Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เครื่องแต่งกายกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย-Indigenous Costumes in Thailand

เครื่องแต่งกายกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย-Indigenous Costumes in Thailand

Description: เครื่องแต่งกายกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย-Indigenous Costumes in Thailand

Keywords: ชาติพันธุ์ในประเทศไทย

Search

Read the Text Version

เครื่องแต่งกาย กล่มุ ชาติพนั ธุ์ในประเทศไทย Indigenous Costumes in Thailand

หนังั สืือ: เครื่่�องแต่ง่ กายกลุ่ม�่ ชาติิพันั ธุ์์�ในประเทศไทย : Indigenous Costumes in Thailand พิมิ พ์์ครั้�งที่�่ 2 กันั ยายน 2564 จำ�ำ นวน 35 เล่ม่ จัดท�ำโดย เครอื ขา่ ยสือ่ ชนเผ่าพ้นื เมือง (Indigenous Media Network – IMN) ร่วมกับ สภาชนเผา่ พืน้ เมอื งแหง่ ประเทศไทย สนบั สนุนโดย ศููนย์ม์ านุุษยวิิทยาสิริ ิินธร (องค์์การมหาชน) และมูลู นิิธิิประสานความร่่วมมือื ของชนเผ่่าพื้�นเมืืองในเอเชียี (AIPP) ท่ีปรกึ ษา รศ.ดร.ปานใจ ธารทศั นวงศ์ รักษาการแทนผูอ้ �ำนวยการศนู ยม์ านุษยวิทยาสิรินธร อภินันท์ ธรรมเสนา รักษาการหัวหนา้ กลุ่มงานสือ่ สารความรแู้ ละ เครอื ข่ายสัมพนั ธ์ ศูนย์มานุษยวทิ ยาสริ นิ ธร อ. ชูพินจิ เกษมณี ผ้อู าวโุ สสภาชนเผา่ พืน้ เมืองแหง่ ประเทศไทย กิตตศิ ักด์ิ รัตนกระจา่ งศรี ประธานสภาชนเผ่าพ้ืนเมอื งแหง่ ประเทศไทย ศักดิ์ดา แสนม่ี เลขาธกิ ารสภาชนเผา่ พ้นื เมอื งแหง่ ประเทศไทย บรรณาธกิ ารบรหิ าร ไวยิ่ง ทองบอื ประธานเครอื ขา่ ยส่อื ชนเผ่าพ้ืนเมือง (IMN) กองบรรณาธิการ ชตุ ิมา มอแลกู่ ศิริรตั น์ เฉลิมไทย นิตยา เอยี การนา วไิ ลลักษณ์ เยอเบาะ ศรีแก้ว กันเตง็ อิสระ พนาสันตกิ ุล ผ้ปู ระสานงานและออกแบบกิจกรรม พนม ทะโน ช่างภาพ พงษศ์ กั ด์ ิ คีรีสถานบุตร อาฟู่ บะเชอะ พนม ทะโน ออกแบบและจดั รปู เล่ม อาฟู่ บะเชอะ พมิ พ์ที่ รา้ นรว่ มเจริญปร้นิ จงั หวัดเชยี งใหม่





ค�ำน�ำ ตามประกาศขององค์์การสหประชาชาติิให้้ ประเทศไทย ประจำำ�ปีี 2562 และสมััชชาระดับั ชาติิว่า่ วัันที่� 9 สิงิ หาคมของทุุกปีี เป็น็ วัันสากลชนเผ่่าพื้�นเมืือง ด้ว้ ยสภาชนเผ่า่ พื้�นเมือื งแห่ง่ ประเทศไทย ครั้�งที่� 4 ขึ้�น โลกซึ่�่งชนเผ่่าพื้�นเมืืองในประเทศไทยได้้ถืือเอาวัันดััง เมื่�อวันั ที่� 8-10 สิงิ หาคม 2562 ณ มหาวิทิ ยาลัยั แม่โ่ จ้้ กล่า่ ว เป็็นวันั ชนเผ่า่ พื้�นเมือื งแห่ง่ ประเทศไทยมาตั้�งแต่่ จังั หวััดเชีียงใหม่่ และในโอกาสดัังกล่่าวยัังได้้สนับั สนุนุ ปีี พ.ศ. 2550 และเป็น็ วัันที่�ประชาคมโลกแสดงเจน ให้้เครืือข่่ายสื่�อชนเผ่่าพื้�นเมืืองได้้จััดทำำ�หนัังสืือภาพ จำำ�นงค์์ว่่าจะร่่วมกัันจััดกิิจกรรมรณรงค์์ให้้เห็็นถึึงความ เครื่�องแต่่งกายของกลุ่่�มชาติพิ ันั ธุ์�ในประเทศไทยขึ้�น เพื่�อ สำำ�คััญของการมีีตััวตนและระบบภููมิิปััญญาของชนเผ่่า ให้้เป็็นสื่�อที่่�นำำ�เสนอการมีีตััวตนและความร่ำำ��รวยของ พื้�นเมืืองที่่�ช่่วยจรรโลงโลกใบนี้�ให้น้ ่่าอยู่� สิ่�งที่�แสดงตััวตน มรดกภููมิิปััญญาทางวััฒนธรรมผ้้าและการแต่่งกายของ ได้อ้ ย่่างชัดั เจนประการหนึ่่ง� นั่�นคืือ เครื่�องแต่่งกายที่� ชนเผ่า่ พื้�นเมืืองในประเทศไทย ให้้สาธารณชนได้้รู้�จัก หลากหลายของกลุ่่�มชาติพิ ัันธุ์์�ต่่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศ และเข้า้ ใจเกี่�ยวกับั วิิถีชี นเผ่่าพื้�นเมือื งมากขึ้้�น อันั จะนำำ� ไทย ซึ่่ง� มีคี วามหลากหลายทางชาติิพัันธุ์์�สููงและเป็ส็ ังั คม ไปสู่่�การสืืบค้้นข้้อมููลทางวิิชาการและการพััฒนาฐาน พหุวุ ัฒั นธรรมที่�แสดงถึึงการอยู่�ร่วมกันั ได้้อย่า่ งสันั ติสิ ุขุ ข้้อมููลที่่�เกี่�ยวข้้องกัับชนเผ่า่ พื้�นเมืืองกลุ่่�มชาติพิ ันั ธุ์์�ต่่าง ๆ ด้้วยเหตุนุี้� ศูนู ย์์มานุษุ ยวิิทยาสิริ ิินธร (องค์์การ ที่�สามารถนำำ�ไปใช้้ประโยชน์์เพื่�อแก้้ไขปััญหาและพััฒนา มหาชน) หรืือ ศมส. ซึ่่�งเป็น็ หน่่วยงานในกำำ�กัับของ ชุุมชนที่�ยั่�งยืืนต่่อไป นอกจากนี้้�หนัังสืือภาพยังั เป็น็ แหล่ง่ รััฐมนตรีีว่่าการกระทรวงวัฒั นธรรม จึึงได้ส้ นัับสนุุนให้้ ข้้อมููลต้้นทางที่�จะนำำ�ไปสนัับสนุุนการพััฒนานโยบาย สภาชนเผ่่าพื้�นเมืืองแห่ง่ ประเทศไทย (สชพ.) จััดงาน และผลัักดัันกฎหมายส่่งเสริิมและอนุุรัักษ์์วิิถีีชีีวิิตกลุ่่�ม รณรงค์์และเฉลิิมฉลองเนื่�องในวัันชนเผ่่าพื้�นเมืืองแห่่ง ชาติพิ ัันธุ์�ในอนาคตได้อ้ ีีกด้ว้ ย รศ.ดร. ปานใจ ธารทัศนวงศ์ รกั ษาการแทนผู้อำ� นวยการศูนยม์ านษุ ยวทิ ยาสริ นิ ธร (องคก์ ารมหาชน)

สารบญั บทนำ� 11 ลเวอื ะ 54 กะเลงิ 14 ละห ู่ 56 กะเหรย่ี ง (กะแย) 16 ลาวเวยี ง 58 กะเหรย่ี ง (ปกาเกอญอ) 18 ลาวแงว้ 60 กะเหรย่ี ง (โผลง่ ) 20 ลาวครง่ั 62 กยู 22 ลซี ู 64 ขม ุ 24 อา่ ขา่ 66 คะฉน่ิ 26 อวิ้ เมยี่ น 68 ชอง 28 อรู กั ลาโวย้ 70 ญฮั กรุ 30 โซท่ ะวงึ 72 ดาราอาง 32 ไตหยา่ 74 ถน่ิ 34 ไทขาวลาวพทุ ธ 76 บซี ู 36 ไทเขนิ 78 ปะโอ 38 ไทญอ้ 80 ภไู ท 40 ไททรงดำ� 82 มง้ 42 ไทพวน 84 มละบร ิ 44 ไทโยย้ 86 มอแกน 46 ไทยอง 88 มอแกลน 48 ไทลอ้ื 90 มอญ 50 ไทแสก 92 มาน ิ 52 ไทใหญ่ 94

บทนำ� ประเทศไทยมีชนเผ่าพ้ืนเมืองหลากหลายกลุ่ม จงั หวัดเชียงราย เป็นตน้ ในขณะเดยี วกันมีบางกลมุ่ ชาติพนั ธ์ุ อาศัยอยู่กระจดั กระจายท่ัวทุกภูมิภาค สว่ น ชาตพิ ันธ์ุ ซึ่งเดมิ ทมี ิได้มเี ครื่องนุง่ หม่ ท่ถี ักทอจากเสน้ ใย ใหญ่ยังคงด�ำรงอัตลักษณ์ทางภาษาและวัฒนธรรม เชน่ เดียวกับกลมุ่ ชาตพิ นั ธอ์ุ ่ืน ๆ เชน่ ชนเผ่ามละบริ ประเพณี มีการสืบสานวิถีภูมิปญั ญาตามจารีตประเพณี และมานิ เปน็ ตน้ ซึง่ ในปัจจุบนั จงึ ใชช้ ดุ แตง่ กายท่วั ไปท่ี อนั มคี ุณค่าในฐานะเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ มี ได้ประยกุ ตเ์ สื้อผ้าข้นึ มาใหม่เช่นกัน ระบบการถ่ายทอดสืบทอดองค์ความรู้ท่ีเป็นวิถีชีวิต ในทางวชิ าการ การจัดแบง่ กลมุ่ ชาตพิ ันธ์เุ หล่า ตามประเพณีจากรุ่นสูร่ นุ่ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปจั จบุ นั ซึง่ น้นี ิยมใช้วธิ ีทเ่ี รยี กกนั วา่ “การจ�ำแนกชาติพันธ-ุ์ ภาษา” รวมถึงองคค์ วามรใู้ นการเย็บปักถกั ร้อย การผลิตเครื่อง (Ethno-linguistic Classification) อนั เป็นวธิ ีการ แต่งกายท่ีมีเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มชาติพันธุ์ตนเอง ค้นหาความสัมพันธ์ท้ังในทางวัฒนธรรมและภาษาของ โดยมกั มีการสอดแทรกความเชื่อ ค�ำสอน และ กลมุ่ ชนตา่ งๆ ถงึ แมจ้ ะยังไมม่ ฉี ันทามตใิ นการจ�ำแนก ประวัติศาสตร์วิถีชีวิตลงไปในลวดลายและรูปทรงบน กลุ่มชาตพิ ันธ์ุต่างๆ ยังอาจกล่าวถงึ การจดั แบง่ กลมุ่ ผนื ผา้ และเครือ่ งประดับดว้ ย นอกจากน้ีลวดลายและ ชาติพันธุใ์ นเอเชยี อาคเนยท์ ่ีนยิ มใชก้ ันอย่ไู ดด้ งั ตอ่ ไปน:ี้ สีสันของเครื่องแต่งกายที่แตกต่างกันก็เป็นส่ิงจ�ำแนก 1. ภาษาตระกลู ไท มีการส�ำรวจพบวา่ ใน ลกั ษณะเฉพาะของกลมุ่ ชาติพนั ธุด์ ว้ ย เช่น ชนเผ่ามง้ มี ประเทศไทยมี 24 กลุม่ การจ�ำแนกบางวธิ เี รียกตระกูล การจำ� แนกกลุ่มย่อยตามโทนสีของเสื้อผ้า มง้ เขียว (มง้ ภาษากลมุ่ น้ีว่า ออสโตร-ไท ซึง่ รวมภาษาแมว้ -เยา้ (ม้ง- น�ำ้ เงนิ ) มีอตั ลกั ษท์ โ่ี ดดเด่นคือพนื้ ผา้ สีด�ำ และมลี ายปัก เมย่ี น) เข้าไว้ดว้ ย ผา้ ท่ีมีพนื้ หลงั สีเขียว สว่ นม้งขาว จะไม่ค่อยมีลวดลาย 2. ภาษาตระกูลออสโตรเอเชียติก พบว่าใน มากนัก สตรีจะสวมกระโปรงสีขาวมจี ีบรอบตัว ในขณะ ประเทศไทยมี 22 กลุ่ม ทีจ่ ดั อย่ใู นกลุ่มภาษามอญ-เขมร ที่ชนเผ่ากะเหร่ียงสามารถจ�ำแนกสถานะภาพของผู้ ทง้ั หมด เป็นที่ยอมรบั กนั ว่ากลุม่ ชาติพนั ธ์ุภาษาตระกู หญงิ โดยดูจากเครอ่ื งแต่งกาย กล่าวคอื หญิงสาวโสด ลออสโตรเอเชยี ติก เปน็ กลมุ่ ดั้งเดมิ ในเอเชียอาคเนยน์ ้ี จะสวมชดุ ทรงกระสอบสีขาว (เชวา) เมือ่ แต่งงานแล้ว เอง ตอ้ งเปล่ยี นมาสวมผา้ ซิน่ และเสอ้ื ส�ำหรบั หญิงออกเรอื น 3. ภาษาตระกูลจนี -ทเิ บต พบวา่ ใน ซึง่ ดง้ั เดมิ จะทอเป็นพนื้ สีด�ำ เพิม่ ลวดลายปักและ ประเทศไทยมี 11 กลมุ่ การจ�ำแนกบางวธิ ีรวมภาษา ประดบั ดว้ ยลกู เดอื ย เป็นต้น ชนเผ่าพนื้ เมืองที่มีความ แมว้ -เยา้ (มง้ -เมีย่ น) เข้าไว้ด้วย หลากหลายน้ีมีบางกลุ่มชาติพันธุ์ท่ีได้ร้ือฟื้นเครื่องแต่ง 4. ออสโตรนเี ชยี น หรือมาลาโยโพลนี ี กายขึ้นมาใหม่หลังจากท่ีได้สูญเสียองค์ความรู้ด้านนี้ไป เชยี น ในประเทศไทยมี 3 กลมุ่ ชาติพันธ์ุอยู่ทางภาคใต้ นานแลว้ หรอื ประยุกต์ขึน้ มาใหม่ใหเ้ ข้ากบั ยุคสมัย ไดแ้ ก่ มอแกน มอแกลน และอรุ กั ลาโวย้ ซึ่งมักเรียกรวม ปจั จบุ ัน เชน่ ชนเผา่ ถิ่น จงั หวัดนา่ น ชนเผา่ บีซู ใน ว่า ชาวเล

5.ภาษาตระกููลม้้ง - เมี่�ยน ในประเทศไทย กลุ่มใหญและกลุ่มย่อย ซึง่ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการ คือื กลุ่่�มชาติิพันั ธุ์์�ม้ง้ และเมี่�ยน (หรืืออิ้�วเมี่�ยน) ดัังที่่�กล่า่ ว รวบรวมลักษณะเคร่ืองแต่งกายของกลุ่มชาติพันธุ์ใน แล้ว้ ว่า่ นัักวิชิ าการบางส่ว่ นระบุุว่่าอยู่�ในตระกูลู ภาษา ประเทศไทยได้มากท่ีสุดเท่าที่เคยมีการเก็บรวมรวมมา ออสโตร-ไท และนัักวิิชาการอีีกบางส่ว่ นระบุุว่า่ จัดั อยู่�ใน แตก่ ระนน้ั ยงั ไม่สามารถกลา่ วได้ว่าเป็นลกั ษณะการ กลุ่่�มภาษาตระกูลู จีนี -ทิิเบต แตง่ กายท่ีมคี วามดั้งเดมิ ทัง้ หมด เพราะหลายกลุม่ มกี าร ดังนนั้ จงึ อาจสรปุ ไดว้ ่าในประเทศไทยมีกลมุ่ ประยุกต์เคร่ืองแต่งกายเพิ่มเติมต่างจากของเดิมตาม ชาตพิ นั ธุท์ พ่ี ดู ภาษาตา่ งๆ กันไม่นอ้ ยวา่ 60 กลุม่ ที่ ประเพณไี ปบ้าง อนง่ึ การนำ� เสนอในทน่ี ี้ จะเป็นการ กระจายกนั อยใู่ นภาคตา่ ง ๆ ของประเทศ และสามารถ กลา่ วถึงชื่อกลุ่มทีใ่ ชเ้ รยี กตนเองเปน็ หลัก กลา่ วได้ว่า ประเทศไทยเปน็ ประเทศหน่งึ ทมี่ ีความ คณะผู้จัดท�ำขอขอบคุณทุกภาคส่วนท่ีหนุน ร�่ำรวยทางชาติพันธุ์-ภาษาไม่น้อยกว่าประเทศอ่ืนๆ เสรมิ ใหห้ นังสอื ภาพเลม่ นีป้ ระสบความสำ� เร็จ ขอบคุณ และจัดได้ว่าเป็นสังคมที่มีความหลากหลายทาง สภาชนเผ่าพนื้ เมอื งแห่งประเทศไทย เครอื ข่ายชนเผ่า วัฒนธรรมอย่างมาก พ้นื เมืองแห่งประเทศไทย และผู้แทนกลมุ่ ชาติพันธทุ์ มี่ ี อยา่ งไรกต็ ามดว้ ยอิทธิพลจากโลกาภวิ ัตน์ การ ส่วนรว่ มในการบันทึกภาพครง้ั ส�ำคญั นี้ และจัก เช่ือมสัมพันธ์ระหว่างชนต่างชาติพันธุ์ในสังคมได้ส่งผล ขอบพระคุณอยา่ งยงิ่ หากผูอ้ า่ นท่านใดมขี อ้ เสนอแนะ ให้มีการผสมผสานและสร้างสรรค์เคร่ืองแต่งกายข้ึนมา เก่ยี วกับเนือ้ หาของหนงั สอื เลม่ น้ี หรือมเี นือ้ หาเพิ่มเตมิ ใหมด่ ว้ ย ไม่วา่ จะเป็นสีสนั รปู ทรง มกี ารตัดหรอื ลด ที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยช์ต่อกลุ่มชาติพันธุ์นั้นๆ ลวดลายบางชนดิ ออกไปดว้ ยความยุง่ ยากในการปกั จงึ สามารถสง่ มาเพมิ่ เตมิ ใหไ้ ดท้ ี่อีเมล:์ imnmediapdh@ ท�ำให้ปัจจุบันหาชุดแต่งกายท่ีมีความเป็นดั้งเดิมค่อน gmail.com หรืือโดยทางไปรษณีีย์์ได้้ที่� ศููนย์์ประสาน ข้างยาก งานเครืือข่า่ ยสื่�อชนเผ่่าพื้�นเมือื ง 188/1459 หมู่� 10 เครอื ขา่ ยสอ่ื ชนเผา่ พื้นเมอื ง (Indigenous ตำำ�บลสันั นาเม็็ง อำำ�เภอสัันทราย จัังหวัดั เชีียงใหม่่ Media Network – IMN) โดยการสนับสนุนของศูนย์ 50210 มานุษยวทิ ยาสิรนิ ธร (องค์การมหาชน) จงึ ไดร้ วบรวม จัดให้มีการบันทึกภาพถ่ายและเร่ืองราวประกอบเคร่ือง แตง่ กายของกลมุ่ ชาตพิ ันธุ์ต่าง ๆ ทเี่ ดนิ ทางมาร่วมงาน วนั ชนเผ่าพ้ืนเมอื งแห่งประเทศไทย ประจำ� ปี 2562 ซึง่ จัดขึน้ เมื่อวันท่ี 8 – 10 สงิ หาคม 2562 ณ มหาวิทยาลัย แม่โจ้ อำ� เภอสนั ทราย จงั หวัดเชยี งใหม่ โดยสามารถ บันทึกและรวบรวมภาพไดม้ ากถงึ 41 กล่มุ ชาติพันธุ์ ทั้ง



14

เครอื่ งแต่งกายกล่มุ ชาตพิ ันธ์ใุ นประเทศไทย กะเลิง ชาวกะเลิงในประเทศไทย มกี ารตั้ง ทั้้�งนี้�ในงานบุญุ และงานสำำ�คััญ ๆ เช่น่ ชุมชนกระจายอยู่บริเวณเทือกเขาภูพานใน งานเลี้�ยงผีปีู่�ตา และเลี้�ยงผีีหมอเหยา เป็็นต้น้ หลายจงั หวัด เชน่ สกลนคร นครพนม จะมีกี ารใช้ผ้ ้า้ สีีขาวสำำ�หรัับมััดผม สวมใส่่ มกุ ดาหาร กาฬสินธ์ุ และหนองคาย สร้้อยลููกปััดสีขี าว และประดับั ด้ว้ ยเครื่�องเงิิน การแต่่งกายของชาวกะเลิิง ทั้�งผู้�หญิงิ เช่น่ ตุ้�มหูู สร้้อยคอ กำำ�ไลแขน เป็็นต้้น ส่่วน และผู้�ชายสวมเสื้�อที่่�ทำำ�จากผ้้าฝ้้ายทอมืือ ผู้�ชายจะนุ่�งกางเกงขายาวทรงกระบอกย้้อม ย้้อมสีคี ราม ตััวชายเสื้�อยาวเลยระดัับเอว สีคี ราม และนิิยมมััดเอวด้ว้ ยผ้า้ ขาวม้้าลาย และแขนเสื้�อยาวทรงกระบอก โดยผู้�หญิงิ จะ ขาวสลัับดำำ� มีีผ้้าสไบสีีขาวเป็็นผ้า้ ฝ้า้ ยเข็น็ มือื นุ่�งผ้้าซิ่�นที่� ท อ แ บ บ ดั้� ง เ ดิิ ม แ ล ะ มีี ล ว ด ล า ย ที่� เ ป็็ น เอกลักั ษณ์์ เช่่น มััดหมี่่�ย้อ้ มคราม ลายนาคขอ นาคน้้อย ต้น้ สน ผีีเสื้�อ แมงมุุม โคมห้า้ เป็็นต้น้ Indigenous Costumes in Thailand 15

16

เครอ่ื งแตง่ กายกลุ่มชาตพิ ันธ์ุในประเทศไทย กะเหร่ียง (กะแย) ชาวกะแย นับั เป็น็ กะเหรี่�ยงกลุ่่�มหนึ่่�ง เป็น็ ต้้น โดยผู้�หญิิงชาวกะแย ยังั มีเี ครื่�อง ที่่�มีี ถิ่� น ที่� อ ยู่� อ า ศัั ย ห ลัั ก ใ น เข ต จัั ง ห วัั ด ประดัับเงิินที่่�มีีลัักษณะพิิเศษอีีกอย่่างหนึ่�่ง แม่ฮ่ ่อ่ งสอน คนทั่�วไปมัักจะเรีียกกลุ่่�ม คือื “แคะโป” (กำำ�ไลข้้อเท้้า) ทำำ�จากเงิินแท้้ ชาติิพัันธุ์�นี้�ว่ากะเหรี่�ยงแดง มีปี ระเพณีีที่� หรือื วััสดุโุ ลหะอื่�นที่่�มีสี ีเี งิิน ขึ้�นอยู่�กับั ฐานะ สำำ�คัญั คืือ “ปอยต้้นธีี” เป็็นงานเฉลิิมฉลองปีี ของผู้�สวมใส่่แต่ล่ ะคนด้ว้ ย ใหม่่ ซึ่�ง่ จะมีพี ิธิ ีกี รรมการบูชู าและแสดง ความเคารพต่่อสิ่ �งศัักดิ์์�สิิทธิ์ �และบรรพชนที่ � ล่่วงลับั ไปแล้ว้ ด้ว้ ย ชุดุ แต่่งกายผู้�ชาย จะเรียี กว่า่ “กะแย ควา” ส่ว่ นชุดุ แต่่งกายของผู้�หญิงิ จะเรียี กว่า่ “กะแยหมื่�อ” ซึ่�ง่ เป็็นชุุดที่�ทอด้้วยผ้้าฝ้้าย และด้า้ ยประดิิษฐ์์ ในอดีีตมีกี ารย้้อมสีีผ้า้ จาก วััสดุุธรรมชาติิ แต่ป่ ัจั จุบุ ันั มีีทั้�งที่่�ย้้อมสีี ธรรมชาติิและสีีเคมีี โดยชุุดแต่่งกายของชาว กะแย จะเป็น็ ผลผลิติ จากผ้า้ ทอแบบกี่�เอว เช่่นเดีียวกับั กะเหรี่�ยงกลุ่่�มอื่�น ๆ และมีเี ครื่�อง ประดัับที่ �ใช้้กัับชุุดแต่่งกายที่ �เป็็นลููกปััดและ โลหะเงินิ เช่น่ ตุ้�มหูเู งินิ กำำ�ไลข้้อมือื สร้อ้ ยคอ และสร้้อยลููกปััดหลากสีี (ขาว แดง น้ำำ��เงิิน) Indigenous Costumes in Thailand 17

18

เคร่อื งแต่งกายกล่มุ ชาติพันธใุ์ นประเทศไทย กะเหร่ยี ง (ปกาเกอะญอ) กะเหรี่�ยง เป็น็ คำำ�ที่่�เรียี กกว้้าง ๆ ที่�ครอบคลุุม 1.2.3 เคร่อื งแต่งกายประกอบอ่ืนๆ ไดแ้ ก่ ถึึงกลุ่่�มที่�เรียี กตนเองว่่า “ปกาเกอะญอ” “โพล่่ง” 1) เข่่อเผ่่อกิิ (ผ้า้ โพกศีรี ษะของผู้�หญิงิ ) ทอด้้วยผ้้าฝ้้าย “กะยาห์ห์ รืือกะยััน” และ“ปะโอ” ที่�อาศััยอยู่�ใน พนื้ สขี าวเดนิ ดว้ ยลายสแี ดง มปี ล่อยชายผ้าทง้ั สองขา้ ง ประเทศไทย มปี ระชากรประมาณ 8 แสนคน ยาว หรอื ผา้ สี่เหลย่ี มผืนผ้าใหญใ่ ช้โพกหวั ก็ได้ 1. ชดุ แตง่ กายของผ้หู ญงิ แบ่งออกได้ 2 สถานะ (ชุด) 2) ปลอกแขน ปลอกน่่อง เป็็นผ้า้ สำำ�หรับั ปกปิดิ แขน กลา่ วคอื และน่่อง ลัักษณะสวมแขนหรืือสวมน่่อง หรือื ใช้ผ้ ้้าที่่�มีี 1.1 ชุดเด็กหญิงหรือหญงิ โสดท่ไี ม่แต่งงาน ความยาวพันั ที่่�น่่อง เพื่�อความสวยงามและป้้องกันั แมลง เรยี กวา่ “เชวา” เป็นชดุ สำ� หรบั เดก็ หญิงหรอื สาว กััดต่อ่ ย พรหมจรรย์ จะมลี กั ษณะเป็นทรงกระบอกยาวสีขาว 3) เครื่�องประดัับ ผู้�หญิงิ จะใส่่ตุ้�มหููขนาดใหญ่เ่ รียี กว่า่ คลุมเขา่ เป็นสญั ลกั ษณ์แหง่ ความบรสิ ทุ ธิ์ ผทู้ ย่ี งั ไม่ได้ “หน่่าดิ๊”� ใส่ส่ ร้อ้ ยคอลูกู ปััดสีีต่่าง ๆ เรียี กว่า่ “แพ” แตง่ งานจะสวมชดุ สีขาว กำำ�ไลเงิินหรือื ทองเหลือื งหรือื อะลููมิิเนีียม เรียี กว่่า 1.2 ชดุ แม่บา้ นหรือหญิงทมี่ คี รอบครัวแล้ว จะ “ที-ี พวิ่�”หรือื “จื้�อกรอ” ทั้�งนี้�ขึ้�นอยู่�กัับฐานะ ใช้ส้ ำำ�หรัับ แบง่ ออกเปน็ สองท่อนบนและล่าง ดงั นี้ สวมที่�แขนและข้้อมือื เครื่�องประกอบ 1.2.1 ทอ่ งบนเรียกวา่ “เชซโู หม่” เปน็ ชุด เช่่น “โข่่ถิ”ิ (ปิ่่น� รวบผม) สำ� หรบั หญงิ ท่ีแตง่ งานแล้ว เส้อื จะเป็นสดี �ำประดับด้วย อดีีตนิิยมใช้้ขนเม่น่ และเงินิ ลกู เดอื ย นงุ่ ซ่นิ สีแดงมลี วดลายของเส้นดา้ ยท่ยี ้อมด้วยสี ใช้้สำำ�หรับั รวบผมให้อ้ ยู่�ทรง ธรรมชาติ เชซูโหม่ (เสื้อแมบ่ ้าน) พ้นื สีเส้ือเป็นสีดำ� ที่่�ต้้องการ นอกจากนี้้�มีีเครื่�อง ประดับด้วยลูกเดือยท่ีอยู่บนเส้ือของผู้หญิงที่แต่งงาน ประดับั ที่�เรียี กว่า่ “โค่ก่ ลอ” แล้ว หมายถึง ความร่มเยน็ ความอบอุ่น ความรกั ซึง่ ผู้ (มงกุฎุ สวมหัวั ) อีกี ด้ว้ ย หญิงจะให้ความรักความอบอุ่นแก่ลูกและสมาชิกใน 4) การแต่่งกายของผู้�ชาย ครอบครัว สวมเสื้ �อทรงกระบอกสีีแดง เชซูโหม่ หมายถึง ความอดทนอดกลน้ั ตอ่ ความ ปนขาวยาวลงมาถึึงเอว ยากล�ำบากในชีวิตการแต่งงานท่ีต้องเปลี่ยนผ่านจาก หรือื ยาวเลยหัวั เข่า่ เด็กสาวมาสู่ชีวิตการแต่งงานที่ต้องมีความรับผิดชอบ กางเกงสะดอสีดี ำำ� ทั้งของตนและสมาชิกในครอบครัวมากข้นึ หรือื นุ่�งสะโสร่่ง 1.2.2 ท่องล่างเรียกว่า “หนี่” (ผา้ ถงุ สีแดง) ผา้ คาดศีรี ษะด้ว้ ย ซนิ่ ทอลายมัดหม่ีพ้ืนผา้ สีแดง เปน็ สญั ลักษณ์ของผู้หญิง ผ้้าสีีแดงหรืือสีขี าว ท่ีต้องคลอดลกู และสูญเสยี เลือด Indigenous Costumes in Thailand 19

20

เครอื่ งแตง่ กายกลมุ่ ชาติพันธใ์ุ นประเทศไทย กะเหร่ยี ง (โผล่ง) จากการสััมภาษณ์์นายวุฒุ ิิ บุุญเลิิศ นััก ปัจั จุุบันั การแต่่งกายลัักษณะนี้้�ยังั ปรากฎให้้เห็็น วิิชาการด้้านกะเหรี่�ยงศึึกษา ได้ท้ ราบข้อ้ มูลู ที่่�บ้้านเลตองคุุ อำำ�เภออุ้�มผาง จังั หวััดตาก และใน ว่่าการแต่่งกายของหญิิงสาวโผล่่งที่่�ยัังไม่่ออก อำำ�เภอสัังขละบุรุ ีี จังั หวัดั กาญจนบุุรีี มักั สวมใส่่ใน เรือื น เป็น็ ชุดุ คลุุมยาวสีขี าวคล้า้ ยกับั ปกาเก โอกาสที่�เป็น็ งานบุญุ หรือื งานพิธิ ีกี รรมสำำ�คัญั ต่า่ งๆ อะญอ (กะเหรี่�ยงสะกอร์์) ส่ว่ นหญิิงที่�ออกเรือื น ส่่วนโผล่่งทางภาคเหนือื เช่น่ จัังหวััดแพร่่ แล้้วจะต้้องเปลี่�ยนมานุ่�งผ้้าถุุงและสวมเสื้�อแทน เสื้�อแม่่เรืือนส่่วนมากจะเน้้นสีีดำำ�ปัักลููกเดืือยป้้อม รายละเอีียดของลวดลายและโทนสีีจะแตกต่่าง (สั้�น-กลม) ซึ่�ง่ แตกต่า่ งจากโผล่ง่ ทางจัังหวััด กันั ออกไปตามแต่่ละท้้องถิ่�น แต่ม่ ีีสัญั ลักั ษณ์์หนึ่ง�่ เชีียงใหม่่และแม่ฮ่ ่่องสอน ที่่�ปัักลายเสื้�อด้้วยลููก ที่�เหมืือนกัันคืือ เสื้�อจะปักั ประดัับด้ว้ ยลููกเดือื ย เดืือยเม็็ดเรียี วยาว ผ้้าจึึงเป็น็ ลายมััดหมี่่�สีแี ดง ซึ่�่งเป็็นเครื่�องหมายแสดงความผููกพัันระหว่่างคน เลืือดหมูู เสื้�อผู้�ชายเน้น้ สีีขาวเป็็นหลััก กะเหรี่�ยงกับั วิถิ ีีทำำ�กิินแบบพึ่�ง่ พาธรรมชาติิ โดย ปล่อ่ ยเส้้นด้า้ ยเป็น็ แถบสีีแด เฉพาะไร่ห่ มุนุ เวียี น ผ้้าถุุง เป็็นผ้า้ ทอกี่�พื้�นบ้า้ น งจากใต้แ้ ขนถึึงเอว ผสมลายมัดั หมี่�เป็็นช่่วง ๆ ส่ว่ นขนาดกว้า้ งหรือื แคบของลายมััดหมี่� ก็็จะขึ้�นอยู่�กับั แต่ล่ ะท้้องถิ่�น เช่น่ โผล่่งราชบุรุ ีีเพชรบุรุ ีีและประจวบคีรี ีีขัันธ์์ ก็จ็ ะแต่่งกายคล้า้ ยกันั พอขยัับมาทางภาคกลาง เช่่น สุุพรรณบุรุ ีี อุทุ ัยั ธานีี และกาญจนบุรุ ีี ผ้า้ ถุุง ของแม่่เรืือนมีีลวดลายและพื้ �นผ้้าเป็็นสีีเหลืือง หรือื เหลืืองแดง สำำ�หรัับผู้�ชายมีีหลักั ฐานจาก จิติ รกรรมฝาผนัังปรากฎตามวัดั ต่า่ ง ๆ ในภาค กลาง เช่่น ที่่�วััดบางแคใหญ่่ อำำ�เภออัมั พวา จังั หวััด สมุทุ รสงคราม ผู้�ชายจะเกล้้ามวยผม สวมเสื้�อทรง กระสอบ (ผ้า้ คลุุมยาว) สีีขา Indigenous Costumes in Thailand 21

22

เครอ่ื งแตง่ กายกล่มุ ชาตพิ นั ธ์ใุ นประเทศไทย กูย ชดุ แต่งกายพืน้ เมอื ง ผ้ชู ายใส่กะเหนีย่ วผ้า ไหม หรือผ้าสมปังคใ์ นชนช้นั สงู (ยศสูง) ต่อมาเป็น เคร่ืองบรรณาการให้กษัตริย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยาถึง กรุงรัตนโกสินทรต์ อนต้น เส้ือผ้าไหมยอ้ มมะเกลอื ลายโบราณ ลายลกู แก้วสดี �ำ ผู้หญิงสวมชุดผ้า ไหมกบั ผา้ ซนิ่ ตีนจก เส้อื ผา้ ไหมย้อมมะเกลือ ในพิธี แตง่ งานจะใสม่ งกฎุ หรือชฎา เรียกว่า”จลอบ”และ ใส่ผา้ ซ่ินตนี จก หมายถงึ คนมหี ัวนอนปลายเทา้ เป็น วฒั นธรรมทีส่ บื ทอดหลายชัว่ อายคุ น ประดบั เคร่อื ง เงิน (ปร๊ะ) และชุดผา้ ไหมย้อมมะเกลือ ลายลูกแก้ว โบราณ ชดุ ชาวกูยท่ัวไป ผชู้ ายใสโ่ สรง่ ผ้าไหม ผ้า ขาวมา้ พาดเอว เสอ้ื ผา้ ไหมยอ้ มมะเกลือสีด�ำ ส�ำหรับ ชุดหมอช้างซึ่งได้รับการแต่งต้ังจากครูบาให้เป็น หมอชา้ ง ชั้นหมอสะเดียว จับช้างได้ 1-5 ตวั ซึ่งหมอ ช้างจะมี 5 ระดบั หมอมะ หมอจา หมอสะดำ� หมอ สะเดยี ว ครูบาใหญ่ Indigenous Costumes in Thailand 23

24

เครอื่ งแตง่ กายกลุ่มชาตพิ นั ธุ์ในประเทศไทย ขมุ รููปแบบเครื่�องแต่่งกายของชาวขมุุมีีความ แตกต่่างกัันไปตามแต่ล่ ะท้อ้ งถิ่�น แต่่โดยส่่วนใหญ่่ แล้้วใช้เ้ สื้�อสีีดำำ�เป็็นหลััก แตกต่่างกันั ที่่�การตกแต่ง่ รูปู แบบของเสื้�อ ที่�ขาดไม่่ได้้เลยก็ค็ ือื ผ้้าโพกศีีรษะ ของผู้�หญิงิ โดยหญิิสาวจะใช้้ผ้้าสีีแดง สมัยั ก่อ่ นจะมีี ลัักษณะคล้้ายหมวกและมีีเหรีียญเงิินประดัับ เหมืือนทรงผมหน้า้ ม้า้ ส่่วนหญิิงและชายสููงอายุุจะ ใช้้ผ้า้ โพกศีีรษะสีีขาว ผู้้�หญิิงใส่เ่ สื้�อแขนยาว เหมืือนเสื้�อคลุมุ ผ่่าอก ตลอดแนว แต่่มีกี ระดุุมกลััดไว้้ นิิยมทำำ�ลวดลายเป็น็ ปล้้องที่่�ต้น้ แขนและข้อ้ มืือของเสื้�อ แถบเสื้�อตรง กระดุุมเป็็นผ้้าสีีแดงและมีีเหรีียญเงิินร้้อยเรีียงเป็็น ชั้�นซ้อ้ นกััน นุ่�งผ้า้ ถุงุ สีพีื้�นสีแี ดง มีีลวดลายเป็น็ บาง ช่่วงเหมืือนผ้า้ ลายมัดั หมี่� Indigenous Costumes in Thailand 25

26

เครื่องแต่งกายกลมุ่ ชาติพนั ธใุ์ นประเทศไทย คะฉ่ิน คะฉ่ิน (Kachin) มีหลายกล่มุ ยอ่ ย เสมืือนเป็็นผู้้�มีอี ำำ�นาจ เป็น็ ต้้น ส่่วนการ เชน่ จ่ิงเผาะ ระวาง ไชวา้ ละชิก และมาหรู่ แต่่งกายของผู้�หญิิงคะฉิ่�น (จิ่�งเผาะ) ใส่่เสื้�อ เปน็ ต้น แต่ละกล่มุ มภี าษาและวัฒนธรรม แขนยาวสีีดำำ�มีเี ม็็ดเงิินประดัับ นุ่�งผ้า้ ซิ่�นที่�ทอ เฉพาะของตน ในประเทศไทยมีชาวคะฉน่ิ และปักั ลายเอง มีีผ้้าคาดเอว มีีถุงุ น่อ่ ง และ จัดต้ังชุมชนอยู่ในพ้ืนท่ีอ�ำเภอเชียงดาว สวมหมวกทรงตั้�งที่่�ทำำ�จากผ้้าทอพื้�นสีีแดง อำ� เภอไชยปราการ และอ�ำเภอพรา้ ว จงั หวัด และมีลี วดลายประดัับสวยงาม ชาวคะฉิ่�นมีี เชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮอ่ งสอน ความเชื่ �อเกี่ �ยวกัับเม็็ดเงิินที่ �ประดัับไว้้ในเสื้ �อ ชุุดแต่่งกายของคะฉิ่�นแต่่ละกลุ่่�มย่่อย ของผู้�หญิงิ ว่่าเปรียี บเสมืือนพื้�นดิิน ผู้�ชาย ส่ว่ นใหญ่่จะเหมืือนกันั ทุกุ วััย แต่ล่ ะกลุ่่�มย่อ่ ย คะฉิ่�นจึึงให้้เกียี รติผิู้�หญิิงสูงู เพราะเชื่�อว่่า มีอี ััตลัักษณ์์ที่�โดดเด่่นต่า่ งกัันบ้า้ ง เช่น่ หมวก หากไม่่ให้เ้ กียี รติผิู้�หญิงิ แล้้ว ปลูกู พืชื ผัักก็็จะ ผู้�ชายของคะฉิ่�นกลุ่่�มระวาง จะมีกี ารประดัับ ไม่่งอกงาม หรืือทำำ�การสิ่�งใดก็็จะไม่ป่ ระสบ ด้ว้ ยฟัันหมููป่า่ ในอดีีตเชื่�อว่า่ ใช้ป้ ้้องกันั ภััย ความส�ำเรจ็ และให้้ศััตรูเู กรงกลััว ทำำ�ให้ผู้้�ที่�สวมใส่่เปรีียบ Indigenous Costumes in Thailand 27

28

เคร่ืองแตง่ กายกลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์ในประเทศไทย ชอง “ชอง” หรอื “ชอ์ ง” แปลวา่ “คน” ปัจจบุ ันค�ำ มจี ติ ใจท่ีขาวสะอาดเหมอื นกับผ้าขาว (เฉิน ผันผาย, ๆ นใ้ี ช้เปน็ ท้ังชอื่ เรยี กกลมุ่ ชนด้งั เดิมของจงั หวดั จนั ทบรุ ี 2547, น.6) ตราด ระยอง และฉะเชงิ เทรา และเปน็ ชอื่ ภาษาท่ีพวก ลกั ษณะการแต่งกายของชาวชอง ผูช้ ายนยิ ม เขาใชพ้ ูดกัน ในพจนานุกรมภาษาไทยของ นงุ่ กางเกงขาก๊วยสดี �ำ เสอ้ื แขนยาว ส่วนผู้หญิง จะนงุ่ ราชบัณฑิตยสถาน ฉบบั พ.ศ. 2525 มีค�ำ ๆ นีบ้ รรจุอยู่ ผา้ ถงุ สีดำ� เสื้อแขนยาวเชน่ กัน ถา้ ไปงานรน่ื เริงา งาน โดยให้ความหมายว่าเป็นช่ือของกลุ่มชนกลุ่มหนึ่งท่ี แสดงตา่ ง ๆ จะแตง่ กายดว้ ยผา้ สดี �ำหรอื สกี รมท่า เสอ้ื อาศัยอยู่ทางตอนเหนอื ของจงั หวัดจันทบรุ ี แต่ในหมคู่ น คอกลมแขนกระบอก ไม่มกี ระดุม ใช้ผา้ สแี ดงคาดเอว ชองเองนัน้ ในเวลาทีต่ อ้ งการเน้นความเป็นคนชองของ แตถ่ ้าไปงานบุญงานกุศลต่าง ๆ มักแต่งกายสขี าว ผ้ชู าย ตนกบั คนอนื่ เขามักจะเรียกตนเองว่า “ชึม่ ช์อง” ซึง่ นุ่งกางเกงขากว๊ ยสีขาว สวมเสื้อคอกลมสีขาวแขน แปลวา่ “คนชอง” กระบอก ผ้หู ญงิ น่งุ โจงกระเบนสเี ขียวอ่อน เสือ้ คอกระ ชาวชองในสมัยั โบราณนั้�น จะนิิยมทอผ้า้ ไว้ใ้ ช้้ เชา้ สขี าว มีผา้ สไบเฉยี ง สว่ นการแตง่ กายไปทำ� งาน ชาย เอง โดยจะมีีเครื่�องมือื ที่�ใช้้สำำ�หรัับทอผ้า้ ทุุกครัวั เรือื น นงุ่ กางเกงขากว๊ ยขาสนั้ สีด�ำ คาดผ้าขาวม้าลายสีตา่ ง ๆ เครื่�องมือื หรืืออุปุ กรณ์ท์ี่�ใช้ส้ ำำ�หรัับทอผ้้า เช่่น กระสวย เคร่ืองประดับที่ใช้จะมีแหวนท�ำด้วยสตางค์ กระตุุกกี่่�ทำำ�ด้้วยไม้้ สีีที่่�นำำ�มาย้้อมผ้า้ นำำ�มาจากเปลือื กไม้้ แดงหรือตะก่ัวสขี าวท�ำขน้ึ เอง ต่างหใู ชข้ องทม่ี าจากเขา โดยมากชาวชองนิยิ มสีดี ำำ�เป็็นหลักั นอกจากนี้้�ยังั มีสี ีีแดง สตั ว์ กระดูกสัตว์ แตร่ ะยะหลงั ท�ำด้วยสตางค์แดงแทน และสีขี าว ความเป็็นมาของการใส่่เสื้�อผ้า้ สีีต่่าง ๆ เพราะมีความแข็งแรงกว่าและมีมนั เงาดว้ ย ลูกปัดทำ� ผ้้าสีดี ำำ� สมััยก่อ่ นชาวชองจะถููกกลุ่่�มชนอื่�นรุกุ รานอยู่� จากลกู ข้าวเดอื ยรอ้ ยแขวนคอมีหลากสี และทำ� เปน็ บอ่ ย ๆ จงึ ท�ำใหม้ ีการอพยพย้ายถนิ่ ฐานและเข้าไปอยู่ กำ� ไลข้อมอื ดว้ ย และมีกำ� ไลทที่ �ำจากเงินใสข่ ้อเทา้ ขอ้ มือ ตามปา่ มคี วามทุกข์ยากจงึ ไดแ้ ตง่ กายด้วยผ้าสีดำ� จน ด้วย เป็นความเคยชินและแตง่ มาตลอด และผา้ สีดำ� เปน็ ผา้ ที่ ส่วนของผู้ชายใช้เครื่องประดับคล้ายกับผู้หญิง ไม่เก็บความร้อน ไมเ่ ปือ้ นง่าย ๆ สามารถใชส้ วมใส่ แต่ส่วนใหญจ่ ะเป็นวตั ถมุ งคลส�ำหรบั ปอ้ งกนั ตวั จะทำ� ทำ� งานได้ทุกอยา่ ง เป็นตะกรุดท�ำด้วยตะก่ัวผูกด้วยด้ายมงคลหรือเชือก ผ้าสีแดง ส่วนมากจะเปน็ ลักษณะของผ้า คาดเอว (ไกร ขวญั มา, 24 เมษายน 2552) ขาวม้า มไี ว้สำ� หรบั โพกหวั กนั ความร้อน คาดเอว นอกจากนี้ยังมีไว้เพอื่ ใช้รองพ้ืนเป็นทกี่ ราบไหวพ้ ระด้วย ผ้าสีขาวใชส้ ำ� หรับการทำ� บญุ งานกศุ ลตา่ ง ๆ เพื่อใหผ้ ู้ใช้ Indigenous Costumes in Thailand 29

30

เครอื่ งแตง่ กายกล่มุ ชาตพิ นั ธใ์ุ นประเทศไทย ญัฮกรุ ชาวญัฮกุร สว่ นใหญ่มกี ารตัง้ ชมุ ชน เยบ็ รวิ้ สแี ดงตามตะเขบ็ เสือ้ นุ่งผ้าซนิ่ ผืน อาศัยอยู่บนไหล่เขาริมขอบที่ราบสูงโคราช เดียวสีลว้ นและนิยมใช้ผา้ ฝา้ ยหลากสี และมี ในพ้นื ทีจ่ ังหวดั ชยั ภมู ิ นครราชสีมา และ ผ้าริ้วหลากสีคล้ายสไบพาดไหล่หรือห่มเฉียง เพชรบูรณ์ ถือเป็นชนเผา่ พนื้ เมืองกลมุ่ ผูกชายไว้ด้านหน้า โดยมเี คร่ืองประดบั ท่ี ชาติพันธุ์หน่ึงที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ นิยมตกแต่งกับชุดแต่งกายในช่วงเทศกาลสง ยาวนานมาก และภาษาญฮั กุร ยังถูกจัดอยู่ กราตแ์ ละงานบุญต่าง ๆ ด้วย เชน่ สรอ้ ย ในกลุ่มภาษามอญโบราณและอยู่ในภาวะ แหวน กำ� ไลขอ้ มือและข้อเทา้ เปน็ ต้น ส่วน วิกฤตภิ าษาหนึ่งของประเทศไทยด้วย ผู้ชายจะใส่กางเกงขายาวและใส่เสื้อแขน ชดุ แต่งกายชาวญัฮกรุ ผู้หญิงจะสวม ทรงกระบอกสีด�ำ และมแี ถบผ้าสแี ดงคาด ใสเ่ ส้อื ไมม่ แี ขน (คลา้ ยเสอื้ กะเหรย่ี ง) ท่ีทำ� ด้านหนา้ ต้งั แต่ไหลล่ งมาถงึ ชายเส้ือ จากผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีด�ำหรือสีครามและ Indigenous Costumes in Thailand 31

32

เคร่ืองแตง่ กายกล่มุ ชาตพิ ันธ์ใุ นประเทศไทย ดาราอาง ดาราอาง หรือื ดา-อาง มีปี ระชากร ประมาณ 2,500 คน อาศััยอยู่�ในจังั หวัดั เชีียงใหม่่ และเชียี งราย ชาวดาราอางมักั อาศัยั อยู่�บนภูเู ขา สููง รักั สงบ นิิยมปลูกู ชา มีคี วามเชื่�อบรรพบุุรุุษ ควบคู่�กับั นับั ถืือศาสนาพุุทธ ทุกุ ชุมุ ชนจะมีวี ัดั เป็็น ศูนู ย์ก์ ลาง การแต่่งกาย ชุุดผู้�หญิงิ มีเี สื้�อผ่า่ ด้้านหน้า้ แขนยาวทรงกระบอก เอวลอย สีพีื้�นสดใส ส่่วน ใหญ่ใ่ ช้ส้ ีีฟ้้าหรืือน้ำำ��เงินิ สาบเสื้�อด้า้ นหน้้าเย็็บด้ว้ ย แถบผ้้าสีสี ันั สวยงาม สวมผ้า้ ซิ่�นที่�ทอขึ้�นเองด้ว้ ย สีแี ดงสลัับลายริ้�วขาวเล็็ก ๆ โพกศีรี ษะด้้วยผ้้าผืนื ยาว ส่ว่ นผู้�ชาย มีีการแต่ง่ กายที่�เรีียบง่า่ ย ใส่่ เสื้�อแขนยาวผ่า่ ด้า้ นหน้า้ ทำำ�จากผ้้าฝ้า้ ยสีีดำำ�หรืือ สีีสด เช่่น สีสี ้ม้ ชมพูู เป็น็ ต้้น ความยาวพอดีีกัับ เอว โพกศีรี ษะด้้วยผ้า้ สีีสด สวมกางเกงขายาวทำำ� มาจากผ้้าฝ้า้ ยสีดี ำำ�หรืือน้ำำ��เงินิ คล้า้ ยกางเกงสะดอ Indigenous Costumes in Thailand 33

34

เคร่อื งแตง่ กายกลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์ในประเทศไทย ถิ่่�น ถิ่่�น หรือื อาจเรียี กว่่า ลััวะน่า่ น อาศัยั อยู่�หนา แน่่นในจังั หวัดั น่่าน นอกจากนั้้�นมีอี าศััยอยู่�เป็็น ชุมุ ชนเล็็ก ๆ ที่่�จังั หวััดแพร่่และจัังหวััดเชีียงใหม่่ แต่่ ยัั ง ไ ม่่ มีี ก า ร ส ร้้ า ง เ ค รืื อ ข่่ า ย เ ชื่ � อ ม โ ย ง กัั น อ ย่่ า ง แน่น่ แฟ้้นเท่า่ ใดนักั นางสาวรินิ รดา สุุต๋๋า ผู้�ใหญ่่บ้า้ น หมู่�ที่� 8 บ้า้ นกอก ตำำ�บลเชียี งกลาง อำำ�เภอเชียี งกลาง จังั หวัดั น่า่ น กล่า่ วว่่า ชุุดแต่่งกายแบบดั้�งเดิมิ นั้�นขาด การถ่า่ ยทอดสืบื ทอดไประยะหนึ่ง�่ ทำำ�ให้ก้ ลุ่่�ม ชาติิพัันธุ์ �ถิ่ �นในปััจจุุบัันได้้ประยุุกต์์รููปแบบการแต่่ง กายของไทลื้�อมาเป็็นชุุดแต่ง่ กายของตนเอง ผู้�หญิงิ นุ่�งผ้า้ ถุุงพื้�นเมืืองทั่�วไป ใส่่เสื้�อหม้้อฮ่อ่ ม เช่่นเดีียวกับั ผู้ �ชายที่ �สวมใส่่กางเกงขาทรงกระบอกและเสื้ �อหม้้อ ฮ่อ่ ม สิ่�งที่�ขาดไม่ไ่ ด้ค้ ืือ ผ้้าพาดไหล่่หรืือโพกหััวสีีขาว หรืือสีีแดง ในการประกอบพิธิ ีกี รรมตามความเชื่�อ แต่่ละครั้�ง ถึึงแม้้จะไม่ไ่ ด้แ้ ต่่งกายด้้วยชุุดดั้�งเดิมิ แต่่ จะต้้องมีีผ้้าสีีแดงหรืือสีีขาวพาดไหลหรืือโพกหััวไว้้ เสมอ Indigenous Costumes in Thailand 35

36

เครอ่ื งแตง่ กายกลุ่มชาตพิ นั ธใ์ุ นประเทศไทย บีซู ชาวบีีซููในประเทศไทย เป็็นชนเผ่่า กลมท�ำมาจากกะลามะพร้าวท่ีประดิษฐ์ พื้�นเมืืองที่่�มีีจำำ�นวนประชากรประมาณ ตกแต่งลวดลายสวยงาม มเี บี้ยหอยประดับ 1,000 คน มีเี พียี ง 3 ชุมุ ชนในพื้�นที่่�จัังหวััด เชน่ เดยี วกบั ผ้หู ญงิ และนยิ มโพกหวั ดว้ ยผา้ สี เชีียงราย ที่่�อำำ�เภอเมือื ง 1 แห่่ง อำำ�เภอ แดง แม่่ลาว 1 แห่ง่ และอำำ�เภอพาน อีกี 1 แห่่ง ชุุดผู้�หญิงิ : ตัวั เสื้�อสีนี ้ำำ��เงินิ คอจีนี ชาย เทา่ นน้ั เสื้�อปัักลายแดงหรืือลายดอกและนิิยมใช้้ ชุุดผู้�ชาย: ตััวเสื้�อทำำ�จากผ้้าฝ้า้ ยสีีแดง เบี้�ยหอยประดับั ตกแต่ง่ ตััวเสื้�อมีลี ัักษณะ น้ำำ��หมาก คอเสื้�อจีีน ตัวั เสื้�อผ่า่ ด้า้ นหน้า้ และ คลุมุ ป้า้ ยไปด้้านซ้า้ ยของผู้�สวมใส่่ แขนเสื้�อ ป้้ายไปด้้านขวาของผู้�สวมใส่่ แขนเสื้�อมีี มีลี ักั ษณะทรงกระบอกยาว และผ้้าถุงุ สีีเขียี ว ลักษณะทรงกระบอกยาว และมีชายเส้อื คราด คนสมัยกอ่ นถือวา่ คนท่มี เี บ้ียหอย สีนำ้� เงิน สว่ นกางเกงจะเปน็ ทรงกระบอก ประดับเสอ้ื ไว้ ถอื วา่ เป็นคนท่มี ีฐานะดี สีน�้ำเงนิ หรอื สีด�ำ กระดมุ เสื้อผู้ชายมลี กั ษณะ Indigenous Costumes in Thailand 37

38

เคร่อื งแต่งกายกลมุ่ ชาตพิ ันธใุ์ นประเทศไทย ปะโอ ปะโอ เปน็ กลุม่ ชาติพันธุ์หน่งึ ทีอ่ ยู่ใน คอกลม มกั เป็นเสือ้ สีขาวแล้วสวมผ้าคลุมชั้น ภาคเหนือของประเทศไทย และอาศยั อยู่ นอกทบั ไว้ มีกระดุมท�ำด้วยผ้าม้วนเหมอื น หนาแนน่ ในเขตจังหวัดแมฮ่ ่องสอน เสอ้ื คนจีน ใส่กางเกงขาก๊วย ชาวปะโอท่อี ยู่ ชดุ แต่งกายผหู้ ญงิ ชาวปะโอ มีเสอ้ื ผ้า ในจงั หวัดเชียงใหม่ ทั้งผ้หู ญิงและผูช้ ายจะใส่ ท้งั หมด 5 ชิ้นด้วยกัน ประกอบดว้ ย ผ้าโพก เสอื้ ผ้าสดี ำ� หรือสนี �ำ้ เงนิ ศีรษะ เปน็ ผ้าสีสนั หลากหลายรปู ทรงเหมอื น หงอนพญานาค ผา้ คลุมนอกเปน็ เสอื้ แขน ยาวเรยี กว่า เส้ือผ้ชู ายใสท่ ับเสือ้ ตัวในคอวี เหมอื นเสือ้ กะเหรย่ี ง ซึง่ มขี นาดยาวกว่าเส้ือ ตวั นอก เม่ือใสแ่ ลว้ จะดูลดหล่ันกันเหมอื น เกล็ดพญานาค ผา้ นุ่งหรือผา้ ถุงมีขนาดยาว จรดขอ้ เท้าสีเดียวกันกบั สเี ส้ือ อีกชน้ิ หนงึ่ เปน็ ผา้ สำ� หรับปิดหนา้ แขง้ ชาวปะโอเชื่อวา่ ตนเองสบื เชือ้ สายมาจากพญานาค จึงแตง่ กายคล้ายนางพญานาค ส่วนการแตง่ กายของผ้ชู าย ประกอบ ด้วยผา้ 4 ชน้ิ ไดแ้ ก่ ผา้ โพกศีรษะ เสื้อคลุม นอก เส้อื ตัวใน กางเกง และผ้าโพกศีรษะ ผูช้ ายจะโพกศีรษะด้วยผ้าสสี ันโดดเดน่ ม้วน พนั ไวร้ อบศรี ษะ ใสเ่ สื้อตัวในคอยาวหรอื Indigenous Costumes in Thailand 39

40

เคร่ืองแตง่ กายกลมุ่ ชาตพิ ันธุ์ในประเทศไทย ภูไท ภไู ท เปน็ ชนเผา่ พื้นเมอื งอีกกลุ่ม เปลอื กไมต้ ้นแสก สำ� หรับผู้หญงิ จะเป็นเสอ้ื ชาติพันธุ์หนึ่งที่มีชุมชนกระจายตัวอยู่ใน แขนยาวและมีผ้าสไบสีแดงท่ีท�ำจากผ้าฝ้าย หลายจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ย้อมสีธรรมชาติท่ีทอลวดลายหลากสี ของประเทศไทย ปัจจบุ ันมีการตงั้ ชมุ ชน สวยงาม ใสผ่ า้ ซ่นิ ทอและตอ่ ลายท่ีเรียกว่า อาศัยอยู่หนาแน่นที่จังหวัดสกลนคร ลายดอกพริกิ นอกจากนี้้�การแต่ง่ กายชุดุ ภูไู ท นครพนม มกุ ดาหาร และกาฬสนิ ธ์ุ ชาวภไู ท ของผู้�หญิิงยัังนิิยมเกล้้าผมเป็็นมวยสููงตั้�งตรง ในบางแหง่ อาจเรยี กตนเองวา่ ผูไ้ ท ซึง่ มี ประดับั ด้้วยสายสร้้อยคอ กำำ�ไล สร้้อยข้อ้ มืือ วฒั นธรรมผ้าทีโ่ ดดเด่นคือ การทอผา้ ซนิ่ หม่ี และข้อ้ เท้้าที่่�ทำำ�ด้้วยโลหะเงิิน และมีกี าร ตีนต่อเป็นผืนเดียวกับผ้าผืนที่มีสีสันสวยงาม ประดัับด้้วยภู่่�ที่่�ทำำ�จากฝ้้ายไว้้บนหััวเพื่�อ เสื้อผา้ ภไู ทท่ีนิยมใสใ่ นเทศกาลส�ำคญั ๆ จึงมี ความสวยงามดว้ ย สว่ นผชู้ ายจะสวมใสเ่ สอ้ื ทั้งผ้าฝ้ายและผ้าไหม แบบเดียวกบั ผู้หญิงแต่จะเปน็ แขนสั้น นงุ่ เครื่องแต่งกายของภูไทท่ีน�ำเสนอน้ี โสรง่ ไหม (นิยมใช้ในงานพิเศษ) หรือกางเกง เปน็ ชดุ “ภไู ทโนมหอม” ตัวเส้อื ของผหู้ ญิง ขาก๊วยทท่ี �ำจากฝ้าย มีผา้ ขาวม้าพาดบ่า และผู้ชายท�ำจากผ้าทอย้อมสีด�ำธรรมชาติ และผ้าคาดเอวท่ีทอด้วยลวดลายสีสัน ไมม่ ลี วดลายและขลิบขอบดว้ ยผ้าสแี ดง สดี �ำ สวยงามดว้ ย ได้มาจากสีต้นมะเกลือและสีแดงได้จาก Indigenous Costumes in Thailand 41

42

เครือ่ งแต่งกายกลุ่มชาติพนั ธุใ์ นประเทศไทย ม้ง กลุ่่�มชาติพิ ัันธุ์์�ม้้งในประเทศไทยมีี 2 กลุ่่�ม ซอ้ นกัน ดา้ นหลังเสือ้ ตกแตง่ ด้วยเหรียญเงนิ เกา่ คือื ม้ง้ ขาว และม้้งดำำ� มีปี ระชากร 2 แสนคน ส�ำหรับชดุ แตง่ กายผ้ชู าย สวมกางเกงสดี ำ� มีีโครงสร้้างการปกครองโดยใช้้ระบบตระกููลแซ่่ เส้ือดำ� แขนยาว เอวลอย (มเี สื้อขา้ งในสีขาว) ผา้ ซึ่่ง� มีทีั้�งหมด 18 ตระกูลู แซ่่ คาดเอวสีีแดง คาดทัับด้้วยเข็ม็ ขััดเงิิน ใส่่ห่่วงเงิิน การแต่่งกายของผู้�หญิงิ ม้้งขาว สวม คล้้องคอ ม้ง้ มีี เครื่�องประดัับเงิินที่�เป็็น กระโปรงผ้้าป่า่ นดิิบยาวลงมาถึึงหัวั เข่า่ มีีผ้้าพันั องค์ป์ ระกอบสำำ�คัญั ของชุุดแต่ง่ กาย หน้า้ แข้ง้ ตั้�งแต่่ข้อ้ เท้า้ ถึึงหััวเข่่า แต่ป่ ัจั จุบุ ัันนี้้�หันั ซึ่�ง่ เป็็นการแสดงสถานะ มาใส่ก่ างเกงสีดี ำำ�กว้า้ ง ๆ แบบจีนี คาดเอวด้้วยผ้า้ ทางสัังคมด้ว้ ย สีีแดง ปล่อ่ ยชายผ้า้ สี่�เหลี่�ยมทิ้�ง ยาวลงมาด้า้ น หน้้าและด้้านหลังั คอปกเสื้�อกว้า้ ง โพกหัวั ด้้วยผ้้า สีีคราม หรือื สีดี ำำ� ส่่วนชุุดผู้�หญิิงม้้งดำำ�/ม้้ง เขีียว เสื้�อสีดี ำำ�หรืือสีีคราม กระโปรงสีีดำำ� มีีผ้้าคาด เอวสีแี ดง มีผี ้า้ กันั เปื้�อนห้อ้ ยลงมาสีีดำำ� เสื้�อจะมีลี ัักษณะแขนยาว มีีปกเสื้�อด้า้ น หลัังผ่่าด้้านหน้้าหรืือทัับไปทางซ้้ายทำำ�ด้้วยผ้้าสีีดำำ� มีตี กแต่่งลวดลาย ผ้า้ คาดเอวสีดี ำำ�มีีพู่�แดงเป็็นชาย ครุุย มีผี ้้าสนับั แข้้งสีดี ำำ� ผมขมวดเป็นมวย ใส่หมวกผา้ หรอื โพกผ้า สดี ำ� ใส่ต่างหเู งนิ และห่วงคอ ทำ� ด้วยเงนิ 3-4 วง Indigenous Costumes in Thailand 43

44

เคร่ืองแตง่ กายกลมุ่ ชาตพิ นั ธใ์ุ นประเทศไทย มละบริ มละบริ เป็นชนเผา่ พ้นื เมอื งของไทย ยา้ ยในเขตปา่ จงึ สิ้นสุดลง สำ� หรับการแต่ง ทางภาคเหนอื ถกู บันทึกวา่ เปน็ กลมุ่ ชนที่ กายนั้นในช่วงท่ียังด�ำรงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม เคลื่อนย้ายล่าสัตว์หาของป่าในพ้ืนท่ีจังหวัด จะนุง่ ผ้าเตย่ี วปิดบังด้านหนา้ เท่านนั้ ผชู้ าย นา่ นและแพรใ่ นเขตรอยตอ่ ของ 3-4 อ�ำเภอ ไมน่ ิยมสวมเสอ้ื แต่เมอื่ ตอ้ งมาตง้ั ชุมชนถาวร คอื อ�ำเภอร้องกวาง อ�ำเภอสอง จงั หวัดแพร่ แล้ว ก็รบั เอาวัฒนธรรมการแต่งกายท่วั ไป และอำ� เภอเวียงสา อำ� เภอเมือง จงั หวัดน่าน ท้ังผู้หญงิ และชายสวมใส่เสอื้ หมอ้ ฮอ่ ม และ ต่อมารัฐบาลไทยมีนโยบายให้ชาวมละบริต้ัง ผู้หญิงนุ่งผ้าถุงและผู้ชายจะใส่เต่ียวสะดอใน ชุมชนถาวรในพน้ื ทรี่ าบ วิถีชวี ิตการเคลอื่ น โอกาสส�ำคญั ตา่ ง ๆ กนั แล้ว Indigenous Costumes in Thailand 45

46

เครอื่ งแตง่ กายกลุ่มชาตพิ ันธุ์ในประเทศไทย มอแกน มอแกน หรือเรียกอกี ชื่อหนึง่ ว่า “ชาวเล” ชีีวิิตของชาวมอแกนเดิินทางไปตามเกาะ ผู้มีประวัติศาสตร์การด�ำรงชีวิตและท�ำกินอยู่บน ต่่างๆ จึึงถููกกล่า่ วขานว่า่ มีชี ีีวิติ คล้า้ ยกลุ่่�มยิปิ ซีี ท้องทะเลมายาวนาน ภมู ปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม ที่่�พักั อาศััยอยู่�ไม่่เป็็นหลักั แหล่่งแน่น่ อน และเรีียก ของการใชช้ วี ิตอย่ใู นเรอื หลังสนึ ามปิ ี 2547 ชาว กันั ว่่า “Sea gypsy” หรือื “ยิิปซีที ะเล” ชุุมชน มอแกนได้เริ่มปรับเปล่ียนวิถีชีวิตมาอยู่บนผืน ชาวมอแกนในประเทศไทยมีี 5 แห่่ง และมีี แผ่นดินตามหมู่เกาะแถบทะเลอันดามนั ช า ว ม อ แ ก น ไ ด้้ ก ร ะ จ า ย ตัั ว ไ ป อ ยู่ � ต า ม ชุุ ม ช น ชาวมอแกนมีวถิ ชี วี ิตบนเรอื “กา่ บาง” ไป ชาวเลอื่่�น ๆ แต่ไ่ ม่่ได้้อยู่�เป็็นกลุ่่�มใหญ่่เหมือื น ตามท้องทะเล และแวะพักตามเกาะแกง่ ตา่ ง ๆ 5 ชุุมชน ที่� เกาะเหลา เกาะพยาม และเกาะช้า้ ง เปน็ จดุ หลบลมมรสุม มกี ารสร้างกระท่อมพกั จังั หวััดระนอง หมู่�เกาะสุรุ ินิ ทร์์ จัังหวััดพังั งา ชว่ั คราว โดยพิจารณาพนื้ ท่ที ี่มลี กั ษณะเปน็ และหาดราไวย์์ จัังหวััดภููเก็ต็ ชายหาดในอา่ วที่สามารถหลบคลื่นลม และมี แหล่งนำ�้ จดื ส�ำหรบั การแต่งกายน้ัน หลงั จากได้ต้ัง ถน่ิ ฐานถาวรตามเกาะตา่ ง ๆ ชาวมอแกนก็ได้ถอื รปู แบบการแต่งกายเหมือนคนทว่ั ไป ผู้ชาย จะ สวมใส่กางเกงขาทรงกระบอก (ขาก๊วย) สวมเสอ้ื ยดื หรือเสอ้ื เช้ติ สว่ นผ้หู ญงิ สวมผา้ ถงุ และเสื้อ ทั่วไป ในปจั จุบนั เราเรยี กช่อื ชาวเลตามท่กี ลมุ่ เรียกตนเอง คอื มอแกน ตามตำ� นานทเ่ี ลา่ สืบตอ่ กันมา คำ� ว่า “มอแกน” มาจากค�ำวา่ “ละมอ” (ในภาษามอแกน แปลวา่ จมน้ำ� ) และ “แกน” ซึง่ มาจากช่ือของน้องสาวของราชนิ ซี เิ ปยี น ซึ่งถูก ราชินิ ีสี าบให้ม้ ีีชีวี ิิตเร่่ร่่อนอยู่�ในทะเล (Ivanoff 2001: 229-230) Indigenous Costumes in Thailand 47

48

เคร่อื งแต่งกายกล่มุ ชาตพิ นั ธุ์ในประเทศไทย มอแกลน ชาวมอแกลน ตั้�งถิ่�นฐานอยู่�ใประเทศไทย พ่่อตาสามพัันตั้�งอยู่�บริิเวณชายหาดบางสััก มายาวนาน ตั้�งแต่่ประวััติิศาสตร์์เรื่�องเล่่าเกี่�ยวกับั ต.บางม่ว่ ง อ.ตะกั่�วป่า่ จ.พังั งา ชาวมอแกลนจะมีี “พ่่อตาสามพััน” ซึ่ง�่ เป็น็ บรรพบุุรุษุ ชาวมอแกลน พิธีกรรมประจำ� ปีในเดือน 4 จนั ทรคติ นอกจากน้ี ที่�ได้้รัับการยอมรัับและนัับถืือจากชาวมอแกลน ยงั มีพ่อตาหลวงจักร บรรพบุรษุ ที่ชาวมอแกลน ในปััจจุุบันั การตั้�งหมู่่�บ้้านของชาวมอแกลน จะ ล�ำปี ใหค้ วามเคารพนบั ถอื ทเ่ี ชอื่ ว่าเปน็ วญิ ญาณ อยู่�บริิเวณชายฝั่�งทะเลด้้านในแผ่น่ ดินิ ริิมฝั่ง� ท่ีมอี ำ� นาจ สามารถดูแลและปกปอ้ งใหพ้ น้ จาก ชาวมอแกลนส่่วนใหญ่่ทำำ�ประมงหาสััตว์์ อนั ตรายต่าง ๆ ได้ วิญญาณพอ่ ตาหลวงจักรสถติ ทะเลตามชายฝั่�ง ชายหาด และตามป่่าชายเลน อยใู่ นจอมปลวกทต่ี ้งั อยบู่ ้านล�ำปี อ.ทา้ ยเหมือง ชาวมอแกลนจะอพยพเคลื่�อนย้้ายออกจากชุุมชน จ.พังงา มกี ารจดั พิธกี รรมไหวพ้ อ่ ตาหลวงจักร เดิมิ ก็็เนื่�องด้้วยเกิดิ โรคระบาด มีีผู้�คนล้ม้ ตาย มีี เปน็ ประจ�ำทุกปใี นเดอื น 5 จนั ทรคติ สัตั ว์ร์ ้า้ ย โจรผู้้�ร้าย และในช่่วงเกิิดศึึกสงคราม สำำ�หรัับการแต่่งกาย ชาวมอแกลนจะ หรืือภััยพิิบัตั ิิ เช่น่ สึึนามิิ เป็น็ ต้้น ชาวมอแกลนใน แต่่งกายแบบเดีียวกัับอููรัักลาโว้้ยและมอแกน หลายชุุมชนที่�อาศััยอยู่่�ริิมฝั่�งทะเลได้้รัับความ เนือ่ งจากมปี ระวัตศิ าสตร์ การตัง้ ถ่ินฐานและวถิ ี เสียี หาย ต้้องมีกี ารอพยพไปอยู่่�บ้า้ นพัักชั่่�วคราว ชวี ติ ท่คี ลา้ ยกัน กลา่ วคือไดถ้ ือรูปแบบการแตง่ และไปอยู่ �หมู่่�บ้้านที่ �สร้้างใหม่่ กายแบบชาวบ้านทัว่ ไป ผชู้ ายสวมใสก่ างเกงขา ชาวมอแกลนส่่วนใหญ่่นัับถืือผีีบรรพบุุรุุษ ทรงกระบอก (ขากว๊ ย) สวมเสือ้ ยืดหรือเสื้อเชิ้ต โดยเฉพาะพ่อ่ ตาสามพันั ถือื เป็น็ บรรพบุรุ ุุษชาว ส่วนผูห้ ญิงสวมผ้าถงุ และเส้อื ท่วั ไป มอแกลนที่�ได้้รัับการเคารพและนับั ถืือ โดยมีีศาล Indigenous Costumes in Thailand 49

50