึงปจั จบุ นั ตั้งอยู่ทต่ี ำบลปา่ ออ้ ดอนชยั อำเภอเมืองเชยี งราย จังหวัดเชยี งรายจดุ เด่นของวดั ร่องขนุ่ คอื พระอโุ บสถทตี่ กแต่งดว้ ยสีขาวเป็นพ้ืนประดับ ดว้ ยกระจกแวววาววิจิตรงดงามแปลกตา บนปูนป้ันเปน็ ลายไทย โดยเฉพาะภาพพระพุทธองค์หลังพระประธาน ขนาดใหญ่ และด้านเหนอื อโุ บสถท่ปี ระดับด้วยสัตว์ในเทพนิยาย เป็นรปู กง่ึ ชา้ งก่งึ วิหคเชดิ งวงชงู า ดูงดงาม

27 |บนั ทกึ สกิ ขาจาริกอารยธรรมล้านนา ชน้ั ปี ท่ี ๒ แปลกตา และภาพจติ รกรรมฝาผนังภายในพระอโุ บสถ ๔ ซ่งึ เปน็ ฝีมือภาพเขยี นของอาจารย์เฉลมิ ชยั โฆษติ พิพฒั นเ์ องอีกดว้ ย ความประทับใจ เม่ือกา้ วเข้าเขตวัดร่องขุน่ จะมีทางเดนิ เข้าพระอโุ บสถ ส่วนนี้คือปริศนาทางธรรม คอื การเดนิ ขา้ มวัฏสงสาร เพือ่ มุ่งไปสู่ทางไปพุทธภูมิ ก่อนขึ้น สะพานตรงครง่ึ วงกลมบรเิ วณเล็ก ๆ คอื ‘โลกของ มนษุ ย’์ วงใหญ่ที่มีเข้ยี วเป็นปากของพญามาร คอื ‘กเิ ลสในใจ’ เปรียบเสมอื นเปน็ ขุมนรก นน่ั คือ ‘ความ ทกุ ข’์ เมื่อผู้ที่ได้เข้าเฝา้ พระพุทธเจ้าก็จะเข้าสู่ทางพุทธ ภมู ิ จติ ใจจะไม่มกี ิเลส เพราะถูกท้ิงลงไปในปากพญามาร และเพ่ือเป็นการชำระจติ ใหเ้ กิดความผ่องใส สว่าง สงบ กอ่ นทจ่ี ะเดินผา่ นสะพานข้นึ ไป ด้านหน้าพระอโุ บสถ เปน็ สระน้ำทมี่ ีขนาดใหญ่ และมีสะพานทเ่ี ปน็ ทางเช่ือมต่อกับภายในพระอุโบสถ ซง่ึ ราวสะพานออกแบบเป็นรปู พญานาค ที่มีลักษณะงวงและงาด้วย ทำใหน้ อกจากจะสวยงามแล้ว ยังสร้างความต่นื ตาตน่ื ใจใหก้ ับ นกั ทอ่ งเที่ยวได้ไมน่ ้อย พระอุโบสถออกแบบใหม้ สี ขี าวทัง้ หมด มีความสวยงดงาม เปน็ ศิลปะลายไทยลา้ นนาที่มคี วามอ่อนชอ้ ย ตกแต่งด้วย กระจกที่มีลวดลายสเี งินเป็นชน้ั ๆ ลดหล่นั กัน สว่ นหลังคาพระอโุ บสถนน้ั อาจารยไ์ ด้นำหลักธรรม ๓ ข้อ คอื ศลี สมาธิ และปัญญา นำไปสูเ่ รื่องของความหลุดพน้ และภาพจติ รกรรมบนฝาผนังภายในพระอโุ บสถ เป็นฝมี ือทง้ั หมดของอาจารยเ์ ฉลมิ ชยั โฆษติ พิพฒั น์ ทัง้ สนิ้ บทสรปุ วดั รอ่ งขนุ่ ภายในวัดเนน้ เอกลักษณ์การตกแต่งดว้ ยโทนสขี าว เกอื บทั้งหมด และลวดลายอนั อ่อน ช้อย ผลงานทกุ ช้ินภายในวัดอาจารย์ ไดใ้ สร่ ายละเอียดลงไปอย่างชัดเจนภาย ในวัดมีความรม่ รื่นด้วยตน้ ไม้และ การตกแตง่ ด้วยบรรยากาศแบบธรรมชาตสิ ุด ๆ มปี ลาหลากสี ตา่ งชนดิ เชน่ ปลาคราฟ แวกว่ายในสระนำ้ อวด ความสวย ความสดช่ืน ใหน้ ักทอ่ งเทย่ี วไดต้ ่ืนเต้น ๆ กันเป็นระยะ ๆ การทำบญุ ท่นี ่ีไม่เน้นมีตบู้ รจิ าคมากนกั แต่ทีผ่ เู้ ขยี นประทับใจมาก คือ ใบโพธเ์ิ งนิ ทผ่ี ู้ทำบญุ เขยี นชอ่ื นามสกลุ แล้วจะนำมาแควนติดประดับอย่างสวยงามทำเป็นพมุ้ ต้นไม้ นอกจากจะมีความแปลกตาแลว้ ยงั ใส่ ไอเดยี สร้างความเก๋ ๆ และความแตกต่างลงไป ทำใหเ้ ป็นจุดหนง่ึ ของวดั ทเี่ ม่ือถา่ ยรูปแลว้ ออกมางดงามมากจริง ๆ สิ่งที่เรยี กวา่ เปน็ ซิกเนเจอร์ของวดั เลยก็ได้ คอื ห้องนำ้ สีทองคำ มีลวดลายวิจิตรอ่อนช้อยและงดงามเหลือเกิน อาจารยอ์ อกแบบได้ ไม่เหมอื นที่ใด ๆ ในโลก จุดนี้ได้สรา้ งความตื่นตาตนื่ ใจให้กับนักทอ่ งเที่ยวทงั้ ชาวไทย และ ชาวต่างประเทศทีม่ าเยือนเป็นอยา่ งมาก นอกจากน้เี สน่หข์ องห้องนำ้ ที่นี่ คือ การตดิ แอรแ์ ละมกี ลน่ิ หอม ๆ

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 28 เนือ่ งจากมเี จา้ หนา้ ท่ีคอยดูแลอยา่ งใกลช้ ิดเรียกไดว้ า่ หากเข้าไปใชแ้ ลว้ อยากกลับเข้าไปใช้บริการซำอ้ ีก วัดร่องข่นุ ” คือสถานทีท่ เี่ ต็มไปด้วยศลิ ปะ งดงาม ความคิดสร้างสรรค์ มองไปทางใด กเ็ จอแตค่ วาม สวยงาม เปรยี บเสมือน ดินแดนแห่งสวรรค์ มีพระอโุ บสถเปรยี บเสมอื นวมิ าน สระนำ้ ต้นไมท้ ่ีให้ความร่มเย็น ที่นี่ นอกจากจะเปน็ วดั สำหรับทำบุญเพ่ือยึดเหน่ียวจติ ใจพุทธศาสนกิ ชนดว้ ยแลว้ ยังเป็นสถานทท่ี ่องเท่ยี วแหล่ง พักผ่อนหย่อนใจให้กบั ผมู้ าเยือน หากมาจงั หวัดเชียงรายแนะนำว่าลองแวะมาท่ีวดั ร่องขุ่น สถานที่ท่องเทย่ี วข้ึน ชอื่ แหง่ หนึ่งของจงั หวัดเชียงราย และจะพบว่าศิลปะของชาติไทยก็ไม่แพ้ที่ใดในโลก

29 |บนั ทกึ สกิ ขาจาริกอารยธรรมลา้ นนา ชนั้ ปี ท่ี ๒ ความเข้าใจเกยี่ วกบั ประวัตศิ าสตร์พทุ ธศาสนาในลา้ นนา พระทองจนั ทร์ อนิ ฺทปญฺโญ 7 ประเดน็ ศึกษา : จากการสกิ ขาจริกเขา้ ใจพุทธศาสนาในลา้ นนาในปัจจบุ นั ของวดั ปา่ สัก เหตุผลท่เี ลอื ก จากการสิกขาจริกเข้าใจพุทธศาสนาในล้านนาในปัจจบุ นั ของวัดปา่ สกั นะครับ เนื่องดว้ ยอาตมาภาพไม่ได้ไปสึกขาจาริกในโสเหล่เสวนาอารยธรรมล้านาจึงขอเลือกวัดป่าสักซ่ึงมีความ น่าสนใจในอารยธรรมโบราณเหตุผลที่ไม่ไดไ้ ปสึกขาจาริกในโสเหล่เสวนาอารยธรรมล้านานะครับ เพราะอาตมาภาพมีกจิ นิมนต์งานศพสองงานติดต่อกนั จึงเป็นสาเหตทุ ี่จะต้องสละกจิ กรรมสึกขาจารกิ ในโสเหล่เสวนาอารยธรรมล้านาเพราะจะต้องฉลองศรัทธาญาตโิ ยมเพ่ือให้เกิดความเลื่อมใสด้วยศรัทธา ของญาติโยมทงั้ หลาย จากการท่ไี ดศ้ ึกษาวดั ป่าสักจากคูม่ ือแล้วนนั้ จึงมีประวตั ิความเป็นมาโดยสงั เขป คร่าวๆ นะครับ ประวตั คิ วามเป็นมา วัดปา่ สกั จงั หวัดเชียงราย เปน็ วดั และกลมุ่ โบราณสถานในอำเภอเชยี ง แสน จงั หวัดเชยี งราย ซึ่งกอ่ สรา้ งโดยพระเจ้าแสนภู ในปีพ.ศ. ๑๘๓๘ เพือ่ ประดิษฐาน 7นสิ ิตชัน้ ปี ๖๔๐๙๕๐๑๐๒๕ หลักสตู รพทุ ธศาสตรบัณฑิต สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 30 พระบรมสารรี ิกธาตุ \"โคปผกะธาตุ\" และโปรดเกล้าฯ ให้ปลูกตน้ สักจำนวน ๓๐๐ ต้นทั่วบริเวณ จงึ เป็นท่ีมา ของชือ่ วัดป่าสัก จากการประมวนนะครับ เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมโบราณเพื่อจะได้ศึกษาและนำไปเผยแพร่ทาง วัฒนธรรมโบราณเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ (Ecotourism) คือ การท่องเที่ยวอย่างมีจิตสำนึกในการรักษา สิ่งแวดล้อม พร้อมตระหนักในคุณคา่ ของมรดกทางธรรมชาติ และวัฒนธรรมในทอ้ งถิ่นร่วมกบั ชุมชนในท้องถ่ิน จึงไมไ่ ดจ้ ำกดั แคก่ ารอนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมเทา่ น้นั แตย่ ังรวมถงึ การไดช้ ่วยเหลอื ชุมชนและ ทอ้ งถน่ิ ได้อยา่ งยั่งยืนอีกด้วย เมื่อเดินผ่านแนวกำแพงแกว้ เดมิ ก่อนถึงพระวหิ าร มีทางเดนิ ยกพืน้ สูงยาวปูด้วยอิฐ หกเหลีย่ มทอดยาวสพู่ ระวิหาร อฐิ หกเหลี่ยมนเ้ี ปน็ ของเดิมมาต้งั แต่ครั้งแรกสร้างวดั ปา่ สัก เชยี งแสนพระวิหารมี แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีมุขหน้า สร้างด้วยศิลาแลงและอิฐฉาบปูน มีเสาศิลาแลงฉาบปูนจำนวน ๘ ต้น ผ่านมขุ หน้าเข้าไปข้างในพระวิหาร ดา้ นทา้ ยพระวหิ ารยกพื้นสำหรับประดิษฐานพระประธาน ปัจจุบันวัดป่าสัก เป็นวัดร้าง มีซากและเนินโบราณสถานอยู่ภายในวัดมากมาย ส่วนใหญ่ได้รับการขุดแต่ง บูรณปฏิสังขรณ์ และ ปรับปรุงภูมทิ ศั น์แลว้

31 |บนั ทกึ สกิ ขาจารกิ อารยธรรมล้านนา ชนั้ ปี ที่ ๒ สรุป เหตุผลท่อี าตมาภาพ พระทองจนั ทร์ อนิ ฺทปญโฺ ญ ท่ีไมไ่ ดร้ ่วมเดนิ ทางไปจาริกทจ่ี งั หวัดเนืองด้วย อาตมาภาพมีกิจนิมนต์งานศพสองงานติดต่อกนั จึงเป็นสาเหตุท่ีจะต้องสละกิจกรรมสึกขาจาริกในโสเหล่เสวนา อารยธรรมล้านาเพราะจะต้องฉลองศรัทธาญาติโยมเพื่อให้เกิดความเลื่อมใสด้วยศรัทธาของญาติโยมทั้งหลาย จึงไม่ได้ไปเชียงใหม่และเชียงก็เพราะว่ามีเหตุอันควรอยู่ที่วัดก็เพราะว่าบุคคลที่สำคัญของหมู่บ้านและได้ เสยี ชีวิตลงเพราะฉะนั้นอาตมาก็เลยจำเปน็ จะต้องถอนตัวในการไปจารกิ ในครง้ั น้ีเพอื่ ท่ีอาตมาไม่ได้ไปจาริกครั้ง นอี้ าตมาก็ได้ร่วมถวายปจั จัยในครง้ั นีด้ ว้ ยเพราะฉะน้นั ในครัง้ น้มี ีความจำเปน็ อยางยงิ่ จงึ ไม่ได้เดินทางไปด้วย

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 32

33 |บนั ทกึ สกิ ขาจารกิ อารยธรรมล้านนา ชน้ั ปี ท่ี ๒ ตอนที่ ๒ บันทึกบทบาทพระสงฆ์ด้านสงั คมสงเคราะห์

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 34

35 |บนั ทกึ สกิ ขาจาริกอารยธรรมล้านนา ชน้ั ปี ท่ี ๒ บทบาทพระสงฆ์ด้านสาธารณะสงเคราะห์วัดหว้ ยปลากั้ง พระสมพร กติ ติวฒุ โฑ8 เม่อื วนั ที่ ๒๓-๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖ มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัยวทิ ยา เขตสุรินทร์ ไดน้ ำนสิ ติ สกิ ขาจาริกนอกสถานที่ เสน้ ทาง เชยี งราย-เชียงใหม่ ตามรอยอรยิ ธรรม ล้านนา เพอื่ ศึกษาดงู านในหัวขอ้ การบรหิ าร จดั การวัดในมติ ิตา่ งๆ เช่น มติ ิดา้ นการท่องเทีย่ ว ด้านสาธารณะสงเคราะห์ และดา้ นปฏบิ ตั ิ วิปสั สนากรรมฐาน ฯลฯ. โดยสว่ นตวั แลว้ รู้สกึ ประทบั ใจการบริหาร จัดการวดั ในมติ ดิ ้านการสาธารณะสงเคราะห์ของวดั หว้ ยปลากงั้ เนอ่ื งดว้ ยพืน้ ท่ียา่ นน้ันเป็นพนื้ ท่เี ศรษฐกจิ ใน ด้านการท่องเทยี่ ว วัดจงึ มีการจัดบรบิ ทมติ ดิ า้ นสาธารณะสงเคราะห์ และยงั รวมเขา้ กบั มิติการท่องเทยี่ วได้ อยา่ งลงตัว การประยุกต์แนวความคดิ เนอ่ื งโดยสถานที่ท่เี ป็นวดั ในความรู้สึกของชาวต่างชาตทิ เ่ี ป็น ศาสนิกอ่ืน ก็จะคิดว่า วดั คือสถานท่ีเฉพาะชาวพุทธเท่าน้ัน แต่การท่ีทางวัดได้นำเอาสถาปัตย์ รปู ปนั้ ต่างๆทน่ี อกเหนือจาก สญั ลกั ษณ์ของพทุ ธโดยตรง เขา้ มาผสมผสานไว้ จึงทำให้บรรยากาศในการท่องเที่ยวดูผ่อนคลาย แตย่ งั รักษา บรบิ ทของความเป็นพทุ ธโดยมีการสรา้ งสถานวัตถุ เชน่ อุโบสถ กุฏิ วหิ าร เปน็ ประธาน และรวมเขา้ กับสง่ิ อำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่วา่ จะเปน็ ร้านอาหาร ห้องนำ้ ลานจอดรถ ก็จัดโซนเป็นสดั ส่วนสะดวกสบาย ขอบเขตการสงเคราะห์ การสาธารณะสงเคราะห์แก่ ชุมชนในแถบนน้ั โดย การหาและ ใหแ้ หลง่ น้ำอปุ โภคบริโภค การช่วย รบั ซ้อื พืชผักการเกษตรแก่ชาวบ้าน ในชว่ งท่ีราคาตกตำ่ การสรา้ งงาน เพ่อื เพ่มิ รายไดแ้ ก่ชมุ ชน การจัด 8นิสติ ช้ันปี ๖๔๐๙๕๐๑๐๒๓ หลกั สตู รพทุ ธศาสตรบณั ฑติ สาขาวิชาพระพุทธศาสนา

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 36 อบรมคุณธรรม จริยธรรม และวชิ าชีพให้กบั ผพู้ ้นโทษเป็นการคืนคนดสี ู่สังคม และท่สี ำคัญ คือการใหก้ าร รักษาพยาบาลฟรีโดยการสรา้ งโรงพยาบาลขน้ึ มา พร้อมทัง้ บคุ คลากรการแพทยท์ ่ีเป็นจิตอาสาพร้อมท่ีจะ ช่วยเหลอื ภายใตก้ ารรับรองจากกระทรวง สาธารณสุข วัดนน้ั แม้ว่าจะเป็นสถานทที่ คี่ อยอบรมสง่ั สอน ปลกู ฝงั คุณธรรมจรยิ ธรรมแก่พุทธศาสนิกชนแลว้ ใน ฝ่าย มหายาน ยงั เป็นทบี่ ำเพ็ญเพียรของพระโพธิสัตว์ ด้วย ดงั นั้น วัดหว้ ยปลาก้ัง จงึ มีการผสมผสาน ระหวา่ งนกิ ายเถรวาทและนิกายมหายานเข้าด้วยกัน ได้อย่างเหมาะสม เขา้ กับยุคสมยั ปจั จบุ นั ในมิติต่างๆได้อยา่ งลงตัว และยังมีความประทบั ใจในทุกสถานท่ีที่ไดม้ โี อกาสเข้าไปศึกษา เชน่ บทบาทพระสงฆด์ า้ นบรหิ ารวดั เปน็ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วทางศาสนาของวดั พระธาตผุ าเงา บทบาทพระสงฆ์ในการบรหิ ารจัดการวัดใหเ้ ป็นแหลง่ ปฏิบัตวิ ิปัสสนากรรมฐานของวดั ร่ำเปงิ ด้วย.

37 |บนั ทกึ สกิ ขาจาริกอารยธรรมล้านนา ชนั้ ปี ที่ ๒ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับประวัตศิ าสตรพ์ ทุ ธศาสนาในล้านนา พระสมควร. ธมจฺ ิตโต9 พระสงฆ์ด้านสาธารณะสงเคราะห์ทว่ี ดั ห้วยปลากัง้ วดั หว้ ยปลากงั้ มีการวางแผนงานไว้แบบมีระบบ ระเบยี บไมว่ า่ จะเป็นการชว่ ยเหลือชุมชนโดย การรบั ซ้ือพชื ผักผลไม้ทรี่ าคาตกตำ่ และนำไป แจกชาวบา้ นซอ้ื จะชว่ ยให้ชาวบ้านมรี ายได้และ มคี วามเปน็ อยูท่ ่ีดีข้นึ โดยการนำของท่านเจา้ อาวาส.พระไพศาลประชาทรวิ.(พบโชคทไ่ี ด้ สงเคราะหเ์ ด็กในชุมชนให้ได้รับการศึกษาไม่วา่ จะเปน็ ศาสนาไหนที่อย่ใู นชุมชนและช่วย สงเคราะห์ให้ได้เรียนจนจบและมงี านรองรบั ไว้ ให้โดยการสรา้ งโรงพยาบาล.และด้านวดั ไดจ้ ดั เป็นแบบท่องเทีย่ วควบคู่ไปกบั พระพุทธศาสนาโดยยกตวั อยา่ งวา่ เมื่อไปวัดห้วยปลากั้ง.แลว้ ได้ทั้งทำบญุ และได้ท่องเทีย่ วในที่เดียวถ้า เจ็บไข้ไดป้ ว่ ยก็มโี รงพยาบาลรองรบั . สรปุ บทบาทพระสงฆ.์ ดา้ นสาธารณะสงเคราะหว์ ดั หว้ ย ปลากง้ั .นน้ั ทำใหช้ มุ ชนเขม้ แข็งเศรษฐกจิ ดีขึ้นทำให้คนในชุมชนมี รายได้มีงานทำไมค่ ดิ ย้ายถนิ่ ฐานดงั คำปณิธานของทา่ นเจา้ อาวาสวัด หว้ ยปลากงั้ พระไพศาลประชาทร วิ.(พบโชค ตสิ สฺ วโํ ส)ไดก้ ล่วาไว้ว่า. ทำนบุ ำรงุ พระพุทธศาสนา.สรา้ งสรรค์วดั วาอารามใหร้ ุ่งเรอื ง. บำเพญ็ กจิ สืบเนื่องกบั ชมุ ชน.สงเคราะห์ผู้คนทกุ ชน้ั วรรณะ. 9นิสิตชั้นปี ๒ ๖๔๐๙๕๐๑๐๑๓ หลักสูตรพทุ ธศาสตรบณั ฑติ สาขาวิชาพระพุทธศาสนา

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 38 บทบาท.พระสงฆ์.ดา้ นบรหิ ารวัดเป็นแหลง่ ท่องเทย่ี วทางศาสนาและวฒั นธรรมของวัดพระธาตุผาเงา. บทบาท.พระสงฆ์.ดา้ นบรหิ ารวัดเป็นแหล่งทอ่ งเที่ยว ทางศาสนาและวฒั นธรรมของวัดพระธาตุผาเงา. พระธาตุผาเงาเดิมชอื่ วัดสบคำ ตงั้ อยรู่ มิ ฝง่ั โขง.ต่อมา น้ำไดเ้ ซาะตลิ่งทำใหว้ ดั พังทลายลงไปในแม่น้ำโขง.จงึ ไดย้ า้ ยวัดไปต้ังบนเนนิ เขาซึง้ เคยเป็นวดั ร้างมากอ่ น และไดบ้ รู ณะขนึ้ ใหม่ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๒.ไดต้ ้ังช่อื ใหม่ ว่า พระธาตุผาเงา มีพระพทุ ธรปู .หลวงพ่อผาเงาที่ เก่าแก่และมีอายุมากถงึ ๗๐๐-๑,๓๐๐.ป.ี จุดเด่นของพระธาตผุ าเงาคือ.การสร้างศา สนวัตถุ.จะเป็นไปตามแบบศิลปะลา้ นนา.และมีการสวดมนต์.ปฏบิ ัตธิ รรม.อยูต่ ลอดทกุ วัน.โดยการนำของท่าน เจา้ อาวาส.พระพทุ ธญิ าณมนุ ี.(เจา้ คณะจังหวดั เชียงราย)เป็นประจำทุกวัน.ดว้ ยพระธาตผุ าเงา.เป็นภูเขาและมี พระมหาเจดยี ์อยู่บนยอดเขาจึงเป็นแหล่งทอ่ งเทีย่ วในรปู แบบอนุรกั ษธ์ รรมชาตปิ ่าไม้ทรงไว้ซง้ึ วฒั นธรรม ล้านนา.และสร้างสถานทที่ ่องเท่ยี วข้ึนมาซ้ึงเป็นจดุ เดน่ ไมเ่ หมือนใครคือจดุ ชมวิว.ท่ีโด่งดงั คอื สกายวอล์ค .สรุปบทบาทพระสงฆ์.ดา้ นบริหารวดั เป็นแหล่งทอ่ งเท่ยี วทางศาสนา.และวัฒนธรรม.ของวัดพระธาตุผาเงา.คือ การผสมประสาน.ระว่างพระพุทธศาสนา.โบราณวตั ถลุ า้ นนาทีเ่ กา่ แก่ประยุกตใ์ ห้เขา้ กับคนรนุ่ ใหม่ได้ดที ้งั การ ทอ่ งเท่ยี วและคงธรรมชาตไิ วไ้ ดด้ ใี ห้มีกน่ิ อายวัฒนธรรมล้านนาผสมประสานเข้ากับคนรนุ่ ใหมไ่ ด้ด.ี คือสกายวอล์ ค.เป็นจดุ เดน่ .

39 |บนั ทกึ สกิ ขาจาริกอารยธรรมล้านนา ชนั้ ปี ที่ ๒ บทบาทพระสงฆด์ า้ นสาธารณะสงฆ์เคราะหข์ องวดั ห้วยปลากั้ง พระมหาวีระชยั ขนตฺ ธิ มฺโม10 ความเปน็ มาวัดหว้ ยปลาก้งั ก่อนที่จะเล่าถึงบทบาทของพระสงฆ์ในด้านสาธารณะสงฆ์เคราะห์ของวัดห้วยปลากั้งนั้น ก็ขอเล่าถึง ประวัติความเป็นมาของวัดห้วยปลากั้งนั้นก่อน ซึ่งแต่เดิมทีวัดห้วยปลากั้งนั้น เป็นเพียงแค่เนินเขารกร้างที่มี ซากของวดั เกา่ หลงเหลืออยู่เพียงเท่านั้น ซึ่งในเวลาตอ่ มาได้มีพระอาจารย์พบโชค ติสฺสวํโส ซ่ึงเป็พระภิกษุสงฆ์ ที่อยู่จำพรรษาภายในวัดรอ่ งธาร จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นผู้มีจิตศรัทธาที่จะตอ้ งการบูรณะวัดแห่งนี้ขึน้ ท่านจึง ได้ยา้ ยไปจำอยูท่ ่ีนน่ั ครั้งแรก เมอื่ วันท่ี๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งในตอนนั้นก็ได้มชี าวชมุ ชนในระแวกน้ัน ได้ร่วมด้วยช่วยกันบูรณะขึ้นมาใหม่ โดยเริ่มจากการก่อตั้งเป็นสำนักสงฆ์ก่อน แล้วพอเวลาผ่านไปได้ล่วง ๕ ปี จนถึงวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ จึงได้รบั อนญุ าตให้แตง่ ตง้ั เปน็ วดั ได้ โดยมีพระอาจารย์บพโชค ติสฺสวโํ ส เปน็ เจ้าอาวาสรปู แรก วดั ห้วยปลาก้ังในปัจจบุ ัน 10นิสิตช้นั ปี ๒ รหัส ๖๔๐๙๕๐๑๐๔๐ หลกั สูตรพุทธศาสตรบณั ฑติ สาขาวิชาพระพุทธศาสนา

บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ | 40 ช่วงสนทนาปราศรยั และการโห้โอวาทของพระอาจารย์พบโชค ติสสฺ วโํ ส ซึ่งในการไปทรรศนะศึกษากันเป็นคณะของนิสิตมหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขต สุรินทร์ในคร้ังน้ี ซึ่งวัดห้วยปลากั้งก็อยู่ในรายชือ่ ของจุดหมายที่เราจะต้องศึกษาด้วยเหมื่อนกนั ซึ่งเมื่อได้ไปถึง วัดห้วยปลากั้งแล้ว ก็รู้สึกว่าวัดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่แปลกใหม่และแปลกตาดี เพราะเป็นวัดที่มีการบริหาร จัดการที่มีระเบียบและมีประสิทธิภาพมากเพราะหลวงพ่อเจ้าอาวาส หรือ (พระอาจารย์พบโชค ติสฺสวํโส) นั่น แหละ ที่ท่านได้วางแผนจัดการบริหารได้มีประสิทธิภาพ และภายในวัดห้วยปลากั้งนี้ก็ได้เป็นศูนย์รวมของ หลายๆศาสนาเข้ามาอยรู่ ่วมกันอีกด้วย ไมว่ ่าจะเปน็ ศาสนาพุทธ คริสต์ หรือเชน เปน็ ต้น ซงึ่ การมาในครั้งน้ีเรา เหล่าคณะนิสิต มจร. สุรินทร์ ก็ได้ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับวัดห้วยปลากั้ง และท่านก็ได้ให้โอวาทให้ข้อคิดมากมาย เกย่ี วกบั การทำนบุ ำรงุ วัด การอย่รู ่วมกนั อยา่ งไรโดยไม่ขดั แย้งกนั และการชว่ ยเหลอื ผู้ยากไร้ ภาพพระอาจารย์พบโชค ตสิ ฺสวโํ ส

41 |บนั ทกึ สกิ ขาจารกิ อารยธรรมล้านนา ชนั้ ปี ท่ี ๒ ดา้ นสาธารณะสงฆเ์ คราะห์ วัดห้วยปลากง้ั พระอาจารย์พบโชค ติสฺสวโํ ส ทา่ นไดช้ ว่ ยเหลือสังคมใว้มากมาย ไม่วา่ จะเป็นเกษตรกร เช่นการทีท่ า่ น น้นั ไปเหมาพชื ผลจากชาวสวน มาแจกจ่ายแกค่ นมากมาย หรอื แมแ้ ต่การก่อสรา้ งโรงพยาบาลวดั หว้ ยปลากั้ง เพือ่ สังคม ขน้ึ มา กเ็ พอ่ื ท่ีจะช่วยเหลอื สงั คมในแถบน้นั โดยท่ไี ม่คดิ คา่ ใช้จายแมแ้ ต่บาทเดียว ซ่ึงนบั ว่าเปน็ การ อุทศิ ตนพื่อสังคมอยางแทจ้ รงิ ซึ่งเล่านิสิตมจร. สรุ นิ ทร์ กไ็ ด้รับความอนุเคราะหจ์ ากพระอาจารยพ์ บโชค ติสฺสวํ โส ใหเ้ ดินเยื่ยมชมภายในโรงพยาบาลวดั ห้วยปลากั้งเพอ่ื สงั คม โดยมีอาจารย์หมอหลายท่านคอยให้ความรู้ใน เรอื่ งต่างๆอีกมากมาย ท้ายทีส่ ุดนี้จะไดส้ รุปเน้อื หาโดยรวมของวดั หว้ ยปลาก้งั ซึ่งวัดห้วยปลากั้งนนน้ั แต่เดิมก็เป็นแค่เนินเขา ธ ร ร ม ด า ท ี ่ ม ี ซ า ก ว ั ด เ ก่ า หลงเหลืออยู่ และต่อมาพระ อาจารย์พบโชค ติสฺสวํโส ก็ได้ เข้ามาจำการอยู่และได้บูรณะ ขึ้นมาใหม่โดยการได้รับความ ช่วยเหลือจากชาวบ้านตาม ระแวกนั้นจนได้เจริญรุ่งจนถงึ ทุกวันนี้ และพระอาจารย์พบ โ ช คน ั้น ท่าน ย ัง ไ ด้ช ่ว ย เ ห ล่ื อ ประชากรอีกมากมายในแถว ระแวกนั้น โดยการแจกจ่ายพืชผลแก่ คนมากมาย และสิ่งที่เป็นผลงานช้ินโบแดง (ชิ้นใหญ่) ของพระอาจารย์พบโชค ติสฺสวํโส นั้น ก็คือการที่ท่านได้ ก่อสร้างโรงพยาบาลขึ้นมา โดยมีชื่อว่า โรงพยาบาลวัดห้วยปลากั้งเพื่อสังคม นี่นับว่าเป็นสิงที่ยิ่งใหญ่ท่ี สุด สำหรับการช่วยเหลือสังคมเป็นอย่างมาก นั่นก็เพราะว่าโรงพยาบาลแห่งนี้รักษาฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเลย แม้แตน่ ดิ เดียว

๔๒ |บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชน้ั ปที ่ี ๒

๔๓ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ บทบาทพระสงฆท์ ี่วดั ห้วยปลาก้ังและพระธาตผุ าเงา พระพลวตั พลวโร ๑๑ บทบาทพระสงฆ์ด้านสาธารณะสงเคราะห์ที่วัดห้วยปลาก้ัง การศึกษาการจัดการการปกครอง พระสงฆว์ ดั ห้วยปลากั้งให้สามเณรเรียนนักธรรม ตรี โท เอกตามแบบ คณะสงฆ์ ตามเถระสมาคมส่วนคนยากไร้ ด้วยความ เมตตาของพอ่ พบโชค ใหท้ ี่อยู่อาศัยข้าวปลาอาหารและ ยังส่งเสริม เกอ้ื หนุน ชว่ ยเหลอื สนับสนุนใหด้ ีขน้ึ จนเป็น น่าศรัทธาความเชื่อม่นั ในสงิ่ ดีงาม และมอบทนุ การศกึ ษา ใหแ้ กน่ กั เรยี นฯ ดา้ นการการจดั การบริหารวดั หว้ ยปลากั้ง ความ สะอาดทำความสะอาดคราบสกปรกในห้องน้ำ เกบ็ กวาดขยะลานวัดหว้ ยปลากั้ง มีการจดั การบริหาร มคี วาม เป็นระเบยี บ มบี คุ คลจำนวนมากซงึ่ เป็นนักท่องเทียว มาแล้วประทบั ใจ การจัดการบรหิ ารวัดห้วยปลากงั้ และยังเป็นนกั พัฒนาตวั อยา่ งจัดการบริหารชว่ ยเหลอื ชุมชน สร้างโรงพญาบาลใหร้ กั ษาฟรี เป็นที่นา่ ประทับใจ ช่วยพ่อค้าแม่ขายท่มี ีปัญหา เศรษฐกจิ ขายไม่ได้เอาทำเปน็ บุญ ตอ่ ชว่ ยสตั วก์ ำลังจะถูกฆ่าให้มีชวี ิต ตอ่ ฯ บทบาทพระสงฆด์ า้ นบริหารวดั เป็นแหลง่ ทอ่ งเท่ียวทางศาสนาและวัฒนธรรมของ วัดพระธาตุผาเงา ด้านการการจดั การบริหาร วฒั นธรรมของวัดพระธาตุผาเงามีการสอน กรรมฐานเกบ็ กวาดขยะลานวดั สะอาด จดั การบรหิ าร มีความเป็นระเบียบ ซง่ึ เป็น ทีน่ ักท่องเทยี วทางวัฒนธรรมเชงิ อนรุ กั ษ์ ความเป็นเชียงแสนและความเป็นการดงึ คน ๑๑นิสติ ชน้ั ปี ๒ รหสั ๖๔๐๙๕๐๑๐๒๑ หลักสตู รพุทธศาสตรบณั ฑติ สาขาวิชาพระพุทธศาสนา

๔๔ |บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชนั้ ปที ่ี ๒ ยุคใหม่ ชอบในความสะอาดทำความสะอาดคราบสกปรกในห้องนำ้ เกบ็ กวาดขยะลานวดั พระธาตุผาเงา ชอบในความเป็นสำนักปฏิบตั ิธรรม วดั พระธาตุ ผาเงาและการต้อนรบั ต่อผมู้ าเยอื นดมี ากในรู้ ประทบั ใจเม่อื เห็นกับตาและไดส้ ัมผสั ด้วยตนเอง ในคร้ังนจี้ งึ ขออธิบายตามความรสู้ กึ ทีจ่ ะอธบิ าย ในงานโส่เล่เสวนาสกิ ขาจารกิ อารยธรรมล้านนา เกิดจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราช วิทยาลัย สรุปผล ความประทับใจของผู้จดั ทำ รู้สกึ ประทบั ใจเมอื่ เห็นกับตาและไดส้ ัมผสั ดว้ ย ตนเองในครั้งนจ้ี งึ ขออธบิ ายตามความร้สู กึ ที่จะอธบิ ายไดง้ านโสเ่ ล่เสวนาสกิ ขาจาริกอารยธรรมล้านนา เกดิ จาก มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณ์ราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตสรุ นิ ทร์ ไดน้ ำนสิ ติ ป๑ี ถงึ ปี๔ เดินทางจารกิ อารยธรรม ล้านนา เดนิ ทางรถบัส จำนวน ๓ คนั จำนวน คณาจารย์และนิสติ ๑๔๖ รูป/คน หนึง่ ความยาวนาน ของความศรทั ธาของคนในอานาจักลา้ นนา มคี วามแข็มแขง ตอ่ วฒั นะธรรม ซ่ึงเปน็ ประเพณขี องคนในถ่นิ นน้ั การแต่งกาย กเ็ ป็นแบบเอกลักษณ์อัตลกั ษณ์ซ่ึงเป็นประเพณีของคนในถิน่ น้ัน ศิลปะอารยธรรมล้านนา ก็เด่น มมาก ผู้จัดทำมีความพอใจและทบั ใจอยา่ งยิง่ อธบิ ายไม่ถูกแต่จะมีภาพประกอบ และเห็นบทบาทของสงฆ์ ลา้ นนา เปน็ ผูส้ ร้างกรรมฐานทางดา้ นจติ ใจ ฯ ประวตั ศิ าสตร์พทุ ธศาสนาในล้านนา ( แบบยอ่ ) ศาสนาพทุ ธหินยานที่พระมหาสมุ นเถระนำมาจากสุโขทัย (ซ่งึ สโุ ขทยั ก็รับมาจากเมืองพันของมอญอกี ทอด) นนั้ ได้ต้ังมัน่ เป็นนิกาย ใหม่ คู่ขนานกับ ‘นิกายหริภญุ ชยั ’ ซง่ึ เป็นนิกายเดิม โดยมศี นู ยก์ ลางทวี่ ัดสวน ดอกหรือ วัดบปุ ผาราม จึงไดช้ อ่ื ว่า ‘นิกายสวนดอก’ ต่อมาไม่นานนักมี กลมุ่ พระหน่มุ นำโดยพระญาณคัมภรี ์ ได้ไปเป็น ‘นกั เรียนนอก’ คือไป ศกึ ษาศาสนาพุทธท่เี กาะลงั กา เมอ่ื กลบั มาก็รวมตัวกนั เปิดนิกายลงั กาวงศ์ แบบใหมท่ ว่ี ัดปา่ แดง นกิ ายใหมน่ ี้จึงไดช้ ื่อว่า ‘นกิ ายปา่ แดง’ หรือ ‘นกิ าย สงิ หล’ ความแตกต่างและความขัดแย้ง ของท้ังสองนิกายน้ี อาจเทยี บเคียงไดก้ บั ความขัดแย้งแตกต่าง ระหวา่ งมหานิกายและธรรมยุตกิ นกิ ายในปัจจบุ ัน (แต่อย่าลืมว่าในล้านนาขณะน้ันมนี ิกายหริภญุ ชยั ซึ่งเป็น นกิ ายดง้ั เดิมอยูด่ ้วย)

๔๕ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ ผสู้ ิกขาจาริกอารยธรรมล้านนา ได้รบั ความรู้ ผใู้ ดที่ได้รบั ความรู้ แน่นอนเขาก็ ไดร้ บั ความความดีอันมากมาย คือการลงทุนให้กับชวี ติ ตัวเอง เป็นปัญหาใหญ่สำหรบั หลายๆ คน สภาพแวดลอ้ มแหล่งทอ่ งเทีย่ วธรรมชาติ สุดอลงั ทใ่ี ครๆ ก็ต้องไปสมั ผสั อกี ทั้งยังมวี ัดวาอารามท่ีบง่ บอกถึงประวตั ศิ าสตรอ์ ันยาวนานของดินแดนน้อี ีก ด้วย เพราะนอกจากความสวยงามของสถาปตั ยกรรมแบบลา้ นนา สภาพแวดล้อมแหลง่ ท่องเที่ยวธรรมชาตสิ ุด อลังการ ฯ

๔๖ |บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชน้ั ปที ่ี ๒

๔๗ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ บทบาทพระสงฆด์ ้านสาธารณะสงเคราะหท์ ี่วดั ห้วยปลาก้ัง พระถาวร ถิรสทโฺ ธ ๑๒ วดั หว้ ยปลากั้ง วดั หว้ ยปลากั้ง ตง้ั อยูใ่ นตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เปน็ อกี วดั หน่งึ ท่ีมคี วามสวยงามไม่ แพ้วัดอ่ืนๆในจงั หวัดเชยี งราย ตัง้ อยู่บนเขาและราย ลอ้ มดว้ ยเนนิ เขาและววิ ท่ีงดงาม จดุ เดน่ ของวัดนนี้ คือ \"พบโชคธรรมเจดีย\"์ เจดยี ์สงู ๙ ชนั้ ทรงแหลม ศิลปะจีนผสมล้านนนาสงา่ งามด้วยทนั ไดท้ ่ีมีมงั กร ทอดยาวทงั้ สองข้างบนั ได ลอ้ มรอบด้วยเจดยี ์ จำลองขนาด ๑๒ ราศี ภายในเจดีย์ ประดิษฐาน พระพทุ ธรูปและพระอรหนั ต์ต่างๆ รวมถงึ เจา้ แม่ กวนอมิ แกะสลักจากไม้จันหอมองค์ใหญ่ แต่เดิมเคย เป็นวัดร้างท่มี มี าแต่โบราณถูกบูรณะโดยพระ อาจารย์พบโชค ติสสฺ วโส เจ้าอาวาส จนฟน้ื กลับมา เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเชยี งรายอกี ครง้ั และมี ความเชือ่ กนั วา่ หากใครมาเยอื นจะรูส้ ึกเหมือนได้ข้นึ สวรรค์ บทบาทพระสงฆด์ ้านสาธารณะสงเคราะหท์ ่ีวัดห้วยปลากง้ั ตามทีไ่ ด้ฟงั หลวงพอ่ เจ้าอาวาสท่านได้พดู ถงึ เร่ือง สาธารณะสงเคราะห์ท่วี ัดหว้ ยปลากง้ั ท่ีพระอุโบสถทวี่ ดั ใน วนั ทไ่ี ปสกิ ขาจาริกและศกึ ษาในคูม่ อื และศึกษาในด้านสอ่ื ตา่ งๆพอจะสรปุ ใจความไดว้ ่า ทางวดั หว้ ยปลากั้งได้มี กิจกรรมด้านสาธารณะสงเคราะหเ์ ยอะแยะมากมาย แต่ท่ีโดดเด่นและเปน็ รปู ธรรมท่ีเด่นชดั มีด้วยกัน ๖ โครงการดังนี้ ๑. โครงการเฉลีย่ ทุกขเ์ ฉล่ยี สุข ๒. โครงการเข้าปา่ ล่าบุญ ๓. โครงการพามนุษยข์ ้นึ สวรรค์ ๔. โครงการคนื คนดสี ู่สังคม ๕. โครงการสร้างโรงพยาบาลหว้ ยปลากงั้ เพ่ือสังคม ๖. โครงการแค่คดิ กผ็ ดิ แลว้ ซง่ึ แตล่ ะโครงการท่ีได้กล่าวไปแลว้ นนั้ จะมีประโยชนห์ รือมีความสำคญั ต่อคนในพ้ืนท่ีได้อยา่ งไรบ้าง อาตมา ได้สรุปพอเขา้ ใจได้ดังน้ี ๑๒นิสติ ช้ันปี ๒ รหัส ๖๔๐๙๕๐๑๐๓๕ หลกั สตู รพทุ ธศาสตรบัณฑิต สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา

๔๘ |บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชนั้ ปที ่ี ๒ ๑.โครงการเฉลี่ยทกุ ข์เฉลย่ี สุข โครงการเฉล่ียทุกขเ์ ฉลย่ี สขุ คือ นำเงนิ คนรวย มาชว่ ยคนจน ช่วยซ้ือพชื ผลทางการเกษรที่ตกต่ำทกุ ชนิด และนำไปแจกจา่ ยให้กับประชาชนทัว่ ไป รวมไป ถงึ แจกขา้ วสารอาหารแห้งให้กับผูต้ กยาก จา่ ยคา่ รกั ษาพยาบาลใหก้ ับผู้ไมม่ ีสิทธใิ์ นการรกั ษา มอบ ข้าวสารให้กบั โรงเรยี นในภาคเหนอื กว่า ๕๐๐ แหง่ ตลอดปกี ารศกึ ษาและยังเพ่ิมขึ้นทกุ ปี จนเปน็ ท่ีเล่ืองลือ ในด้านสังคมสงเคราะห์ท่ีโดดเด่นมาก ตามท่ีเราได้เห็น ในสือ่ หรือเหน็ ใน วีดที ัศนท์ ่ที างวดั ไดฉ้ ายใหเ้ ราดตู อนที่ ฉันอาหารเพลในวันนน้ั . ๒.โครงการเขา้ ปา่ ลา่ บุญ โครงการเข้าปา่ ลา่ บุญ หลายคนเลอื กท่ีจะเข้า ปา่ ลา่ สัตว์แตห่ ลวงพ่อพบโชค ตสิ สฺ วโส ท่านเจ้าอาวาส วัดหว้ ยปลากงั้ น่ังชา้ ง มา้ หอบส่ิงของไปแจกให้กับประชาชนบนดอย ที่ห่างไกลจากความเจริญและการ คมนาคมท่ีเข้าถึงยาก ขากลับมาส่วนใหญจ่ ะได้ผปู้ ว่ ยโรคต่างๆน่ังชา้ งกลับมาดว้ ย และนำตวั เขา้ รักษาใน โรงพยาบาลประจำจงั หวดั ซึ่งสว่ นมากจะเป็นผ้ปู ่วยเก่ียวกับโรคทางตาเกี่ยวกบั การมองเหน็ และก็เข้าใจว่า ตัวเองนั้นได้ตาบอด เชน่ ตาต้อกระจก ต้อหิน เมอ่ื พามาทำการรักษาตามที่ตา่ งๆเชน่ โรงพยาบาลบา้ ง คลินิก บา้ ง ของรฐั บา้ ง เอกชนบา้ ง เม่ือทำการรักษาแลว้ ทกุ คนน้ันได้กลับมามองเหน็ อีกครง้ั หลวงพ่อพบโชคจึง กลายเปน็ ”เทพบุตรแหง่ ขุนเขา”ของชาวดอย ซงึ่ ทงั้ หมดจะพูดกันวา่ มีพระทำใหต้ นเองไดต้ ากลบั มามองเหน็ อกี คร้ัง และไดถ้ ูกพูดถึงจนถึงทกุ วนั นี้ ๓.โครงการพามนุษยข์ ้ึนสวรรค์ โครงการพามนษุ ย์ขน้ึ สวรรค์คือ การพาคนรวยไปสรา้ งศาสนวัตถุในวดั ต่างๆ ในวัดทที่ ุระกันดานหรอื ในพ้นื ท่หี า่ งไกลความเจรญิ เพอ่ื สืบทอดพระพทุ ธศาสนาให้ยาวนานกว่า ๕,๐๐๐ ปี ปจั จุบนั หลวงพ่อพบโชค ติสสฺ วโส ไดส้ ร้างพระธาตุเจดีย์ในเขตุภาคเหนือกวา่ ๑,๐๐๐ ท่ี สรา้ งอโุ บสถ สร้างศาลาการเปรยี ญ อาคาร อเนกประสงค์ สรา้ งเมรเุ ผาศพในวัดต่างๆ อุปถมั ภโ์ รงเรียน โรงพยาบาล รวมไปถงึ เรือนจำ เปน็ ต้น

๔๙ | บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชั้ น ปี ท่ี ๒ ๔.โครงการคืนคนดสี ่สู ังคม โครงการคนื คนดสี ่สู งั คม หลวงพ่อพบ โชค ติสสฺ วโส ท่านไดแ้ รงบนั ดาลใจจาก ล้น เกลา้ รชั กาลที่ ๑๐ ท่ที รงพระเมตตากรุณา พระราชทานอภยั โทษให้กบั นักโทษในเรือนจำ เน่ืองในวันคล้ายวันพระราชสมภพในจงั หวัด เชยี งรายกว่า ๗๐๐ คน นกั โทษเหล่านเ้ี มื่อพน้ โทษมาไร้ทพี่ ง่ึ หมดหนทางไป จงึ ขอมาพกั อาศยั อยวู่ ดั บางคนก็ขอบวชเป็นพระ แต่หลวงพอ่ ท่านเห็นว่ากลมุ่ คนเหล่าน้ีมกั จะทำความผดิ ซ้ำซอ้ น จงึ จดั ใหม้ ีกิจกรรมพบโชคคารแ์ คร์คนื คนดสี สู่ งั คม ล้างรถยนต์ ๒๐ บาท โดยใหผ้ พู้ ้น โทษมีรายได้และมีอาชีพมที ่ยี ืนในสงั คม มี อนาคตท่ียัง่ ยนื ในการดำรงชพี ถึงแมว้ ่าหลวงพ่อทา่ นจะเป็นพระสงฆท์ า่ นกค็ ิดหาทางออกให้กับคนกลมุ่ นจี้ น ประสพความสำเร็จ และท่านก็ได้ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรชั การท่ี ๑๐ ๕.โครงการสร้างโรงพยาบาลห้วยปลาก้งั เพื่อสงั คม โครงการสร้างโรงพยาบาลห้วย ปลากัง้ เพื่อสังคม โดยเดิมทีทางวัดมี สถานพยาบาลอย่แู ล้ว มปี ระสบการณด์ า้ น พยาบาลมากวา่ ๑๐ ปี แต่เนอ่ื งจาก สถานพยาบาลมีขีดจำกดั ในการรกั ษา และ ไมเ่ พียงพอในการใหบ้ รกิ ารตรวจรกั ษาใน แต่ระวัน จึงไดเ้ ริ่มโครงการนี้ขึ้นมาเพือ่ รองรบั ผู้ปว่ ยท่ีเพ่ิมมากขนึ้ ในทุกๆวนั โดย เนน้ กล่มุ เป้าหมายที่เข้าถงึ ระบบสาธารณะ สขุ ไดย้ าก เชน่ กลมุ่ เปราะบาง ผู้ยากจน ยากไร้ กลมุ่ ชนท่ีอยใู่ นพ้นื ทีห่ ่างไกล กลุม่ ที่ไมม่ สี วสั ดิการด้านสาธารณะสุข ซ่ึงโรงพยาบาลหว้ ยปลาก้ังเพื่อ สังคมแหง่ นี้ จะโดดเด่นด้านทันตกรรม และการตรวจรกั ษาโรคทวั่ ไป โดยไมม่ ีค่าใช้จา่ ยใดๆทัง้ สิน้ ๖.โครงการแคค่ ดิ กผ็ ิดแล้ว โครงการแค่คดิ ก็ผิดแลว้ เปา้ หมายคอื เพ่ือกลุ่มเปราะบาง ผู้มรี ายได้นอ้ ย รวมถึงนกั ท่อง เทีย่ วแสวง บุญ ไดเ้ ข้าถึงและไดส้ ัมผสั กับอาหาร เครื่องดม่ื เกรดพรีเม่ียม โดยไม่ได้ม่งุ หวังผลกำไร เดิมทที างวัดจะทำเปน็ โรงทานใหร้ ับประทานฟรี แต่ยังไมต่ อบโจทยผ์ ้คู นเทา่ ไหร่ จึงเริม่ เกบ็ เมนลู ะ ๒๐ บาทเท่าน้นั และทุกคนกบ็ อก

๕๐ |บั น ทึ ก สิ ก ข า จ า ริ ก อ า ร ย ธ ร ร ม ล้ า น น า ชน้ั ปที ี่ ๒ วา่ ค้มุ มาก จึงเป็นทีม่ าของรา้ นอาหารครัวซาวหรอื ครวั ๒๐ บาทนน่ั เอง ไมว่ า่ จะเป็น รา้ นผัดไทย ร้านขา้ วมัน ไก่ มีหลากหลายเมนใู ห้เลือกรับประทานกนั มที ั้งอาหารทะเล หมู เปด็ ไก่ คัดสรรวตั ถุดิบคุณภาพถูกหลัก โภชนาการ และยงั มรี ้านกาแฟพบโชค ท่ีโดดเด่นเรื่องกาแฟไวค้ อยใหบ้ ริการแกน่ ักแสวงบุญทม่ี าทำบุญที่วัด ห้วยปลาก้งั แห่งน้ี ซ่ึงเปิดให้บริการมานบั ๑๐ ปีแล้ว สรปุ โครงการแตล่ ะโครงการทไี่ ด้กล่าวมาข้างตน้ น้ีแล้ว อาตมาคิดว่าท่านเจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้งคือ หลวง พ่อพบโชค ติสสฺ วโส ทา่ นได้ช่วยตอกย้ำ วสิ ัยทัศน์และพนั ธกิจสว่ นตัวทีไ่ ด้ตกผลึกจากการออกบวช รวมถึง โครงการต่างๆที่คดิ ขนึ้ แตร่ ะโครงการโดนใจประชาชนมาก และสอดคล้องกับสงั คมในปัจจบุ นั โดยเน้นมุง่ หวงั เพื่อชว่ ยเหลือผู้ยากไร้ ผทู้ เ่ี ดือดร้อนอย่างทีแ่ ทจ้ ริงทเ่ี กดิ ขนึ้ ในสังคมไทยเราในปัจจบุ นั น.ี้ ..


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook