Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทเรียนโมดูล 20103-112 วิชาวัสดุช่างเชื่อม

บทเรียนโมดูล 20103-112 วิชาวัสดุช่างเชื่อม

Description: หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 มาตรฐานเหล็กในอุตสาหกรรม

Search

Read the Text Version

บทเรียนโมดูล 20103-112 วชิ าวสั ดชุ ่างเช่อื ม สาขาวชิ าช่างเชอื่ มโลหะ โดย นายชยั สทิ ธ์ิ ประสาททอง แผนกวิชาชา่ งเชื่อมโลหะ วทิ ยาลยั เสรมิ ทักษะพระภกิ ษุ สามเณร สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา

คานา แผนการจัดการเรียนรู้วิชารหสั วิชา 20103-112 วสั ดชุ ่างเชือ่ ม ผู้จัดทา ไดจ้ ัดทาให้ตรงกับ จุดประสงค์ รายวิชา สมรรถนะรายวิชา และคาอธิบายรายวชิ า ทีก่ าหนดไวใ้ นหลักสตู รประกาศนยี บตั รวิชาชพี พุทธศกั ราช 2562 ของสานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษากระทรวงศึกษาธิการ การแบ่งหน่วยการเรียนแบ่งออกเป็น 14 หน่วยการเรียน ได้แก่ ศึกษาเก่ียวกับชนิดและสมบัติของ โลหะกลุม่ เหล็ก(Ferrous Metal) โลหะนอกกลุม่ เหล็ก(Non Ferrous Metal) ลวดเช่ือมและฟลกั ซแ์ ก๊สคลมุ (Gas Shielded) แผ่นรองหลังงานเช่ือม(Back Strip) กาว (Adhesive Bonding) ปฏิบัติการทดสอบหา สมบัติเชิงกลของวสั ดุและลวดเชื่อม ด้วยวิธีการทดสอบแรงดึงและการทดสอบแรงกระแทก เปรียบเทียบ ประสิทธภิ าพการเตมิ ลวด ของกระบวนการเชอ่ื มแบบต่างๆ ในแต่ละหนว่ ยการเรียนผู้จดั ทาได้เรียบเรียงจาก เอกสาร ตารา และประสบการณก์ ารสอนโดยมีการบรู ณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงและนโยบาย สถานศกึ ษา 3D ทกุ หนว่ ยการเรียน แผนการจัดการเรยี นร้เู ลม่ น้ีเปน็ คู่มอื ประกอบในการจัดการเรยี นการสอน ในรายวิชาวัสดชุ ่างเชอื่ มได้ เป็นอย่างดี หากมีขอ้ เสนอแนะประการใด ผจู้ ัดทายนิ ดีนอ้ มรับไวด้ ้วยความขอบคณุ นายชัยสิทธ์ิ ประสาททอง ผู้จัดทา

สารบัญ หน้า เรอื่ ง ก ข คานา 1 สารบญั 2 1 .คาชี้แจงในการใชม้ อดูลสาหรับนกั เรียน 3 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 8 3. แบบทดสอบกอ่ นเรียน 9 4. เฉลย 11 5. เนอ้ื หา 1 12 6. กิจกรรม(ยอ่ ย)ระหว่างเนอื้ หา 1 15 7. เน้อื หา 2 16 8. กิจกรรม(ย่อย)ระหวา่ งเนอ้ื หา 2 21 9. แบบทดสอบหลงั เรยี น 10. เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน

1 1.คาชแี้ จงในการใชโ้ มดูลสาหรับนักเรียน 1.1องค์ประกอบของบทเรียนโมดูล (Learning Module) บทเรียนโมดูล มี 1 ชดุ ประกอบดว้ ย 1. คาแนะนาในการใชบ้ ทเรยี นโมดลู 2. วตั ถุประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม 3. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 4. ใบเฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน 5. ใบเนือ้ หา 6. กิจกรรม(ย่อย)ระหวา่ งเนือ้ หา 7. แบบทดสอบหลงั เรยี น ( Post – Assessment) 8. ใบเฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน 1.2 คาแนะนาในการใช้บทเรียนโมดลู 1. นักเรยี นต้องศึกษาบทเรียนโมดูลทุกบทเรยี นตามลาดบั หา้ มขา้ มบทเรียนใด บทเรียนหนึ่ง 2. ใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น โดยทาเฉพาะขอ้ ที่นกั เรียนรแู้ ทจ้ รงิ โดยอย่าเดาคาตอบ ถา้ ข้อใดไม่มคี วามรู้ กข็ า้ มข้อน้ันไป โดยทาลงในกระดาษคาตอบทแ่ี จกให้ 3. ดูเฉลยแบบทาสอบกอ่ นเรยี นแล้วประเมนิ ผลการทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น ซึง่ เปน็ การวัดพนื้ ฐานความร้ขู องผเู้ รียน 1.3 ขนั้ ตอนการใช้บทเรียนโมดลู 1. ขอใหน้ กั เรียนปฏิบัตติ ามคาแนะนาและขั้นตอนการใช้อยา่ งเครง่ ครัด 2. นักเรยี นต้องมีความซอ่ื สัตย์ต่อตนเอง โดยไม่เปิดดูข้อเฉลยคาตอบก่อนทาแบบทดสอบก่อน เรียน และแบบทดสอบหลงั เรียน เพราะจะทาให้นักเรียนขาดความม่ันใจ ในการเรียนดว้ ยตนเอง และไม่เกิด ความเขา้ ใจทแี่ ทจ้ ริง 3. บทเรียนโมดูลนี้ นักเรียนสามารถใช้เรียนได้ตามความต้องการ ความพร้อมและความสะดวก โดยไม่จากดั เวลาเรยี น และสถานท่ีเรยี น 4. ขอให้นกั เรยี นศึกษาวัตถุประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม 5. ให้นกั เรียนศกึ ษาเน้อื หา บทเรยี นจากใบเน้อื หาใหเ้ กิดความเขา้ ใจตามลาดบั 6. เมอ่ื ศกึ ษาเนื้อหาบทเรยี นเขา้ ใจดแี ล้ว ให้นกั เรียนท าแบบทดสอบหลังเรียนในบทเรียนน้ันๆ 7. เมือ่ ทาแบบทดสอบแล้วให้ตรวจคาตอบจากใบเฉลยในหนา้ ถดั ไป 8. ถา้ หากผลการประเมนิ ไมผ่ ่านเกณฑ์ นักเรียนต้องเรียนซอ่ มเสริมทบทวนเน้ือหาของบทเรียนน้ี สามารถกลับไปศึกษาเนอื้ หาเดิมได้ตามตอ้ งการ ความพร้อมและความสะดวกโดยไม่จ ากัดเวลาและสถานท่ี เรยี น 9. นกั เรียนท่ผี า่ นเกณฑ์การประเมนิ บทเรยี นโมดูลชุดที่ 1 แล้วใหเ้ รียนบทเรียนโมดลู ในชุดถดั ไป และต้องผ่านเกณฑ์จนครบทุกชุดของบทเรียนโมดูล ต่อจากน้ันให้นักเรียนมาสอบภาคทฤษฎีกับครูผู้สอนท่ี สถานศกึ ษาตอ่ ไป

2 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 2.1.1 เพอ่ื ให้มีความร้คู วามเข้าใจมาตรฐานเหลก็ ของระบบอเมรกิ า 2.1.2 เพอ่ื ใหม้ ีความรคู้ วามเขา้ ใจมาตรฐานเหลก็ ของระบบเยอรมัน 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) 2.2.1 อธิบายมาตรฐานเหลก็ ของระบบอเมรกิ า 2.2.2 อธบิ ายมาตรฐานเหลก็ ของระบบเยอรมัน 2.3 ด้านคณุ ลกั ษะณะ (A) 2.3.1 นกั เรยี นมเี จตคติที่ดีต่อการเรยี นรวู้ ิชาวสั ดุช่างเชื่อม 2.3.2 นกั เรยี นนกั ศกึ ษามคี่ ุณลกั ษะอันพงึ ประสงค์ ไดแ้ กค่ วามมวี นิ ัย ความรบั ผดิ ชอบ

3 3. แบบทดสอบกอ่ นเรียน คาสัง่ ให้นักเรียนเลอื กข้อทถี่ ูกต้องเพยี งขอ้ เดียว 1. สถาบนั ใดของประเทศไทยไดก้ าหนดมาตรฐานเหล็กทใ่ี ชก้ ันอย่ใู นปัจจุบนั ก. ASTM ข. EN ค. TISI ง. SAE 2. เหล็ก AISI 1125 เป็นมาตรฐานเหลก็ ของประเทศใด ก. เยอรมนั ข. อังกฤษ ค. สหรฐั อเมรกิ า ง. ญป่ี นุ่ 3. เหล็ก JIS S37C-DAS เปน็ เหลก็ ทผ่ี า่ นกรรมวิธีการผลติ แบบใด ก. ถกู กาจดั ออกซเิ จน ข. ดงึ ขึน้ รูปเย็น ค. อบคลายความเครียด ง. อบคนื ตัว 4. เหลก็ กล้าชนิดใดเป็นเหลก็ กล้าผสมแมงกานสี เกิน 1% ก. AISI 1030 ข. AISI 1144 ค. AISI 1212 ง. AISI 1541 5. นิกเกลิ ส่วนใหญ่จะเปน็ ส่วนผสมในการผลิตโลหะชนิดใด ก. เหล็กเครือ่ งมือ ข. เหล็กหลอ่ ค. ทองแดง ง. สเตนเลส 6. ตะกั่วมีคุณสมบตั ทิ ด่ี ใี นขอ้ ใด ก. ทนต่อแรงดงึ ข. ทนตอ่ ดา่ ง ค. ทนตอ่ เฉือน ง. ทนต่อกรด 7. โลหะชนดิ ใดนิยมใชท้ าสายไฟฟ้าแรงสงู ก. ดบี ุก ข. เงิน ค. ทองแดง ง. อะลมู เิ นียม 8. การเช่อื มโดยใช้แท่งทองแดงเปน็ ลวดเชือ่ ม เป็นกระบวนการเชือ่ มแบบใด ก. แบบพลาสมา ข. แบบมิก ค. แบบความตา้ นทาน ง. แบบสตัด 9. มาตรฐานลวดเช่อื ม AWS A 5.5 เป็นลวดเชือ่ มใชส้ าหรบั โลหะชิน้ งานชนิดใด ก. เหลก็ กล้าคาร์บอน ข. เหลก็ หล่อ ค. เหลก็ กลา้ ผสมต่า ง. ทองแดงและทองแดงผสม 10. การเลอื กลวดเชื่อมใหเ้ หมาะสมกบั ความแขง็ ของโลหะช้ินงาน จะพจิ ารณาสญั ลกั ษณล์ วดเช่อื มจากตาแหนง่ ใด ก. ตัวเลขตวั ท่ี 1 ข. ตัวเลขตวั ที่ 2 หรอื 3 ตวั แรก ค. ตวั เลขทีต่ ัวที่ 3 หรอื 4 ง. ตวั เลขตวั สดุ ท้าย

4 11. ในการทดสอบความต้านทานการกระแทกของโลหะแนวเช่อื มด้วยลวดเช่ือมมาตรฐาน DIN ใช้มาตรฐานใด ก. AWS ข. ISO ค. JIS ง. ASTM 12. ลวดเช่ือมทหี่ ้มุ ฟลกั ซช์ นิดท่ีเปน็ ด่างเหมาะสมกบั กระแสไฟเชือ่ มชนดิ ใด ก. AC ข. DCEN ค. ACHF ง. DCEP 13. สารชนดิ ใดมคี ุณสมบตั ิช่วยในการยึดเหน่ยี วได้ดี ก. เฟอรโ์ รแมงกานสี ข. ฟลอู อรส์ ปาร์ ค. โพแทสเซียม ง. คาร์โอลิน 14. ฟลักซห์ มุ้ ชนิดใดทีใ่ หก้ ารถา่ ยเทหยดน้าโลหะลกั ษณะเป็นฝอยละเอยี ด ก. รไู ทล์ ข. กรด ค. ด่าง ง. เซลลูโลส 15. สญั ลักษณล์ วดเชอื่ ม E 6013 เป็นมาตรฐานของประเทศใด ก. ออสเตรเลีย ข. ญ่ีปุ่น ค. เยอรมัน ง. สหรัฐอเมรกิ า 16. ซลิ คิ อนทผ่ี สมอย่ใู นลวดเชือ่ มอะลมู เิ นียมผสม จะมผี ลอย่างไรต่อการเช่อื ม ก. ทาให้การซมึ ลกึ ดขี นึ้ ข. ทาใหม้ คี วามแข็งแรงมากข้นึ ค. ทาให้ไหลตวั ไดด้ ี ง. เพิ่มความเหนยี วใหก้ บั แนวเชอ่ื ม 17. ธาตไุ ทเทเนยี มจะมผี ลอย่างไรตอ่ เน้ือเช่อื ม ก. ทนตอ่ แรงดงึ ได้มากขึน้ ข. เพม่ิ ความเหนยี วมากขนึ้ ค. การไหลตัวดี ง. ทาให้เน้ือเช่อื มมเี มด็ เกรดละเอยี ด 18. กระแสไฟเชือ่ ม DCEN จะต่อแบบใด ก. ลวดเช่ือมตอ่ กบั ขวั้ บวก ข. ลวดเชือ่ มตอ่ กบั ขว้ั ลบ ค. ตอ่ แบบกระแสไฟสลับ ง. ตอ่ แบบผสม 18. ลวดเชอ่ื ม E St จะมธี าตใุ ดเป็นธาตุหลัก ก. คาร์บอน ข. เหลก็ ค. โครเมียม ง. นกิ เกลิ 19. การเคาะเบาๆ ดว้ ยคอ้ นหลงั จากการเชื่อมหรอื การพนี นงิ่ (Peening) มีวตั ถุประสงคใ์ นข้อใด ก. เพอ่ื ลดการบดิ งอของช้นิ งาน ข. เพอ่ื ลดการเกดิ ความเค้นภายใน ค. เพอ่ื ลดออกซิเจนในเนื้อชน้ิ งาน ง. เพอ่ื ลดการเกดิ ฟองอากาศ 20. สญั ลกั ษณล์ วดเชอ่ื ม นาไปใช้เช่ือมในท่าใดจึงจะเหมาะสมทสี่ ุด ก. ทุกทา่ ข. ทา่ ตั้งและท่าขนานนอน ค. ทา่ เหนอื ศรี ษะ ง. ทา่ ราบและทา่ ขนานนอน

5 21. ถ้าตอ้ งการเชอ่ื มพอกแบรงิ่ ควรใช้ลวดเชื่อมชนดิ ใด ก. Fe-2 ข. NiFe-2 ค. Ni Cu ง. Cu Sn 22. จุดประสงค์ท่สี าคญั ของฟลกั ซห์ ุ้มลวดเชื่อมคือข้อใด ก. ปอ้ งกันไฟฟ้าดดู ข. ไม่ให้ลวดเชอ่ื มเกดิ สนิม ค. ปอ้ งกันการเสยี ดสีขณะขนสง่ จะทาใหค้ ุณภาพต่าลง ง. ป้องกันการรวมตัวของบรรยากาศกบั แนวเช่อื ม 23. ไฮโดรเจนทรี่ วมตวั กับแนวเชือ่ มจะมผี ลอยา่ งไรกบั แนวเช่ือม ก. เกิดการล้นแนว ข. เกดิ การแตกร้าว ค. เกิดการกัดแหว่งขอบแนวเช่อื ม ง. เกิดการบิดงอสูง 24. หน้าท่ีหลักของฟลกั ซห์ มุ้ ชนิดโพแทสเซยี มซลิ เิ กตคอื ข้อใด ก. เกดิ แกส๊ ข. อาร์กสม่าเสมอ ค. กาจัดออกซิเจน ง. ลดการแตกร้าว 25. กรดแรท่ อี่ ยู่ในฟลกั ซห์ ุม้ จะให้คณุ ภาพของแนวเชื่อมเปน็ อยา่ งไร ก. เกร็ดแนวเชือ่ มหยาบปานกลาง ข. ซึมลกึ ดมี าก ค. แนวเชื่อมแบนถงึ นูนเล็กน้อย ง. เม็ดโลหะเลก็ เคาะขตี้ ะกรันออกงา่ ย 26. ลวดเชอ่ื มขนาดเล็กเหมาะสาหรบั การเชอ่ื มในทา่ ใด ก. ท่าราบและทา่ ตง้ั ข. ท่าต้งั และท่าเหนือศีรษะ ค. ทา่ ขนานนอนเท่านั้น ง. ท่าเหนือศรี ษะเทา่ นัน้ 27. ลวดเชอ่ื ม SG1 เป็นลวดเช่อื มมาตรฐานใด ก. AWS ข. JIS ค. DIN ง. BS 28. ลวดเชอ่ื มชนดิ ใดท่ีไมม่ แี กส๊ ปกคลุมในตัว ก. EXXT-3 ข. EXXT-4 ค. EXXT-5 ง. EXXT-6 29. ลวดเช่ือมมกิ จัดเป็นลวดเช่ือมแบบใด ก. แบบไม่ส้นิ เปลอื ง ข. แบบสิ้นเปลอื ง ค. แบบโลหะเตมิ ง. แบบไม่เก่ียวขอ้ งกับข้ัวไฟฟา้ 30. นอกจากในงานเชอ่ื มแล้ว ทงั สเตนนิยมนามาใช้ทาสงิ่ ใด ก. ไสห้ ลอดไฟฟา้ ข. เปน็ สว่ นผสมในการผลติ แกส๊ ไนโตรเจน ค. ผลิตเป็นลวดทนความร้อน ง. ใชท้ าสายไฟฟา้ 31. การผลิตลวดเชอ่ื มทงั สเตนนยิ มใช้กระบวนการใด ก. เทลงแบบ ข. ดงึ ขึ้นรูป ค. กลงึ ข้นึ รูป ง. อัดขนึ้ รูป

6 32. เหตผุ ลใดจึงไมน่ ิยมใชล้ วดเชอ่ื มทงั สเตนบริสุทธกิ์ บั การเชอื่ มกระแสไฟตรง ก. การนาไฟฟา้ จะเพม่ิ มากข้นึ ข. การนาไฟฟา้ ต่ากวา่ ทงั สเตนผสม ค. ลวดเชอื่ มจะหดส้นั เรว็ ง. จะเกิดรพู รุนมาก 33. โค้ดสีของลวดเชอ่ื มทงั สเตนเซอรโ์ ครเนยี มจะเปน็ สใี ด ก. เขยี ว ข. เหลอื ง ค. น้าเงิน ง. นา้ ตาล 34. ปญั หาการแตกร้าวใต้แนวเช่อื มเกิดจากสาเหตใุ ด ก. ไฮโดรเจนเข้ารวมตัวกบั แนวเชอื่ ม ข. ใชค้ วามรอ้ นในการเชือ่ มนอ้ ยเกินไป ค. แกส๊ ฮีเลียมเขา้ รวมตวั กับแนวเชอ่ื ม ง. เกดิ จากแก๊สผสม 3 ชนิด 35. ลกั ษณะแนวเชือ่ มเม่อื ใชแ้ กส๊ อารก์ อนปกคลุมจะเปน็ อย่างไร ก. แนวเชือ่ มแคบซึมลกึ ตา่ ข. แนวเชื่อมกว้างซมึ ลึกต่า ค. แนวเชื่อมกว้างซึมลกึ สูง ง. แนวเชื่อมแคบซึมลึกสงู 36. แกส๊ คาร์บอนไดออกไซดช์ นดิ ใดเหมาะกบั การใช้ในงานเช่อื ม ก. Food Grade ข. Medical Grade ค. Industrial Grade ง. Welding Grade 37. แกส๊ ชนดิ ใดเหมาะสาหรบั การเชื่อมท่าตั้งและทา่ เหนอื ศรี ษะมากทส่ี ดุ ก. ฮเี ลียม ข. คาร์บอนไดออกไซด์ ค. ออกซเิ จน ง. อารก์ อน 38. ฟลกั ซท์ ่ใี ช้ในกระบวนการเช่ือมใตฟ้ ลกั ซจ์ ะมลี กั ษณะเปน็ อยา่ งไร ก. เป็นน้าเหลว ข. เป็นแกส๊ บรรจุในทอ่ ค. เปน็ ผงละเอยี ดคล้ายแป้งมนั ง. เป็นเมด็ เลก็ ๆ 39. จากสญั ลกั ษณ์ลวดเชือ่ ม เหมาะสาหรับกระแสไฟชนดิ ใด ก. กระแสสลับ ข. การแสสลบั ความถ่สี งู ค. กระแสตรงความถส่ี งู ง. กระแสตรง 40. ลวดเช่อื ม YS-S3 จะมสี ่วนผสมของซลิ คิ อนกี่เปอรเ์ ซ็นต์ ก. 0.10 - 0.15 ข. 0.12 - 0.18 ค. 0.15 - 0.60 ง. 0.20 - 0.70 41. จดุ ประสงค์ท่สี าคญั ของการเวน้ ระยะขอบของช้ินงานใหห้ ่างกนั เพือ่ อะไร ก. เพอ่ื ใหล้ วดเชื่อมเขา้ ไปอารก์ ไดถ้ งึ สว่ นลกึ ของรอยต่อ ข. เพอ่ื ใหม้ ีรอ่ งบงั คับการเคล่อื นลวดเชอื่ ม ค. เพื่อใหก้ ระแสไฟฟ้าไหลผ่านไดส้ ะดวก ง. เพ่อื ไลแ่ กส๊ ไนโตรเจนออกจากแนวเชือ่ ม

7 42. การเกดิ สแลกขงั อยู่ในช่องรอยต่อ มผี ลมาจากข้อใด ก. เว้นระยะขอบชิน้ งานนอ้ ยเกนิ ไป ข. เว้นระยะขอบช้ินงานมากเกินไป ค. ติดตง้ั แผน่ รองหลังแนบเกนิ ไป ง. ชนิดของกระแสไฟเชอ่ื มไมเ่ หมาะสม 43. Spacer ในงานเช่อื มมหี นา้ ท่ีอะไร ก. โลหะต่อเปน็ สะพานงานทมี่ ีระยะห่างมากๆ ข. โลหะท่ใี ชร้ องด้านหลงั รอยต่อชิ้นงาน ค. โลหะท่เี ปน็ ตวั ช่วยเพ่ิมความรอ้ นทร่ี องไว้ด้านหลงั รอยตอ่ ง. โลหะที่เปน็ ตวั ช่วยลดความร้อนทรี่ องไว้ด้านหลงั รอยต่อ 44. การทดสอบแรงดงึ เปน็ การทดสอบหาความเคน้ แบบใด ก. แบบอมิ แพค ข. แบบชารป์ ี ค. แบบสถิต ง. แบบไดนามิกส์ 45. เหล็กกล้าชนิดเหนียวเม่ือทดสอบแรงดงึ จะมีลกั ษณะการขาดเปน็ อย่างไร ก. การขาดแบบขวาง ข. การขาดแบบเฉยี ง ค. การขาดแบบผสม ง. การขาดแบบตรง 46. โลหะชนดิ ใดเมอ่ื ทดสอบแรงดงึ จะมลี กั ษณะการขาดแบบขวาง ก. สเตนเลส ข. เหล็กหลอ่ ค. เหล็กเหนียว ง. อะลูมเิ นียม 47. ความหนาของแนวเช่อื มของชิ้นงานทดสอบตอ้ งตกแต่งใหม้ ขี นาดเทา่ ใด ก. เท่ากับความหนาของชิ้นงาน ข. สงู กวา่ ชนิ้ งาน 1% ค. ต่ากวา่ ช้นิ งาน 1% ง. ค่า n 2.5% 48. มุมบากของชน้ิ งานจะมีผลอยา่ งไรในการทดสอบแรงกระแทก ก. รอยบากมีค่ามาก รบั พลงั งานไดม้ ากข้นึ ข. รอยบากมคี า่ มาก รบั พลงั งานได้นอ้ ยลง ค. รอยบากมีค่านอ้ ยหรอื มผี ลเทา่ กัน ง. รอยบากมคี ่ามาก รบั พลงั งานไดน้ ้อยกว่ารอยบากทม่ี ีค่านอ้ ย 50% 49. ลกั ษณะผวิ ของช้ินงานทดสอบมลี กั ษณะแตกเปน็ เสน้ ผวิ มคี วามมันทึบ เปน็ การขาดแบบใด ก. แบบขวางตรง ข. แบบผสม ค. แบบครากตัว ง. แบบเดีย่ ว 50. สัญลักษณ์การทดสอบแบบชารป์ ี KCU 15/3 หมายถึงขอ้ ใด ก. การใช้พลงั งานกระแทก 1.5 Kgm ชน้ิ งานมรี อยบากลกึ 3 มิลลเิ มตร ข. การใช้พลงั งานกระแทก 15 Kgm ช้ินงานมรี อยบากลกึ 3 มลิ ลเิ มตร ค. การใชพ้ ลงั งานกระแทก 15.3 Kgm ชน้ิ งานบากรปู ตัว U ง. การใชพ้ ลงั งานกระแทก 15.3 Kgm ช้นิ งานบากรปู ตัว V

8 4. เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน 1 ก. 2 ค. 3 ข. 4 ง. 5 ง. 6 ง. 7 ง. 8 ค. 9 ค. 10 ข. 11 ข. 12 ง. 13 ค. 14 ข. 15 ง. 16 ค. 17 ง. 18 ข. 19 ข. 20 ข. 21 ก. 22 ง. 23 ข. 24 ค. 25 ง. 26 ข. 27 ค. 28 ค. 29 ข. 30 ก. 31 ข. 32 ข. 33 ง. 34 ง. 35 ค. 36 ข. 37 ง. 38 ง. 39 ค. 40 ก. 41 ก. 42 ก. 43 ค. 44 ค. 45 ข. 46 ก. 47 ค. 48 ก. 49 ค. 50 ข.

9 5.เน้อื หา 1 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 มาตรฐานเหล็กในอตุ สาหกรรม ในปัจจุบนั มีประเทศท่ีผลิตเหลก็ และเหล็กกลา้ ชนดิ ต่าง ๆ มากมาย แต่ละประเทศและแตล่ ะ กลมุ่ ผู้ผลติ จะกาหนดมาตรฐานทแ่ี ตกตา่ งกนั ออกไป ซ่งึ อาจจะกาหนดตามช่ือการค้า กาหนดตามกรรมวิธกี าร ผลิต หรือกาหนดตามการนาไปใชง้ าน สถาบนั ที่กาหนดมาตรฐานทมี่ อี ยูใ่ นปัจจบุ นั เชน่ AISI = American Iron and Steel Institute AISC = American Institute of Steel Construction ASTM = American Society for Testing and Materials SAE = Society of Automotive Engineers BS = British Standard DIN = Deutsche Industrial Norm EN = European Standard JIS = Japanese Industrial Standards TISI = Thai Industrial Standard Institute มาตรฐานเหลก็ ที่นามาใช้งานและเป็นที่รู้จักกนั ท่ัวไปในประเทศไทย มีอยู่หลายสถาบันด้วยกัน ดังน้ัน จงึ ต้องมีความเข้าใจมาตรฐานของแตล่ ะสถาบนั ใหถ้ กู ตอ้ ง 1. มาตรฐานเหลก็ ของอเมริกา มาตรฐานของสถาบันเหล็กและเหลก็ กลา้ ของอเมรกิ า (AISI) และของสมาคมวศิ วกรรมยานยนต์ ของอเมรกิ า (SAE) ไดก้ าเนิดมาตรฐานเหลก็ เป็นอักษรยอ่ ของสถาบนั หรอื สมาคมนาหนา้ ตามดว้ ยตวั อกั ษร และตามดว้ ยตัวเลข 4 หรือ 5 ตวั สาหรบั เหลก็ กลา้ คารบ์ อน และเหล็กกล้าผสมสาหรบั เหลก็ สเตนเลส หรือ เหล็กกล้าผสมตา่ ความแข็งแรงสงู บางครงั้ อาจจะมีอักษรอยรู่ ะหว่างกลางตวั เลข ดังตวั อย่างต่อไปนี้ จากสญั ลกั ษณข์ องตวั เลขและตวั อักษร สามารถอธบิ ายได้ดงั น้ี

10 1. อกั ษรบอกกรรมวธิ ีการผลติ และการใช้งานของเหล็ก จะมีอกั ษรดังต่อไปนี้ A หมายถงึ เหล็กกล้าท่ีผลิตดว้ ยเตาเบสเซมเมอร์ (Bessemer) ชนิดดา่ ง B หมายถงึ เหลก็ กลา้ ทผี่ ลิตดว้ ยเตาเบสเซมเมอร์ ชนดิ กรด C หมายถงึ เหล็กกลา้ ทผ่ี ลิตด้วยเตาโอเพนฮาร์ท (Openhearth) ชนิดดา่ ง D หมายถึง เหลก็ กล้าท่ีผลิตด้วยเตาโอเพนฮารท์ ชนิดกรด E หมายถึง เหลก็ กลา้ ทผ่ี ลติ ดว้ ยเตาไฟฟ้า 2. ตัวเลขบอกชนิดของเหลก็ สามารถแบ่งได้ดังตอ่ ไปน้ี เหลก็ กล้าคาร์บอน จะใชต้ วั เลข 1 เปน็ สัญลกั ษณ์ แบง่ กล่มุ ไดด้ ังน้ี กลุ่ม 10XX หมายถึง เหล็กกลา้ คาร์บอนทมี่ ีแมงกานีสผสมไม่เกนิ 1% กลุ่ม 11XX หมายถึง เหล็กกลา้ คารบ์ อนเติมกามะถนั สงู กลุ่ม 12XX หมายถึง เหล็กกลา้ คารบ์ อนเติมกามะถนั และฟอสฟอรัส กลมุ่ 15XX หมายถงึ เหล็กกล้าคาร์บอนเตมิ แมงกานีสสูงระหวา่ ง 0.75 - 1.65% เหล็กกล้าผสม จะใชต้ วั เลขท่นี อกเหนือจากเหล็กกลา้ คาร์บอน 3. ตวั เลขบอกปริมาณธาตุผสม ซึ่งจะเป็นตวั เลขตวั ท่ี 2 ตามสัญลักษณ์ เชน่ AISI 25XX หมายถึง เหลก็ กลา้ นกิ เกลิ มีปรมิ าณของนิกเกิลผสมอยู่ 5% ตารางมาตรฐานเหลก็ ของอเมรกิ า

11 6. กจิ กรรม(ย่อย)ระหว่างเนื้อหา 1 กจิ กรรม ถาม-ตอบ นักเรียนคนใดตอบถกู ครจู ะใหล้ กู อมเปน็ รางวลั 1. สญั ลกั ษณ์ W คอื .......................? 2. สัญลกั ษณ์ F คอื .......................? 3. สญั ลกั ษณ์ B บอกถึงกรรมวิธผี ลติ เหล็กแบบใด.......................? 4. สญั ลกั ษณ์ กลุม่ 10xxx บอกถึงชนดิ เหล็กอะไร.......................? 5. ทงั สเตนมสี ัญลกั ษณ์ คอื .......................?

12 7.เน้ือหา 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 มาตรฐานเหลก็ ในอุตสาหกรรม 2. มาตรฐานเหลก็ ของระบบเยอรมัน มาตรฐานเหลก็ ของระบบเยอรมนั (DIN) ได้กาหนดมาตรฐานเปน็ ตัวอักษรและตัวเลขดังตวั อย่าง ต่อไปนี้ DIN X X X X X ➄ ตัวอักษรบอกลักษณะของการอบชบุ และการใชง้ าน ➃ ตวั เลขบอกเปอรเ์ ซ็นต์ของธาตุผสม ➂ ตัวอักษรสญั ลกั ษณข์ องธาตุผสมในเหลก็ ➁ ตวั เลขบอกเปอรเ์ ซ็นตค์ ารบ์ อน และค่าความตา้ นทานแรงดึง ต่าสุด หนว่ ยเปน็ กก./มม.2 ➀ ตัวอักษรบอกชนิดเหลก็ กรรมวิธกี ารผลิต และคณุ สมบตั ิพเิ ศษ จากตัวอย่างสญั ลกั ษณ์ของเหลก็ ตามมาตรฐาน DIN สามารถอธบิ ายไดด้ งั น้ี 1. ตัวอักษรบอกชนิดเหลก็ กรรมวธิ ีการผลิต และคุณสมบัตพิ เิ ศษ ดงั แสดงในตาราง ตารางแสดงชนดิ ของ เหลก็ กรรมวิธกี ารผลิต และคุณสมบัติพิเศษ

13 2. ตวั เลขบอกเปอร์เซ็นตค์ าร์บอนทผ่ี สมอย่ใู นเหล็ก ซงึ่ ต้องหารด้วย 100 หรอื คา่ ความต้านทานแรงดงึ ตา่ สดุ ซ่งึ มหี นว่ ยเป็นกโิ ลกรมั ต่อตารางมิลลิเมตร ตัวอยา่ งเชน่ St.37 หมายถงึ เหลก็ กล้ามีความตา้ นทานแรงดึงตา่ สดุ 37 กก./มม.2 St.C35 หมายถงึ เหลก็ กล้าคาร์บอนมีปรมิ าณคารบ์ อนผสมอยู่ 0.35 % (13050) 3. ตัวอกั ษรสัญลกั ษณ์ของธาตทุ ผี่ สมในเหล็ก ตวั อยา่ งเช่น 42 CrMo หมายถึง เหลก็ กลา้ ทีม่ คี าร์บอนผสมอยู่ 0.42% (14020) ผสมธาตโุ ครเมียมและโมลบิ ดินมั GS-E 24 CrMo หมายถงึ เหล็กกล้าผสมหลอ่ จากเตาไฟฟ้าท่ีมคี าร์บอนผสมอยู่ 0.24% ผสมโครเมยี ม และโมลบิ ดนิ มั 4. ตัวเลขบอกเปอรเ์ ซน็ ตข์ องธาตผุ สม จะมตี ัวเลข 1-3 หลกั ซึง่ จะบอกปริมาณของธาตุท่ีผสมในเหล็ก ซ่งึ จะตอ้ งหารด้วยตวั เลข 4, 10, 100 ส่วนธาตสุ ังกะส,ี ดีบุก, แมกนเี ซยี ม และเหลก็ ไมต่ ้องมีตวั เลขหาร รายละเอยี ดดงั แสดงในตาราง ตารางแสดงสญั ลักษณ์ธาตผุ สม ตวั หาร และไมต่ อ้ งหาร ตัวอย่างเชน่ (43) LE 15 Cr 3 หมายถึง เหลก็ กลา้ ผลติ จากเตาไฟฟ้าชนิดอาร์ก มปี รมิ าณคารบ์ อนผสมอยู่ 0.15% และโครเมียม 0.75% G42S-C22rNMi 4o64หหมมาายยถถงึ ึงเเหหลล็ก็กกกลลา้ า้ ทหีม่ ลีป่อรทมิ ี่มาีปณรคิมาารณบ์ คอานรผบ์ สอมนอผยสู่ ม0.อ4ย2ู่%0.2โ2ค%รเมแยี ลมะโ1ม%ลิบ(44ด)นิ แมั ละ0น.4กิ %เก(ลิ 1401) .5% (64) X 5 CrNiMo 1810 หมายถงึ เหลก็ กลา้ ผสมสงู มปี รมิ าณคารบ์ อนผสมอยู่ 0.5% โครเมียม 18% นิกเกิล 10% และ โมลบิ ดินมั 0.2%

14 5. ตัวอกั ษรบอกลักษณะกรรมวิธผี ลิตและการใชง้ าน ซง่ึ จะมตี ัวอกั ษรแสดงในตาราง ตารางแสดงอกั ษร สญั ลกั ษณข์ องการอบ ชุบและใชง้ านของเหลก็

15 8. กิจกรรม(ย่อย)ระหวา่ งเนอื้ หา 2 กิจกรรม ถาม-ตอบ - นักเรียนคนใดตอบถูกครจู ะให้คะแนนเป็นรางวลั เป็นรางวลั - นกั เรียนตอบผิดหรือตอบไมไ่ ดค้ รูให้ร้องเพลงหรอื เตน้ ตามจงั หวะ เพลงหนา้ ห้องเรียน 1.สัญลักษณ์งานหล่อท่ัวไป คือ.......................? 2.สัญลักษณ์เหล็กกลา้ คอื .......................? 3.ตัวหารธาตุคาร์บอน มคี ่าเทา่ ใด.......................? 4.สญั ลกั ษณ์ A บอกลักษณะกรรมวธิ ผี ลิตและการใช้งานแบบใด.......................? 5.ทงั กระบวนการชุบแขง็ ดว้ เปลวไฟ มสี ญั ลกั ษณ์ คอื .......................?

16 9. แบบทดสอบหลังเรยี น แบบประเมินผลการเรยี นรู้หลงั เรยี น คาสัง่ ใหน้ กั เรยี นเลอื กข้อทถ่ี ูกต้องเพียงข้อเดยี ว 1. สถาบันใดของประเทศไทยได้กาหนดมาตรฐานเหลก็ ท่ใี ชก้ ันอยใู่ นปจั จุบนั ก. ASTM ข. EN ค. TISI ง. SAE 2. เหลก็ AISI 1125 เป็นมาตรฐานเหล็กของประเทศใด ก. เยอรมนั ข. องั กฤษ ค. สหรฐั อเมรกิ า ง. ญ่ีปุ่น 3. เหล็ก JIS S37C-DAS เปน็ เหลก็ ทผี่ า่ นกรรมวธิ กี ารผลิตแบบใด ก. ถูกกาจดั ออกซเิ จน ข. ดงึ ขนึ้ รูปเย็น ค. อบคลายความเครยี ด ง. อบคืนตวั 4. เหลก็ กลา้ ชนิดใดเปน็ เหล็กกล้าผสมแมงกานสี เกิน 1% ก. AISI 1030 ข. AISI 1144 ค. AISI 1212 ง. AISI 1541 5. นิกเกลิ สว่ นใหญจ่ ะเป็นส่วนผสมในการผลิตโลหะชนดิ ใด ก. เหล็กเครือ่ งมอื ข. เหล็กหล่อ ค. ทองแดง ง. สเตนเลส 6. ตะก่วั มคี ณุ สมบตั ทิ ่ดี ใี นข้อใด ก. ทนต่อแรงดงึ ข. ทนตอ่ ดา่ ง ค. ทนต่อเฉือน ง. ทนต่อกรด 7. โลหะชนดิ ใดนยิ มใช้ทาสายไฟฟา้ แรงสงู ก. ดบี กุ ข. เงนิ ค. ทองแดง ง. อะลูมเิ นยี ม 8. การเชื่อมโดยใช้แทง่ ทองแดงเป็นลวดเชือ่ ม เป็นกระบวนการเช่ือมแบบใด ก. แบบพลาสมา ข. แบบมกิ ค. แบบความต้านทาน ง. แบบสตัด 9. มาตรฐานลวดเช่อื ม AWS A 5.5 เป็นลวดเช่ือมใชส้ าหรบั โลหะช้ินงานชนิดใด ก. เหลก็ กลา้ คารบ์ อน ข. เหลก็ หลอ่ ค. เหลก็ กลา้ ผสมตา่ ง. ทองแดงและทองแดงผสม 10. การเลอื กลวดเชอ่ื มใหเ้ หมาะสมกบั ความแขง็ ของโลหะชิ้นงาน จะพจิ ารณาสญั ลกั ษณล์ วดเช่อื มจากตาแหนง่ ใด ก. ตวั เลขตัวที่ 1 ข. ตัวเลขตวั ที่ 2 หรอื 3 ตัวแรก ค. ตวั เลขทตี่ วั ที่ 3 หรือ 4 ง. ตัวเลขตวั สุดทา้ ย

17 11. ในการทดสอบความต้านทานการกระแทกของโลหะแนวเชื่อมด้วยลวดเช่ือมมาตรฐาน DIN ใช้มาตรฐานใด ก. AWS ข. ISO ค. JIS ง. ASTM 12. ลวดเชื่อมทห่ี ุ้มฟลกั ซ์ชนดิ ทเ่ี ปน็ ด่างเหมาะสมกบั กระแสไฟเชื่อมชนดิ ใด ก. AC ข. DCEN ค. ACHF ง. DCEP 13. สารชนิดใดมีคุณสมบัติชว่ ยในการยดึ เหนยี่ วได้ดี ก. เฟอรโ์ รแมงกานสี ข. ฟลูออร์สปาร์ ค. โพแทสเซยี ม ง. คาร์โอลนิ 14. ฟลกั ซห์ มุ้ ชนดิ ใดที่ให้การถ่ายเทหยดน้าโลหะลกั ษณะเป็นฝอยละเอียด ก. รไู ทล์ ข. กรด ค. ดา่ ง ง. เซลลโู ลส 15. สัญลกั ษณล์ วดเชอ่ื ม E 6013 เป็นมาตรฐานของประเทศใด ก. ออสเตรเลยี ข. ญ่ปี ุน่ ค. เยอรมนั ง. สหรัฐอเมรกิ า 16. ซลิ ิคอนทผี่ สมอยใู่ นลวดเช่ือมอะลูมเิ นียมผสม จะมผี ลอยา่ งไรตอ่ การเชื่อม ก. ทาให้การซมึ ลึกดขี ึ้น ข. ทาใหม้ คี วามแข็งแรงมากข้ึน ค. ทาให้ไหลตวั ไดด้ ี ง. เพิ่มความเหนียวใหก้ บั แนวเช่ือม 17. ธาตไุ ทเทเนยี มจะมผี ลอยา่ งไรตอ่ เนอ้ื เชือ่ ม ก. ทนต่อแรงดงึ ได้มากขึน้ ข. เพ่ิมความเหนียวมากข้ึน ค. การไหลตวั ดี ง. ทาให้เนอ้ื เช่ือมมเี ม็ดเกรดละเอียด 18. กระแสไฟเชอื่ ม DCEN จะต่อแบบใด ก. ลวดเช่อื มตอ่ กบั ข้วั บวก ข. ลวดเชอื่ มต่อกบั ขัว้ ลบ ค. ตอ่ แบบกระแสไฟสลบั ง. ต่อแบบผสม 18. ลวดเชื่อม E St จะมธี าตุใดเป็นธาตุหลกั ก. คารบ์ อน ข. เหล็ก ค. โครเมยี ม ง. นกิ เกลิ 19. การเคาะเบาๆ ดว้ ยคอ้ นหลงั จากการเชอ่ื มหรอื การพนี นิ่ง (Peening) มวี ตั ถปุ ระสงคใ์ นข้อใด ก. เพอ่ื ลดการบิดงอของชนิ้ งาน ข. เพื่อลดการเกิดความเค้นภายใน ค. เพอื่ ลดออกซเิ จนในเนือ้ ชิ้นงาน ง. เพอ่ื ลดการเกดิ ฟองอากาศ 20. สญั ลักษณ์ลวดเช่ือม นาไปใช้เชือ่ มในท่าใดจงึ จะเหมาะสมทสี่ ุด ก. ทกุ ท่า ข. ท่าต้ังและทา่ ขนานนอน ค. ทา่ เหนือศรี ษะ ง. ทา่ ราบและทา่ ขนานนอน

18 21. ถ้าตอ้ งการเชือ่ มพอกแบรงิ่ ควรใช้ลวดเช่ือมชนิดใด ก. Fe-2 ข. NiFe-2 ค. Ni Cu ง. Cu Sn 22. จดุ ประสงค์ท่ีสาคญั ของฟลกั ซห์ ้มุ ลวดเชือ่ มคือขอ้ ใด ก. ปอ้ งกันไฟฟ้าดดู ข. ไม่ให้ลวดเช่ือมเกดิ สนิม ค. ปอ้ งกนั การเสยี ดสขี ณะขนส่ง จะทาใหค้ ณุ ภาพต่าลง ง. ปอ้ งกันการรวมตวั ของบรรยากาศกบั แนวเชือ่ ม 23. ไฮโดรเจนทร่ี วมตวั กบั แนวเชือ่ มจะมผี ลอย่างไรกบั แนวเชอื่ ม ก. เกิดการล้นแนว ข. เกิดการแตกร้าว ค. เกิดการกดั แหว่งขอบแนวเชือ่ ม ง. เกดิ การบิดงอสงู 24. หน้าท่ีหลักของฟลกั ซห์ ุ้มชนิดโพแทสเซยี มซลิ เิ กตคือขอ้ ใด ก. เกิดแก๊ส ข. อาร์กสม่าเสมอ ค. กาจัดออกซิเจน ง. ลดการแตกร้าว 25. กรดแร่ทอ่ี ยู่ในฟลกั ซห์ มุ้ จะใหค้ ณุ ภาพของแนวเชอ่ื มเป็นอยา่ งไร ก. เกร็ดแนวเช่ือมหยาบปานกลาง ข. ซมึ ลกึ ดีมาก ค. แนวเชือ่ มแบนถงึ นูนเลก็ น้อย ง. เมด็ โลหะเลก็ เคาะข้ตี ะกรนั ออกงา่ ย 26. ลวดเช่อื มขนาดเล็กเหมาะสาหรบั การเชอ่ื มในทา่ ใด ก. ทา่ ราบและท่าตงั้ ข. ท่าต้งั และท่าเหนอื ศรี ษะ ค. ท่าขนานนอนเทา่ นัน้ ง. ทา่ เหนือศรี ษะเทา่ นัน้ 27. ลวดเชอื่ ม SG1 เป็นลวดเชอ่ื มมาตรฐานใด ก. AWS ข. JIS ค. DIN ง. BS 28. ลวดเชอื่ มชนดิ ใดท่ไี ม่มีแกส๊ ปกคลุมในตัว ก. EXXT-3 ข. EXXT-4 ค. EXXT-5 ง. EXXT-6 29. ลวดเชื่อมมกิ จดั เป็นลวดเชื่อมแบบใด ก. แบบไมส่ ิน้ เปลอื ง ข. แบบสิน้ เปลือง ค. แบบโลหะเตมิ ง. แบบไม่เก่ยี วข้องกบั ขั้วไฟฟา้ 30. นอกจากในงานเชือ่ มแล้ว ทังสเตนนิยมนามาใชท้ าสิง่ ใด ก. ไส้หลอดไฟฟ้า ข. เป็นสว่ นผสมในการผลิตแกส๊ ไนโตรเจน ค. ผลิตเป็นลวดทนความรอ้ น ง. ใช้ทาสายไฟฟ้า 31. การผลิตลวดเชือ่ มทงั สเตนนยิ มใช้กระบวนการใด ก. เทลงแบบ ข. ดงึ ขึน้ รูป ค. กลงึ ขึน้ รปู ง. อดั ข้นึ รูป

19 32. เหตผุ ลใดจงึ ไมน่ ยิ มใชล้ วดเช่ือมทงั สเตนบรสิ ุทธ์กิ บั การเชื่อมกระแสไฟตรง ก. การนาไฟฟ้าจะเพม่ิ มากข้ึน ข. การนาไฟฟา้ ตา่ กว่าทงั สเตนผสม ค. ลวดเช่ือมจะหดสนั้ เรว็ ง. จะเกิดรพู รนุ มาก 33. โค้ดสีของลวดเชอ่ื มทงั สเตนเซอร์โครเนียมจะเป็นสใี ด ก. เขยี ว ข. เหลือง ค. น้าเงิน ง. น้าตาล 34. ปญั หาการแตกรา้ วใตแ้ นวเชื่อมเกิดจากสาเหตุใด ก. ไฮโดรเจนเขา้ รวมตวั กบั แนวเช่อื ม ข. ใช้ความรอ้ นในการเชอ่ื มนอ้ ยเกนิ ไป ค. แกส๊ ฮีเลียมเข้ารวมตัวกับแนวเชอ่ื ม ง. เกดิ จากแกส๊ ผสม 3 ชนิด 35. ลักษณะแนวเชอ่ื มเมื่อใชแ้ ก๊สอารก์ อนปกคลุมจะเป็นอยา่ งไร ก. แนวเชอื่ มแคบซมึ ลกึ ต่า ข. แนวเชอ่ื มกวา้ งซมึ ลกึ ต่า ค. แนวเชื่อมกว้างซมึ ลกึ สูง ง. แนวเชือ่ มแคบซึมลกึ สงู 36. แก๊สคาร์บอนไดออกไซดช์ นดิ ใดเหมาะกบั การใชใ้ นงานเช่ือม ก. Food Grade ข. Medical Grade ค. Industrial Grade ง. Welding Grade 37. แก๊สชนดิ ใดเหมาะสาหรบั การเชอ่ื มท่าตง้ั และทา่ เหนือศีรษะมากท่สี ุด ก. ฮเี ลยี ม ข. คาร์บอนไดออกไซด์ ค. ออกซเิ จน ง. อารก์ อน 38. ฟลักซท์ ่ใี ช้ในกระบวนการเช่อื มใตฟ้ ลกั ซจ์ ะมลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร ก. เปน็ น้าเหลว ข. เปน็ แกส๊ บรรจใุ นท่อ ค. เป็นผงละเอยี ดคลา้ ยแป้งมัน ง. เป็นเม็ดเล็กๆ 39. จากสญั ลกั ษณล์ วดเชอ่ื ม เหมาะสาหรับกระแสไฟชนิดใด ก. กระแสสลบั ข. การแสสลบั ความถีส่ ูง ค. กระแสตรงความถส่ี ูง ง. กระแสตรง 40. ลวดเชอ่ื ม YS-S3 จะมสี ่วนผสมของซลิ คิ อนก่ีเปอร์เซน็ ต์ ก. 0.10 - 0.15 ข. 0.12 - 0.18 ค. 0.15 - 0.60 ง. 0.20 - 0.70 41. จุดประสงคท์ ่สี าคญั ของการเว้นระยะขอบของชน้ิ งานใหห้ า่ งกันเพื่ออะไร ก. เพ่ือใหล้ วดเชอ่ื มเข้าไปอารก์ ไดถ้ ึงสว่ นลกึ ของรอยต่อ ข. เพอ่ื ใหม้ ีรอ่ งบงั คับการเคล่อื นลวดเช่อื ม ค. เพอื่ ใหก้ ระแสไฟฟา้ ไหลผ่านไดส้ ะดวก ง. เพือ่ ไล่แกส๊ ไนโตรเจนออกจากแนวเชื่อม

20 42. การเกิดสแลกขงั อยูใ่ นช่องรอยตอ่ มผี ลมาจากขอ้ ใด ก. เว้นระยะขอบช้นิ งานน้อยเกนิ ไป ข. เวน้ ระยะขอบชิ้นงานมากเกนิ ไป ค. ตดิ ต้ังแผน่ รองหลังแนบเกินไป ง. ชนดิ ของกระแสไฟเช่อื มไมเ่ หมาะสม 43. Spacer ในงานเชื่อมมหี นา้ ท่อี ะไร ก. โลหะต่อเปน็ สะพานงานทม่ี ีระยะหา่ งมากๆ ข. โลหะที่ใชร้ องดา้ นหลังรอยตอ่ ช้ินงาน ค. โลหะทเ่ี ปน็ ตวั ชว่ ยเพิ่มความรอ้ นทรี่ องไวด้ ้านหลงั รอยตอ่ ง. โลหะที่เปน็ ตัวช่วยลดความรอ้ นทรี่ องไวด้ ้านหลังรอยต่อ 44. การทดสอบแรงดึง เปน็ การทดสอบหาความเคน้ แบบใด ก. แบบอมิ แพค ข. แบบชาร์ปี ค. แบบสถิต ง. แบบไดนามกิ ส์ 45. เหลก็ กลา้ ชนิดเหนยี วเมื่อทดสอบแรงดงึ จะมีลกั ษณะการขาดเปน็ อยา่ งไร ก. การขาดแบบขวาง ข. การขาดแบบเฉียง ค. การขาดแบบผสม ง. การขาดแบบตรง 46. โลหะชนิดใดเมือ่ ทดสอบแรงดงึ จะมีลกั ษณะการขาดแบบขวาง ก. สเตนเลส ข. เหลก็ หลอ่ ค. เหลก็ เหนยี ว ง. อะลมู เิ นียม 47. ความหนาของแนวเชอ่ื มของชิน้ งานทดสอบตอ้ งตกแต่งใหม้ ขี นาดเทา่ ใด ก. เท่ากบั ความหนาของช้ินงาน ข. สูงกวา่ ช้ินงาน 1% ค. ตา่ กวา่ ชิน้ งาน 1% ง. ค่า n 2.5% 48. มุมบากของช้นิ งานจะมผี ลอยา่ งไรในการทดสอบแรงกระแทก ก. รอยบากมคี า่ มาก รบั พลงั งานได้มากขึน้ ข. รอยบากมคี า่ มาก รบั พลงั งานได้น้อยลง ค. รอยบากมีค่าน้อยหรอื มผี ลเทา่ กนั ง. รอยบากมคี า่ มาก รบั พลงั งานไดน้ ้อยกว่ารอยบากที่มีค่าน้อย 50% 49. ลักษณะผิวของชิ้นงานทดสอบมลี ักษณะแตกเป็นเสน้ ผิวมีความมันทึบ เป็นการขาดแบบใด ก. แบบขวางตรง ข. แบบผสม ค. แบบครากตวั ง. แบบเดีย่ ว 50. สัญลกั ษณก์ ารทดสอบแบบชาร์ปี KCU 15/3 หมายถึงขอ้ ใด ก. การใชพ้ ลงั งานกระแทก 1.5 Kgm ชิน้ งานมรี อยบากลกึ 3 มลิ ลเิ มตร ข. การใช้พลงั งานกระแทก 15 Kgm ช้ินงานมีรอยบากลกึ 3 มิลลเิ มตร ค. การใชพ้ ลงั งานกระแทก 15.3 Kgm ช้นิ งานบากรปู ตัว U ง. การใช้พลงั งานกระแทก 15.3 Kgm ชน้ิ งานบากรปู ตัว V

21 10. เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น 1 ก. 2 ค. 3 ข. 4 ง. 5 ง. 6 ง. 7 ง. 8 ค. 9 ค. 10 ข. 11 ข. 12 ง. 13 ค. 14 ข. 15 ง. 16 ค. 17 ง. 18 ข. 19 ข. 20 ข. 21 ก. 22 ง. 23 ข. 24 ค. 25 ง. 26 ข. 27 ค. 28 ค. 29 ข. 30 ก. 31 ข. 32 ข. 33 ง. 34 ง. 35 ค. 36 ข. 37 ง. 38 ง. 39 ค. 40 ก. 41 ก. 42 ก. 43 ค. 44 ค. 45 ข. 46 ก. 47 ค. 48 ก. 49 ค. 50 ข.