Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โรคผิวหนังที่พบบ่อยในประเทศไทย

โรคผิวหนังที่พบบ่อยในประเทศไทย

Published by tiratafoon, 2021-12-26 16:49:41

Description: โรคผิวหนังที่พบบ่อยในประเทศไทย

Search

Read the Text Version

โรคผวิ หนงั ทพ่ี บบอ่ ยในประเทศไทย โรคผวิ หนังเป็ นโรคทมี่ พี ยาธสิ ภาพแสดงออกมาทางผวิ หนัง เยอื่ มกู และ อวยั วะประกอบของผวิ หนัง โดยไมเ่ ลอื กเชอื้ ชาติ เพศ และวยั ของคน ในประเทศไทยเรา โรคผวิ หนังเป็ นโรคทพี่ บบอ่ ยมากโรคหนง่ึ เพราะ ประเทศเราตงั้ อยใู่ นเขตรอ้ น อทิ ธพิ ลของแสงแดดมสี ว่ นทำใหเ้ กดิ โรคได ้ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ผวิ หนังเป็ นดา่ นแรกของรา่ งกายทร่ี ับแสงแดดกอ่ นสว่ น อน่ื แตเ่ ป็ นการยากทจ่ี ะใหท้ ราบแน่ชดั วา่ แตล่ ะปีมจี ำนวนผปู ้ ่ วยดว้ ยโรค ผวิ หนังทแี่ ทจ้ รงิ มากนอ้ ยเพยี งใด เพราะไมม่ ผี หู ้ าสถติ ขิ อ้ มลู ทแี่ ทจ้ รงิ ของ ผปู ้ ่ วยดว้ ยโรคประเภทนไี้ ว ้ เมอ่ื หลายปีมาแลว้ ไดม้ กี ารตรวจสขุ ภาพของขา้ ราชการ ปรากฏวา่ ใน จำนวนขา้ ราชการ ๒,๐๗๐ คน มไี มต่ ่ำกวา่ ๗๖๘ คน ทเี่ ป็ นโรคผวิ หนัง ทงั้ เป็ นมาก และเป็ นนอ้ ย หรอื ผปู ้ ่ วยดว้ ยโรคผวิ หนังมปี ระมาณรอ้ ยละ ๓๗ ไดแ้ ก่ ผทู ้ ไี่ มค่ ดิ จะไปหาแพทยโ์ รคผวิ หนังแผนปัจจบุ นั เพอื่ การรักษาอยา่ ง แทจ้ รงิ สว่ นมากมกั ละเลยทง้ิ ไวเ้ ฉยๆ โดยไมร่ ำคาญ หรอื เดอื ดรอ้ นแต่ ประการใด บางโรคผปู ้ ่ วยเห็นวา่ เป็ นในรม่ ผา้ ไมเ่ ห็นจะน่าเกลยี ดน่ากลวั เพราะไมม่ ผี รู ้ เู ้ ห็น บางโรคกเ็ ป็ นกนั มานานจนชนิ จงึ ไมค่ ดิ วา่ จะเป็ นอนั ต รายถงึ แกช่ วี ติ ในจำนวนขา้ ราชการผปู ้ ่ วยดว้ ยโรคผวิ หนัง ๗๖๘ คนนัน้ ปรากฏวา่ เป็ นโรคทเี่ กดิ จากเชอ้ื ราประมาณรอ้ ยละ ๒๐ ถา้ รักษาอยา่ ง แทจ้ รงิ กค็ งจะหายไดโ้ ดยไมย่ ากนัก ใน พ.ศ. ๒๕๑๙ จำนวนผปู ้ ่ วยมารับการตรวจทโ่ี รงพยาบาลศริ ริ าชมถี งึ ๑๙๒,๕๒๒ ราย และในจำนวนนไี้ ดม้ าตรวจทห่ี น่วยตรวจโรคผวิ หนัง ๗,๖๓๔ ราย นับเป็ นประมาณ รอ้ ยละ ๔ ของผปู ้ ่ วยนอกทงั้ หมด ทงั้ นี้ มไิ ด ้ รวมผปู ้ ่ วยโรคผวิ หนังทเ่ี ด็ก และผปู ้ ่ วยทม่ี ารับการตรวจทางแผนก ศลั ยศาสตร์ หรอื แผนกอน่ื ๆ โรคผวิ หนังหลายโรคมคี วามสมั พันธข์ อ้ งเกยี่ ว

กบั โรคทางแผนกอนื่ ๆ ดว้ ย รวมทงั้ การรักษา ซงึ่ บางครัง้ กต็ อ้ งใชก้ ารรักษา ทางศลั ยกรรม และบางรายกต็ อ้ งใชก้ ารรักษาทางรังสวี ทิ ยา เป็ นตน้ ตวั เลข นจี้ งึ เป็ นตวั เลขทตี่ ่ำกวา่ จำนวนผปู ้ ่ วยดว้ ยโรคผวิ หนังทแี่ ทจ้ รงิ จากผปู ้ ่ วย ๓,๖๓๗ ราย ของหน่วยโรคผวิ หนังน้ี มโี รคผวิ หนังทพี่ บบอ่ ย ตามลำดบั ดงั ตอ่ ไปนี้ เอ็กซมี า ๑,๙๙๙ราย(ประมาณรอ้ ยละ ๒๖) โรคเกดิ จากเชอื้ รา๙๘๐ราย(ประมาณรอ้ ยละ ๑๕) โรคเกดิ จากเชอื้ พยาธ๕ิ ๓๐ราย(ประมาณรอ้ ยละ ๗) โรคเกดิ จากเชอ้ื ไวรัส๔๒๕ราย(ประมาณรอ้ ยละ ๖) โรคลมพษิ ๓๘๓ราย(ประมาณรอ้ ยละ ๕) สวิ ๓๗๒ราย(ประมาณรอ้ ยละ ๓) โรคทเ่ี กดิ จากเชอื้ บคั เตร๒ี ๐๐ราย(ประมาณรอ้ ยละ ๓) จากสถติ ขิ องโรงพยาบาลศริ ริ าชน้ี เมอื่ เทยี บกบั สถติ ขิ องสถาบนั โรค ผวิ หนัง ซง่ึ ตรวจและรักษาเฉพาะโรคผวิ หนังแตอ่ ยา่ งเดยี วแลว้ กน็ ับวา่ ใกลเ้ คยี งกนั มาก จะผดิ กนั บา้ งกเ็ พยี งเล็กนอ้ ย โดยทส่ี ถาบนั โรคผวิ หนังใน ระยะเดยี วกนั นี้ พบวา่ มโี ดยประมาณ ดงั น้ี เอ็กซมี า รอ้ ยละ ๓๘ ๑๕ โรคเกดิ จากเชอ้ื ราตนื้ รอ้ ยละ ๑๕ โรคเกดิ จากบคั เตรี ไวรัส และพยาธิ รอ้ ยละ สวิ รอ้ ยละ ๘ การทคี่ ดิ วา่ โรคผวิ หนังเป็ นโรคทไี่ มร่ า้ ยแรงอะไรนัก ไมท่ ำใหพ้ กิ าร หรอื ถงึ แกช่ วี ติ ได ้ นับเป็ นความคดิ ทผี่ ดิ ถนัด เพราะโรคผวิ หนังมากมายเป็ นโรคที่ สลบั ซบั ซอ้ นมคี วามรนุ แรง และรา้ ยแรง ซง่ึ อาจจะทำใหน้ ่าเกลยี ด ทำให ้ เกดิ ความพกิ าร หรอื ทรมาน และถงึ แกช่ วี ติ ได ้

นอกจากนโี้ รคผวิ หนังแมจ้ ะเห็นๆ กนั วา่ เป็ นแตเ่ พยี งมอี าการแสดงออก ทางผวิ หนังเทา่ นัน้ แตแ่ ทท้ จ่ี รงิ แลว้ โรคผวิ หนังยงั มคี วามสมั พันธก์ บั โรค ทางระบบอวยั วะอนื่ ๆ อกี เกอื บทกุ ระบบของรา่ งกาย ถอื กนั วา่ การ แสดงออกทางผวิ หนังนัน้ เป็ นเสมอื นกระจกทส่ี อ่ งใหเ้ ห็นพยาธสิ ภาพของ อวยั วะหลายอยา่ งในรา่ งกาย และในอกี ดา้ นหนงึ่ โรคผวิ หนังบางชนดิ ก็ อาจมพี ยาธสิ ภาพทอ่ี วยั วะอนื่ ๆ รว่ มดว้ ยเชน่ กนั แมแ้ ตท่ างจติ เวชศาสตร์ กย็ งั เล็งเห็นความสำคญั ของโรคผวิ หนังอยไู่ ม่ นอ้ ย ผทู ้ เี่ ป็ นโรคทไี่ มน่ ่าดบู างโรค เชน่ สวิ หรอื โซรอิ าซสิ หรอื ฝ้า กอ็ าจ ทำใหผ้ นู ้ ัน้ มคี วามวติ กกงั วล หว่ งใย หรอื เกดิ ปมดอ้ ยได ้ ทงั้ น้ี ไมน่ ับถงึ โรค บางโรค ทผี่ ปู ้ ่ วยอาจตอ้ งทนทรมานอยกู่ บั โรคนัน้ ไปจนตลอดชวี ติ ใน มมุ กลบั โรคทางจติ เวชเอง กอ็ าจทำใหม้ อี าการแสดงออกทางผวิ หนังได ้ เชน่ กนั เชน่ โรคไตรโคทลิ โลมาเนยี (trichotillomania) ซง่ึ ผปู ้ ่ วยมกั จะ ชอบถอนผมของตวั เองอยเู่ สมอ จนศรี ษะลา้ นไปเป็ นหยอ่ มๆ หรอื โรค อะคาโรโฟเบยี (acarophobia) ทที่ ำใหใ้ หผ้ ปู ้ ่ วยรสู ้ กึ คนั ยบุ ยบิ เหมอื นมตี วั อะไรคอยไตต่ อมตามผวิ หนังอยตู่ ลอดเวลา

โรคผวิ หนงั ทม่ี ลี กั ษณะเป็ นการอกั เสบชนดิ เอ็กซมี า เอ็กซมี าไมใ่ ชโ่ รค แตเ่ ป็ นปฏกิ ริ ยิ าอยา่ งหนง่ึ ของผวิ หนังทม่ี ตี อ่ สาเหตบุ าง อยา่ ง โดยมลี กั ษณะเฉพาะคอื เรมิ่ ดว้ ยผวิ หนังแดงเหมอื นกบั ในผวิ หนัง อกั เสบทว่ั ๆ ไป แตต่ อ่ จากนัน้ จะเกดิ มตี มุ่ พองน้ำใสๆ ซง่ึ จะแตกออกมี น้ำเหลอื งเยมิ้ ไหล และเมอื่ ไมม่ อี ะไรมาแหยก่ วนอกี กจ็ ะแหง้ ลง และกลาย เป็ นสะเกด็ จนกระทงั่ สะเกด็ แหง้ หลดุ ไปในระยะหลงั เมอื่ ผวิ หนังจะกลบั คนื สลู่ กั ษณะปกติ อาการสำคญั คอื คนั ลกั ษณะของปฏกิ ริ ยิ าทเ่ี กดิ ขน้ึ เชน่ น้ี เป็ นลกั ษณะทจี่ ะพบได ้ จากสาเหตุ มากมายหลายประการดว้ ยกนั โดยอาจจำแนกเป็ นกลมุ่ ๆ ไดด้ งั น้ี ๑. สาเหตภุ ายนอกรา่ งกาย ๑.๑ เอ็กซมี าจากการสมั ผัส ๑.๑.๑ สงิ่ ระคายเคอื งทที่ ำใหเ้ ป็ นพษิ ไหมห้ รอื กดั เชน่ พวกกรดและดา่ ง ชนดิ แรง หรอื เขม้ ขน้ เป็ นตน้

๑.๑.๒ การแพส้ ารเคมี เชน่ สารในผงซกั ฟอกและเครอื่ งสำอาง เป็ นตน้ ๑.๑.๓ การแพแ้ สดงและผนื่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ เนอ่ื งจากแสง ๑.๒ เอ็กซมี าจากการตดิ เชอ้ื อกั เสบ ๑.๒.๑ การตดิ เชอ้ื อกั เสบจากผลผลตขิ องบคั เตรจี ากแผลทอ่ี กั เสบ เชน่ น้ำหนวกทไ่ี หลออกมาจากรหู ู เป็ นตน้ ๑.๒.๒ เป็ นปฏกิ ริ ยิ าทเี่ กดิ ขนึ้ รอบ ๆ ใกลช้ ดิ กบั ผวิ หนังทอี่ กั เสบจากการตดิ เชอื้ ๑.๓ เอ็กซมี าทเี่ กดิ ขน้ึ บนผวิ หนังทเ่ี ป็ นโรคของเชอ้ื รา ๑.๔ อนิ เทอรท์ รโิ ก (intertrig) หมายถงึ ปฏกิ ริ ยิ าทเ่ี กดิ ขนึ้ บรเิ วณผวิ หนังท่ี ประชดิ และเสยี ดสกี นั เชน่ บรเิ วณขาหนบี รักแร ้ และงา่ มนว้ิ เป็ นตน้ ๒. สาเหตภุ ายในรา่ งกาย ๒.๑ ผน่ื ทเี่ กดิ จากยา ไมว่ า่ จะเป็ นยารับประทาน ยาฉดี หรอื โดยวธิ อี นื่ ใด นอกจากการทาเฉพาะทโี่ ดยไมม่ กี ารดดู ซมึ ๒.๒ ผนื่ จำพวกทเ่ี รยี กวา่ \"id\" ซง่ึ เป็ นผนื่ ทเี่ กดิ ขน้ึ ณ ทใี่ ดทหี่ นงึ่ ใน ตำแหน่งทห่ี า่ งไกลออกไป จากตำแหน่งทเี่ ป็ นโรคเดมิ อยกู่ อ่ น โดยเฉพาะ จากเชอื้ รา การรักษาทไี่ มถ่ กู ตอ้ ง และรนุ แรงเกนิ ไป มกั จะทำใหม้ กี าร กำเรบิ ของแผลเดมิ และการกระจายของผน่ื เกดิ ขนึ้ ทต่ี ำแหน่งอน่ื ๒.๓ เอ็กซมี าจากการดดู ซมึ สงิ่ ทเ่ี ป็ นผลติ ผลจากเอ็กซมี าเดมิ ณ ทใี่ ดที่ หนงึ่ ซงึ่ ไมใ่ ชเ่ ชอ้ื รา ซงึ่ บางทเ่ี รยี กกนั วา่ ออโทเซนซไิ ทเซซนั (autosensitization หรอื autoecxematization) ผน่ื นัน้ อาจเกดิ ขน้ึ ที่ บรเิ วณใดกไ็ ด ้ แตจ่ ะเป็ นทงั้ สองขา้ ง ของรา่ งกาย และมกั จะกระจายไปทว่ั ทงั้ รา่ งกายดว้ ย โดยมากจะไดป้ ระวตั แิ ละลกั ษณะการกำเรบิ ของโรคเดมิ

๓. สาเหตทุ ยี่ งั ไมท่ ราบชดั หรอื มหี ลายสาเหตุ ๓.๑ เอ็กซมี าชนดิ อะโทพกิ (atopic) ซงึ่ มคี วามโนม้ เอยี งทางพันธกุ รรม และกำเรบิ ขน้ึ โดยสาเหตกุ ระตนุ ้ หลายประการดว้ ยกนั เชน่ อาหาร เครอื่ ง วดั นุ่งหม่ การเปลย่ี นแปลงทางสรรี วทิ ยา และสภาพแวดลอ้ ม เป็ นตน้ ในทารกอาจมลี กั ษณะของเอ็กซมี าแถวหนา้ ซง่ึ รจู ้ ักกนั ทวั่ ๆ ไปวา่ กลาก น้ำนม โดยเป็ นทศี่ รี ษะ หรอื ทว่ั ทงั้ รา่ งกาย เมอื่ เตบิ โตเป็ นผใู ้ หญแ่ ลว้ มกั จะ มผี นื่ ทบ่ี รเิ วณขอ้ พับแขนและขาทงั้ สองขา้ งเป็ นลกั ษณะสำคญั ๓.๒ ไลเคนซมิ เพล็กซ์ (lichen simplex) ชนดิ เรอื้ รัง ผนื่ ประเภทนม้ี กั จะ เกดิ จากการระคายเคอื ง หรอื แหยก่ วนซ้ำๆ ซากๆ ทผี่ วิ หนังแหง่ ใดแหง่ หนง่ึ ทมี่ อื เออ้ื มไปถงึ เชน่ ทตี่ น้ คอ และตาตมุ่ ดา้ นนอกของขอ้ เทา้ โดยมอี าการ คนั ทำใหอ้ ดเกาไมไ่ ด ้ เมอื่ เกาซ้ำๆ ซากๆ เขา้ กท็ ำใหผ้ วิ หนังหนาขนึ้ และ มรี ว้ิ รอยเดน่ ชดั เมอื่ ทงิ้ เอาไวก้ จ็ ะเกดิ มผี วิ หนังถลอก และเป็ นน้ำเหลอื งเยมิ้ หรอื มกี ารอกั เสบจากการตดิ เชอ้ื แทรกซอ้ นดว้ ย เดมิ เรยี กโรคนว้ี า่ \"เรอ้ื น กวาง\" ๓.๓ เอ็กซมี าจากการคงั่ ของกระแสเลอื ดหรอื น้ำเหลอื ง เชน่ ผทู ้ เี่ ป็ น เสน้ เลอื ดดำขอดทข่ี า ซง่ึ จะเห็นเสน้ เลอื ดดำพองใหญ่ และเมอื่ มบี าดแผล หรอื เกาถลอกกจ็ ะเกดิ เป็ นเอ็กซมี าเรอ้ื รังขน้ึ โดยมากจะพบบรเิ วณตาตมุ่ ดา้ นในของขอ้ เทา้ ๓.๔ เอ็กซมี ารปู วงกลม เอ็กซมี าชนดิ นม้ี ปี ัจจัยทท่ี ำใหเ้ กดิ ขน้ึ ไดห้ ลาย ประการดว้ ยกนั เชน่ จากการสมั ผัส การแหยก่ วน การแหง้ ของผวิ หนัง ยา รวมทงั้ การเครง่ เครยี ดทางอารมณ์ เป็ นตน้ โดยเมอ่ื แรกจะมลี กั ษณะเป็ น เม็ดผนื่ เล็กๆ กอ่ น แลว้ โตขน้ึ เป็ นวงกลม คนั และอาจเป็ นขยุ หรอื มี น้ำเหลอื งเยม้ิ สว่ นมากจะเป็ นบรเิ วณแขนและขา

๓.๕ เอ็กซมี าทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการผดิ ปกตขิ องตอ่ มเหงอื่ มปี ัจจัยของสาเหตุ หลายอยา่ ง เชน่ ความเครง่ เครยี ดของอารมณผ์ สมกบั การอดุ กนั้ ของตอ่ ม เหงอื่ ทำใหเ้ กดิ เป็ นเม็ดพองน้ำทงั้ เล็กและใหญท่ ฝ่ี ่ ามอื และฝ่ าเทา้ และมี อาการคนั มาก ๓.๖ เอ็กซมี า หรอื ผวิ หนังอกั เสบทม่ี กี ารลอกออกของผวิ หนังทว่ั รา่ งกาย สาเหตอุ าจเกดิ ขนึ้ ไดห้ ลายประการดว้ ยกนั คอื ๓.๖.๑ เกดิ จากยาทา ยากนิ หรอื ยาฉดี เชน่ ยาทเี่ ขา้ สารปรอท และเพนิ ซลิ ลนิ ๓.๖.๒ เกดิ ตอ่ มเนอ่ื งจากโรคผวิ หนังสามญั บางชนดิ เชน่ โรคโซรอิ าซสิ (psoriasis) และ เซบอรเ์ รอกิ (seborrheic dermatitis) เป็ นตน้ ๓.๖.๓ เกดิ ตอ่ เนอ่ื งจากโรคผวิ หนังทไี่ มค่ อ่ ยจะไดพ้ บบอ่ ยนัก เชน่ ไพทรี ิ อาซสิ รบู ราไพลารสิ (pityriasis rubra pilaris) เป็ นตน้ ๓.๖.๔ เกดิ จากการดดู ซมึ ผลติ ผลของเอ็กซมี าจากทใ่ี ดทหี่ นงึ่ และกระจาย ไปทวั่ รา่ งกาย ๓.๖.๕ เกดิ จากลมิ โฟมา (lymphoma) ชนดิ ใดชนดิ หนง่ึ เชน่ โรคฮอดจ์ คนิ (Hodgkin) และมะเร็งเม็ดเลอื ดขาว (leukaemia) เป็ นตน้ ๓.๖.๖ เอ็กซมี าทวั่ รา่ งกายในเด็กและเด็กออ่ น ซงึ่ ไมท่ ราบสาเหตทุ แ่ี น่นอน แตเ่ ขา้ ใจวา่ จะเกดิ จากการตดิ เชอื้ ๓.๖.๗ ไมป่ รากฏสาเหตทุ แี่ น่ชดั ในบรรดาเอ็กซมี าจากสาเหตตุ า่ งๆ ดงั กลา่ วแลว้ ทพี่ บบอ่ ยมากเป็ นเอ็กซี มาทเ่ี กดิ จากการสมั ผัส ชนดิ ทเ่ี ป็ นปฎกิ ริ ยิ าการแพส้ ารเคมชี นดิ ใดชนดิ หนงึ่ ในวตั ถุ หรอื สงิ่ ใดสงิ่ หนง่ึ ทถี่ กู ตอ้ ง หรอื สมั ผัสกบั ผวิ หนังในลกั ษณะใด ลกั ษณะหนงึ่ การแพน้ ัน้ ตา่ งกบั การเป็ นพษิ หรอื กดั ไหมข้ องสารเคมี เชน่ ประเภทกรดหรอื ดา่ งอยา่ งแรง เพราะการเป็ นพษิ กดั ไหมน้ ัน้ ไมว่ า่ บคุ คลใดบคุ คลหนง่ึ เมอื่ ไปสมั ผัสถกู ตอ้ งเขา้ ยอ่ มจะเกดิ อาการอกั เสบหรอื ไหมข้ น้ึ มาทกุ คน ไมม่ าก

กน็ อ้ ย แลว้ แตค่ วามรนุ แรง และความเขม้ ขน้ ของสารเคมนี ัน้ ๆ การแพเ้ ป็ น ปฏกิ ริ ยิ าพเิ ศษอยา่ งหนง่ึ ตอ่ สารอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ทค่ี นทว่ั ๆ ไป สมั ผัสถกู ตอ้ งได ้ โดยไมม่ กี ารเปลยี่ นแปลง หรอื ปฏกิ ริ ยิ าเกดิ ขน้ึ แตผ่ ใู ้ ดกต็ ามทแี่ พ ้ ตอ่ สาร หรอื วตั ถนุ ัน้ จะเกดิ มผี วิ อกั เสบ และกลายเป็ นลกั ษณะของเอ็กซมี า ดงั กลา่ วแลว้ สว่ นสารเคมที เี่ ป็ นกรดหรอื ดา่ งนัน้ อาจทำให ้ เกดิ เป็ นพษิ หรอื แพไ้ ดส้ อง ประการ เชน่ กรดคารบ์ อลกิ ชนดิ เขม้ ขน้ ยอ่ มทำใหผ้ วิ หนังอกั เสบไหมท้ กุ คน แตก่ รดคารบ์ อลกิ เจอื จางประมาณรอ้ ยละ ๒๕ จะไมท่ ำใหเ้ กดิ ปฏกิ ริ ยิ า ตอ่ ผหู ้ นง่ึ ผใู ้ ดทไ่ี ปถกู ตอ้ งสมั ผัสเขา้ เลย นอกจากผทู ้ แี่ พเ้ ทา่ นัน้ โดยทวั่ ไปเชอื่ วา่ ตน้ เหตขุ องการแพส้ ว่ นใหญค่ อื สารพวกโปรตนี ซง่ึ มี น้ำหนักอณูสงู แตใ่ นกรณีของ เคมวี ตั ถธุ รรมดาซง่ึ ไมใ่ ชโ่ ปรตนี จะทำให ้ เกดิ การแพ ้ โดยไปจับกบั โปรตนี ของผวิ หนังมคี ณุ สมบตั กิ ลายเป็ น แอนตเิ จน ไปกระตนุ ้ ใหร้ า่ งกายสรา้ งตวั ตา้ นทานที่ เรยี กวา่ แอนตบิ อดขี นึ้ มา เมอ่ื ครัง้ ตอ่ ไปรา่ งกายไดร้ ับ แอนตเิ จนซ้ำเขา้ ไปอกี กจ็ ะเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า ทำใหม้ อี าการอกั เสบ และมเี อ็กซมี าทผี่ วิ หนังขน้ึ วตั ถทุ แ่ี ตะตอ้ งสมั ผัสกบั ผวิ หนังและอาจทำให ้ ผวิ หนังเกดิ อกั เสบหรอื เอ็กซมี าไดม้ มี ากมายในเครอ่ื งใชส้ อยประจำวนั หรอื สงิ่ แวดลอ้ ม เชน่ เครอื่ งสำอาง ซงึ่ อาจเป็ นสารเคมที ป่ี ระกอบอยใู่ นเครอื่ งสำอางหรอื สที ใี่ ช ้ ผสมทำใหด้ สู วยงาม ยายอ้ มผม ดดั ผม ยาทาผวิ หนัง ผงซกั ฟอก ยางไม ้ หนังรองเทา้ สายนาฬกิ าขอ้ มอื เสอื้ ผา้ ทยี่ อ้ มสี ยาสฟี ัน เชลแล็กทท่ี าไม ้ ตลอดจนโลหะบางชนดิ ทใี่ ชก้ นั อยู่ ฯลฯ ไมว่ า่ จะเป็ น สงิ่ ทเี่ กดิ ตาม ธรรมชาติ หรอื เป็ นสงิ่ ทป่ี ระดษิ ฐข์ นึ้ ทาง หตั ถกรรมและอตุ สาหกรรม สาร เคมที เี่ ป็ นสว่ นประกอบ หรอื มอี ยใู่ นวตั ถนุ ัน้ ๆ แมจ้ ะมจี ำนวนนอ้ ยนดิ สกั เพยี งใดกต็ าม ถา้ สามารถซมึ ผา่ นผวิ หนังเขา้ ไปไดย้ อ่ ม เป็ นสาเหตไุ ด ้ ทงั้ นัน้ แตท่ งั้ น้ี กย็ งั ขนึ้ อยกู่ บั ปัจจัยอกี หลายประการ เชน่ ศกั ยะของการ ทำใหเ้ กดิ การแพไ้ ด ้ ของสารนัน้ การเสยี ดสี ความชนื้ และความอบอนุ่ หรอื ความรอ้ น เป็ นตน้

สารเคมที เ่ี ป็ นสาเหตขุ องเอ็กซมี าจากการสมั ผัสทพ่ี บบอ่ ยๆ เชน่ พารา เฟนลิ นิ ไดอะมนี (paraphenylene diamine) แอมโมนเี อตเทดเมอรค์ วิ รี (ammoniated mercuri) ฟอรม์ าลดไี ฮด์ (formaldehide) โพแทสเซยี ม ไดโครเมต (potassium dichromate) นกิ เกลิ ซลั เฟต (nickle sulfate) เบนโซเคน (benzocaine) พาราเบน (paraben) ลาโนลนิ (lanolin) เพนิ ซลิ ลนิ (penicillin) นโิ อไมซนิ (neomycin) ซลั โฟนาไมด์ (sulfonamide) ดดี ที ี (DDT) สพี วกอะโซและอะนลิ นี (azo, aniline)

โรคผวิ หนงั ทเ่ี กดิ จากบคั เตรี ตามปกติ ผวิ หนังของผทู ้ มี่ สี ขุ ภาพดยี อ่ มจะมคี วามตา้ นทานตอ่ เชอ้ื บคั เตรที ี่ มอี ยทู่ ว่ั ไปไดเ้ ป็ นอยา่ งสงู การตดิ เชอ้ื จะเกดิ ขนึ้ ได ้ กม็ กั จะเนอื่ งจากการ เสยี สภาพของการป้องกนั ตวั เองของผนู ้ ัน้ เชน่ ผวิ หนังถลอกถกู ของมคี ม บาด หรอื ถกู ทม่ิ ตำ โดยวตั ถแุ ปลกปลอม การอกั เสบจากการตดิ เชอื้ กจ็ ะ เกดิ ขนึ้ โดยงา่ ย ทงั้ นกี้ ข็ น้ึ อยกู่ บั คณุ สมบตั ทิ เ่ี ป็ นพษิ และศกั ยะของความ รนุ แรง ของแตล่ ะเชอ้ื บคั เตรดี ว้ ย ตวั อยา่ งของผวิ หนังอกั เสบทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการตดิ เชอ้ื บคั เตรี ไดแ้ ก่ ผนื่ ทค่ี น ทวั่ ไปรจู ้ ัก หรอื เรยี กกนั วา่ \"พพุ อง\" ซงึ่ มกั จะเป็ นในเด็ก ทค่ี อ่ นขา้ งสกปรก อยกู่ นั อยา่ งแออดั และถกู ละเลย เมอื่ มบี าดแผลอะไรเล็กๆ นอ้ ยๆ แรกทเี ดยี ว ผวิ หนังจะเกดิ เป็ นตมุ่ น้ำพองใสกอ่ น แลว้ กลายเป็ นหนองโดย รวดเร็ว และรอบๆ ตมุ่ หนองมกั มกี ารอกั เสบแดง แตกออกงา่ ย และหนอง นัน้ จะแหง้ เกรอะเป็ นสะเกด็ หนาสเี หลอื งๆ ถา้ แกะสะเกด็ ออกจะเห็นเป็ น แผลแดงเยม้ิ และมสี ะเกด็ เกดิ ขน้ึ โดยรวดเร็ว บคั เตรที เี่ ป็ นสาเหตมุ กั จะเป็ น พวกสเตร็พโทค็อกไซกลมุ่ เอ (group A streptococci) หรอื ผสมกบั ส เตร็พโทค็อกไซ ออรอุ สุ (S.aureus) ดว้ ย ผวิ หนังอกั เสบจากการตดิ เชอ้ื บคั เตรนี ้ี ความจรงิ ยงั มอี กี หลายโรคดว้ ยกั น ชนดิ ทเี่ ป็ นทผี่ วิ หนัง เชน่ ไฟลามทงุ่ (erysipelas) และฝี หรอื กระจายมา จากการอกั เสบตดิ เชอ้ื จากทอี่ นื่ เชน่ จากโรคแบคทเี รยี ลเอนโด คารด์ ทิ สิ เกอื บเฉยี บพลนั (subacute bacterial endocarditds) หรอื พวก วสั คลู ทิ สิ (vasculitis) เป็ นตน้ โรคเรอ้ื น

โรคเรอื้ นเป็ นโรคตดิ ตอ่ เรอื้ รัง เกดิ จากเชอื้ ไมโคแบคทเี รยี ม เลพรี ซง่ึ รจู ้ ัก กนั มาแตโ่ บราณกาลแลว้ องคก์ ารอนามยั โลกไดใ้ หต้ วั เลขของผปู ้ ่ วยโรค เรอื้ นไวป้ ระมาณ ๑๑ ลา้ นคน ซงึ่ ทจ่ี รงิ แลว้ อาจถงึ ๑๕ ลา้ นคน เพราะผปู ้ ่ วย ดว้ ยโรคน้ี มกั จะหลบซอ่ นตวั อยู่ หรอื เป็ นเล็กๆ นอ้ ยๆ ไมป่ รากฏลกั ษณะ ออกมาใหเ้ ดน่ ชดั ในประเทศไทยกเ็ คยมผี สู ้ ำรวจไวห้ ลายปีมาแลว้ วา่ คงจะ ไมต่ ่ำกวา่ ๒ แสนคน การตดิ เชอื้ โรคเรอ้ื นเขา้ ใจวา่ จะเกดิ จากการสมั ผัสโดยใกลช้ ดิ และยาว นานจากผทู ้ มี่ เี ชอ้ื แพรห่ ลายไดไ้ ปยงั ผทู ้ ง่ี า่ ยตอ่ การรับเชอ้ื ซง่ึ อาจเป็ นน้ำ มกู ของผเู ้ ป็ นโรคทตี่ ดิ อยกู่ บั ภาชนะเครอ่ื งใชส้ อย เสอื้ ผา้ อาหาร และเด็กๆ ยอ่ มตดิ เชอื้ ไดง้ า่ ยกวา่ ผใู ้ หญ่ ระยะฟักตวั ของเชอื้ นี้ ซง่ึ หมายถงึ ระยะเวลาตงั้ แตไ่ ดร้ ับเชอื้ จนปรากฏ อาการแสดงนัน้ ไมแ่ น่นอน เชอ่ื กนั วา่ ประมาณ ๑.๑/๒-๕ ปี หรอื อาจนานไป กวา่ นกี้ ไ็ ด ้ อาการเรม่ิ แรก มกั จะเป็ นทป่ี ลายประสาททผี่ วิ หนัง ทำใหม้ คี วามรสู ้ กึ ผดิ ปกตหิ รอื ชา ณ ทใ่ี ดทห่ี นง่ึ โดยไมม่ ผี นื่ ขนึ้ ทผ่ี วิ หนัง และอาจมเี ลอื ดกำเดา ออกเป็ นครัง้ คราว อาการของโรคในระยะแรกๆ จะคอ่ ยเป็ นคอ่ ยไปอยา่ งชา้ ๆ โดยไมเ่ จ็บปวด อะไร ซง่ึ อาจเป็ นเวลาหลายปีดงั กลา่ วแลว้ จะกระทง่ั มผี น่ื ขนึ้ ทผี่ วิ หนัง ซงึ่ จะมลี กั ษณะไดห้ ลายชนดิ คอื ๑. โรคเรอื้ นชนดิ ทม่ี ลี กั ษณะไมช่ ดั เจน (indeterminate leprosy) โรคเรอ้ื นชนดิ นม้ี กั จะเป็ นระยะแรกๆ ของโรค ผวิ หนังเป็ นบรเิ วณเรยี บๆ ไม่ ชดั เจนนัก ขนาดเล็กและอาจมหี ลายๆ หยอ่ ม ทผี่ วิ หนังกไ็ ด ้ สคี อ่ นขา้ งซดี กวา่ ปกติ ซงึ่ อาจยบุ หายไปไดเ้ องใน ๒-๓ เดอื น หรอื คงอยเู่ ชน่ น้ี ๑-๒ ปี กอ่ นทจี่ ะยบุ หรอื เปลยี่ นไปเป็ นชนดิ ทม่ี ลี กั ษณะชดั เจนขน้ึ

๒. โรคเรอ้ื นชนดิ ทเู บอรค์ ลู อยด์ (tuberculoid leprosy) ชนดิ นพ้ี บไดบ้ อ่ ย อาจเป็ นแหง่ เดยี ว หรอื หลายๆ แหง่ กไ็ ด ้ ผวิ หนังจะมสี ซี ดี ชดั เจน ขนาดเล็กไปจนถงึ ใหญม่ าก ตรงกลางอาจยบุ หายไป ขอบลามออก นูนสงู ขน้ึ กวา่ ผวิ หนังธรรมดา และเห็นเป็ นตมุ่ เล็กๆ ความรสู ้ กึ ทผ่ี วิ หนังจะ เสอ่ื มไป ทงั้ ความรสู ้ กึ ทางสมั ผัส และอณุ หภมู ิ เหงอ่ื ในบรเิ วณทเ่ี ป็ นจะ ไมค่ อ่ ยมี หรอื หายไป ขนจะรว่ ง และไมม่ ขี นึ้ มาแทนทใ่ี หมอ่ กี ๓. โรคเรอ้ื ชนดิ เลโพรมาทสั (lepromatous leprosy) ชนดิ นเ้ี ป็ นชนดิ ทแี่ พรเ่ ชอื้ ไดง้ า่ ย มกั จะมหี ลายรปู แบบดว้ ยกนั แตท่ พ่ี บ บอ่ ยๆ คอื เรม่ิ ดว้ ยเป็ นตมุ่ กอ่ น หรอื หยอ่ มผวิ หนังเรยี บๆ มสี ซี ดี กวา่ ปกติ หรอื แดงเรอื่ ๆ เทา่ นัน้ ในระยะนไ้ี มม่ กี ารเสอื่ มตอ่ ความรสู ้ กึ ทางผวิ หนัง หรอื ตอ่ มเหงอื่ แตอ่ ยา่ งใด จนกระทง่ั เวลาผา่ นไปนานเป็ นเดอื นหรอื ปี หยอ่ ม ของผวิ หนังทกี่ วา้ ง จนอาจลรามไปทว่ั รา่ งกายได ้ รวมทงั้ เกดิ เสอื่ มความ รสู ้ กึ ทางผวิ หนัง และเหงอื่ ออกไปบา้ ง อกี ๓-๔ ปี ตอ่ ไป เสน้ ประสาทของ แขนขาจะโตขนึ้ และเจ็บ ลกั ษณะทเ่ี ป็ นตมุ่ หรอื กอ้ นนูนสงู ขนึ้ มา มกั จะ เกดิ ตามหลงั ลกั ษณะทรี่ าบ เรยี บในอกี นับปี หรอื เกดิ ขนึ้ เองตงั้ แตแ่ รกกไ็ ด ้ ลกั ษณะทเี่ ป็ นตมุ่ หรอื กอ้ น นี้ ถา้ เกดิ ขนึ้ ทห่ี ู หนา้ ผาก แกม้ จมกู รมิ ฝี ปาก และ คาง ชาวบา้ นเรยี กกนั วา่ \"หหู นาตาเรอ่ \" แตอ่ าจเป็ นทอี่ นื่ เชน่ ตามตวั หรอื แขนขากไ็ ด ้ และเมอ่ื โตใหญ่ มากขนึ้ กอ็ าจรวมกนั เป็ นกลมุ่ ใหญๆ่ ได ้ และในผน่ื เหลา่ นี้ จะมเี ชอ้ื ทที่ ำใหเ้ กดิ โรคนรี้ วมกนั อยเู่ ป็ นจำนวนมาก โรคเรอ้ื นชนดิ เลโพรมา ทสั ทเี่ รยี กวา่ หหู นาตาเรอ่ โรคเรอื้ นชนดิ เลโพรมาทสั ทเ่ี รยี กวา่ หหู นาตาเรอ่ โรคเรอ้ื นชนดิ เลโพรมาทสั น้ี บางครัง้ ไมเ่ ป็ นตมุ่ หรอื กอ้ น แตผ่ วิ หนังจะมี ลกั ษณะหนากระจาย โดยทว่ั ๆ ไป ทำใหม้ ลี กั ษณะบดิ เบยี้ ว นูนบา้ งยน่ บา้ ง ใบหนา้ ดยู น่ เหมอื นสงิ โต แมแ้ ตข่ นคว้ิ ขนตา ผม และหนวดกจ็ ะรว่ งบางไป

๔. โรคเรอ้ื นชนดิ คาบเสน้ หรอื สองแบบ (borderline or dimorphous leprosy) ชนดิ นม้ี ลี กั ษณะทบี่ อกไมไ่ ดแ้ น่ชดั วา่ เป็ นชนดิ ทเู บอรค์ ลู อยด์ หรอื เลโพร มาทสั จะใกลไ้ ปบางชนดิ ใดชนดิ หนง่ึ กไ็ ด ้ และมโี อกาส ทจี่ ะกลายเป็ น ชนดิ ทเู บอรค์ ลู อยด์ หรอื เลโพรมาทสั โดยชดั เจนในระยะหลงั ๆ กไ็ ด ้ ผลของโรคเรอ้ื นตอ่ การทำลายเสน้ ประสาทสว่ น ปลายนัน้ ทำใหก้ ลา้ มเนอ้ื เหย่ี วแฟบ การรสู ้ กึ เจ็บของ ผวิ หนังเสอื่ ม เหงอื่ ไมค่ อ่ ยจะออก ผวิ หนังซดี จาง มอื เทา้ เป็ นแผลไดง้ า่ ย และหงกิ งอ หรอื นว้ิ กดุ เขา้ ไป ทลี ะนอ้ ยๆ ใน ทส่ี ดุ ปัจจบุ นั โรคเรอื้ นเป็ นโรคทรี่ ักษาใหห้ ายได ้ ถงึ แมจ้ ะกนิ เวลานานและคงมี รอ่ งรอยของความพกิ ารเหลอื อยู่ ความพกิ ารบางประการกย็ งั อาจรักษาใหด้ ี ขนึ้ ไดด้ ว้ ยทางศลั ยกรรม

โรคผวิ หนงั ทเี่ กดิ จากไวรสั นอกจากพวกไขต้ ดิ ตอ่ เชอ้ื ทอี่ อกผนื่ ตามผวิ หนัง เชน่ หดั อสี กุ อใี ส และ ฝี ดาษแลว้ โรคผวิ หนังทพี่ บไดบ้ อ่ ยคอื เรมิ งสู วดั และหดู เรมิ เกดิ จากเชอ้ื ไวรัสในกลมุ่ ทเ่ี รยี กวา่ เฮอรพ์ สี (herpes virus) โดยทเี่ มอื่ ไว รัสนสี้ ามารถผา่ นผวิ หนังเขา้ ไปได ้ และเกดิ เป็ นโรคแตค่ รัง้ แรกแลว้ จะไป อาศยั อยทู่ ปี่ มรากประสาทดา้ นหลงั (dorsal root ganglia) เมอื่ ผน่ื เดมิ หาย แลว้ ยงั สามารถกำเรบิ ไดอ้ กี เป็ นครัง้ คราว โดยทไี่ วรัสนจ้ี ะออกมาหลงั จาก ทพี่ ักสงบอยู่ ลกั ษณะผนื่ ของโรคเรมิ ลกั ษณะผนื่ ของโรคเรมิ ลกั ษณะของผนื่ ในเรมิ ไมว่ า่ ทผ่ี วิ หนัง หรอื เยอ่ื จมกู เป็ นกลมุ่ ของตมุ่ พอง เล็กๆ มนี ้ำใสๆ ซงึ่ จะแตกออก และกลายเป็ นแผลตน้ื ๆ เจ็บ และจะเป็ นอยู่ ประมาณ ๒-๖ สปั ดาห์ กจ็ ะหายไปเอง ผนื่ ทเี่ กดิ ซ้ำๆ ขน้ึ ในระยะหลงั นัน้ จะ เล็กกวา่ ไมค่ อ่ ยเจ็บ และเป็ นอยนู่ อ้ ยวนั กวา่ ผนื่ ทข่ี น้ึ ครัง้ แรก งสู วดั เกดิ จากไวรัสในกลมุ่ เฮอรพ์ สี และเป็ นตวั เดยี วกนั กบั ทท่ี ำใหเ้ ป็ นอสี กุ อใี ส ความแตกตา่ งกนั อยทู่ ต่ี วั ผปู ้ ่ วยเอง และสง่ิ แวดลอ้ มทท่ี ำใหเ้ กดิ การตดิ เชอ้ื เทา่ นัน้ งสู วดั มกั จะเป็ นในผใู ้ หญ่ และผสู ้ งู อายุ โดยมอี าการปวด ปวดแสบ ปวดรอ้ น และเจ็บนำมากอ่ นทผ่ี วิ หนัง ตามแนวเดนิ ของประสาทสว่ นปลาย และอาจมไี ข ้ ปวดศรี ษะ และออ่ นเพลยี อกี สองสามวนั หรอื อกี หลายวนั ถดั มา จะมผี นื่ เกดิ ขนึ้ ไมข่ า้ มเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของรา่ งกายไปอกี ขา้ งหนงึ่ และจำกดั อยแู่ คเ่ พยี งผวิ หนังทมี่ เี สน้ ประสาทจากปมประสาทรับสมั ผัส

(sensory ganglion) แตเ่ พยี งอยา่ งเดยี ว โดยเฉพาะบรเิ วณทมี่ กั จะเป็ น อสี กุ อใี สมากทสี่ ดุ ลกั ษณะของผน่ื เป็ นตมุ่ พองน้ำใส ขน้ึ ชดิ ๆ กนั รวมเป็ นกลมุ่ ๆ อยบู่ นฐานที่ อกั เสบแดง และตมุ่ พองน้ำนี้ มกั จะกลายเป็ นหนอง ในอกี สองสามวนั ตอ่ มา ตอ่ ไปกจ็ ะแหง้ ตกสะเกด็ ใน ๗-๑๐ วนั ผนื่ ใหมๆ่ อาจเกดิ ขน้ึ ตอ่ มาอกี ๑-๔ วนั หรอื จนถงึ ๑ สปั ดาห์ และสะเกด็ จะตดิ อยปู่ ระมาณ ๒-๓ สปั ดาห์ ลกั ษณะผนื่ ของโรคงสู วดั ลกั ษณะผนื่ ของโรคงสู วดั ในผสู ้ งู อายุ ผน่ื จะมอี าการรนุ แรง และเป็ นอยนู่ านกวา่ ในผทู ้ มี่ อี ายนุ อ้ ย และ อาการเจ็บปวดจะคงอยนู่ าน ถงึ แมว้ า่ ผนื่ จะหายเรยี บรอ้ ยไปแลว้ กต็ าม โรคงสู วดั นอ้ี าจตดิ ตอ่ ไปยงั ผอู ้ น่ื ได ้ โดยเฉพาะผทู ้ มี่ คี วามโนม้ เอยี งตอ่ การ ตดิ เชอื้ อยแู่ ลว้ และอาจเกดิ ขน้ึ ในรปู ของอสี กุ อใี ส หดู เป็ นโรคผวิ หนังทไี่ มร่ า้ ยแรง พบไดบ้ อ่ ยชนดิ หนง่ึ และอาจหายไดเ้ อง สาเหตขุ องหดู เป็ นไวรัสชนดิ ทเ่ี รยี กวา่ พาพลิ โลมรา (papilloma) ในคน ซง่ึ ปฎกิ ริ ยิ าในการตา้ นทางโรคของผปู ้ ่ วยนับเป็ นปัจจัยสำคญั อยา่ งหนงึ่ ที่ จะทำใหเ้ กดิ เป็ นโรค หรอื เป็ นแลว้ จะกระจายไปมากนอ้ ยเพยี งใด หดู หดู หดู นอี้ าจเกดิ ทผ่ี วิ หนังบรเิ วณใดกไ็ ด ้ แตม่ บี างตำแหน่งทช่ี อบเป็ นหดู เชน่ ทห่ี ลงั มอื และหวั เขา่ และลกั ษณะจะตา่ งไปจากทเ่ี กดิ ขนึ้ ทต่ี ำแหน่งอนื่ เชน่ ทฝ่ี ่ าเทา้ จะมลี กั ษณะตา่ งไปจากหดู ทผ่ี วิ หนังธรรมดา หรอื ทบี่ รเิ วณท่ี ตอ่ เนอ้ื กบั เยอื่ มกู เชน่ แถวทวารหนัก หรอื อวยั วะเพศ เป็ นตน้ โดยทวั่ ไป หดู ธรรมดาจะมรี ปู ลกั ษณะเป็ นเม็ด นูน ผวิ หยาบหรอื ขรขุ ระ หรอื เป็ นตงิ่ เล็กๆ อาจขนึ้ มากหรอื นอ้ ย เล็กหรอื ใหญก่ ไ็ ด ้ ในบางครัง้ อาจพบ ๕๐-๑๐๐ เม็ด

ถา้ เป็ นทบ่ี รเิ วณทวารหนักและอวยั วะเพศ จะมี ลกั ษณะเหมอื นดอกกะหล่ำ ปลี เรยี กกนั วา่ \"หดู หงอนไก\"่ โรคผวิ หนงั ทเี่ กดิ จากเชอ้ื รา โรคชนดิ นท้ี พี่ บบอ่ ยๆ ไดแ้ ก่ กลากและเกลอ้ื น ซงึ่ เกดิ จากเชอ้ื ราชนดิ ผวิ เผนิ ซงึ่ หมายถงึ พวกเชอื้ ราทไ่ี มล่ กุ ลามลกึ ลงไปกวา่ ผวิ หนัง และสว่ น ใหญม่ กั จะไมไ่ ปรวบกวนอวยั วะภายในแตอ่ ยา่ งใด เชอ้ื ราชนดิ ผวิ เผนิ ทที่ ำใหเ้ กดิ โรคผวิ หนัง ทพ่ี บบอ่ ยไดแ้ ก่ ไพทโี รสปอรมุ (pityrosporum) ไตรโคฟีทอน และไมโครสปอรมุ ซง่ึ ทำใหเ้ ป็ นโรคทรี่ จู ้ ัก กนั คอื เกลอ้ื น กลาก และงา่ มนวิ้ เปื่อย เกลอื้ น เป็ นโรคทพ่ี บมากในนักกฬี า ผใู ้ ชแ้ รงงาน ทหาร และผทู ้ ปี่ ระกอบอาชพี ที่ อยใู่ นอณุ หภมู สิ งู มเี หงอ่ื ออกมาก มคี วามชน้ื สงู หรอื สกปรกเปรอะเป้ือน พวกไขมนั และฝ่ นุ ละออง เกลอ้ื น เกลอ้ื น เชอ้ื ราตวั ทเ่ี ป็ นสาเหตขุ องเกลอ้ื น คอื ไพทโี รสปอรมุ ออรบ์ คิ ลู ารี ลกั ษณะของเกลอื้ นทผี่ วิ หนังมกั จะขน้ึ เป็ นป้ืนหลายๆ แหง่ มขี นาดและ รปู รา่ งลกั ษณะตา่ งๆ กนั และอาจมสี คี อ่ นขา้ งแดง จนถงึ น้ำตาล และขาว ซดี สะเกด็ บางๆ เล็กๆ อาจมตี ดิ อยทู่ ฝ่ี ิ่น หรอื เห็นได ้ เมอื่ ขดู ดู และจะตรวจ พบเชอื้ ราไดใ้ นสะเกด็ นี้ เกลอื้ นมกั จะขนึ้ บรเิ วณลำตวั สว่ นบนทว่ั บรเิ วณหนา้ อกและหลงั หรอื กระจายไปทอ่ี น่ื ๆ เชน่ แขน ขา คอ และหนา้ ได ้ กลาก

เป็ นโรคทเ่ี กดิ จากเชอ้ื ราไดห้ ลายชนดิ ดว้ ยกนั และลกั ษณะทข่ี นึ้ กแ็ ตกตา่ ง กนั แลว้ แตต่ ำแหน่งของผวิ หนัง เชน่ ทศ่ี รี ษะ บรเิ วณลำตวั ขาหนบี กน้ เล็บ รปู ลกั ษณะมกั จะไมเ่ หมอื นกนั ทเี ดยี วชนดิ ของเชอื้ รา เชน่ ไมโครสปอ รมุ และไทรโคฟีทอน ทพ่ี บบอ่ ยมากกวา่ ชนดิ อน่ื ในบา้ นเราคอื ไทรโคฟีทอ น รบู รัม (T.rubrum) กลากบรเิ วณลำตวั กลากบรเิ วณลำตวั กลากทข่ี นึ้ บนผวิ หนังเรยี บเกลย้ี ง อาจมลี กั ษณะตงั้ แตเ่ ป็ นเม็ดตมุ่ พองน้ำ ไปจนถงึ เป็ นเอ็กซมี าทม่ี สี ะเกด็ หรอื เป็ นกอ้ นนูนขรขุ ระ ทเี่ ป็ นลกั ษณะธรรมดา ทส่ี ดุ คอื เป็ นวง โดยมเี ม็ดตมุ่ เล็กๆ สแี ดงเกดิ ขนึ้ กอ่ น เม็ดตมุ่ นจี้ ะขยายใหญอ่ อกจนเป็ นวง ผวิ หนังสว่ นท่ี อยตู่ รงกลางวงจะแลดเู หมอื นปกติ แตท่ ข่ี อบนัน้ จะนูนสงู แดง หรอื มเี ม็ดตมุ่ และเม็ดตมุ่ พองน้ำเล็กๆ อยา่ งชดั เจน วงผน่ื นมี้ กั จะขนึ้ อยวู่ งเดยี ว หรอื สอง สามวง วงทอี่ ยตู่ ดิ ๆ กนั อาจลามเขา้ มารวมกนั กลายเป็ นป้ืนใหญๆ่ ได ้ หรอื กลายเป็ นวงเล็กๆ อยภู่ ายในวงใหญอ่ กี ทหี นง่ึ อาการทเ่ี กดิ ขน้ึ คอื คนั บา้ งไมม่ ากนัก และอาจตดิ ตอ่ ไปยงั ผอู ้ น่ื ไดบ้ า้ ง นอกจากลกั ษณะธรรมดาดงั กลา่ วแลว้ น้ี กลาก ยงั อาจกลายเป็ นผนื่ เอ็กซี มากลมๆ โดยไมม่ ผี วิ หนังปกติ อยตู่ รงกลาง หรอื มสี ะเกด็ หนาตดิ อยู่ มกั จะ ทำใหค้ นั มาก ถา้ เป็ นทบี่ รเิ วณขาหนบี ขาออ่ น ลกู อณั ฑะ อวยั วะเพศ ฝี เย็บ และกน้ และกลายเป็ นเอ็กซมี าได ้ งา่ ย ทผ่ี วิ หนังบรเิ วณเหลา่ นี้ เมอ่ื หาย แลว้ มกั เป็ นซ้ำ ไดอ้ กี บอ่ ยๆ เพราะมเี หงอื่ มาก ทำใหช้ นื้ และอบ ถา้ นุ่ง กางเกงยดื แบบนักกฬี าดว้ ยแลว้ จะรัดหรอื ทำให ้ ผวิ หนังถลอกเกดิ การตดิ เชอ้ื ไดง้ า่ ยขนึ้ คนทอ่ี ว้ นๆ กเ็ ชน่ เดยี วกนั การเสยี ดสขี องผวิ หนัง เหงอ่ื และความอบั ชน้ื ยอ่ มเป็ นปัจจัยสำคญั ทจี่ ะทำใหร้ ักษาความสะอาดของผวิ หนังไดย้ าก กลากหรอื เชอ้ื ราทเี่ ล็บ

พบไดบ้ อ่ ยเหมอื นกนั เชอ้ื ราอาจเป็ นขน้ึ กบั เล็บเดยี ว หรอื สองสามเล็บ หรอื หลายๆ เล็บกไ็ ด ้ โดยมากจะเป็ นทร่ี อ่ งขา้ งๆ เล็บกอ่ น แลว้ กล็ ามออกไปยงั ผวิ หนังขา้ งใตเ้ ล็บ และตวั เล็บเอง โดยคอ่ ยๆ เป็ นไปชา้ ๆ และมกั จะทำให ้ เล็บเปลยี่ นสี ไปเป็ นขาวหรอื เหลอื ง ตอ่ ไปเมอื่ โรคนี้ เป็ นมากขน้ึ จะเกดิ มี ขขี้ ยุ ขนึ้ สะสมอยใู่ ตเ้ ล็บ ทำใหเ้ ล็บแยกนูนสงู ขน้ึ และจะถกู ทำลายกรอ่ นลง ทตี่ อนปลายกอ่ น แลว้ อาจลามตอ่ ไปจนถงึ โคนเล็บ เชอ้ื ราทง่ี า่ มนวิ้ เทา้ โรคนน้ี ับวา่ พบบอ่ ยมาก ซง่ึ มบี างคนเรยี กวา่ โรคของความศวิ ไิ ลซ์ (clvilization) เพราะพบมากในผทู ้ สี่ วมรองเทา้ อยเู่ สมอ ทำใหเ้ ทา้ อบชนื้ สว่ นผทู ้ อี่ ยหู่ า่ งไกลความเจรญิ ไปไหนตอ้ งเดนิ เทา้ เปลา่ จะพบวา่ เป็ นโรค นนี้ อ้ ยกวา่ แตผ่ ทู ้ ต่ี อ้ งแชน่ ้ำ หรอื เทา้ เปียกอยเู่ สมอแลว้ ไมเ่ ชด็ ใหแ้ หง้ หรอื รักษาความสะอาดไมด่ พี อ กอ็ าจเป็ นโรคนไี้ ดเ้ ชน่ กนั ทบี่ างคนเรยี กวา่ น้ำ กดั หรอื เทา้ เปื่อย โดยแทแ้ ลว้ ลกั ษณะทเี่ กดิ ขน้ึ ดคู ลา้ ยกนั แตอ่ าจไมใ่ ช่ เป็ นเชอ้ื รากไ็ ด ้ เชอ้ื ราทเ่ี ป็ นกบั งา่ มเทา้ นี้ มกั จะเรม่ิ หรอื พบบอ่ ยทส่ี ดุ ทง่ี า่ มนว้ิ เทา้ ทสี่ ่ี ระหวา่ งนวิ้ นางกบั นว้ิ กอ้ ยของเทา้ หรอื เป็ นหมดทกุ ๆ งา่ มนวิ้ เทา้ กไ็ ด ้ ลกั ษณะจะเห็นผวิ หนังเป่ือยยยุ่ หรอื ลอกเป็ นสะเกด็ กลน่ิ เหม็น และคนั หรอื อกั เสบรนุ แรงขน้ึ เป็ นครัง้ คราวจากการตดิ เชอื้ บคั เตรซี ้ำซอ้ นขนึ้

โรคผวิ หนงั ทเี่ กดิ ขน้ึ เนอ่ื งจากแสงแดด ในปัจจบุ นั ไดม้ กี ารตน่ื ตวั เป็ นอยา่ งมาก ในเรอ่ื งทเ่ี กยี่ วกบั อทิ ธพิ ลของแสง แดด ทท่ี ำใหเ้ กดิ โรคในมนุษย์ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ผวิ หนังเป็ นดา่ นแรก ของรา่ งกายทจี่ ะปะทะ หรอื รับกบั แสงแดด และประเทศไทยตงั้ อยใู่ นเขต รอ้ นทต่ี อ้ งรับแสงแดด มากกวา่ ประเทศอนื่ แตเ่ คราะหด์ ที คี่ นไทยมผี วิ คล้ำ จงึ มกี ารตา้ นทาน หรอื ทนตอ่ แสดงแดดไดด้ กี วา่ ผทู ้ มี่ ผี วิ ขาว ผวิ หนังอกั เสบจากการแพแ้ สงแดดทไี่ ดร้ ับในปรมิ าณมากและเป็ นเวลานาน ผวิ หนังอกั เสบจากการแพแ้ สงแดด ทไ่ี ดร้ ับในปรมิ าณมาก และเป็ นเวลา นาน แสงแดด (จำนวนของรังสอี ลั ตราไวโอเลตทจี่ ะเป็ นอนั ตราย) จะทำใหเ้ กดิ อนั ตรายไดม้ ากในภมู ปิ ระเทศทอ่ี ยใู่ นละตจิ ดู ต่ำ และไมว่ า่ จะอยใู่ นละตจิ ดู ใดกต็ าม เวลาทจ่ี ะเกดิ อนั ตรายมากทส่ี ดุ คอื กลางฤดรู อ้ นระหวา่ ง ๑๐.๐๐- ๑๔.๐๐ น. นอกเหนอื ไปจากปัจจัยอน่ื ๆ ในสภาวะแวดลอ้ ม เชน่ หาดทราย และพนื้ หรอื สงิ่ กอ่ สรา้ งทเ่ี ป็ นคอนกรตี อนั เป็ นสง่ิ สะทอ้ นแสง เป็ นตน้ ปฏกิ ริ ยิ าไวเกนิ ตอ่ แสงแดด (photosensitivity reaction) เป็ นการตอบโตท้ ี่ ผดิ ปกตขิ องผวิ หนังทมี่ ตี อ่ แสงแดด หรอื แสงอน่ื ๆ ปฏกิ ริ ยิ าไวเกนิ ตอ่ แสงแดดโดยตรง อาจแบง่ ไดเ้ ป็ น ๒ ประเภทดว้ ยกนั คอื ๑. ปฏกิ ริ ยิ าไหมแ้ ดดเฉยี บพลนั เกดิ ขน้ึ เพราะผวิ หนังถกู แสงแดด หรอื แสงอลั ตราไวโอเลตขนาดคลนื่ สนั้ มากเกนิ ไป ทำใหม้ อี าการตงั้ แตเ่ ล็กนอ้ ยเพยี งผวิ หนังแดงๆ ไปจนถงึ แดง จัด ปวดแสบปวดรอ้ น เจ็บ บวม หรอื มเี ม็ดตมุ่ พองน้ำดว้ ย

อาการเล็กๆ นอ้ ยๆ จะเรม่ิ ประมาณ ๖-๑๒ ชว่ั โมง ตงั้ แตเ่ รม่ิ ถกู แดดจนถงึ ระยะสงู สดุ ภายใน ๒๔ ชว่ั โมง และเรมิ่ คลายความรนุ แรงลงทลี ะนอ้ ย ใน ๔-๕ วนั บางครัง้ อาการรนุ แรงจะเกดิ ขน้ึ คลา้ ยคลงึ กนั ถงึ ขดี สงู สดุ ใน ประมาณ ๔๘ ชวั่ โมง และภายในอกี ๒๔-๔๘ ชว่ั โมง ผวิ หนังจะตาย และ หลดุ ลอกออก ทำใหผ้ วิ หนังมสี เี ขม้ ไมส่ ม่ำเสมอกนั หรอื เป็ นแผลเป็ นไป เลย ถา้ ผวิ หนังสว่ นใหญข่ องรา่ งกายถกู แดดเผาไหมอ้ ยา่ งหนัก จะมอี าการเป็ น พษิ เกดิ ขน้ึ ในประมาณ ๑๒ ชว่ั โมงลว่ งแลว้ ไป โดยมไี ขห้ นาวสน่ั คลนื่ ไส ้ อาเจยี น ออ่ นเพลยี หมดเรย่ี วแรง และเพอ้ ๒. ปฏกิ ริ ยิ าจากแสงแดดอยา่ งลา่ หรอื เรอื้ รัง เกดิ จากถกู แดดซ้ำๆ ซากๆ อยเู่ ป็ นเวลานาน จะเกดิ การเปลยี่ นแปลงจาก ลกั ษณะของผวิ หนังปกตไิ ปเป็ นเหยี่ วยน่ เป็ นป้ืน หรอื ตมุ่ หนา แดง หรอื เป็ น สนี ้ำตาล และมจี ดุ ของหลอดเลอื ดฝอยละเอยี ดพองกระจายเหมอื นใย แมงมมุ การเปลย่ี นแปลงตา่ งๆ ดงั กลา่ วแลว้ น้ี มกั จะเป็ นสง่ิ ทน่ี ำมา หรอื ทำใหเ้ กดิ เป็ นมะเร็ง หรอื ลกั ษณะของผวิ หนังทก่ี อ่ นจะเป็ นมะเร็ง ปฏกิ ริ ยิ าทงั้ สองชนดิ นเี้ กดิ ขน้ึ จากแสงแดดทท่ี ำอนั ตรายตอ่ ผวิ หนังโดยตรง ซงึ่ เหตสุ ำคญั คอื แสงอลั ตราไวโอเลตขนาดคลนื่ สนั้ (๒๙๐-๓๒๐ นาโน มเิ ตอร)์ การเปลยี่ นแปลงของผวิ หนังตอ่ แสงแดดทมี่ ใิ ชป่ ฏกิ ริ ยิ าไวเกนิ แสงโดยตรง อาจจัดออกไปไดเ้ ป็ น ๒ ชนดิ ดว้ ยกนั คอื ๑. ภาวะไวเกนิ ตอ่ แสงเนอ่ื งจากสาเหตภุ ายนอกรา่ งกาย

เชน่ จากยา หรอื สง่ิ ใดสง่ิ หนง่ึ ทมี่ าสมั ผัสผวิ หนัง หรอื โดยทางอนื่ ๆ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ภายนอกรา่ งกายภาวะเหลา่ นี้ ไดแ้ ก่ แสงเป็ นพษิ และการแพแ้ สง ก. แสงเป็ นพษิ อาการทเี่ กดิ แสงแดดเป็ นพษิ ขนึ้ น้ี หมายถงึ กรณีทถี่ กู แสง แดดไหมอ้ ยา่ งรนุ แรงเกนิ ควร เนอ่ื งจากสารเคมบี างชนดิ เชน่ พวก ยาซลั โฟนาไมด์ และกรซิ โี อฟลุ วนิ (griseofulvin) สบี างชนดิ เชน่ อะครดิ นิ (acridin) และอโี อซนิ (eosin) เป็ นปัจจัยสำคญั เมอ่ื ผวิ หนังถกู แสงแดดทแ่ี รงๆ เขา้ กจ็ ะมอี าการปวดแสบปวดรอ้ น อกั เสบ แดง บวม หรอื เป็ นตมุ่ พองน้ำ หรอื เรม่ิ เป็ นผน่ื คลา้ ยลมพษิ ภายใน ๒-๖ ชว่ั โมง การอกั เสบนจ้ี ะทเุ ลาลงใน ๒-๔ วนั ทำใหผ้ วิ หนังสคี ล้ำขนึ้ และลอกออก บางรายจะเกดิ มอี าการ รนุ แรงทส่ี ดุ ประมาณ ๔๘ ชว่ั โมง โดยผวิ หนังบวม แดง และมตี มุ่ พองน้ำ แตไ่ มม่ อี าการปวดแสบปวดรอ้ นรวดเร็วเหมอื นในราย ทเี่ ป็ นชนดิ เฉยี บพลนั ปกตจิ ะมอี าการ ภายหลงั ๒๔ ชวั่ โมงไปแลว้ และจะ เจ็บอยเู่ ฉพาะบรเิ วณทอี่ กั เสบเทา่ นัน้ อาการตา่ งๆ มกั จะทเุ ลาลงภายหลงั ใน ๗-๑๔ วนั โดยผวิ หนังจะคล้ำและ ลอกออกเล็กนอ้ ย ข. การแพแ้ สง สว่ นใหญข่ องผปู ้ ่ วยจะเกดิ อาการแพแ้ สงขน้ึ ภายหลงั ได ้ สมั ผัสกบั สารเคมบี างชนดิ ทมี่ คี ณุ สมบตั ิ ทำใหผ้ วิ หนังไวตอ่ แสงมากอ่ น เชน่ สารเคมที มี่ อี ยใู่ นสบู่ และเครอื่ งสำอาง นับเป็ นปฎกิ ริ ยิ าทางภมู คิ มุ ้ กนั ท่ี สมั พันธก์ บั เซลล์ เชน่ เดยี วกบั ภาวะไวเกนิ ในผวิ หนังอกั เสบจากการสมั ผัส ธรรมดา และแตกตา่ งกบั ในรายของแสงเป็ นพษิ ซง่ึ ในการแพน้ ี้ อาจเกดิ ขน้ึ โดยพลงั งานจากแสงแดดทน่ี อ้ ยกวา่ มากมาย

อาการแรกเรม่ิ ทเ่ี ดยี วคอื คนั มาก และผวิ หนังอกั เสบแบบเอ็กซมี าภายใน ๒๔-๔๘ ชว่ั โมง หลงั จากสมั ผัสกบั สารเคมี และไดถ้ กู แดดแลว้ ผวิ หนังท่ี อยใู่ นโอเลตมขี นาดคลน่ื ยาว สามารถจะผา่ นเสอื้ ผา้ เขา้ ไปถงึ ผวิ หนังได ้ การอกั เสบจะมมี ากทสี่ ดุ ใน ๗๒ ชวั่ โมง และคอ่ ยๆ ทเุ ลาลงใน ๑๐-๑๔ วนั แตใ่ นบางรายอาจเป็ น อยนู่ านกวา่ นก้ี ไ็ ด ้ เพราะผปู ้ ่ วยยงั ไดร้ ับการสมั ผัสกบั สารเคมที เ่ี ป็ นตน้ เหตอุ ยเู่ รอื่ ยๆ โดยไมร่ ตู ้ วั ๒. ภาวะไวเกนิ ตอ่ แสงเนอ่ื งจากสาเหตภุ ายในรา่ งกาย เชน่ การเปลยี่ นแปลงทางชวี เคมี เมเทบอลซิ มึ ฮอรโ์ มน เอนไซม์ อมิ มโู นโลจี กรรมพันธุ์ การอกั เสบตดิ เชอ้ื และเหตอุ นื่ ๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ภายใน รา่ งกาย หรอื เกดิ จากพยาธสิ ภาพทผี่ วิ หนัง ซงึ่ เป็ นผลมาจากโรคหรอื ความผดิ ปกติ อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ของรา่ งกาย เชน่ โรคลพู ัสเอรทิ มึ าโทซสั (lupus erythematosus) และพอรฟ์ ีเรยี (porphyria) ซง่ึ มใิ ชโ่ รคธรรมดาสามญั ซงึ่ มไิ ดน้ ำมากลา่ วโดยละเอยี ด ณ ทนี่ ี้ แมว้ า่ โรคผวิ หนังทเี่ กดิ ขน้ึ เนอ่ื งจากแสดงแดดนี้ จะมสี าเหตหุ ลายอยา่ ง แต่ สาเหตทุ สี่ ำคญั คอื แสงอลั ตราไวโอเลตในขนาดคลน่ื ๒๙๐-๓๒๐ นาโน มเิ ตอร์ และแสงทเี่ ห็นไดข้ นาดคลน่ื ยาว ๓๒๐-๗๐๐ นาโนมเิ ตอร์

ทมี่ า: https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=10&c hap=4&page=t10-4-infodetail15.html จัดทำโดย นางสาว ฑริ ตา สขุ อาษา ม.6/5 เลขท2่ี 0


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook