15 พฤษภาคม 2554 หมูเลือดและการใหเลอื ด วีรวรรณ ชาญศิลป คณะเทคนคิ การแพทย ม.หวั เฉยี วเฉลมิ พระเกียรติ ในอดตี มนุษยม คี วามเช่ือเก่ียวกับเลือดวาเปน สายธารแหง พลังชีวติ ในยุคท่ีมนุษยย งั ไมสามารถเขาถึง ศาสตรแ ละวทิ ยาการทางการแพทย ความลึกลบั ของเลอื ดไดถ ูกนําไปเชอ่ื มโยงกบั พลังอาํ นาจพเิ ศษและมกั เขาไป เกย่ี วของกับพิธกี รรมทางศาสนาและลทั ธติ างๆ จงึ ไมน าแปลกใจที่พบวา เลือดถูกนําไปใชเ ปนสว นผสมหนงึ่ ของตาํ รบั ยา หรอื แมกระทง่ั การด่มื หรืออาบดวยเลอื ด ดวยความเช่อื ทีว่ า เลอื ดจะชว ยใหมสี ขุ ภาพแขง็ แรงและหายจากอาการเจบ็ ปวย หรอื มีพลงั อํานาจเหนือศตั รู ในชว งเวลาดังกลา วการไดร ับเลอื ดจงึ เปน การรับโดยผานการดม่ื กนิ เปนหลกั ราวศตวรรษท่ี 18 ถงึ ตนศวรรษที่ 20 เปน ชว งทมี่ กี ารคนพบความรทู างวิทยาศาสตรแ ขนงตา งๆอยา งมากมายและสง ผลกระทบตอ ชวี ติ ความเปน อยขู องมนุษยอ ยางทีไ่ มเ คยเปน มากอ น การใหเลอื ดเพอื่ หวงั ผลการรกั ษาทางการแพทยก็เกดิ ขึน้ ในชวงเวลานี้ เชน กนั ตลอดเวลาที่ผา นมานักวิทยาศาสตรไ ดพ ยายามคิดคนหาวิธีทปี่ ลอดภยั ในการใหเลอื ด เรมิ่ ตง้ั แตการใหเ ลอื ดสตั ว แกคน การใหเ ลอื ดระหวางคนกบั คนโดยวธิ ตี างๆ แตผลลัพธท ไี่ ดก ็ยงั ไมเ ปน ทน่ี าพอใจเนอื่ งจากผปู ว ยสวนใหญท ่ีไดรบั เลอื ดมักเสียชวี ติ Karl Landsteiner จนกระทั่งในป ค.ศ.1901 นักวิทยาศาสตรชาวออสเตรียชื่อ Karl Landsteiner 1868 - 1943 ไดคนพบหมูเลือดระบบ ABO ทําใหพบวาสาเหตุสําคัญที่ทําใหผูรับเลือดเสียชีวิตเกิด จากการใหเลือดที่เขากันไมไดในระบบ ABO ระหวางผูใหกับผูรับ และน่ันถือเปน จุดเริ่มตนของการใหเลือดที่ปลอดภัยมากขึ้น ผลงานนี้ทําใหเขาไดรับรางวัลโนเบล สาขาสรีรวิทยาหรือการแพทยในป 1930 และไดรับการยกยองใหเปนบิดาแหงการให เลอื ดสมยั ใหม นอกจากน้ี Landsteiner ยังมีสวนรวมในการคน พบหมูเลือด Rh ซึ่งเปน หมเู ลือดทส่ี าํ คัญอีกระบบหนึง่ รองจากหมูเลอื ด ABO อกี ดว ย เลือดประกอบไปดว ยอะไรบาง พลาสมา เซลล ผูใหญทั่วไปจะมีเลือดไหลเวียนอยูในรางกายประมาณ 4-6 ลิตร หรือคิดเปน 70 มิลลลิ ติ รตอ นาํ้ หนักตัว 1 กิโลกรมั หนาที่หลกั ของเลือดคือนาํ ออกซิเจนไปเล้ียงสวนตางๆ ของรา งกาย ถาเจาะเลือดใสในภาชนะที่มีสารกันเลือดแข็งโดยผสมใหเขากันและต้ังทิ้งไว ประมาณ 6-8 ช่ังโมง จะพบวาเลือดจะแยกช้ันออกเปน 2 สวน โดยสวนบนคือสวนที่เปน ของเหลวมีประมาณรอยละ 55 และสว นลา งคอื สวนทีเ่ ปน เซลลม ปี ระมาณรอยละ 45 -1-
พลาสมา เมด็ เลือดขาว ดังนั้นเลือดจึงประกอบไปดวยสวนประกอบหลัก 2 สวน คือ เม็ดเลอื ดแดง สวนที่เปนของเหลวสีเหลืองเรียกวาพลาสมา ประกอบไปดวยนํ้าเปนสวน ใหญ นอกจากน้ียังมีโปรตีน คารโบไฮเดรต วิตามิน เกลือแรและแฟคเตอรที่ เกล็ดเลือด เกี่ยวของกับการแข็งตัวของเลือด สวนประกอบของเลือดอีกชนิดหน่ึงคือ เซลลเม็ดเลือด ซ่ึงมีหลายชนิดไดแก เม็ดเลือดแดงทําหนาที่ขนสงออกซิเจน ไปยงั เซลลและนําคารบ อนไดออกไซดจากเซลลไปกาํ จัดทป่ี อด เม็ดเลือดขาว ทําหนาที่ตอตานการติดเช้ือและกําจัดสิ่งแปลกปลอมท่ีเขามาในรางกาย เกล็ดเลือดชวยทําใหเ ลอื ดแขง็ ตวั และซอ มแซมผนงั หลอดเลือดทช่ี ํารดุ หมูเ ลอื ด คืออะไร การท่ีจะระบุวาคนๆ หน่ึงมีหมูเลือดอะไรนั้น ข้ึนอยูกับชนิดของโปรตีน หรือแอนติเจนท่ีจําเพาะของหมูเลือดท่ีปรากฏอยูบนผิวเม็ดเลือดแดงของคนๆ นน้ั หมเู ลอื ดของแตละคนถกู กาํ หนดโดยยนี ทไ่ี ดรบั การถายทอดจากพอ และแม ปจจจุบันมีการคนพบหมูเลือดมากกวา 30 ระบบ แตระบบท่ีมี ความสาํ คัญที่จะตองพิจารณาถึงความเขากันไดระหวางผูใหและผูรับเมื่อมีการให เลอื ดคือหมเู ลอื ดระบบ ABO และระบบ Rh หมเู ลอื ดระบบ ABO มหี มูเลือดหลกั อยู 4 หมู เปน หมูเลือดท่สี าํ คัญที่สุดและคนทกุ คนจะตอ งมีหมเู ลอื ดชนิดใดชนดิ หน่ึงของ ระบบนค้ี ือ A, B, O และ AB แอนตเิ จน A คนหมเู ลอื ด A จะมแี อนตเิ จน A บนผวิ เมด็ เลือดแดง และมแี อนตบิ อดีชนิด B ในพลาสมา แอนตบิ อดี B แอนติบอดี A คนหมเู ลือด B จะมแี อนติเจน B บนผวิ เมด็ เลอื ดแดง และมีแอนตบิ อดชี นดิ A ในพลาสมา แอนตเิ จน B -2-
แอนติเจน B แอนตเิ จน A คนหมเู ลอื ด AB จะมแี อนตเิ จน A และ B บนผิวเมด็ เลอื ดแดง และไมมแี อนติบอดีชนดิ A และ B ในพลาสมา แอนตบิ อดี A คนหมเู ลือด O จะไมมแี อนตเิ จน A และ B บนผวิ เมด็ เลอื ดแดง แตจะมแี อนตบิ อดชี นิด A และ B ในพลาสมา แอนตบิ อดี B ปกติแลว แอนติบอดขี องหมเู ลือดระบบ ABO เปนแอนตบิ อดที เ่ี กดิ ขึน้ จากการทรี่ า งกายไดร บั การกระตนุ จากสารตางๆในสิ่งแวดลอ มทางธรรมชาติ เดก็ ทารกแรกเกิดจงึ ยังไมสรา งแอนตบิ อดี เมอ่ื ไดร ับ การกระตุน จากสารในธรรมชาติภายหลังคลอด รางกายจึงจะเริ่มสรางแอนตบิ อดแี ละสรางมากข้ึนจนสามารถ ตรวจพบไดในพลาสมาเมอ่ื อายุประมาณ 8 เดือนถึง 1 ป หมูเลอื ดระบบ Rh Rh + แบงออกเปน 2 ชนดิ คือ อารเอชบวก (Rh+) และอารเ อชลบ (Rh-) โดยคนท่ี แอนตเิ จน D มีหมูเลือด Rh+ จะมีแอนติเจน Rh ชนิด D บนผิวเม็ดเลือดแดง สวนคนท่ีไมมี แอนติเจนชนิดน้ีบนผิวเม็ดเลือดแดงจะถูกจัดเปนผูที่มีหมูเลือด Rh- และจะ Rh - สามารถสรางแอนติบอดีตอแอนติเจน Rh ชนิด D ไดหากไดรับเลือดท่ีเปน Rh+ ดังนั้นการสรางแอนติบอดีของหมูเลือดระบบ Rh จึงมีความแตกตางจากการสราง แอนติบอดีของหมูเลือดระบบ ABO น่ันคือแอนติบอดีของหมูเลือดระบบ Rh ไมได เกิดขึ้นเองจากการกระตุนโดยสารตางๆ ในธรรมชาติเหมือนท่ีเกิดในหมูเลือด ระบบ ABO แตเกิดจากการไดรับเลือดของคนที่มี Rh+ หรืออีกวิธีหนึ่งคือเม็ดเลือด แดงของลูกในครรภที่เปน Rh+ ปนเปอนเขาไปในรางกายของแมท่ีเปน Rh- แลว กระตนุ ใหแมสรา งแอนตบิ อดีข้นึ ดงั นั้นเมือ่ พจิ ารณาหมเู ลอื ดระบบ ABO และ Rh รวมกันจะสามารถพบหมูเ ลอื ดทแ่ี ตกตา งกนั ไดถงึ 8 แบบคือ ABO, Rh A, Rh+ A, Rh- B, Rh+ B, Rh- AB, Rh+ AB, Rh- O, Rh+ O, Rh- -3-
การใหเ ลอื ด การใหเลือดที่ปลอดภัยจะตองคํานึงถึงความเขากันไดระหวางหมูเลือด ABO และ Rh ของผูรับหรือ ผปู วยกบั ของผบู ริจาคเปน อนั ดบั แรก การไดรับเลือดทีเ่ ขา กนั ไมไ ดจ ะทําใหเลอื ดของผูบ รจิ าคเกิดการจับกลมุ กันและ อุดหลอดเลือดทําใหเลือดไมสามารถไหลผานหลอดเลือดเพ่ือไปเล้ียงสวนตางๆของรางกายผูรับไดสะดวก หรือเกิด การแตกทําลายเม็ดเลือดแดงของผูบริจาคในรางกายผูรับ ซ่ึงเปนผลเนื่องมาจากการทํางานของระบบภูมิคุมกัน ระหวางแอนติบอดีของผูรับกับแอนติเจนบนเม็ดเลือดแดงของผูบริจาค เม่ือเม็ดเลือดแดงแตกฮีโมโกลบินจะถูก ปลอยออกมาในกระแสเลือด ทําใหเปนพิษตอรางกายและอาจรุนแรงถึงข้ันเสียชีวิต ทั้งนี้ความรุนแรงขึ้นกับปจจัย หลายอยาง เชน ปริมาณเลอื ดท่ไี ดร ับเขา ไป สภาพรา งกายของผรู ับ เปนตน ตวั อยา งการใหเลือดท่ไี มเ ขา กัน เชน ถาใหเลือดหมู B แกผูปวยท่ีมีหมูเลือด A แอนตบิ อดี B ของผูปวยจะจับกบั แอนตเิ จน B ที่อยบู นผวิ เม็ดเลอื ดแดงของผู บริจาค ทาํ ใหเ มด็ เลือดแดงของผูบ รจิ าคเกาะกลุม กนั และถูกทําลายในท่สี ุด แอนติบอดี B ดงั นั้นการพิจารณถงึ ความเขา กันไดร ะหวา งเลอื ดผูรบั และผูบรจิ าคจึงยดึ หลักท่ีวา ในพลาสมาของ ผรู ับจะตองไมม แี อนตบิ อดที ่ีสามารถจบั กับแอนตเิ จนบนผิวเมด็ เลอื ดแดงของผบู รจิ าค และในกรณขี องหมเู ลือด ระบบ Rh เพอื่ ปองกันไมใ หผทู มี่ หี มูเลือด Rh- สรา งแอนตบิ อดตี อ แอนติเจน D ผทู ี่มหี มู Rh- จงึ ควรไดร บั เลือดหมู Rh- เทา นนั้ เอกสารอา งอิง 1. Denise M. Harmening (2005). Modern Blood Banking&Transfusion Practices 2. “Blood Groups, Blood Typing and Blood Transfusions” [online] http://nobelprize.org/educational/medicine/landsteiner/readmore.html 3. “Blood around the World” [online] http://www.blood.co.uk/about-blood/blood-around-the-world/ -4-
Search
Read the Text Version
- 1 - 4
Pages: