หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5 ผลติ ภณั ฑแ์ ละพอลเิ มอร์ วทิ ยาศาสตร์เพอ่ื พฒั นาอาชีพธุรกจิ และบรกิ ารรหัสวิชา 20000-1303 สอนโดย นายอภิชาติ เหล่าแสลง
1. พอลเิ มอร์ (Polymer) 2. เส้นใย (Fibers) หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 5 ผลติ ภณั ฑ์และพอลเิ มอร์ 3 ยาง (Rubber)
พอลิเมอร์ (Polymer) ❖ หมายถึง สารท่ีมีโมเลกุลขนาด ใหญ่ เกิดจากโมเลกุลพื้นฐาน เรียกว่า มอนอเมอร์ (Monomer) จานวนมากเชอ่ื มต่อกันดว้ ย พันธะโควาเลนต์
พอลิเมอร์ (Polymer) ➢ พอลเิ มอรท์ ปี่ ระกอบด้วย มอนอเมอร์ ชนิดเดยี วกนั เรยี กว่า โฮโมพอลเิ มอร์ เช่น PVC ➢ แต่บางชนิดมีมอนอเมอร์หลาย ชนิด เรียกว่า โคพอลิเมอร์หรือ พอลเิ มอรร์ ่วม เช่น ไนลอน
ผลติ ภณั ฑพ์ ลาสตกิ ผลติ ภณั ฑจ์ ากพลาสตกิ ชนิดตา่ ง ๆ
พอลเิ มอรแ์ บง่ เป็ นประเภทยอ่ ย ๆ โดยใชเ้ กณฑ์ ดงั นี้ 1 การแบง่ ประเภทของพอลิเมอรต์ ามแหล่งกาเนิด โดยท่วั ไปแบ่งออกเป็ น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คอื 1. พอลเิ มอรธ์ รรมชาติ (The เส้นใยไหม แผ่นยางพารา Natural Polymer) เป็ นพอลิเมอรท์ ี่ เกิดขึน้ โดยธรรมชาติ เช่น โปรตนี แป้ง ไกลโคเจน ยางธรรมชาติ เส้น ใยธรรมชาติ DNA และ RNA และ เซลลูโลส
พอลิเมอรแ์ บง่ เป็ นประเภทย่อย ๆ โดยใช้เกณฑ์ ดงั นี้ 1 การแบ่งประเภทของพอลเิ มอรต์ ามแหล่งกาเนิด โดยท่วั ไปแบ่งออกเป็ น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คอื 2 . พ อ ลิ เ ม อ ร์ สั ง เ ค ร า ะ ห์ ผลิตภัณฑพ์ ลาสตกิ และยางสังเคราะห์ (Synthetic Polymer) พอลเิ มอรป์ ระเภท นี้มนุษย์เป็ นผู้สังเคราะห์ขึ้นเพ่ือใช้ ประโยชนต์ ่าง ๆ ได้แก่ พลาสติกชนิด ต่าง ๆ ยางสังเคราะห์ และเส้นใย สังเคราะห์ เป็ นต้น
2 การแบง่ ประเภทของพอลเิ มอรต์ ามส่วนประกอบ สามารถแบง่ ออกได้เป็ น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คอื 1. โฮโมพอลเิ มอร์ เป็ นพอลเิ มอรท์ เี่ กดิ จากมอนอเมอรช์ นิดเดยี วกันมาต่อ กนั เช่น แป้ง ไกลโคเจน และเซลลูโลส 2. โคพอลเิ มอร์ เป็ นพอลิเมอรท์ เี่ กดิ จากมอนอเมอรห์ ลายชนิดมาต่อกนั เช่น โปรตนี เป็ นโคพอลิเมอรข์ องกรดอะมิโนหลายชนิด DNA และ RNA เป็ นพอลิ เมอรข์ องนิวคลีโอไทดห์ ลายชนิด เป็ นตน้
ปฏกิ ริ ิยาพอลิเมอร์ เป็ นปฏกิ ริ ิยาทสี่ ารมอนอเมอร์ รวมตวั กนั เป็ นพอลิเมอร์ เรียกวา่ ไรเซชัน แบ่งได้ 2 แบบ ดงั นี้
1 ปฏกิ ิริยาพอลิเมอรไ์ รเซชนั แบบเตมิ (Addition Polymerization Reaction) ➢ เกิดจากโมเลกุลของมอนอเมอร์ ➢ ทมี่ พี นั ธะคู่ระหว่างคารบ์ อนอะตอม ➢ เชน่ เอทลิ นี ไวนิลคลอไรด์ และสไตรีน ➢ ทาปฏกิ ริ ิยาตอ่ กันบริเวณพนั ธะคู่ ➢ ไดผ้ ลติ ภณั ฑเ์ ป็ นพอลิเมอร์ ➢ โดยไม่มสี ารโมเลกุลเล็ก ๆ เกิดขนึ้
1 ปฏกิ ริ ิยาพอลเิ มอรไ์ รเซชนั แบบเตมิ (Addition Polymerization Reaction)
2 ปฏกิ ริ ิยาพอลิเมอรไ์ รเซชันแบบควบแน่น (Condensation Polymerization Reaction) ➢ เกดิ จากมอนอเมอรท์ มี่ ีหมู่ฟังกช์ ันมากกว่า 1 หมู่ ➢ ทาปฏกิ ริ ยิ ากนั เป็ นพอลเิ มอร์ และไดส้ ารโมเลกลุ ขนาดเล็ก ➢ เช่น นา้ ➢ แอมโมเนีย ➢ แกส๊ ไฮโดรเจนคลอไรด์ ➢ และเมทานอลเกดิ ขึน้ ดว้ ย ➢ ดงั นี้
2 ปฏกิ ริ ยิ าพอลเิ มอรไ์ รเซชันแบบควบแน่น (Condensation Polymerization Reaction)
โครงสร้างของโมเลกุลจากหน่วยเล็ก ๆ ของมอนอเมอรม์ าตอ่ เชื่อมกนั แบง่ ออกเป็ น 3 แบบ ดงั นี้ พอลเิ มอรแ์ บบเส้น พอลเิ มอรแ์ บบกง่ิ พอลเิ มอรแ์ บบร่างแห
1 พอลเิ มอรแ์ บบเส้น (Chain Length Polymer) ➢ เป็นพอลเิ มอรท์ ่เี กิดจากมอนอเมอร์ ➢ สรา้ งพนั ธะโควาเลนตเ์ ป็นโซย่ าว ➢ จะเรยี งชิดกนั มากกวา่ โครงสรา้ งแบบอ่ืน ๆ ➢ จงึ ทาใหม้ ีความหนาแน่นและจดุ หลอมเหลวสงู ➢ มลี กั ษณะแข็ง ข่นุ และเหนียวมากกวา่ โครงสรา้ งชนิดอ่ืน ๆ
1 พอลเิ มอรแ์ บบเส้น (Chain Length Polymer) 1. พอลิเอทลิ ีน (Polyethylene : PE) ถังขยะ ขวดใสส่ ารเคมี ขวดใส่นา้ แผน่ ฟิ ลม์ สาหรบั หอ่ เพอื่ ป้องกนั การขดู ขีด และกันกระแทก
1 พอลิเมอรแ์ บบเส้น (Chain Length Polymer) 2. พอลิสไตรนี (Polystyrene, PS) โฟม บลิสเตอรแ์ พค็ (Blister Pack)
1 พอลเิ มอรแ์ บบเส้น (Chain Length Polymer) 3. พอลไิ วนิลคลอไรด์ Polyvinylchloride (PVC) ทอ่ PVC ฟิ ลม์ PVC สาหรับหอ่ เนือ้ สตั วแ์ ชเ่ ยอื กแขง็ ผักและผลไมส้ ด และบรรจุอาหารแห้ง
2 พอลเิ มอรแ์ บบกิ่ง (Branched Polymer) เป็ นพอลเิ มอรท์ เี่ กดิ จากมอนอเมอรย์ ดึ กันแตกกงิ่ ก้านสาขาเป็ นชนิดโซส่ ั้นและโซ่ยาว แตกออกไปจากโซห่ ลัก ❖ ทาให้โซ่พอลิเมอรไ์ ม่สามารถจัดเรียงตวั ชดิ กันได้ ❖ พอลิเมอรช์ นิดนีม้ ีความหนาแน่นและจุดหลอมเหลวต่า ❖ ยดื หยุ่นได้ เชน่ ❖ พอลิเอทลิ นี ชนิดความหนาแน่นต่า
2 พอลเิ มอรแ์ บบก่งิ (Branched Polymer) ฟิ ลม์ หอ่ อาหาร
2 พอลเิ มอรแ์ บบก่งิ (Branched Polymer) ถุงใส่ขนมปัง ถุงเยน็ สาหรับบรรจอุ าหาร
6.4.3 พอลิเมอรแ์ บบร่างแห (Cross–linking Polymer) เป็ นพอลิเมอรท์ เี่ กดิ จากมอนอเมอรต์ อ่ เช่อื มกนั เป็ นร่างแห พอลิเมอรช์ นิดนี้ ❖ มีความแขง็ แกร่งและเปราะหักงา่ ย เชน่ ❖ เบกาไลต์ (พอลฟิ ี นอลฟอรม์ าลดไี ฮด)์ ❖ เมลามีน (พอลิเมลามีนฟอรม์ าลดไี ฮด)์ ใชท้ าถ้วยชามและภาชนะใส่อาหารตา่ ง ๆ
6.4.3 พอลิเมอรแ์ บบร่างแห (Cross–linking Polymer) ปล๊ักไฟ มือจับช้อน โทรศัพท์
6.4.3 พอลเิ มอรแ์ บบร่างแห (Cross–linking Polymer) หหู ม้อ เคร่ืองประดบั (กาไล) จานเมลามนี
ผลติ ภณั ฑพ์ อลเิ มอร์ (Polymer Products) รูปแบบต่าง ๆ ❖ เข้ามามบี ทบาทอยู่รอบตัวเรา ❖ พอลเิ มอรเ์ หล่านีน้ ามาใช้ประโยชนม์ ากมาย ❖ เช่น ❖ พลาสตกิ เส้นใย และยาง
เขม็ ขดั อุปกรณไ์ ฟฟ้า
กระเป๋ า ดอกไม้พลาสตกิ
6.5.1 พลาสตกิ (Plastic) มลี ักษณะพเิ ศษ คือ ❖ มีความเหนียว ❖ แขง็ แรง ❖ นา้ หนักเบา ❖ ทนทานต่อนา้ ❖ อากาศ และสารเคมี ❖ เป็ นฉนวนไฟฟ้าและฉนวนความร้อนทด่ี ี พลาสตกิ มีหลายชนิด ดังนี้
6.5.1 พลาสตกิ (Plastic) 1. พอลิเอทลิ ีน (Polyethylene) มีลักษณะสีขาวขุ่น ผลิตภณั ฑจ์ ากพอลเิ อทลิ นี
6.5.1 พลาสตกิ (Plastic) 2. พอลโิ พรพลิ นี (Polypropylene) ผลิตภณั ฑจ์ ากพอลโิ พรพลิ นี
6.5.1 พลาสตกิ (Plastic) 3. พอลิไวนิลคลอไรด์ (Polyvinylchloride) ผลติ ภัณฑจ์ ากพอลิไวนิลคลอไรด์
6.5.1 พลาสตกิ (Plastic) 4. พอลิไวนิลแอซเิ ตต (Polyvinyl acetate) แก้วกระดาษ กาวลาเทก็ ซส์ าหรับตดิ ไม้ หนังเทยี ม
6.5.1 พลาสตกิ (Plastic) 5. ไนลอน (Nylon) เชอื ก เฟื องเกยี รแ์ ทนโลหะ ฝาครอบไฟฟ้าภายในรถยนต์ หวี ผ้าไนลอน
6.5.1 พลาสตกิ (Plastic) 6. เมลามนี ฟอรม์ าลดไี ฮด์ (Melamine Formaldehyde) ผลติ ภัณฑจ์ ากเมลามนี ฟอรม์ าลดไี ฮด์
6.5.1 พลาสตกิ (Plastic) 7. พอลสิ ไตรีน (Polystyrene)
6.5.1 พลาสตกิ (Plastic) 8. พอลิอะคริเลต (Polyacrylate) อะครลิ ิก
6.5.1 พลาสตกิ (Plastic) ฝาครอบไฟทา้ ยรถยนต์
6.5.1 พลาสตกิ (Plastic) แผ่นป้ายโฆษณา
6.5.1 พลาสตกิ (Plastic) 9. พอลิเทระฟลูออโรเอทลิ ีน (Polytetrafluoroethylene) ผลติ ภณั ฑจ์ ากพอลิ เตตระฟลูออโรเอทลิ นี
6.5.1 พลาสตกิ (Plastic) 10. ฟี นอลฟอรม์ าลดไี ฮดห์ รอื เบกาไลต์ (Phenol–formaldehyde) ปลอกหมุ้ คอยลร์ ถยนต์ แกนคอยลว์ ทิ ยุ หหู ม้อ ดา้ มเคร่อื งมอื ช่าง
6.5.1 พลาสตกิ (Plastic) 10. ฟี นอลฟอรม์ าลดไี ฮดห์ รือเบกาไลต์ (Phenol–formaldehyde) ด้ามมีด ลูกบลิ เลียด หกู ระทะ
6.5.1 พลาสตกิ (Plastic) สมบตั ขิ องพลาสตกิ จาแนกเป็ น 2 ประเภท ได้แก่ 1. เทอรม์ อพลาสตกิ ผลิตภณั ฑพ์ ลาสตกิ จากเทอรม์ อพลาสตกิ
6.5.1 พลาสตกิ (Plastic) สมบตั ขิ องพลาสตกิ จาแนกเป็ น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ 2. พลาสตกิ เทอรม์ อเซต ผลติ ภณั ฑจ์ ากพลาสตกิ เทอรม์ อเซต
6.5.2 เส้นใย (Fibers) 1. เส้นใยมที งั้ เกดิ ขนึ้ โดยธรรมชาติ 2. จากการสงั เคราะห์
6.5.2 เส้นใย (Fibers) 1.เส้นใยเกดิ ขนึ้ โดยธรรมชาติ (1) เส้นใยจากพชื เส้นใยและผลิตภัณฑจ์ ากเส้นใยปอกระเจา เส้นใยและผลติ ภณั ฑจ์ ากเส้นใยผักตบชวา
6.5.2 เส้นใย (Fibers) 1.เส้นใยเกดิ ขึน้ โดยธรรมชาติ (1) เสน้ ใยจากพืช เส้นใยและผลิตภัณฑจ์ ากเส้นใยมะพร้าว เส้นใยป่ านศรนารายณ์
6.5.2 เส้นใย (Fibers) 1.เส้นใยเกดิ ขึน้ โดยธรรมชาติ (2) เส้นใยจากสัตว์ รังไหม การสาวไหม การยอ้ มเส้นไหม
6.5.2 เส้นใย (Fibers) 1.เส้นใยเกดิ ขึน้ โดยธรรมชาติ (2) เส้นใยจากสัตว์ เส้นไหม การทอผ้าไหม ผ้าไหม
6.5.2 เส้นใย (Fibers) 1.เส้นใยเกดิ ขนึ้ โดยธรรมชาติ (3) เส้นใยจากสินแร่ ผลิตภณั ฑใ์ ยหนิ ชุดตารวจดับเพลงิ
Search