ศนู ย์วิทยาศาสตรแ์ ละวัฒนธรรมเพอ่ื การศึกษาร้อยเอด็ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธิการ
เนอ้ื หา : สารอนั ตรายในเครือ่ งสำอาง 1. คำจำกัดความของเครื่องสำอาง 2. การแบง่ ประเภทผลติ ภณั ฑเ์ คร่อื งสำอาง 3. สารห้ามใช้ในเครอื่ งสำอาง 4. อันตราย! สารเคมี 5 ชนดิ ในเครอื่ งสำอางทำลายผิวและสขุ ภาพ 5. ส่วนผสม และสงิ่ ท่ีเกย่ี วขอ้ งกับเคร่ืองสำอางในปจั จุบนั - วติ ามินเอและกรดวิตามินเอตา่ งกันอยา่ งไร - Sunblock กบั Sunscreen - ค่า SPF (Sun Protecting Factor)/ คา่ SPF ย่งิ มากยงิ่ ดีจรงิ หรือ? - AHA (Alpha Hydroxy Acid) คอื อะไร - (Alpha HyDroxyl Acids) คอื อะไร ทำให้หนา้ ขาวใสไดจ้ รงิ หรือ - กลตู าไธโอน (Glutathione) / สาร Glutathione สำหรับทำให้ผวิ ขาวท่กี ำลังเป็นท่นี ยิ ม - BHA (Beta Hydroxy Acid) คอื อะไร - Hyaluronic Acid (HA)กบั การฉดี ฟลิ เลอร์ - คอลลาเจน 6. พิษจากเครือ่ งสำอาง 7. วิธกี ารเลอื กใช้เครอ่ื งสำอาง 8. อายุการใช้งานเคร่ืองสำอางแต่ละประเภท 9. ตอบคำถามการใช้เครื่องสำอาง
1. คำจำกัดความของเครื่องสำอาง เครอื่ งสำอาง หมายถึง ผลติ ภัณฑ์ที่ใชเ้ ฉพาะกับผวิ ภายนอกเท่านน้ั เช่น ผิวหนงั ริมฝีปาก และ ในช่องปาก เส้นผม เล็บ รวมท้ังอวยั วะเพศส่วนนอก - ใช้เพือ่ ปรบั แตง่ ให้แลดูดี โดยทไี่ มส่ ามารถไปมีผลตอ่ โครงสร้างหรอื การทำหนา้ ท่ใี ดๆ ของรา่ งกาย - ใช้เพื่อระงับกล่นิ กาย แตง่ กลน่ิ หอม - ใชเ้ พอ่ื ความสะอาดในชีวิตประจำวัน เช่น ขจัดคราบเหงือ่ ไคล สิง่ สกปรกตามผิวกาย เสน้ ผม ตัวอย่างเครอื่ งสำอางทีม่ ีการกลา่ วอ้างเรอ่ื งปรบั สีผวิ หรือทำแลว้ ชว่ ยลดไขมนั ทำใหร้ ่างกายผอม เพรียว โดยสว่ นใหญ่เครอ่ื งสำอางพวกนโ้ี ฆษณาเกินจริง เนื่องจากเครอื่ งสำอางไม่สามารถไปมีผลต่อ โครงสร้าง หรอื การทำหนา้ ที่ใดๆ ของร่างกายได้ นอกจากน้ี ยงั ไมส่ ามารถบำบัด บรรเทา รักษา ป้องกัน โรคดว้ ย
2. การแบ่งประเภทผลติ ภัณฑเ์ ครื่องสำอาง ตามพระราชบญั ญตั ิเครอ่ื งสำอางฯ ได้จดั แบง่ เครอื่ งสำอางออกเปน็ 3 ประเภท ตามลำดบั ความ เส่ียงตอ่ การเกดิ อนั ตราย หากผู้บริโภคใชไ้ ม่ถกู วธิ ี ได้แก่ เคร่ืองสำอางควบคมุ พิเศษ เคร่อื งสำอางควบคมุ และเครือ่ งสำอางทว่ั ไป 1) เครือ่ งสำอางควบคมุ พิเศษ เปน็ เคร่ืองสำอางท่มี คี วามเส่ียงสูงหากผบู้ ริโภคใช้เครอ่ื งสำอางน้นั ไมถ่ ูกวธิ ี จึงตอ้ งมกี ารขนึ้ ทะเบียนตำรบั เพอ่ื ใหส้ ำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พจิ ารณาความ ถกู ตอ้ ง เหมาะสม และความปลอดภยั ของผลิตภณั ฑก์ ่อนจำหนา่ ย เครอ่ื งสำอางในกลุ่มนไี้ ด้แก่ ผลิตภณั ฑ์ ดดั ผม ยอ้ มผม ฟอกสผี ม แตง่ ผมดำ ผลิตภัณฑท์ ำให้ขนร่วง ยาสีฟัน หรอื นำ้ ยาปว้ นปากท่ีมสี ว่ นผสมของ ฟลอู อไรด์ เปน็ ตน้ เครอ่ื งสำอางประเภทนที้ ฉี่ ลากจะตอ้ งแสดงขอ้ ความว่า \"เครอ่ื งสำอางควบคุมพิเศษ\" และมีเลขทะเบียนในกรอบ อย. 2) เคร่อื งสำอางควบคุม เป็นเคร่ืองสำอางทม่ี คี วามเสยี่ งรองลงมา การกำกบั ดแู ลจึงลดระดบั ลง มาจากการข้ึนทะเบยี น เปน็ เพียงการจดแจ้งตอ่ สำนกั งานคณะกรรมการอาหารและยาเทา่ น้ัน เครอ่ื งสำอางในกลุม่ นไ้ี ด้แก่ ผ้าอนามยั ผ้าเยน็ กระดาษเยน็ แป้งฝนุ่ โรยตวั แปง้ นำ้ เครื่องสำอางทมี่ ี ส่วนผสมของสารปอ้ งกนั แสงแดด เครอื่ งสำอางที่ผสมสารขจดั รังแค เป็นต้น เครอ่ื งสำอางประเภทนท้ี ่ี ฉลากจะตอ้ งแสดงขอ้ ความว่า \"เคร่อื งสำอางควบคุม\" 3) เครอื่ งสำอางทวั่ ไป ได้แก่ เครอ่ื งสำอางทไ่ี ม่มสี ่วนผสมของสารควบคมุ พเิ ศษ หรือสารควบคุม เปน็ เคร่อื งสำอางท่ผี ู้บรโิ ภคมีโอกาสเกิดอนั ตรายจากการบรโิ ภคได้น้อย ได้แก่ สบู่ แชมพู ครีมนวดผม แป้งทาหน้า ลปิ สติก เจลแตง่ ผม นำ้ หอม ครมี บำรุงผวิ ดนิ สอเขียนควิ้ บลัชออนแต่งแกม้ อายแชโดว์ เป็นต้น เคร่อื งสำอางประเภทน้ีต้องแสดงฉลากภาษาไทยให้ครบถ้วน 3. สารห้ามใชใ้ นเครอ่ื งสำอาง อากาศร้อนและแสงแดดทแี่ ผดเผาไม่ปราณผี วิ พรรณทำให้คนไทยสว่ นใหญ่นอกจากจะมีสีผวิ ท่คี ล้ำแลว้ ยงั ประสบปัญหาผิวต่างๆ เชน่ ฝ้า กระ และจุดด่างดำ อนั เปน็ เหตุให้ตอ้ งรบี แก้ไขและทำการรักษาโดยเฉพาะในกลมุ่ ของผหู้ ญงิ อยา่ งเราๆ จุดดา่ งพร้อยบนใบหน้าถือเปน็ สิง่ ทีต่ ้องกำจัดออกไปโดยเรว็ ปจั จุบันมผี ผู้ ลติ เครอื่ งสำอางท่ีทำใหผ้ ิวขาวออกวางจำหน่ายในท้องตลาดมากมาย ซงึ่ เรารจู้ ักกันใน นาม ครมี หน้าขาว (Whitening Products) ครีมหน้าขาวน้ีจดั เปน็ ผลิตภณั ฑย์ อดฮิตในบรรดาสุภาพสตรี เพราะ เห็นผลเร็ว ผิวขาวเนียนใสจรงิ แตภ่ ายในระยะเวลาอนั ส้ัน ความขาวใสน้ี จะถูกแทนท่ีด้วยอาการขา้ งเคยี ง คือ รอย ไหมด้ ำที่ค่อยๆแผ่วงกว้าง รอยแดง ผื่นแพ้ หน้าบาง ติดเช้อื ง่าย ซง่ึ ใชเ้ วลาในการรกั ษานานและในบางรายอาจเปน็ ถาวร เมือ่ ผู้บริโภคถกู เอาเปรียบและไดร้ บั ผลกระทบจากผลิตภณั ฑท์ ไ่ี มม่ ีคุณภาพ อย.จึงเข้ามามบี ทบาทในการ
สบื สวนหาสาเหตุ และได้ประกาศ รายช่อื สารต้องหา้ มใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง อันได้แก่ สารปรอท สารไฮโดรควโิ นน สเตยี รอยด์ และกรดเรตโิ นอิก เปน็ ต้น สารเคมีทหี่ ้ามใช้ในเคร่ืองสำอางมเี ปน็ จำนวนมาก แตท่ ่ีพบบ่อยและเปน็ ปญั หา ได้แก่ 1. ไฮโดรควิโนน (hydroquinone) จัดเป็นยาทาภายนอกใชเ้ พ่ือการรักษาและได้ถูกสงั่ ห้ามใสใ่ นผลติ ภณั ฑเ์ ครอื่ งสำอางทวี่ างจำหน่ายทวั่ ไป เน่อื งจากบริษทั ผู้ผลติ เคร่ืองสำอางมักผสมไฮโดรควิโนนในปริมาณสงู ก่อให้เกิดผลขา้ งเคียงจากการใช้ (สำนกั งาน คณะกรรมการอาหารและยา กำหนดให้ผสมสารไฮโดรควิโนนในการรกั ษาฝ้าได้ไมเ่ กนิ 2%) มีกลไกการยับยง้ั กระบวนการทางเคมีของเซลล์สร้างเมด็ ส(ี melanocyte) โดยไปยับยั้งเอนไซม์ไทโรซเิ นส (Tyrosinase)ทท่ี ำหนา้ ท่ีในการสรา้ งเม็ดส(ี melanin) เม่ือปริมาณเม็ดสลี ดลง จงึ สง่ ผลให้ผิวขาวขึ้นได้ จากกลไกน้ี ทำให้ยาไฮโดรควิโนนถกู นำมาใช้เป็นยาทารกั ษาผิวทีเ่ ปน็ ฝ้า กระ และจดุ ดา่ งดำ กระตนุ้ การสรา้ งเมด็ สผี วิ ในเซล์ล ผิวหนงั ผลข้างเคียง อาการแสบร้อน ตุม่ แดง และภาวะผิวคล้ำมากขึน้ ในบรเิ วณท่ีทา หากใช้อย่างต่อเน่ืองเปน็ เวลานาน อาจทำให้เกิดเป็นฝ้าถาวร เพิ่มโอกาสเสย่ี งต่อการเป็นมะเร็งผวิ หนัง ผู้ทีไ่ ดร้ บั ยานี้เกินขนาดตวั ยาจะดูดซึมเขา้ สู่ กระแสเลือดและสามารถกระตุ้นใหร้ า่ งกายมอี าการสั่นหรอื เกิดภาวะลมชกั หรือกระต้นุ ให้เกดิ อาการแพย้ าได้ ทำใหเ้ กดิ การแพ้ระคายเคือง เกิดจดุ ด่างขาวทหี่ น้า ผิวหน้าดำเปน็ ฝ้าถาวร รักษาไมห่ าย ไฮโดรควโิ นนออกฤทธ์ิโดยการยบั ยัง้ กระบวนการทางเคมขี องเซลลส์ ร้างเม็ดสี (melanocyte) โดยไปยับยง้ั เอนไซม์ไทโรซเิ นส(Tyrosinase)ทท่ี ำหนา้ ท่ีในการสรา้ งเม็ดสี(melanin) เมือ่ ปรมิ าณ เมด็ สีลดลง จึงส่งผลใหผ้ ิวขาวขึ้นได้ จากกลไกนีท้ ำใหย้ าไฮโดรควโิ นนถูกนำมาใชเ้ ป็นยาทารกั ษาผวิ ทเี่ ปน็ ฝา้ กระ
และจดุ ด่าง ดำ รูปท่ี 2. แสดงการออกฤทธข์ิ องไฮโดรควโิ นนในการยบั ย้งั เอนไซม์ไทโรซเิ นส ทีใ่ ช้ในการกระต้นุ การสรา้ งเม็ดสผี วิ ในเซล์ลผวิ หนัง ไฮโดรควิโนนจดั เป็นยาทาภายนอกใช้เพ่ือการรกั ษาและได้ถูกส่ังหา้ มใสใ่ นผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอางท่ีวางจำหน่ายท่ัวไป เนอ่ื งจากบรษิ ัทผู้ผลิตเครื่องสำอางมกั ผสมไฮโดรควิโนนในปริมาณ สงู ก่อใหเ้ กดิ ผลขา้ งเคียงจากการใช้ (สำนกั งานคณะกรรมการอาหารและยา กำหนดให้ผสมสาร ไฮโดรควโิ นนในการรักษาฝา้ ไดไ้ มเ่ กนิ 2%) • ผลขา้ งเคยี งจากการใชเ้ คร่ืองสำอางท่ีมีสารไฮโดรควโิ นนเกนิ ขนาด อาการแสบรอ้ น ต่มุ แดง และภาวะผิวคลำ้ มากขนึ้ ในบรเิ วณท่ที า หากใชอ้ ย่าง ต่อเนอ่ื งเป็นเวลานานอาจทำใหเ้ กดิ เปน็ ฝ้าถาวร เพิ่มโอกาสเสย่ี งตอ่ การเปน็ มะเร็งผวิ หนงั ผู้ท่ีได้รบั ยาน้ี เกินขนาดตวั ยาจะดดู ซึมเขา้ สู่กระแสเลือดและสามารถกระต้นุ ให้ร่างกายมอี าการสั่นหรอื เกิดภาวะลมชัก หรอื กระตนุ้ ให้เกดิ อาการแพ้ยาได้ • วิธีปฎบิ ัติเมอื่ เกดิ ผลข้างเคยี ง หลังใช้ยานีถ้ า้ มีอาการคนั หรืออกั เสบให้หยดุ การใช้ และกลับไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล เพอ่ื ประเมนิ แนวทางการรักษาใหม่
2. ปรอทแอมโมเนีย (ammoniated mercury) ทำให้เกิดการแพ้ ผ่นื แดง ผวิ หน้าดำ ผวิ บางลง เกิดพษิ สะสม ของปรอท ทำใหท้ างเดินปัสสาวะและไตอักเสบ 1. ปรอท(mercury)
จากการส่มุ ตัวอย่างผลิตภณั ฑค์ รมี หนา้ ขาว-หน้าใส เพอื่ ตรวจสอบคณุ ภาพจากหลาย หนว่ ยงานพบว่า จำนวนถงึ ร้อยละ 20 ของผลิตภัณฑเ์ หล่าน้ีทมี่ สี ารปรอทในปรมิ าณสงู ปนอยู่ในระดบั หลายพันถึงหลายหม่นื ส่วนในลา้ นส่วน ปรอทถกู กำหนดเป็นสารห้ามใช้ ตามประกาศกระทรวง สาธารณสุข เร่ือง กำหนดวัตถุทหี่ ้ามใช้เป็นสว่ นผสม ใน การผลิตเครื่องสำอาง ลำดับท่ี 221 ตามท่ปี รากฏ ในราชกจิ จานุเบกษา เล่ม125 ตอน พิเศษ 80 ง ลงวนั ท่ี 12 พฤษภาคม 2551 โดยกำหนดชอ่ื สารหา้ มใช้ คอื “ปรอท และสารประกอบของปรอท” · กลไกการออกฤทธ์ิให้ผิวหนา้ ขาว สารปรอททใ่ี ชอ้ ยูใ่ นรูปของไดวาเลนซ์แคทไอออน [mercuric (II) ion, Hg2+] จะยบั ย้งั การ ทำงานของเอนไซมไ์ ทโรซิเนส (Tyrosinase) ทำใหม้ ีการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ลดลง จงึ ชว่ ยให้สี ผิวขาวขน้ึ นอกจากนปี้ รอทยัง มี ฤทธ์ฆิ า่ เชอ้ื แบคทีเรยี ชนิด staphylococcus จึงปอ้ งกันสิวได้ด้วย · ผลข้างเคียงจากการใช้ สารประกอบของปรอททำให้เกดิ การแพ้ ผ่ืนแดง ผิวหนา้ ดำ เกดิ ฝา้ ถาวร ผิวบางลง และเม่ือใช้ ติดต่อกัน เป็นเวลานานจะทำให้เกดิ พิษสะสมของสารปรอทในผิวหนัง และดดู ซึมเข้าสู่กระแส โลหิต ทำใหต้ บั และไตอักเสบ เกิดโรคโลหิตจาง ทางเดินปสั สาวะอักเสบ อกี ทั้งในสตรมี ีครรภ์ ปรอทจะดดู ซึมเข้าสรู่ ่างกาย และไปสู่ทารก ทำใหเ้ ด็กมีสมองพิการและปญั ญาอ่อน
รูปที่ 1. แสดงอาการขา้ งเคียงจากการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของปรอท ผวิ มลี กั ษณะเปน็ รอยด่างขาวและฝา้ ถาวร · วิธปี ฎบิ ัติเม่ือเกิดผลข้างเคยี ง หลงั ใช้หากมีอาการคันหรืออักเสบใหห้ ยุดการใชแ้ ละไปพบแพทย/์ ไปโรงพยาบาล เพ่อื ประเมนิ แนวทางการรักษา 3. สเตยี รอยด์ (Steroid)
• เป็นสารท่หี ้ามใสใ่ นเคร่ืองสำอาง มกั ใช้เปน็ สูตรผสมกบั ยาตัวอ่นื เชน่ ไฮโดรควโิ นน หรือ เรตินอยดใ์ นการ รักษา ฝา้ กระ และจดุ ดา่ งดำ สเตียรอยด์ช่วยในการเสรมิ ฤทธ์ิ และช่วยลดอาการข้างเคยี งของไฮโดรควิ โนน และ เรตินอยด์ ไดด้ ี มีฤทธ์ิยบั ยงั้ การสรา้ งสารเคมีส่ือกลาง(mediators) เชน่ โพรสตาแกรนดิน(prostaglandin) และลิวโคไตร อนี (leukotriene) ท่ีใชใ้ นการการสรา้ งเม็ดสี (melanin) ทำใหป้ ริมาณเม็ดสีลดลงสง่ ผลให้ผิวขาวขน้ึ การใช้ยาทาสเตยี รอยดใ์ นความเข้มขน้ สงู ใชผ้ ิดวธิ ี และ ใชเ้ ปน็ ระยะเวลานานต่อเนื่องอาจกอ่ ให้เกิด ผลข้างเคยี ง เชน่ ผดผน่ื ข้นึ ง่าย ผวิ หน้าบาง ทำให้มลภาวะสารพิษจากภายนอกเขา้ สผู่ วิ หนงั ชั้นแทไ้ ด้งา่ ย ขน้ึ และเห็นเสน้ เลือดแดงตามใบหน้าชัดข้นึ หลังใช้หากมีอาการคนั หรืออักเสบใหห้ ยุดการใช้ และกลับไปพบแพทย/์ ไปโรงพยาบาล เพื่อประเมินแนว ทางการรักษาใหม่ • กลไกการออกฤทธใ์ิ ห้ผิวหนา้ ขาว เสตยี รอยดม์ ฤี ทธิ์ยบั ยงั้ การสร้างสารเคมสี ่ือกลาง(mediators) เช่น โพรสตาแกรนดิน (prostaglandin) และลิวโคไตรอีน(leukotriene) ท่ใี ช้ในการการสรา้ งเมด็ สี (melanin) ทำให้ ปรมิ าณเมด็ สีลดลงส่งผลใหผ้ วิ ขาวขน้ึ สเตียรอยด์เปน็ สารท่หี ้ามใส่ในเคร่ืองสำอาง มักใช้เป็นสูตรผสมกบั ยาตวั อื่น เชน่ ไฮโดรควโิ นน หรือ เรตินอยดใ์ นการรกั ษา ฝา้ กระ และจดุ ด่างดำ เสตียรอยด์ช่วยในการเสริมฤทธิ์ และช่วยลดอาการ ข้างเคียงของไฮโดรควโิ นน และ เรตนิ อยด์ ได้ดี • ผลข้างเคยี งจากการใช้ การใชย้ าทาเสตยี รอยด์ในความเข้มข้นสูง ใชผ้ ิดวธิ ี และ ใชเ้ ปน็ ระยะเวลานานตอ่ เนื่องอาจ ก่อใหเ้ กิดผลข้างเคียงท้ังภายนอกและภายในร่างกาย เชน่ ผดผน่ื ขึน้ งา่ ย ผวิ หนา้ บาง ทำใหม้ ลภาวะ สารพิษจากภายนอกเข้าส่ผู วิ หนังชัน้ แท้ไดง้ ่ายขึน้ และเห็นเสน้ เลอื ดแดงตามใบหน้าชดั ขึ้น
รปู ท่ี 3. อาการข้างเคียงจากการใช้ยาทาสเตยี รอยดเ์ ปน็ ระยะเวลานาน คือ ผิวมีลักษณะเปน็ ต่มุ ผดผน่ื หน้าบางและไวตอ่ แสง • วธิ ีปฎิบัติเมื่อเกิดผลขา้ งเคียง หลังใชห้ ากมีอาการคนั หรอื อักเสบให้หยุดการใช้ และกลับไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล เพ่อื ประเมินแนวทางการรักษาใหม่ 4. กรดเรติโนอกิ (Retinoic acid) • รบกวนกระบวนการสร้างเม็ดสี โดยมีกลไกการออกฤทธ์ิคือกระตุ้นการแบ่งเซลลแ์ ละเร่งการผลดั เซลล์ของ ผวิ ในชนั้ อิพทิ ีเรยี ล/เย่ือบผุ ิว (Epitherial) ลดการเคลือ่ นย้ายเมด็ สีมาทเ่ี ซลล์ ผิวหนังและยั้บยัง้ การทำงาน ของเอนไซมไ์ ทโรซิเนสท่ใี ช้ในการสร้างเม็ดสีอกี ด้วย นอกจากน้ยี ังออกฤทธิก์ ดการสรา้ งและป้องกันการ สร้างสิวอุดตัน (Comedone) ซ่งึ เปน็ สาเหตขุ องการเกิดสวิ ท่วั ไป กลไกการออกฤทธ์ใิ หผ้ ิวหน้าขาว กรดเรทิโนอิกอาจทำใหเ้ กิดอาการระคายเคืองผวิ หนงั ผวิ หน้าลอก อักเสบ แพแ้ สงแดดไดง้ า่ ย อาจเกิด ภาวะผวิ ด่างขาวหรอื ผิวคล้ำได้ช่ัวคราวและอาจเป็นอนั ตรายตอ่ ทารกในครรภ์ หลงั ใช้ยานถ้ี า้ มอี าการคนั หรืออักเสบให้หยดุ การใช้ และกลบั ไปพบแพทย์หรือเภสัชกร เพอ่ื ประเมินแนวทางการรักษาใหม “สารไฮโดรควิโนน สเตยี รอยด์ และเรตินอยด์ นนั้ จดั เป็นยาทีม่ ีประโยชนใ์ นการรักษา สามารถใชไ้ ด้ภายใตก้ าร ดแู ลและควบคุมโดยแพทย์ผู้เชีย่ วชาญหรือซอ้ื ไดต้ ามร้านขายยาที่มเี ภสชั กรประจำร้าน สามารถให้คำแนะนำ การใช้ยาอย่างถกู วธิ ีได้”
แตส่ ารทัง้ สามนหี้ า้ มนำมาใชเ้ ป็นสว่ นประกอบในเคร่ืองสำอางตามท่ีกระทรวงสาธารณะสุขประกาศ ไมค่ วรซ้ือมาใช้ เดด็ ขาด หากผบู้ รโิ ภคพบผลิตภัณฑเ์ ครื่องสำอางท่ีไม่ได้มาตรฐาน หรือได้รับอนั ตรายจากการใช้เคร่ืองสำอาง ขอให้ร้องเรยี นที่ สายดว่ น อย. โทร. 1556 หรืออเี มล : [email protected] หรือ สง่ จดหมายไปที่ ตู้ ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบรี 11004 เพื่อ อย. จะไดต้ รวจสอบและดำเนินการตาม กฎหมายต่อไป ความขาวใสของใบหน้านั้นจัดเป็นส่ิงท่ที ุกคนต้องการ ไมว่ า่ จะเปน็ เพศหญิงหรือชาย ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายไุ หน ด้วยเมอื งไทยของเราเปน็ เมืองที่มีอากาศร้อนและแสงแดดที่แผดเผาไมป่ ราณีผวิ พรรณทำให้คนไทยส่วนใหญ่ นอกจากจะมสี ผี ิวที่คล้ำแลว้ ยงั ประสบปัญหาผิวต่างๆ เชน่ ฝ้า กระ และจดุ ด่างดำ อันเป็นเหตใุ หต้ ้องรีบแก้ไขและ ทำการรกั ษาโดยเฉพาะในกลุ่มของผหู้ ญงิ อยา่ งเราๆ จดุ ดา่ งพร้อยบนใบหนา้ ถือเปน็ สิ่งท่ีต้องกำจดั ออกไปโดยเร็ว ปจั จุบนั มีผผู้ ลติ เครื่องสำอางท่ีทำให้ผิวขาวออกวางจำหนา่ ยในท้องตลาดมากมาย ซ่งึ เรารู้จักกนั ในนาม ครีมหน้า ขาว (Whitening Products) ครีมหน้าขาวนีจ้ ดั เป็นผลิตภัณฑย์ อดฮิตในบรรดาสุภาพสตรี เพราะเห็นผลเร็ว ผิว ขาวเนียนใสจรงิ แตภ่ ายในระยะเวลาอนั สน้ั ความขาวใสน้ี จะถกู แทนทด่ี ว้ ยอาการข้างเคียง คอื รอยไหมด้ ำที่ ค่อยๆแผ่วงกว้าง รอยแดง ผ่ืนแพ้ หน้าบาง ตดิ เช้ือง่าย ซง่ึ ใช้เวลาในการรกั ษานานและในบางรายอาจเปน็ ถาวร เมื่อผู้บรโิ ภคถกู เอาเปรยี บและได้รบั ผลกระทบจากผลิตภัณฑท์ ี่ไมม่ ีคุณภาพ อย.จึงเขา้ มามีบทบาทในการสืบสวน หาสาเหตุ และไดป้ ระกาศ รายชอื่ สารต้องห้ามใชเ้ ปน็ ส่วนประกอบในเครื่องสำอาง อันได้แก่ สารปรอท สารไฮโดร ควิโนน สเตยี รอยด์ และกรดเรตโิ นอกิ เป็นตน้ • กลไกการออกฤทธิ์ให้ผิวหนา้ ขาว เรตนิ อยด(์ Retinoids) มีผลรบกวนกระบวนการสรา้ งเม็ดสี โดยมีกลไกการออกฤทธิ์คือกระต้นุ การแบง่ เซลลแ์ ละเร่งการผลัดเซลลข์ องผิวในชน้ั อิพทิ เี รยี ล/เยื่อบผุ ิว (Epitherial) ลดการเคลือ่ นย้าย เม็ดสมี าทเี่ ซล์ลผวิ หนงั และย้ับยง้ั การทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสท่ีใชใ้ นการสรา้ งเม็ดสอี ีกด้วย นอกจากน้ียังออกฤทธิ์กดการสรา้ งและป้องกนั การสรา้ งสวิ อุดตนั (Comedone) ซงึ่ เป็นสาเหตุของ การเกดิ สวิ ท่ัวไป
• ผลขา้ งเคยี งจากการใช้ กรดเรทโิ นอกิ อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนัง ผิวหน้าลอก อกั เสบ แพ้แสงแดดได้ง่าย อาจเกดิ ภาวะผวิ ด่างขาวหรือผิวคล้ำไดช้ ่ัวคราวและอาจเป็นอนั ตรายต่อทารกในครรภ์ • วิธปี ฎิบัตเิ มื่อเกดิ ผลขา้ งเคยี ง หลงั ใช้ยานี้ถ้ามีอาการคันหรอื อกั เสบใหห้ ยดุ การใช้ และกลับไปพบแพทยห์ รอื เภสัชกร เพ่อื ประเมนิ แนวทางการรักษาใหม่ รูปท่ี 4. ผลขา้ งเคียงจากการใช้ครมี ที่มีเรตนิ อยดใ์ นปริมาณสูง ผิวหนา้ แดงลอก และไวต่อแสง วธิ ีการเลือกใชเ้ คร่อื งสำอางค์ 1. หลักการสงั เกตผุ ลติ ภณั ฑ์ผิดกฎหมายเหล่านคี้ ือ ฉลากจะไมร่ ะบุผผู้ ลิต ครงั้ ท่ีผลิต และวนั เดือนปี ทีผ่ ลติ ดังนน้ั เวลาซ้อื เครื่องสำอางควรหลกี เลยี่ งย่ีห้อที่ไม่มีฉลากภาษาไทยไมแ่ สดงผผู้ ลติ วันเดือนปีท่ีผลติ เป็นดี ทีส่ ุด ทง้ั นห้ี ากต้องการรายชอ่ื เครื่องสำอาง ท่อี ย. ประกาศแจง้ เตอื นโดยละเอยี ด สามารถติดตอ่ สอบถามได้ท่ีกลมุ่ ควบคุมเคร่ืองสำอาง สำนกั ควบคมุ เคร่ืองสำอางและวัตถุอันตราย อย. โทรศัพท์ 0 2590 7277 - 8 โทรสาร 0 2591 8468 ในเวลาราชการ และเวบ็ ไซตห์ นา้ หลัก อย. www.fda.moph.go.th คลกิ ที่เครื่องสำอาง
2. หากสงสยั วา่ ผลิตภณั ฑ์เครอ่ื งสำอางทีใ่ ช้อยู่หรอื ท่ีต้องการซื้อ มีสารอันตรายตอ้ งหา้ มผสมอยู่ หรือไม่ ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบสารเหลา่ นีด้ ว้ ยตนเองไดโ้ ดยใชช้ ุดทดสอบด้านเคร่ืองสำอาง(Test Kit- Cosmetic) จากกรมวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์ ในการประกอบการตดั สินใจ บทสรปุ ในสว่ นของสารไฮโดรควิโนน สเตียรอยด์ และเรตินอยด์ น้ันจัดเปน็ ยาท่ีมปี ระโยชน์ในการรักษา สามารถใช้ได้ภายใตก้ ารดูแลและควบคมุ โดยแพทย์ผ้เู ชีย่ วชาญหรือซื้อได้ตามร้านขายยาท่ีมเี ภสัชกรประจำรา้ น สามารถให้คำแนะนำการใช้ยาอยา่ งถูกวิธีได้ สารทงั้ สามนห้ี ้ามนำมาใชเ้ ป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางตามที่ กระทรวงสาธารณะสขุ ประกาศดงั นน้ั หากพบเครื่องสำอางที่มีสารเหลา่ น้รี วมถงึ ปรอทเปน็ สว่ นประกอบของ ผลติ ภัณฑ์วางจำหน่ายกร็ ไู้ ดเ้ ลยว่าเป็นเครื่องสำอางที่ไม่ได้รับการข้ึนทะเบยี น ผดิ กฎหมาย ไมค่ วรซือ้ มาใช้เด็ดขาด ขอใหผ้ ้บู รโิ ภคเลือกซือ้ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากสถานทจี่ ำหนา่ ยทมี่ หี ลกั แหล่งน่าเชอื่ ถือ และก่อนตัดสนิ ใจซ้อื ควรสงั เกตฉุ ลากผลิตภณั ฑ์ โดยฉลากตอ้ งมขี ้อความภาษาไทย ระบุข้อความอันจำเป็นครบถว้ น ไดแ้ ก่ ช่อื และชนดิ ของเคร่ืองสาอาง เลขที่ใบรบั แจง้ (เป็นเลข 10 หลัก) สารท่ีใช้เป็นสว่ นผสม วิธกี ารใช้ ชอื่ ที่ตง้ั ผู้ผลิต/ผู้นำเขา้ ปรมิ าณสุทธิ เลขท่ีแสดงครั้งท่ีผลิต เดือนปที ผ่ี ลติ และคำเตือน อย่างไรก็ตาม หากผูบ้ รโิ ภคพบผลิตภณั ฑ์ เคร่อื งสำอางที่ไม่ไดม้ าตรฐาน หรอื ไดร้ บั อนั ตรายจากการใช้เครื่องสำอาง ขอให้ร้องเรยี นที่ สายดว่ น อย. โทร. 1556 หรอื อเี มล : [email protected] หรือ ส่งจดหมายไปท่ี ตู้ ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสขุ จ.น นทบรี 11004 เพ่ือ อย. จะได้ตรวจสอบและดำเนนิ การตามกฎหมายตอ่ ไป 3. กรดวิตามนิ เอ (vitamin A acid, retinoic acid tretinoin) ทำให้หน้าแดง ระคายเคือง แสบร้อนรนุ แรง เกิด การอักเสบ ผิวหนา้ ลอกอย่างรุนแรง และอาจเป็นอนั ตรายต่อทารกในครรภ์ ทำให้ทารกในครรภพ์ กิ าร
4. อนั ตราย! สารเคมี 5 ชนิดในเครอ่ื งสำอางทำลายผวิ และสุขภาพได้ 1. สารปรอท (Mercury) เปน็ สารท่ีพบในเครอ่ื งสำอางทชี่ ว่ ยทำใหส้ ผี ิวจางลง ไมว่ ่าจะชว่ ยในการลดสิว ฝา้ กระและปัญหาจุดดา่ ง ดำ โดยส่งผลใหผ้ ู้ใช้มอี าการแพ้หรือได้รบั ความระคายเคืองอยา่ งรนุ แรง สง่ ผลอันตรายได้ถึงระบบทางเดินปสั สาวะ อกี ทั้งสารปรอทนยี้ ังสามารถเขา้ ส่รู ่างกายเราได้หลายช่องทาง ไม่วา่ จะเปน็ การสดู ดมซึ่งจะเขา้ ทางปอด หากกลนื กนิ เข้าไปก็จะดดู ซึมไปยงั ลำไส้เล็กและหากนำมาทาผวิ ก็จะสามารถซมึ เข้าไปสะสมภายในร่างกายไดเ้ ช่นเดยี วกนั 2. สารตะกัว่ (Lead) เป็นสารตอ้ งหา้ มทางกฎหมายเลยกว็ า่ ได้ เพราะหากตรวจพบวา่ ผลติ ภัณฑ์ใดมีสารดังกลา่ วมากกวา่ 20 ส่วนจากน้ำหนักผลติ ภณั ฑ์นัน้ ๆ กจ็ ะเข้าข่ายเป็นเครือ่ งสำอางที่ไม่มคี วามปลอดภัยนน่ั เอง เพราะมันจะเข้าสู่ ร่างกายจนก่อให้มีอาการปวดทอ้ งบิดอยา่ งรุนแรงพร้อมกับเกิดอาการท้องผูกหรืออาจถ่ายเป็นเลอื ด เน่อื งจากเม็ด เลอื ดแดงไดร้ บั การทำลายอย่างรวดเรว็ อกี ท้งั ยังลดอตั ราการสรา้ งเม็ดเลอื ดแดงจนส่งผลให้ระบบประสาทภายใน ร่างกายทำงานผิดปกตติ ามมาไดด้ ้วย
อันตราย! สารเคมี 5 ชนดิ ในเครื่องสำอางทำลายผิวและสขุ ภาพได้ 3. พาราเบน (Paraben) เปน็ สารกันเสียทนี่ ยิ มนำมาใช้เป็นสว่ นประกอบของเคร่ืองสำอาง ผลิตภัณฑบ์ ำรุงดูแลผิวต่างๆ รวมถงึ โรลออน ระงับกลน่ิ กาย เพราะมรี าคาถูกและประสิทธิภาพของมนั ยงั ชว่ ยยบั ยั้งการเจริญเตบิ โตของเช้ือแบคทเี รีย หาก ผลเสยี กค็ ือ มนั สามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือดไดร้ วดเร็วอีกทั้งยงั ก่อให้เกดิ การสะสมภายในรา่ งกายง่ายด้วย ดังน้ัน ใชแ้ ล้วจงึ เส่ยี งตอ่ การกอ่ ให้เป็นมะเรง็ ได้ โดยเฉพาะมะเรง็ เต้านม 4. ทาล (Talc) เป็นอีกหนึง่ สารที่ก่อใหเ้ กิดมะเร็งได้ และหากไดจ้ ากแหล่งวัตถดุ บิ ท่ีไมด่ ีย่อมก่อให้มกี ารปนเปื้อนของสาร \"Asbestos\" ไดเ้ ช่นกัน แต่สารดงั กล่าวจะก่อให้เกิดผลร้ายได้กต็ ่อเมอื่ ร่างกายได้รบั การสะสมไวป้ รมิ าณมาก ทาล น้ันมีพบมากท่สี ุดในเครื่องสำอางจำพวกแปง้ ตลับ บลัชออนหรืออายแชโดว์ชนิดเนอ้ื ฝุ่น เป็นตน้ เมอื่ นำมาใชท้ า ผิวหนา้ แลว้ มนั จะทำหน้าท่ชี ว่ ยให้ผวิ มีความหลอ่ ล่นื เรยี บเนียน เม่อื ยามสมั ผัสและไมม่ กี ารจบั ตวั เปน็ ก้อนดว้ ยค่ะ
อันตราย! สารเคมี 5 ชนดิ ในเครอ่ื งสำอางทำลายผิวและสขุ ภาพได้ 5. Petroleum Derivative เปน็ สารทผี่ ลติ ข้นึ จากการแยกนำ้ มนั ปโิ ตรเลียม มกั เปน็ ส่วนประกอบในเคร่ืองสำอางหลายชนิด เชน่ โฟ มล้างหนา้ ครีมบำรุงผิวหรือครีมรองพืน้ เป็นตน้ โดยมันจะทำหนา้ ทีช่ ว่ ยเกบ็ ลอ็ กความชุ่มชืน้ ไวผ้ ่านการเคลือบผวิ ขณะเดียวกนั เนอื่ งจากมันมโี มเลกุลขนาดใญแ่ ละยังผ่านกรรมวิธีทางดา้ นเคมี จงึ ทำใหผ้ ิวหน้าระคายเคืองจนเกิด สวิ อุดตนั ได้ หากผวิ หนา้ ได้รับสารดังกล่าวสะสมไว้เรื่อยๆ จนมีปริมาณมากก็อาจทำให้ผิวเสอื่ มสภาพก่อนวัย และ ส่งผลให้ภมู คิ ุ้มกันของฮอร์โมนเพศหญิงเสื่อมลงได้ด้วย ทราบกันเช่นน้แี ล้ว ก่อนจะซ้ือเครื่องสำอางรอบหนา้ จงเลอื กหาจากแบรนด์ท่ีเชอ่ื ถอื ได้ด้วยนะคะ และควรดู ส่วนประกอบไปพร้อมกนั หากผลิตภัณฑ์ไหนโฆษณาเกินจรงิ ก็อาจจะตรวจสอบจากหลายแหล่งเพราะหากพบวา่ ไม่ ปลอดภยั หรือมีสารเคมไี ม่ดีเจือปนเราก็จะไดห้ ลีกเลยี่ งได้ทนั ทว่ งทนี นั่ เองค่ะ https://www.sanook.com/women/80581/ 4. สว่ นผสม และสิ่งที่เกี่ยวข้องกบั เคร่ืองสำอางในปัจจุบัน
- วิตามนิ เอและกรดวิตามนิ เอ วิตามนิ เอหรือทเี่ รยี กว่า เรตนิ อล (retinol) หรอื วิตามนิ เอแอลกอฮอล์ คือ วิตามนิ ท่ีมีความสำคญั ต่อ ร่างกาย เพราะถ้าขาดวิตามินเอแลว้ อาจทำให้มปี ัญหาเรื่องผิวหนังและสายตาได้ โดยในปจั จุบนั ได้มี การนำวติ ามนิ เอไปใช้ในเครอ่ื งสำอางโดยมหี นา้ ทเี่ ป็นสารปรับสภาพผิว Retinol กรดวติ ามนิ เอหรือทเี่ รยี ก อกี ช่ือหน่งึ วา่ วติ ามินเอแอซดิ หรือเรตโิ นอิกแอซิด (retinoic acid) หรือเต รติโนอิน (tretinoin) นน้ั แมจ้ ะมีชอื่ เรียกที่คลา้ ยกนั แตจ่ ะมีสูตรโครงสร้างและคุณสมบัติที่แตกต่างไปจากวิตามนิ เอโดยสิ้นเชงิ โดยกรดวิตามนิ เอมฤี ทธ์กิ ระต้นุ การหลดุ ลอกของผวิ หนังช้ันนอกอยา่ งรุนแรง และยงั ลดการยดึ ติดกัน ของ เซลล์ เม่ือเซลลห์ ลดุ ลอกออกได้งา่ ย กจ็ ะทำให้การอุดตนั ของไขมนั ท่ีผวิ หนงั ลดลง จึงใชร้ ักษาสิวได้ แต่ตอ้ งใช้ ดว้ ยความระมดั ระวงั ภายใต้คำแนะนำของแพทยห์ รอื เภสชั กร เพราะอาจทำใหผ้ ใู้ ช้เกดิ อันตรายได้ เชน่ หน้าแดง ระคายเคือง แสบร้อนรุนแรง ผิวหนา้ ลอก และอาจเป็นอนั ตรายตอ่ ทารกใน ครรภ์ ดังน้ันกฎหมายจงึ กำหนดให้กรด วิตามินเอเป็นสารทีห่ ้ามใชใ้ นเคร่ืองสำอาง หากผู้ใดลกั ลอบใสใ่ น เครือ่ งสำอางจะมีความผิดตามท่ีกฎหมายกำหนด - Sunscreen กบั Sunblock Sunscreen สารกนั แดดประเภท Sunscreen เปน็ สารกนั แดดที่ออกฤทธ์ิป้องกันแสงแดดเม่ือมกี ารซึมเข้าส่ผู ิวหนงั ทำ หน้าท่ีดดู กลนื รงั สี UV เช่น Oxybenzone Benzophenone เปน็ ต้น
Sunblock สารกันแดดประเภท Sunblock เปน็ สารกันแดดท่ีออกฤทธ์ิป้องกนั แสงแดดทำหนา้ ท่สี ะท้อนรังสี UV สว่ นใหญจ่ ะเป็นสารจำพวก ไทเทเนียมออกไซด์ (TiO2) และ ซิงค์ออกไซด์ (ZnO2) ซึ่งจะทำหนา้ ที่ฉาบคลุม ผิวหนัง แต่ไมไ่ ด้ซมึ เข้าสผู่ ิวหนงั - ค่า SPF (Sun Protecting Factor)/ ค่า SPF ยิง่ มากยิ่งดีจรงิ หรือ? SPF (Sun Protecting Factor) เป็นค่าท่ีใช้บอกจำนวนเทา่ ของเวลาทเ่ี ราสามารถสมั ผัสแสงแดดได้เม่ือเทียบกบั เวลาที่ไม่ได้ทาครีมกนั แดด
ตัวอยา่ งเชน่ น.ส. A จะเกดิ การแสบร้อนของผิวหนังเมื่อเกิดการสมั ผสั แสงแดดนาน 30 นาที หาก น.ส. A ทา ครีมกนั แดดที่มีคา่ SPF 20 หมายความว่า น.ส. A จะทนต่อแสงแดดไดน้ านถงึ 30 x 20 = 600 นาที หรอื 10 ชว่ั โมง จงึ จะรสู้ ึกแสบรอ้ นผวิ หนงั ทม่ี า : ภก. เดชาชัช สายเมธางกุร กองเภสัชกรรม สานักอนามัย ค่า SPF ย่งิ มากย่ิงดจี รงิ หรือ???
สำหรบั ประเทศไทยซ่ึงมีอากาศร้อน แสงแดดจัด มขี ้อแนะนำให้เลอื กใชเ้ คร่ืองสำอางป้องกนั แสงแดดที่มคี ่า SPF ตง้ั แต่ 15 ขน้ึ ไป สำหรบั ประเด็นที่ว่า คา่ SPF ย่ิงมากยง่ิ ดีจริงหรอื ไมน่ ้ัน กข็ ึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายในการใช้ ถ้าอยู่ใน ท่ี แสงแดดจา้ เปน็ เวลานานๆ เครื่องสำอางท่ีมคี า่ SPF ยิ่งมากยอ่ มทำใหร้ ะยะเวลาทผี่ วิ สามารถทนทานต่อ แสงแดดนานขนึ้ ตามลำดับ แตเ่ ครอ่ื งสำอางน้ันกจ็ ะเหนยี วเหนอะมากขึน้ และมีสารเคมีที่ใชก้ นั แดด มากตาม เช่นกนั ดงั น้ันโอกาสทผ่ี ใู้ ชจ้ ะเกดิ การแพห้ รอื ระคายเคืองยอ่ มมมี ากกวา่ ผู้ทใี่ ช้เคร่ืองสำอางทม่ี ีคา่ SPF ต่ำ อีกท้ัง เครอ่ื งสำอางที่มีค่า SPF ยงิ่ มาก ราคาย่ิงแพง จงึ ควรต้องคำนงึ ถึงความจำเปน็ ท่ตี ้องใช้ ด้วย ในกรณีท่ไี ม่ได้ถกู แสงแดดจัดตลอดเวลา เชน่ นัง่ ทำงานอยู่ในสำนกั งานท้ังวนั การใชเ้ ครือ่ งสำอางท่ี มีค่า SPF มากๆ ก็ไม่ใช่สง่ิ ท่ี จำเป็นแตอ่ ยา่ งใด
ที่มา : http://21wdhy.czuwaj.net/materialy/techniki/samarytanka.php - AHA (Alpha Hydroxy Acid) คืออะไร ทำให้หนา้ ขาวใส ได้จริงหรือ เคร่อื งสำอางทีช่ ว่ ยให้ผวิ ขาวหลากหลายยี่ห้อ โฆษณาวา่ มีสาร AHA เปน็ ส่วนประกอบ ซงึ่ จะชว่ ยให้ผิว ขาวข้ึน จึงเกิดคำถามที่ว่าถ้าใช้เครื่องสำอางทีม่ สี ารตวั นี้ไปเรือ่ ยๆ จะชว่ ยให้ขาวมากขึ้นเพียงไร และคนท่ีมผี ิวสองสี ใช้ แลว้ จะขาวเทา่ กบั คนท่ีผวิ ขาวแตก่ ำเนิดไดห้ รือไม่ AHA ย่อมาจาก Alpha Hydroxyl Acids มีสรรพคุณที่กล่าวขวญั วา่ เปน็ สารช่วยลดรว้ิ รอยจุดด่างดำบนผวิ หนงั ได้ จงึ ใชผ้ สมกับครีมและโลชน่ั เคร่ืองสำอางท่ีมี AHA เปน็ สารทม่ี ีอย่ตู ามธรรมชาตใิ นอาหาร เชน่ กรดเมลกิ แอป เปิ้ล กรดซิตริกในมะนาว กรดทารกิ ในองนุ่ กรดแลกตกิ ในนมเปร้ยี ว และกรดไกลโคลิกในอ้อย เป็นตน้ และเปน็ สว่ นประกอบถูกจัดในกลุม่ เดียวกบั สารเคมสี ำหรับลอกผิว ซ่งึ ใช้งานกนั ในหมู่แพทยผ์ ิวหนงั และศัลยกรรมพลาสติก AHA ที่ใช้กนั มากคือ กรดไกลโคลิก และกรดแลกตกิ แต่ยังมีหลายชนิดท่ีใชเ้ ป็นส่วนประกอบ โดยปกติทีว่ างตลาด มคี วามเข้มขน้ ร้อยละ 10 หรือนอ้ ยกว่าน้นั แตใ่ นกรณีของผู้เช่ยี วชาญดา้ นผวิ หนังสามารถใช้ไดถ้ ึงระดับความ เขม้ ข้นร้อยละ 20 -30 หรอื สูงกว่านัน้ AHA จดั อยู่ในผลิตภณั ฑท์ ่ีไมใ่ ชเ่ ครือ่ งสำอางทั่วไป แตอ่ ยใู่ นหมวดของเวช สำอาง (Cosmeceutical) ตามองคก์ ารอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมรกิ า (FDA) ซ่ึงให้ความสนใจเป็นพิเศษ เนือ่ งจาก AHA ไม่เหมอื นเคร่ืองสำอางท่ัวไป แต่มนั ซึมผา่ นเข้าไปในชนั้ ผิวหนงั ได้ และหากเขม้ ข้นพอกจ็ ะลอกผิว ซึง่ เกิดผลในทางลบคือทำให้เซลผิวเสอื่ มเร็วข้นึ และยังทำให้ผวิ หนังช้ันนอกบางลงด้วย เมื่อใชเ้ คร่ืองสำอางที่มี AHA อยา่ งสม่ำเสมอประมาณ 4 สัปดาห์ จะเห็นว่าผวิ อ่อนน่มุ และขาวขน้ึ แตเ่ ม่อื ใช้ ติดต่อกนั ไปเรื่อยๆ นาน 12 สัปดาห์ สภาพผวิ จะคงที่ และเมอ่ื หยุดใช้ ผวิ กจ็ ะกลบั ส่สู ภาพเดมิ ดงั นนั้ ผทู้ ่ีมผี ิวสองสี จะใชเ้ คร่อื งสำอางท่มี สี าร AHA เพอ่ื ให้ขาวเท่ากบั คน ที่มผี ิวขาวแต่กำเนิดคงเป็นไปไม่ได้แน่นอน ทีม่ า : รศ.สุชาตา ชนิ ะ (เอ เอช เอ (AHA) กับความงามบนใบหน้า)
- กลูตาไธโอน (Glutathione) / สาร Glutathione สำหรับทำใหผ้ วิ ขาวทก่ี ำลงั เปน็ ทน่ี ยิ ม Glutathione (กลูตาไธโอน) เป็นสารประเภท Tripeptide ทปี่ ระกอบดว้ ยกรดอะมโิ น 3 ชนิด ได้แก่ Cysteine, Glycine และ Glutamic acid มคี ุณสมบัติเปน็ โปรตีนชนิดหนง่ึ ซึ่งร่างกายสามารถสงั เคราะห์ไดเ้ อง ทำหนา้ ที่ ปกปอ้ งเนื้อเย่ือของอวยั วะทุกส่วนโดยการตอ่ ต้านอนุมลู อิสระทส่ี ะสมอยตู่ ามสว่ นตา่ งๆ และกระตนุ้ ภมู ิคุ้มกนั ของ รา่ งกาย Glutathione มคี ณุ สมบตั ดิ งั นี้ 1. Detoxification : กลูตา้ ไทโอนชว่ ยสร้างเอ็นไซมช์ นิดต่างๆ ในรา่ งกายโดยเฉพาะ Glutathion-S-transferase ท่ีช่วยในการกำจัดพิษออกจากร่างกายโดยไปเปล่ยี นสารพิษชนิดไมล่ ะลายในน้ำ (ละลายในนำ้ มัน) เชน่ พวกโลหะ หนัก สารระเหย ยาฆา่ แมลง แมแ้ ต่ยาบางชนิด ใหเ้ ป็นสารทล่ี ะลายนำ้ ได้ดีข้นึ และง่ายต่อการกำจดั ออกจาก ร่างกาย นอกจากนีย้ ังชว่ ยปอ้ งกันตับ1 จากการถูกทำลายโดย แอลกอฮอล์ (สุรา) สารพิษจากบหุ ร่ี ยาพาราเซตา มอลเกนิ ขนาด (Overdose) ฯลฯ 2. Antioxidant : กลตู า้ ไทโอนมคี ุณสมบตั ิเปน็ สารตา้ นปฏิกริ ิยาออ๊ กซเิ ดชั่น (Antioxidant) ทม่ี คี วามสำคัญตวั หนง่ึ ในร่างกาย และหากขาดไป วติ ามินซแี ละอี อาจจะทำงานได้ไมเ่ ตม็ ท่ี 3. Immune Enhancer : ชว่ ยกระตนุ้ ภูมคิ ุ้มกนั ในรา่ งกาย2 โดยกระต้นุ การทำงานของเอ็นไซม์หลายชนดิ เพื่อให้ รา่ งกายต่อต้านส่งิ แปลกปลอมรวมถึงเชื้อแบคทเี รียและไวรัส นอกจากน้ีกลูตาไทโอน ยงั ช่วยสร้างและซ่อมแซม DNA สรา้ งโปรตีนและ protaglandin ทม่ี า : http://www.proanox.com รบั ประทาน Glutathione แล้วเป็นอย่างไร ในวงการของอาหารเสริม มกี ารนำสาร Glutathione มาทำเปน็ ยาเม็ดเพ่ือใช้ในการรบั ประทานเป็นอาหารเสริม โดยหวงั ผลว่า จะสามารถเสรมิ และทดแทนปริมาณกลูตาไธโอนทร่ี า่ งกายมไี ม่พอหรือบกพร่องไป อันเน่ืองมาจาก สาเหตุของโรคตา่ งๆ ซ่งึ พบว่า Glutathione จะไม่สามารถถกู ดดู ซมึ จากกระเพาะอาหารได้ เพราะจะถูกยอ่ ย สลายและขับออกทางลำไส้ ดังน้นั การรับประทาน Glutathione จึงไม่ได้รับประโยชน์เลย ไมว่ า่ จะกินครั้งละ หลายๆ เมด็ หรือในขนาดทสี่ ูงมากๆ ก็ตาม ที่มา : http://www.tlcthai.com/education/knowledge-online/15415.html
- BHA (Beta Hydroxy Acid) คืออะไร BHA (beta hydroxy acid) สารในกลุม่ น้ที ่ีมีการใช้ในปจั จุบัน คือ salicylic acid ความแตกต่างของ AHA กบั BHA อยทู่ ่ีความสามารถในการละลายนำ้ ของสาร สารในกลุ่ม AHA เป็นสารที่ละลาย นำ้ ได้ดี ทำให้การซึมผา่ นลงไปในชนั้ ผวิ หนังถกู จำกัด แต่ salicylic acid เปน็ สารที่ละลายไดด้ ีในนำ้ มัน ทำให้ซึม เข้าสผู่ วิ หนงั ได้ดี จึงสามารถเพิม่ การผลัดเปล่ียนเซลลท์ ผี่ ิวได้ดี และยงั สามารถซมึ เข้าส่ขู ุมขนได้ จึงชว่ ยขจัดสิ่ง สกปรกที่อยู่ในรขู ุมขน หรอื รักษารูขุมขนที่อดุ ตันได้ดว้ ย ทางการแพทย์ใช้ salicylic acid ในความเข้มข้น 2%ใน การรักษาสิว เน่อื งจากสามารถกำจดั สิวอุดตนั ได้ ถ้าใช้ในความเข้มขน้ ที่สงู ใชร้ กั ษาหดู ได้ และมขี ้อดคี ือระคาย เคืองน้อยกวา่ AHA - Hyaluronic Acid (HA)กับการฉดี ฟลิ เลอร์ กรดไฮยาลรู อนคิ (Hyaluronic Acid) เรียกส้ันๆว่า HA คือสารธรรมชาติชนดิ หนึ่งท่มี ีอย่ใู นรา่ งกาย และรา่ งกาย สามารถสรา้ งขึ้นไดเ้ อง โดยทั่วไปจะพบอยูม่ ากทีบ่ รเิ วณจดุ เชอ่ื มต่อ ขอ้ ต่อ ข้อเข่า เน้ือเย่ีอ เซลลผ์ ิวหนงั โดยมสี ว่ น สำคญั ในการเพ่ิมความต้านทานตอ่ การเสียดสี (โดยเฉพาะที่ข้อต่อ ข้อเขา่ ต่างๆ) และเพ่ิมความยืดหยุน่ ความชมุ่ ชนื่ ให้แก่เซลล์ผวิ หนงั ปริมาณ HA มกั จะลดลงเม่อื มอี ายุเพ่ิมข้ึน ดังนัน้ จึงเปน็ สาเหตขุ องการหยอ่ นคลอ้ ย หรือเกิดรว้ิ รอยของผิวหนัง ด้วยเหตุน้ี จึงมีการนำ HA มาใช่ในวงการแพทย์เพอื่ ช่วยเหลอื ผู้ทปี่ ระสบปญั หาปวดขอ้ เข่าข้อต่อ รวมถงึ ใช้ในวงการความงาม ทั้งในรปู ของอาหารเสริม เครื่องสำอาง รวมทั้งการฉีด Dermal Filler ซ่งึ เป็นการใช้ HA มาชว่ ยปอ้ งกนั รว้ิ รอย เพิ่มความชุ่มช้ืนและออ่ นนุ่มให้แก่เซลล์ผิวแล้วก็ยังช่วยเรื่องการเจรญิ เตบิ โตของเซลล์ ช่วยให้คอลาเจนและอลี าสตินประสานกนั อยา่ งม่นั คงมากข้ึน ทีส่ ำคัญมคี วามปลอดภยั สูงมากๆ โดยคณุ สมบัตขิ อง สารไฮยาลรู อนิกมีอายปุ ระมาณ 8-12 เดอื น แล้วจะค่อยๆสลายไปตามธรรมชาติ
ที่มา : http://www.worthington-biochem.com/ ทมี่ า : http://www.beautyhealthy4you.com สารตัวน้ีมีลกั ษณะ เปน็ อณูของโปรตีนท่เี กดิ จาก กรดอะมิโน 3 ชนดิ มาประกอบกันคือ • Cysteine • Glutamate • Glycine โดยปกติเซลล์ในรา่ งกายสามารถสร้างเองได้ จากกระบวนปฏกิ ิรยิ า ชวี เคมใี นเซลล์ทวั่ ไป แตท่ ที่ ำงานสร้าง สารน้ี มากที่สุดกค็ ือ ทต่ี ับของเรา การสร้างสารนต้ี อ้ งอาศัย เอนไซม์ อย่างน้อย 2 ชนิด ดังนั้น หากมยี นี ผดิ ปกตเิ ก่ยี วกบั เอนไซม์ ท้ังสองชนิดนี้ก็จะไม่สามารถสร้างสารตวั นีไ้ ด้ สารชนิดน้มี บี ทบาทสำคัญในการควบคมุ สารอณุมลู อิสระใน ร่างกาย การสร้างสารซ่อมแซม เซลล์ และ ทำปฏิกริ ิยาขจัดสารพษิ ทีเ่ กิดในร่างกาย หากการสรา้ งสารนีผ้ ิดปกติ หรือไมส่ รา้ ง จะทำใหเ้ สยี ชีวิตใน1-2 เดอื นหลังคลอดได้ สารชนดิ นเ้ี มอ่ื ถูกสร้างก็จะถูกใช้ไปเปน็ ลำดับ หาก การใชม้ ีมากก็ตอ้ งทดแทนมากขน้ึ โดยการสรา้ ง ถา้ มีการวัด สาร Glutathione วา่ ถกู ใช้ไปเท่าไรก็จะสามารถบง่ บอกสภาวะความเครียดของร่างกายได้ การให้สาร Glutathione ทดแทนและเสรมิ นัน้ สามารถทำได้โดยการรบั ประทาน สารที่เป็นวตั ถดุ บิ คือ N-acetyl cysteine หรือรับประทานอาหาร ทีม่ ีสารวตั ถุดบิ หลักนตี้ ามธรรมชาติ เชน่ รบั ประทาน yogurt, granola, duck, oatmeal flakes, toasted wheat germ, cottage cheese แต่การกินสาร Glutathione โดยตรงจะไมส่ ามารถ ดูดซึมได้ดเี ทา่ ที่ควร ความนิยมทใี ชส้ าร Glutathione เพอ่ื ให้ผิวขาวขึ้นน้นั อาจจะมาจาก ความพยายามท่จี ะให้Glutathione ไปยับยง้ั การสร้าง เม็ดสี เพราะสาร Glutathione สามารถกดการทำงานของของเอนไซม์ท่ผี ลิตเม็ดสไี ดช้ ั่วคราว แต่ทำไม ถึงต้องนำมาฉีดกัน คำตอบง่ายๆก็คือ พยายามทำให้ซบั ซอ้ นข้ึนจะได้ตอ้ งมาพบแพทย์ เพื่อประโยชน์ทางธรุ กิจเทา่ น้นั เอง เพราะเราสามารถรับประทานอาหารทีเ่ สริมสร้าง Glutathione ได้โดยตรงหรอื สามารถรบั ประทาน N- acetyl cysteine เสรมิ ก็ได้ มีราคาประหยดั ว่า และ ปลอดภยั กว่า
- คอลลาเจน คอลลาเจนเป็นโปรตนี โครงสรา้ งทส่ี ำคญั ในเนื้อเยอื่ เกย่ี วพันต่างๆในร่างกาย มีหนา้ ที่ในการคงความยืดหยนุ่ ของผิว ดังนั้นถ้าพๆ่ี เริ่มสังเกตเห็นร่องริ้วรอยอาจเปน็ สัญญาณวา่ ระดับคอลลาเจนในรา่ งกายของเราลดลง แต่เรามีวธิ แี ก!้ หนึ่งในนัน้ กง็ ่ายๆ คอื การรับประทานอาหารทด่ี ีและมปี ระโยชน์ ช่วยชะลอกระบวนการทำลาย โปรตีนได้ .
แตอ่ ะไรละ่ ท่ีมีประโยชนต์ อ่ ผิวจริงๆ? . เรามเี คลด็ ลับการรบั ประทานอาหารเพือ่ ป้องกนั รวิ้ รอยก่อนวยั อันควรมาบอกกนั ในนี้แลว้ จ้า แตก่ ่อนอน่ื เรามา รู้จกั กับคอลลาเจนกันกอ่ นดีกว่า คอลลาเจนบางครงั้ นั้นถกู เรยี กว่า “กาว” เพราะร่างกายของเราคงแยกออกจากกันหากไม่มีคอลลาเจน .
อย่างที่เกริน่ ไปในข้างตน้ ว่าคอลลาเจน เป็นโปรตีน ซ่ึงมีสัดส่วนถึง 30-40% จากองคป์ ระกอบโปรตนี ท้ังหมด ในร่างกายของเรา คอลลาเจนชว่ ยทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ โดยยังสามารถพบคอลลาเจนไดใ้ นนำ้ มนั ผม ขอ้ ต่อ และเนอ้ื เยื่อลำไส้ ซ่ึงคอลลาเจนมถี ึง 16 ชนดิ ด้วยกัน แต่ชนดิ ทม่ี ีอยู่มากทส่ี ดุ (ประมาณ 90%) ประกอบด้วย เพียง 3 ชนดิ เทา่ นนั้ โดยชนดิ คอลลาเจนชนิด I และ II พบไดใ้ นผวิ หนัง กระดูกและเส้นเอน็ คอลลาเจนชนดิ ที่ III พบในขอ้ ต่อ
รา่ งกายของเราสามารถผลิตคอลลาเจนทีส่ ำคัญได้ดว้ ยตนเอง แต่อยา่ งไรก็ตามหลงั อายุ 25 ปี ระดับการผลติ ตามธรรมชาตจิ ะเริม่ ลดลง น่ีอาจเป็นคร้ังแรกท่ีริ้วรอยเร่ิมปรากฏขน้ึ ซ่งึ อาจตามมาด้วยโรคข้ออกั เสบ ดังน้นั เรามาดูกันวา่ เราควรจะรับประทานอะไรบา้ งเพื่อป้องกนั สิ่งเหล่านี้ 5. พิษจากเคร่อื งสำอาง เครื่องสำอางมิไดห้ มายถึงเฉพาะลิปสติก แป้งทาหนา มาคารา อายแชโดว์ ดินสอเขียนควิ้ เขยี นตา เท่านั้น แต่ เคร่อื งสำอางยังรวมถงึ สบู่ แชมพู ยาสฟี ัน น้ำยาดดั ผม ยาย้อมผม และผา้ อนามยั เป็นต้น จะเห็นได้วา เครอ่ื งสำอางเป็นสง่ิ จำเป็นต่อชีวติ ประจำวัน สำหรับคนทกุ อาชพี ทุกเพศ ทกุ วยั หรอื อาจกลา่ วไดว้ ่าจำเป็นสำหรับ ทกุ คน วัตถุประสงค์ของการใช้เครือ่ งสำอาง ได้แก่ 1.เพ่อื บำรงุ รักษา และ เพอ่ื สุขภาพอนามยั ของรา่ งกาย ไดแ้ ก่ สบู่ แชมพู ยาสฟี ัน ครีมลา้ งหน้า ครมี บำรงุ ผิว เป็นต้น 2.เพื่อตกแตง่ ให้สวยงาม เชน่ เครอ่ื งสำอางแต่งใบหน้า น้ำยาดดั ผม ยาย้อมผม และ อนื่ ๆ 3.เพอ่ื กลิ่นสะอาด เชน่ ครีมระงบั กลน่ิ ตวั น้ำยาหลังโกนหนวด นำ้ ยาบว้ นปาก นำ้ หอม และ อนื่ ๆ 4.เพอื่ ปกป้องผวิ หนงั เช่น ครมี กันแดด เปน็ ตน้ บางคร้งั เครอื่ งสำอาจทำใหเ้ กิดอาการข้างเคียง หรือ เปน็ พษิ ต่อร่างกายได้ สว่ นมาก จะเกดิ จากการใชท้ ีผ่ ดิ วิธี ไมป่ ฏิบตั ติ ามวิธใี ชใ้ นฉลาก และส่วนนอ้ ยเกิดจากสารเคมีในเครื่องสำอางมีปฏิกิริยาต่อร่างกายทำให้เกิดอาการแพ้ องคป์ ระกอบทท่ี ำให้เกดิ อาการขา้ งเคยี ง หรอื กลา่ วไดว้ ่าทำใหเ้ กดิ พิษจากการใชเ้ คร่ืองสำอาง ไดแ้ ก่ 1.ระยะเวลาทส่ี มั ผัสผิวหนัง เคร่อื งสำอางท่ีทาแล้วท้ิงไว้เปน็ เวลานานๆ เช่น ครมี บำรุงผวิ มักกอ่ ใหเ้ กดิ อาการ ข้างเคียงไดม้ ากกวา่ เคร่อื งสำอางประเภททท่ี าแล้วลา้ งออก เชน่ แชมพู น้ำยาปรบั สภาพผม 2.บริเวณที่ทาผิว ผิวหนังบางแห่งของร่างกายไวต่อสิง่ รบกวนมากกว่าบรเิ วณอ่ืนดว้ ย เช่น ผวิ หนงั รอบดวงตา จงึ พบว่าเคร่ืองสำอางแต่งดวงตาจะก่อใหเ้ กิดปัญหาไดบ้ อ่ ย
3.ความเปน็ กรด-ดา่ งของเคร่ืองสำอาง เคร่ืองสำอางที่มีความเป็นดา่ งสูง เชน่ ครมี กำจดั ขน และครีมยืดผม จะ ทำให้เกดิ อาการระคายเคืองค่อนข้างมาก 4.ความเขม้ ขน้ ของสารท่รี ะเหยได้ เครอื่ งสำอางท่ีมปี ริมาณสารทร่ี ะเหยได้สงู เชน่ น้ำยาระงบั กล่นิ ตวั ชนดิ ฉีดพน่ หรอื ของเหลว เม่อื ทาแล้วและสารทร่ี ะเหยได้ระเหยออกไป ความเข้มขน้ ของสารระงับเช้ือจลุ นิ ทรยี ์อาจเพม่ิ ขึน้ 2- 5 เทา่ ทำใหเ้ กดิ อาการข้างเคียงสูงขึ้น อาการขา้ งเคียง เน่ืองจากการใช้เคร่ืองสำอาง แบง่ ออกได้ 2 ทาง 1.อาการทางผิวหนงั เกือบท้ังหมดของอาการข้างเคียงท่ีมีสาเหตเุ น่ืองจากใช้เครื่องสำอางเปน็ อาการทาง ผิวหนงั ซ่ึงแบง่ ได้เปน็ 4 ชนดิ 1.1การระคายเคือง (Irritation) มอี าการผิวหนงั อกั เสบ เนอ่ื งจากสัมผสั สารนนั้ โดยตรง เช่น จากสารท่ีมีฤทธิเ์ ป็นกรด หรือ ดา่ ง มาก 1.2 อาการแพ้ (Allergy) มีอาการผวิ หนงั จากการแพท้ างปฏกิ ิรยิ าภูมคิ ุ้มกนั ปฏิกิรยิ าดงั กลา่ วเกิดเฉพาะกบั คนทีแ่ พต้ ่อสารนนั้ ๆ และ เน่อื งจากเปน็ ปฏิกริ ิยาท่ผี ่านทางระบบคุ้มกันจงึ ต้องอาศัยชว่ งเวลาหนง่ึ โดยเมือ่ สัมผัสสารคร้งั แรกจะกระตุ้นใหเ้ กิด ภูมคิ มุ้ กันขน้ึ เม่ือไปสมั ผสั สารน้นั อีกเปน็ ครง้ั ที่ 2 หรือ ครงั้ ต่อๆ ไป จึงเกิดปฏิกริ ิยามีการอักเสบขน้ึ ได้ 1.3 อาการพษิ จากแสง (Phototoxicity) มอี าการผวิ หนงั อักเสบ เนื่องจากพษิ ของสารเคมรี ่วมกับแสงแดด อาการคล้ายข้อ 1.1 แต่ตอ้ งมแี สงอุลตรา ไวโลเลต็ เป็นตัวกระต้นุ 1.4 ภูมแิ พแ้ สง (Photoallergy) มีอาการคลา้ ยข้อ 1.2 แตต่ ้องมีแสงอุตราไวโอเลต็ เปน็ ตวั กระตนุ้ 2.อาการทางระบบอ่ืนๆ 2.1 การระคายเคอื งต่อตา (Eye iirritation)
เนอื่ งจากแชมพู โฟมอาบน้ำกระเดน็ เขา้ ตาโดยอบุ ัติเหตุ นอกจากนี้ครีมทาหน้ามักมีสว่ นผสมของเบนซิลอะซิ เตต (Benzyl acetate)หรอื เบนซลิ แอลกอฮอล์ (Benzyl alcohol) ในนำ้ หอมแต่งกลิน่ เม่อื ทาใลกต้ าอาจระคาย เคอื ง ทำให้นำ้ ตาไหลได้ 2.2 การระคายเคอื งตอ่ ทางเดนิ ปสั สาวะ เน่ืองจากฟองอาบนำ้ (Bubble bath) 2.3 การระคายเคอื งตอ่ ทางเดินหายใจ เน่ืองจากการใช้สเปรยแ์ ตง่ ทรงผม หรือสเปรย์ระงบั กลิ่นตัว ในห้องที่ อากาศถ่ายเทไมด่ ี 2.4 พิษจากการใชเ้ ปน็ เวลานาน ทำใหเ้ กิดอาการต่างๆ เช่น การเกดิ วิรปู ของทารกในครรภ์ (Teratogenicity) การกลายพนั ธ์ุ (Mutagenicity) การเกดิ มะเรง็ (Carcinogenicity) เปน็ ต้น โดยทวั่ ไปขนาดความพิษทีเ่ กิดจากเครื่องสำอางหรอื อาการข้างเคียง มักจะเป็นเพียงอาการระคายเคืองเล็กน้อย เมือ่ หยุดใช้อาการกจ็ ะหายไปเอง มสี ่วนนอ้ ยมากทีเ่ กดิ อาการรนุ แรงต้องไดร้ บั การรักษาจึงหายเป็นปกติ จำนวนคน ทีเ่ กิดอาการข้างเคียงทแี่ ท้จริงไม่อาจทราบไดเ้ พราะวา่ คนไข้น้อยรายท่เี กิดอาการแล้วไปพบแพทยโ์ รคผวิ หนงั สว่ นมากจะหยดุ ใช้เคร่ืองสำอางน้ันทนั ทีโดยไม่ปรกึ ษาแพทย์ จากการศึกษาอาการขา้ งเคยี งทเ่ี กิดจากการใชเ้ ครื่องสำอางของครอบครวั ชาวอเมริกันท่ใี หค้ วามรว่ มมือ จำนวน 10,000 ครอบครัว ท่วั ประเทศ และดูแลอาการโดยแพทย์โรคผิวหนงั ผู้ร่วมโครงการของสำนกั คณะกรรมการอาหารและยา ประเทศสหรฐั อเมรกิ าพบวา่ ช่วงเวลา 1 เดือนพบอาการข้างเคียง 290 คร้ังต่อการใช้ เครือ่ งสำอาง 428,801 ขวด ซ่ึงคิดเทียบเป็นอัตราสว่ น 680 คร้ัง เครือ่ งสำอาง 1 ล้านขวด โดยแบ่งเป็น อาการรุนแรง อาการคงอยนู่ านทำให้เกิดความเจบ็ ปวด ต้องไปพบแพทย์จำนวน 15 ครง้ั /เครอ่ื งสำอาง 1 ล้านขวด อาการปานกลาง มีอาการระคายเคืองคงอยู่ชั่วระยะหนึ่งอาจต้องไปพบแพทย์ จำนวน 85 คร้งั /เคร่อื งสำอาง 1 ลา้ นขวด อาการเลก็ นอ้ ย มีอาการระคายเคืองเล็กนอ้ ย และหายไปเอง โดยไมต่ ้องรบั การรักษาจำนวน 580 ครัง้ / เครอื่ งสำอาง 1 ล้านขวด จะเหน็ ได้ว่าโอกาสท่จี ะเกิดอาการขา้ งเคยี งเนื่องจากการใช้เครอื่ งสำอางมีน้อยมาก กลา่ วได้วา่ โดยทว่ั ไป เครอื่ งสำอางปลอดภยั ตอ่ การใช้
จากข้อมลู การศึกษาโครงการดังกลา่ ว พบวา่ เครือ่ งสำอางท่ีทำใหเ้ กิดอาการข้างเคียงไดม้ ากกว่าเคร่ืองสำอาง ชนดิ อืน่ ไดแ้ ก่ 1.ยาย้อมผม และสารฟอกจางสผี ม (Hair colour and bleach) ยาย้อมผม ท่ีทำใหเ้ กิดอาการแพ้มกั เปน็ ยาย้อมชนดิ ถาวร ซึ่งประกอบดว้ ย 2 สว่ น ส่วนท1ี่ เป็นสว่ นผสมของสารท่ที ำให้เกดิ สี (Colour intermediate) ส่วนท2ี่ เป็นไฮโดรเจนเปอรอ์ อกไซด์ นำมาผสมแลว้ ทาบนเส้นผมทันที สารซ่ึงเปน็ ส่วนผสมในสว่ นที่1 โดยเฉพาะอยา่ งยิ่ง พาราฟนี ีไดอะมีน ทำใหเ้ กิดอาการแพ้ได้ร้อยละ 4 ซึง่ ในจำนวนน้เี ป็นอาการแพ้ร้อยละ 1 อาการแพ้เริ่มจากผวิ หนงั มีผนื่ แดง บวมรอบนยั ตต์ า ต่อมาผ่นื แดงกลายเปน็ ตุ่มใส มีน้ำเหลอื ง คันมาก บรเิ วณทีเ่ กดิ ตัง้ แตศ่ ีรษะ ใบหน้าและต้นคอ ถา้ แพม้ ากทำใหห้ ายใจลำบาก และเกดิ จำ้ เขยี วเปน็ ผนื่ นอกจากน้ีพาราฟนี ีลีน ไดอะมนี ยังทำใหเ้ กดิ อาการระคายเคืองและเป็นพิษตอ่ ระบบภายในร่างกาย เม่ือใช้เปน็ เวลานาน สารฟอกจางสผี ม ทำใหเ้ กิดอาการแพ้เนอื่ งจากสารแอมโมเนยี มซลั เฟต 2.น้ำยาดดั ผม (Cold wave lotion) สว่ นมากทำให้เกิดผวิ หนังอกั เสบจากการระคายเคืองเนอื่ งจากสัมผัสกบั ด่างในผลิตภณั ฑ์ ไม่คอ่ ยพบอาการแพ้ นำ้ ยาดดั ผม เนอ่ื งจากแพ้นำ้ หอมหรือสารอืน่ ซึง่ เป็นส่วนประกอบในสตู รตำรบั 3.ครีมบำรุงผิวหรอื ครีมล้างหน้า (Miosturizing cream of cleansing cream) ครมี บำรงุ ผิว ใช้ทาบนใบหนา้ เพื่อบำรงุ ผิว ครมี พวกน้เี ปน็ อีมลั ช่นั (Emulsifier) วัตถุกนั หืน วตั ถุกันเสยี น้ำหอม สี เป็นตน้ มักทำให้เกิดอาการระคายเคืองเนื่องจากไขผึง้ ลาโนลิน พาราเบน เกอมาล 115 ยโู ซแลกซ์ และ น้ำหอม ครมี ลา้ งหน้า ช่วยในการทำความสะอาดหนา้ เพ่ือขจัดไขมัน ครีมแปง้ แตง่ หนา้ และ สิง่ สกปรกต่างๆสารท่ีใช้ ทำความสะอาดคอื นำ้ มัน และสารลดแรงตึงผิว (Surfactants) คอ่ นขา้ งสงู จึงพบวา่ ทำใหเ้ กิดการระคายเคอื งบอ่ ย 4.ยาระงบั กล่นิ ตวั และกลิน่ เหงอ่ื (Deodorant and antiperspirant) ผลติ ภณั ฑ์น้ีมกั เป็นชนิดฉีดพ่น เป็นของเหลวซง่ึ ขน้ บรรจุขวด หรอื ลกู กลิ้ง หรือ เปน็ แทง่ มกั ทำให้เกดิ อาการ แพ้ไดบ้ ่อย เน่ืองจากสารระงับการเจริญของเช้อื แบคทีเรยี เชน่ คลอเฮกซดิ นี เบนซาลโคเนียมคลอไรด์ ไทรโคล ซานไกลคอล น้ำหอม เปน็ ตน้ 5.ครีมกำจดั ขน (Depilatory preparation)
ผลิตภัณฑ์มกั มีลักษณะเป็นครีมเหนยี วขน้ ใชท้ าบรเิ วณท่ีต้องการกำจัดขน ท้ิงไว้ 10-15 นาที ขนท่ีถกู กำจัด ออก จากน้นั ใช้นำ้ ล้างออกให้หมด มกั ทำให้เกดิ อาการระคายเคอื ง เนื่องจากฤทธเ์ิ ปน็ ด่าง ของสารออกฤทธ์สิ ำคัญ แคลเซ่ยี มหรือสตรอนเตยี ม ไทโอไกลโคเลท 6.เคร่อื งสำอางแต่งดวงตา (Eye make-up) เครือ่ งสำอางแต่งดวงตา มีหลายรูปแบบดว้ ยกนั เช่น อายแชโดว์ อายไลเนอร์ (ใช้เขียนขอบตา) มาสคารา ดนิ สอเขยี นค้วิ ไมค่ ่อยพบอาการแพ้ แต่ส่วนมากพบอาการระคายเคือง เน่ืองจากสารทำละลาย และสารที่ทำให้ เกิดอีมลั ช่ัน (Emulsifier) 7.สบู่ สบมู่ สี ว่ นประกอบท่สี ำคัญ เชน่ เกลือโซเดยี มของกรดไขมัน เช่น โซเดยี มโคโคเอท โซเดียมแทลโลวเ์ อท อาจ ทำใหเ้ กดิ อาการระคายเคือง ถ้าสัมผสั บอ่ ยๆ หรอื เป็นเวลานานพอ และมักทำใหเ้ กดิ อาการแพ้ เนืองจากสารอื่นที่ เติมลงไปในสบู่ เชน่ น้ำหอม สาระงับเชอื้ ลาโนลนิ เปน็ ต้น 8.เครอื่ งสำอางป้องกนั แสงแดด (Sun cosmetics) ประกอบดว้ ยสารออกฤทธ์ิท่สี ำคญั ท่ีมคี ุณสมบตั ใิ นการดดู ซบั รังสอี ลุ ตราไวโอเลตจากแสงแดดมิใหผ้ ่านลงไป ทำอนั ตรายต่อเซลล์และ เนอื้ เย่ือของผวิ หนงั ท่อี ยูล่ ึกลงไป ไดแ้ ก่ กรดพาราอะมโิ นเบนโซอิก (พาบา), เบนโซฟโิ นน- 3 (ออกซเี บนโซน) โฮโมเบนทิลซาลไิ ซแลต ทำให้เกิดอาการข้างเคยี งตอ่ ผวิ หนงั และการแพท้ างปฏกิ ิริยาภมู คิ มุ้ กัน ร่วมกบั แสงแดด 9.ลิปสติก (Lipstick) การใช้ลิปสตกิ ทารมิ ฝีปาก ซึ่งเปน็ เน้ือเยอ่ื ออ่ นวนั ละหลายคร้ัง และสมั ผสั ฝีปากเป็นเวลานานตลอดวัน มี โอกาสกลนื กินเขา้ สู่รา่ งกาย อาการแพล้ ิปสติกเน่ืองจากสารปรุงแตง่ อ่นื ๆในลปิ สตกิ และ สี มีอาการริมฝปี ากแหง้ บวม คัน อักเสบ หายใจไม่ออก เมื่อมีอาการควรหยดุ ใช้ทนั ที และเปล่ียนเปน็ ลิปสตกิ ชนิดไมม่ นี ำ้ หอม และสี ประเภทโบรโมแอซดิ 10.น้ำยาเคลอื บเล็บ (Nail enamel) มกั ทำใหเ้ กดิ อาการแพ้ เนื่องจากโทลูอีนซัลโฟนาไมด์ ฟอร์มาดีไฮด์เรซิน ผนื่ ผิวหนังอกั เสบท่เี กิดอาจพบได้ได้ ตามบริเวณท่ีมักถูกเล็บเขยี่ เลน่ เปลือกตา บริเวณใบหนา้ ส่วนลา่ ง บรเิ วณลำคอและหนา้ อก 11.ครมี ฟอกจางสีผิว (Bleaching cream) สารออกฤทธสิ์ ำคัญที่ใช้ไดแ้ ก่ ไฮโดรควโิ นน ปรอทแอมโมเนยี
ไฮโดรควิโนน ทำใหเ้ กดิ การระคายเคือง มกั ใชร้ ่วมกับวิตามินเอ ซง่ึ เปน็ สารท่ีทำใหเ้ กิดการระคายเคืองในคนท่ี ผิวหนังแพ้สารต่างๆงา่ ย การออกฤทธข์ิ องกรดวติ ามนิ เอ ทำให้เซลล์ผิวหนงั แบง่ ตวั เรว็ ผลดั ออกเรว็ ทำให้ผิวหนัง แดง บางคร้งั อักเสบ ปรอทแอมโมเนยี เม่ือใช้นานๆ จะสะสมบนผิวหนงั และถูกดูดซมึ เข้าสกู่ ระแสโลหิต สะสมทำให้เป็นอนั ตราย ตอ่ ไต ไตอักเสบ สรปุ ได้วา่ อาการขา้ งเคยี งท่เี กิดจากเครื่องสำอาง เนอื่ งจากการแพ้มากกวา่ การระคายเคอื ง ซ่ึงการแพน้ ้ันเกิดเฉพาะในบางคนเทา่ น้นั และโอกาสท่ีจะเกิดการระคาย เคืองหรือเกดิ การแพม้ ีน้อยเมื่อเปรยี บเทียบกบั จำนวนเคร่ืองสำอางที่มจี ำหนา่ ยในทอ้ งตลาด อาจกลา่ วได้วา่ เครื่องสำอางทั่วไปมีความปลอดภัยในการใช้ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ เมื่อใชอ้ ยา่ งถกู วธิ ี ปฏิบตั ติ ามวิธีใช้และคำเตือน อยา่ งเคร่งครัด ทม่ี า : หนังสือความรสู้ ่งิ เปน็ พิษ ตอนที่6 พ.ศ. 2533 กรมวิทยาศาสตรก์ ารแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข หนา้ ที่ 21- 26. http://webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_toxic/a_tx_1_001c.asp?info_id=63 6. วิธีการเลอื กใชเ้ ครอ่ื งสำอางค์ 1. หลกั การสังเกตผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมาย ฉลากจะไมร่ ะบุผผู้ ลิต ครง้ั ทีผ่ ลติ และวันเดือนปีที่ ผลติ ดงั น้นั เวลาซ้อื เครือ่ งสำอางควรหลีกเลย่ี งยีห่ ้อที่ไม่มีฉลากภาษาไทยไม่แสดงผผู้ ลติ วันเดอื นปีท่ีผลติ เปน็ ดี ท่สี ุด ทงั้ น้ีหากต้องการรายชอ่ื เครื่องสำอาง ทีอ่ ย. ประกาศแจง้ เตือนโดยละเอยี ด สามารถติดตอ่ สอบถามได้ทก่ี ลมุ่ ควบคมุ เคร่ืองสำอาง สำนกั ควบคุมเคร่อื งสำอางและวัตถุอันตราย อย. โทรศัพท์ 0 2590 7277 - 8 โทรสาร 0 2591 8468 ในเวลาราชการ และเว็บไซตห์ นา้ หลัก อย. www.fda.moph.go.th คลิกที่เครื่องสำอาง 2. หากสงสยั ว่าผลิตภณั ฑ์เครอ่ื งสำอางทใี่ ช้อยหู่ รอื ทตี่ ้องการซื้อ มสี ารอันตรายตอ้ งห้ามผสมอยู่ หรือไม่ ผู้บรโิ ภคสามารถตรวจสอบสารเหล่านี้ดว้ ยตนเองไดโ้ ดยใช้ชดุ ทดสอบดา้ นเคร่ืองสำอาง(Test Kit- Cosmetic) จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในการประกอบการตัดสนิ ใจ
8.อายุการใช้งานเครื่องสำอางแตล่ ะประเภท - ครมี บำรงุ ผิว (Skincare) เช่น Toner Cleanser หลังเปดิ ใชแ้ ล้ว อยูไ่ ด้ไม่เกนิ 1 ปี - คอนซลี เลอร์ สามารถใชไ้ ด้นาน 12 เดือน - แป้งฝุ่นหรอื แป้งพฟั ใช้ไดน้ านถงึ 2 ปี สว่ นแปง้ แขง็ จะมีอายุราว 1 ปี เนอ่ื งจากนำ้ มนั ที่สะสมตาม ฟองน้ำจะทำให้แปง้ มอี ายุการใชง้ านที่สั้นลง ดังนน้ั ควรทำความสะอาดฟองนำ้ อย่างสม่ำเสมอ - บลชั ออน มีอายุการใชง้ าน 3 ปี แตห่ ากผลติ ภณั ฑเ์ ริ่มมสี ีซีดลง เนือ้ แป้งเริ่มแตก กค็ วรหลีกเลย่ี งการ ใชง้ าน - มาสคาร่า ใช้งานไดร้ าว 3-4 เดอื น หากใชน้ านเกนิ กว่านัน้ จะมีลกั ษณะแขง็ แห้ง ทาได้ยาก - ดินสอเขียนขอบตา มอี ายุได้นานถงึ 2-3 ปี ข้นึ อย่กู ับการเก็บรักษา - ลิปสติก มีอายุได้ถึง 1-2 ปี แตห่ ากมีกลนิ่ และสที ี่คอ่ นขา้ งแปลกไปจากเดิม กค็ วรหลกี เลีย่ งการใช้งาน 9. ตอบคำถามการใชเ้ คร่ืองสำอาง มวี ิธีการดูแลผวิ สำหรับผู้ที่ผิวหน้าแหง้ มากและแพง้ ่าย อย่างไร ? ตอบ คนผวิ แห้งและแพ้ง่ายอาจเกิดจากสภาพผวิ หนงั ท่ีตอ่ มไขมันผลิตไขผวิ หนงั (ซีบัม) นอ้ ยหรือ อาจเกดิ จากสภาพแวดล้อม เช่น สายลม แสงแดด อากาศหนาวเยน็ อาบนำ้ รอ้ น นอนห้องแอร์ หรือเกิด จากการใช้ผลติ ภณั ฑ์ทำความสะอาดทีม่ ีความเป็นด่างมากเกนิ ไป หรอื เกดิ จากการทำความสะอาด ผิวหนา้ บอ่ ยเกินไป ควรตรวจสอบสาเหตกุ ่อนจึงหาทางแก้ไขให้ตรงจดุ ทเ่ี ป็นสาเหตุของการเกดิ สิ่งท่ผี ้ทู ี่ มีผิวแหง้ ควรระมัดระวังคือ 1. ไม่ควรทำความสะอาดผวิ บอ่ ย เพราะคนผวิ หนา้ แห้งจะไมค่ ่อยสกปรก เน่ืองจากมไี ขผิวหนัง นอ้ ยการล้างหน้าบ่อยจะขจดั สารอารกั ขาผิวหน้าทมี่ ีอยู่ตามธรรมชาตอิ อกมาก ทำให้ผวิ เสยี สมดลุ ผวิ จะ แหง้ มากข้ึนและแพ้ง่ายขึ้นอาการแพ้ผลติ ภัณฑ์ ย้อมผม ครีมกนั แดด ครีมระงบั เหงื่อและกลน่ิ ตัว 2. ผลิตภัณฑท์ ำความสะอาดควรใช้ นำ้ มนั แร่ หรือครีมล้างหนา้ ทาใหท้ ั่วใบหนา้ แล้วเชด็ ออกจน หมดคราบเครื่องสำอาง ล้างด้วยน้ำเย็นซึง่ จะยังคงมีฟิล์มมนั ของครีมล้างหน้าปกคลมุ อยซู่ ึ่งจะช่วยลด การระเหยของนำ้ ออกจากผวิ ลดความแหง้ ของผวิ หนา้ 3. หากผวิ แห้งมากอาจทาครมี ล้างหน้าบางๆ ซำ้ หลงั จากล้างนำ้ เย็นแลว้ หรือใช้ครีมที่มีส่วนผสมซี ราไมด์ หรือครมี ทาก่อนนอน (ไนท์ครมี ) ชนิดใดกไ็ ด้ทีร่ าคาไมแ่ พงนัก เพราะครีมทุกตวั มสี ว่ นผสม คลา้ ยกนั คือมีส่วนทเ่ี ปน็ นำ้ และสว่ นทีเ่ ป็นน้ำมนั ในสดั ส่วนต่างๆ กัน โดยส่วนที่เปน็ นำ้ ก่อใหเ้ กิดความ ชุม่ ชน้ื แกผ่ วิ แต่นำ้ ระเหยงา่ ย ส่วนทีเ่ ปน็ นำ้ มนั ก่อใหเ้ กิดฟลิ ์มมันปกคลุมผวิ หน้าป้องกนั การระเหยของนำ้ ทำใหผ้ วิ นุม่ ชุ่มช้ืนได้ดีข้ึน ครีมที่ผสมสาระสำคัญอ่นื ๆน้นั ส่วนใหญแ่ ลว้ สารสำคญั เหลา่ นั้นมีไวส้ รา้ งความ แตกตา่ งของผลิตภัณฑเ์ พื่อการโฆษณา ถา้ สังเกตให้ดีจะพบว่าสารสำคัญเหลา่ นี้ใสใ่ นปริมาณเพยี ง เลก็ นอ้ ยจนแทบจะไมม่ ผี ลอันใดเลย
ทำไมการใช้เคร่อื งสำอางจึงชว่ ยลดรวิ้ รอยของผิวได้ ? ตอบ สารสำคญั หลายตัวที่นยิ มใช้ผสมในผลติ ภัณฑ์เครอื่ งสำอางสว่ นมากจะลอกเลียนมาจาก สารสำคญั ที่มีอยู่ในผิวหนังของคนท่ี จะเสื่อมสลายไปหรือลดนอ้ ยลงในคนสูงอายุ เช่น ซีราไมด์ คอลลา เจน อลิ าสติน มวิ โคโพลแี ซคคาไรด์ กรดไฮยาลูโรนกิ วิตามิน โปรตีน....อนื่ ๆ ซง่ึ สารเหลา่ น้ีจะมี คณุ สมบตั ิในการอุ้มน้ำหรือ ประสานเป็นเสน้ ใยเพ่ือให้ผิวเต่งตงึ หรอื ซรี าไมด ซ์ ึ่งเป็นสารไขมันทสี่ ำคัญ ในการเชอ่ื มตอ่ เซลลล์ ดการระเหยของน้ำป้องกันการแตกแห้งของผิวหนัง แต่ไม่ไดห้ มายความวา่ ครมี ท่ี ผสมเซราไมคจ์ ะสามารถเช่ือมตอ่ เชลลไ์ ด้เหมือนกาวตราชา้ ง หรอื ครมี ที่มีส่วนผสมคอลลาเจนจะดดู ซึม เพอ่ื ยกผิวหน้า ทเี่ หีย่ วยน่ ให้เตง่ ตงึ ไดด้ ังที่พบเสมอในการโฆษณาเพราะนอกจากสารสำคญั เหลา่ นจี้ ะใช้ ในปริมาณน้อยมากแลว้ การดูดซึม ของสารต่างๆ เข้าผวิ หนังยงั มีข้อจำกดั เพราะผิวหนงั ของคนปกติจะ มีคณุ สมบัติปกป้องและกางกั้นส่งิ แปลกปลอมทกุ ชนิด ไมว่ ่าจะมีประโยชน์หรือโทษไมใ่ ห้ซมึ เข้าสรู่ ่างกาย ถ้าสารสำคญั เหล่านั้นดูดซึมไดก้ ม็ ปี รมิ าณไมม่ ากพอที่จะทดแทนส่ิงทีม่ ี อย่ตู ามธรรมชาติ จงึ สามารถลด รว้ิ รอยไดร้ ะดับหนึง่ เท่านั้น จะรู้ไดอ้ ย่างไรวา่ เครื่องสำอางที่เลอื กใชน้ ั้นได้มาตรฐาน ? ตอบ • เครือ่ งสำอางที่มีมาตรฐานจะต้องมีฉลากทรี่ ะบขุ ้อมลู ครบถ้วนประกอบดว้ ย - ชอื่ ..........รปู แบบ ครมี /น้ำใส/โลชัน - วัน เดอื น ปี ทีผ่ ลติ - สว่ นประกอบสำคัญ - ผูผ้ ลิต/ผู้จำหนา่ ย ที่ระบุไวช้ ัดเจนเม่ือเกิดปญั หาสามารถตดิ ตามได้ • ควรวางจำหน่ายในสถานทท่ี ี่เหมาะสม ไมว่ างขายตามตลาดสด หรือเร่ขาย เพราะสภาพแวดลอ้ มท่ีไม่ เหมาะสมมีผลตอ่ ความคงตัวของผลิตภณั ฑ์ • เครื่องสำอางท่ดี ีควรบรรจุในภาชนะปิดเรยี บร้อย อยู่ในสภาพเหมาะสม สะดวกต่อการนำมาใช้ • เครือ่ งสำอางควรมีความคงตัว มีคณุ สมบตั ิคงเดมิ ระหวา่ งการนำไปใช้ ความข้นหนดื สี กลิ่น ไม่ เปลีย่ นแปลงตลอดอายกุ ารใชง้ าน เครื่องสำอางโดยปกติมีอายุการใชง้ านหรือไม่นานเพยี งใด ? ตอบ เครอื่ งสำอางท่วั ๆไปทีไ่ ม่ได้ระบวุ ันหมดอายุเอาไวต้ ามกฎหมายขององั กฤษทรี่ ะบไุ ว้ในปี 1989 (พ.ศ. 2532) กำหนดเวลาการ ใช้งานของเคร่ืองสำอางทกุ ชนิดจะมคี วามปลอดภยั ในการใช้ ภายในระยะเวลา 30 เดือน หรือ 2 ปคี ร่งึ หลงั จากวนั ท่ีผลิต ยกเว้น ผลิตภณั ฑน์ นั้ ๆ ไดก้ ำหนด ระบุวนั หมดอายุเป็นอย่างอนื่ ไว้ท่ีฉลากก็ให้ถือตามนั้น ปจั จุบนั นเ้ี คร่อื งสำอางส่วนมากนิยมผสมสารธรรมชาติลงไป ซึง่ สารเหล่านจี้ ะมผี ลทำใหอ้ ายุการใช้ งานของเครื่องสำอางส้นั ลงมาก จงึ เปน็ สาเหตุหนึ่งท่ีไม่ควรซือ้ เครื่องสำอางกักตุนเม่ือมีการลดราคา เพอ่ื เกบ็ ไวใ้ ช้นานๆ เพราะนอกจากจะไม่ได้ประโยชน์ ตามทรี่ ะบุในฉลากแล้วอาจมีโทษจากส่ิงปนเปือ้ น จากจลุ ินทรีย์หรือสารอันตรายทเี่ กิดจากการสลายตัวของส่วนผสมในตำรบั เครื่องสำอางทีม่ ีมาตรฐานจะ มีการตรวจสอบความคงตวั ของสาระสำคญั การปนเป้อื นจากจลุ นิ ทรยี ์ หรอื การปนเปอ้ื นของสารอืน่ ๆ ดว้ ย
ผลิตภณั ฑ์ท่มี ีส่วนผสมของวิตามนิ ซีที่ให้ทาหนา้ กับการกินวิตามนิ ซอี ย่างไหนจะให้ผลมากน้อยกวา่ กัน ? ตอบ การกนิ วติ ามนิ ซยี ่อมมผี ลต่อรา่ งกายมากกว่าการทาเพราะการกินสามารถออกฤทธิไ์ ด้ท่ัว ร่างกายในคนปกติการกนิ วติ ามินซที ไ่ี ด้ จากพืชผักผลไม้จะมีประโยชนต์ ่อระบบขบั ถ่ายด้วย นอกจากน้ัน พชื ผักผลไม้ยังมสี ว่ นผสมของสารและแร่ธาตุอืน่ ๆทเ่ี ปน็ ประโยชน์ รว่ มไปดว้ ย จงึ ดกี วา่ ท่จี ะกินวิตามินซี เป็นเมด็ ส่วนการทาผลติ ภัณฑท์ ี่ผสมวติ ามนิ ซจี ะใหผ้ ลเฉพาะที่ตรงบริเวณที่ทาเท่าน้ัน วติ ามินซใี น สว่ นผสมท่มี นี ้ำอยู่เช่นครมี หรือโลชันจะสลายตัวเรว็ มาก และการผสมลงในผลิตภณั ฑด์ ้วยปริมาณไม่มาก นักอาจไม่ เพียงพอทจี่ ะก่อให้เกิดผลใดๆเลย เครื่องสำอางผสมสารคอลลาเจนและหรอื อิลาสตินสามารถป้องกันการเหี่ยวย่นได้จรงิ หรอื ไม่ ? ตอบ ถึงแมค้ อลลาเจนและอลิ าสตนิ เปน็ โปรตีนที่เป็นส่วนประกอบสำคัญทส่ี ดุ ในช้ันหนงั แท้โดย เส้นใยคอลลาเจนจะประสาน ทำใหห้ นงั แท้มคี วามเต่งตงึ โดยมีอิลาสตนิ เป็นตวั เชอื่ มระหว่างเสน้ ใยน้นั ให้ มคี วามยืดหยุน่ ซ่ึงทั้งคอลลาเจนและอิลาสตนิ จะมีปริมาณลดลงเมอ่ื อายเุ พ่ิมมากขน้ึ จึงมีผลติ ภัณฑ์ เครื่องสำอางหลายตัวผสมคอลลาเจนและอลิ าสตนิ หรือสารเรง่ การ สังเคราะหค์ อลลาเจน ซึง่ สาร เหลา่ นี้ใส่ในปริมาณเล็กนอ้ ยย่อมไมม่ ากเพียงพอทีจ่ ะทดแทนคอลลาเจนท่สี ลายตัวตามธรรมชาต ิ ผลิตภณั ฑเ์ ครอื่ งสำอางท่ีผสมสาระสำคัญต่างๆ ข้อทีค่ วรคำนงึ ถงึ คือ 1. หากผลิตภัณฑ์น้นั สามารถดูดซึมลงไปกระตนุ้ การสรา้ งคอลลาเจน หรอื อลิ าสตนิ ไดจ้ ริงตามที่ กลา่ วอา้ ง ผลติ ภณั ฑ์น้นั ๆ ควรเปน็ ยาไม่ใช่เครื่องสำอาง การนำมาใชต้ ้องมีการจำกัดการใช้ 2. หากสามารถกระตนุ้ การสรา้ งได้จริงการใชป้ ระจำวันย่อมมีการสรา้ ง คอลลาเจนและอิลาสติน เพ่มิ ขึ้นตลอดเวลาในทุกสว่ นท่ีมีการทา ซงึ่ ย่อมมผี ลกระทบตอ่ ขนาดและรปู ลักษณ์ของใบหนา้ 3. เครือ่ งสำอางส่วนมากจะมีการดูดซึมและมผี ลอยู่ท่ีช้นั หนงั กำพรา้ เพ่ือ ให้อุ้มนำ้ มากขึน้ ทำใหร้ อย เหี่ยวยน่ ลดลงได้ระดับหนึ่งเท่านัน้ โดยเฉพาะผวิ หนังมหี นา้ ทปี่ ้องกันการซึมผ่านสารจากภายนอกทุก ชนิดไมว่ า่ จะมปี ระโยชน์หรือโทษ การกำหนดสตู รตำรบั เพื่อใหส้ ารซมึ ผ่านผวิ หนังมขี ้อจำกัดและมีหลาย ปัจจัย เชน่ ขนาดของ โมเลกุลถา้ โมเลกลุ ใหญจ่ ะซมึ ผา่ นผิวหนังยากหรอื ไม่ได้เลย การละลายสารที่ ละลายนำ้ ซมึ ผา่ นได้ยากหรือความเปน็ กรด-ดา่ งของ สารเหลา่ นนั้ เปน็ ต้น เราควรทำความสะอาดผวิ หนังบ่อยเพียงใด ? ตอบ บางคนทำความสะอาดผวิ หนงั วันละครงั้ ขณะที่คนบางคนโดยเฉพาะวยั รุน่ จะว่งิ เข้าหอ้ งน้ำ เพอื่ ล้างหน้าทกุ ครงั้ ทหี่ มดชวั่ โมง เรียนในแตล่ ะช่วั โมงเพราะเข้าใจวา่ การทำความสะอาดผวิ บ่อยๆ ทำให้ ไมเ่ ป็นสวิ ซง่ึ เป็นความเขา้ ใจที่ผิด เพราะการล้างหน้า บ่อยจะทำให้ผิวเสยี สมดุลตามธรรมชาติ ผิวแหง้ คนปกติทำความสะอาดรา่ งกายโดยอาบนำ้ วันละ 2 ครง้ั การทำความสะอาด ใบหน้าด้วยการลา้ งหน้า วันละ 2 คร้ัง กน็ า่ จะเพยี งพอแล้ว นอกจากบางวนั ถา้ เลน่ กีฬาไปในท่ชี มุ ชนเหงอ่ื ไคลฝุ่นละอองมาก ก็ อาจล้างหนา้ เพิ่มขน้ึ มาอีกสักครง้ั จากภาวะปกติ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑท์ ำความสะอาดเหมาะสมกับ สภาพของผิวหนังโดย พิจารณาจากอายุ สภาพของผวิ หนงั สงิ่ แวดลอ้ ม (ทีจ่ ะก่อใหเ้ กดิ ความสกปรก) พฤติกรรมการใชเ้ ครอ่ื งสำอางว่ามากน้อยเพยี งใด ส่งิ เหลา่ นมี้ ีความสำคญั มากกวา่ เพราะหากเลือก
ผลิตภัณฑไ์ ม่ถกู ต้องการทำความสะอาดผวิ แตล่ ะครั้งแทนที่จะเกดิ ผลดกี ลับจะก่อ ให้เกิดการทำลาย ผวิ หนังอยา่ งตอ่ เน่ือง การโฆษณาสรรพคุณของผลิตภณั ฑ์เสริมความงามบำรงุ ผิวเช่อื ถือไดห้ รือไม่ ? ตอบ ผลติ ภัณฑเ์ สรมิ ความงามบำรุงผวิ สว่ นมากไม่มสี รรพคุณตามทโ่ี ฆษณา เนื่องจากมีการแขง่ ขนั ทางการตลาดสงู จึงทำให้บริษัท ผ้ผู ลิตจะกลา่ วอา้ งหรือใชส้ ารสำคัญเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ แตเ่ ครื่องสำอาง ทุกชนิดมปี ระโยชนใ์ นระดบั หน่งึ และการเลือกใช้ เครื่องสำอางต้องมีจุดมุง่ หมายทชี่ ดั เจน เชน่ เคร่ืองสำอางทำความสะอาดเสน้ ผม หรอื แชมพูมจี ุดมงุ่ หมายเพอ่ื การทำความสะอาด แต่ผลิตภัณฑ์ เหลา่ น้จี ะโฆษณาถงึ การผสมวติ ามินหรอื สารบำรงุ รากผม ลดการหลุดร่วงของเส้นผม หรอื ชว่ ยใหผ้ มดก ดำขนึ้ ทั้งหมดนีเ้ ปน็ การอ้างสรรพคณุ เกินจริงท้ังสนิ้ เพราะหากเราพิจารณาใหด้ ีแล้วจะพบว่า 1. วติ ามนิ และสารสำคัญทใ่ี ส่ไปน้อยเกนิ กวา่ ทจี่ ะออกฤทธ์ิ 2. สารทำความสะอาดจะขจดั ท้งั สง่ิ สกปรกและสารสำคัญออกจากผมและหนังศีรษะไมเ่ ลอื กปฏิบตั ิ 3. การสระผมโดยการขยเ้ี พยี ง 2-3 นาทีแลว้ ลา้ งออก สารสำคัญเหลา่ นัน้ ยอ่ มจะถูกน้ำชะลา้ งลงทอ่ น้ำทง้ิ พร้อมสิง่ สกปรกทง้ั หมด โฆษณาครมี ล้างหน้าตา่ งๆ ทำใหห้ น้าไม่เปน็ สิวจริงหรือไม่ ? ตอบ ครีมลา้ งหน้าใดๆ ก็มสี ่วนช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกบนใบหนา้ ได้เหมือนกนั เพราะครีมล้าง หน้าสว่ นมากจะประกอบดว้ ย สว่ นทเี่ ปน็ น้ำท่ีจะละลายสงิ่ สกปรกที่เป็นน้ำ และสว่ นที่เป็นน้ำมนั เชน่ น้ำมนั แร่เปน็ สว่ นประกอบที่สามารถละลายสิง่ สกปรกทเี่ ป็นไขมนั ได้ดี เนื้อครมี ทุกชนดิ จึงสามารถทำ ความสะอาดได้ทั้งสงิ่ สกปรกที่เปน็ นำ้ และนำ้ มนั ส่วนสารที่ไมล่ ะลายอน่ื ๆ ทม่ี โี มเลกลุ ใหญ่ก็พร้อมทีจ่ ะ ถกู ลา้ งออกดว้ ยนำ้ อยู่แลว้ การทำความสะอาดใบหน้าจะชว่ ยลดการเกิดสวิ ลงในระดบั หน่ึงเทา่ นนั้ เพราะสิวเกิดจากหลายปัจจยั รว่ มกนั เชน่ ความเครียด แสงแดด และปจั จัยสำคัญทสี่ ุดคือระดบั ฮอร์โมน ในรา่ งกาย ในระยะท่ี ตอ่ มไขมันทำงานมากจะพบวา่ 70-80 % ของคนเป็นสิวจะมีอายรุ ะหว่าง 11 ถึง 25 ปี นอกจากนัน้ ครีมบางชนิดท่มี ีไขมันเป็น สว่ นประกอบกลับจะเป็นสาเหตทุ ่ีทำใหเ้ กิดสวิ ไดเ้ ช่นกัน ถา้ ใชค้ รมี กนั แดดทม่ี ีคา่ SPF สงู ๆ จะทำให้ลดรอยเหี่ยวย่นของผิวก่อนวัยอนั สมควรหรือไม่ ? ตอบ การใชค้ รีมกนั แดดจะช่วยลดรอยเหีย่ วยน่ กอ่ นวัยอันสมควรจริง เนอื่ งจากแสงแดด โดยเฉพาะรังสี UVA จะทำลายคอลลาเจน อลิ าสติน และระบบหลอดเลือดทเี่ ปน็ ตวั นำอาหารและ ออกซเิ จนมาหล่อเลย้ี งผวิ หนัง และคนทผ่ี ิวแก่ก่อนวยั ประมาณร้อยละ 80 มีสาเหตุเนื่องจากการทำลาย โดยแสงแดดและมีการสะสมมาตลอดเวลานาน 30-40 ปีผวิ หนงั ที่แท้จรงิ ของเราคือบรเิ วณท้อง แขน หรือเนินอกทไี่ มถ่ ูกทำลายโดยแสงแดดจะแตกต่างจากบรเิ วณหลังมือหรือใบหน้าทถ่ี ูกแสงแดดโดยตรง ผิวคู่แฝดถกู ทำ ลาย (ซ้าย) และไม่ถูกทำลาย (ขวา) โดยแสงแดด (ขณะที่ในทารกผิวทุกส่วนของรา่ งกาย จะเหมือนกันหมด) สว่ นการใชค้ รีมที่มคี ่า SPF สงู ๆ นัน้ มปี ระสทิ ธิภาพไม่แตกต่างจาก SPF ต่ำมากมาย นกั เช่น SPF 15 จะสามารถกรองรงั สี UVB ได้ร้อยละ 93.4 ในขณะที่ SPF 40 จะกรอง UVB ไดร้ ้อย ละ 97.6 ขณะที่ SPF 50 จะกรอง UVB ไดร้ ้อยละ 98 พงึ ระลกึ เสมอวา่ ไม่มีผลิตภัณฑ์กันแดดตวั ใด ไม่ ว่ามี SPF สูงเพยี งใดจะสามารถป้องกันอันตรายจากแสงแดดได้ 100 เปอรเ์ ซ็นต์ การใชค้ รมี ทม่ี ี SPF สงู ๆ นอกจากราคาแพงแลว้ ยังเส่ียงต่อการแพ้มากขึน้ โดยเฉพาะค่า SPF เปน็ การวัดผลจากรังสี UVB
ขณะทคี่ วามเห่ียวยน่ จะเปน็ ผลจากรงั สี UVA มากกว่า คน ไทยสว่ นมากมีผิวหนงั ชนดิ ที่ 3 ซงึ่ มเี มลานนิ ช่วยกรองรงั สไี ด้ระดบั หนงึ่ อยู่แล้ว ถา้ ใชผ้ ลติ ภณั ฑ์กนั แดดท่ีมีคา่ SPF 15 โดยมีค่าป้อง กันรงั สี UVA ที่ สัดส่วน 2 คือ **หรอื PA ** ระบใุ นฉลากจะสามารถป้องกันอันตรายจากแสงแดดไดเ้ พียงพอแลว้ ปญั หาผมร่วงจะใช้ฮอรโ์ มนรักษาได้หรอื ไม่ ? ตอบ การใช้ฮอรโ์ มนเพื่อลดปญั หาผมร่วงเป็นการขช่ี ้างจับตก๊ั แตน ผลที่ได้ไม่ค้มุ กบั ผลเสียทจ่ี ะ ตามมาเพราะระดบั ฮอร์โมน ทุกชนิดท่ีมีในร่างกายควรอยู่ในระดบั ท่ีพอเหมาะไม่มากหรือนอ้ ยเกินไป ถา้ ไม่อยู่ในระดับทพี่ อเหมาะจะมีผลเสยี ตอ่ ร่างกายมากกว่า อาการผมรว่ งจะไม่แนะนำให้ใชฮ้ อรโ์ มนใน การแก้ปัญหาความเปน็ จรงิ เก่ียวกบั ผมรว่ งหรอื ศีรษะลา้ นคือ • ศรี ษะลา้ นไม่เกี่ยวกับการสวมหมวกหรอื ใส่หมวกกนั นอ็ ค • ศีรษะล้านไมเ่ กี่ยวกับส่ิงแวดลอ้ ม • ไมม่ ีผลติ ภณั ฑ์เคร่ืองสำอางใดๆ ไม่วา่ จะเป็นสบู่ แชมพู ปรบั สภาพตกแตง่ ทรงผมจะเปน็ สาเหตุ ทำใหศ้ ีรษะลา้ น หรือทำใหผ้ มรว่ งมากขึ้นได้ เนื่องจากจุดเจริญของเส้นผมตรงปมุ่ ปลายแหลม (papilla) อยู่ลึกใตต้ ่อมรากผมท่ีอยใู่ นช้ันหนงั แท้ ซึ่งผลิตภณั ฑเ์ หลา่ น้ีซมึ ลงไปไม่ถึง ผลิตภณั ฑเ์ สรมิ ความงามบำรงุ ผวิ มคี วามปลอดภัยในระยะยาวหรือไม่ ? ตอบ หากเปน็ ผลิตภัณฑ์ทไ่ี ม่ได้มาตรฐานจะไม่มีความปลอดภยั ในระยะยาวโดยอาจก่อใหเ้ กดิ อาการแพ้หรือมกี ารสะสมสารพษิ จนเปน็ อันตรายถึงชวี ิตได้ เชน่ ครีมที่มีส่วนผสมสารปนเป้อื นที่เปน็ อนั ตราย เช่น โลหะหนักกล่มุ ปรอท สเตยี รอยด์ ทนี่ ิยมผสมในผลติ ภณั ฑ์หนา้ ขาวทล่ี กั ลอบจำหน่ายอย่าง ผิดกฎหมายหรอื ผสมสที ี่ไม่ได้มาตรฐาน มีสารปนเปื้อนกลมุ่ ยา ฆ่าแมลงจากผลิตภณั ฑ์ธรรมชาติ การใช้ เคร่ืองสำอางท่ีไดม้ าตรฐานปราศจากสิง่ ปนปลอมท่เี หมาะสมกบั ผิวหนงั ย่อมมี ความปลอดภัยแมจ้ ะใช้ เปน็ เวลานานกจ็ ะไม่ก่อให้เกดิ อนั ตรายใดๆ เพราะเครื่องสำอางส่วนใหญ่จะมผี ลต่อผวิ หนงั กำพร้า ซึ่งมี การผลดั เปลยี่ นเซลล์ตลอดเวลา มีวธิ ีการดูแลรกั ษารอยแผลเปน็ บนใบหน้าอย่างไร ? ตอบ อยเู่ ฉยๆ หรอื แก้ไขชั่วคราวโดยใชค้ รมี รองพื้นชว่ ยปกปิดรอยแผลเปน็ ใหจ้ างลง ถา้ แผลตืน้ รอยแผลเปน็ จะค่อยๆ จางหายไป เนื่องจากผวิ ช้นั หนังกำพรา้ จะมกี ารผลัดเปล่ยี นเซลล์ตลอดเวลาทง้ั กลางวนั และกลางคืนจากชั้นล่างสดุ มาอยูบ่ นสดุ ในชน้ั ข้ี ไคลแล้วหลุดลอกออกไปใช้เวลานานประมาณ 2 อาทติ ย์ในวยั รนุ่ และนานประมาณ 25 วัน ในคนอายุ 35 ปี ยง่ิ อายมุ ากข้ึนการ ผลัดเปลยี่ นเซลลจ์ ะใช้ เวลานานขน้ึ แผลหายชา้ ลง แต่ถา้ แผลเปน็ ลกึ ถึงช้นั หนังแท้รอยแผลเปน็ จะอยู่นาน ยง่ิ บางคนมผี ิวหนัง ท่ี เป็นครี อยดจ์ ะหายยากควรปรกึ ษาแพทย์
เอกสารอ้างอิง Indian J Dermatol. TOPICAL TREATMENT OF MELASMA. 2009 Oct-Dec; 54(4): 303–309. Available from: http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2807702/ นางสาวอัจฉราพรรณ ตนั ตปิ ัญจพร และ รองศาสตราจารย์ ดร.พลงั พล คงเสร.ี สารปรอทปรมิ าณสงู ใน ครีมหน้าขาวและการทดสอบเบือ้ งต้น. 2014 June. Available from: http://www.sc.mahidol.ac.th/usr/?p=320 อภัย ราษฎรวจิ ติ ร. ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone). 2015 Febuary. Available from: http://haamor.com/th/%E0%B9%84%E0%B8%AE%E0%B9%82%E0%B8%94%E0% B8%A3%E0%B8… กองพัฒนาศักยาภาพผบู้ รโิ ภค สำนกั งานคณะกรรมการอาหารและยา. อย. เตอื น อย่าซื้อ อย่าใช้ เคร่อื งสำอางอนั ตราย 34 รายการ เส่ยี ง! หนา้ พงั . 2010 July. Available from: http://www.fda.moph.go.th/www_fda/data_center/ifm_mod/nw/%E0%B8%82%E 0%B9… กรมวิทยาศาสตร์การแพทย.์ รายชอื่ ชดุ ทดสอบกรมวิทยาศาสตรก์ ารแพทยแ์ ละสถานที่ติดต่อสง่ั ซื้อ / ตวั แทนจำหน่ายของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย.์ 2013 Sep [เขา้ ถึงเม่ือ 2016 มนี าคม 20]; เข้าถึงได้ จาก : http://dmsc2.dmsc.moph.go.th/testkit/index.php?option=com_content&view=a… สสส. เลือกซือ้ เคร่ืองสำอางให้ปลอดภัย. สืบคน้ เมอ่ื 14 พฤศจกิ ายน 2561
คณะผูจ้ ัดทำ ที่ปรกึ ษา นางยวุ ดี แจง้ กร ผู้อำนวยการศนู ย์วิทยาศาสตรแ์ ละวัฒนธรรมเพ่อื การศึกษาร้อยเอ็ด นางโนรี บษุ ราคมั รองอำนวยการศูนยว์ ิทยาศาสตรแ์ ละวัฒนธรรมเพอื่ การศึกษาร้อยเอ็ด คณะผูจ้ ัดทำ เมืองโคตร ครูผชู้ ว่ ย นางวรุณยพุ า
ศนู ย์วิทยาศาสตรแ์ ละวัฒนธรรมเพอ่ื การศึกษาร้อยเอด็ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธิการ
Search
Read the Text Version
- 1 - 43
Pages: