เพลงโคราช ลกั ษณะของเพลงโคราช คาประพนั ธเ์ ปน็ กาพย์ กลอนสุภาพซึ่งนาแบบแผนการประพนั ธ์ของภาค กลางมาใช้ แต่ลีลาจังหวะในการสัมผสั กวมี ักจะคดิ รปู แบของตน เวลาจะใชค้ าภาษาถนิ่ โคราชผสมภาษาไทย ภาคกลางประกอบเปน็ สาเนียงโคราช ครเู พลงโคราชได้คดิ เพลงหลักให้มีจงั หวะราได้ มีการเลน่ คา เลน่ สัมผสั ใน เพลงโคราชจะเล่นในโอกาสงานมงคลต่างๆ เชน่ งานบวช งานโกนจกุ งานทาบญุ หรือแม้แต่งานศพก็เลน่ เพลงโคราชไดเ้ ชน่ กนั เพลงโคราชคณะหนึ่งๆ มีผูเ้ ลน่ เพลงประมาณ 6 คน แบ่งเป็น 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายชายและฝ่าย หญงิ อยา่ งละเท่าๆ กนั สถานทเ่ี ล่นเดิมเลน่ ตามลานบ้าน ต่อมามีการยกเวทีข้นึ 4 เสามหี ลังคา เรม่ิ เลน่ โดยผู้ เล่นทีม่ ีอาวุโสหรือหมอเพลงจะออกมาร้องก่อน แลว้ ฝา่ ยหญงิ จะว่าบทไหว้ครู ตามดว้ ยการร้องเกริ่นโตต้ อบกัน ไปทั้งสองฝา่ ย ลักษณะการเล่นเพลงโคราชแบง่ ได้อย่างกว้างๆ 3 ประเภทคอื 1.เก้ยี วพาราสี เนือ้ รอ้ งจะเป็นคาเกยี้ วพาราสีระหว่างหญิงชาย ในบางครั้งอาจมีคาเสยี ดสี ถ้อยคาท่ี รนุ แรงและหยาบ ซงึ่ เป็นลักษณะของเพลงพ้ืนบ้านท่ัวไป 2.ลองปญั ญา เป็นการนาเอาปัญหาหรือปรชั ญาพุทธศาสนา หรอื ตานานเรอื่ งตา่ งๆ มาซักถาม ฝ่ายใด ที่ตอบไม่ไดก้ ็จะถูกว่าใหไ้ ด้อาย 3.เลา่ เป็นเร่อื ง เชน่ ยกนทิ านท่ีมีคตสิ อนใจ หรอื จับเรือ่ งราวตามธรรมเนียมของเพลงพน้ื บา้ นอ่ืนๆ โดยสมมติตัวละคร ตัวอยา่ ง เพลงโคราช “ระอาตัดระอารอน ใจไม่อยากระอาร้อน ระอาเรา่ ของเกง่ ของกาจเพลงโคราชเป็นของเกา่ ก่อน จะสมมติพดู ปากมันเกิดจากมีอารมณ์ ไมห่ นที ุ่มหนียามพอราหนยี ่อน ท้งั รักทั้งโกรธเป็นบทเป็นกลอน แล้ว เปล่ียนมาใชส้ มยั นิยม คนไทยในสยามเราไม่อยากหนปี ู่หนีย่า อาศัยบุญอาศัยกรรม ขเ้ึ หร่อาศยั กาย จะไปไหน มาก็พูดเปน็ กลอนใส่กนั จะรุ่งเรืองสร้างเมืองใหมเ่ พราะคนไทยรกั เมืองม่ัน ได้ลอื กระทอ่ นเมื่อตอนย่าโมทา่ นกู้ เมืองมา” จากการศึกษาววิ ฒั นาการของเพลงโคราช เร่ิมตั้งแต่เพลงก้อมจนถึงเพลงยาวทใี่ ช้แสดงในปจั จบุ ัน แบง่ ได้ 5 ประเภทคือ 1.เพลงขัดอัน 2.เพลงก้อม 3.เพลงหลัก 4.เพลงจงั หวะราเพลงสมัยปัจจบุ นั คุณคา่ ดา้ นเน้ือหาที่ปรากฎในเพลงโคราช จะเกย่ี วขอ้ งกับศาสนา ความเชอ่ื ค่านิยม ธรรมเนยี มประเพณี วัฒนธรรม ความเปน็ อยู่ อาชีพ วรรณคดี ประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ และการเมือง
ขนั้ ตอนการแสดงเพลงโคราช จะเร่ิมไหว้ครู ซึ่งเปน็ พิธีอันสาคัญแล้วจะแสดงตามลาดบั คอื 1.เพลงประกาศ ฝ่ายชายบอกเกริน่ แนะนาตนเอง ช่อื อะไร มาจากไหน มาทาอะไร 2.เพลงเชิญ ฝา่ ยชายร้องเชิญฝา่ ยหญิงใหล้ งมาจากเรอื นมาวา่ เพลงกบั ตน 3.เพลงตัดเชญิ ฝา่ ยหญิงรอ้ งตอบฝ่ายชายว่าเชิญมาทาไม มีธุระอะไร 4.เพลงทักทาย ฝา่ ยชายตอบว่าเชญิ มาวา่ เพลงงานอะไร ของใครและทักทายฝ่ายหญิงวา่ ช่อื อะไร บ้านอยทู่ ่ีไหน มอี าชพี อะไร 5.เพลงขออภัย เป็นเพลงกลา่ วขอโทษ หากวา่ การร้องไม่ไพเราะหรือพาดพงิ ถึงบรรพบรุ ุษ 6.เพลงไหว้ครู เพ่ือน้อมราลึกพงึ ครทู ่ีใหค้ วามรสู้ ั่งสอนมา 7.เพลงปรึกษา เป็นเพลงทที่ ้ังสองปรึกษาหารือกันวา่ จะวา่ เพลงอะไรกันก่อน 8.เพลงเฉพาะเกีย่ วกบั งานของเจา้ ภาพ 9.เพลงตามสถานการณ์ ซ่ึงแล้วแต่ผูฟ้ ังจะใหว้ ่าเพลงอะไร อาจเปน็ เพลงเรอื่ งเช่น นางอรพิม ท้าวปาจิตต์ นางพญานกกระจอก พระเวสสันดร อาจเปน็ เพลงชมธรรมชาตหิ รอื เพลงลองปญั ญา 10.เพลงเกยี้ ว ทั้งสองฝา่ ยเกยี้ วพาราสีกนั หรือเกี้ยวแทนผู้ชม 11.เพลงชวน ฝา่ ยชายชวนฝา่ ยหญงิ ใหไ้ ปรูจ้ ักบา้ นฝา่ ยชาย 12.เพลงเกี้ยวแกมจาก ทัง้ สองเกี้ยวกลา่ วลา 13.เพลงปลอบ เปน็ เพลงกล่าวปลอบใจ อย่าเสยี ใจที่ต้องจากกนั 14.เพลงครา่ ครวญ แสดงความอาลัยอาวรณต์ อ่ การพรากจากกนั 15.เพลงให้พร ท้ังสองฝ่ายกล่าวให้พรเจา้ ภาพ ผู้ชมและหมอเพลงด้วยกนั 16.เพลงลา ทงั้ สองฝ่ายกล่าวลา จากการศึกษาค้นคว้า เพลงโคราช จะเห็นคณุ คา่ เน้ือหาทป่ี รากฎเชน่ เดียวกับวรรณกรรมอ่นื ๆ แมน้ วา่ เพลงโคราชจะเน้นในการสร้างความบันเทิงเพ่ือสนองความต้องการดา้ นอารมณ์ แตเ่ พลงโคราชมเี น้อื หาสะท้อน ชวี ติ อย่างชัดเจนในเรอื่ งต่างๆตอ่ ไปนี้ 1.สะทอ้ นถึงประวตั ิศาสตร์ เพลงโคราชยอ่ มสอดแทรกประวัตศิ าสตร์ไทยไว้ “ แต่กอ่ นเขาเรียกกนั ว่า ทุ่งสาเรจ็ เลยเรียกเป็นท่งุ สาริดเปน็ ด้วยวาสนาโดยมีป่าสนับ คือหญิงโมเปน็ แมท่ ัพ จาให้แน่สนิท” 2.แสดงสภาพสงั คม เพลงโคราชได้สะทอ้ นความเป็นอยู่ อาชีพและสภาพสังคม “พอรถไฟหยดุ กึก เห็นเจ๊กโกขายกุ้ง พวกผูห้ ญงิ ก็ยุง่ ขายข้าวเหนยี ว ขายไก่ เหมือนยกเรือนเรียงรอด สามล้อจอดอยเู่ รียงราย หัว รถไฟเมืองโคราช แสงเรอื ง…..รอง” 3.แสดงขนบธรรมเนียมประเพณี วฒั ธรรมไทย “ เห็นนอ้ งตักนา้ อยูค่ นเดยี ว จะไปตามเกยี้ วหรือก็ ไม่ได้ กลัวญาตโิ ยมคนใหญๆ่ จะดุดา่ วา่ ไม่ดี เพราะเหตฉุ ะน้ันดอกยังไพล่ต้ังใจคาผิล มาพลิกแพลงเก้ยี วน้อง เพลนิ สะด้วยคา…..เพลง”
4. แสดงเรอ่ื งของการนับถือศาสนา การบวชพระในพระพทุ ธศาสนา “ โอ้ โอ่ ลูกก็บวชเป็นสงฆ์ มา ก็หลายพรรษา เหมอื นอยา่ งไมท่ ีเ่ ขาผา่ แตกเสย่ี งผา่ ซอเปน็ โยมถือพานมา เป็นพานยาพานหมาก เขา่ มาสูส่ านกั ปานโมงปานเหมาะ ทนี่ ม่ี ีเร่ืองราวอะไรโยมยังถือพานหมากพานหนมุ่ มดี บิ่นทนี่ ัน่ บวั บานทีใ่ ด หรอื มเี ร่ืองราว อะไรเกิดข้นึ ท่บี า้ น หรือมีเขยมาร่วมบอ่ น มหี ลก๊ั นอนประจันบาน น่ยี ังเดินบนบาน แบกมาหาอาจารย์…..บุญ” 5.แสดงถึงสภุ าษติ และคาพังเพย “หนกู ัดเสือ แลว้ คิดถึงแมว น้าแห้งหมดแล้ว คิดถงึ คุ…..วา่ หวาด อยา่ ดว่ นติไม้ทงั้ โกลนอย่าด่วนตโิ ขนยังไมแ่ กรง่ พรหมลิขิตมันขีดไดเ้ มอื่ ไร…..” 6.สะท้อนเรอ่ื งความเชอื่ “ โอ้บุญทานฉันก็ทา แต่กายไมง่ ามไม่หล่อ มนั อบ๊ั เฉาทัง้ เหง่า ท่ังกอ จ๊ัก เป็นอะไรผชู้ ายไม่แล จะหุงเข่าใสบ่ าตรไปทาก๊ะวดั ไหนดีแน่ มนั จะไดห้ นุ่มมาตุ้มพอใจฉนั ดี….หนอ่ ”คุณค่าของ เพลงพืน้ บ้านอีสานใต้ เพลงพ้ืนบา้ นอีสานใต้ มีคุณคา่ หลายประการ ดังนี้ 1.คุณค่าทางศิลปะการดนตรี ทานองเพลงพืน้ บา้ นอสี านใตม้ ีความไพเราะ มที านองที่น่าฟังมาก และมี ทใ่ี ชห้ ลากหลาย เช่น เพลงไหว้ครู เพลงโหมโรง เพลงเบด็ เตลด็ 2.คณุ ค่าทางจติ วิทยา ในเนือ้ ร้อง ไดแ้ สดงออกถึงพฤติกรรมทเี่ ก็บกดของคนในสงั คมการร้องเพลง พน้ื บ้าน จึงเปน็ การระบายความในใจให้คนที่ผู้ร้องต้องการสอ่ื สาร 3.คุณค่าทางดา้ นภาษา เพลงพืน้ บ้านมีสัมผัสคล้องจอง มีความงามในการใช้ถ้อยคาการร้องเพลงที่มี ทานองไพเราะ ใชค้ าทีก่ นิ ใจทาใหผ้ ู้ฟงั ไดอ้ รรถรส 4.คณุ ค่าทางจรยิ ศาสตร์ เน้ือเพลงไดส้ อนให้คนในสังคมประพฤติตนอยู่ในทานองคลองธรรม ทา คณุ ประโยชน์เพ่ือสว่ นรวม และเชดิ ชบู ุคคลทีท่ าความดี
Search
Read the Text Version
- 1 - 3
Pages: