Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 20210730 EDIT หนังสือเรื่อง พรรณไม้ห้องสมุดในสวน

20210730 EDIT หนังสือเรื่อง พรรณไม้ห้องสมุดในสวน

Published by kulc79596, 2021-07-30 04:09:56

Description: 20210730 EDIT หนังสือเรื่อง พรรณไม้ห้องสมุดในสวน

Search

Read the Text Version

พรรณไมห้ อ้ งสมดุ ในสวน 1

ส�ำ นักหอสมดุ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ KASETSART UNIVERSITY LEARNING CENTER พรรณไมห้ อ้ งสมดุ ในสวน 2

คำ�นำ� E-book พรรณไมห้ ้องสมดุ ในสวน สำ�นักหอสมุด มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ จดั ทำ�ขึ้นโดยแนวความคิดของ ผ้อู ำ�นวยการส�ำ นกั หอสมุด มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ จากการสำ�รวจพรรณไมร้ อบหน่วยงาน ซ่ึงมีอยหู่ ลายสายพนั ธ์ุ ทงั้ ที่ บรเิ วณสวนพฤกษศาสตร์ หอ้ งสมุดในสวน และรอบอาคาร เมอื่ สำ�รวจไดร้ ะยะหนึ่ง จึงมองเหน็ วา่ พันธไ์ุ มท้ ่หี ้องสมดุ ในสวน มี ความนา่ สนใจ ท่จี ะน�ำ มาเผยแพร่เปน็ ความรู้ และ ประชาสัมพนั ธ์ุห้องสมดุ ในสวนไปพรอ้ มกนั ด้วย เพอ่ื ใหน้ ิสติ บุคลากร ผู้ใช้ บริการซ่งึ เข้ามาใชส้ ถานท่ีหอ้ งสมดุ ในสวนเปน็ ทอี่ ่านหนังสือ ศกึ ษาความรู้ ผ่อนคลาย พักผอ่ นสายตากบั พันธไุ์ ม้ และเปน็ แหลง่ เรียนรู้ท่ีพันธ์ุไม้จาก E-book พรรณไม้ฯ นี้ได้ นางสาววลฌา อาศัยผล ผู้จดั ทำ� 23 กรกฎาคม พ.ศ.2564 พรรณไมห้ อ้ งสมดุ ในสวน 3

สารบญั คำ�น�ำ ค�ำ นิยม พรรณไมห้ อ้ งสมดุ หนา้ 3 หนา้ ในสวน เขม็ มว่ ง 5 หนา้ 6 ทองพนั ช่งั เอื้องทอง หนา้ 7-8 หนา้ 8 หนา้ 9 สังกรณี ตอ้ ยต่งิ เทศ ต้อยตง่ิ เทศแคระ หนา้ 10 หนา้ 11 หนา้ 12 ใใบบเนงินากใบทอง แคนา แคทะเล หน้า 13-14 หนา้ 15-17 หน้า 18-19 แคทะเล แคสนั ติสุข ภาพห้องสมุด หน้า 18-19 หน้า 20 หน้า 21-23 อ้างอิง หนา้ 24 พรรณไมห้ ้องสมดุ ในสวน 4

คำ�นิยม ท่ีปรึกษา นางวนิดา ศรีทองค�ำ ผูอ้ ำ�นวยการสำ�นักหอสมดุ มก. พสิ จู นอ์ กั ษร นางนงคล์ ักษณ์ เท่ยี งธรรม ด้านเทคนิคทาง Website นายชาญณรงค์ เผือกพนู ผล และผู้เกย่ี วขอ้ ง ที่ผลกั ดัน ด�ำ เนนิ การ ท�ำ ให้มีหอ้ งสมุดในสวน พนั ธุ์ไม้ห้องสมุด ในสวน ทุกท่านทมี่ สี ว่ นรว่ มตั้งแต่ต้นจนปัจจุบนั ผ้ดู ูแลท�ำ ความ สะอาด ตัดแต่งก่ิงตน้ ไม้ ปลูก บำ�รุงรักษาพันธุไ์ ม้ งานดา้ นอาคารสถานที่ นายอารุณ นกยงู ทอง, นายทวชี ัย โนนก้อม พรรณไมห้ อ้ งสมดุ ในสวน 5

พรรณไม้ ห้องสมดุ ในสวน เข็มม่วง พรรณไมห้ อ้ งสมดุ ในสวน 6

เขม็ มว่ ง ชื่อวิทยาศาสตร์ Pseuderanthemum ander- แผ่นใบเป็นมันสีเขียวสดเส้นใบเป็นสีเขียวเข้มออกดอกเป็นช่อ แบบช่อฉตั รโดยจะออกตามซอกใบหรอื ทป่ี ลายกิ่ง ดอกเป็นสี sonii Lindauจัดอยใู่ นวงศเ์ หงือกปลาหมอ (ACANTHACEAE) มว่ งหรือสฟี ้าอมม่วง ใบประดับเป็นสเี ขียวเข้ม โคนกลบี ดอก เข็มมว่ ง มีชือ่ ท้องถ่ินอ่ืน ๆ ว่า เฒา่ หลังลาย เฒ่าหลง้ ลาย เชื่อมติดกนั เป็นหลอดเลก็ ยาว ปลายแยกเป็นกลีบ 5 กลีบ (ชลบรุ )ี , เฉยี งพรา้ ป่า (ตรงั ), ยายปลัง รงไม้ (สรุ าษฎร์ธาน)ี , ส อ ง ก ลี บ ด้ า น บ น จ ะ ติ ด กั น เ ป็ น คู่ แ ล ะ มี ข น า ด เ ล็ ก ก ว่ า ร่องไม้ (ภาคใต)้ , เข็มสีมว่ ง, เข็มพญาอนิ ทร์ เป็นตน้ สามกลบี ด้านล่าง กลบี ดอกเป็นสีมว่ งอ่อน มีจุดประสี ลักษณะของเขม็ ม่วง ม่วง สามารถออกดอกได้ตลอดทง้ั ปี แตโ่ รยเรว็ โดยจะ ออกดอกมากในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ จดั เป็นไม้พุม่ ขนาดเลก็ มลี �ำ ตน้ ตัง้ ตรง มีความสูงของตน้ ผลเขม็ มว่ ง ผลเปน็ ผลแห้งและแตกได้ ลักษณะของผลเป็น ประมาณ 1-1.5 เมตรและอาจสงู ไดถ้ งึ 2 เมตร ลำ�ตน้ แตก กิง่ ก้านจำ�นวนมาก เปน็ ทรงพุ่มแนน่ ทึบ ขยายพันธด์ุ ว้ ยการตอน รูปไขย่ าว หรือการตัดกิ่งปกั ช�ำ เจรญิ เติบโตได้ดใี นดนิ ร่วนระบายน�ำ้ ดี สรรพคุณของเข็มม่วง ชอบความช้นื ปานกลาง และแสงแดดปานกลางถงึ ร�ำ ไร อตั รา ชาวบ้านจะใช้ท้ังต้นรวมรากน�ำมาต้มรับประทานเป็นยา การเจริญเตบิ โตอยู่ในระดบั ปานกลาง นยิ มปลกู ในท่ีมีแสงแดด ว่ากันว่าสามารถช่วยต้านอนุมูลอิสระได้(ทั้งต้น)ชาวเขาเผ่าแม้ว แบบร�ำ ไรมากกว่าปลกู กลางแจง้ ในประเทศไทยพบไดท้ กุ ภาค และกะเหร่ียงจะใช้ต้นน�ำมาต้มกับน�้ำด่ืมเป็นยาบ�ำรุงร่างกาย แต่สว่ นมากมกั พบขึ้นตามป่าทางภาคใต้ ในพน้ื ทร่ี ่มรำ�ไรตาม แก้อาการออ่ นเพลีบ (ต้น) ป่าผสมผลัดใบและป่าดิบแล้งต้ังแต่ระดับนำ้�ทะเลไปจนถึง ต้น ใชต้ ้มกับน้ำ� ดม่ื ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ใบน�ำมา ระดับความสูงประมาณ 400 เมตร ต�ำพอกหรอื ตม้ กบั น้ำ� อาบ ช่วยแกโ้ รคผวิ หนัง ผนื่ คนั และหดู ต�ำรับยาพื้นบา้ นลา้ นนาจะใชท้ ั้งตน้ เขม็ มว่ ง น�ำมาผสมกบั หัวยา ขา้ วเยน็ (ไมไ่ ด้ระบวุ า่ ขา้ วเยน็ เหนือหรือขา้ วเยน็ ใต)้ ต้มกบั น้ำ� ใบเป็นใบเดีย่ ว ออกเรียงตรงขา้ มเรียงเวียนสลบั ลกั ษณะ ดมื่ แกอ้ าการปวดเม่ือย (ท้งั ต้น) ปลายใบ ของใบเปน็ รูปรี หรอื รปู ใบหอกถึงรปู ไขแ่ กมใบหอก แหลม โคนใบแหลมหรอื มน ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้าง ประมาณ 3-6 เซนตเิ มตรและยาวประมาณ 12-15 เซนติเมตร พรรณไมห้ ้องสมดุ ในสวน 7

จะนำ�ภาพต้นเข็มม่วง มาแทน ประโยชน์ของเขม็ มว่ ง เออ้ื งทอง ดอกมสี ีสันสวยงาม สามารถออกดอกได้ตลอดปี ทรงพุม่ ตดั แตง่ ได้ สามารถน�ำมาปลูกเปน็ ไมป้ ระดับไดด้ ีโดยจะนิยมน�ำ ปลูกตามสวน ริมน�้ำตก ล�ำธาร หรอื ตามสระวา่ ยน�ำ้ เปน็ ตน้ ตน้ เข็มม่วง ช่อื วทิ ยาศาสตร:์ Sanchezia speciosa Leonard เปน็ เขม็ โบราณหายาก เหมาะทจ่ี ะใชบ้ ชู าเทพและสงิ่ ศกั ด์สิ ทิ ธิ์ ชือ่ อน่ื : กนกลายไทย ม้าลาย ตามความเช่อื ของคนไทยโบราณเชอ่ื วา่ หากบา้ นใดปลูกต้นเขม็ วงศ:์ ACANTHACEAE ไว้เป็นไมป้ ระจ�ำบ้าน จะท�ำให้มีความเฉลยี วฉลาด ดังนัน้ คน ไทยจงึ ใชด้ อกเขม็ ในพธิ ไี หวค้ รู และยังใชด้ อกเข็มเป็นเครอ่ื ง บูชาสิ่งศักดิ์สทิ ธแ์ิ ละใช้ในพิธีทางศาสนาอีกดว้ ย ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น ไมพ้ มุ่ สูงประมาณ 1 เมตร กิ่งรปู ทรงกระบอก ผิวเรียบ สี อ้างองิ : https://medthai.com/ วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ.2564 เหลืองอมเขยี ว เอ้ืองทอง ใบ ใบเด่ยี ว เรยี งตรงข้าม รูปรถี งึ รปู ไข่ ปลายแหลม โคนสอบ ขอบจกั ฟันเล่อื ย แผน่ สเี ขียว เสน้ กลางใบและเสน้ ใบสีเหลอื ง ดอก เปน็ ช่อแบบชอ่ เชงิ ลด ออกตามปลายยอด ดอกสีเหลอื ง ใบประดบั สแี ดงสม้ 2 ใบ โคนกลบี ดอกเชือ่ มตดิ กันเปน็ หลอดยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ปลายแยก 5 แฉก ม้วน งอออกดา้ นนอก เกสรเพศผู้ 2 เกสร เกสรเพศเมีย 1 เกสร ขอ้ มูลท่ัวไป มีถ่นิ ก�ำ เนดิ ในเอกวาดอรแ์ ละเปรู การปลกู เล้ยี งและการใชป้ ระโยชน์ การปลูกเลยี้ ง ดินรว่ น ระบายน้ำ�ดี ต้องการน�ำ้ ปานกลาง ชอบแดดปานกลาง-แดดจดั การขยายพนั ธ์ุ ปักชำ�ก่งิ การใช้ประโยชน์ ปลูกประดบั สวน ปลกู เปน็ ไม้กระถาง อ้างองิ : https://data.addrun.org/plant/archives/416-sanche zia-speciosa-leonard วนั ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ.2564 พรรณไม้ห้องสมดุ ในสวน 8

ทองพันชัง่ ชอื่ วทิ ยาศาสตร ์ Rhinacanthus nasutus (L.) ปลายกลีบลา่ งหอ้ ยย้อยลง กวา้ งประมาณ 1.5 เซนตเิ มตร และ Kurz.<br>Rhinacanthus communis Nees หยกั เป็นสามลอน กลบี บนชี้ตัง้ ขึ้นปลายแยกเป็นสองลอน ส่วน ชอื่ วงศ์ ACANTHACEAE กา้ นเกสรจะสน้ั ตดิ อยู่ทป่ี ากท่อดอก เกสรเพศผูส้ นี ้�ำ ตาลอ่อน ย่ืนพ้นปากหลอดออกมา ช่ือสามัญ White crane flower ชือ่ อ่ืนๆ ภาคกลาง ทองพนั ช่งั , ทองคันชงั่ , หญ้ามันไก่ ผล เปน็ ฝกั ทม่ี ขี นสน้ั ๆ คลมุ ภายในมี 4 เมลด็ พอแหง้ แตกออกได้ ลักษณะทางพฤกษศาสตร ์ ประโยชนท์ างยา ไม้พ่มุ ขนาดเลก็ สูงประมาณ 50 – 120 เซนตเิ มตร มกั แตก ราก รสเมาเบอื่ แกก้ ลากเกลื้อน รกั ษาโรคมะเร็ง รักษาโรค หน่อและแผ่ก่ิงกา้ นออกเปน็ กอ สว่ นโคนของลำ�ตน้ เนื้อเปน็ ผวิ หนงั ดบั พษิ ไข้ แก้พษิ งู แก้พยาธวิ งแหวนตาม ผวิ หนงั แกนแข็งลำ�ต้นและกิ่งกา้ นมีขนประปรายท่วั ไป บรเิ วณขอ้ พอง หวั รสเมาเบือ่ รักษาโรคผวิ หนงั แกน้ �้ำ เหลอื งเสยี ผ่นื คัน เลก็ น้อย ก่ิงออ่ นมักเปน็ สันส่เี หลีย่ มตามยาว ใบ เป็นใบเดีย่ ว ออกเรียงตรงขา้ มกนั เป็นค่ๆู ลกั ษณะใบรปู ไข่หรือรูปรี โคนและ รักษามะเร็ง คดุ ทะราด แก้ไสเ้ ลอ่ื น ขับพยาธติ ามผวิ หนัง ตาม ปลายใบสอบเรยี ว ยาวประมาณ 4-6 เซนตเิ มตร และกว้าง บาดแผล ประมาณ 2-3 เซนติเมตร ขอบใบเรียบหรือเป็นคล่ืนเล็กนอ้ ย และแตล่ ะคอู่ อกสลับทิศทางกัน เนอื้ ใบบางและเกล้ียง แผ่นใบ ต้น รสเมาเบอ่ื บำ�รงุ รา่ งกาย รกั ษาโรคผมรว่ ง มสี ีเขียวเปน็ มนั ใบ รสเมาเบอื่ ดบั พษิ ไข้ แกก้ ลากเกลอ้ื น ผนื่ คนั แกโ้ รค ดอก ออกดอกเปน็ ช่อสั้นๆ ตามซอกมุมใบ กลีบดอกมสี ีขาว ไขขอ้ อักเสบ รกั ษาโรคผวิ หนัง รักษาโรคมะเรง็ รกั ษาโรคความ ดันโลหิตสูง แก้ผมร่วง บ�ำ รงุ ร่างกาย แก้พิษงู แก้อกั เสบ กลีบรองดอกมี 5 กลบี และมขี น กลบี ดอกรวมกันเปน็ หลอด ทงั้ ต้น รสเมาเบอื่ รักษาโรคผวิ หนงั แกน้ ำ�้ เหลืองเสยี ผื่นคัน รปู แจกนั ทรงสงู มคี วามยาวประมาณ 2 เซนตเิ มตร ปลายแยก รักษามะเร็ง คดุ ทะราด แกไ้ สเ้ ล่ือน ขบั พยาธติ ามผิวหนัง ตาม เปน็ 2 กลบี กลบี มีขนยาวประมาณ 0.8 เซนตเิ มตรและกว้าง บาดแผล ประมาณ 0.1 เซนติเมตร ปลายแยกเป็น 2 แฉกแหลมสนั้ ๆ อา้ งอิงจาก : http://pharmacy.su.ac.th/herbmed/herb/ text/herb_detail.php?herbID=103 (23 กรกฎาคม พ.ศ.2564) พรรณไม้ห้องสมดุ ในสวน 9

สงั กรณี ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Crossandra infundibuliformis ชอ่ื สามญั Crossandra วงศ์ ACANTHACEAE ช่อื อ่นื ๆ หญ้าหงอนไก่ หญา้ หัวนาค ลักษณะท่วั ไป เป็นไมป้ ระดับพุ่มเตีย้ กว่า ๑ เมตร ลักษณะของดอก และล�ำตน้ ทส่ี วยงามท�ำให้สงั กรณีใบมัน ไดร้ บั ความนิยมน�ำไปปลูก ประดบั บ้านเรอื นอยา่ งแพรห่ ลาย เป็นต้นไมท้ ตี่ ้องไดร้ ับการ ดูแลพอสมควร กล่าวคือ หากต้องการใหล้ �ำต้นสวยงามควรมี การตดั แตง่ ทรงพุ่ม ในชว่ งฤดูหนาวจะเป็นช่วงพกั ตัว ควรตอน กง่ิ ไปปลกู ใหม่จะสวยกวา่ การจัดเรยี งใบแบบใบคู่ออกตรงข้าม กนั ดอกเป็นหลอด ปลายหลอดแยกออกเปน็ กลบี สังกรณีเป็น ดอกไมท้ ่ชี อบ ท้ังแดดกลางแจ้งและแดดร�ำไร ชอบน�ำ้ ปานกลาง ออกดอกตลอดทง้ั ปี เสน่หข์ องดอกไมช้ นิดน้ี คือ สสี ม้ ของดอก ทีม่ ีความสวยงามสดใสอยา่ งมาก ประโยชน์ ต ้ น ใ ช ้ ต ้ ม น้� ำ ดื่ ม บ�ำ รุ ง ก�ำ ลั ง ร า ก ใ ช ้ ป รุ ง เ ป ็ น ย า รบั ประทานถอนพษิ ไข้ แก้รอ้ นในกระหายนำ้� พรรณไม้หอ้ งสมุดในสวน 10

ตอ้ ยต่ิงเทศ ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต ถ่ายใหม่ ขื่อภาษาอังกฤษ Ruellia tuberosa ตอ้ ยตง่ิ เป็นไมล้ ้มลุก วิธีปลกู ต้นตอ้ ยตงิ่ เทศ ไม้พมุ่ เหมาะส�ำ หรับการปลูกกลางแจง้ เปน็ กลุ่มๆ รมิ ทางเดิน ชอบความชนื้ ไม่ชอบความแห้งแหง้ ดังนนั้ สามารถปลูกได้ดีใน หรอื ปลูกในรม่ มคี วามสูงเต็มทปี่ ระมาณ 1 เมตร สามารถออก ดินรว่ นและผสมกากมะพร้าวสับ เพือ่ รกั ษาความชื้น สว่ นปุย๋ ได้ได้ตลอดปี โดยเฉพาะหน้าฝน ออกดอกเป็นช่อ 2-3 ดอก ต้น สามารถใชป้ ๋ยุ คอกได้ ตอ้ ยติ่งเทศ มีสรรพคุณในการใชเ้ ป็นยารักษาโรคไดอ้ ีกดว้ ย วธิ ขี ยายพันธุ์ตน้ ต้อยตง่ิ เทศ สามารถขยายพนั ธไ์ุ ด้ดว้ ย การเพาะเมลด็ ดอกมีสมี ่วงคราม ชมพู และสขี าว ทรงมีลกั ษณะคล้ายล�ำ โพง มี 5 กลบี ต้อยตง่ิ โดยเฉพาะสว่ นราก สามารถนำ�มาทำ�เปน็ ยารกั ษาโรค การขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมลด็ ไต โรคไอกรนได้ด้วย สว่ นเมลด็ กม็ ีประโยชนเ์ ช่นกนั ชว่ ยให้ แผลหายเร็วข้นึ ระดับความงา่ ยในการปลูก 4/5 อ้างอิงจาก : https://www.myhomemygardening.com/2017/08/ ต้อยต่ิง มีท้งั ท่เี ป็นของไทย ชื่อตอ้ ยติง่ และของตา่ งประเทศ ก็ Ruellia-tuberosa.html (23 กรกฎาคม พ.ศ.2564) คอื ตอ้ ยต่ิงเทศ นั่นเอง พรรณไมห้ ้องสมดุ ในสวน 11

ตอ้ ยติ่งเทศแคระ ยังหาข้อมลู ไม่เจอ และถา่ ยภาพใหม่ พรรณไม้ห้องสมดุ ในสวน 12

ใบเงิน ใบทอง ใบนาก ใบเงิน ใบนาก มชี อ่ื สามญั ว่า P. Kewense ลำ�ตน้ ลักษณะของใบเปน็ รปู รี ปลายใบแหลม โคนใบแหลม มีชื่อวทิ ยาศาสตร์ คือ Pseuderanthemum atropurpu- สว่ นขอบใบเป็นคลนื่ ใบมขี นาดกว้างประมาณ 4-6 เซนติเมตร reum \"Trycolor\" และยาวประมาณ 8-12 เซนติเมตร ใบเป็นลายมีหลายสแี ละจะ เรยี กตามลกั ษณะที่ด่าง เชน่ ใบเงิน แผ่นใบเป็นสีเขียว ท่กี ลาง มีชอื่ ท้องถิ่นอนื่ ๆ วา่ นากนอก เป็นตน้ โดยทัง้ สามชนดิ จัด ใบจะมดี ่างสีขาวหรอื สีเหลอื งออ่ นจาง ๆ แทรกอยู่ อยู่ในวงศเ์ ดยี วกนั คือวงศเ์ หงอื กปลาหมอ (ACANTHACEAE) ใบนาก แผน่ ใบเปน็ สีเขยี วแกมน้�ำ ตาลหรือสเี ขียวอมม่วง และ ลกั ษณะของใบเงิน ใบทอง ใบนาก มรี อยดา่ งเป็นสีขาวและสมี ว่ งทไี่ มเ่ ปน็ ระเบยี บ สว่ นขอบใบเปน็ ต้นใบเงนิ มถี ่ินทอ่ี ยใู่ นประเทศนวิ กนิ ี สว่ นตน้ ใบนาก มี สีชมพูเข้ม ถิ่นกำ�เนดิ ในเขตมรสุมในเมืองร้อน ใบเงิน ใบทอง และใบนาก ดอกใบเงนิ , ดอกใบทอง , ดอกใบนาก ออกดอกเป็นช่อ เป็นพรรณไมช้ นดิ เดียวกนั โดยจัดเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มี ความสูงของต้นประมาณ 1-2 เมตร เปลือกลำ�ต้นเรียบ ขยาย กระจกุ โดยจะออกทป่ี ลายยอด ดอกย่อยเป็นสีม่วงแดงหรอื สี พนั ธุด์ ว้ ยวธิ ีการเพาะเมล็ดและวธิ กี ารปักชำ� เจรญิ เตบิ โต แดงเข้ม โคนกลบี ดอกเปน็ หลอดรปู กรวย ยาวประมาณ 3-4 ไดด้ ีในดินร่วนซยุ และระบายน้�ำ ได้ดี โดยจัดเป็นพรรณไม้ เซนตเิ มตร ปลายแยกเปน็ ปาก 2 ปาก แยกเป็นปากบนและ กลางแจง้ ทช่ี อบอยใู่ นท่รี ม่ รำ�ไร มีอากาศถ่ายเทไดส้ ะดวก ปากล่าง ปากล่างหอ้ ยหัวลงมี 3 กลบี สว่ นปากบนจะงอนข้นึ ต้องการแสงแดดเปน็ บางเวลา และท้ังใบเงิน ใบทอง และ ด้านบน ด้านในกลีบดอกมีขนอ่อนเตม็ ไปหมด ส่วนดา้ นนอก ใบนาก ต่างก็มีสรรพคุณทางยาเชน่ เดียวกนั ใบเงิน ใบทอง เกลีย้ ง ดอกมเี กสรเพศผู้ 2 กา้ นอย่ขู า้ งเกสรเพศเมยี และจะผลิ ใบนาก ใบเปน็ ใบเดยี่ ว ออกเรยี งตรงข้ามเปน็ คู่ ๆ สลบั กนั ตาม ดอกในชว่ งเดือนมีนาคมถึงเดอื นเมษายน (ภาพแรกดอกใบเงนิ พรรณไม้หอ้ งสมดุ ในสวน 13

ดอกใบเงนิ , ดอกใบทอง , ดอกใบนาก ออกดอกเป็นชอ่ สรรพคุณของใบเงิน ใบทอง ใบนาก กระจกุ โดยจะออกทปี่ ลายยอด ดอกย่อยเป็นสีม่วงแดงหรอื สี เกสรชว่ ยแก้อาการอ่อนเพลีย (เกสร) ทกุ ส่วนของลำ�ต้นใช้ แดงเขม้ โคนกลบี ดอกเป็นหลอดรปู กรวย ยาวประมาณ 3-4 รักษาอาการอิดโรย อ่อนกำ�ลงั (ทกุ ส่วนของลำ�ตน้ ) ใบมีรสจืด เซนติเมตร ปลายแยกเป็นปาก 2 ปาก แยกเปน็ ปากบนและ เย็น เป็นยาลดไข้ แกอ้ าการร้อนในกระหายนำ้� แก้ไข้พิษรอ้ น ปากลา่ ง ปากลา่ งห้อยหวั ลงมี 3 กลีบ ส่วนปากบนจะงอนข้ึน ถอนไขพ้ ษิ แกไ้ ขก้ �ำ เดา ไข้หวัดนอ้ ย ไขห้ วัดใหญ่ ชว่ ยดับพิษ ด้านบน ด้านในกลบี ดอกมขี นอ่อนเตม็ ไปหมด ส่วนด้านนอก ปอดพิการ ลอ้ มตับดบั พษิ (ชว่ ยปอ้ งกนั การท�ำ ลายของตบั จาก เกลี้ยง ดอกมเี กสรเพศผู้ 2 กา้ นอยขู่ า้ งเกสรเพศเมีย และจะผลิ สารพิษและความรอ้ น) แก้กาฬตบั (ใบ) เกสรมีรสเยน็ หวาน ดอกในชว่ งเดอื นมนี าคมถึงเดอื นเมษายน (ภาพแรกดอกใบเงนิ เล็กนอ้ ย เปน็ ยาแกไ้ ขร้ อ้ น (เกสร) ทุกสว่ นของลำ�ตน้ ใช้ปรงุ เป็น ภาพสองดอกใบทอง และภาพสามดอกใบนาก) ยารกั ษาอาการไข้ และยังใชเ้ ขา้ ยารกั ษาไข้ส�ำ หรบั เดก็ ในกรณที ่ี ผลใบเงนิ ใบทอง ผลเป็นฝัก ลกั ษณะเป็นรูปทรงรี ปลายฝัก เป็นไขห้ อม (ทุกสว่ นของลำ�ต้น) น�ำ้ คั้นจากใบใช้หยอดหูรักษา เปน็ ต่งิ แหลม เมื่อฝกั แหง้ จะแตกออกได้ และไม่คอ่ ยติดฝัก อาการปวดหู ขบั แมลงเข้าหู หยอดหูแก้คนั (น้�ำ คั้นจากใบ) ใบ นำ�มาตม้ กับนำ�้ ด่มื เปน็ ยาแกอ้ าการปวดทอ้ ง 12 3 4 ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต ภาพ1 ใบนาค ทอง เงนิ ภาพ 2 ใบนากชมพู ภาพ3 ดอกใบเงินภาพจากหอ้ งสมุดในสวน ภาพ 4 ใบทอง พรรณไม้หอ้ งสมดุ ในสวน 14

แคนา พรรณไม้ห้องสมดุ ในสวน 15

แคนา ชื่อวิทยาศาสตร์ Dolichandrone serrulata สเี ทาและอาจมีจุดดำ�ประ ผวิ ต้นเรียบหรอื ลอ่ นเปน็ เกลด็ ขนาด เล็ก ๆ ขยายพันธดุ์ ้วยวิธีการเพาะเมลด็ และการปักชำ�ราก โดย (Wall. ex DC.) Seem. สามารถพบตน้ แคนาได้ตามป่า ตามทุง่ ตามไร่นา และตาม ชอื่ พ้องวิทยาศาสตร์ Bignonia serratula Wall. ex DC., Bignonia serrulata Wall. ex DC., Spathodea serrulata ป่าเบญจพรรณทัว่ ไป[1],[3],[4] มเี ขตการกระจายพนั ธ์อุ ยูใ่ น (Wall. ex DC.) DC., Stereospermum serrulatum DC.) ประเทศลาว พม่า เวียดนาม และในประเทศไทยสามารถพบได้ จดั อยูใ่ นวงศ์แคหางค่าง (BIGNONIACEAE) ทางภาคเหนือ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ภาคตะวนั ออก และ มีช่อื ท้องถน่ิ อืน่ ๆ วา่ แคขาว แคเก็ตวา แคเกต็ ถวา แค ทางภาคกลาง โดยอาจจะไดป้ ระปรายในปา่ เบญจพรรณ และ เคต็ ถวา (เชียงใหม)่ , แคภูฮอ่ (ลำ�ปาง), แคป่า (เลย, ลำ�ปาง), พบได้บ่อยตามนาข้าวทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียง แคทราย (นครราชสมี า), แคยาว แคอาว (ปราจีนบรุ )ี , แคยอด เหนือทีร่ ะดบั ความสูงไม่เกิน 300 เมตร ด�ำ (สรุ าษฎรธ์ านี), แคตยุ้ แคแน แคฝา แคฝอย แคหยุยฮอ่ แค ใบแคนา มใี บเปน็ ใบประกอบแบบขนชัน้ เดียวปลายค่ี ออก แหนแห้ (ภาคเหนอื ), แคนา (ภาคกลาง) เปน็ ต้น ตรงข้ามกันประมาณ 3-5 คู่ ลักษณะของใบเปน็ รปู ไขแ่ กม ลกั ษณะของแคนา ขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบเบยี้ ว สว่ นขอบใบหยกั เปน็ ตน้ แคนา หรือ ต้นแคปา่ จัดเปน็ ไมย้ ืนต้นผลัดใบขนาดเล็ก แบบซีฟ่ ันต้ืน ๆ ใบมขี นาดกวา้ งประมาณ 2.5-7 เซนตเิ มตร ถึงขนาดกลาง มีความสูงของลำ�ต้นไดถ้ ึง 10-20 เมตร ลำ�ตน้ และยาวประมาณ 6-16 เซนติเมตร ผวิ ใบด้านลา่ งมขี นส้ันอยู่ เปลาตรง มักแตกกง่ิ ตำ่� เปลือกของล�ำ ต้นเปน็ สนี ำ�้ ตาลออ่ นอม ประปรายบนกา้ นใบ สว่ นก้านใบยอ่ ยมีความยาวประมาณ 7-10 มิลลเิ มตร พรรณไมห้ ้องสมุดในสวน 16

ผลแคนา ผลเป็นฝกั ออกฝกั ชอ่ ละประมาณ 3-4 ฝัก ลกั ษณะ ของฝกั แบนเปน็ รปู ขอบขนาน ฝักโค้งและบิดเป็นเกลยี ว มี ความยาวประมาณ 40-60 เซนตเิ มตร ส่วนเมลด็ เปน็ รปู สเี่ หลย่ี ม ยาวประมาณ 2.2-2.8 เซนติเมตรรวมปีกบางใส สรรพคุณของแคนา รากมีรสเยน็ ชว่ ยบ�ำรงุ โลหิต (ราก) เมล็ดใช้เปน็ ยาแก้อาการปวดประสาท (เมล็ด) ช่วยในการนอนหลับ (ดอก) ชว่ ยแกโ้ รคชกั (เมล็ด) ช่วยแก้ไขล้ มหัวไดเ้ ช่นเดียวกบั ดอกแคบา้ น (ดอก) ใบน�ำมาตม้ กับน�ำ้ เปน็ ยาบว้ นปาก (ใบ) ดอกแคนา ออกดอกเปน็ ชอ่ แบบช่อกระจะส้นั ดอกมีขนาด ดอกมีรสหวานเย็น ใชเ้ ปน็ ยาขบั เสมหะ โลหิต และลม ใหญ่ ลักษณะของดอกเปน็ รปู แตรสขี าว โดยจะออกดอกตาม ชว่ ยแกเ้ สมหะและลม (ราก) ปลายก่งิ ดอกยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ส่วนกา้ นดอกยาว ใช้ตม้ รับประทานแก้อาการท้องรว่ ง (ไมร่ ะบุสว่ นทใ่ี ช้) ประมาณ 1.8-4 เซนตเิ มตร ในแตล่ ะช่อจะมีดอกอยู่ประมาณ ช่วยแก้อาการท้องอดื ท้องเฟอ้ โดยใชก้ บั สตรีหลังคลอดบตุ ร 2-10 ดอก กลีบเลีย้ งหนาและเหนียว ปลายเรยี วเลก็ และโค้ง (เปลือกต้น) ชว่ ยขับผายลม (ดอก) ช่วยในการขับถา่ ยให้ ยาวประมาณ 3-4 เซนตเิ มตร หุ้มดอกตมู มิด เชือ่ มตดิ กนั เปน็ สะดวกสบายยิง่ ข้นึ (ดอก) ช่วยแกพ้ ยาธิ (ไมร่ ะบุสว่ นทีใ่ ช้) หลอดโค้งปลายแหลม เมอ่ื ดอกบานจะมีรอยแตกทางดา้ นล่าง ช่วยแก้ริดสดี วงงอก (ไม่ระบุส่วนที่ใช)้ ช่วยแกอ้ าการตกเลอื ด มีลักษณะเป็นกาบห้มุ กลีบดอกตดิ กนั เปน็ ทอ่ สว่ นปลายขยาย (ไม่ระบสุ ว่ นท่ีใช้) ใบใช้ต�ำพอกรักษาแผล (ใบ)ชว่ ยแกฝ้ ีราก (ไม่ ออกเปน็ รูประฆัง และจะแยกออกเป็นแฉก 5 แฉก กลบี ดอก ระบสุ ว่ นทใ่ี ช)้ ใช้เปน็ ยาแก้บวม (ไมร่ ะบุสว่ นทใ่ี ช)้ เชอ่ื มติดกัน ยาวประมาณ 16-18 เซนติเมตร สว่ นหลอดกลบี ประโยชนข์ องแคนา ดอกจะยาวประมาณ 13-14 เซนตเิ มตร สว่ นโคนจะแคบเปน็ หลอด สเี ขยี วอ่อน ส่วนบนจะบานออกคล้ายกรวยเป็นสขี าว ดอกแคนาสามารถน�ำมาใช้ประกอบอาหารได้ โดยน�ำมาท�ำเป็น แกมสขี มพู แฉกกลบี ดอกมอี ยู่ 5 กลบี ลักษณะเป็นรูปไข่ ยาว แกงส้ม หรอื จะน�ำดอกมาลวก หรือต้มจ้มิ กินกับน�้ำพรกิ กไ็ ดเ้ ช่น ประมาณ 3-4 เซนตเิ มตร ทข่ี อบกลีบจะย่นเป็นคลน่ื ๆ ดอก กนั รสขมของดอกแคนาจะช่วยท�ำใหร้ ับประทานอาหารอรอ่ ย เปน็ สีขาว ดอกตมู เปน็ สีเขยี วอ่อน ๆ โคนกลบี มีสีน้ำ�ตาลปน ยิง่ ข้นึ ดอกมเี กสรตวั ผู้ 4 ก้าน ตดิ อยู่ด้านในของท่อกลีบดอก ปลาย แยก มขี นาดส้นั 2 ก้านและยาว 2 ก้าน และยังมีเกสรตัวผทู้ ี่ ตน้ แคนา เป็นต้นไม้ทรงพุ่ม ใบและฝักแลดสู วยงาม เหมาะ เปน็ หมนั อีก 1 กา้ น มีรูปร่างเป็นเส้นเรยี วเล็กคลา้ ยเส้นดา้ ย มี ความยาวประมาณ 1 เซนตเิ มตร สว่ นอับเรณูยาวประมาณ ส�ำหรับปลูกเป็นไม้ส�ำหรับให้ร่มเงาและเป็นไม้ประดับเสริม 1 เซนตเิ มตร เปน็ สีเทาดำ� และจานฐานดอกเปน็ รูปเบาะ เป็น จดุ เด่นให้สวนทป่ี ลูกได้ ใชเ้ ปน็ อาหารสตั ว์ เชน่ วัว ควาย (ข้อมูล พตู ้นื ๆ และมเี กสรตัวเมยี อยู่ 1 ก้าน โดยดอกแคนาจะค่อย ๆ ไมไ่ ด้ระบุแน่ชัดวา่ ใช้สว่ นไหน แตเ่ ข้าใจว่าเปน็ ดอก) บานทีละดอก ดอกมกี ลิน่ หอม บานในตอนกลางคืน และจะ เน้ือไม้ของต้นแคนาสามารถน�ำมาใช้ท�ำสิ่งก่อสร้างอาคารบ้าน ออกดอกในช่วงเดอื นมีนาคมถึงเดือนมถิ นุ ายน เรือนได้ เชน่ ท�ำเป็นเสา ไมก้ ระดาน ฝาเพด้าน พ้ืน ฯลฯ https://medthai.com. (อ้างอิงใน ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั อุบลราชธานี. \"แคนา\". [ออนไลน์]. พรรณไม้หอ้ งสมุดในสวน 17

แคทะเล พรรณไม้ห้องสมดุ ในสวน 18

ชอ่ื วทิ ยาศาสตร:์ Dolichandrone spathacea เปน็ ไมย้ นื ต้นในวงศ์ Bignoniaceae เปลือกแตกเป็นร่อง เลก็ ใบเปน็ ใบประกอบแบบขนนก ผวิ ใบเรยี บ ใบมัน ใบอ่อน ออกสเี ขียวอมแดง แกแ่ ล้วเปน็ สเี ขยี ว ดอกเป็นดอกช่อ บานไม่ พร้อมกัน ช่อดอกสัน้ ดอกเปน็ ถ้วยปากแตรสขี าว ปลายกลบี ดอกเป็นหยัก เกสรตวั ผู้ 4 อัน ยาวไมเ่ ท่ากัน ออกดอกตลอด ปี ผลเดี่ยว ยาว ค่อนข้างแบน เม่ืออ่อนสเี ขยี วอมม่วง แกเ่ ปน็ สี น้�ำ ตาลอมดำ� แตกเปน็ 2 ซกี ภายในมีเมลด็ มาก การใชป้ ระโยชน์ ใบใช้ท�ำ ยาพอกแผล บ้วนปาก เปลอื กแก้ทอ้ งอดื ท้องเฟอ้ เมล็ดแกป้ วดประสาท โรคชกั ดอกรบั ประทานได้ นำ�มาผดั หรือ แกงสม้ อา้ งอิง มัณฑนา นวลเจรญิ . 2552. สารานกุ รมความหลากหลาย ทางชวี ภาพต�ำ บลคลองประสงค์ อ�ำ เภอเมอื ง จังหวดั กระบ่ี. กทม. สำ�นกั งานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม เช็คภาพสองภาพนี้จากสถานท่ีจรงิ อีกครั้ง และหาขอ้ มูลเพิม่ เน้ือหาน้อยไป พรรณไม้หอ้ งสมดุ ในสวน 19

แคสันตสิ ุข ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Santisukia kerrii 28 ซม. ลักษณะดอก มีกลีบเลยี้ งเช่อื มกันเป็นหลอดคล้ายรปู ชือ่ วงศ์ Bignoniaceae ระฆัง ปลายแยกเป็นแฉกจ�ำนวนไม่แนน่ อน กลีบดอกโคนเชือ่ ม ลกั ษณะทางพฤกษศาตร์ กนั เป็นหลอดรปู ล�ำโพง ปลายบานเปน็ กลบี ดอก 5 กลีบ กลีบ ยน่ เป็นสีชมพู หรอื ชมพเู ข้ม ดอกเมอ่ื บานเตม็ ทจ่ี ะมีขนาดใหญ่ และดคู ลา้ ยดอกแคนามาก แตแ่ คนาจะเปน็ สขี าว ดอกของ \"แค เป็นไมย้ ืนต้น สูง 10-15 เมตร แตกก่ิงกา้ นเปน็ พ่มุ คลา้ ยต้น สันตสิ ขุ \" จะมกี ลิ่นหอมเฉพาะตวั ตามทกี่ ล่าวขา้ งต้น เวลามดี แคนา แตจ่ ะแผก่ ระจายกว้างกว่า และต้นจะดูคล้ายต้นไม้ อกดกและดอกบานพรอ้ มกนั ท้งั ต้นจะดูสวยงามหวานซึ้ง และ โบราณนา่ ชมกวา่ ด้วย เปลือกต้นเปน็ สนี �้ำตาลเทาเกือบด�ำ มักมี ส่งกล่ินหอมฟุ้งกระจายใตโ้ คนตน้ เปน็ ทป่ี ระทบั ใจมาก \"ผล\" รอยแผลใบเหลอื อยู่ตามล�ำต้นชดั เจน ใบเป็นใบประกอบแบบ เปน็ ฝักสั้น ภายในมีเมล็ด ดอกออกท้งั ปี ขยายพนั ธ์ุดว้ ยเมลด็ ขนนก ปลายคี่ มใี บย่อย 4-7 คู่ เป็นรปู ไข่ หรอื รปู ขอบขนาน ตอนกง่ิ และเสียบยอด แกมรูปใบหอก ยาว 3.5-7.5 ซม. ปลายแหลม โคนมน หรอื \"แคสนั ติสขุ \" มีความโดดเด่นกว่าแคท่วั ไปคอื ดอกมีขนาด กลมเบี้ยว ขอบใบหยกั เป็นฟนั เลื่อยตื้นๆ หรอื เป็นคลื่นหา่ งๆ สี ใหญ่ สีสนั ของดอกสวยงามน่ารกั มาก ท่ีส�ำคญั ดอกจะมีกล่นิ เขยี วสด เวลาใบดกจะใหร้ ่มเงาดดี อก ออกเป็นช่อแบบแยก หอมพิเศษแบบเฉพาะตวั ท่เี หลา่ นักพฤกษศาสตรน์ ยิ มเรยี ก คอื แขนง หรอื เปน็ ช่อกระจกุ ตามซอกใบและปลายยอด แต่ละชอ่ \"กล่ินหอมหวาน\"ไw ประกอบดว้ ยดอกยอ่ ยหลายดอก ชอ่ ดอกจะยาวประมาณ 16- http://chaipatpark.com/tips/ พรรณไม้ห้องสมุดในสวน 20

หอ้ งสมุดในสวน พรรณไมห้ อ้ งสมดุ ในสวน 21

หาภาพแนวนีใ้ หม่ แบบไม่เหน็ หนา้ คน พรรณไมห้ อ้ งสมดุ ในสวน 22

ถา่ ยภาพนใ้ี หม่ ห้องสมดุ มองไมเ่ หน็ ไมโ้ ท พรรณไมห้ อ้ งสมดุ ในสวน 23

อา้ งอิง พรรณไม้หอ้ งสมดุ ในสวน 24


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook