Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทฤษฎีความก้าวหน้าของสังคม

ทฤษฎีความก้าวหน้าของสังคม

Published by thnwjj, 2021-06-08 04:56:50

Description: รายวิชาสังคมวิทยา

Keywords: บทเรียนออนไลน์,สังคม

Search

Read the Text Version

ทฤษฎีความกา้ วหนา้ ทางวฒั นธรรม เป็นทฤษฏีท่ีกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงทางสงั คมและ วฒั นธรรมอีกแนวทางหน่ึงเจา้ ของทฤษฏีคือ เลสลี เอ.ไวท์ นกั มานุษยวทิ ยาชาวอเมริกนั

1.ระบบของวฒั นธรรม 1.ระบบเทคโนโลยี หมายถึงเครื่องมือเคร่ืองใชต้ ่างๆและเทคนิควิธีการใชเ้ ครื่องมือเคร่ืองใชเ้ หล่าน้นั เป็นระบบที่ 2 สาคญั มากที่สุดเพราะมีความจาเป็ นเบ้ืองตน้ สาหรับการดารงชีวิตของมนุษยม์ ีส่วนประกอบสาคญั คือ พลงั งานซ่ึงเป็นตวั ขบั เคลื่อนเปลี่ยนแปลงตามสิ่งต่างๆ ท้งั น้ีเพราะวา่ \" ชีวิตคือกระบวนการสร้างเสริม\" สิ่งมีชีวิตต่างก็มุ่งแสวงหาพลงั งานอิสระจากระบบของส่ิงไม่มีชีวติ เพื่อเอามาใชส้ าหรับบารุงร่างกายเพ่ือ ความอยู่รอดของตนความแตกต่างทางโครงสร้างมากข้ึนมีการทาหน้าที่ตาม ความถนดั เพ่ิมมากข้ึนมี ความสอดคลอ้ งกลมกลืนกนั ในระดบั ท่ีสูงข้ึนและมีการรวมพลงั ในระดบั ที่สูงข้ึนดว้ ยท้งั น้ีเพราะ\" ชีวิต ท้งั ปวงคือการต่อสู้เพ่ือให้ไดม้ าซ่ึงพลงั งานอิสระ\" น่นั เอง ดงั น้นั ระบบ เทคโนโลยีจึงเป็ นตวั กาหนด รูปแบบ ของระบบสงั คม

1.ระบบของวฒั นธรรม 2.ระบบสงั คมวิทยา เป็นความสัมพนั ธ์ระหวา่ งบุคคล ซ่ึงแสดงออกมาในรูปของพฤติกรรมแบบแผน ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ นในเรื่องของส่วนรวมหรือส่วนบุคคลรวมถึงลกั ษณะทางสังคมต่างๆ เช่น ระบบเครือญาติ เศรษฐกิจ จริยธรรม เป็นตน้ ระบบสังคมวทิ ยาเป็นส่วนประกอบของ วฒั นธรรมท่ีมีความสาคญั รองลงมาจากระบบเทคโนโลยเี ป็นความพยายามของมนุษยท์ ี่จะ จดั การใชป้ ระโยชน์จากเคร่ืองมือเครื่องใชต้ า่ งๆเพื่อการดารงชีพ 3

1.ระบบของวฒั นธรรม 3.ระบบอดุ มการณ์ เป็นความรู้สึกนึกคิดตา่ งๆ ความเช่ือ ความรู้สึกแสดงออกมาในภาษาพดู และการ ใชส้ ัญลกั ษณ์ในรูปแบบอ่ืนๆ เช่น วรรณคดี ปรัชญา วทิ ยาศาสตร์ เป็นตน้ 4

2.ความสมั พนั ธข์ องระบบวฒั นธรรม ระบบยอ่ ยของวฒั นธรรมคือระบบเทคโนโลยรี ะบบสังคมวทิ ยาและ ระบบอุดมการณ์ ท่ีกล่าวมาแลว้ จะมีความเก่ียวขอ้ งสมั พนั ธ์ดงั กล่าวคือ ถา้ แบ่งระบบท้งั 3 น้ีออกเป็นระดบั ตามลาดบั ต่าสูงแลว้ ระบบเทคโนโลยอี ยู่ ในระดบั ต่าสุด ระบบอุดมการณ์จะอยเู่ บ้ืองบนหรือสูงสุด ส่วนระบบสงั คม จะอยรู่ ะหวา่ งกลาง 5

3.ระดบั ความกา้ วหนา้ ของวฒั นธรรม วฒั นธรรมเป็ นเคร่ืองมือในการดารงชีพของมนุษยเ์ ป็ นกลไกท่ีช่วยตอบสนองความ ตอ้ งการในดา้ นการครองชีพ การป้องกนั รักษาตนเองการวางขอ้ กาหนดทางสังคม การปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั สภาวะของจกั รวาลและการนนั ทนาการหนา้ ที่ของวฒั นธรรมโดยส่วนรวมจึงข้ึนอยกู่ บั พลงั งานที่ หามาได้กับวิธีการใช้ประโยชน์จากพลังงานเหล่าน้ันโดยตวั ของมันเอง การเปลี่ยนแปลงทาง วฒั นธรรมจะมากหรือน้อยข้ึนอยู่กับปริมาณของพลังงานท่ีสมาชิกแต่ละคนนามาใช้ในสังคม (energy) กลบั ประสิทธิภาพของเทคโนโลยหี รือเครื่องมือท่ีนาพลงั งานมาใชใ้ นระยะเวลา 1 ปี ซ่ึงอาจเขียนเป็นสูตรไดด้ งั น้ี 6

E×T=C E=จานวนของพลงั งานที่แต่ละคนสามารถนาเอามาใชใ้ นแต่ละปี T=ประสิทธิภาพของเทคโนโลยที ีเอาพลงั งานมาใช้ C=ระดบั พฒั นาการทางวฒั นธรรม

พลงั งานแห่งแรกที่ถูกนามาใชใ้ นระบบวฒั นธรรม คือ พลงั งานในตวั ของ มนุษยเ์ องแต่ตอบสนองความตอ้ งการไม่มากนัก. วฒั นธรรมเร่ิมแรกของมนุษยซ์ ่ึง อาศยั พลงั งานจากร่างกายมนุษยแ์ ต่เพียงอยา่ งเดียว. จึงมีลกั ษณะที่ง่ายๆ หยาบๆเพียง อยู่รอดไปไดว้ นั ต่อวนั เท่าน้ัน การท่ีวฒั นธรรมจะกา้ วไปได้ จะตอ้ งสร้างเคร่ืองมือ ต่างๆ ข้ึนมา เพื่อเสาะแสวงหาแหล่งพลงั งานจากทรัพยากรธรรมชาติในรูปแบบใหม่ๆ วฒั นธรรมของมนุษยไ์ ดก้ า้ วหนา้ ข้ึนมาเรื่อยๆ เม่ือมนุษยไ์ ดค้ ิดแสวงหาพลงั งานจาก แหล่งอ่ืนๆ มาใช้ ซ่ึงเริ่มจากการรู้จกั ใชไ้ ฟเพ่ือใหค้ วามอบอุ่น ป้องกนั สัตวท์ าราย เป็น ตน้ 8

พลงั งานจากไฟฟ้าถูกนามาใชม้ ากข้ึนเม่ือมนุษยเ์ ร่ิมรู้จกั ใชไ้ ฟเพื่อการ ขบั เคลื่อนต่างๆเช่น เครื่องจกั รไอน้า กม็ ีการใชพ้ ลงั งานจากธรรมชาติอื่นๆอีก เช่น พลงั งานลม เป็นตน้ เทคโนโลยใี หม่ๆ ไดม้ ีส่วนเพิ่มประสิทธิภาพต่างๆใหเ้ พิ่มมาด ข้ึนอีกทางดว้ ย ตวั อยา่ งที่สนบั สนุนทฤษฎีน้ีไดเ้ ป็นอยา่ งดี คือ เมื่อเปรียบเทียบการ เปล่ียนแปลงทางสังคมและวฒั นธรรม ระหว่างสังคมท่ีสมาชิกแต่ละคนนา พลงั งานมาใชใ้ นแต่ละปี สูงเทคโนโลยที ่ีนามาใชม้ ีประสิทธิภาพสูง เช่น ประเทศ ญ่ีป่ ุน สหรัฐอเมริกา เป็ นตน้ ส่วนเทคโนโลยีมีประสิทธิภาพต่าเช่น ประเทศลาว พม่า กมั พชู า ไทย เป็นตน้ จะเห็นไดว้ า่ ประเทศท่ีนาพลงั งานมาใชม้ า. มีเทคโนโลยี ประสิทธิภาพสูง กล่าวคือสังคมเมืองนาพลังงานมาใช้มากกว่าสังคมชนบท เทคโนโลยมี ีประสิทธิภาพสูงกวา่ สงั คมชนบท 9

ทฤษฏกี ารข้ึนและลงของสงั คม ทฤษฎีการข้ึนและลงของสังคม เป็ นทฤษฎีท่ีอธิบายถึงการเปล่ียนแปลงทางทาง สังคมและวฒั นธรรมที่แตกต่างออกไปจากทฤษฎีต่างๆ ที่กล่าวมาแลว้ โดยเชื่อวา่ สังคมและ วฒั นธรรมจะเปลี่ยนแปลงจากสภาพท่ีลา้ หลงั ไปสู่ความกา้ วหนา้ เสมอผูเ้ สนอทฤษฏีน้ี คือ ออสวอลต์ สเปนจเลอร์ (oswald Spengler) มีสาระสาคัญ คือ สังคมและวฒั นธรรมมี จุดเริ่มตน้ แลว้ ค่อยๆเจริญกา้ วหน้าข้ึนเรื่อยๆ จนถึงท่ีสุดก็จะเส่ือมหายไปเหมือนกบั การ เจริญเติบโตของมนุษยท์ ่ีเร่ิมตน้ จากทารก เดก็ วยั รุ่น ผใู้ หญ่ ชรา แลว้ ตายไปในที่สุด 10

ทฤษฏีการข้ึนและลงของสงั คม(ต่อ) หรือเช่นเดียวกบั เวลาในวนั ๆน่ึง ท่ีเริ่มตน้ จากชา้ มืด และค่อยๆเปล่ียนเป็นเวลา เชา้ สายและแผดกลา้ เต็มท่ีในตอนเท่ียงแลว้ ค่อยๆอ่อนแสงลงในเวลาบ่าย เวลาเยน็ และเวลามืด เป็นลาดบั การเส่ือมหายของวฒั นธรรมไม่ไดส้ ูญหายไป เลยทีเดียว แต่จะมีการพยายามปรับปรุงจนกลายเป็นวฒั นธรรมใหม่ข้ึนมาและ แตกต่างไปจากวฒั นธรรมเดิม 11

“ ทฤษฏวี ่าดว้ ยศกั ยภาพของวฒั นาการ ทฤษฏีวา่ ดว้ ยศกั ยภาพของวิวฒั นาการเจา้ ของทฤษฏี คือ เอ ลมนั น อาร์ นกั ทฤษฏีการชาวอเมริกา สาระสาคญั ของส่ิงน้ี มีดงั น้ี ทฤษฏีวา่ ดว้ ยการศกั ยภาพของววิ ฒั นาการ มีสาระสาคญั สาระสาคญั ดงั น้ี 12

“ 1.กระบวนการวิวฒั นาการ มี 2 ประเภท คือ วิวฒั นาการทวั่ ไปกบั วิวฒั นาการ เฉพาะ วิวฒั นาการทว่ั ไป (General Evolution) เป็นววิ ฒั นาการทางวฒั นธรรมของมนุษยชาติ วิวฒั นาการคนก่อนๆ เสนอไว้ กล่าวคือ วฒั นธรรมของมนุษยเ์ ริ่มตน้ จากวฒั นธรรมด้งั เดิม ยคุ ก่อนอารยธรรมมาสู่ยคุ อารยธรรม ยุคอุตสาหกรรมและยคุ ภาวะทนั สมยั ใหม่ในปัจจุบนั ตามลาดบั ลาดบั ซ่ีงเป็ นความเจริญกา้ วหนา้ ทางสังคมโดยสังคมโดยทว่ั ไป ส่วนวิวฒั นาการ เฉพาะน้ัน เป็ นวิวฒั นาการของสังคมแต่ละสังคม และมีส่วนสัมพันธ์ กับวิวฒั นาการ โดยทว่ั ไปในรูปของความสมั พนั ธ์ผกผนั ท่ีตรงกนั ขา้ ม 13

“1.กระบวนการววิ ฒั นาการ มี 2 ประเภท คือ วิวฒั นาการทว่ั ไปกับวิวฒั นาการเฉพาะ วิวฒั นาการท่ัวไป (General Evolution) เป็ นวิวฒั นาการทางวฒั นธรรมของมนุษยชาติวิวฒั นาการคนก่อนๆ เสนอไว้ กล่าวคือ วฒั นธรรมของมนุษยเ์ ริ่มตน้ จากวฒั นธรรมด้งั เดิมยคุ ก่อนอารยธรรมมาสู่ ยคุ อารยธรรม ยุคอุตสาหกรรมและยคุ ภาวะทนั สมยั ใหม่ในปัจจุบนั ตามลาดบั ลาดบั ซ่ีงเป็ น ความเจริญก้าวหน้าทางสังคมโดยสังคมโดยท่ัวไป ส่วนวิวฒั นาการเฉพาะน้ัน เป็ น วิวฒั นาการของสังคมแต่ละสังคม และมีส่วนสัมพนั ธ์ กบั วิวฒั นาการโดยทวั่ ไปในรูปของ ความสมั พนั ธ์ผกผนั ที่ตรงกนั ขา้ ม 14

“2. กระบวนการววิ ฒั นาการเฉพาะ มีหลกั การวา่ ดว้ ยความเป็นอิ่มตวั ซ่ึงเกิดข้ึนในตอนทา้ ยของการปรับตวั เป็นส่ิง จากดั การขยายตวั กล่าวคือ กระบวนการววิ ฒั นาการเฉพาะ เป็นการปรับตวั ของระบบ ใหเ้ ขา้ กบั สภาวะ แวดลอ้ มได้ เพ่ิมข้ึนเรื่อยๆจนกระทง่ั ถึงข้นั สูงสุด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไดอ้ ีกต่อไปดงั น้นั ถา้ หากวัฒนธรรมแบบต่างๆ สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ อย่างดี เต็มที่ แล้ว กระบวนการวิวฒั นาการก็จะหยุดน่ิงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดข้ึนอีกแต่ในความเป็ นจริง พฒั นาการท้งั จากอดีต และปัจจุบนั คงจะมีต่อไปในอนาคตเนื่องจากการปรับตวั โดยส่วนรวมไม่ สามารถกระทาไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์เตม็ ท่ีนน่ั เอง 15

“ 3. กระบวนการววิ ฒั นาการมกี ารครอบงา วฒั นธรรมท่ีใกล้กว่าโดยวฒั นธรรมท่ีสูงกว่า ทาให้วฒั นธรรมท่ีด้อยกว่า ปรับปรุงวฒั นธรรม ของตนเองให้เหมาะสมยิง่ ข้ึน แต่ถา้ วฒั นธรรมน้นั อ่อนแอมากเกินไป กจ็ ะถูกครอบงาจนสูญสิ้นไป 16

“4. วฒั นธรรมทย่ี งั พฒั นาไม่เตม็ ทจ่ี ะมศี ักยภาพสูงกว่าพฒั นาการทม่ี ีการพฒั นา 17 อย่างเตม็ ตัวแล้ว ทางววิ ฒั นาการจึงเป็นแบบสลบั ไปมามากกวา่ ที่จะเป็นแบบเสน้ ตรงสายเดี่ยว ใน ทิศทางเดียวกนั จะเห็นไดว้ า่ การเคลื่อนยา้ ยของแหล่งอารยธรรมจากดินแดนเมโสโปเตเมีย ดินแดนต่างๆ ในช่วงเวลาต่อมาเกิดการอ่ิมตวั ในธนาคารกจ็ ะเชื่องชา้ ลง วฒั นธรรมของกรีกซ่ึง ดอ้ ยกวา่ ววิ ฒั นาการ ไดก้ า้ วหนา้ สูงกวา่ เมื่อถึงจุดอิ่มตวั ของวฒั นธรรมของอาณาจกั รโรมนั ได้ เจริญกา้ วหนา้ แทนท่ีแลว้ กส็ ลายตวั ลงอีกจนกระทง่ั ปัจจุบนั ยโุ รปตะวนั ตกและอเมริกาเหนือ กาลงั เป็นบริเวณที่มีระดบั ววิ ฒั นาการการเจริญกา้ วหนา้ และทนั สมยั มากท่ีสดุ ของโลก

ทฤษฎีการแพรก่ ระจายทางวฒั นธรรม เจา้ ของทฤษฎีคือราลฟ์ ลินตนั นกั ทฤษฎีชาวอเมริกนั มีความเชื่อวา่ การ เปล่ียนแปลงทางสงั คมเกิดจากการแพร่กระจายทางวฒั นธรรม เกิดจากการ ติดต่อสื่อสาร ระหวา่ งสงั คมท่ีต่างวฒั นธรรมกนั และต่างแพร่กระจายวฒั นธรรมไปสู่กนั เมื่อเกิดการ แพร่กระจายวฒั นธรรมข้ึนแลว้ สงั คมท่ีเจริญกวา่ อาจจะไดร้ ับวฒั นธรรมบางอยา่ งของ สงั คมที่ดอ้ ยกวา่ กไ็ ด้ 18

ทฤษฎกี ารแพรก่ ระจายนวตั กรรม เป็นทฤษฎีที่พฒั นาจากทฤษฎีการแพร่กระจายทางวฒั นธรรม นกั ทฤษฎีคนสาคญั คือ เอฟเวอเรทท เอม็ โรเจอร์ (Everett M. Rogr) นกั ทฤษฎีชาวอเมริกนั มีสาระสาคญั ดงั น้ี 19

1.ปัจจยั สาคัญของการเปลย่ี นแปลงทางสังคมและวฒั นธรรม ทฤษฎีน้ี เชื่อวา่ การเปล่ียนแปลงสังคมและวฒั นธรรมเกิดจาก แพร่กระจายของสิ่งใหม่ๆ จากสังคมหน่ึงไปอีกสังคมหน่ึง และสังคมน้นั รับเขา้ ไป ใชว้ ฒั นธรรมใหม่ๆ น้ีคือ นวตั กรรม ซ่ึงเป็นท้งั ความรู้ความคิด เทคนิควธิ ีการ และ เทคโนโลยใี หม่ๆ 20

2. กระบวนการแพร่กระจายนวตั กรรม กระบวนการแพร่กระจายนวตั กรรมมีองคป์ ระกอบ 4 ประการ คือ 1. เกิดนวตั กรรมสิ่งใหม่ๆท่ีแพร่กระจายไปสู่สังคมข้ึน 2.การสื่อสารโดยผา่ นสื่อสารโดยทางใดทางหน่ึงเพื่อใหค้ นในสังคมไดร้ ับรู้วา่ มี นวตั กรรมเกิดข้ึน 3.ช่วงเวลาหน่ึงเพือ่ ใหค้ นในสังคมไดร้ ู้จกั นวตั กรรมที่เกิดข้ึนน้นั 4.เขา้ สู่สมาชิคของสงั คมหรือสมาชิกในสังคมนา นวตั กรรมเขา้ มาใชใ้ นสังคม 21

3. ปัจจยั ในการยอมรับนวตั กรรม 1 บุคคล บุคคลแตล่ ะบุคคลจะรับนวตั กรรมแตกต่างกนั แมว้ า่ จะอยใู่ นสังคม เดียวกนั จากการศึกษาระยะเวลาในการยอมรับ นวตั กรรมของชาวอเมริกนั พบวา่ มี 5 กลุม่ ดงั น้ี . 1.1 กลุ่มรับแรกสุด ( lnnovators ) เป็นกลุ่มที่ยอมรับนวตั กรรมก่อนกลุ่มอ่ืนๆ เป็นพวกชอบเสี่ยงพจญภยั อาจเรียกไดว้ า่ \" พวกหวั ไวใจสู้ \" กลุ่มน้ีจะประมาณ ร้อยละ 2.50 ของผรู้ ับ นวตั กรรมท้งั หมด 1.2 กลุ่มน้ียอมรับเร็ว ( Early Adopte rs ) เป็นกลุ่มที่ยอมรับนวตั กรรมต่อจากกลุ่ม แรกจดั เป็นกลุ่มท่ีสามารถนวตั กรรม ไดเ้ ร็วเช่นเดียวกนั ส่วนใหญเ่ ป็นพวกท่ีไดร้ ับ 22

1.3กลุ่มใหญท่ ่ีรับก่อน เป็นกลุ่มคนจานวนมากกลุ่มแรกที่ยอมรับนวตั กรรม คือมี จานวนประชากรร้อยละ 34.00ของผรู้ ับนวตั กรรมท้งั หมดเป็นพวกที่ตอ้ งไตร่ตรองใหร้ อบคอบ และรอดูผลจากการรับนวตั กรรมของกลุ่มแรกและกลุ่มที่สองถา้ หากไดผ้ ลดีจึงจะยอมรับอาจจะ เรียกไดว้ า่ \"พวกต้งั หนา้ รอดูผล\" 1.4 กลุ่มใหญ่ท่ีรับชา้ เป็นกลุ่มคนจานวนมากท่ีรับนวตั กรรมชา้ คือมีประมาณร้อยละ 34.00 ของผรู้ ับนวตั กรรมท้งั หมดเป็นพวกท่ีชอบสงสยั ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ หวาดระแวงตอ้ งรอให้ คนส่วนใหญ่ท่ีรับนวตั กรรมไปแลว้ ไดร้ ับประโยชน์หรือประสบความสาเร็จจากการนา นวตั กรรมไปใชก้ ่อนจึงจะยอมรับนวตั กรรมน้นั อาจจะเรียกไดว้ า่ \"พวกยอมทนหวั ด้ือ\" คือไม่ ยอมรับนวตั กรรมง่ายๆตอ้ งรอจนกวา่ คนส่วนใหญใ่ นสงั คมยอมรับและประสบความสาเร็จก่อน จึงจะยอมรับ ซ่ึงตอ้ งใชเ้ วลานาน 23

1.5 กลุ่มลา้ หลงั เป็นกลุ่มท่ีรับนวตั กรรมหลงั สุดมีความเคร่งครัดในขนบธรรมเนียมประเพณีไม่ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆในวา่ คนส่วนใหญใ่ นสงั คมจะยอมรับและเกิดผลดีแลว้ กต็ ามถา้ จะ รับกอ็ าจจะเนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่นเมื่อยอมรับกม็ กั จะมีนวตั กรรมอ่ืนเขา้ มาแทนที่อีกแลว้ อาจจะเรียกไดว้ า่ \"พวกเงามืองอเทา้ \"กลุ่มน้ีมีประมาณร้อยละ16.00ของผรู้ ับนวตั กรรมท้งั หมด 24

เก่ียวกบั บุคคลที่ไม่ยอมรับชะตากรรมน้ี เบนโน กลั จาร์ท พบวา่ มีปัจจยั 3 ประการคือ 1 ความไม่รู้ในนวตั กรรม ทาใหไ้ ม่เห็นคุณค่าหรือประโยชน์ที่จะไดร้ ับจากนวตั กรรมน้นั 2 ขาดความสามารถที่จะรับ เช่นไม่มีความสามารถในการใชง้ าน เป็นตน้ 3 ความไม่เตม็ ใจ ท่ีจะรับ เน่ืองจากตนเองมีผลประโยชนจ์ ากการไม่ใชน้ วตั กรรมอยแู่ ลว้

2.ระบบสังคม ระบบสงั คมประเภทต่างๆมีอิทธิพลต่อการรับนวตั กรรม กล่าวคือสงั คมสมยั ใหม่ระบบของ สงั คมจะเอ้ือต่อการรับนวตั กรรมท้งั ความรวดเร็วและปริมาณท่ีจะรับเพราะมีบรรทดั ฐานและ ระบบค่านิยมของสงั คมท่ีสนบั สนุนการเปลี่ยนแปลงสงั คม วฒั นธรรม ดงั น้นั เมื่อมีสิ่งใหม่เขา้ มาในสงั คมกจ็ ะยอมรับไดง้ ่าย ส่วนสงั คมโบราณหรือสงั คมประเพณีนา ซ่ึงเป็นสงั คมลา้ หลงั จะ มีลกั ษณะตรงกนั ขา้ มกบั สงั คมสมยั ใหม่ การรับนวตั กรรมจึงเกิดข้ึนไดช้ า้ กวา่ และนอ้ ยกวา่ หรือ อาจจะไม่ยอมรับเลยกไ็ ด้ 26

3 ระบบการส่ือสาร การสื่อสารคือ การติดตอ่ ระหวา่ งผสู้ ่งข่าวสารกบั ผรู้ ับข่าวสารโดยผา่ น สื่อหรือตวั กลางใดตวั กลางหน่ึง การแพร่กระจายนวตั กรรมจึงเป็นการสื่อสาร รูปแบบหน่ึงที่นวตั กรรมน้นั แพร่กระจายจากแหล่งกาเนิดไปสู่ผใู้ ชห้ รือผรู้ ับ นวตั กรรม อนั เป็นกระบวนการกระทาระหวา่ งกนั ของมนุษย์ การส่ือสารจึงมี ความสาคญั ต่อการรับนวตั กรรมมากถา้ ผสู้ ่งและผรู้ ับนวตั กรรมมีความคิดกา้ วหนา้ มีระดบั การศึกษาสูง การรับนวตั กรรมกจ็ ะเกิดข้ึนไดม้ ากและรวดเร็ว 27

4นวตั กรรม นวตั กรรมท่ีจะแพร่กระจายและเป็นที่ยอมรับของคนในสังคมน้นั โดยทว่ั ไป ประกอบดว้ ยส่วนสาคญั 2ส่วน คือส่วนท่ีเป็นแนวความคิด และส่วนที่เป็นวตั ถุ นวตั กรรม ที่ยอมรับไดง้ ่ายมีลกั ษณะดงั น่ี 1ไดป้ ระโยชนม์ ากกวา่ ของเดิมที่เขา้ มาแทนที่(Relative Advantage) 2สอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมในสงั คมที่รับ(Compatibility) 3 ไม่มีความสลบั ซบั ซอ้ นมากนกั (Less Complexity) 4สามารถแบ่งทดลองคร้ังละนอ้ ยได(้ Triadility ) 5สามารถมองเห็นหรือเขา้ ใจไดง้ ่าย(Observadility) นวตั กรรมที่มีลกั ษณะตรงกนั ขา้ ม กบั ท่ีกลา่ วมาแลว้ น้ี มกั จะเป็นที่ยอมรับไดย้ าก 28

5.ระยะเวลา ระยะเวลามีอิทธิพลตอ่ การรับนวตั กรรม เพราะการที่บุคคลและสงั คมจะรับ นวตั กรรมหรือไม่น้นั จะตอ้ งใชเ้ วลาพจิ ารณาไตร่ตรองไม่ช่วงเวลาใดกช็ ่วงเวลาหน่ึง 6.กระบวนการตดั สินใจของบุคคล ข้นั สุดทา้ ยของการรับหรือไม่รับนวตั กรรมน้นั คือ กระบวนการตดั สินใจของ บุคคล ถา้ บุคคลตดั สินใจรับนวตั กรรมกจ็ ะเกิดการแพร่กระจายของนวตั กรรมเขา้ มาใชใ้ น สงั คม แตถ่ า้ บุคคลตดั สินใจไม่รับนวตั กรรมนนั่ กไ็ ม่สามารถแพร่กระจายมาสู่สังคมได้ กระบวนการตดั สินใจเก่ียวกบั การรับนวตั กรรมของบุคคลมี5ข้นั ตอนตามลาดบั 29

1.การตระหนกั ในนวตั กรรม (Awareness) 2.เกิดความสนใจในนวตั กรรมน้นั (Interest) 3.ประเมินค่านวตั กรรม (Evaluation) 4.ทดลองใชน้ วตั กรรม (Trial) 5.การรับหรือไม่รับนวตั กรรม (Adopion or Rejection) 30

ทฤษฎภี าวะทนั สมยั ทฤษฎีภาวะทนั สมยั เป็นทฤษฎีการเปล่ียนเเปลงทางสงั คมและ วฒั นธรรมของนกั เศรษฐศาสตร์ นกั รัฐศาสตร์ และนกั สงั คมวทิ ยา ทงั ใน ยโุ รปและสหรัฐอเมริกา 31

1.ทม่ี าของทฤษฎี ทฤษฎีภาวะทนั สมยั สาเร็จอยา่ งรวดเร็วจากโครงการมาร์เชลล์ (MarshallPlan) ท่ีสหรัฐอเมริกาช่วยเหลือประเทศต่างๆในยโุ รป เพื่อฟ้ื นฟู เศรษฐกิจเเละสังคมหลงั สงครามโลกคร้ังที่ 2 นกั วชิ าการดา้ นเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ และสงั คมวทิ ยา ไดป้ ระยกุ ตใ์ ชเ้ ป็นเเนวทางในการอธิบายการเปล่ียน เเปลงทางสังคมและวฒั นธรรม

2.สาระสาคัญของทฤษฏี 1. เป็นกระบวนการเปล่ียนแปลงจากสังคมท่ียงั ไม่เจริญกา้ วหนา้ มีระบบ เศรษฐกิจการเมืองและสงั คมลา้ หลงั ไปสู่ สงั คมท่ีมีความเจริญกา้ วหนา้ ทางดา้ น เศรษฐกิจการเมืองสังคมและมีเทคโนโลยรี ะดบั สูงเช่นเดียวกบั ประเทศในกลุ่ม ยโุ รปตะวนั ตกเเละอเมริกาเหนือ 2 เศรษฐกิจ สงั คม การเมือง และชีวติ ส่วนตวั ของบุคคลในแตล่ ะ ประเทศจะมีภาวะแตกตา่ งกนั 2 ประการ คือ ภาวะเก่าแก่โบราณ ที่ลา้ หลงั กบั ภาวะทนั สมยั ท่ีมีความเจริญกา้ วหนา้

3 ประเทศท่ีพฒั นาแลว้ สามารถกา้ วสู่ภาวะทนั สมยั ไดด้ ว้ ยตวั เอง แต่ ประเทศดอ้ ยพฒั นาไม่สามารถที่จะดาเนินการไดส้ าเร็จ 4 กระบวนการสร้างภาวะทนั สมยั ของประเทศดอ้ ยพฒั นา ตอ้ งเป็นไป เช่นเดียวกบั ลกั ษณะการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจตามลาดบั ข้นั และการกระจาย ความเจริญทางดา้ นเศรษฐกิจ . 5 ถา้ ภาวะทนั สมยั ของเศรษฐกิจ คือกลา้ มีโครงสร้างเศรษฐกิจท่ีทนั สมยั แบบสังคมอุตสาหกรรม 6 ภาวะทนั สมยั ในทางการเมือง คือ การนาการปกครองระบบ ประชาธิปไตย โดยมีตวั แทนตา่ งประเทศยโุ รปตะวนั ตกมาใช้

7 ภาวะทนั สมยั ทางวฒั นธรรม คือ การใชแ้ นวความคิดแบบสมเหตุสมผล เป็นบรรทดั ฐานในการตดั สินระบบคา่ นิยม 8 บุคลิกภาพของสมาชิกในสังคมทนั สมยั แคปชนั ตะวนั ตกเช่น มีความ รับผดิ ชอบ ขอ้ ความสาเร็จเป็นสาคญั 9 ผทู้ ี่มีบทบาทสาคญั ในการสร้างภาวะ ทนั สมยั คือผเู้ ช่ียวชาญทางดา้ นเทคโนโลยสี มยั ใหม่ 10 รัฐตอ้ งมีบทบาทในการวางแผนเพ่อื ผลกั ดนั ใหเ้ กิดภาวะทนั สมยั ดว้ ย การจดั ต้งั องคก์ รต่างๆ

จะเห็นไดว้ า่ แนวความคิดของทฤษฎีภาวะทนั สมยั เกิดจากการผสมผสาน หลกั การของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมกบั ระบบการเมืองประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม ของประเทศในกลุ่มยโุ รปตะวนั ตกและอเมริกาเหนือ ซ่ึงมีลกั ษณะตรงกนั ขา้ มกบั กลุ่ม ประเทศสังคมนิยมทฤษฎีภาวะทนั สมยั เป็นท่ียอมรับขององคก์ ารสหประชาชาติจึงจดั ต้งั โครงการช่วยเหลือการพฒั นาระหวา่ งประเทศ และองคก์ รระหวา่ งประเทศข้ึนหลาย องคก์ รที่สาคญั คือ ธนาคารเพือ่ การพฒั นาระหวา่ งประเทศ (International Bank for Reconstruction and Deverlopment) กองทุนการเงินระหวา่ งประเทศ (International Monetary Fund) ธนาคารโลก (World Bank) เป็ นตน้ 36

ทฤษฎีการดอ้ ยพฒั นาและการพ่ึงพา ทฤษฎีการดอ้ ยพฒั นาและการพ่ึงพา (Underdevelopment and Dependency Theory) เกิดจากนกั ทฤษฎีท่ีสาคญั คือ เฟอร์นนั โด เฮนริค คาร์โดโซ (Furnando Henrique Cardoso) ทิโอโทนิโอ ดอส แซนโตส (Thiotonio Dos Santos) ชาวบราซิล และองั เดร์ กนุ เดร์ ฟรังค์ (Andre' Gunder Frank) ชาว เยอรมนั ซ่ึงมีสาระสาคญั ดงั น้ี

1.ที่มาของทฤษฎี ทฤษฎีการดอ้ ยพฒั นาและการพ่ึงพาใชป้ รากฏการณ์ท่ีเกิดข้ึนในกลุม่ ประเทศลาตินอเมริกาเป็นแนวทางในการสร้างทฤษฎี มีสาระสาคญั คือ ภาวะดว้ ย พฒั นาของกลุ่มประเทศที่ลา้ หลงั หรือประเทศดอ้ ยพฒั นาเกิดข้ึนจากการพยายาม พฒั นาประเทศดว้ ยการพฒั นาอุตสาหกรรมตามแนวทางทฤษฎีการเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจ และทฤษฎีภาวะทนั สมยั แบบทุนนิยมตะวนั ตก แตย่ งิ่ พฒั นาประเทศกบั ยงิ่ ยากจนลงเพราะถูกครอบงาและตอ้ งพ่ึงพา(Dominant Dependent) ประเทศท่ี พฒั นาแลว้ ท้งั ในดา้ นเศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยแี ละวฒั นธรรม

2.สาเหตขุ องการดอ้ ยพฒั นาและการพ่ึงพา 1.ประเทศดอ้ ยพฒั นาผลิตสินคา้ ประเภทวตั ถุดิบท่ียงั ไม่ไดแ้ ปรรูป(Primary Goods) ออกสู่ตลาดโลก เพราะเชื่อว่าหนทางของการพฒั นาเศรษฐกิจ คือ การคา้ ระหวา่ งประเทศ ขณะเดียวกนั กน็ บั สินคา้ ประเภททุนเขา้ ประเทศ เพื่อเสริมสร้างอุตสาหกรรม นาเขา้ ในดา้ นสินคา้ อุปโภคและบริโภคโดยมีคู่คา้ ขาย คือ ประเทศที่ร่ารวยหรือพฒั นาแลว้ ถา้ ไม่เกิดการพ่งึ พาเบ้ืองตน้ ทางดา้ นสินคา้ อุตสาหกรรมมากข้ึน

2. การพงั พาเทคโนโลยีของประเทศท่ีพฒั นาแลว้ จากการพฒั นาอุสาหกรรมเพื่อ ทดแทนการนาเขา้ ของประเทศดอ้ ยพฒั นา ทาให้ตอ้ งพ่ึงพาเทคโนโลยีจากประเทศที่พฒั นา แลว้ ท้งั เทคโนโลยดี า้ นอุตสาหกรรมและทุกสาขา 3 นายทุนต่างชาติจากประเทศพฒั นาแลว้ เขา้ ไปลงทุนในประเทศที่ดอ้ ยพฒั นาท้งั ทางตรงและทางออ้ ม หรือโดยการเขา้ ไปมีบทบาทการแต่งการคา้ ในรูปบรรษทั ขา้ มชาติ ทา ใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงดา้ นการผลิต และรสนิยมดา้ นการบริโภคของประเทศดอ้ ยพฒั นา 4. ประเทศพฒั นาแลว้ ใชอ้ งค์การระหว่างประเทศเป็ นเครื่องมือในการครอบงา ประเทศดอ้ ยพฒั นา เช่น ธนาคารโลก กองทุนการเงินระหวา่ งประเทศเป็นตน้ 5. ประเทศพฒั นาแลว้ ใชค้ วามเหนือกว่าในทางเศรษฐกิจ การเมือง วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยคี รอบงา และทาใหป้ ระเทศดอ้ ยพฒั นาตอ้ งพ่ึงพาประเทศพนั นาแลว้ ท้งั ในทาง เศรษฐกิจการเมืองเทคโนโลยสี งั คมและวฒั นธรรมอยา่ งหลีกเล่ียงไม่ได้

6. รัฐบาลของประเทศดอ้ ยพฒั นามีอานาจในการกาหนดความสมั พนั ธ์กบั ประเทศ พฒั นาแลว้ อยา่ งจากดั เพราะอิทธิพลของนายทุนระหวา่ งประเทศท่ียงั คงมีบทบาทในดา้ นการ ลงทุน การควบคุมเทคโนโลยกี ารกาหนดนโยบายและวิธีการใหค้ วามช่วยเหลือและอิทธิพล ทางการทหารทาใหก้ ารกาหนดนโยบายและการวางแผนพฒั นาไม่สมเหตุสมผลจึงไม่ประสบ ความสาเร็จในการพฒั นา 7. สงั คมดอ้ ยพฒั นาส่วนใหญ่ตอ้ งตกอยภู่ ายใตก้ ารครอบงาของนายทุนในประเทศ นายทุนเหล่าน้ีมีความสมั พนั ธ์อยา่ งใกลช้ ิดกบั นายทุนระหว่างประเทศและเห็นแก่ประโยชน์ ของตนเองมากกวา่ ประเทศชาติ

3 ลกั ษณะของการด้อยพฒั นาและการพงึ่ พา การดอ้ ยพฒั นาและการพ่ึงพาเป็ นการท่ีประเทศทุนนิยมตะวนั ตก ซ่ึงพฒั นา แลว้ เอาเปรียบประเทศที่ดอ้ ยพฒั นา ในลกั ษณะของการล่าอาณานิคมยคุ ใหม่ คือการไม่ ทาสงครามเพื่อยึดครองประเทศ ดอ้ ยพฒั นา แต่ใชก้ ารครอบงาและการพ่ึงพา ทาให้ ประเทศที่ดอ้ ยพฒั นามีลกั ษณะเหมือนประเทศบริวารของประเทศทุนนิยมตะวันตก ซ่ึงนอกจากจะเกิดความไม่เท่าเทียมกนั ระหว่างประเทศพฒั นาแลว้ กบั ประเทศดอ้ ย พฒั นาแลว้ ยงั นาไปสู่ความไม่เท่าเทียมกนั ในสังคมระหว่างนายทุนกบั คนส่วนใหญ่ ของประเทศที่ดอ้ ยพฒั นา และอาจ ทาใหเ้ กิดความขดั แยง้ ทางสังคม อยา่ งรุนแรงข้ึนใน ประเทศที่ดอ้ ยพฒั นาอีกดว้ ย จึงไม่ควรพฒั นาประเทศตามแนวทางน้ี

ผลของการเปล่ยี นแปลงทางสงั คมและวฒั นธรรม 1.ทาใหม้ นุษยเ์ กิดความสะดวกสบายในดา้ นต่างๆเช่นการประดิษฐเ์ คร่ืองมือเครื่องใชแ้ ละ ส่ิงต่างๆข้ึนเพอื่ ใชง้ านแทนมนุษย์ 2. ทาใหเ้ กิดการขยายตวั ทางดา้ นการผลิตสินคา้ และสิ่งต่างๆมากข้ึน 3. ทาใหเ้ กิดการวางแผนพฒั นาสงั คมเพ่ือความเป็นอยทู่ ี่สะดวกสบายข้ึนของมนุษย์ 4. ทาใหม้ นุษยใ์ นแต่ละสงั คมเกิดการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนวฒั นธรรมกนั ข้ึน 5. ทาใหเ้ กิดความลา้ หลงั ทางวฒั นธรรมข้ึนไดห้ ากอตั ราการเปลี่ยนแปลงระหวา่ ง วฒั นธรรมทางวตั ถุกบั วฒั นธรรมที่ไม่ใช่วตั ถเุ กิดข้ึนไม่เท่ากนั เช่นมีถนนมีรถยนตท์ ี่ ทนั สมยั แต่คนในสงั คมไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมายจราจรเป็นตน้

ผลของการเปลีย่ นแปลงทางสงั คมและวฒั นธรรม(ต่อ) 6. ทาใหเ้ กิดความไม่เป็นระเบียบทางสงั คมเพราะเม่ือเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสงั คมและ วฒั นธรรมข้ึนน้นั คนในสงั คมบางส่วนสามารถปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั การเปล่ียนแปลงไดแ้ ต่ บางส่วนไม่สามารถปรับตวั ไดจ้ ึงนาไปสู่การต่อตา้ นการเปล่ียนแปลงก่อใหเ้ กิดความขดั แยง้ กนั ข้ึน 7 ทาใหเ้ กิดปัญหาสงั คมข้ึนไดถ้ า้ หากวา่ การเปล่ียนแปลงทางสงั คมและวฒั นธรรมน้นั ทาให้ คนในสงั คมมีพฤติกรรมที่เบ่ียงเบนไปจากปกติเช่นมลพิษอาชญากรรมยาเสพติดเป็นตน้ 8. ทาใหส้ งั คมท่ีมีวฒั นธรรมเหนือกวา่ ไดเ้ ปรียบสงั คมท่ีมีวฒั นธรรมดอ้ ยกวา่

แนวโนม้ ของกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางสงั คม และวฒั นธรรม 1.การทาให้เป็ นอุตสาหกรรม (Industrialization) หมายถึงกระบวนการพฒั นา วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยเี พอื่ นามาใชใ้ นการผลิตสินคา้ เพอื่ การตลาดอนั กวา้ งใหญ่โดยการใช้ แรงงานที่ชานาญเฉพาะอยา่ ง 2. การทาให้เป็ นเมือง (Urbanization) หมายถึงกระบวนการท่ีชุมชนกลายเป็นเมือง หรือการเคล่ือนยา้ ยของผคู้ นหรือการดาเนินกิจการงานเขา้ สู่บริเวณเมืองหรือการขยายตวั ของ เมืองออกไปทางพ้นื ที่การเพิ่มจานวนประชากรหรือการดาเนินกิจการต่างๆมากข้ึนเช่นการขยาย วถิ ีชีวติ แบบชาวเมืองโดยผา่ นการแพร่ของไฟฟ้าถนนหนทางวทิ ยโุ ทรทศั น์คอมพิวเตอร์เป็นตน้

3. การทาให้เป็ นประชาธิปไตย (Democratization) หมายถึงปรัชญาหรือ ระบบสงั คมที่เนน้ การมีส่วนร่วมของประชาชนและควบคุมกิจการของชุมชนโดย ประชาชนโดยไม่คานึงถึงช้นั ยศสถานภาพหรือทรัพยส์ มบตั ิ 4. การแพร่ของการจดั องค์การสมัยใหม่ (Bureaucratization) หมายถึงการ แพร่ของระบบบริหารงานในรูปของคณะบุคคลโดยมีเจา้ หนา้ ที่ผปู้ ฏิบตั ิงานตามลาดบั ช้นั ซ่ึงแตล่ ะคนตอ้ งรับผดิ ชอบต่อผบู้ งั คบั บญั ชาของตนอนั เป็นที่ยอมรับท้งั ในภาครัฐบาล และภาคเอกชนในปัจจุบนั และมีแนวโนม้ มากข้ึนในอนาคต

5. กระบวนการสร้างคนชายขอบ (Marginalization) การเปล่ียนแปลง ทางสังคมและวฒั นธรรมทาใหเ้ กิดการเหล่ือมล้ามากยงิ่ ข้ึนกล่าวคือในขณะที่คนส่วนหน่ึง ไดร้ ับผลประโยชนจ์ ากการเปลี่ยนแปลงมากแตค่ นอีกส่วนหน่ึงไดร้ ับผลประโยชนจ์ าก การเปล่ียนแปลงนอ้ ยตวั อยา่ งเช่นการพฒั นาเมืองใหม้ ีความเจริญกา้ วหนา้ ในดา้ นตา่ งๆ ขณะเดียวกนั กเ็ กิดแหล่งสลมั สาหรับคนจานวนมากข้ึนการพฒั นาชนบทใหท้ นั สมยั ดว้ ย ไฟฟ้าและถนนแต่กเ็ พิม่ คนที่ยากจนมากข้ึนจนตอ้ งอพยพจากชนบทไปรับจา้ งในเมือง ทางานมากข้ึนเป็นตน้ (คณาจารยภ์ าควชิ าสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาจุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั 2540: 164-165)

6. กระบวนการโลกาภิวตั น์ (Globalization) หมายถึงการที่สังคมโลกใน ปัจจุบนั มีระบบการติดต่อสื่อสารกนั อยา่ งมีประสิทธิภาพและทวั่ ถึงจนกระทงั่ กล่าวไดว้ า่ เป็ นยุคของการที่โลกไร้พรมแดนการติดต่อระหว่างสังคมต่างๆจึงกระทาไดง้ ่ายและ รวดเร็วทาใหก้ ารรับวฒั นธรรมระหวา่ งสังคมต่างๆเกิดข้ึนไดง้ ่ายและรวดเร็วจึงทาให้ การเปล่ียนแปลงทางสังคมและวฒั นธรรมเกิดข้ึนไดง้ ่ายและรวดเร็วเช่นเดียวกนั

“ สรปุ สังคมและวฒั นธรรมมีความเก่ียวขอ้ งสมั พนั ธ์กนั มาจึงทาใหเ้ กิดความ เขา้ ใจโดยทว่ั ไปวา่ เป็นสิ่งเดียวกนั การเปล่ียนแปลงทางสงั คมจึงเป็นส่ิงเดียวกบั การ เปลี่ยนแปลงทางวฒั นธรรมดว้ ยแต่ความเป็นจริงแลว้ สงั คมและวฒั นธรรมไม่ใช่ส่ิง เดียวกนั กล่าวคือการเปลี่ยนแปลงทางสงั คมเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของ สงั คมคือองคก์ ารทางสงั คมและสถาบนั ทางสงั คมส่วนการเปล่ียนแปลงทาง วฒั นธรรมเป็นการเปลี่ยนแปลงเก่ียวกบั ชีวติ ของมนุษย์ 49

“ สรปุ (ต่อ) การเปล่ียนแปลงทางสังคมจะมีผลกระทบตอ่ การเปลี่ยนแปลงทางวฒั นธรรมกจ็ ะมี ผลกระทบต่อการเปล่ียนแปลงทางสังคมนกั สังคมวทิ ยาจึงนิยมเรียกรวมกนั วา่ การ เปลี่ยนแปลงทางสังคมและวฒั นธรรมมีสาเหตุการเกิดรูปแบบองคป์ ระกอบกระบวนการ และขอ้ จากดั หลายประการซ่ึงอธิบายไดด้ ว้ ยทฤษฎีเก่ียวกบั การเปลี่ยนแปลงทางสังคม และวฒั นธรรมหลาบทฤษฎีการเปล่ียนแปลงทางสังคมและวฒั นธรรมมีผลต่อมนุษยแ์ ละ สังคมหลายประการท้งั ในดา้ นดีมีประโยชนแ์ ละตา้ นที่ทาใหส้ ังคมเกิดปัญหาต่างๆข้ึน 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook