แมท่ ะแผ่นดนิ ทอง แตง่ โดย แสงนภา ใจเยน็
๒ ตอนที่ ๑ แม่ทะแผน่ ดนิ ทอง โป๊ก! โปก๊ ! โปก๊ ! เสยี งรัวครกตำน้ำพรกิ ดังมาจากคัวไฟพร้อมกับเสียงมดี สับเขียง ดังประสานกัน กลิ่นข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมเจียว กระเทียมเจียว ส่ง กลิ่นหอมตลบครัว และโชยตามลมไปย่ัวยวนเพื่อนบ้านใกล้เคียง แม่กำลัง ปรุงอาหารเช้า พอ่ กลุ กี ุจอเปน็ ลูกมอื เช่นทกุ วนั “ก้อย ก้อย แต่งตัวเสร็จรึยังจ๊ะ” ก้องพี่ชายคนโตร้องถาม น้องสาวที่กำลังแต่งตัวไปโรงเรียน ขณะที่ ตนเองแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย และกำลังชว่ ยแม่เตรียมป่นิ โตข้าวกลางวันใหน้ ้องสาวไปกนิ ทโี่ รงเรียน “เสร็จแล้วค่ะ พ่ีก้อง” ก้อยตอบ พร้อมกับเดินหิ้วกระเป๋า นักเรียนใบโตออกมาจากหอ้ งนอน “ก้อง ก้อย มากินข้าวเร็วลูก จะได้ไปโรงเรียน” เสียงแม่เรียก ลกู ท้งั สองมาทานอาหารเชา้ ที่เตรยี มเรียบรอ้ ยแลว้ “ก้อง” เปน็ ลกู ชายคนโตของครอบครวั ปีนเ้ี ขาอายุ ๑๖ปี เรยี น อยู่ชั้น ม.๔ สว่ น “ก้อย” ลูกสาวคนเลก็ เธออายุ ๑๐ ปี หา่ งจากพ่ชี าย ๖ ปี กำลังเรียนอยชู่ ั้น ป.๔ แม่เดินถือถาดอาหารเพื่อใส่บาตร พร้อมกับดอกไม้ธูปเทียน ก้องและกอ้ ยรบี วง่ิ ตามแมอ่ อกมาท่หี นา้ บา้ น “นิมนต์ ครบั หลวงพอ่ ” แม่ ก้องและกอ้ ยพนมมอื ไหวพ้ ระภกิ ษุ แม่ยกถาดอาหารจรดหน้าผาก และคดข้าวจากก่องข้าวขนาดเล็กใส่บาตร พระ ก้องหยิบถุงแกงใส่บาตร และก้อยถวายดอกไม้ธูปเทียนวางบนฝา บาตรดว้ ยท่าทางนอบน้อม
๓ เช้าวันนี้ ทุกคนน่ังล้อมวงกินข้าวอย่างพร้อมหน้ากัน พ่อ แม่ กอ้ งและก้อย เปน็ เวลาได้อิม่ อร่อยกบั ฝมี ือแม่ครัวเอกของบ้าน บนสะโตกไม้ มถี ้วยใส่หมูป้งิ วางอยู่ สสี ันน่ากนิ และอกี ถว้ ยเป็นแกงแคไก่ ซึง่ ส่งกลนิ่ หอม ฉุยวางไว้ ทุกคนคดข้าวเหนียวจากก่องข้าวท่ีวางไว้ข้างสะโตก ก้องและ ก้อยเคี้ยวข้าวเหนียวอย่างเอร็ดอร่อย พ่อหยิบหมูป้ิงชิ้นขนาดพอคำส่งให้ ก้อยลกู สาวคนเล็กอย่างเอ็นดู อาหารม้ือเช้าอรอ่ ยด้วยความรัก และผูกพัน ทุกคนจึงอ่ิมอกอิ่มใจ และอ่ิมท้อง ครอบครัวของก้องกินข้าวเหนียวนึ่งเป็น หลัก มีบางมื้อเท่านั้นที่กินข้าวสวยขึ้นอยู่กับโอกาสและอาหารมื้อน้ัน ๆ “การน่ึงข้าวเหนียว” เป็นหน้าที่ที่ก้องทำอย่างชำนาญ เพราะทำมาต้ังแต่ เด็ก ช่วงดึกก่อนเข้านอน เขาจะแช่ข้าวสารในหม้อเคลือบ พอรุ่งเช้า เขา จะต่ืนนอนพร้อมแม่ จุดเตาไฟ ตั้งหม้อนึ่ง ล้างข้าวหม่าด้วย น้ำสะอาด หลาย ๆ รอบ จนกล่ินเปรี้ยวจางลงหรือหายไป หากล้างไม่สะอาด เขา ต้องถูกแม่ตำหนิ เพราะกล่ินข้าวเหนียวจะฉุนจัด บ่งบอกความขี้เกียจของ คนนึ่งขา้ วแบบมหี ลักฐานมัดตัวแน่นหนาทเี ดียว
๔ สะโตกไม้ ก่องข้าว ที่มา : www.watsadet.ac.th, ๒๕๕๖. ที่มา : วิบลู ย์ ลี้สุวรรณ, ๒๕๔๑. บ้านของก้องเป็นบ้านไม้หลังใหญ่ใต้ถุนสูง บริเวณใต้ถุนบ้าน กลายเป็นพื้นท่ีใช้สอยอเนกประสงค์ เหมาะสำหรับเก็บข้าวของเครื่องใช้ เครื่องมือทำการเกษตร เมล็ดพันธ์ุพืชต่าง ๆ และกองฟืนไม้ ถึงแม้จะมี ข้าวของมาก แต่แม่คอยจัดเก็บให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเสมอ บางเวลา แคร่ไม้ใหญ่ใต้ถุนบ้าน ก็ใช้เป็นท่ีรับแขกได้อย่างดี ยามเย็นเป็นท่ีกลิ้ง เกลอื กนอนอา่ นหนังสือ ทำการบา้ นของสองพนี่ ้องได้อีกดว้ ย บรเิ วณใกลก้ ัน เป็นห้องคลงั อาหารของบ้าน คือ ควั ไฟ ซ่ึงนับวา่ เป็นห้องท่ีสำคัญของบ้าน ทีเดยี ว พ่อสรา้ งให้แยกต่างหากจากตัวบ้านเยือ้ งไปทางด้านหลังบ้าน พ่อ อธิบายให้ก้องฟังว่า การสร้างคัวไฟสำคัญมาก คนสร้างต้องวางแผนให้ดี ก่อนว่า จะสร้างบริเวณใดให้ถูกทิศทางสะดวก และไม่เสียบรรยากาศใน บ้าน เพราะการก่อไฟนึ่งข้าว หรือปรุงอาหารนั้น สมัยก่อน ใช้ฟืนไม้เป็น ส่วนใหญ่ จึงทำให้เกิดเขม่าควนั ไฟสีขาวพวยพงุ่ ลอยลัดฝาบ้านและหลังคา ทกุ เช้าเย็น รบกวนคนในบ้าน ปจั จบุ นั ไมท้ ่ีนำมาทำฟืน
๕ ก่อไฟหายากกว่าแต่ก่อนมาก ดังนั้น แต่ละบ้านจึงใช้เตาแก๊สกันเป็น สว่ นใหญ่ ทำใหไ้ ม่มปี ัญหาน้รี บกวน และสะดวกมากขน้ึ จึงไม่มบี รรยากาศ ตามกำตวายของแม่ที่วา่ “อะหยังเอ๊าะ ไก่แม่หม่นซ่น หลังคา” ให้เห็นอีก แลว้ บริเวณหน้าคัวไฟ ซ่ึงกับติดประตูเข้าออกเป็น “ฮ้านน้ำ” พ่อสร้างเป็นรา้ นยกพ้ืนสูงสำหรับวางหม้อน้ำดื่มประจำบ้าน มีหลังคาคลุม กันแดดไม่ให้น้ำร้อน ข้าง ๆ ฮ้านน้ำ แม่สร้างสวนครัวเล็ก ๆ โดยใส่ดินใน ภาชนะเก่า จำพวกกะละมังเก่า ๆ ถังน้ำเก่า ๆ และปลูกผักท่ีก้อยเรียกว่า ตระกูลหอม อาทิ หอมเทียม หอมแบ่ง หอมบวั่ หอมป้อมเป้อ ไว้ใส่อาหาร สารพัด พ่อกับแม่ของก้องมีอาชีพทำนาเป็นหลัก บ้านของก้องอยู่ใน เขตตำบลบา้ นบอม หา่ งจากตัวอำเภอแม่ทะ ไปทางทศิ ใต้ราว ๑๕ กโิ ลเมตร และห่างจากตัวเมืองลำปาง ประมาณ ๔๐ กิโลเมตร หมู่บ้านของก้อง โอบล้อมด้วยทุ่งนากว้าง มองไกลสุดลูกหู ลูกตา มีลำน้ำจากลำห้วยที่ ไหลทอดเอือ่ ยผ่านท้ายหมู่บา้ นตลอดปี
๖ ควั ไฟ ฮา้ นนำ้ ทีม่ า : www.l3nr.org/posts/ ท่ีมา : วบิ ูลย์ ลีส้ วุ รรณ, ๒๕๔๑. 355538, ๒๕๕๖. ห้องเรียนของเรา แสงแดดอ่อนยามเชา้ สาดส่องมาเพื่อรับอรุณร่งุ แห่งวันใหม่ของ สัปดาห์ นักเรียนโรงเรียนแม่ทะพัฒนศึกษาเร่ิมทยอยมาโรงเรียน เสียง กร่ิงดงั กังวานไปท่ัว ตามด้วยเพลงมาร์ชของโรงเรียนดังขึ้น เป็นสัญญาณ ให้นกั เรยี นทุกคนรู้ว่า ชวี ิตในโรงเรียนวนั น้จี ะเร่ิมขนึ้ แล้ว หลังกิจกรรมหน้าเสาธงในชั้นเรียนช้ัน ม.๑ ชั่วโมงเรียนท่ี ๑ และ ๒ เป็นวิชาภาษาไทย ก้องชอบเรียนวิชานี้มาก เพราะนอกจากจะ เรียนรู้เก่ียวกับภาษาไทยซ่ึงเป็นเอกลักษณ์ของชาติแล้ว ยังได้ความรู้ด้าน วรรณกรรมท้องถิน่ และภมู ปิ ญั ญาท่เี ป็นมรดกของชมุ ชนดยี ่ิงขึน้ วันน้ี ครูธิดาครูผู้สอนวิชาภาษาไทยเดินเข้ามาในห้องด้วย ใบหนา้ ยิ้มแย้ม
๗ “นักเรียน ทำความเคารพ” บอล หัวหน้าช้ันพูดส่ังขึ้นทันทีที่ ครูเดนิ เข้าในห้อง “สวัสดีครับ...สวัสดีค่ะ คุณครู” เสียงนักเรียนชายหญิงทำ ความเคารพครพู ร้อมกัน “สวัสดีค่ะ เป็นอย่างไรบ้างค่ะ ช่วงน้ีอากาศเปล่ียนแปลงเดี๋ยว ฝนตก เดี๋ยวร้อน ขอใหน้ ักเรียนทุกคนดแู ลสขุ ภาพด้วยนะคะ” ครูธดิ ากล่าว ทักทายนักเรียนในห้อง นักเรียนทุกคนในช้ันรักและเคารพคุณครูธิดา เพราะคณุ ครตู ง้ั ใจสอน และมคี วามรใู้ หม่ ๆ มาถา่ ยทอดนักเรยี นสมำ่ เสมอ วันน้ีก็เช่นกัน ครูธิดาได้ทบทวนเก่ียวกับเน้ือหาที่นักเรียนได้ เรียนไปในชั่วโมงที่แล้ว ครูธิดาให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันหัวข้อ วัฒนธรรมของอำเภอแม่ทะ ก้องได้แสดงความคิดเห็นว่า ส่ิงท่ีบ่งบอก วัฒนธรรมของอำเภอแม่ทะได้อย่างดี คือ คำขวัญของอำเภอแม่ทะ ซ่ึง ทกุ คนเหน็ ดว้ ย ครธู ิดาใหน้ ักเรียนบอกคำขวัญอำเภอแมท่ ะพรอ้ มกัน ลำน้ำจางหล่อเลย้ี งเศรษฐกิจ พุทธรูปศักดสิ์ ทิ ธ์ิพระไมแ้ ก่นจันทน์ สินแรส่ ำคญั ถ่านหินดนิ ขาว อาชีพยืนยาวงานแกะสลกั แหล่งประจักษธ์ รรมถ้ำพระสบาย ครูธิดาถามคำถามว่า คำขวัญอำเภอแม่ทะสะท้อนวัฒนธรรม อย่างไร กอ้ งอธบิ ายวา่ “เพ่ือน ๆ ทุกคนครับ จากคำขวัญของอำเภอแม่ทะ แสดงว่า อำเภอแม่ทะมีแม่น้ำแม่จางเป็นลำน้ำสำคัญต่อการดำรงชีวิต เศรษฐกิจ และการประกอบอาชีพของประชากร นั่นคือ อาชีพเกษตรกรรม และ
๘ อำเภอแม่ทะมีงานหตั ถกรรมพื้นบา้ นประเภทงานแกะสลักไม้ ซ่ึงเป็นอาชีพ ทมี่ มี านานมาก อำเภอแม่ทะมที รพั ยากรธรรมชาติประเภทแรธ่ าตุ ถ่านหิน และดินขาวที่ทำรายได้ให้แก่ชาวอำเภอแม่ทะ นอกจากนี้ คำขวัญยัง สะทอ้ นวา่ ชาวอำเภอแม่ทะนบั ถือศาสนาพทุ ธเปน็ ทยี่ ึดเหนยี่ วจติ ใจครับ” ครูธิดาและเพ่ือนในห้องปรบมือชื่นชมการแสดงความคิดเห็น ของกอ้ ง ครธู ิดาได้อธิบายเพ่ิมเติมวา่ วัฒนธรรม คือ วิธีการดำเนนิ ชวี ติ ของ คนส่วนใหญใ่ นสังคมแตล่ ะท้องถ่ิน ซ่งึ มแี นวปฏิบัตริ ่วมกนั มายาวนานนบั แต่ อดีตถึงปัจจุบัน วัฒนธรรมมีท่ีมาจากส่ิงแวดล้อม ท้ังที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต วัฒนธรรมแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค แต่ละท้องถิ่น แต่ละช่วงเวลา แม้ในวัฒนธรรมท้องถ่ินเดียวกัน แต่อยู่คนละช่วงเวลา ก็ทำให้แตกต่างกัน ด้วย ดังน้ัน วัฒนธรรมจึงมิใช่ส่ิงที่อยู่น่ิงหรือยั่งยืนถาวร มีลักษณะ เชน่ เดยี วกบั ส่ิงแวดล้อมและชวี ติ ของคนเรา ที่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่หยุดน่ิง เช่นเดยี วกัน บอลมีสหี น้าสงสัย จงึ ยกมือถามครูธิดา “คุณครูครับ แล้ววัฒนธรรมเก่ียวข้องกับสิ่งแวดล้อมอย่างไร ครับ” ครธู ดิ าย้ิม และตอบว่า “วัฒนธรรมเป็นรูปแบบการใช้ทรัพยากร และการดำเนินชีวิต ด้วยกิจกรรมต่าง ๆ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมของ คนอำเภอแม่ทะต้องอาศัยพ้ืนดิน พ้ืนน้ำ แร่ธาตุ อากาศ ป่าไม้ เช่น อาศัย แมน่ ้ำจาง ซึง่ เป็นแมน่ ้ำสายหลักในการประกอบอาชีพและใช้ชีวติ ประจำวัน ใช้ถ่านหินและดินขาวซึ่งเป็นทรัพยากรแร่ธาตุ ใช้ทรัพยากรป่าไม้มาสร้าง เป็นงานหัตถกรรม จึงก่อให้เกิดอาชีพการทำนา ทำไร่ ทำสวน ประมง งานหัตถกรรม ค้าขาย รับจ้าง และยังส่งผลต่อการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ภูมิปัญญา ความเช่ือ พิธีกรรม ประเพณี และเทศกาลต่างๆ อาหาร และ
๙ ศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ โดยมีพุทธศาสนา วัดวาอารามเป็นท้ังท่ีพ่ึงพิง และ ส่ิงช่วยนำทางชวี ติ ” เมื่อได้ฟังครูธิดาอธิบายแล้ว ก้องเริ่มเข้าใจส่ิงท่ีพ่อแม่ของเขา รู้สึกกังวล พูดกับเขาเสมอว่า วิถีชีวิตคนแม่ทะนั้น บางอย่างได้สูญหายไป แล้ว บางอย่างก็กำลังจะหายไป แต่นับว่า โชคดีท่ีบางอย่างยังคงมีให้เห็น แต่ถ้าไมช่ ่วยกนั รักษาไว้คงหายไป และมีสงิ่ ใหม่ ๆ มาแทน พ่อแม่ ของก้อง ไมไ่ ดร้ สู้ ึกต่อต้านเทคโนโลยสี มยั ใหม่ พ่อยังเคยบอกว่า พวกเขารสู้ ึกวา่ เป็น หน้ีบุญคุณนักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ท้ังหลายท่ีช่วยให้ชีวิตของมนุษย์ โลกสะดวกสบายขึ้น แต่ส่ิงดี ๆ มีคุณค่าของชุมชนควรอยู่คู่กับชุมชน ตลอดไป ทุกวันน้ี ชุมชนของเขายังมีภาพของทุ่งนาท่ียังใช้ปลูกข้าว ลมพัด ต้นข้าวพลิ้วไหว ใบสีเขียวขจี และมีรวงข้าวเหลืองอร่ามยามฤดูกาล เก็บเกี่ยว มีน้ำในลำเหมือง ลำห้วย มีบ้านเรือนที่ปลูกตามแนวลำน้ำ ลำคลอง มีผคู้ นไปทำบุญ ใสบ่ าตรในวนั พระ ในเทศกาลประเพณีของชมุ ชน วถิ ีชวี ิตของผคู้ นเรียบง่าย สภาพวัฒนธรรมหลาย ๆ อยา่ งยงั มีความเด่นชัด เรยี บงา่ ย แตย่ งั คงมนต์เสน่ห์ ไม่คลาย ถึงแม้ว่า จะเริ่มมีการสร้างฝายคอนกรีตยาวจรดขอบทุ่ง มีเสียงเคร่ืองยนต์ดังตลอดวัน รถยนต์ย่ีห้อใหม่ ๆ ว่ิงเข้าออกหมู่บ้าน และ อีกสารพดั ผูเ้ ฒา่ ผูแ้ กก่ ็หวังวา่ ลกู หลาน จะร้จู กั เลือกใช้ความเจริญสมัยใหม่ ให้พอดี เหมาะสม และรักษาสืบทอดสิ่งที่เป็นทรัพย์สินของชุมชนไว้ตราบ นานเท่านาน
๑๐ ลำน้ำจางหล่อเลยี้ งเศรษฐกจิ พระพุทธรูปศกั ดิส์ ทิ ธิ์พระไม้แก่นจันทน์ ลำนำ้ จางหล่อเลี้ยงเศรษฐกจิ สินแร่สำคญั ถา่ นหนิ ดนิ ขาว อาชพี ยืนยาวงานแกะสลัก เศรษฐกจิ ภาพคำขวัญอำเภอแมท่ ะ จงั หวัดลำปาง ทีม่ า : แสงนภา ใจเยน็ , ๒๕๕๖. แหลง่ ประจกั ษธ์ รรมถ้ำพระสบาย
๑๑ กล่อมหลานนอ้ ย ครอบครัวของแม่อุ้ย มีพ่ออุ้ย น้าพิมพ์ น้าโชค และน้องกล้วย น้าโชค น้าพิมพ์ เป็นพ่อแม่ของน้องกล้วย ซ่ึงท้ังสองพบกันตอนเรียน มหาวิทยาลัย เมื่อเรยี นจบและมีงานทำ จึงแตง่ งานกัน “น้าพิมพ์” น้องสาวแม่ของก้องเป็นพยาบาลทำงานใน โรงพยาบาลประจำอำเภอ สว่ น “น้าโชค” น้องเขยของแมท่ ำงานท่อี ุทยาน แห่งชาติเวียงโกศยั จงั หวัดแพร่มานานหลายปี เมื่อน้องสาวแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา พ่อและแม่ขออนุญาต พ่ออุ้ย แม่อุ้ยแยกเรือนออกมาปลูกต่างหาก แต่ยังคงเป็นบริเวณใกล้เคียง สามารถไปมาหาสกู่ ันได้ บ้านของแม่อุ้ยสร้างด้วยไม้ท้ังหลัง นบั ว่า เป็นบ้านหลังใหญ่ใน ละแวกนี้ ใต้ถุนบ้านสูง โปร่งโล่ง พื้นเป็นพื้นดินอัดจนแข็งแน่น เย็นสบาย ร่มร่ืน เป็นระเบียบ และสะอาดสะอา้ น เพราะแม่อยุ้ ทำความสะอาดทกุ วัน จนพื้นสะอาดสามารถใช้ประโยชน์ได้มากมาย แคร่ไม้ขนาดใหญ่วางไว้ใช้ งานสารพัด ท้ังรับแขก นอนเล่น กินข้าว เล้ียงหลานตั้งแต่ ก้อง ก้อย มา จนถงึ นอ้ งกล้วยหลานสาวคนเลก็ รอบ ๆ บ้านของอยุ้ มีต้นไม้หลากหลายชนิดทั้งไม้ผล ไม้ยืนต้น และไม้ดอกนานาพรรณ ก้องเรียกบ้านแมอ่ ุย้ วา่ “สวนพฤกษศาสตร์” ซ่งึ มี ผลไม้ให้กินตลอดปี ทั้งขนุน มะเฟือง มะขาม น้อยหน่า และกล้วย หลากหลายพันธ์ุ บรรดาเพ่ือนบ้านญาติมิตรต่างแวะเวียนมาลิ้มลองกัน อยา่ งถ้วนหนา้ ตรงชายคาบ้าน แม่อุ้ยวางกระถางต้นเฟื่องฟ้า มะลิ โกสน ใบหลากสีให้เป็นเหมือนเขตตัวบ้าน แยกจากสวนครัว เล้าไก่ และคอก ววั ควายอย่างเป็นระเบยี บและรม่ ร่นื
๑๒ การออกแบบสวนและไม้ประดับของบ้านได้น้าโชคช่วยดูแล และลงมือจัดเอง สวนบ้านแม่อุ้ย จึงสวยงาม ร่มรื่น ต้นไม้ถูกจัดวางไว้ อย่างเป็นสัดส่วน รอบรั้วบ้านแม่อุ้ยปลูกต้นกระถิน ตำลึงและดอกอัญชัน เปน็ แนวรัว้ ธรรมชาติที่สามารถเกบ็ กนิ ได้ สวนครัวหลังบ้านของแม่อุ้ย ได้รับการดูแลจากเจ้าของบ้าน อย่างดี รดน้ำทุกเช้าเย็น ก้องและกอ้ ยจะช่วยอยุ้ พรวนดินใสป่ ๋ยุ ผักสวนครัว จำพวกพริก ถั่วฝักยาว ผักกาด ชะอม มะเขือ มะเขือพวง กำลังชูยอด ใบอวบอ้วน และผลดกงามรอคนมาเก็บ มีต้นไม้ท่ีก้องจำได้ข้ึนใจ คือ ตน้ ฟ้าทะลายโจร เพราะครั้งหนึ่งแม่อยุ้ เคยเดด็ ใบให้กอ้ งชมิ “ชิมดูสิหลาน” ก้องรีบรับใส่ปากเค้ียว พลันทำหน้าบูดเบี้ยว แล้วคายทิ้งแทบไมท่ นั “หวานเปน็ ลม ขมเป็นยา” แมอ่ ุ้ยพดู พร้อมหวั เราะ “ต้นฟ้าทะลายโจรน่ีนะ พ่ออุ้ยต้มด่ืมทุกเช้า ไม่ต้องดื่มชา กาแฟเลย แลว้ ยงั ชว่ ยแก้เจบ็ คออกี ด้วยนะ” แม่อยุ้ อธบิ าย ต้ังแต่น้าพิมพ์กับน้าโชคมี “น้องกล้วย” แม่อุ้ยต้องทำหน้าท่ี เล้ียงหลานสาวคนเล็กในช่วงกลางวัน เพราะน้าพิมพ์และน้าโชคต้องไป ทำงานนอกบ้าน ภาระเลี้ยงน้องกล้วยของแม่อุ้ยเริ่มตั้งแต่เช้า ป้อนข้าว อาบน้ำ และดูแลนอ้ งกลว้ ยจนกวา่ น้าพมิ พ์จะกลบั จากทำงาน บริเวณใต้ถุนบ้าน แม่อุ้ยผูกเปลไม้ท่ีต่อขึ้นจากไม้เนื้อแข็ง แม่อุ้ยเล่าประวัติว่า เป็นมรดกตกทอดใช้มารุ่นต่อรุ่น ตั้งแต่แม่ของก้อง น้าพมิ พ์ กอ้ ง ก้อย จนถึงน้องกล้วย แม่อุ้ยค่อย ๆ วางหลานตัวน้อยลงในเปล แล้วไกวช้า ๆ พรอ้ ม เห่กลอ่ ม “อ่ือ ออื้ จา จา” เสยี งของแมอ่ ุ้ยกล่อมหลานดว้ ยจังหวะที่เนิบช้า เยือกเย็น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรัก ความเอ็นดู ทำให้เสียงร้องไห้งอแง ของนอ้ งกล้วย หลานสาวคนเล็ก วยั ๖ เดอื นค่อย ๆ เงียบลง
๑๓ แมอ่ ยุ้ ร้องวนกลบั ไปมาหลายเที่ยว ด้วยทำนองและเนอ้ื ร้องเดิม แม่อุ้ยคงร้องมาตั้งแต่รุ่นแม่ น้าพิมพ์ ตัวเขา ก้อยมาถึงน้องกล้วย ก้องจำ เน้ือเพลงกล่อมของแม่อุ้ยได้ขึ้นใจ เขาแอบร้องเองอยู่บ่อย ๆ แต่เสียง ไม่ไพเราะเหมอื นเสยี งแม่อ้ยุ ครูธิดาเคยบอกว่า ก้องเป็นคนโชคดีมาก เพราะมีโอกาสได้ฟัง เพลงกลอ่ มเดก็ และอธบิ ายใหก้ อ้ งฟังว่า “เพลงกล่อมเด็กเป็นเพลงพื้นบ้านประเภทหน่ึง ที่ไม่ทราบว่า ใครเป็นคนแต่ง เน้ือร้องและทำนองขึ้นอยู่กับภูมิปัญญาของผู้ร้องเอง ผู้เฒ่าผู้แก่มักนำสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวมาขับกล่อมให้ลูกหลานฟัง ยามท่ีพ่อแม่ไป ทำนาทำไร”่ ก้องรู้สึกผูกพันกับเพลงกล่อมเด็ก แม้เขาไม่เข้าใจคำบางคำ แต่ทุกเพลงท่ีแม่อุ้ยร้อง ก็ประทับในใจเขา จนไม่อยากให้มันเลือนหายไป ตามกาลเวลาและช่ัวอายขุ องคนรอ้ ง เขาคิดว่า คุณค่าของเพลงกล่อมเด็กมีมหาศาล นอกจากจะ ช่วยกล่อมเด็กให้รู้สึกอบอุ่น ไม่งอแง หลับอย่างสบายแล้ว ยังสะท้อนถึง ความรักความห่วงใยของคนร้องท่ีมีต่อเด็ก ผู้ใหญ่ยังถือโอกาสน้ี สอนเด็ก ให้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัว โดยเด็กไม่รู้ตัวว่าถูกสอน เพราะเพลินเคลิบเคลิ้ม กับนำ้ เสยี งท่ีอบอุน่ เพลงกลอ่ มเด็กเปรียบเสมือนกระจกเงาสะท้อนให้เหน็ สภาพสังคม การดำรงชีวิตของคนในท้องถ่ิน และสอน ธรรมชาติศกึ ษาให้แก่เด็กอย่างมศี ิลปะ และภูมปิ ญั ญาทางภาษา ออดแอด! ออดแอด! ตอนสาย ๆ ยังคงมีเสียงเปลแกว่งไกวดังประสานกับเสียง เห่กล่อมดังไปไกลด้วยท่วงทำนอง และเน้ือร้องที่มีคุณค่าพรั่งพรูออกมา
๑๔ เพลงแล้วเพลงเล่า ดังจนกว่าเสียงร้องงอแงของหลานสาวจะหยุดลง คงเหลอื ไวแ้ ตเ่ สียงเปลท่ยี งั ไกวต่อไป อธบิ ายศัพทแ์ ละข้อความ ตอนที่ ๑ แมท่ ะแผ่นดนิ ทอง ก่องข้าว ภาชนะสานสำหรบั ใส่ข้าวเหนยี วนงึ่ กำตวาย ปริศนาคำทาย มักข้ึนต้นด้วยคำว่า อะหยังเอ๊าะ หมายถึง อะไรเอย่ ตวั อย่างเชน่ “อะหยงั เอา๊ ะ ไก่แมห่ มน่ ซ่น หลงั คา”คำเฉลยคือ ควันไฟ แกงแค แกงท่ีใช้ผักต่าง ๆ หลายชนิดละม้ายแกงป่าภาคกลาง แต่ ไม่ใส่กระชาย เรียกชื่อไปต่าง ๆ ตามชื่อของส่วนประกอบที่เด่น เช่น แกงแคไก่ แกงแคกบ เปน็ ต้น ข้าวหม่า ขา้ วสารข้าวเหนียวทแี่ ช่น้ำไว้ในตอนเย็น เพอื่ จะน่งึ ในเช้ามืด วันรุ่งขึ้น คด คด, ขดุ , ตกั เช่น คดขา้ วเหนียว เป็นต้น คัวไฟ ห้องครวั
๑๕ ฮา้ น ร้าน, ฮา้ น เช่น ฮ้านนำ้ ฮา้ นผกั เป็นต้น วฒั นธรรม ส่ิงท่ีทำความเจรญิ ให้แก่หมู่คณะ, วถิ ีชีวติ ของหมู่คณะ สะโตก ถาดไม้ทีม่ ขี าต้งั สำหรบั เป็นสำรบั ใส่อาหาร หวานเปน็ ลม ขมเป็นยา ความหมาย คือ คำพูดหวานฟังเพราะแต่เป็นโทษ คำพูด ตรงไปตรงมาฟังไม่เพราะแต่เป็นคุณ เช่น ของท่ีมีรสหวานถ้ากินมาก มกั ทำให้ไมส่ บายเป็นโทษ ส่วนของทม่ี ีรสขมกนิ แล้วเหมอื นยาให้คณุ อุ้ย คำเรียกบิดาหรือมารดาของพ่อหรือแม่ หรือผู้มศี ักดเิ์ สมอน้นั วา่ พ่ออ้ยุ แม่อุ้ย หอม ชื่อพรรณไม้ล้มลุกมีหัวหลายชนิดมีกล่ินฉุน พืชที่ขึ้นต้นช่ือ ภาษาไทยถ่ินเหนือด้วยคำว่า หอม และมกั ปลูกเปน็ ผกั สวนครัว เช่น หอมด่วน–สะระแหน่, หอมเทียม–กระเทียม, หอมแบ่ง–หัวหอมแต่ ไม่ลงหัว ใช้เฉพาะใบปรุงอาหาร, หอมบ่ัว–หัวหอม, หอมป้อมเป้อ– ผักชีฝร่ัง
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: