ระบบต่างๆ ของมนุษย์ ระบบยอ่ ยอาหาร (Digestive System)
จุดประสงค์การเรียนรู้ เม่ือเรียนจบหน่วยการเรียนรู้น้ีแลว้ นกั เรียนควรจะสามารถ 1 ทดลองและอธิบายโครงสร้างและการทางานของระบบยอ่ ยอาหาร ระบบหมุนเวยี นเลือด ระบบหายใจ ระบบขบั ถ่าย ระบบสืบพนั ธุ์ รวมท้งั ระบบประสาทของมนุษย์ 2 อธิบายการทางานท่ีสมั พนั ธ์กนั ของระบบต่างๆ ท่ีมนุษยด์ ารงชีวติ อยู่ ไดป้ กติ 3 สารวจ วเิ คราะห์และอธิบายพฤติกรรมบางอยา่ งของมนุษยท์ ี่ ตอบสนองต่อสิ่งเร้าบางชนิด 4 สืบคน้ ขอ้ มูลและอธิบายของสารเสพติดต่อการทางานของระบบต่างๆ ของร่างกาย เสนอแนะและรณรงคเ์ พอ่ื ป้องกนั และต่อตา้ นสารเสพติด
จุดประสงค์การเรียนรู้ เมื่อเรียนจบหน่วยการเรียนรู้น้ีแลว้ นกั เรียนควรจะสามารถ 5 สืบคน้ ขอ้ มลู และนาเสนอตวั อยา่ งการใชป้ ระโยชน์ และผลของการใช้ เทคโนโลยชี ีวภาพในดา้ นการปรับปรุงพนั ธุ์และขยายพนั ธุ์ รวมถึง เทคโนโลยที ่ีใชใ้ นการแกป้ ัญหาการมีบุตรยากในมนุษย์
1. ระบบย่อยอาหาร (Digestive System)
L/O/G/O 1.รบะบย่อยอาหาร(DigestiveSystem) www.kruseksan.com
กระบวนการกนิ อาหาร (Food Processing) ประกอบด้วย การยอ่ ยอาหาร (Digestion) หมายถึง กระบวนการสลาย อาหารที่มีโมเลกลุ ใหญใ่ หม้ ี โมเลกลุ เลก็ ลง จนกระทงั่ สามารถดูดซึม (absorption) ผา่ นเขา้ ระบบเลือดหรือระบบ น้าเหลืองเพื่อเขา้ ตบั จากน้นั ถูกส่งไปในส่วนตา่ งๆ ของ ร่างกาย เพ่อื ใชป้ ระโยชน์ ตอ่ ไป
กระบวนการกนิ อาหาร (Food Processing) ประกอบด้วย
การย่อยอาหาร (Digestion) วธิ ีการยอ่ ยอาหาร แบ่งออกเป็น 2 วธิ ี การบดเคยี้ วทาให้อาหาร การท่ีอาหารถูกไฮโดรไลส์ มขี นาดเลก็ ลง ยงั ไม่มี (Hydrolysis) ให้มโี มเลกลุ เลก็ การเปลยี่ นแปลงทางเคมี ลง โดยมเี อนไซม์ (Enzyme) เช่น การบด การกดั เป็ นตวั เร่งปฏิกริ ิยา การเคยี้ ว การบดิ รัดตวั ของกล้ามเนื้อทางเดนิ อาหาร
วธิ ีการยอ่ ยอาหาร แบ่งออกเป็น 2 วิธี การย่อยภายในเซลส์ เซลส์นาอาหารเขา้ สู่เซลส์ เซลส์หลงั่ เอนไซมอ์ อกมา แลว้ เอน็ ไซมภ์ ายในเซลส์ ยอ่ ยอาหารใหม้ ีขนาดเลก็ ยอ่ ยอาหารท่ีเขา้ สู่เซลส์น้นั ลงจนสามารถดูดซึมเขา้ ไป พบใน อะมีบา พารามีเซียม ภายในเซลส์ได้ พบใน รา ฟองน้า เป็นตน้ สตั วท์ ุกชนิดท่ีมีทางเดิน อาหาร เป็นตน้
ระบบย่อยอาหาร (Digestive System) คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมนั อาหารท่ี อาหารทุกชนิดจะตอ้ งถกู ยอ่ ยจนมีโมเลกลุ เลก็ ดูดซึมได้ พอท่ีซึมผา่ นเยอ่ื หุน้ เซลส์ได้ ส่วนวิตามิน แร่ธาตุ น้า ไม่มีการยอ่ ย เพราะโมเลกลุ เลก็ อยแู่ ลว้ แต่จะ มีการดูดซึมเกิดข้ึน น้าตาล กรดอะนิโม กรดไขมนั และ โมเลกลุ เด่ียว กลีเซอรอล
ระบบย่อยอาหาร (Digestive System) ระบบย่อยอาหาร (Digestive System) เอน็ ไซม์ (Enzyme) คือ สารประกอบประเภทโปรตีนที่เซลส์ของส่ิงมชี ีวิต สร้างข้ึนมา เพ่ือช่วยเร่งปฏิกิริยาระหวา่ งสาร เอน็ ไซมป์ ระกอบดว้ ยหน่วย ยอ่ ยๆ ที่ชื่อ กรดอะมิโม (amino acid) เอน็ ไซมท์ ่ีใชใ้ นการยอ่ ยอาหารจะ เรียกวา่ “น้ายอ่ ย” คุณสมบตั ิของเอน็ ไซม์ (Enzyme) 1. สามารถเร่งปฏิกิริยาภายในเซลส์ได้ 2. เมื่อเกิดปฏิกิริยาแลว้ เอน็ ไซมจ์ ะไม่มีการเปล่ียนแปลงรูปร่างและจานวน 3. อุณหภมู ิมีผลตอ่ การทางานของเอน็ ไซมใ์ นร่างกายของคนทางานไดด้ ีท่ี 37 องศา 4. สภาพความเป็นกรด-ด่าง มีผลตอ่ การทางานของเอน็ ไซม์ ข้ึนอยกู่ บั ชนิดของ เอน็ ไซมน์ ้นั
อวยั วะในระบบย่อยอาหาร ปาก oral cavity อวยั วะใน ตบั liver คอหอย pharynx ระบบยอ่ ย ตบั อ่อน pancreas หลอดอาหาร esophagus อาหาร ถงุ น้าดี gall bladder กระเพาะอาหาร stomach ลาไส้เลก็ small intestine ลาไสใ้ หญ่ large intestine or colon
ระบบทางเดนิ อาหารของคน ประกอบด้วย อาหาร 1.ช่องปาก (oral cavity) 2.คอหอย (pharynx) 3.หลอดอาหาร (esophagus) 4.กระเพาะอาหาร (stomach) 5.ลาไส้เลก็ (small intestine) 6.ลาไส้ใหญ่ (large intestine or colon) 7.ลาไส้ตรง (rectum) 8.ทวารหนัก (anus) กากอาหาร
ระบบทางเดนิ อาหารของคน ช่องปาก - ในน้าลายมีน้ายอ่ ย amylase สาหรับ อวยั วะสาคญั คือ ฟัน ลิ้น ตอ่ มน้าลาย ยอ่ ย แป้งและไกลโคเจน - ในช่องปากมีตอ่ มน้าลาย 3 คู่ - น้าลายประกอบดว้ ยสารไกลโค - ลิน้ ในช่องปากทาหนา้ ท่ีคลุกเคลา้ อาหารใหเ้ ป็นกอ้ นเรียก bolus โปรตีนที่มีลกั ษณะล่ืน เรียกวา่ mucin มีบทบาทในการทาใหอ้ าหารลื่น - กลืนง่าย ป้องกนเยอ่ื บุช่องปากและ ฟันไม่ใหผ้ ุ 14
ระบบทางเดนิ อาหารของคน ช่องปาก (oral cavity) 15
ระบบทางเดนิ อาหารของคน ฟัน (Teetth) ทาหนา้ ที่ บดเค้ียวอาหารใหม้ ีขนาดเลก็ ลง ถือวา่ เป็นการยอ่ ยเชิงกล ฟันของคนมี 2 ชุด คือ 1. ฟันน้านม (Temporary Teeth) มี 20 ซี่ ซ่ึงจะเร่ิมงอกเม่ืออายุ 6 เดือน และจะ เร่ิมหกั หรือหลุดออกเมื่ออายุ 6 ปี 2. ฟันแท้ (Permanent Teeth) งอกข้ึนมา แทนฟันน้านม ฟันแทม้ ีท้งั หมด 32 ซ่ี 16
ระบบทางเดนิ อาหารของคน ลิน้ (Tongue) เป็นกลา้ มเน้ือซ่ึงสามารถเคล่ือนไหวไดอ้ ยา่ ง คล่องแคล่วในหลายทิศทาง ทาหนา้ ที่ ช่วยใน การกลืน ลิน้ ทาหนา้ ท่ี ในการรับรสอาหาร มีป่ ุมรับรสเลก็ ๆ จานวนมากมายบนลิ้นเรียกวา่ ปาปิ ลา (papilla) ป่ ุนบนลิ้น เหลา่ น้ีจะประกอบ ดว้ ยตุม่ รับรส (taste bud) 17
ระบบทางเดนิ อาหารของคน การย่อยอาหารในปาก มีการยอ่ ยเชิงกล โดยการบดเค้ียวของฟัน และมีการยอ่ ยทางเคมีโดยเอมไซมอ์ ะไมเลส หรือไทยาลีน ซ่ึงทางานไดด้ ี ในสภาพที่เป็นเบสเลก็ นอ้ ย แปง้ + นำ้ อะไมเลส น้าตาลมอลโตส (Maltose) 18
คอหอย (pharynx) และหลอดอาหาร (esophagux) 1. เมื่อไม่มีอาหาร 2. เมื่ออาหารมาถึง 3. Esophageal sphincter esophageal คอหอยจะกระตนุ้ คลายตวั อาหารเคลื่อนสู่หลอดอาหาร sphincter หดตวั การกลืนกล่องเสียง epiglottis ยกข้ึน (larynx) และ glottis 4. กลา้ มเน้ือหด-คลายตวั เป็นจงั หวะ glottis เปิ ด ยกตวั ข้ึน epiglottis (peristalsis) ดนั อาหารจาก เคล่ือนตวั ลงมาปิ ด หลอดอาหารสู่กระเพาะอาหาร - ทางเดนิ หายใจเปิ ด - ทางเดนิ อาหารปิ ด - ทางเดนิ หายใจปิ ด 28 - ทางเดนิ อาหารเปิ ด
การย่อยในกระเพาะอาหาร (stomach) • อยภู่ ายในช่องทอ้ งดา้ นซา้ ย ใตก้ ระบงั ลม ยาวประมาณ 10 นิ้ว กวา้ งประมาณ 5 นิ้ว เป็นทางเดินอาหารที่ใหญท่ ี่สุด • มีผนงั กลา้ มเน้ือหา แขง็ แรงมาก ยดื หยนุ่ ไดด้ ี • ขยายความจุไดถ้ ึง 500 - 2,500 ลบ.ซม. • มีกลา้ มเน้ือหูรูด 2 แห่ง คือ ติดกบั หลอดอาหารและ บริเวณตอ่ กบั ลาไสเ้ ลก็ • ผนงั ดา้ นในของกระเพาะอาหารบุดว้ ยเซลส์ • หลงั เอนไซมห์ ลายชนิด คือ pepsinogen , prorennin,lipase • หลงั กรดไฮโดรคลอริก (HCI) อยรู่ ะหวา่ ง 0.9 - 2.0 ทาลายเช้ือโรค 20
การย่อยในกระเพาะอาหาร (stomach) โครงสร้างของกระเพาะอาหาร ภายในกระเพาะอาหารจะมีผนงั มี ลกั ษณะเป็นคล่ืนเรียกวา่ รูกี (Rugae) มีตอ่ มสร้างน้ายอ่ ยเรียกวา่ Gastric Gland นา้ ย่อยของกระเพาะอาหาร น้ายอ่ ยเม่ือสร้างออกมาใหม่ๆ ยงั ทาหนา้ ท่ีไม่ได้ จะตอ้ งถูกกระตนุ้ โดย กรด เกลือ (HCI) ในกระเพาะอาหาร น้ายอ่ ยจึงเปลี่ยนสภาพไปจนพร้อมท่ี จะยอ่ ยอาหารได้ 21
การย่อยในกระเพาะอาหาร (stomach) โครงสร้างของกระเพาะอาหาร 35
การย่อยในกระเพาะอาหาร (stomach) กระเพาะอาหาร (stomach) มีการยอ่ ยเชิงกลโดยการบีบตวั ของกลา้ มเน้ือทางเดิน อาหารและมีการยอ่ ยทางเคมีเอนไซมซ์ ่ึงจะทางานไดด้ ีในสภาพที่เป็นกรด ใน กระเพาะอาหาร จะมีเอนไซมด์ งั น้ี Pepsin Rennin ย่อยโปรตนี ใหเ้ ป็ นเปปไทด ์ (peptide) ทาหน้าที่ ยอ่ ยโปรตนี ในน้านม Pepsin rennin Protein + H2O peptide Casein + H2O paracesein ในขณะท่ีไม่มีอาหาร กระเพาะอาหารจะมีความจุ 50 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร แต่เมื่อมี อาหารจะมีการขยายไดอ้ ีก 10 - 40 เท่า อาหารท่ีจะถกู ยอ่ ยท่ีกระเพาะอาหารยงั ไม่ สามารถดูดซึมได้ แตจ่ ะมีการดูดซึมแอลกอฮอล์ 36
สรุปการย่อยในกระเพาะอาหาร (stomach) กระเพาะอาหาร เพนซิน ฮอร์โมนแกสตริน กระตุ้นการหล่ัง กรดไฮโดรคลอ & เพปซิโนเจน อาหาร ริก เพนซิน ย่อย พนั ธะเพปไทด์ ได้ พอลิเพปไทด์ขนาดเลก็ + ไดเพปไทด์ + กรดอะมโิ น 3737 37
ลาไส้เลก็ (small intestine) ลาไส้เลก็ เป็นส่วนที่ยาวที่สุดของทางเดินอาหาร ต่อจากกระเพาะอาหาร มีความยาว ประมาณ 7 - 8 เมตร ผนงั ดา้ นในของลาไส้เลก็ มีลกั ษณะเป็นลอนตามขวาง มีส่วนยน่ื เลก็ ๆ มีลกั ษณะคลา้ ยนิ้วมือจานวนมากมาย เรียกวา่ วิลลสั (Villus) 25
ลาไส้เลก็ (small intestine) ลาไส้เล็ก แบ่งเป็ น 3 ส่วน คือ 1. ตอนตน้ (duodenum) ยาวประมาณ 25 cm ส้นั กวา่ ตอนอ่ืน เป็นรูปตวั ยู 2. ส่วนกลาง (jejrnum) ยาวประมาณ 3-4 m ดูดซึมอาหารที่ยอ่ ยแลว้ มากที่สุด 3. ส่วนทา้ ย (ileum) ยาวประมาณ 4.3 m ยอ่ ยและดูดซึมไม่สมบูรณ์ มีไสต้ ่ิง (appendix) 26
ลาไส้เลก็ (small intestine) วลิ ลสั (Villus) จะทาใหเ้ พิ่มพ้นื ท่ีในการดูดซึมอาหาร 27
การย่อยในลาไส้เลก็ (small intestine) ลาไสเ้ ลก็ เป็นบริเวณท่ีมีการยอ่ ยซ่ึงเป็นการยอ่ ยท้งั เชิงกลและการยอ่ ยเชิง เคมี ลาไสเ้ ลก็ มีการดูดซึมมากที่สุด โดยเอนไซมใ์ นลาไสเ้ ลก็ จะทางานไดด้ ี ในสภาพท่ีเป็นเบส ซ่ึงเอนไซมท์ ี่ลาไสเ้ ลก็ สร้างข้ึน ไดแ้ ก่ 42
การย่อยในลาไส้เลก็ (small intestine) 434 3
การย่อยในลาไส้เลก็ (small intestine) การทางานร่วมกนั ของเอนไซมจ์ ากตบั ออ่ นและลาไสเ้ ลก็ สร้างน้ายอ่ ยโปรตีน 30
ลาไส้ใหญ่ (Large intestine) ลาไสใ้ หญ่ ยาวประมาณ 1.5 เมตร ในลาไส้ใหญ่ มีแบคทีเรีย ช่วยยอ่ ยสลายกากอาหาร และยงั สงั เคราะห์วิตามิน K และ B12 ที่ผนงั ลาไสใ้ หญ่ จะมีการดูด น้า แร่ธาตุ วติ ามินบางชนิด และ กลูโคส ออกจากกากอาหารเขา้ สู่กระแสเลือด ผนงั ลาไส้ใหญ่จะขบั เมือกออกมาหล่อลนื่ กาก อาหาร แลว้ เคล่ือนไปรวมกนั ที่ลาไส้ตรง และ ขบั ถา่ ยออกมาเป็นอุจจาระ ออกทางทวารหนกั 31
ลาไส้ใหญ่ (Large intestine) ส่วนตน้ ของลาไส้ใหญ่บริเวณ ที่ต่อกบั ลาไส้เลก็ จะมีไส้เลก็ ๆ ปลายตนั เรียกวา่ ไส้ติ่ง ซ่ึงไม่ไดท้ าหนา้ ท่ีอะไร 32
Search
Read the Text Version
- 1 - 32
Pages: