นิทาน เนมิราชชาดก (อธิษฐานบารมี)
คำนำ นิทานเรื่อง เนมิราชชาดก เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาพุทธประวัติ หลักธรรม ทางพระพุทธศาสนา รหัสวิิชา 1522219c มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาความรู้เกี่ยวกับ ทศชาติชาดก 10 ชาติ ซึ่งนิทานนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ครั้งยังเป็นพระ โพธิสัตว์ในชาติที่ 4 ใน10พระชาติ ก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยที่ได้รวบรวมเนื้อหาจากเว็บอินเตอร์เน็ตและเอกสารประกอบการเรียน การจัดทำนิทานเรื่องนี้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ไปได้ด้วยดี คณะผู้จัดทำ ขอขอบพระคุณ อาจารย์นันทพร บุญพรหม ที่ได้ให้คำแนะนำในการทำนิทาน ชาดก จนทำให้นิทานเล่มนี้เสร็จสมบูรณ์ คณะผู้จัดทำหวังว่าเนื้อหาในนิทาน ที่ได้เรียบเรียงมา จะมีประโยนช์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาเป็นอย่างดี หากมีข้อผิด พลาดประการใดในนิทาน คณะผู้จัดทำขอน้อมรับในข้อชี้แนะ และพร้อมที่จะ นำมาปรับปรุงแก้ไขหรือพัฒนาให้ถูกสมบูรณ์ต่อไป
ตัวละครหลักในเรื่อง พระเจ้าเนมิราช พระบิดาของ พระเจ้าเนมิราช เทพทิดาวารุณี มาตุลี ยมบาล พระอินทร์
เชิญรับชมรับฟังได้แล้ว ค่ะ/ครับ
ณ เมืองมิถิลา มีพระราชา และพระโอรส ชื่อว่า เนมิกุมาร ผู้ซึ่งจะสืบสมบัติในกรุงมิถิลาต่อไป เนมิกุมารทรงมี พระทัยฝักใฝ่ในการบำเพ็ญทานมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ทรงรักษาศีลอย่างเคร่งครัด เมื่อพระราชาทอดพระเนตรเห็นเส้นพระเกศาหงอก ก็ทรงรำพึงว่า ถึงเวลามอบราชสมบัติให้แก่พระโอรสแล้ว พระราชาก็ได้มอบราชสมบัติและเมืองมิถิลาให้กับ พระเจ้าเนมิราชได้ขึ้นครองต่อไป พระราชาจึงเสด็จบำเพ็ญเพียรในทางธรรม และรักษาศีลตราบจนสวรรคต
เมื่อพระเจ้าเนมิราชทรงขึ้นครองราชสมบัติ จึงโปรดให้สร้างโรงทาน 5 แห่ง ได้แก่ โรงทานริมประตูเมือง 4 แห่ง และโรงทานกลางพระนคร 1 แห่ง ทรงบริจาคทานแก่ประชาชน ทรงรักษาศีล และสั่งสอนประชาชนของพระองค์ให้อยู่ในศีลธรรม ทำให้ประชาชนทั้งหลาย เป็นผู้มีศีลธรรม ไม่เบียดเบียน ไม่ทำบาป บ้านเมืองอยู่ร่มเย็นเป็นสุข ผู้คนต่างก็พากันสรรเสริญพระคุณของพระเจ้าเนมิราชอยู่ทั่วไป
พระอินทร์เสด็จจากดาวดึงส์ ลงมาปรากฏหน้าพระพักตร์พระราชา และทรงตรัสกับพระราชา ว่า \"หม่อมฉันมาเพื่อแก้ข้อสงสัย ที่ทรงมีพระประสงค์จะ ทราบว่าระหว่างทาน กับการประพฤติพรหมจรรย์ สิ่งใดจะเป็นกุศลยิ่งกว่ากัน หม่อมฉันขอทูลให้ทราบว่า บุคคลได้เกิดในตระกูลกษัตริย์นั้นก็เพราะ ประพฤติพรหมจรรย์ในขั้นต่ำ บุคคลได้เกิดในเทวโลก เพราะได้ประพฤติพรหมจรรย์ขั้นกลาง บุคคลจะถึงความบริสุทธิ์ ก็เพราะประพฤติพรหมจรรย์ ขั้นสูงสุด การเป็นพรหมนั้น เป็นได้ยากลำบากยิ่ง ผู้จะประพฤติพรหมจรรย์จะต้องเว้นจากวิถีชีวิตอย่างมนุษย์ ปุถุชน ต้องไม่มีเหย้าเรือน ต้องบำเพ็ญธรรมสม่ำเสมอ ดังนั้น การประพฤติพรหมจรรย์จึงทำได้ยากยิ่งกว่าการบริจาคทาน และได้กุศลมากยิ่งกว่าหลายเท่านัก บรรดากษัตริย์ทั้งหลาย มักบริจาคทานกันเป็นการใหญ่แต่ก็ไม่ สามารถจะล่วงพ้นจากกิเลสไปได้ แม้จะได้ไปเกิดในที่อันมีแต่ความสนุก ความบันเทิงรื่นรมย์ แต่ก็เปรียบไม่ได้กับความสุขอันเกิดจาก ความสงบอัน วิเวก อันจะได้มาก็ด้วยการประพฤติพรหมจรรย์เท่านั้น\"
พระอินทร์ได้ทรงเล่าเรื่องราวของพระองค์ให้พระเจ้าเนมิราชฟัง ที่ได้ประกอบทานอันยิ่งใหญ่เมื่อชาติที่เกิดเป็น พระราชาแห่งพาราณสี ได้ทรงถวายอาหารแก่นักพรตที่อยู่บริเวณแม่น้ำสีทา เป็นจำนวนหมื่นรูป ได้รับกุศลยิ่งใหญ่ แต่ก็เพียงแต่ได้เกิดในเทวโลกเท่านั้น ส่วนบรรดานักพรต ที่ประพฤติพรหมจรรย์เหล่านั้น ล้วนได้ไปเกิดใน พรหมโลก อันเป็นแดนที่สูงกว่าและมีความสุขสงบอันบริบูรณ์กว่า แต่แม้ว่าพรหมจรรย์จะ ประเสริฐกว่าทาน พระอินทร์ก็ได้ทรงเตือนให้พระเจ้าเนมิราชทรงรักษาธรรมทั้งสองคู่กันคือ บริจาคทานและรักษาศีล
ครั้นเมื่อพระอินทร์เสด็จกลับไปเทวโลกแล้วเหล่าเทวดา ซึ่งครั้งที่เกิดเป็นมนุษย์นั้นได้เคยรับทานและ ฟังธรรมจากพระเจ้าเนมิราช จนได้มาบังเกิดในเทวโลก ต่างพากันไปเฝ้าพระอินทร์และทูลว่า \"พระเจ้าเนมิราชทรงเป็น อาจารย์ของเหล่าข้าพระบาทมาแต่ก่อน ข้าพระบาททั้งหลายรำลึกถึงพระคุณ พระเจ้าเนมิราช ใคร่จะได้พบพระองค์ขอได้โปรดเชิญเสด็จพระเจ้าเนมิราชมา ยังเทวโลกนี้ด้วยเถิด\"
พระอินทร์จึงมีเทวบัญชาให้มาตุลี เทพสารถีนำเวชยันตราชรถ ไปเชิญเสด็จพระเจ้าเนมิราช จากกรุงมิถิลาขึ้นมายังเทวโลก มาตุลีเทวบุตรรับ โองการแล้วก็นำราชรถไปยังมนุษยโบกในคืนวันเพ็ญ ขณะพระเจ้าเนมิราชกำลัง ประทับอยู่กับเหล่าเสนาอำมาตย์ มาตุลีทูลเชิญพระราชาว่า เทพบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์รำลึกถึงพระคุณของพระองค์ ปรารถนาจะได้พบพระองค์ จึงนำราชรถมาเชิญเสด็จไปยังเทวโลก พระเจ้าเนมิราช ทรงรำพึงว่า พระองค์ยังมิเคยเห็นเทวโลก ปรารถนาจะเสด็จไปตามคำเชิญของเหล่าเทพ จึงเสด็จประทับ บนเวชยันตราชรถ มาตุลีจึงทูลว่า สถานที่ที่จะเชิญเสด็จไปนั้น มี 2 ทาง คือ ไปทางที่ อยู่ของเหล่าผู้ทำบาปหนึ่งทาง และไปทางสถานที่อยู่ของผู้ทำบุญหนึ่งทาง พระราชา ประสงค์จะเสด็จไปที่ใดก่อนก็ได้ พระราชาตรัสว่า พระองค์ประสงค์จะไปยังสถานที่ของเหล่าผู้ทำบาปก่อน แล้วจึงไปยังที่แห่งผู้ทำบุญ
มาตุลีก็นำเสด็จไปยังเมืองนรก ผ่านแม่น้ำเวตรณี อันเป็นที่ทรมาณสัตว์นรก แม่น้ำเต็มไปด้วยเถาวัลย์ หนามโตเท่าหอก มีเพลิงลุก โชติช่วง มีหลาวเหล็กเสียบสัตว์นรกไว้เหมือนอย่างปลา เมื่อสัตว์นรกตกลงไปในน้ำก็ถูกของแหลมคมใต้น้ำสับขาดเป็นท่อนๆ บางที นายนิรยบาลก็เอาเบ็ดเหล็กเกี่ยวสัตว์นรกขึ้นมาจากน้ำ เอามานอนหงายอยู่บนเปลวไฟบ้าง เอาก้อนเหล็กมีไฟลุกแดงอุดเข้าไปใน ปากบ้าง สัตว์นรกล้วนต้องทนทุกขเวทนาด้วยอาการต่างๆ พระราชาตรัสถามถึงโทษของเหล่าสัตว์นรกเหล่านี้ว่าได้ประกอบกรรมชั่ว อะไรไว้จึงต้องมารับโทษดังนี้ มาตุลีก็ตอบบรรยายถึงโทษกรรมที่สัตว์นรกเหล่านี้ ประกอบไว้ เมื่อครั้งที่เกิดเป็นมนุษย์
จากนั้น มาตุลีก็พาพระราชาไปทอดพระเนตรขุมนรกต่างๆ ที่มีบรรดาสัตว์นรกถูกจองจำและลงโทษ อยู่ด้วยความทรมาณ แสนสาหัส น่า ทุเรศเวทนาต่างๆ เป็นที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง พระราชาตรัสถามถึงโทษของสัตว์นรกแต่ละประเภท มาตุลีก็ตอบโดยละเอียด เช่น ผู้ที่เคย ทรมาณไล่จับไล่ยิงนกขว้างนกจะถูกนายนิรยบาลเอาเหล็กพืดรัดคอ กดหัว แล้วดึงเหล็กนั้นจนคอขาด ผู้ที่เคยเป็นพ่อค้าแม่ค้า แล้วไม่ซื่อ ต่อคนซื้อ เอาของเลวมาหลอกว่าเป็นของดี หรือเอาของเลวมาปนของดี ก็จะถูกลงโทษให้เกิดความกระหายน้ำ ครั้นเมื่อไปถึงน้ำ น้ำนั้นก็ กลายเป็นแกลบเพลิง ลุกเป็นไฟ ก็จำต้องกินแกลบนั้นต่างน้ำ เมื่อกินเข้าไปแกลบน้ำ ก็แผดเผาร่างกายได้รับทุกขเวทนาสาหัส
ผู้ที่เคยทำความเดือดร้อนให้มิตรสหายอยู่เป็นนิตย์ รบกวน เบียดเบียนมิตรสหายด้วยประการต่างๆ เมื่อ ตาย ไปเกิดในขุมนรก ก็จะรู้สึกหิวกระหายปรารถนาจะกินอาหาร แต่อาหารที่ได้พบ ก็คืออุจจาระปัสสาวะ สัตว์นรก เหล่านี้จำต้องดื่มกินต่างอาหาร ผู้ที่ฆ่าบิดามารดา ฆ่าผู้มีพระคุณ ฆ่าผู้มีศีลธรรม จะถูกไฟนรกแผดเผาให้ กระหายต้องดื่มเลือดดื่มหนองแทนอาหาร ความทุกข์ ทรมาณอันสาหัสในขุมนรกต่างๆ มีอยู่มากมาย เป็นที่น่าทุเรศเวทนา ทำให้พระราชารู้สึกสยดสยองต่อผลแห่ง กรรมชั่วร้าย ของมนุษย์ใจบาปหยาบช้าทั้งหลายยิ่งนัก
พระราชาทอดพระเนตรเห็นวิมารแก้วของนางเทพธิดาวารุณี ประดับด้วยแก้ว แพรวพรายมีสระน้ำ มีสวนอันงดงามด้วยดอกไม้นานาพรรณ จึงตรัสถามมาตุลี ว่า นางเทพธิดา วารุณีประกอบกรรมดีอย่างใดไว้ จึงได้มีวิมานที่งดงามวิจิตร เช่นนี้
มาตุลีตอบว่า นางเทพธิดาองค์นี้ เมื่อเป็นมนุษย์ เป็นสาวใช้ของพราหมณ์ มีหน้าที่จัดอาสนะสำหรับภิกษุ และจักสลากภัต ถวายภิกษุอยู่เนืองๆ นางบริจาคทาน และ รักษาศีลตลอดเวลา ผลแห่งกรรมดีของนางจึงได้บังเกิดวิมานแก้วงามเรืองรอง พระราชาเสด็จผ่านวิมานต่างๆ อันงดงามโอฬารและ ได้ตรัส ถามเทวสารถี ถึงผลบุญที่เหล่าเทพบุตร เทพธิดาเจ้าของวิมานเหล่านั้นได้เคยประกอบไว้ เมื่อครั้งที่เกิดเป็นมนุษย์ มาตุลี ก็ทูลให้ทราบโดยละเอียด ความงามและความรื่นรมย์ ในเทวโลกเป็นที่จับตาจับใจของพระราชาเนมิราชยิ่งนัก
ในที่สุด มาตุลีก็นำเสด็จพระราชาไปถึงวิมานที่ประทับของพระอินทร์ เหล่าเทพยดาทั้งหลายมีความ โสมนัสยินดีที่ได้พบ พระ ราชาผู้เคยทรงมีพระคุณต่อเทพยดาเหล่านั้น ตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก เหล่าเทพได้ทูลเชิญให้พระราชา ประทับอยู่ในวิมานของตน เพื่อเสวยทิพย์สมบัติอันรื่นรมย์ในดาวดึงส์ พระราชาตรัสตอบว่า \"สิ่งที่ได้มาเพราะผู้อื่น ไม่เป็น สิทธิขาดแก่ตน หม่อมฉันปรารถนาจะประกอบกรรมดี เพื่อให้ได้รับผลบุญตามสิทธิอันควรแก่ตนเอง หม่อมฉันจะตั้งหน้า บริจาคทาน รักษา ศีล สำรวม กาย วาจา ใจ เพื่อให้ได้รับผลแห่งกรรมดี เป็นสิทธิของหม่อมฉันโดยแท้จริง\" พระราชา ประทับอยู่ในดาวดึงส์ชั่วเวลาหนึ่ง แล้วจึงเสด็จกลับเมืองมิถิลา
ได้ตรัสเล่าสิ่งที่ได้พบเห็นมาแก่ปวงราษฎร ทั้งสิ่งที่ได้เห็นในนรกและสวรรค์ แล้วตรัสชักชวนให้ ประชาชนทั้งหลาย ตั้งใจมั่น ประกอบกรรมดี บริจาคทาน รักษาศีล เพื่อให้ได้ไปเกิดในเทวโลก ได้รับความสุขสบายรื่นรมย์ในทิพยวิมาน พระราชาเนมิราชทรงครองแผ่นดินสืบต่อมาด้วยความเป็น ธรรม ทรงตั้งพระทัยรักษาศีลและบริจาค ทานโดยสม่ำเสมอมิได้ขาด
วันหนึ่งเมื่อทอดพระเนตรเห็นเส้นพระเกศาหงอกขาวก็สลดพระทัยในสังขาร ทรงดำริที่จะออกบวชเพื่อประพฤติ พรหมจรรย์ จึงตรัสเรียกพระโอรสมาเฝ้าและทรงมอบราชสมบัติแก่พระราชโอรส หลังจากนั้นพระราชาเนมิราชก็ ออกผนวช เจริญพรหมวิหาร ได้สำเร็จบรรลุธรรม ครั้นเมื่อสวรรคตก็ได้ไปบังเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสมบัติ อันรื่นรมย์ กุศลกรรมที่พระราชาทรงประกอบ อันส่งผลให้พระองค์ได้ไปสู่เทวโลกนั้นคือ การพิจารณาเห็นโทษ ของความชั่ว และความสยดสยองต่อผลแห่งกรรมชั่วนั้น และ อานิสงส์ของกรรมดีที่ส่งผลให้บุคคลได้เสวยสุขใน ทิพยสมบัติ อานิสงส์อันประเสริฐที่สุด คือ อานิสงส์แห่งการประพฤติ พรหมจรรย์คือการบวชเมื่อถึงกาลอันสมควร
คติธรรม บำเพ็ญอธิษฐานบารมี การหมั่นรักษาความดี ประพฤติ ชอบโดยตั้งใจ โดยมุ่งมั่น หากทำความดีแล้วย่อมได้ดี ประพฤติชั่วย่อมได้ผลชั่วตอบแทน นี้เป็นเรื่องที่สมควร ยึดมั่นโดยแท้
สมาชิกในกลุ่ม 1.นายชาคริต รักษาวงศ์ 6412258102 2.นายนัฐวุฒิ จันทร์กล้า 6412258105 3.นายอำพล ไชยสีหา 6412258110 4.นางสาวเกศรินทร์การะเกต6412258113 5.นางสาวจันทร์ทิพย์ สำเภา 6412258114
6.นางสาวพัชรี จามะรีย์ 6412258120 7.นางสาวศิรินภา สมอ 6412258125 8.นางสาวสุธาสินี หลาทอง 6412258128 9.นางสาวณัฐกุล สุโพธิ์ 6412258216 10.นางสาวศิริรัตน์ สีมาฤทธิ์ 6412258225 11.นางสาวสิรีธร พุ่มจันทร์ 6412258226
เสนอ อาจารย์ นันทพร บุญพรหม วิชาพระพุทธประวัติ หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
จบบริบูรณ์
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: