การป้ องกนั โรค NCD ระดบั บุคคล ครอบครัวและชุมชน หลกั การป้ องกนั โรค NCD (Non-communicable diseases) อ.ขจรศักด์ิ ไชยนาพงศ์ B.Sc.,M.PH.
วตั ถุประสงค์ • นกั ศกึ ษาสามารถบอกโรค NCDs ที่เป็นปญั หาของโลกและประเทศไทยได้ • นกั ศึกษาอธิบายวธิ ีการปอ้ งกันโรค NCDs ในระดบั ต่าง ๆ ได้
NCDs นยิ ามเกยี่ วกับโรค NCDs • (Non-communicable diseases) นิยามโดย WHO • โรคภยั ไข้เจ็บทีเ่ ป็นปญั หาตอ่ สุขภาพ กอ่ ให้เกิดพยาธิสภาพ • ไม่สามารถถ่ายทอดหรอื ติดต่อไปสบู่ คุ คลอ่นื โดยพาหะหรือเชอ้ื โรคทัง้ ทางตรงและทางอ้อม • NCDs เช่น โรคหวั ใจ โรคปวดขอ้ โรคเบาหวาน โรคความดนั ฯลฯ • โรคเหลา่ น้ไี มต่ ดิ ต่อไปสู่คนอืน่ สามารถเกิดได้กับทุกคน • ปัจจยั เส่ยี ง เชน่ พฤตกิ รรมที่ไมเ่ หมาะสม, พันธุกรรม, การรกั ษาพยาบาล ทไ่ี มเ่ หมาะสม ฯลฯ
NCDs นยิ ามเกี่ยวกบั โรค NCDs • ในอดตี เรยี กโรคกลุ่มนี้ว่า โรคเรื้อรงั “Chronic diseases” • นอกจากโรคเรอื้ รังแล้วยงั รวมถึงโรคทเี่ กดิ ในระยะเฉยี บพลนั ด้วย เช่น อุบตั เิ หตุ ภาวะเป็นพษิ จากสารเคมี เป็นต้น • ปญั หาสาคญั ทางสาธารณสขุ ของประเทศ หรอื ภยั เงียบ กลมุ่ โรคหัวใจและหลอดเลอื ด (Ischemic heart disease, Stroke, HT/DM) สง่ ผลต่อสุขภาพทาใหเ้ กดิ การเจบ็ ป่วย ความพิการ การสญู เสียสขุ ภาวะ คณุ ภาพชวี ิต และตายกอ่ นวัยอนั ควร
NCDs Chronic Obstructive Pulmonary Disease
NCDs
NCDs
NCDs โรคไมต่ ิดต่อ ไมไ่ ดห้ มายถงึ โรคเรือ้ รงั เพียงอยา่ งเดยี ว คาท่ีมีความหมายเกย่ี วขอ้ งกับโรคไม่ติดตอ่ หลายคาทีส่ าคัญ Chronic Diseases Non-infections Disease
โรคเรอ้ื รัง (Chronic Diseases) ก่อให้เกิดความผิดปกติไม่สมบูรณ์ หรือความบกพร่องของรา่ งกาย อาจจะเกิดความพิการไม่สามารถ รักษาใหห้ ายเปน็ ปกติดังเดิมได้ ต้องได้รับการดูแลจากผู้ท่ีมีความรู้อย่างถูกต้องเพื่อฟ้ืนฟูสภาพ ของผปู้ ่วยให้สามารถดารงชีวติ อยู่ไดต้ ามสภาพของการเจบ็ ป่วยน้นั โรคเรื้องรงั สว่ นใหญม่ ากจากกลมุ่ โรคไมต่ ิดต่อ
โรคไรเ้ ชือ้ (Non-infectious Disease) โรคทเี่ กิดจากสาเหตุหรอื ปจั จยั ตา่ ง ๆ ที่ ไมไ่ ด้เกิดจากการติดเชอ้ื จลุ ชพี เช่น โรคตับแข็ง จากการดื่มเหลา้ จดั โรคมะเร็งปอดจากการสบู บหุ ร่ี เป็นต้น
NCDs • ประเภทของโรคไมต่ ดิ ต่อ จากการศึกษาเป็นเวลานานได้มีการแบง่ ประเภทของโรคไมต่ ดิ ตอ่ ตามสาเหตุปจั จยั หลกั จาแนกออกเป็น 4 กลุ่ม (Dominator Cause) กลุม่ พฤตกิ รรมทางสังคม กลุ่มส่งิ แวดล้อม กลุม่ สาเหตุอนื่ ๆ กลุ่มพันธกุ รรม
NCDs 1. กลุม่ พฤตกิ รรมทางสังคม โรคไม่ติดต่อทม่ี สี าเหตมุ าจากการดาเนินชวี ิต (Life style) พฤติกรรมการดาเนินชวี ิตประจาวันไมถ่ กู ตอ้ งเหมาะสม ตอ่ การ เจริญเติบโตและการดารงชีวิตอยา่ งสมบรู ณ์ การได้รบั ปจั จัยเส่ียงต่าง ๆ ท่กี ่อให้เกดิ โรคไมต่ ดิ ตอ่ เช่น - การมไี ขมันในเลอื กสงู มโี อกาสเปน็ โรคหวั ใจขาดเลอื ด - การรับประมานอาหารเค็มจัด มันจัด มโี อกาสเปน็ โรคความดนั โลหิตสูง
2. กลุ่มสง่ิ แวดลอ้ ม โรคไมต่ ดิ ต่อเกิดจากส่งิ แวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป ส่ิงแวดล้อมก่อใหเ้ กิดมลภาวะเปน็ พิษข้ึน ไดแ้ ก่ -การเป็นพิษจากสารตะกั่วเฉียบพลนั -ไขด้ าจากสารพิษของสารหนูเฉียบพลัน - โรคทางเดินหายใจเฉียบพลนั จากสารซัลเฟอรไ์ ดออกไซด์ อาการของโรคไขด้ า คือ ผวิ หนังมลี ักษณะสดี าคลา้ ในระยะแรกจะมอี าการของโรคผิวหนังเปน็ ผื่นแดง และคนั เกิดเม็ดนูนแลว้ มอี าการคลา้ ยโรคหดิ ตกสะเกด็ ผวิ หนงั จะลอกและมสี คี ลา้ ผู้ป่วยจะมี อาการออ่ นเพลีย อาเจยี น มือเท้าชารายท่ีเปน็ มากจะปรากฏเซลลผ์ วิ หนงั มีการเปลย่ี นแปลง เรยี งตัวผิดปกติ และแสดงอาการมะเร็งผิวหนงั ขึน้ มา
3. กล่มุ พันธกุ รรม โรคไมต่ ดิ ตอ่ ทเ่ี ปน็ มาตั้งแต่กาเนิด ไดแ้ ก่ โรคเลอื ดบางชนดิ เชน่ โรคธารัสซีเมีย , ภาวะปญั ญาออ่ นบางชนิด, ปากแหว่งเพดานโหว่
4. กลมุ่ อื่น ๆ โรคไม่ติดตอ่ ท่ีไม่สามารถหาสาเหตุหรือจัดเข้ากลมุ่ สาเหตุใดสาเหตุ หนง่ึ ได้ชัดเจนแน่นอน เช่น โรคลมชกั , ความพิการตั้งแตก่ าเนดิ ไม่ใชพ่ ันธกุ รรม, โรคปญั หา ทางจติ หรอื กลุ่มโรคทม่ี าสาเหตุตงั้ แต่ 2 ปจั จยั ขึ้นไป เชน่ การตดิ สารเสพตดิ รวมถงึ ผลพวงจากโรคดงั กลา่ วข้างตน้ ได้แก่ ความพิการชนดิ ตา่ ง ๆ ทีต่ ้องฟื้นฟูในระดบั ชมุ ชน รวมท้ังการควบคุมปอ้ งกนั โรค เพอ่ื ลดความพกิ ารใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพมากย่งิ ข้ึน
หลักในการป้องกนั โรคไม่ติดต่อ NCDs โรคไมต่ ิดต่อ และ การบาดเจ็บ เป็นสาเหตุของการสูญเสยี ปสี ุขภาวะ ของประชาชนไทยทกุ กลุ่มวัยในอันดับตน้ ๆ จากรายงานการประเมนิ ภาระโรคดว้ ยปีสขุ ภาวะที่สญู เสียไป (Disability-Adjusted Life Years: DALYs) ปี พ.ศ. 2557 รายงานความสญู เสยี ปสี ุขภาวะโดยรวมของประชาชนไทยคดิ เป็น 14.9 ลา้ นปสี ขุ ภาวะ การสูญเสยี จากการเสยี ชีวิตก่อนวยั อันควร 10.1 ล้านปี และการสูญเสียปี สขุ ภาวะจากความบกพร่องทางสขุ ภาพ 4.8 ลา้ นปี ทาให้ต้องมีการป้องกันและควบคมุ โรค NCDs เพอื่ ไม่สญู เสียปีสุขภาวะ รวมถงึ ลดความรุนแรงของโรค ความพกิ ารและการสูญเสยี ชวี ิตจากโรค NCDs
การปอ้ งกันโรค มาตรการและกิจกรรมท่ดี าเนนิ การก่อนทจี่ ะเกิดโรคหรือภัย วัตถุประสงค์เพือ่ ไมใ่ ห้เกดิ โรคหรอื ภยั การควบคมุ โรค มาตรการและกิจกรรมทด่ี าเนนิ การ หลงั จากท่ีเกิดโรคหรอื ภัยข้ึนแล้ว วัตถปุ ระสงค์เพอ่ื ให้ โรคหรือภัยน้นั สงบโดยเรว็ ดาเนินการเพือ่ ให้เกิดความเสยี หายต่อชีวติ และความเปน็ อยู่ (ความเจบ็ ปว่ ย ความพิการ การตาย ความสญู เสียทางสงั คม และ ความสญู เสีย ทางเศรษฐกิจ) นอ้ ยทสี่ ุด และไม่เกิดข้ึนอกี หรือหากเกดิ ขึ้นก็สามารถรบั มือได้ อย่างมปี ระสิทธผิ ล(effectively) และมปี ระสิทธิภาพ (efficiently)
การที่จะปอ้ งกันและควบคุมโรค NCDs จะตอ้ งการความรู้และธรรมชาติ ของการเกดิ โรคด้วย โดยใช้วธิ กี ารศึกษา วิจัย ทางระบาดวทิ ยาหาสาเหตุและ ปัจจัยของการเกิดโรคว่ามีความสัมพนั ธก์ ันอย่างไรเพอื่ นามาวเิ คราะห์วา่ ความสมั พันธน์ ัน้ ๆ เปน็ สาเหตุโดยตรงหรอื โดยอ้อมของโรค ทาใหน้ ิยามความหมายของ “การป้องกนั โรค” ไดค้ รอบคลุม ความหมาย ของ “การควบคมุ โรค” ไปดว้ ย ต้งั แตก่ จิ กรรมทด่ี าเนินการ (Primary Prevention) กอ่ นเกดิ โรค (Secondary Prevention) เกิดโรคแล้ว แต่ยงั ไม่เกิดอาการ (Tertiary Prevention) เกิดอาการแลว้
Primary Prevention การปอ้ งกันการระบาดในระดับปฐมภมู ิ การเสริมสรา้ งภูมิคุม้ กนั ต่อโรค เนน้ การป้องกันการเกดิ และลดปจั จยั การระบาดตามชนดิ ของโรค -การฉดี วัคซนี ปอ้ งกันโรค -การจ่ายยาถา่ ยพยาธิ -การจา่ ยยาปฏิชีวนะหรือการทาหมนั ในสตั วเ์ พศเมียเพื่อปอ้ งกันการ เกิดมะเรง็ เตา้ นม เปน็ ตน้
Primary Prevention ลดสาเหตุท่ที าใหเ้ กดิ โรค ลดความเส่ยี งท่ีจะทาให้เกดิ โรค กจิ กรรมทสี่ าคัญ ไดแ้ ก่ (Healthy Environment) - การสง่ เสรมิ ให้มสี ง่ิ แวดล้อมท่ีเอ้อื ตอ่ สขุ ภาพของประชาชน - การส่งเสรมิ ใหร้ า่ งกายมคี วามต้านทานตอ่ โรคตา่ ง ๆ และการส่งเสริมให้ ประชาชนมีพฤติกรรมสขุ ภาพทเ่ี หมาะสม (Healthy Behaviors) การป้องกันไมใ่ ห้ประชากรปว่ ยเปน็ โรค เน้นมาตรการทที่ ากับประชากรเป็นหลัก
Primary Prevention การส่งเสริมสขุ ภาพ (Health Promotion) เปน็ การส่งเสริมป้องกนั ท่สี าคัญมาก เป็นการส่งเสริมให้ คน (Host) มีความสมบูรณ์ สมดุล ท้งั รา่ งกาย จิตใจ และสังคม สุขภาพแข็งแรงไมเ่ ป็นโรคไดง้ า่ ย สง่ เสริมความรู้และทศั นคติที่ดีต่อการดูแลสุขภาพ สามารถนาศาสตรข์ องสขุ ศึกษาและประชาสัมพนั ธ์มาใชไ้ ด้โดยการ “ปรบั เปลีย่ นพฤตกิ รรมและวิถีชีวิตรวมถงึ การปรับปรงุ สง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพ และทางสงั คม” เพอื่ ให้เออ้ื ต่อการมีสขุ ภาพทีด่ ีมากที่สดุ •
Primary Prevention การให้คาปรึกษาดา้ นสุขภาพ (General counseling) เป็นการปอ้ งกันโรคโดยการแนะนาให้ความรดู้ ้านสขุ ภาพท่ถี ูกตอ้ ง เกย่ี วกับสุขภาพ เช่น -ความรทู้ างพันธุกรรม -เพศศึกษา -การสมรส -สุขภาพจติ -ภาวะโภชนาการ เป็นต้น
ประเทศไทยพบผูป้ ว่ ยสว่ นใหญ่ท่ีเป็นโรคมกี ารวเิ คราะห์พบสาเหตุของ โรคท่สี าคัญตามการวิเคราะห์ด้วยหลัก 3อ. 2ส. จงึ ทาใหเ้ กดิ เปน็ โรคไมต่ ิดต่อ ปจั จัยเสี่ยงเชน่ 1. อ้วนพมี ีพงุ 2. นา้ หนักเกนิ 3. ดื่มสุรา แอลกอฮอลเ์ ปน็ ประจา 4. สบู บุหร่ี หรอื ดมควันบหุ รี่เป็นประจา 5. เป็นโรคไม่ติดต่ออย่แู ลว้ โดยเฉพาะควบคมุ โรคที่เปน็ อย่ไู มด่ ี 6. คนในครอบครัวมีประวตั ิเปน็ โรคไมต่ ิดตอ่ เร้อื รัง หรือเคยขยาย/ ผ่าตดั หลอด เลือดหวั ใจ ทาบอลลนู / บายพาส หรอื ตายเฉยี บพลนั โดยไม่รู้สาเหตุ ตอนอายนุ อ้ ย (ชายไมเ่ กิน 55 ปีหญงิ ไมเ่ กนิ 65 ปี )
Secondary Prevention การป้องกันการระบาดในระดบั ทุตยิ ภมู ิ การคน้ หาโรคและแหลง่ รังโรค เนน้ ไปทแ่ี ผนการจัดการระบบเฝา้ ระวังการระบาดเปน็ หลกั ตรวจหาผู้ปว่ ยหรอื ปัจจัยโนม้ นาการปว่ ยใหพ้ บโดยเรว็ ก่อนทีจ่ ะมีการ ระบาดในวงกวา้ ง จากน้นั จึงคอ่ ยทาการคัดแยกผปู้ ว่ ยแล้วทาการรักษา เป็นการปอ้ งกันในระยะทีโ่ รคไดเ้ กดิ ข้ึนแล้ว
Secondary Prevention วัตถุประสงคส์ าคัญ ระงับกระบวนการดาเนินของโรค ปอ้ งกันการแพร่เช้ือและระบาดของโรคไปยงั บุคคลอื่นหรอื ชมุ ชนอื่น มุ่งเน้นการคัดกรองโรค เพื่อให้พบโรคโดยเร็วทีส่ ุดกอ่ นที่จะมีอาการ ให้การรกั ษาทนั ที หากพบโรคจากการคัดกรอง เชือ่ วา่ การคน้ พบโรคในระยะแรกและให้การรักษาอย่างทันท่วงที จะมี ผลการรกั ษาที่ดีกวา่ การคน้ พบโรคในระยะหลงั ๆ หรือ การใหก้ ารรักษาช้า หรือตรวจพบโรคในระยะแรก
Secondary Prevention การดาเนินงานในการปอ้ งกนั เพื่อป้องกนั โรคในคน (Host) การดาเนนิ งานการป้องกันในระยะกอ่ นมีอาการ/ระยะมอี าการ มักจะค้นหาผ้ปู ว่ ยที่ยังไม่มอี าการและรีบวนิ จิ ฉัยผู้ปว่ ยทีม่ อี าการแล้ว รบี ให้การรกั ษาและฟน้ื ฟสู ภาพเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความพิการน้อยที่สุด เฝา้ ระวังสิ่งแวดลอ้ ม (Environment) ทเ่ี อื้อตอ่ การเกิดโรคได้
Secondary Prevention การดาเนนิ งานในลกั ษณะนี้คือ การตรวจคัดกรองโรค (Screening) ตรวจคน้ หาโรคหรือความพกิ าร ต่าง ๆ ทย่ี ังไม่ปรากฏอาการใหเ้ หน็ ทางคลินกิ ค้นหาจากการตรวจจากห้องปฏบิ ตั ิการหรอื การทดสอบตา่ ง ๆ สามารถแยกผปู้ ว่ ยหรอื ผ้ทู ่ีมีส่ิงผดิ ปกติในรา่ งกายได้ การตรวจคดั กรองไม่ใช่การวินจิ ฉัยโรค เป็นเพยี งสบื คน้ หาบุคคลท่ีมีโอกาสเป็น โรค (สมั ผสั กับปจั จัยเสยี่ ง) นาบุคคลท่ีมคี วามเสี่ยงมาใหค้ าแนะนา วนิ จิ ฉัยให้ถูกตอ้ ง ดแู ลและรักษาให้ ทันเวลา เพ่ือเพิม่ ประสิทธิภาพในการรกั ษา ลดภาวะแทรกซ้อน ความพกิ าร และการเสยี ชวี ิตลงได้ • ในการดาเนนิ การตรวจสอบคัดกรองโรคไม่ตดิ ตอ่ NCDs มี
Secondary Prevention การดาเนนิ งานในลกั ษณะนค้ี ือ การตรวจคัดกรองโรค (Screening) ตรวจสอบคดั กรองโรคไม่ตดิ ตอ่ NCDs มคี วามสาคัญมาก หากคน้ พบผูป้ ว่ ยกอ่ นผูป้ ่วยกม็ โี อกาสรักษาใหห้ ายขาดได้มากข้นึ เชน่ การตรวจเซลลม์ ะเรง็ ปากมดลกู การตรวจเตา้ นมด้วยตนเองในหญงิ แต่งงานแล้วอยา่ งนอ้ ยปีละ 1 ครง้ั การวดั ความดนั โลหิตเพอ่ื ค้นหาโรคความดนั โลหิตสูง การตรวจหานา้ ตาลโดยใชแ้ ถบตรวจปัสสาวะเพอื่ ค้นหาโรคเบาหวาน
Secondary Prevention การดาเนนิ งานในลกั ษณะน้คี อื การตรวจวนิ ิจฉัยโรคเมื่อเริม่ อาการและได้รับการรกั ษาทนั ที (Early Diagnosis of Symptomatic cases and Prompt Treatment) เมอ่ื พบผู้ปว่ ยจะตอ้ งดาเนนิ การ ตรวจร่างกาย ตรวจทางห้องปฏิบตั ิการหรอื ตรวจด้วยการทดสอบตา่ ง ๆ เพอื่ จะไดร้ บั การวินจิ ฉยั ทีถ่ ูกต้องและรวดเรว็ เพ่ือการรกั ษาอย่างทนั ทว่ งที ลดระยะเวลาเจ็บป่วย ความพิการ ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่เกดิ ขน้ึ ใหล้ ดน้อยลง • การดาเนินการปอ้ งกันโรคด้วยการคดั กรองโรคและการตรวจ
Secondary Prevention การดาเนนิ งานในลักษณะนีค้ อื การดาเนนิ การปอ้ งกนั โรคด้วยการคัดกรองโรคและการตรวจวินจิ ฉยั เมือ่ เริ่มมีอาการและได้รบั การรักษาทันที การบริการเชิงรุกที่สาคัญ ทาไดเ้ ปน็ ครง้ั คราว (Periodic Survey) ระบบปกติของการดแู ลสขุ ภาพที่บา้ น (Home Health Care) โดยทมี สุขภาพ เพือ่ ค้นหาผูป้ ว่ ยในระยะเรม่ิ แรกและรกั ษาให้หายหมด สามารถกระตุ้นให้ผู้ปว่ ยเข้ามาการรกั ษาอยา่ งสม่าเสมอ ดูแลป้องกันผปู้ ่วยไมใ่ หม้ ีภาวะแทรกซ้อน (Complication)
ตวั อยา่ งการป้องกนั สขุ ภาพระดับทตุ ิยภูมิ การคดั กรองโรคเบาหวาน (Diabetes mellitus) ความดันโลหติ สูง (Hypertension) การคดั กรองกลุ่มเสยี่ งตอ่ ภาวะเบาหวานและความดนั โลหติ สงู กระบวนการคดั แยกบุคคลท่ีมีโอกาสเส่ยี งสูงตอ่ ภาวะเบาหวานและความ ดันโลหิตสูงออกจากกลมุ่ ปกติ
ตวั อยา่ งการป้องกันสขุ ภาพระดบั ทตุ ยิ ภมู ิ แนวทางการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงตอ่ ภาวะเบาหวานและความดนั โลหิตสงู คดั กรองประชาชนอายุ 15 ปขี ึ้นไปทไ่ี มท่ ราบวา่ เปน็ DM และ HT เข้ารบั บริการคดั กรองเบาหวานและความดนั โลหิตสูง แจ้งผลโอกาสเสยี่ ง แจง้ แนวทางปฏบิ ัตติ นแกผ่ ไู้ ด้รับการคัดกรองตามสถานะความเส่ยี ง กลมุ่ เป้าหมายในการคัดกรอง ได้แก่ ประชากรอายุ 15-34 ปี และ ประชากรอายุ 35 ปขี ้ึนไป
ข้นั ตอนการคัดกรองการดาเนนิ งาน มดี ังนี้ การคัดกรองความดันโลหิตสูงในประชากรอายุ 15-34 ปี การคัดกรองเบาหวานในประชากรอายุ 15-34 ปี การคัดกรองความดันโลหิตสูงในประชากรอายุ 35 ปี การคดั กรองเบาหวานในประชากรอายุ 35 ปี การประเมินโอกาสเสย่ี งตอ่ โรคหัวใจและหลอดเลือด
1. มีภาวะนา้ หนักเกนิ และอ้วน รอบเอว ≥1/2 ของสว่ นสงู (เซนตเิ มตร) หรือมีดชั นมี วลกาย ≥ 25 Kg/m2 2. มภี าวะความดันโลหิตสงู BP ≥ 140/90 mmHg. หรอื มีประวตั เิ ป็น HT หรอื รับประทานยาควบคมุ HT 3. มีรอยพบั รอบคอหรอื ใต้รักแร้ดา 4. มปี ระวัติบิดา มารดา พ่ี หรือน้อง เป็นเบาหวาน 5 ข้อ การคดั กรองความเสย่ี งของเบาหวานดว้ ยวาจา 5. สูบบุหร่ี (Verbal Screening)
การประเมินปจั จยั เสย่ี ง CVD (Cardiovascular Disease) โรคหวั ใจและหลอดเลอื ดดว้ ยวาจา 9 ขอ้ ดงั น้ี 1. การกนิ ผัก ผลไม้ไม่เพียงพอ (ผัก ผลไม้ < 400 กรมั ตอ่ วัน) 2. การมีวถิ ีชีวิตนงั่ ๆ นอน ๆ (มกี จิ กรรมทางกายระดับปานกลาง < 150 นาทีต่อสปั ดาห์) 3. สูบบหุ รี่ (ยังคงสบู บหุ รี่ ยาเส้น ยาสบู บุหรีซ่ กิ กาแรต บุหรซี่ กิ าร)์ หรอื หยุดสูบไมเ่ กนิ 1 ปี 4. ดชั นมี วลกาย และ รอบเอวเกิน •
การประเมินปจั จยั เสี่ยง CVD (Cardiovascular Disease) โรคหวั ใจและหลอดเลอื ดดว้ ยวาจา 9 ข้อดังน้ี 5. มีอตั ราส่วนของ cholesterol ตอ่ HDL (High Density Lipoprotein) > 5 หรอื ประวัตไิ ขมนั ผดิ ปกติ (ค่า LDL หรอื Low Density Lipoprotein สงู ) 6. มีประวตั ิ HTและมีประวตั ิ DM 7. มีประวัติ IHD (Ischemic Heart Disease) และหรอื Stroke 8. ประวัตญิ าตสิ ายตรง เคยไดร้ ับการวินิจฉัย จากแพทยว์ ่าป่วยดว้ ย CVD
การคดั กรองเบาหวาน ในประชากรอายุ 35 ปขี น้ึ ไป 1. มีภาวะนา้ หนักเกินและอ้วน (Verbal screening) รอบเอว ≥1/2 ของส่วนสงู (เซนติเมตร) หรอื มดี ัชนีมวลกาย ≥ 25 Kg./m2 2. มปี ระวตั ญิ าตสิ ายตรง (บดิ า มารดา พ่ีหรือนอ้ ง) เปน็ เบาหวาน 3. มีระดับความดันโลหิตสูง ≥ 140/90 mmHg. หรอื กาลังรบั ประทาน ยาควบคมุ ความดนั โลหติ สงู 4. ประวัตไิ ขมนั ในเลือดผดิ ปกติ (ไตรกลเี ซอไรด์ ≥ 250 mg./dl. และ/ หรอื HDL Cholesterol < 35 mg./dl.)
การคัดกรองเบาหวาน (Verbal screening) ในประชากรอายุ 35 ปีขนึ้ ไป 5. ประวตั มิ ีน้าตาลในเลอื ดสงู จากการตรวจเลือดหลงั อดอาหาร (Fasting Plasma Glucose) เท่ากบั 100-125 มก./ดล. หรือการตรวจนา้ ตาลในเลอื ด 2 ชัว่ โมงหลงั กนิ กลโู คส 75 กรัม มรี ะดบั นา้ ตาลเทา่ กบั 140-199 มก./ดล. 6. ประวัตเิ ป็นเบาหวานขณะตง้ั ครรภ์หรอื เคยคลอดบตุ รทม่ี นี า้ หนักแรก คลอดมากกวา่ 4 กิโลกรมั *เม่อื พบปัจจยั เส่ียง 1 ปัจจยั ข้นึ ไป ใหส้ ่งตรวจวดั ระดบั นา้ ตาลในเลือดดว้ ยการเจาะปลายนวิ้
Note: • ข้อแตกต่างระหวา่ ง Triglycerides และ Cholesterol Triglycerides แตกตา่ งจาก Cholesterol เพราะ Cholesterol ไม่มคี า่ ในเชงิ พลังงาน แต่ Triglycerides เป็นไขมันแท้จริงมคี ่าพลังงานเทา่ กับประมาณ 9 Cal/g ในยามท่รี า่ งกายขาดกลูโคส เช่น ในกรณไี มไ่ ดบ้ ริโภคอาหารคาร์โปไฮ เดรต ร่างกายกน็ า Triglycerides ท่ีสะสมไว้ เอาออกมาเผาผลาญสรา้ งพลงั งาน แต่ Cholesterol เปน็ ไขมนั ทีไ่ ว้สร้างสเตยี รอยด์ฮอร์โมนและจาเป็นในเซลล์ตา่ งๆ ของรา่ งกาย ไมไ่ ด้ไวเ้ ป็นพลังงานให้กับร่างกายแตอ่ ย่างใด
Note: • ไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides) สงู ทาใหเ้ กิดโรค • ทาใหเ้ กดิ โรคหลอดเลือดแขง็ ทาให้เกดิ ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลอื ดสมอง โรคอว้ นจะพบในผ้ปู ่วยทคี่ วบคมุ ไขมนั ไมด่ ี ทาให้เกิดโรค หลอดเลอื ดแขง็ พบในภาวะตอ่ มไทรอยดท์ างานน้อย โรคตับ โรคไต พบในผูป้ ่วยท่ี รบั ประทานยาบางชนดิ
การประเมนิ โอกาสเส่ยี งต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด CVD การประเมนิ โอกาสเส่ยี งต่อโรคหัวใจและหลอดเลอื ด หรอื CVD ของ สานกั โรคไม่ตดิ ต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ Thai CV Risk score ทาในกลุ่มดังนี้ 1. กลมุ่ ปว่ ยด้วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานทกุ ราย 2. กลมุ่ ปกติและกลุ่มเสี่ยงจากการคดั กรองเบาหวาน อายุ 35 ปขี ้ึนไป ท่ไี ด้รับการประเมินปจั จยั เสี่ยง CVD ดว้ ยวาจา 9 ข้อ แล้วพบปัจจยั เสย่ี งตง้ั แต่ 5 ขอ้ ข้ึนไป
การปอ้ งกนั โรค NCDs การดูแลกลุ่มเสย่ี งตัง้ แตย่ ังไม่มีอาการโดยการปรับเปลยี่ นพฤติกรรม และวถิ ีชีวติ ท่ีไมเ่ หมาะสม ลดปัจจัยเส่ียงตอ่ การเกดิ โรคเบาหวานและความดนั โลหิตสูง สามารถปอ้ งกนั และยดื ระยะเวลาการเป็นโรคออกไปไดถ้ ึง รอ้ ยละ 50 เป็นวิธีการปอ้ งกันการเกิดโรคทด่ี ที สี่ ดุ
Search