ศลิ ปะไทย
ยคุ สมยั ของ ศลิ ปะไทย สมยั กอ่ นประวตั ิศาสตร์ สมยั ประวตั ิศาสตร์ (Prehistory) (history) ศลิ ปะสมยั ยคุ หนิ ศลิ ปะทวารวดี สมัยหนิ เกา่ ศิลปะศรวี ชิ ัย สมยั หนิ กลาง ศลิ ปะลพบรุ ี สมยั หนิ ใหม่ ศิลปะลา้ นนา ศลิ ปะสุโขทยั ศิลปะสมยั ยุคโลหะ ศิลปะอู่ทอง สมัยสำรดิ ศิลปะอยุธยา สมยั เหลก็ ศลิ ปะรัตนโกสินทร์ 2
สมยั ประวตั ศิ าสตร์ HISTORY
ศิลปะทวารวดี ช่วงพุทธศตวรรษที่ 11-16 เป็นชุมชนใน ยุคแรกเริ่ม ประวัติศาสตร์ของไทย ได้รับอิทธิพลทาง วัฒนธรรมมาจากอินเดีย โดยตรง มีความเจริญแถบภาคกลาง ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง พบโบราณสถาน โบราณวัตถุ ได้ในหลาย จังหวัด เช่น นครปฐม สุพรรณบุรี ราชบุรีเป็นต้น พระพุทธรปู ปางแสดงธรรมทพ่ี ระปฐมเจดยี ์
สถาปตั ยกรรมทวารวดี ทวารวดี ส่วนมากเป็นศาสนสถานทางพุทธศาสนาผังเมอื ง เปน็ รปู ส่เี หลย่ี มจตั ุรัสมนมีคันดนิ และคนู ้ำล้อมรอบ สถาปตั ยกรรมสมยั ทวารวดมี กั ก่อดว้ ยอิฐล้วนและ ใชด้ ินเนอ้ื ละเอียดผสมกบั ยางไม้เชอ่ื มอฐิ ทีละแผ่น
ทวารวดี การกอ่ สรา้ งเจดียใ์ นสมยั ทวารวดพี บทั้ง เจดีย์ฐานสี่เหล่ียม เจดีย์ฐานระฆังควำ่ มยี อดแหลมดา้ นบน วดั พระเมรุ และเจดยี จ์ ลุ ปะโทน จงั หวัดนครปฐม “ เจดยี ์ฐานระฆงั ควำ่ ” พระธาตยุ าคู “ เจดียฐ์ านสเี่ หลยี่ ม ”
ทวารวดี ประตมิ ากรรมทวารวดี ลกั ษณะทีเ่ ด่นชัดของพระพุทธรปู พระเศียรเปน็ กระพุ้งออกดา้ นขา้ ง พระเกศาขนาดใหญแ่ ละปา้ น พระพกั ตรแ์ บนกว้าง จวี รบางแนบตดิ องค์ เปน็ สญั ลักษณแ์ ทนพระพทุ ธเจ้า ลกั ษณะคล้ายศิลปะอนิ เดีย
ประตมิ ากรรมทวารวดี ทวารวดี พบมากเห็นไดม้ ากคือ ประตมิ ากรรมดินเผาและปูนป้ัน นอกจากน้ียังพบ ธรรมจักรและกวางหมอบ
ศิลปะศรีวิชัย ช่วงพุทธศตวรรษที่ 13-14 ศูนย์กลางของศิลปะสมัยศรีวิชัย อยู่ตอนใต้ของไทย เช่น เมืองนครศรีธรรมราช เมืองไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปจนถึง แหลมมาลายู และอินโดนีเซีย เป็นเมืองท่าและสถานี พักสินค้า อยู่บนเส้นทาง ค้าขายระหว่าง ตะวันตกและตะวันออก เช่น จีน อินเดีย ได้รับอิทธิพลทาง วัฒนธรรมมาจากอินเดีย 9
ศรีวชิ ยั สถาปตั ยกรรมศรวี ิชยั สว่ นใหญ่เป็นพุทธสถาน พบได้ตัง้ แต่ อ.ไชยา สรุ าษฎร์ธานี ถงึ อ.ยะรัง ปตั ตานี พระบรมธาตุ วัดมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช
ประติมากรรมศรีวชิ ัย ศรวี ชิ ัย ศิลปกรรมสว่ นมากเกีย่ วเนือ่ งกบั เทวรปู ศลิ ปะสมัยศรีวชิ ัย พทุ ธศาสนาลัทธมิ หายาน ทพ่ี บมากได้แก่ พระพทุ ธรูปพระโพธิสัตว์ และพระพิมพ์ นอกจากน้ยี ังพบเทวรปู ท่ีแสดงถงึ การนบั ถือศาสนา พราหมณ์ เช่น พระวษิ ณุ พระโพธสิ ัตว์ ปัทมปาณิ
ศรีวชิ ยั พระโพธิสตั วป์ ัทมปาณิ (พระโพธสิ ตั ว์อวโลกเิ ตศวร)
ศิลปะลพบุรี ช่วงพุทธศตวรรษที่ 6-18 มีความเจรญิ แถบทาง ภาคกลาง ภาคตะวนั ออก และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ไดร้ ับอทิ ธพิ ลโดยตรงจาก ศลิ ปะเขมรหรอื ศิลปะขอมในกมั พชู า
ลพบรุ ี ศาสนสถานของขอม เปน็ การก่อสรา้ งที่มสี ่วนเกย่ี วข้อง กับคติจักรวาลกลา่ วคือ จำลอง ระบบจักรวาลลงบนโลกมนษุ ย์ หากสร้างตามคตคิ วามเชื่อของ ศาสนาพราหมณ์ เรยี กว่า “ลัทธเิ ทวราช” ส่วนศาสนาพุทธ เรียกว่า “ลัทธพิ ทุ ธราช”
สถาปัตยกรรมลพบรุ ี ลพบรุ ี สว่ นใหญส่ ร้างดว้ ยศิลา จงึ เรยี กกันว่า “ปราสาทหนิ ” มบี ารายหรอื สระนำ้ อยทู่ ้งั ภายในและภายนอกของศาสนสถาน เชน่ ปราสาทหนิ พิมาย ปราสาทหินพนมวนั ปราสาทหนิ พนมรุ้ง
ลพบรุ ี พระปรางคท์ ส่ี ำคัญทสี่ ุดในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ คือ ปราสาทหนิ พมิ าย จ.นครราชสีมา
ลพบรุ ี พระปรางค์ที่สำคญั ในภาคกลาง คอื พระปรางค์สามยอด จ.ลพบุรี
ประตมิ ากรรมลพบรุ ี ลพบรุ ี ส่วนใหญ่ได้แก่ พระพทุ ธรูป พระโพธสิ ตั ว์ ภาพสลกั นูนตำ่ ทใ่ี ช้ประดบั สถาปัตยกรรม เช่น ทับหลัง หน้าบนั เสา ประตู เป็นต้น
ภาพสลกั ทบั หลังชื่อ หนา้ บนั นารายณบ์ รรทมสนิ ธ์ุ ท่ปี ราสาทหนิ พนมรงุ้ บรุ ีรัมย์ เกีย่ วกับการกำเนิดของ โลกและจักรวาล ทับหลัง
ลพบรุ ี พระพทุ ธรูปแบบลพบรุ ี ใบหน้าเป็นรปู เหล่ยี ม คว้ิ เกอื บเปน็ เส้นตรงพระเกตมุ าลา เป็นกลีบบัวซ้อนขนึ้ ไปเป็นชัน้ ๆ พระรัศมเี ปน็ รปู บัวตมู
ศิลปะล้านนา ช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-23 ศลิ ปะล้านนา หรือ ศิลปะเชียงแสน มคี วามเจรญิ แถบทาง ภาคเหนอื พระยามงั รายสร้างเมอื งเชียงใหม่เป็นราชธานี สิ้นสดุ ลงเม่ืออยู่ใตอ้ ำนาจของพมา่ และไดร้ ับการฟื้นฟใู นสมัย พระเจา้ กรุงธนบรุ ี
ลา้ นนา วัดพระสงิ ห์ ศลิ ปกรรมเกือบทง้ั หมดสรา้ งขน้ึ เนอื่ งในพุทธศาสนา นับเป็นยคุ ของศิลปะไทยอย่างแท้จริง โดยเร่ิมมกี ารนบั ถอื พทุ ธศาสนาลทั ธิลังกาวงศ์
สถาปัตยกรรมลา้ นนา ลา้ นนา วหิ ารและอโุ บสถท่ัวไปมลี ักษณะแผนผงั เป็นสี่เหลย่ี มผนื ผา้ แบ่งได้เป็น 2 รปู แบบคือ แบบล้านนาและแบบพมา่
แบบลา้ นนา ล้านนา เป็นอาคารขนาดใหญ่ แบบพมา่ หลงั คาซ้อนกันหลายชนั้ ทอดลงตำ่ อาคารมีมขุ ยน่ื มา 4 ด้าน อาคารสร้างดว้ ยไม้ตกแตง่ ดว้ ยปูนปน้ั มลี วดลายคอ่ นขา้ งแข็งกระด้าง วหิ ารลำปางหลวง วหิ ารวัดศรชี ุม
ลา้ นนา เจดยี ์ ทางเหนอื จะเรียกวา่ “ธาตุ” สรา้ งเพอื่ บรรจุอฐั ิ แบง่ ได้ 2 รปู แบบ คอื แบบทรงระฆัง และ แบบปราสาท
ลา้ นนา วดั โลกโมฬี เชียงใหม่ พระธาตุหริภญุ ชัย ลำพนู เจดีย์ทรงปราสาท เจดียท์ รงระฆัง
ล้านนา ประติมากรรมลา้ นนา พระพุทธสิหงิ ส์ พระพทุ ธรูป ในหมวดพระพทุ ธสหิ งิ ส์ วัดพระสงิ ห์วรวิหาร เชยี งใหม่ มีลักษณะพระองค์อวบ รัศมีบนเกตุมาลาเปน็ รูปกลม คลา้ ยดอกบวั ตมู นัง่ ขัดสมาธเิ พชร พระพกั ตร์กลม พระหัตถ์ปางมารวชิ ยั ประทับน่งั บนฐานบวั บา้ งกฐ็ านเรยี บ
ลา้ นนา จติ รกรรมล้านนา เนน้ จิตรกรรมตกแต่งวิหาร มี 2 แบบ จติ รกรรมท่วี าดด้วยสีฝ่นุ จิตรกรรมลายทอง
ล้านนา จิตรกรรมฝาผนังวัดพระสิงห์วรวหิ าร “ภาพปู่ม่าน ยา่ นมา่ น” โมนาลซิ า่ แหง่ ลา้ นนา จ. เชียงใหม่ จิตรกรรมฝาผนงั วดั ภูมินทร์ จ. นา่ น
ศิลปะสุโขทัย ช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-20 เปน็ ยุคทองของศิลปะไทย อยู่บริเวณภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย มีกษตั ริย์ปกครอง 8 พระองค์ โดยสมยั พ่อขนุ รามคำแหงเปน็ สมยั ท่ีมคี วามเจรญิ มากท่สี ุด เปรยี บกษัตริย์เป็นดัง “พระมหาธรรมราชา”
สุโขทยั มีการประดษิ ฐต์ วั อกั ษรไทย มชี ลประทานทีด่ ี มมี าตราเงนิ นบั ถอื พุทธศาสนาลัทธิลงั กาวงศ์ และมคี วามนับถอื ผบี ้านผเี มอื ง ผีบรรพบรุ ษุ ทำบุญทำทาน เป็นตน้
สโุ ขทยั สถาปัตยกรรมสโุ ขทยั เป็นอาคารโถงหลงั คาซอ้ นกนั เป็น ชน้ั ๆ อาคารที่กอ่ ดว้ ยศิลาแลงและ อาคารเหลีย่ มหลงั คาเป็นมณฑป ปรางคว์ ดั ศรสี วาย
เจดีย์ทรงกลมแบบลังกา สโุ ขทยั เจดยี ท์ รงระฆังกลม รบั อทิ ธพิ ลจากเจดียล์ ังกา ที่ฐานเจดีย์มรี ปู ชา้ ง ล้อมรอบ เชน่ เจดยี ์วัดชา้ งลอ้ ม ท่ีอำเภอศรสี ัชนาลัย สโุ ขทัย จดั เปน็ เจดีย์ ทีง่ ดงามทสี่ ุดองค์หนง่ึ ของสมัยสุโขทัย
สโุ ขทยั เจดยี ท์ รงพุม่ ขา้ วบณิ ฑ์ เปน็ เจดยี ท์ รงแบบดอกบัวตมู ปรางคว์ ดั ศรสี วาย วัดมหาธาตุ เมืองสุโขทัย
สโุ ขทยั ประติมากรรมสโุ ขทยั พระพุทธรูปมลี ักษณะงดงามที่สุด ไดร้ บั อทิ ธิพลมาจากลังกาและอินเดยี มีพระพักตรร์ ปู ไข่ยาวสมส่วน พระกายอ่อนชอ้ ย รศั มีเปลวเพลิง ค้ิวโกง่ มุมพระโอษฐย์ ิม้ เล็กน้อย ชายจีวรยาวลงมาถงึ พระนาภี ปางมารวิชัย นงั่ ขดั สมาธิเรยี บ พระพุทธชินราช วัดพระศรมี หาธาตุ จ.พษิ ณโุ ลก
สโุ ขทยั พระพทุ ธรูปปางลลี าศิลปะสมัยสโุ ขทยั จัดว่าเป็นศลิ ปะทงี่ ดงามทีส่ ดุ ของไทย
สโุ ขทยั เคร่อื งสังคโลก มีช่อื เสยี งมาก เปน็ เครื่องปัน้ ดนิ เผาเคลอื บเนอ้ื ละเอียด โดยเฉพาะเนอ้ื แตกลายงาสีเขยี วไขก่ า อันนม้ี ีช่ือเรียกเฉพาะวา่ “ศลิ าดล” (Celadon)
ศิลปะอู่ทอง ช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-20 เป็นอาณาจกั รเกา่ แกก่ ่อนอาณาจักรอยุธยา ซ่ึงมีความสมั พนั ธ์กบั อาณาจกั รต่างๆ ไดแ้ ก่ ทวารวดี ศรีวชิ ยั ลพบุรี รวมทัง้ สโุ ขทัย ดงั น้นั รปู แบบศลิ ปะจึงไดร้ บั อทิ ธิพลของสกลุ ช่างต่างๆ ท่ีไดก้ ล่าวมาแล้ว ศลิ ปกรรมในสมยั นี้มีความเจริญใน ภาคกลางของไทย ไดแ้ ก่ สุพรรณบรุ ี นครปฐม ชัยนาท ลพบรุ ี อยุธยา สว่ นมากเกดิ จากการรวมตัวของ ศิลปะทวารวดแี ละอารยธรรมขอม
อ่ทู อง สถาปตั ยกรรมอูท่ อง เจดีย์มที รวดทรงสงู มาก และเปน็ เจดียท์ รายตามแบบ เอกลกั ษณเ์ ป็นแบบเจดยี ล์ ักษณะกลม มีเจดยี บ์ รวิ ารประกอบอยู่โดยรอบ คล้ายองค์พระปรางแบบลพบรุ ีเช่น วดั พระศรีรตั นมหาธาตุ เมืองลพบุรี
ประติมากรรมสมยั อทู่ อง อ่ทู อง พระพุทธรปู มีพระวรกายดสู งา่ พระพกั ตรข์ รึมดเู ป็นรูปเหลย่ี ม ค้วิ ตอ่ กนั ไม่โก่งอยา่ งสโุ ขทัยหรอื เชยี งแสน พระศกนิยมทำเปน็ แบบ หนามขนุน มไี รพระศก รบั อทิ ธิพลมาจากศลิ ปะลพบุรี ยุคต่อมาเปลวเพลงิ งาม เป็นแบบศิลปะสุโขทัย
ศิลปะอยุธยา ช่วงพุทธศตวรรษที่ 19-25 ต้ังอยูบ่ นแผน่ ดนิ ซึ่งมีแม่น้ำล้อมรอบ ไดแ้ ก่ แมน่ ำ้ ลพบรุ ี เจา้ พระยา และป่าสัก จึงเป็นเมืองทา่ และศูนยก์ ลางการคา้ ทำให้ไดร้ บั อทิ ธพิ ลทาง วัฒนธรรมจากหลายเชอ้ื ชาติ เชน่ สโุ ขทัย ล้านนา อูท่ อง และจีน
อยธุ ยา เร่มิ มีการเผยแพรศ่ าสนาคริสต์เขา้ มา แต่ยงั ไมม่ อี ิทธิพลแพรห่ ลาย สงั คมในสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยาเปน็ สงั คมศกั ดินา ฐานะของพระมหากษตั รยิ ์ เปรียบเสมือน “เทวราชา” เปน็ สมมุติเทพ มีการแบง่ ชนช้ันทางสังคมในระบบ “เจา้ ขุนมูลนาย” ทำใหเ้ กดิ ความแตกตา่ งของฐานะบุคคลอยา่ งชดั เจน และยงั มีการเกบ็ ภาษีอีกด้วย
สถาปัตยกรรมอยุธยา อยุธยา สมยั ตอนต้น ไดร้ บั อทิ ธพิ ลมาจากลพบรุ แี ละอู่ทอง จึงนิยมสรา้ งปรางค์เป็นประธานของวดั สมยั ตอนกลาง นยิ มสรา้ งงานตามแบบอยา่ ง สุโขทัย จึงสรา้ งเจดียท์ รงกลมเปน็ ประธานของวัด
อยุธยา สมัยตอนปลาย ได้รบั อารยธรรมมาจากเขมร เกิดความนยิ มในการสรา้ ง ปรางค์แบบเขมร แตไ่ ดแ้ ก้ไขให้มี ทรวดทรงแบบไทย จึงนยิ มสร้าง “เจดียย์ อ่ มมุ ไมส้ บิ สอง” สรา้ งขึ้นแห่งแรกที่ วดั ชุมพลนิกายาราม
ยอ่ มุมไม้สิบสอง คือ ช่อื แบบสถาปตั ยกรรมของไทย อยธุ ยา ซึ่งมีวิธยี ่อมมุ ละ ๓ หยัก ๔ มมุ รวมเป็น ๑๒ ภาพที่ ๑ จะเหน็ ผังเป็นส่ีเหล่ยี ม (จดุ แดง) กอ่ นจะตดั ใหล้ กึ ลงไปเพิม่ มุมข้นึ มาเกดิ เป็นสามมมุ ยอ่ ย ภาพท่ี ๒ รวมทง้ั สี่มุมใหญจ่ ึงเปน็ ๑๒ มมุ แต่ยังอยบู่ น โครงสร้างส่เี หลย่ี มเดมิ อนั นีเ้ รียกยอ่ มุมไมส้ บิ สอง (จดุ เขยี ว) หากเพมิ่ จำนวนมมุ ยอ่ ยๆขน้ึ ไปอีกก็จะเรียกตาม จำนวนมมุ ทงั้ หมดที่เกิดข้ึน
อยธุ ยา สมยั ประวตั ศิ าสตร์ (History) “เจดยี ศ์ รสี รุ ิโยทยั จังหวดั อยธุ ยา”
อยุธยา ประติมากรรมอยุธยา ชว่ งตอนตน้ ยังได้รับอิทธิพลของขอม เช่นหลวงพอ่ โต วัดพนญั เชิง จ.พระนครศรอี ยุธยา
อยธุ ยา ช่วงตอนปลายนิยมสรา้ ง พระพุทธรปู ทรงเครอ่ื งแบบ ราชาธริ าช
จติ รกรรมอยธุ ยา อยธุ ยา ภาพส่วนใหญเ่ ป็นพุทธประวัติชาดก ชว่ งอยธุ ยาตอนต้น ปรากฏอิทธิพลของขอมชดั เจน ลกั ษณะแข็งแรงและหนกั ใช้ สเี พียง 3 สคี อื สดี ำ สขี าว สแี ดงปิด ทองเลก็ น้อย
อยธุ ยา ในชว่ งยุคหลัง เปน็ ลักษณะของจิตรกรรมไทยบรสิ ุทธิ์ อย่างแท้จรงิ นยิ มเขียนดว้ ยสหี ลากสี
Search