BIG DATA by Chon

วิชา สื่อสร้างสรรค์เทคโนโลยีธุรกิจ นางสาว ชลมาศ พิชิ แผนกวิชา เทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล อาจารย์ผู้สอน อรรชลี ชาญประไพร วิทยาลัยเทคนิควังน้ำเย็น scan me TEL : 0639876239

BIG DATA คืออะไร? คือ ข้อมูลขนาดใหญ่ทุกประเภท เป็น ข้อมูลที่มีความหลากหลาย เมื่อข้อมูลมีปริมาณมากจึง ต้องอาศัยระบบประมวลผลมีประสิทธิภาพ สามารถ ร อ ง รั บ ป ริ ม า ณ ข้ อ มู ล ที่ มี อ ยู่ อ ย่ า ง ม ห า ศ า ล

ประวัติของ BIG DATA Big Data เป็นคำศัพท์ใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้ใน ช่วงปี 1990 โดยมี John Mashey ผู้ที่ทำให้คำนี้ เป็นที่รู้จักขึ้นมา แต่ต้นกำเนิดของชุดข้อมูลขนาด ใหญ่ได้มีการริเริ่มสร้างมาตั้งแต่ยุค 1960 และ ในยุค 1970 โลกของข้อมูลก็ได้เริ่มต้น และได้พัฒนาศูนย์ข้อมูลแห่งแรก ขึ้น และทำการพัฒนาฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ขึ้นมา ซึ่งปกติ แล้ว Big Data จะเป็นข้อมูลที่มีปริมาณที่ใหญ่มากโดยที่ ซอฟท์แวร์รุ่นเก่าไม่สามารถประมวลผลได้ หรือสามารถ ประมวลผลได้แต่ใช้เวลานาน

ประวัติของ BIG DATA โดย Big Data จะมีทั้งข้อมูลที่มีโครงสร้าง กึ่งมีโครงสร้าง และไม่มีโครงสร้าง ขนาดของ Big Data ก็จะมีการเพิ่มขนาด ของข้อมูลขึ้นไปเรื่อยๆ จากปัจจุบันที่มีขนาดข้อมูลหลายพัน Terabytes ก็จะมีการเพิ่มขนาดเป็น Zettabytes

คุณลักษณะของ BIG DATA ‘6V’ Volume Value BIG Velocity Variability DATA Variety Veracity

ปริมาณ (Volume) คือ ปริมาณของข้อมูลควรมีจำนวนมากพอ ความเร็ว (Velocity) คือ ความเร็วในการประมวลผลและผลิตข้อมูล ความหลากหลาย (Variety) คือ ความหลากหลายของประเภทของข้อมูล ความถูกต้อง (Veracity) คือ มีความน่าเชื่อถือของแหล่งที่มา ความแปรผันได้ (Variability) คือ ข้อมูลที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปตามการใช้งาน คุณค่า (Value) คือ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์

กระบวนการทำงานของ BIG DATA ขั้นตอนและกระบวนการทำงาน ของ Big Data มีอยู่ 3 ขั้นตอนหลักๆ 1.จัดเก็บข้อมูล (Storage) เป็นขั้นตอนการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดจากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่มีคุณภาพรวมถึงข้อมูลที่คาดว่าอาจจะเป็น ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นตัวอักษร ไฟล์เอกสาร ไฟล์รูปภาพ ไฟล์วิดีโอ ไฟล์เสียงที่ถูกบันทึก จะถูกเก็บรวบรวมไว้ที่นี่

กระบวนการทำงานของ BIG DATA 2.การประมวลผลข้อมูล (Processing) การประมวลผลข้อมูล หลังจากที่นำข้อมูลมารวบรวมไว้ได้ในที่เดียว แล้ว ข้อมูลต่างๆ จะถูกนำไปจัดหมวดหมู่ให้อยู่ในกลุ่มที่มีความเกี่ยวข้องกัน หรือความสัมพันธ์ใกล้เคียงกัน ให้ผลลัพธ์คล้ายคลึงกันมากที่สุด แล้วจึงนำ มาเปลี่ยนเป็นรูปแบบข้อมูลเพื่อนำเอาข้อมูลที่มีอยู่เหล่านี้เข้าระบบข้อมูลที่ ผ่านการประมวลผลแล้ว

กระบวนการทำงานของ BIG DATA 3.การวิเคราะห์ข้อมูล (Analyst) การวิเคราะห์ข้อมูลและนำเสนอข้อมูล หลังจากที่ข้อมูลทั้งหมดได้ ถูกจัดกลุ่มและแยกประเภทเรียบร้อยแล้วนั้น ต่อจากนั้นจะนำมาวิเคราะห์ หา Pattern ความเกี่ยวข้องกันทั้งหมด ที่อาจมองไม่เห็นได้เลยด้วยตา ไม่ ว่าจะเป็นการหา แนวโน้มของการตลาด ความต้องการของลูกค้า กระแส ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต และข้อมูลด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ และจัดมานำ เสนอในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพหรือกราฟ

ประโยชน์ของการใช้ BIG DATA สามารถเข้าใจลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการนำฐานข้อมูลที่มี อยู่ใน Big Data ศึกษาถึงลักษณะพฤติกรรมของผู้บริโภค ว่ามีการตัดสินใจในการเลือกสินค้า สามารถวิเคราะห์ความต้องการของตลาดในอนาคตได้ ข้อมูลต่างๆ ที่ถูกค้นหาในอินเตอร์เน็ต รวมถึงใน Social Media ต่างๆ สามารถนำมารวบรวมได้ การวางแผนในอนาคตมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จากข้อมูล ที่มีอยู่สามารถนำผลวิเคราะห์จาก Big Data เข้ามาช่วย ประกอบการวางแผนและการตัดสินใจได้เป็นอย่างดี ลดงบประมาณในการลงทุนด้าน IT ในอนาคตหลังจากที่ นำ Big Data มาใช้ในองค์กรแล้วสามารถลดต้นทุนการใช้ งบประมาณในด้าน IT ได้เป็นอย่างดี

ข้อควรระวังในการใช้ BIG DATA การใช้เทคโนโลยี Big Data ที่อาจสวนทางกับ การวางแผนขององค์กร ขาดการเก็บข้อมูลที่มากเพียงพอ เลือกใช้เครื่องมือแก้ไขปัญหาที่ผิด ขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะด้าน IT อาจเกิดปัญหาที่ Big Data ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ เลือกเชื่อตัวเองมากกว่าข้อมูลที่ได้จาก Big Data

BIG DATA เหมาะกับใคร? Big Data เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ สามารถใช้ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อมูลจากทุกแหล่งที่มาสามารถนำไป วิเคราะห์และวางแผนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ ตามที่ต้องการส่วนหนึ่ง เพื่อช่วยให้ สามารถเข้าถึงความต้องการของผู้ บริโภคได้มากที่สุด เมื่อลดระยะเวลาใน การดำเนินงานได้ ก็สามารถลดต้นทุนได้ เป็นอย่างดี ซึ่งประโยชน์ในส่วนนี้ของ Big Data ทำให้บริษัทใหญ่ๆ หลายเจ้า นำไปใช้ในการวางแผนการตลาดเพื่อ วิเคราะห์ลักษณะของผู้บริโภครวมถึง ความต้องการของผู้บริโภค สำหรับ รองรับธุรกิจขนาดใหญ่

ส่อง 3 ธุรกิจ พิชิตใจลูกค้า ด้วย Big Data 1. Netflix Netflix ได้นำ Big Data มาใช้ วิเคราะห์ เพื่อหาความต้องการเชิง ลึกจากพฤติกรรมการใช้งานของ ลูกค้าทั่วโลก 2. Amazon Amazon” คือหนึ่งในนั้น ที่มี Big 3. Starbucks Data หรือฐานข้อมูลของลูกค้า จำนวนมาก ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถ เก็บไว้ใช้ต่อยอดธุรกิจ หรือเพื่อ โฆษณา Starbucks มีการใช้ Big Data เพื่อวิเคราะห์หาความเป็นไปได้ที่ จะประสบความสำเร็จในการเปิด สาขาใหม่ ในแต่ละโลเคชั่น

Thank you