แบบฝึกหัด บทที่ 4 เ รื่ อ ง ร ะ บ บ เ ค รือ ข่ า ย ค อ ม พิ ว เ ต อ ร์ นางสาวอัญชิษฐา ชะดารัตน์ จิตรกรรมไทย ปี2 รหัสนักศึกษา 4641070641104 นายติณภพ บางขาม จิตรกรรมไทย ปี2 รหัสนักศึกษา 4641070641107 นายจตุรพัฒน์ พุ่มห่าน จิตรกรรมไทย ปี2 รหัสนักศึกษา 4641070641128
แบบฝึกหัด บทที่ 4 เรื่อง ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 1. ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์หมายถึง ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์หมายถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อถึงกัน ซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและแบ่งปันทรัพยากรระหว่างกันได้ อุปกรณ์ เครือข่ายเหล่านี้ใช้ระบบกฎที่เรียกว่าโปรโตคอลการสื่อสาร เพื่อส่งข้อมูลผ่านอุปกรณ์จริงหรือโดยใช้เทคโนโลยีไร้สาย 2. จงบอกประโยชน์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 1. สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ 2. สามารถแชร์ทรัพยากร เช่น เครื่องพิมพ์ ฮาร์ดดิสก์ ซีดีไรท์เตอร์ ไว้ใน เครือข่ายคอมพิวเตอร์ เป็นต้น 3. ประหยัดเนื่องจากสามารถแชร์ทรัพยากรร่วมกันได้ 4. สามารถแชร์เอกสาร เช่น บันทึกข้อความ ตารางข้อมูลต่าง ๆ ใบส่งขอ บัญชีต่าง ๆ ใบรายการ สินค้า 3.การแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพสามารถแบ่งออกได้กี่ประเภทอะไรบ้าง รูปแบบของเครือข่ายที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของอัลกอริทึมสำหรับการคำนวณในการส่งแพ็คเก็ต โดยแบ่งออกได้เป็นสองประเภท ใหญ่ๆ คือแบบดาตาแกรม (Datagram) แบบเวอร์ชวลเซอร์กิต (Virtual Circuit) 4.จงยกตัวอย่างการทางานบนระบบเครือข่าย (Network) ที่นาฮาร์ดแวร์มาใช้ร่วมกันเป็นฮาร์ดแวร์ประเภทใดบ้าง ฮาร์ดแวร์สำหรับเครือข่าย Network hardware (เน็ตเวิร์ก ฮาร์ดแวร์) คือ อุปกรณ์ที่มีความจำเป็นต้องใช้ในการติดตั้ง ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่ง จำนวนอุปกรณ์จะมีความซับซ้อนมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับขนาดขององค์กร หรือประเภทของระบบเครือข่าย ดังต่อนี้ 1. ข่ายงานบริเวณเฉพาะที่ Local Area Networks (ลอคอล แอเรีย เน็ตเวิร์ก) 1.1 Bus (บัส) มีการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็ว 10-100 MB/s จะเชื่อมต่อกันบนสายสัญญาณเส้นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น 1.2 Star (สตาร์) เป็นระบบที่มีเป็นการต่อแบบรวมศูนย์ โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต่อสายเข้าไปที่อุปกรณ์ที่เรียกว่า Hub (ฮับ) หรือ Switch (สวิทซ์) 1.3 Ring (ริง) เป็นระบบที่มีการส่งข้อมูลไปในทิศทางเดียวกัน โดยจะมีเครื่อง Server หรือ Switch ในการปล่อย Token เพื่อตรวจสอบว่ามีเครื่อง คอมพิวเตอร์ใดต้องการส่งข้อมูล 2. เครือข่ายครอบคลุมบริเวณเมืองใหญ่ Metropolitan Area Networks (เมเทอพลอทึน แอเรีย เน็ตเวิร์ก) 3. ข่ายงานบริเวณกว้าง Wide Area Networks (ไว แอเรีย เน็ตเวิร์ก) 4. เครือข่ายไร้สาย Wireless Networks (ไวเรส เน็ตเวิร์ก) 5. เครือข่ายเชื่อมโยง Internetworks (อินเทอร์ เน็ตเวิร์ก) 5.จงบอกประโยชน์การใช้ซอฟต์แวร์ร่วมกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักเพื่อรวมทีมงานเข้าไว้ด้วยกัน ซอฟแวร์เพื่อความร่วมมือจะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกัน ข้าม ข้อจำกัดด้านภูมิศาสตร์โดยการใช้เครื่องมือที่ช่วยด้านการสื่อสาร, การทำงานร่วมกันและกระบวนการแก้ปัญหา โดยการจัดให้มีทีมทั่วไปสำหรับการสื่อสาร แนวความคิดและการระดมความคิด 6.การใช้ระบบมัลติยูสเซอร์ (Multi-Users) หมายถึง หมายถึงระบบปฏิบัติการสาสามารถรองรับการใช้งานของผู้ใช้ได้มากกว่า 2 คน พร้อมกัน ระบบปฏิบัติการประเภทนี้ส่วนใหญ่จะพบได้ในเครื่อง คอมพิวเตอร์แบบเมนเฟรม มินิคอมพิวเตอร์ หรือคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Server)
แบบฝึกหัด บทที่ 5 เ รื่ อ ง อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ พื้ น ฐ า น ข อ ง ร ะ บ บ เ ค รือ ข่ า ย ค อ ม พิ ว เ ต อ ร นางสาวอัญชิษฐา ชะดารัตน์ จิตรกรรมไทย ปี2 รหัสนักศึกษา 4641070641104 นายติณภพ บางขาม จิตรกรรมไทย ปี2 รหัสนักศึกษา 4641070641107 นายจตุรพัฒน์ พุ่มห่าน จิตรกรรมไทย ปี2 รหัสนักศึกษา 4641070641128
แบบฝึกหัด บทที่ 5 เรื่อง องค์ประกอบพื้นฐานของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 1. องค์ประกอบพื้นฐานของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มีอะไรบ้าง จงอธิบาย 1. คอมพิวเตอร์แม่ข่าย คอมพิวเตอร์ แม่ข่าย หมายถึงคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการทรัพยากร (Resources) ต่าง ๆ ซึ่งได้แก่ หน่วยประมวลผล หน่วยความจำ หน่วยความจำสำรอง ฐานข้อมูล และ โปรแกรมต่าง ๆ 2. ช่องทางการสื่อสาร ช่อง ทางการสื่อสาร หมายถึง สื่อกลางหรือเส้นทางที่ใช้เป็นทางผ่าน ในการรับส่งข้อมูล ระหว่างผู้รับ (Receiver) และผู้ส่งข้อมูล (Transmitter) 3. สถานีงาน สถานี งาน (Workstation or Terminal) หมายถึง อุปกรณ์หรือเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อ กับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่เป็นสถานี ปลายทางหรือสถานีงาน ที่ได้รับการบริการจากเครื่อง คอมพิวเตอร์แม่ข่าย เรียกว่าเป็นคอมพิวเตอร์ลูกข่าย (Workstation) ในระบบเครือข่ายระยะใกล้ 4. อุปกรณ์ในเครือข่าย - การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (Network Interface Card :NIC) หมายถึง แผงวงจรสำหรับ ใช้ในการเชื่อมต่อสายสัญญาณของเครือข่าย - โมเด็ม ( Modem : Modulator Demodulator) หมายถึง อุปกรณ์สำหรับการแปลงสัญญาณดิจิตอล (Digital) จากคอมพิวเตอร์ด้านผู้ส่ง เพื่อ ส่งไปตามสายสัญญาณข้อมูลแบบอนาลอก(Analog) - ฮับ ( Hub) คือ อุปกรณ์เชื่อมต่อที่ใช้เป็นจุดรวม และ แยกสายสัญญาณ เพื่อให้เกิดความสะดวก ในการเชื่อมต่อของเครือข่ายแบบดาว (Star) โดยปกติใช้เป็นจุดรวมการเชื่อมต่อสายสัญญาณระหว่าง File Server กับ Workstation ต่าง ๆ การแบ่งประเภทของเครือข่ายสามารถแบ่งได้หลายแบบด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่นิยมแบ่งตามขนาดของ เครือข่าย โดยสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท คือ LAN (Local Area Network), MAN (Metropolitan Area Network) และ WAN (Wide Area Network) 2. ลักษณะการทำงานของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อในการท างานระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์จะแบ่งเครื่องคอมพิวเตอร์เป็น 2 ประเภท คือประเภทใดบ้าง 1 . เครือข่ายส่วนตัว (private network) เป็นการจัดตั้งระบบเครือข่ายซึ่งมีการใช้งานเฉพาะองค์กร เช่น องค์กรที่มีสาขาอาจทำการสร้างระบบเครือข่าย เพื่อเชื่อมต่อระหว่างสำนักงานใหญ่กับสาขาที่มีอยู่ เป็นต้น การจัดตั้งระบบเครือข่ายส่วนตัวมีจุดเด่นในเรื่องของการรักษาความลับของ ข้อมูล สามารถ ควบคุมดูแลเครือข่ายและขยายเครือข่ายไปยังจุดที่ต้องการ ส่วนข้อเสียคือในกรณีที่ไม่ได้มีการส่งข้อมูลต่อเนื่องตลอดเวลา 2. เครือข่ายสาธารณะ (PDN: public data network) หรือบางครั้งเรียกว่าเครือข่ายมูลค่าเพิ่ม (VAN: Value Added Network) เป็นเครือข่าย WAN ที่จะมีองค์กรหนึ่ง (third party) เป็นผู้ทำหน้าที่ในการเดินระบบเครือข่าย และให้เช่าช่องทางการสื่อสารให้กับ บริษัทต่างๆ ที่ต้องการสร้างระบบเครือข่าย ซึ่งบริษัทจะลดค่าใช้จ่ายของตนลงได้ เนื่องจากมีบุคคลอื่นมาช่วยแบ่งปันค่าใช้จ่ายไป 3. ให้นักศึกษาอธิบายหน้าที่ของอุปกรณ์เหล่านี้ แลนการ์ด ทำหน้าที่อะไร อุปกรณ์ที่เชื่อมระหว่างคอมพิวเตอร์กับสายตัวนำสัญญาณ ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถรับและส่งข้อมูลกับระบบเครือข่าย ฮับ (Hup) ทำหน้าที่อะไร เป็นอุปกรณ์ศูนย์กลาง ที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ เข้าด้วยกัน ในระบบเครือข่ายฮับเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเชื่อมโยงสัญญาณ ของอุปกรณ์เครือข่ายเข้าด้วยกัน รีพีตเตอร์ (Repeater) ท าหน้าที่อะไร เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รับสัญญาณดิจิตอลเข้ามา แล้วสร้างใหม่ (Regenerate) ให้เป็นเหมือนสัญญาณ (ข้อมูล) เดิมที่ส่งมาจากต้นทาง จากนั้นค่อยส่ง ต่อออกไปยังอุ ปกรณ์ตัวอื่ น บริดจ์ (Bridge) ทำหน้าที่อะไร เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อเครือข่ายสองเครือข่ายเข้าด้วยกัน ซึ่งดูแล้วคล้ายกับเป็นสะพานเชื่อมสองฟากฝั่ งเข้าด้วยกัน เราต์เตอร์ (Router) ทำหน้าที่ อะไร การหาเส้นทางในการส่งผ่านข้อมูลที่ดีที่สุด และเป็นตัวกลางในการส่งต่อข้อมูลไปยังเครือข่ายอื่น เกตเวย์ (Gateway) ท าหน้าที่อะไร เป็นอุปกรณ์ที่มีความสามารถสูงในการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยสามารถเชื่อมต่อ LAN หลายๆ เครือข่ายที่ใช้โปรโตคอลต่างกัน และใช้สื่อ ส่งข้อมูลต่างชนิดกันได้อย่างไม่มีขีดจำกัด 4. สายสัญญาณที่ใช้เป็นมาตรฐานในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มีกี่ประเภทอะไรบ้าง สายคู่บิดเกลียว (twisted pair) สายคู่บิดเกลียว แต่ละคู่สายทองแดงจะถูกพันกันตามมาตรฐานเพื่อลดการรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากคู่สาย ข้างเคียงภายในเคเบิลเดียวกันหรือจากภายนอก สายโคแอกเชียล (coaxial) สายโคแอกเชียลเป็นตัวกลางเชื่อมโยงที่มีลักษณะเช่นเดียวกับสายทีวีที่มีการใช้งานกันมาก ไม่ว่าในระบบเครือข่ายเฉพาะที่ ในการส่งข้อมูลระยะไกลระหว่างชุมสายโทรศัพท์หรือการส่งข้อมูลสัญญาณวีดิทัศน์ เส้นใยนำแสง (fiber optic) เส้นใยนำแสง เป็นการใช้แสงเคลื่อนที่ไปในท่อแก้ว ซึ่งสามารถส่งข้อมูลด้วยอัตราความหนาแน่นของสัญญาณข้อมูลสูง มาก ปัจจุบันถ้าใช้เส้นใยนำแสงกับระบบอีเธอร์เน็ตจะใช้ได้ด้วยความเร็ว 10 เมกะบิต ถ้าใช้กับ FDDI จะใช้ได้ด้วยความเร็วสูงถึง 100 เมกะบิต 5. โปรโตคอล (Protocol) หมายถึงอะไร ปัจจุบันโปรโตคอลใดที่นิยมใช้ที่สุด โปรโตคอล คือ ข้อกำหนดหรือข้อตกลงในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ หรือภาษาสื่อสารที่ใช้เป็น ภาษา กลางในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ด้วย กัน การที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกเชื่อมโยงกันไว้ในระบบจะสามารถติดต่อสื่อสารกันได้นั้น จำเป็นจะต้องมีการสื่อสารที่เรียกว่า โปรโตคอล (Protocol) เช่นเดียวกับคนเราที่ต้องมีภาษาพูดเพื่อให้สื่อสารเข้าใจกันได้ โปรโตคอลช่วยให้ระบบคอมพิวเตอร์สองระบบ ที่แตกต่างกันสามารถสื่อสารกันอย่างเข้าใจ ได้ คือข้อตกลงที่กำหนดเกี่ยว กับการสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆ ทั้งวิธีการส่งและรับข้อมูล วิธีการตรวจสอบข้อผิดพลาดของการส่งและรับ ข้อมูล การแสดงผลข้อมูลเมื่อส่งและรับกันระหว่างเครื่องสองเครื่อง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าโปรโตคอลมีความสำคัญมากในการสื่อสารบนเครือข่าย หากไม่มี โปรโตคอลแล้ว การสื่อสารบนเครือข่ายจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้
แบบฝึกหัด บทที่ 6 เ รื่ อ ง ค ว า ม รู้พื้ น ฐ า น เ กี่ ย ว กั บ ร ะ บ บ ก า ร สื่ อ ส า ร ข้ อ มู ล นางสาวอัญชิษฐา ชะดารัตน์ จิตรกรรมไทย ปี2 รหัสนักศึกษา 4641070641104 นายติณภพ บางขาม จิตรกรรมไทย ปี2 รหัสนักศึกษา 4641070641107 นายจตุรพัฒน์ พุ่มห่าน จิตรกรรมไทย ปี2 รหัสนักศึกษา 4641070641128
แบบฝึกหัด บทที่ 6 เรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับระบบการสื่อสารข้อมูล 1. จงบอกความหมายของระบบการสื่อสารข้อมูล การสื่อสารข้อมูล (Data Communications) หมายถึง กระบวนการถ่ายโอนหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับ โดยผ่านช่องทางสื่อสาร เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือคอมพิวเตอร์เป็นตัวกลางในการส่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ส่งและผู้รับเกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน 2. อธิบายองค์ประกอบพื้นฐานระบบการสื่อสารข้อมูล องค์ประกอบของการสื่อสารข้อมูล มีอยู่ 5 อย่าง ได้แก่ 1. ผู้ส่ง (Sender) ผู้ส่ง (Sender) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการส่งข่าวสาร (Message) เป็นต้นทางของการสื่อสารข้อมูลมีหน้าที่เตรียมสร้างข้อมูล เช่น ผู้ พูด โทรทัศน์ กล้องวิดีโอ เป็นต้น 2. ผู้รับ (Receiver) ผู้รับ (Receiver) เป็นปลายทางการสื่อสาร มีหน้าที่รับข้อมูลที่ส่งมาให้ เช่น ผู้ฟังเครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องพิมพ์ เป็นต้น 3. สื่อกลาง (Medium) สื่อกลาง (Medium) หรือตัวกลาง เป็นเส้นทางการสื่อสารเพื่อนำข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทาง สื่อส่งข้อมูลอาจเป็นสายคู่บิดเกลียว สายโคแอก เชียล สายใยแก้วนำแสง หรือ คลื่นที่ส่งผ่านทางอากาศ เช่น เลเซอร์ คลื่นไมโครเวฟ คลื่นวิทยุภาคพื้นดิน หรือคลื่นวิทยุผ่านดาวเทียม 4. ข้อมูลข่าวสาร (Message) ข้อมูลข่าวสาร (Message) คือสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งผ่านไปในระบบสื่อสาร ซึ่งอาจถูกเรียกว่า สารสนเทศ (Information) โดยแบ่งเป็น 5รูป แบบ ดังนี้ 4.1 ข้อความ (Text) 4.2 ตัวเลข (Number) 4.3 รูปภาพ (Images) 4.4 เสียง (Audio) 4.5 วิดีโอ (Video) 5. โปรโตคอล (Protocol) โปรโตคอล (Protocol) คือ วิธีการหรือกฎระเบียบที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลเพื่อให้ผู้รับและผู้ส่งสามารถเข้าใจกันหรือคุยกันรู้เรื่อง โดยทั้งสองฝั่ งทั้ง ผู้รับและผู้ส่งได้ตกลงกันไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ในคอมพิวเตอร์โปรโตคอลอยู่ในส่วนของซอฟต์แวร์ที่มีหน้าที่ทำให้การดำเนินงาน ในการสื่อสารข้อมูล เป็นไปตามโปรแกรมที่กำหนดไว้ ตัวอย่างเช่น TCP/IP เป็นต้น 3. จงบอกการส่งสัญญาณบนสื่อกลางข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ ได้ สื่อที่ใช้ส่งข้อมูลในระบบเครือข่ายในปัจจุบัน สามารถแบ่งสื่อกลางได้เป็น 2 ประเภท คือ 1. สื่อกลางที่กำหนดเส้นทางได้ (Guided media) หรือ ระบบใช้สาย (Wired system) เป็นระบบที่รวมสื่อกลางที่เป็นสายทั้งหมด ใช้ได้ทั้งระยะใกล้หรือ ไกล สายสัญญาณที่มีใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ สายเกลียวคู่ สายโคแอกเซียล และ สายใยแก้วนำแสง 2.สื่อกลางที่กำหนดเส้นทางไม่ได้ ( Unuided media) หรือ ระบบไร้สาย ( Wireless system ) เป็นระบบที่ไม่ใช้สายสัญญาณเป็นตัวนำข้อมูล เช่น ระบบไมโครเวฟ ระบบดาวเทียม ระบบอินฟราเรด ระบบวิทยุ เป็นต้น 4. ให้นักศึกษายกตัวอย่างชนิดสื่อกลางส่งข้อมูลที่นำมาใช้งานบนเครือข่ายน้ัน ท้ังแบบสื่อกลางส่งข้อมูลแบบใช้สาย และแบบไร้สาย พร้อมทั้ง อธิบายการทำงาน สื่อกลางแบบใช้สาย 1) สายคู่บิดเกลียว (twisted pair cable) สายนำสัญญาณแบบนี้แต่ละคู่สายที่เป็นสายทองแดงจะถูกพันบิดเป็นเกลียว เพื่อลบการรบกวนของ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากคู่สายข้างเคียงภายในสายเดียวกันหรือจากภายนอก ทำให้สามารถส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง สายคู่บิดเกลียวสามารถใช้ส่งข้อมูล จำนวนมากเป็นระยะทางไกลได้หลายกิโลเมตร เนื่องจากราคาไม่แพงมาก ใช้ส่งข้อมูลได้ดี น้ำหนักเบา ง่ายต่อการติดตั้ง จึงนิยมใช้งานอย่างกว้างขวาง ตัวอย่างสายคู่บิดเกลียว สายคู่บิดเกลียวมี 2 ชนิด คือ 1. สายคู่บิดเกลียวแบบไม่ป้องกันสัญญาณรบกวน หรือสายยูทีพี (Unshielded Twisted Pair :UTP) เป็นสายใช้ในระบบโทรศัพท์ ต่อมาได้มีการรับ ปรุงคุณสมบัติให้ดีขึ้น จนสามารถใช้กบสัญญาณความถี่สูงได้ ทำให้ส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงขึ้น 2. สายคู่บิดเกลียวแบบป้องกันสัญญาณรบกวน หรือสายเอสทีพี (Shielded Twisted Pair: STP) เป็นสายที่หุ้มด้วยตัวกั้นสัญญาณเพื่อป้องกันการ รบกวนได้ดียิ่งขึ้น สายเอสทีพีรองรับความถี่ของการส่งข้อมูลสูงกว่าสายยูทีพี แต่มีราคาแพงกว่า 2) สายโคแอกซ์ (coaxial cable) เป็นสายนำสัญญาณที่เรารู้จักกันดี โดยใช้เป็นสายนำสัญญาณที่ต่อจากเสาอากาศเครื่องรับโทรทัศน์หรืสายเคเบิลทีวี ตัวสายประกอบด้วยลวดทองแดงที่เป็นแกนหลักหนึ่งเส้นหุ้มด้วยฉนวนเพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่ว จากนั้นจะหุ้มด้วยตัวนำซึ่งทำจากลวดทองแดงทักเป็น ร่างแหเพื่อป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสัญญาณรบกวนอื่นๆ ก่อนจะหุ้มชั้นนอกสุดด้วยฉนวนพลาสติก และนิยมใช้เป็นสายนำ สัญญาณแอนะล็อกเพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ภาพและเสียง (audio-video devices) ต่างๆ ภายในบ้านและสำนักงาน ตัวอย่างสายโคแอกซ์ 3) สายไฟเบอร์ออพติก (fiber-optic cable) ประกอบด้วยกลุ่มของเส้นใยทำจากแก้วหรือพลาสติกที่มีขนาดเล็กประมาณเส้นผม แต่ละเส้นจะมีแกน กลาง (core) ที่ถูกห่อหุ้มด้วยวัสดุใยแก้วอีกชนิดหนึ่งซึ่งเรียกว่า แคล็ดดิง (cladding) และหุ้มอีกชั้นด้วยฉนวนเพื่อป้องกันการกระแทกและฉีกขาด ตัวอย่างสายไฟเบอร์ออพติก สื่อกลางแบบไร้สาย การสื่อสารแบบไร้สายอาศัยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นสื่อกลางนำสัญญาณ ซึ่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สามารถนำมาใช้ในการสื่อสารข้อมูลมีหลายชนิด แบ่ง ตามช่วงความถี่ที่แตกต่างกัน การสื่อสารแบบไรสายมีผู้นิยมใช้มากขึ้น เนื่องจากมีความคล่องตัวสูงและสะดวกสบาย มักนิยมใช้กันในพื้นที่ที่การติด ตั้งสานนำสัญญาณทำได้ลำบากหรือค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูงเกินไป สื่อกลางของการสื่อสารแบบนี้ เช่น อินฟราเรด ( Infrared : IR ) ไมโครเวฟ ( microwave ) คลื่นวิทยุ (radio wave) และดาวเทียมสื่อสาร (communications satellite ) 1. อินฟราเรด สื่อกลางประเภทนี้มักใช้กับการสื่อสารข้อมูลที่ไม่มีสิ่งกีดขวางระหว่างตัวส่งและตัวรักสัญญาณ เช่น การส่งสัญญาณจากรีโมต คอนโทรลไปยังเครื่องรักโทรศัพท์หรือวิทยุการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์โดยผ่านพอร์ตไออาร์ดีเอ (The Infrared Data Association : IrDA ) :ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อเครือข่ายระยะใกล้ 2. ไมโครเวฟ เป็นสื่อกลางในการสื่อสารที่มีความเร็วสูง ใช้สำหรับการเชื่อมต่อระยะไกลโดยการส่งสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปในอากาศพร้อมกับ ข้อมูลที่ต้องการส่ง และต้องมีสถานีที่ทำหน้าที่ส่งและรับข้อมูล และเนื่องจากสัญญาณไมโครเวฟจะเดินทางเป็นเส้นตรงไม่สามารถเลี้ยวตามความโค้ง ของผิวโลกได้ จึงต้องมีการตั้งสถานีรักส่งข้อมูลเป็นระยะ และส่งข้อมูลต่อกันระหว่างสถานี จนกว่าจะถึงสถานีปลายทาง และแต่ละสถานีจะตั้งอยู่ในที่ สูง เช่น ดาดฟ้า ตึกสูง หรือยอดเขา เพื่อหลีกเลี่ยงการชนสิ่งกีดขวางในแนวการเดินทางของสัญญาณ การส่งข้อมูลผ่านสื่อกลางชนิดนี้เหมาะกับการ ส่งข้อมูลในพื้นที่ห่างไกลมากๆ และไม่สะดวกในการวางสายสัญญาณ ซึ่งเสาสัญญาณแต่ละเสาสามารถวางห่างไกลได้ถึง 80 กิโลเมตร ตัวอย่างการ ส่งสัญญาณผ่านไมโครเวฟภาคพื้นดิน 3. คลื่นวิทยุ เป็นสื่อกลางที่ใช้ส่งสัญญาณไปในอากาศ โดยสามารถส่งในระยะทางได้ทั้งใกล้และไกล โดยมีตัวกระจายสัญญาณ (broadcast) ส่งไป ยังตัวรับสัญญาณ และใช้คลื่นวิทยุในช่วงความถี่ต่างๆ กันในการส่งข้อมูล เช่น การสื่อสารระยะไกลในการกระจายเสียงวิทยุระบบเอเอ็ม (Amplitude Modulation : AM ) และเอฟเอ็ม (Frequency Modulation : FM) หรือการสื่อสารระยะใกล้ โดยใช้ไวไฟ ( Wi-Fi ) และบลูทูท (bluetooth)
4. ดาวเทียมสื่อสาร พัฒนาขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของสถานีรักส่งไมโครเวฟบนผิวโลกโดนเป็นสถานีรับส่งสัญญาณไมโครเวฟบนอวกาศ ในการ ส่งสัญญาณต้องมีสถานีภาคพื้นดินคอยทำหน้าที่รับและส่งสัญญาณขึ้นไปบนดาวเทียมที่โคจรอยู่สูงจากพื้นโลกประมาณ 35,600 กิโลเมตร โดน ดาวเทียมเหล่านั้นจะเคลื่อนที่ด้วยคามเร็วที่เท่ากับการหมุนของโลก จึงเสมือนกับดาวเทียมนั้นอยู่นิ่งกับที่ขณะที่โลกหมุนรอบตัวเอง ทำให้การส่ง สัญญาณไมโครเวฟจากสถานีหนึ่งขึ้นไปบนดาวเทียม และการกระจายสัญญาณจากดาวเทียมลงมายังสถานีตามจุดต่างๆ บนผิวโลก เป็นไปอย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังมีการใช้งานดาวเทียมในการระบุตำแหน่งบนพื้นโลกเรียกว่าระบบจีพีเอส โดยบอกพิกัดเส้นรุ้งและเส้นแวงของผู้ใช้งานเพื่อใช้ในการนำทาง 5. จงอธิบายการหน้าที่ของอุปกรณ์ที่ใช้ในการส่งรับข้อมูลการสื่อสาร มาอย่างน้อย 3 ชนิด 1. ฮับ หรือ รีพีทเตอร์ (Hub, Repeater) 2. สวิทช์ หรือ บริดจ์ (Switch, Bridge) 3. เร้าเตอร์ (Router)
แบบฝึกหัด บทที่ 7 เ รื่ อ ง ป ร ะ เ ภ ท ข อ ง เ ค รือ ข่ า ย ค อ ม พิ ว เ ต อ ร์ นางสาวอัญชิษฐา ชะดารัตน์ จิตรกรรมไทย ปี2 รหัสนักศึกษา 4641070641104 นายติณภพ บางขาม จิตรกรรมไทย ปี2 รหัสนักศึกษา 4641070641107 นายจตุรพัฒน์ พุ่มห่าน จิตรกรรมไทย ปี2 รหัสนักศึกษา 4641070641128
แบบฝึกหัด บทที่ 7 เรื่อง ประเภทของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 1. จงบอกประเภทของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การแบ่งประเภทของเครือข่ายสามารถแบ่งได้หลายแบบด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่นิยมแบ่งตามขนาดของ เครือข่าย โดยสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท คือ LAN (Local Area Network), MAN (Metropolitan Area Network) และ WAN (Wide Area Network) 2. ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์สามารถจำแนกได้กี่ประเภทอะไรบ้าง จำแนกได้ 4 ประเภท 1. เครือข่ายส่วนบุคคล หรือแพน ( Personal Area Network: PAN ) 2. เครือข่ายเฉพาะที่ หรือแลน ( Local Area Network: LAN ) 3. เครือข่ายนครหลวง หรือแมน (Metropolitan Area Network: MAN) 4. เครือข่ายวงกว้าง หรือแวน (Wide Area Network: WAN) 3. ประเภทเครือข่ายที่ใช้ขนาดทางกายภาพของเครือข่ายเป็นเกณฑ์แบ่งเป็นกี่ประเภท อะไรบ้างจงอธิบาย แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทดังนี้ - LAN (Local Area Network): หรือเครือข่ายท้องถิ่น - WAN (Wide Area Network): หรือเครือข่ายบริเวณกว้าง 4.ประเภทเครือข่ายที่ใช้ลักษณะหน้าที่การทางานของคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายเป็นเกณฑ์ สามารถแบ่งได้กี่ประเภท อะไรบ้างจงอธิบาย สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทดังนี้ - Peer-to-Peer Network หรือเครือข่ายแบบเท่าเทียม - Client-Server Network หรือเครือข่ายแบบผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ 5. ประเภทเครือข่ายที่ใช้ระดับความปลอดภัยของข้อมูลเป็นเกณฑ์ มีอะไรบ้างจงอธิบาย สามารถแบ่งได้ดังนี้คือ - Intranet หรือเครือข่ายส่วนบุคคล - Internet หรือเครือข่ายสาธารณะ - Extranet หรือเครือข่ายร่วม
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: