Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธาตุและสารประกอบในชีวิตประจำวัน

ธาตุและสารประกอบในชีวิตประจำวัน

Published by waroonaoy99, 2021-01-05 07:37:51

Description: ธาตุและสารประกอบในชีวิตประจำวัน

Search

Read the Text Version

ธาตุและสารประกอบในชวี ติ ประจำวนั ในโลกของเรามีธาตุ และสารประกอบมากมายหลายชนิด ประโยชน์ของธาตุ และประโยชนข์ อง สารประกอบแต่ละชนิดมคี วามแตกตา่ งกัน เราควรเลอื กใช้ธาตุและสารประกอบต่างๆ ตามความเหมาะสม แหล่งของธาตุและประโยชน์ของธาตบุ างชนดิ ธาตุ แหล่งของธาตุ ประโยชน์ ไฮโดรเจน การแยกนำ้ ด้วยไฟฟ้า การผลิตแอมโมเนยี / เติมในนำ้ มันพชื ปอ้ งกนั การเหม็นหืน / เชื้อเพลงิ จรวด คาร์บอน ไนโตรเจน เพชร แกรไฟต์ ถา่ นหิน ไส้ดนิ สอดำ / อุตสาหกรรมสำหรบั ขดั / เช้อื เพลงิ ในโรงงาน ออกซเิ จน อุตสาหกรรมและบ้านเรือน อะลูมเิ นยี ม อากาศเหลว แชแ่ ข็งอาหารและตวั อยา่ งทางชีวภาพ / การผลิตแกส๊ แอมโมเนีย ฟอสฟอรสั กำมะถัน อากาศเหลว น้ำ เปน็ องค์ประกอบของสิง่ มีชวี ิต / ใช้ในอตุ สาหกรรมตา่ งๆ / ใชใ้ น คลอรนี โพแทสเซียมคลอเรต อากาศยาน เหล็ก ตะกั่ว การแยกอะลูมเิ นยี มออไซด์ สายสง่ ไฟฟ้าแรงสูง / ทำปีกเคร่ืองบิน / ทำโลหะผสม สังกะสี ด้วยไฟฟ้า แคลเซยี มฟอสเฟต ทำกรดฟอสฟอริกเพ่ือใช้ทำปุ๋ย / ใชใ้ นผงซกั ฟอก เหมืองกำมะถัน ทำกรดซัลฟวิ รกิ / ฟอกเส้นใยและเยื่อไม้ / ถนอมอาหาร /ทำปุย๋ การแยกโซเดยี มคลอไรด์ใน ฟอกสี / ใช้ในอุตสาหกรรมพอลเิ มอร์ น้ำด้วยไฟฟา้ แร่ฮีมาไทต์และแมกเนไทต์ ทำโครงสรา้ งส่ิงก่อสร้าง / ผลิตเป็นสว่ นประกอบของเคร่ืองจักร / ผลิตเปน็ อปุ กรณ์ต่างๆ ท่ตี ้องการความแขง็ แกรง่ แร่กาลนี า สว่ นประกอบในเหล็กกลา้ และแมเ่ หลก็ ซิงค์ซลั ไฟด์ ชบุ เหลก็ กันสนมิ / แบตเตอรแี่ บบเซลล์แห้ง / เหรยี ญกษาปณ์

ช่อื สามัญ สูตรเคมี และประโยชน์ของสารประกอบบางชนดิ ทใี่ ช้ในบ้าน สารประกอบ ช่อื สามัญ สูตรเคมี ประโยชน์ โซเดยี มคลอไรด์ เกลือแกง Nacl ถนอมอาหาร / ปรงุ รสอาหาร น้ำ น้ำ H2O ใช้ดื่มเพ่ือดำรงชวี ติ / ใชป้ ระกอบอาหาร / ใช้ชำระล้างความสกปรกตา่ งๆ / ใชใ้ น ไฮโดรเจนเปอรอ์ อกไซด์ - H2O2 เกษตรกรรมและอตุ สาหกรรม C10H8 ลา้ งแผลฆา่ เชื้อโรค แนพทาลนี ลูกเหมน็ C5H8NNaO4 ไลแ่ มลงในตเู้ สื้อผา้ NaHCO3 ปรุงรสอาหาร โมโนโซเดยี มกลูตาเมท ผงชูรส กร ทำใหข้ นมฟู Ca(OH)2 เช็ดทำความสะอาดแผล โซเดยี มไฮโดรเจนคารบ์ อเนต ผงฟู CH3COOH ลดความเปน็ กรดของดิน ปรงุ รสอาหาร เอทิลแอลกอฮอล์ เอทานอล แคลเซียมไฮดรอกไซด์ ปนู ขาว กรดแอซีตกิ กรดนำ้ ส้ม กรด - เบส ในชีวติ ประจำวัน กรด หมายถงึ สารประกอบท่ีมธี าตุไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบ เมอ่ื ละลายน้ำแล้ว สามารถ แตกตัวให้ ไฮโดรเจนไอออนได้ สมบัติของสารละลายกรด ได้แก่ 1) มรี สเปรีย้ ว 2) เปลย่ี นสีกระดาษลิตมสั จากสนี ้ำเงินเป็นสแี ดง (มีคา่ pH<7) 3) ทำปฏกิ ิรยิ ากบั โลหะ เช่น สงั กะสี ทองแดง แมกนีเซียม อะลูมิเนยี ม จะได้ฟองแกส๊ ไฮโดรเจนออกมา 4) กรดมสี มบัติกดั กรอ่ นโลหะ หินปูน เนือ้ เยือ่ ของร่างกาย 5) กรดทำปฏิกริ ยิ ากบั หินปนู ซ่ึงเปน็ สารประกอบพวกแคลเซยี มคาร์บอเนต จะได้แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ 6) สารละลายกรดทกุ ชนิดน าไฟฟา้ ไดด้ ี 7) ทำปฏกิ ิรยิ ากับเบสได้เกลอื และน้ำ สารละลายเจนเชียนไวโอเลตจดั เปน็ อนิ ดเิ คเตอรท์ ่ีใชจ้ ำแนก ประเภทของกรดท่ีได้มาจาก พชื และกรดที่ได้มาจากแรธ่ าตุเจนเชียนไวโอเลตเป็นสีชนดิ หนงึ่ มสี มี ่วงได้มาจาก สารอะนลิ นี ซึ่งเปน็ สารจากแกส๊ เช้ือเพลิงมสี มบัตเิ ปน็ กลาง เราใชเ้ จนเชียนไวโอเลตเปน็ อินดเิ คเตอร์ ทดสอบเพ่ือ จำแนกประเภทของสารละลายกรด สารนี้นยิ มใช้เป็นน้ำยาปา้ ยปากเม่ือปากของเราเปน็ แผล กรดในชวี ิตประจำวัน แบง่ ออกเป็น 2 ชนดิ คือ 1. กรดจากพืช กรดชนดิ น้ีได้มาจากพชื โดยตรง จดั เป็นกรดอินทรยี ์ เชน่ น้ำส้มคัน้ นำ้ มะนาว (กรดวกิ ริก) น้ำมะกรดู อย่างไรก็ตามมีกรดบางชนิดท่ีไดจ้ ากพืชโดยทางอ้อมจากการหมกั พืช เช่น น้ำผักกาดดอง นำ้ ส้มสายชู

(กรดแอซีติก) เปน็ ต้น เน่ืองจากกรดชนิดนเ้ี ป็นกรดที่ได้จาก ธรรมชาตจิ ึงสามารถนำมาบริโภคไดโ้ ดยไมเ่ กิด อนั ตราย สมบตั ิของกรดจากพชื 1. มีสมบัติเปน็ กรดอ่อน มีฤทธิ์กรอ่ นดว้ ย 2. เมอ่ื ทดสอบดว้ ยเจนเชยี นไวโอเลตทีม่ สี มี ่วง จะไมเ่ ปลย่ี นสีของเจนเชียนไวโอเลต 2. กรดจากแรธ่ าตุ กรดชนิดนไี้ ด้มาจากการสังเคราะห์แรธ่ าตดุ ้วยกรรมวธิ ีทางเคมี จัดเป็นกรดอนินทรีย์ เช่น กรด ซลั ฟวิ รกิ (กรดกำมะถนั ) กรดไนตริก (กรดดนิ ประสวิ ) และกรดไฮโดรคลอริก (กรดเกลือ) เป็นตน้ สมบตั ขิ องกรดจากแรธ่ าตุ 1. มสี มบัตเิ ป็นกรดแก่ มีฤทธก์ิ รอ่ นสูง 2. เมื่อทดสอบด้วยเจนเชยี นไวโอเลตทม่ี ีสีม่วงจะเปลยี่ นสเี จนเชยี นไวโอเลตจากสีม่วง เป็นสเี ขียวหรอื สีน้ำ เงิน จากสมบัติของกรดที่ไดจ้ ากแร่ธาตุท่ีกดั กร่อนสูงน้ีจึงไม่ควรนำมาใช้เป็นสารปรุงแต่ง อาหาร เพราะมีพิษต่อ รา่ งกายและสามารถกัดกร่อนเนือ้ เยอ่ื ได้กรดชนิดนสี้ ่วนใหญ่จึงนิยม นำมาใชใ้ นกระบวนการผลติ ทางอุตสาหกรรม เท่าน้นั จากการศึกษาสมบัตขิ องกรดจากพืชและกรดจากแรธ่ าตุ ทำให้เราสามารถนำมา พจิ ารณาตดั สนิ ใจ เลอื กใชส้ ารทีม่ สี มบัติเปน็ กรดในชวี ิตประจำวนั ได้โดยควรคำนึงถงึ สงิ่ ต่อไปนี้ 1. กรดท่ีได้มาจากแรธ่ าตสุ ามารถทำปฏกิ ริ ิยากบั โลหะและพลาสติก ถา้ เรานำสารทมี่ ีฤทธิ์เป็นกรดบรรจุ ลงในภาชนะท่ีทำดว้ ยโลหะและพลาสติกแล้ว กรดก็จะกัดกร่อนภาชนะ เหล่านั้นไดจ้ ึงทำให้โลหะและพลาสติก บางสว่ นละลายอยใู่ นกรด เม่ือนำกรดไปใช้ปรุงแต่ง อาหาร ส่วนของโลหะและพลาสตกิ จะเข้าสู่รา่ งกายสะสมอยู่ นานๆ หรืออาจเปน็ พษิ อยา่ งปจั จบุ ัน ทันด่วนต่อรา่ งกายได้ ดังนัน้ เราจึงควรใช้ภาชนะท่ที ำดว้ ยแก้วหรือกระเบื้อง เคลอื บท่ีไมท่ ำปฏิกิรยิ ากับกรด 2. กรดทีไ่ ด้มาจากแร่ธาตุจะผลิตขน้ึ ด้วยกระบวนการทางเคมี กรดชนดิ นี้จะมีอนั ตราย ต่อร่างกาย ควร เลอื กใชก้ รดทีไ่ ดจ้ ากพืชหรอื กรดทมี่ ีการสังเคราะห์และมีสมบตั ิเชน่ เดยี วกับ กรดท่ีไดจ้ ากพชื เท่าน้ัน อาหารไทยหลายชนดิ นยิ มใช้น้ำสม้ สายชูในการปรงุ แต่งรสอาหาร เช่น กว๋ ยเตี๋ยว ประเภทตา่ ง ๆ น้ำจ้ิม อาหารทะเลจำพวก ปู ปลา ปลาหมึก กุ้ง เปน็ ต้น ดงั นัน้ การนำนำ้ สม้ สายชมู าใชจ้ ึงตอ้ งพจิ ารณาให้ถ่ีถว้ นวา่ เป็น น้ำสม้ สายชแู ทห้ รือปลอม สามารถทดสอบได้จากการปฏบิ ัติกจิ กรรมต่อไปนี้ น้ำส้มสายชูแท้เปน็ สารละลายที่มีกรดแอซตี ิก (กรดน้ำส้ม) มอี ยู่ 3 ชนดิ คอื 1. นำ้ ส้มสายชหู มกั เป็นน้ำสม้ สายชทู ี่ได้มาจากการหมกั ธัญพืช ผลไม้ หรือน้ำตาลกับ ส่าเหลา้ มีสีเหลือง หรือสนี ้ำตาล มรี สเปรย้ี วกล่นิ หอม น้ำส้มสายชปู ระเภทนี้ใชร้ บั ประทานได้ อย่างปลอดภัย 2. นำ้ สม้ สายชูกลัน่ เป็นน้ำสม้ สายชูท่ไี ด้จากการหมักแอลกอฮอล์กับเช้อื นำ้ สม้ สายชู แล้วน ามากล่นั อกี คร้ังหนง่ึ น้ำสม้ สายชปู ระเภทนจี้ ะมีสขี าวใส ใชร้ ับประทานได้อย่างปลอดภัย 3. นำ้ สม้ สายชูเทยี ม เปน็ น้ำสม้ สายชูทท่ี ามาจากการน ากรดน้ำสม้ มาเจือจางกบั นำ้ มสี ขี าวใส ใช้ รบั ประทานได้ ในกรณีของนำ้ ส้มสายชปู ลอมนั้นผู้ผลิตท าได้โดยน ากรดซัลฟวิ รกิ (กรดก ามะถัน) ซ่งึ เปน็ กรดแก่ มี ความรนุ แรงจนสามารถกดั กร่อนโลหะได้ มาผสมกับนำ้ และเตมิ นำ้ สม้ สายชูหมกั ลงไปเล็กนอ้ ยเพ่ือแต่งกล่ิน แลว้ นำออมาจำหน่ายตามท้องตลาดในราคาถกู นำ้ สม้ สายชู ประเภทน้เี รยี กวา่ หวั นำ้ ส้ม โดยเพียงขวดเดียวสามารถ ผสมน้ำได้อีก 7 – 10 ขวด นำ้ สม้ สายชนู ีม้ ีอนั ตรายต่อร่างกายมาก ท าให้เกิดอาการปวดท้อง เสียวฟัน และอาจ เปน็ โรค กระเพาะอาหารได้

ประเภทของสารละลายกรด สารละลายกรด แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท ได้แก่ 1) กรดอนิ ทรีย์ เปน็ กรดท่ีได้จากสิ่งมชี วี ติ เช่น พืช สตั ว์ จลุ นิ ทรยี ์ หรือ จากการสังเคราะหส์ าร เมื่อ ทดสอบกับสารละลายเจนเชียนไวโอเลต จะไมเ่ กดิ การเปลย่ี นแปลง ตัวอยา่ งเชน่ กรดแอซติ กิ (acetic acid) หรือกรดนำ้ ส้ม ไดจ้ ากการหมักแป้งหรอื นำ้ ตาลโดยใช้ จลุ นิ ทรีย์ ซึ่งนิยมใชใ้ น การผลิตน้ำส้มสายชู กรดซิตริก (citric acid) หรือกรดมะนาว เป็นกรดทีม่ ีอยูใ่ นผลไมท้ ี่มีรสเปรี้ยว เช่น สม้ มะนาว กรดแอสคอรบ์ กิ (ascorbic acid) หรอื วิตามินซี มีในผลไมท้ ม่ี รี สเปรีย้ ว กรดอะมโิ น (amino acid) เป็นกรดทใี่ ชส้ รา้ งสารประเภทโปรตนี มักพบอยู่ในเน้ือสตั ว์ ผลไม้เปลือกแขง็ หรอื ในพชื ตระกูลถวั่ 2) กรดอนินทรีย์ เปน็ กรดท่ีได้จากแรธ่ าตุ จึงอาจเรยี กวา่ กรดแร่ (mineral acid) เมื่อทดสอบกบั สารละลายเจนเชียลไวโอเลต จะเปลี่ยนสขี องเจนเชยี ลไวโอเลต จากสมี ว่ งเปน็ สเี ขยี ว กรดอนนิ ทรยี ์เป็นกรดแก่ มี ความสามารถในการกดั กร่อนสงู ตวั อยา่ งเช่น กรดกำมะถนั หรือกรดซัลฟิวริก (sulphuric acid) กรดเกลือ หรือกรดไฮโดรคลอริก (hydrochloric acid) กรดดนิ ประสิว หรอื กรดไนตริก (nitric acid) สารละลายกรดทีใ่ ชใ้ นชีวติ ประจำวัน สารละลายกรดที่ใชป้ รงุ แต่งอาหาร เป็นกรดทีไ่ ดจ้ ากพชื เช่น กรดน้ำส้ม หรือกรดที่ได้ จากมะนาว มะขาม ซึง่ กรดจากพชื จะไมเ่ ปลี่ยนสขี องเจนเชียนไวโอเลต แตถ่ า้ เปน็ กรดท่ไี ดจ้ าก แร่ธาตุ จะเปลีย่ นสขี องเจน เชยี นไวโอเลต จากสีมว่ งเปน็ สเี ขียวหรอื สีนำ้ เงนิ นอกจากน้ี สารที่ใช้ทำความสะอาดบา้ นส่วนมากจะเป็นสารละลายกรด เช่น สาร ประเภทผงขดั จะมสี าร ท่มี สี มบตั เิ ปน็ กรดปนอยู่ด้วย อีกประเภทหนง่ึ เป็นของเหลว จะมกี รด ไฮโดรคลอริก (กรดเกลอื ) และบางชนดิ มี กรดซัลฟิวรกิ (กรดกำมะถัน) เป็นส่วนประกอบ เวลาใช้ต้องระมัดระวัง อยา่ ให้ถูกร่างกาย เสอ้ื ผ้า หรอื กระเด็นเขา้ ตา และไมค่ วรสดู ดมไอระเหยเขา้ ไป เพราะจะเปน็ อันตรายต่อรา่ งกายได้ ผลกระทบของสารละลายกรดต่อส่งิ มีชีวติ และส่ิงแวดล้อม สารละลายกรดบางชนิดเปน็ อันตรายตอ่ เนื้อเย่ือมนษุ ย์ สตั ว์และพชื โดยเฉพาะกรดจาก แรธ่ าตุ เชน่ กรด เกลือ กรดกำมะถนั กรดไนตริก มักจะเปน็ กรดท่รี นุ แรง ทำปฏิกิรยิ ากับสง่ิ ต่างๆ ได้รวดเร็ว และมฤี ทธก์ิ ดั กร่อนจงึ เปน็ อันตราย ถา้ ถูกเสื้อผ้า ผวิ หนงั หรอื เนอ้ื เยอ่ื งของรา่ งกาย กรดทไี่ ดจ้ ากพชื ถึงแม้จะใชป้ รุงแตง่ อาหารได้ แต่ ถ้าบริโภคเข้าไปมากก็เปน็ อันตราย ได้ จึงควรใชแ้ ต่พอเหมาะ นอกจากน้ี ยงั มีน้ำส้มสายชปู ลอมบางชนิด ทีท่ ำมา จากน้ำผสมกบั กรดกำมะถนั ถ้าบริโภคเขา้ ไปจะเปน็ อันตรายต่อรา่ งกายได้ จงึ ควรทดสอบดใู ห้แน่ใจก่อนนำมา บรโิ ภค สว่ นสารละลายกรดที่มผี ลตอ่ สิ่งแวดล้อมน้ัน เมอ่ื นำมาใช้ล้างพน้ื หรือสขุ ภัณฑ์แลว้ หากปลอ่ ยท้ิงสแู่ หลง่ น้ำ จะมผี ลตอ่ ส่ิงมชี วี ติ และแหลง่ นำ้ น้ัน นอกจากนี้สารละลายกรดจะทำลายพืน้ บ้านท่เี ป็นหินปนู ปนู ขาว ทำให้ พืน้ บา้ นชำรุดได้ง่ายขน้ึ ดังน้ัน การใช้สารละลายกรด จึงต้องใชใ้ ห้ถกู วิธี และอ่านคำแนะนำใหเ้ ข้าใจก่อนใช้ ข้อมลู จาก https://www.kroobannok.com/news_file/p15997461412.pdf

เบส คือ สารประกอบท่ีทำปฏิกริ ิยากบั กรด แลว้ ได้เกลือกับน้ำจะสามารถแตกตวั ใหไ้ ฮดรอกไซด์ไอออน (OH-) เบสทกุ ชนิดจะมีรสฝาด สมบัติของสารละลายเบส ➢ เบสทุกชนิดมีรสฝาดหรือเฝ่ือน ➢เปล่ยี นสกี ระดาษลิตมสั จากสีแดงเปน็ สนี ำ้ เงิน (มีคา่ pH มากกวา่ 7) ➢ทำปฏิกริ ยิ ากบั น้ำมนั พืช หรอื นำ้ มันหมู จะได้สารละลายทมี่ ฟี องคล้ายสบู่ ➢ทำปฏิกริ ยิ ากบั แอมโมเนียไนเตรตจะได้แก๊สที่มกี ลิ่นฉนุ ของแอมโมเนีย ➢สามารถกดั กร่อนโลหะ อะลมู ิเนยี มและสงั กะสี และมีฟองแก๊สเกิดขึ้น ➢ทำปฏิกิริยากับกรดได้เกลือและน้ำ เช่น สารละลายโซดาไฟ (โซเดยี มไฮดรอกไซด์) ทำปฏิกิรยิ ากับ กรดเกลือ (กรดไฮโดรคลอรกิ ) ได้เกลอื โซเดยี มคลอไรด์ หรอื เกลอื แกงทใี่ ช้ปรงุ อาหาร นอกจากนโี้ ซดาไฟ ยงั สามารถทำปฏิกริ ิยากับกรดไขมนั ไดเ้ กลือโซเดียมของกรดไขมัน หรือทเ่ี รียกว่า สบู่ ตวั อยา่ งสารละลายกรด -เบสในชวี ิตประจำวัน มดี ังต่อไปนี้ 1. สารประเภททำความสะอาด เช่น โซเดยี มไฮดรอกไซด์ (NaOH) ใช้ทำสบู่ แอมโมเนยี (CH3) น้ำยา ล้างกระจก,นำ้ ยาปรบั ผ้านมุ่ โซเดยี มคารบ์ อเนต (Na2CO3) อุตสาหกรรมผงซกั ฟอก - บางชนิดกม็ สี มบตั เิ ป็นเบส เช่น สบู่ ผงซกั ฟอก นำ้ ยาล้างจาน - บางชนิดมสี มบัตเิ ป็นกรด เชน่ นำ้ ยาลา้ ง หอ้ งน้ำ และเคร่อื งสขุ ภัณฑ์ 2.สารปรุงแตง่ อาหาร เชน่ โซเดยี มไฮดรอกไซด (NaOH) ทำผงชูรส โซเดียมไบคาร์บอเนต (NaHCO3) ทำขนม – บางชนดิ กม็ ีสมบตั เิ ป็นเบส เชน่ นำ้ ปูนใส น้ำขี้เถา้ – บางชนิดมีสมบัติเป็นกรด เชน่ นำ้ ส้มสายชู นำ้ มะนาว นำ้ มะขาม – บางชนิดมีสมบัติเปน็ กลาง เช่น ผงชูรส เกลอื แกง น้ำตาลทราย ฯลฯ

3. สารทใ่ี ช้ทางการเกษตร ได้แก่ ปยุ๋ เช่น ยูเรยี [CO(NH2)2] ใช้ทำปุ๋ย แคลเซียมไฮดรอกไซด์ [Ca(OH)2] แกด้ ินเปร้ียว – บางชนดิ กม็ สี มบตั ิเปน็ เบส เชน่ ยูเรยี – บางชนดิ มีสมบัตเิ ป็นกรด เช่น แอมโมเนียมคลอไรค์ – บางชนิดมสี มบตั ิเป็นกลาง เชน่ โพแทสเซียมไนเตรต 4. ยารักษาโรค เช่น NH3(NH4)2CO3 แกเ้ ปน็ ลม แคลเซียมไฮดรอกไซด์ [ Ca(OH)2] ลดกรดใน กระเพาะอาหาร แมกนีเซยี มไฮดรอกไซด์ [ Mg(OH)2] ลดกรดในกระเพาะอาหาร , ยาถ่าย – บางชนดิ กม็ สี มบตั เิ ป็นเบส เช่น ยาแอสไพรนิ วติ ามนิ ซี – บางชนดิ มีสมบัติเปน็ กรด เชน่ ยาลดกรด ยาธาตุ ข้อมูลจาก https://sites.google.com/site/webkrdbes/thvsdi-krd-bes กรดในชวี ติ ประจำวัน สารละลายที่มีคุณสมบัตเิ ปน็ กรดที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น -น้ำอดั ลม ประกอบด้วยกรดคารบ์ อนิก -น้ำสม้ และนำ้ ผลไม้ท่ีมีรสเปร้ียวประกอบด้วยกรดซติ ริกซง่ึ มีอยู่ในส้ม มะนาว สม้ โอ

-ใช้ในการปรงุ แตง่ รสอาหาร เชน่ กรดแอซีติก ซงึ่ มใี นน้ำส้มสายชู เป็นตน้ -ใช้ในสารทำความสะอาดพนื้ บา้ น เชน่ กรดไฮโดรคลอริก เปน็ ตน้ เบสในชีวิตประจำวัน สารละลายเบสท่ีเราใชใ้ นชวี ิตประจำวนั มมี ากมายหลายชนิด เช่น -โซเดียมไบคารบ์ อเนต ในปากของเรามีแบคทีเรยี อาศัยอยู่แบคทีเรียเหล่าน้ใี ช้นำ้ ตาลเป็นอาหารโดยสลาย นำ้ ตาลไปเป้นกรดที่เรยี กวา่ Plaque acid ซึ่งเปน็ สาเหตุทำให้เกดิ โรคฟันผุ ดังน้ันในยาสีฟันจงึ ผสมโซเดียมไบ คารบ์ อเนตหรือเบสทช่ี ่วยลดความเป็นกรด -แมกนเี ซียมไฮดรอกไซด์ ถา้ ในกระเพาะอาหารมีกรดมากเกินไปทำให้อาหารไมย่ ่อยและส่งผลให้เกดิ อาการจุก เสียดหรอื แนน่ ท้อง การรับประทานยาที่มสี ่วนผสมของแมกนเี ซียมไฮดรอกไซด์ หรือ Milk of magnesium จะ ชว่ ยลดความเปน็ กรดในกระเพาะอาหารได้ เพราะมีฤทธเิ์ ป็นเบสอ่อน ๆ -นำ้ แอมโมเนยี หรือแอมโมเนียไฮดรอกไซด์ ใช้ทำนำ้ ยาทำความสะอาดกระจก เป็นต้น -ผงฟหู รือโซเดยี มไบคาร์บอเนต ใช้ทำขนมต่าง ๆ -สบู่ ใช้ทำความสะอาดรา่ งกาย มีหลายชนิดทง้ั ท่ีเปน็ ก้อนแข็ง เปน็ ของเหลว และเปน็ ครมี -ยาสระผม ใช้ทำความสะอาดเสน้ ผม -ผงซักฟอก ใชท้ ำความสะอาดเสื้อผา้ เจนเชยี นไวโอเลต สามารถใชท้ ดสอบกรด เจนเชยี นไวโอเลต / เยนเชียนไวโอเลต (Gentian violet) หรอื ครสิ ตลั ไวโอเลต (Crystal Violet) หรือ ท่ีคนทวั่ ไปเรียกวา่ \"ยาม่วง\" เปน็ นำ้ ยาสีมว่ งทีห่ ลายคนรจู้ ักกันเป็นอยา่ งดี โดยเปน็ สารเร่ิมตน้ ทใ่ี ช้ในอุตสาหกรรม การยอ้ มสีและห้องทดลอง หรือทเ่ี รยี กวา่ การยอ้ มแกรม (Gram’s method) เพอื่ ใช้แยกแยะประเภทของ แบคทีเรยี ว่าเปน็ เช้อื แกรมลบ (gram negative) หรือเชื้อแกรมบวก (gram positive) เจนเชียนไวโอเลตได้ถูกสงั เคราะหข์ ้นึ เปน็ คร้ังแรกเมื่อปี ค.ศ. 1828 (พ.ศ. 2371) ต่อมาหลังจากนน้ั อีกไม่นาน จักษุ แพทย์ชาวเยอรมันนามว่า Jakob Stilling ได้ค้นพบว่าเจนเชียนไวโอเลตนน้ั มคี ณุ สมบตั ใิ นการยับย้งั การ เจรญิ เตบิ โตของเชื้อโรค เชน่ แบคทเี รยี เช้ือรา ยสี ต์ ด้วยคุณสมบัตดิ ังกลา่ วน้ี เจนเชยี นไวโอเลตจงึ ถูกนำมาใช้เป็น ยาทารกั ษาการตดิ เชื้อทางผวิ หนัง ในรูปแบบของยาน้ำประเภทสารละลายสมี ่วง เนือ่ งจากยาเจนเชยี นไวโอเลต สามารถใชป้ อ้ งกนั การติดเชื้อได้ จงึ ทำให้องค์การอนามยั โลกบรรจุยาชนิดน้ี ไวใ้ น รายการยาจำเปน็ ขั้นพ้นื ฐานในระดบั ชุมชน และสำหรบั ในประเทศไทยเอง องค์การอาหารและยา ก็ได้บรรจยุ าเจน เชียนไวโอเลตไวใ้ นบญั ชียาหลักแหง่ ชาตดิ ้วยเช่นกนั โดยมีข้อบ่งใชเ้ ปน็ ยาสำหรบั หยอดหูและใชเ้ ป็นยาทาภายนอก ซงึ่ ยาเจนเชียนไวโอเลตสามารถหาซ้ือได้ง่าย มีขายท่วั ไปตามรา้ นขายยา สรรพคุณของเจนเชยี นไวโอเลต ➢ ใชร้ ักษาโรคเช้อื ราแคนดดิ า เชน่ เช้ือราในชอ่ งปาก เชอื้ ราท่ขี าหนบี หรืออวัยวะสืบพันธ์ุ ➢ ใช้รกั ษากระพุ้งแก้มและล้ินเป็นฝ้าขาวจากเชื้อรา ➢ ใช้ทารักษาปากเป่ือยเปน็ แผล ล้ินเป่ือย ล้ินแตกเป็นขุม ➢ ใช้รกั ษาโรคติดเช้อื ที่ผิวหนงั จากเชอื้ แบคทีเรยี พวกแกรมบวก

➢ ใชเ้ ปน็ ยาทาแผลทีถ่ ูกนำ้ กัดตามมือตามเทา้ แผลพุพอง แผลภายนอกเน่อื งจากเช้ือรา ➢ นอกจากน้ียามว่ งหรือเจนเชยี นไวโอเลตยังถูกนำไปใชป้ ระโยชน์ในดา้ นอ่ืน ๆ อีกดว้ ย เช่น - ใชใ้ นการย้อมสผี ม - ใช้ทดสอบกรด ถ้าเป็นกรดอนินทรยี ์สีของเจนเชยี นไวโอเลตจะเปลีย่ นเปน็ สเี ขียว แตถ่ ้ากรด อินทรยี ์จะเปล่ยี นเป็นสีน้ำเงนิ หรือสมี ่วง - ใช้ทดสอบนำ้ ส้มสายชวู า่ แท้หรือปลอม ถ้าเป็นนำ้ สม้ สายชูปลอมจะเปลยี่ นเปน็ สีเขยี วอ่อน ๆ หรือสนี ้ำเงินอ่อน - ใช้รกั ษาโรคเชื้อราหรือโรคผิวหนงั ในน้องหมาและแมว เป็นตน้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook