คำนำ รายงานการศึกษาค้นคว้าผลการวิจัยเล่มน้ีจัดทาข้ึนเพ่ือเป็นการแสวงหาองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ เพื่อ นามาประยกุ ตใ์ ช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษาและการพัฒนาแนวทางสาหรับการขับเคล่ือนการดาเนินงานของ สถานศกึ ษาเพอ่ื ความเป็นเลิศทางดา้ นกระบวนการบริหารจัดการสถานศึกษา คุณภาพผเู้ รียน คณุ ภาพครู ซ่ึงเน้ือหาภายในรายงานเล่มน้ีประกอบไปด้วย ชื่องานวิทยานิพนธ์หรืองานวิจัย ภูมิหลังหรือที่มาและความสาคัญ ของงานวิจยั วัตถปุ ระสงคก์ ารวจิ ัย ขอบเขตของการวจิ ยั เอกสารหรอื วรรณกรรมท่เี กย่ี วข้อง วิธีดาเนินการวิจัย สรุปผลการวิจัย สรุปข้อเสนอแนะของงานวิจัยเรื่องน้ี และการนางานวิจัยชิ้นน้ีไปใช้ประโยชน์ อยา่ งไร ซ่ึงผู้ศึกษาคน้ คว้ามีความมุง่ มนั่ ต้ังใจในการศึกษาคน้ คว้างานวิจยั เป็นอยา่ งยงิ่ เพ่ือใหไ้ ดส้ ารสนเทศที่มีความ น่าเชอื่ ถือและสามารถใช้เป็นแหล่งความรู้ และอ้างองิ ในการประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษา อกี ท้ังทา ให้ผู้ค้นคว้าได้เรียนรู้ แนวคิด ทฤษฎี หลักการบริหารจัดการสถานศึกษาท่ีมีความหลากหลาย เพ่ือนามาพัฒนา ตนเองให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ สามารถให้คาแนะนา คาปรึกษา แก่คณะครูและบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนผ้ทู ่ขี อรบั คาแนะนาในอนาคตต่อไป จกั รกฤษณ์ อนุฤทธ์ิ มถิ นุ ายน 2564
คำนำ รายงานการศึกษาค้นคว้าผลการวิจัยเล่มน้ีจัดทาข้ึนเพ่ือเป็นการแสวงหาองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ เพ่ือ นามาประยกุ ตใ์ ช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษาและการพัฒนาแนวทางสาหรับการขับเคล่ือนการดาเนินงานของ สถานศกึ ษาเพอ่ื ความเป็นเลิศทางดา้ นกระบวนการบรหิ ารจดั การสถานศึกษา คณุ ภาพผู้เรยี น คณุ ภาพครู ซ่ึงเน้ือหาภายในรายงานเล่มน้ีประกอบไปด้วย ชื่องานวิทยานิพนธ์หรืองานวิจัย ภูมิหลังหรือท่ีมาและความสาคัญ ของงานวิจยั วัตถปุ ระสงคก์ ารวจิ ัย ขอบเขตของการวิจัย เอกสารหรอื วรรณกรรมที่เก่ยี วข้อง วิธีดาเนินการวิจัย สรุปผลการวิจัย สรุปข้อเสนอแนะของงานวิจัยเรื่องนี้ และการนางานวิจัยชิ้นน้ีไปใช้ประโยชน์ อยา่ งไร ซ่ึงผู้ศึกษาคน้ คว้ามีความมุง่ มนั่ ต้ังใจในการศึกษาคน้ ควา้ งานวิจยั เปน็ อย่างยิ่งเพอ่ื ใหไ้ ดส้ ารสนเทศท่ีมีความ น่าเชอื่ ถือและสามารถใช้เป็นแหล่งความรู้ และอ้างอิงในการประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษา อีกทั้งทา ให้ผู้ค้นคว้าได้เรียนรู้ แนวคิด ทฤษฎี หลักการบริหารจัดการสถานศึกษาที่มีความหลากหลาย เพ่ือนามาพัฒนา ตนเองให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ สามารถให้คาแนะนา คาปรึกษา แก่คณะครูและบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนผ้ทู ่ขี อรบั คาแนะนาในอนาคตต่อไป จักรกฤษณ์ อนฤุ ทธิ์ พฤศจิกายน 2564
การเรียนรู้จากงานวทิ ยานิพนธ์ 1. ชือ่ งานวิทยานิพนธ์ ธรี ะรตั น์ คันธวิ งศ์ (2560). การศกึ ษาการบริหารงานการจัดการเรยี นรขู้ องผู้บริหาร สถานศกึ ษาตามความคดิ เห็นของครวู ชิ าการในสถานศกึ ษา สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนที่ การศกึ ษาประถมศกึ ษาพระนครศรีอยธุ ยา เขต 2 .วิทยานิพนธ์ ค.ม. : มหาวิทยาลัยราชภัฏ พระนครศรอี ยุธยา พระนครศรีอยธุ ยา. 2. ภมู ิหลัง กระทรวงศึกษาธิการกาหนดใหม้ กี ารปฏริ ปู การศกึ ษาในทศวรรษท่ีสอง (พ.ศ. 2552 - 2561) โดยให้ดาเนนิ การพฒั นาใน 4 ดา้ นด้วยกนั คือ 1) พัฒนาคณุ ภาพคนไทย ใหม้ นี ิสัยใฝ่ เรียนรสู้ ามารถเรยี นรู้ด้วยตนเองและแสวงหาความรู้อย่างต่อเนอื่ งตลอดชีวิต มคี วามสามารถใน การส่อื สาร สามารถคิด วเิ คราะห์ แกป้ ัญหา ริเรมิ่ สร้างสรรค์ มจี ติ สาธารณะ มีระเบียบวินยั คานึงถงึ ประโยชน์ส่วนรวม มีศลี ธรรม คณุ ธรรม จริยธรรม และค่านิยม 2) พัฒนาคณุ ภาพครู ให้ เป็นผ้เู อือ้ อานวยใหผ้ ู้เรยี นเกดิ การเรียนรู้ เปน็ วชิ าชีพท่มี ีคุณค่า สามารถดึงดูดคนเกง่ คนดี มใี จรัก ในวิชาชพี ครมู าเปน็ ครู 3) พัฒนาคุณภาพสถานศึกษาและแหล่งเรยี นรู้ เพอื่ พัฒนาคุณภาพ สถานศกึ ษาทุกระดบั ใหส้ ามารถเปน็ แหลง่ เรยี นร้ทู ม่ี ีคณุ ภาพ และพัฒนาแหลง่ เรียนรู้อนื่ ๆ สาหรบั การศกึ ษา และเรยี นรู้ทง้ั ในระบบโรงเรียน นอกระบบโรงเรยี น และการศึกษาตามอัธยาศัย 4) พัฒนาคุณภาพการบรหิ ารจดั การ โดยมุ่งเน้นการกระจาขอานาจสูส่ ถานศกึ ษาในเขตพื้นท่ีการ ศกึ ยา และองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินรวมทั้งการมสี ่วนรว่ มของผู้ปกครอง ชุมชน ภาคเอกชน และทุกภาคส่วน และมีระบบการบริหารจดั การตามหลักธรรมาภิบาล สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยธุ ยา เขต 2 ปัจจบุ นั ประสบ ปญั หาในดา้ นคุณภาพการศึกษามีค่าคะแนนเฉล่ียต่ากวา่ กาคะแนนเฉล่ียระดับประเทศ (สานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาพระนครศรอี ยธุ ยา เขต 2, 2557, หน้า 9) จากสภาพ ปญั หาในการบรหิ ารงานวิทาการของโรงเรียน สงั กัดสานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษา พระนครศรอี ยุธยาเขต 2 พบว่า ดาเนินการพฒั นาครูตามหลักสูตรเน้นรปู แบบการพัฒนาโดยใช้ โรงเรียนเปน็ ฐานในขณะปฏิบัตกิ ารสอน (On the job training) และสนับสนนุ การพัฒนาครใู น รูปแบบของการCoaching และ Monitoring เน้นการพัฒนาการเรยี นการสอน และยกระดบั ผลสมั ฤทธกิ์ ารเรยี นรู้(สานกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 2, 2557, หนา้ 27) แตย่ ังประสบปัญหาในด้านคุณภาพการศึกษา จงึ ทาให้เกิดผลกระทบในการ
2 ปฏิบตั งิ านดา้ นวชิ าการ ทาให้การปฏิบตั งิ านไม่ประสบความสาเร็จตามเปา้ หมาย จากปัญหา ดงั กล่าวแสดงถงึ ภาวะผนู้ าของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาให้ความสาคัญในการบรหิ ารงานดา้ นวิชาการ นอ้ ยกวา่ บรหิ ารงาน ดา้ นอื่น ๆ ด้วยเหตุผลและความสากัญดังท่กี ล่าวมาในเบอ้ื งต้น ผ้วู ิจยั จึงได้ การศึกษาการบรหิ ารการจัดการเรียนรูข้ องผบู้ ริหารสถานศึกษาตามความคดิ เหน็ ของครูวชิ าการ สงั กัดสานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยธุ ยา เขต 2 3. คาสาคญั สภาพการบริหารงานการจดั การเรยี นรู้ , ปญั หาการบรหิ ารงานการจดั การเรียนรู้ , ครู วิชาการ 4. วตั ถุประสงค์การวิจัย เพื่อศกึ ษาสภาพและปัญหาการบริหารการจัดการเรียนรขู้ องผูบ้ รหิ ารสถานศึกษาตาม ความคดิ เหน็ ของครวู ิชาการ สังกัดสานกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยธุ ยา เขต 2 5. ขอบเขตของการวจิ ัย การวจิ ัยครั้งนผ้ี วู้ จิ ยั มุง่ ศึกษาเฉพาะขอบเขตดังนี้ 1. ประชากรและกลุม่ ตวั อยา่ ง 1.1 ประชากรท่ใี ช้ในการวิจัยคร้งั น้ี ไดแ้ ก่ โรงเรยี น สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ท่ี การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยธุ ยา เขต 2 จานวน 164 แหง่ ผู้ให้ข้อมลู ไดแ้ ก่ ครูวชิ าการ จานวน 164 คน 1.2 กลุ่มตัวอยา่ งทใี่ ช้ในการวิจยั ได้แก่ โรงเรียน สังกดั สานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรอี ยธุ ยา เขต 2 จานวน 116 แหง่ ผใู้ ห้ข้อมูล ได้แก่ ครูวิชาการ จานวน 116 คน กาหนดขนาดกล่มุ ตัวอยา่ ง โดยใช้สตู รของยามาเน (Yamane, 1973, p. 120) กาหนดความคลาดเคลื่อนทย่ี อมให้เกดิ ขึ้นได้เทา่ กบั .0 2. ตวั แปรที่ศกึ ษา ตัวแปรทศี่ กึ ษาในการทาวจิ ัยในครงั้ นี้ ไดแ้ ก่ 2.1 สถานภาพของผ้ตู อบแบบสอบถาม ประกอบดว้ ยข้อมูลดา้ น เพศ วฒุ ิ การศกึ ษาประสบการณ์ในการทางาน ขนาดโรงเรียน การรับรองคุณภาพจากสานกั งานรับรอง มาตรฐานและประเมนิ คุณภาพการศกึ ษา สังกดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษา พระนครศรอี ยุธยา เขต 2 2.2 สภาพ และ ปัญหาการบริหารการจัดการเรียนรู้ของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาตาม
3 ความคิดเห็นของครวู ชิ าการ สงั กดั สานกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 2 ซึ่งประกอบดว้ ย 4 ด้าน คอื 1) ด้านการวางแผนและเตรียมการจัดการเรยี นรู้ 2) ด้านการ สรา้ งการเรยี นรู้ 3) ค้านการสร้างกระบวนการ ใชส้ ่อื การจัดการเรยี นรู้ และ 4) ด้านการ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 6. วรรณกรรมท่เี กี่ยวขอ้ ง 1. การบรหิ ารการศึกษา 1.1 ความหมายของการบริหารการศกึ ษา 1.2 ความสาคัญของการบริหารการศกึ ษา 1.3 ทฤษฎกี ารบริหารการศึกษา 1.4 กระบวนการบรหิ ารการศึกษา 2. การบริหารการจดั การเรยี นรู้ 2.1 ความหมายของการบริหาร 2.2 ความหมายของการเรยี นรู้ 2.3 ทฤษฎีการเรยี นรู้ 2.4 การจดั การเรยี นรูใ้ นสถานศึกษา 2.5 กระบวนการจัดการเรยี นรู้ 3. บทบาทหนา้ ที่และภารกิจของผูบ้ ริหารสถานศึกษาโดยทว่ั ไป และบทบาทหน้าท่ีและ ภารกิจของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาในการจดั การเรียนรู้ 4. การบรหิ ารและการจดั การศึกษาของสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา พระนครศรีอยุธยา เขต 2 5. งานวิจัยทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 5.1 งานวจิ ยั ในประเทศ 5.2 งานวิจัยตา่ งประเทศ 7. วธิ ดี าเนนิ การวจิ ัย ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง 1. ประชากรทใ่ี ชใ้ นการวิจยั ไดแ้ ก่ โรงเรยี นสังกดั สานกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษา ประถมศกึ ษาพระนครศรอี ยธุ ยา เขต 2 จานวน 164 แหง่ ผู้ให้ข้อมูล ไดแ้ ก่ ครวู ิชาการ จานวน 164 คน 2. กลุม่ ตัวอยา่ ง ได้แก่ โรงเรยี นสังกดั สานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา
4 พระนครศรีอยุธยา เขต 2 จานวน 116 แหง่ ผใู้ ห้ขอ้ มลู ได้แก่ ครูวิชาการ จานวน 116 คน คานวณขนาดกล่มุ ตวั อยา่ งโดยใช้ตารางของยามาเน่ (Yamane, 1 973, p. 919) ขอบเขตความคลาดเคลื่อนท่ี .05 (ยทุ ธพงษ์ กัยวรรณ์, 2543, หนา้ 104) และใชว้ ิธีการ สมุ่ แบบง่าย (Simple random sampling) เครอื่ งมือทใ่ี ช้ในการวจิ ยั ผู้วิจัยได้ดาเนินการ สรา้ งแบบสอบถาม เกีย่ วกับสภาพและปัญหาการบริหารงานการจดั การเรียนรู้ของ ผู้บรหิ ารสถานศึกยาตามความคิดเหน็ ของครวู ิชาการ สงั กัดสานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ประถมศึกษาพระนครศรอี ยธุ ยา เขต 2 ท่ผี ้วู จิ ยั สร้างขน้ึ โดยแบง่ ออกเป็น 2 ตอน ดังน้ี ตอนที่ 1 เป็นข้อมูลสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม ประกอบด้วยข้อมลู ดา้ น เพศ วฒุ ิการศกึ ษา ประสบการณ์ในการทางาน ขนาดโรงเรยี น ได้รบั การรบั รองคณุ ภาพจากสานกั งาน รบั รองมาตรฐานและประเมนิ คณุ ภาพการศึกษา มีลักษณะเปน็ แบบตรวจสอบรายการ (Check list)จานวน 5 ขอ้ ตอนท่ี 2 เปน็ แบบสอบถามเกย่ี วกับสภาพและปญั หาการบรหิ ารงานการจดั การเรยี นรู้ ของผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาตามความคดิ เหน็ ของครูวชิ าการ สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษา ประถมศึกษาพระนครศรีอยธุ ยา เขต 2 ซง่ึ ประกอบด้วย ประเด็นการสอบถาม 4 ดา้ น จานวน 30 ข้อ คอื ด้านการวางแผนและเตรยี มการจัดการเรยี นรู้ จานวน 5 ข้อ ด้านสรา้ งการเรยี นรู้ จานวน 15 ข้อ ด้านสร้างกระบวนการใชส้ ่ือการจดั การเรยี นรู้ จานวน 5 ข้อ และด้านการ ประเมินผลการเรยี นรู้ของผู้เรียน จานวน 5 ข้อ เปน็ แบบมาตราประมาณค่า (Rating scale ) กาหนดค่าคาตอบเป็น 5 ระดับ การสร้างและพัฒนาเครือ่ งมือทใี่ ชใ้ นการวิจัย ขนั้ ตอนการสร้าง และพฒั นาเคร่ืองมือที่ใชใ้ นการวจิ ยั ดงั น้ี ขน้ั ที่ 1 ศึกษา คน้ ควา้ เอกสาร และงานวจิ ัยทเี่ กีย่ วข้องกับการบรหิ ารงานการจัดการ เรยี นรู้ของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของครูวิชาการ เพ่ือกาหนดกรอบแนวคิดในการ วจิ ัย ขนั้ ที่ 2 ดาเนนิ การสร้างข้อคาถามโดยพจิ ารณาจากการศึกษาคน้ ควา้ และนิยาม เชงิ ปฏบิ ัตกิ ารแล้วนาไปให้อาจารยท์ ่ีปรกึ ษาพจิ ารณาตรวจสอบความเหมาะสมของข้อคาถาม และการจัดรูปแบบการพิมพ์ พร้อมทง้ั นามาปรับปรุงแก้ไข ขนั้ ท่ี 3 นาแบบสอบถามทป่ี รับปรงุ ตามคาแนะนาของอาจารยท์ ี่ปรึกษาให้ผูเ้ ชยี่ วชาญ จานวน 5 ท่าน เพื่อตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ ดา้ นความเทย่ี งตรงเชิงเนื้อหา (Content validiny) โดยหาค่าดชั นคี วามสอคคล้อง (IOC, หน้าIndex of item objcctive congruence) ซ่งึ ใชเ้ กณฑก์ ารตัดสินใจวา่ คาถามท่ีคงไวน้ น้ั ควรมีคา่ ดชั นคี วามสอดกล้องไมต่ า่ กว่า 0.50 โดย
5 จากการวิเคราะห์ข้อมูล ผลปรากฏว่า คา่ ความสอดคล้องของรายการคาถามมีค่าระหวา่ ง 0.80 - 1.00 ขน้ั ที่ 4 นาแบบสอบถามทีป่ รับปรงุ แก้ไขแล้วไปทดลองใช้ (Try out) กับครวู ชิ าการใน สงั กดั สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพระนครศรีอยธุ ยา เขต 2 ที่มีคุณสมบัติเช่นเดียว กบั กลุ่มตัวอยา่ ง จานวน 30 คน เพ่อื หาคณุ ภาพเครื่องมือ โคยนาผลท่ไี ด้มาวิเคราะห์ หาค่าความ เช่อื มั่น (Reliability) ด้วยวธิ ีการหาค่าสัมประสิทธ์ิแอลฟาของครอนบาช (พวงรัตน์ ทวีรัตน์, 2543, หน้า132 - 133) โดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูปวิเคราะห์ หาค่าความเชือ่ มน่ั ของแบบสอบถาม สภาพการบริหารงานการจดั การเรยี นรู้ของผูบ้ ริหารสถานศึกษาตามความคิดเหน็ ของครูวิชาการ โดยไดค้ า่ ความเชือ่ ม่นั เท่ากับ 0.93 และแบบสอบถามปญั หาการบรหิ ารงานการจดั การเรียนรู้ของ ผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษาตามความคดิ เห็นของครวู ิชาการโดยไดค้ ่าความเชื่อมัน่ เทา่ กบั 0.96 ขนั้ ท่ี 5 นาแบบสอบถามทผ่ี ่านการตรวจสอบความเชื่อม่ันแลว้ จดั พมิ พเ์ ป็น แบบสอบถาม ฉบบั สมบรู ณ์ เพ่อื เกบ็ ข้อมูลกบั กลุ่มตัวอย่างตอ่ ไป การเก็บรวบรวมข้อมลู ผ้วู จิ ยั ขอ หนงั สือขอความอนุเคราะห์จากสานกั งานคณะกรรมการบัณฑิตศึกษามหาวทิ ยาลัยราชภพั ระนคร ศรีอยธุ ยา ถึงผบู้ รหิ ารสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา พระนครศรีอยุธยา เขต 2 จานวน 116 แหง่ เพ่ือขอความอนเุ คราะห์เก็บข้อมูลจากครแู นะแนว จานวน 116 คน โดยเกบ็ รวบรวมข้อมลู ด้วยตนเองไดแ้ บบสอบถามกลบั คืนมาร้อยละ 100 การวิเคราะหข์ ้อมูล 1. วิเคราะห์สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยใชค้ า่ ความถแี่ ละร้อยละ 2. วิเคราะห์สภาพและปัญหาการบรหิ ารงานการจัดการเรยี นรู้ของผูบ้ รหิ าร สถานศึกษาตามความคิดเหน็ ของครูวชิ าการ สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถม ศึกษสาพระนครศรีอยุธยาเขต 2 วเิ คราะหข์ ้อมลู โดยการคานวณหาค่าเฉถี่ย (Mean) และสว่ นเยยี่ งเบนมาตรฐาน (Standard deviation) 3. ทดสอบสมมตฐิ านเพ่ือเปรยี บเทียบการบรหิ ารงานการจัดการเรียนรูข้ อง ผบู้ ริหารสถานศึกษา สงั กัดสานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพระนครศรีอยธุ ยา เขต 2 โดยใชค้ า่ ที (-test) สาหรบั เพศ วุฒิการศึกษา ขนาดของโรงเรยี น และ ไดร้ ับรอง คณุ ภาพจากสานกั รบั รองมาตรฐานและประเมินคณุ ภาพการศึกษา (สมศ.) ส่วน ประสบการณ์ในการทางานใช้การวเิ คราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA)
6 8. สรปุ ผลการวจิ ัย ครวู ิชาการในโรงเรียน สังกดั สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษา พระนครศรอี ยธุ ยา เขต 2 รับรู้ระดับการปฏิบตั ิการบริหารงานการจัดการเรียนรู้ของผู้บริหาร สถานศกึ ษา สงั กดั สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยธุ ยา เขต 2 โดย ภาพรวมมรี ะดับการปฏบิ ัติอยู่ในระดับมากในทกุ ด้าน เม่ือพิจารณาเปน็ รายดา้ น พบวา่ อยู่ใน ระดบั มากทุกดา้ น เรียงอันดบั จากมากไปหาน้อยดงั น้ี ด้านสรา้ งการเรยี นรู้ รองลงมาคือ ด้านสร้าง กระบวนการใชส้ ื่อการจัดการเรียนรู้ ดา้ นการประเมินการเรียนรู้ของผเู้ รยี น และด้านการวางแผน การเตรียมการจัดการเรียนรู้ ตามลาดบั สว่ นระดบั ปญั หาในการปฏบิ ตั ิการบรหิ ารงานการจัดการ เรยี นรู้ของผบู้ ริหารสถานศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษา พระนครศรอี ยธุ ยาเขต 2 โดยภาพรวมมรี ะดับการปฏิบัติอยู่ในระดบั น้อยท่สี ุดในทกุ ด้าน เมอื่ พจิ ารณาเป็นรายดา้ นก็พบว่าอยู่ในระดบั น้อยที่สดุ ทกุ ด้าน 9. สรปุ ข้อเสนอแนะของงานวิจัยเร่อื งน้ี 1. ดา้ นการวางแผนและการเตรยี มกรจดั การเรียนรู้ ได้เสนอปญั หาว่า ชุมชนยังไม่ให้ ความร่วมมอื ในการจัดทาแผนการจดั การเรียนรเู้ ทา่ ท่ีควร สถานศึกษานาภมู ปิ ญั ญาท้องถ่ินนอ้ ย หน่วยงานอืน่ ให้ความเช่ือมโยงระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนน้อย ได้เสนอแนวทางแก้ไขว่า จัด ประชมุ และขอความร่ามมอื จากผปู้ กครองและชมุ ชนให้มากขน้ึ ผู้บรหิ ารสง่ เสริม สนับสนนุ การใช้ ภมู ิปญั ญาท้องถ่นิ ประชาสมั พันธ์เพ่ือขอความร่วมมือจากหนว่ ยงานอื่นในระบบดูแลช่วยเหลือ นกั เรยี น 2. ด้านสร้างการเรียนรู้ ไดเ้ สนอปญั หาวา่ สถานศึกษายังขาดการวเิ คราะห์ สภาพแวดล้อมเพอ่ื จัดทาแผนการเรียนรู้ สื่อและเทคโนโลยีในการจดั การเรียนรยู้ ังมีไม่เพียงพอ หอ้ งสมุด หอ้ งปฏบิ ตั ิการตา่ ง ๆ ไมพ่ ร้อมใชง้ าน ไดเ้ สนอแนวทางแก้ไขว่า ผบู้ รหิ ารสง่ เสริมใหค้ รู วเิ คราะห์สภาพแวดล้อมก่อนจดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้ จัดหาส่อื เพิ่มเตมิ ผบู้ รหิ ารส่งเสริม ซ่อมแซมหอ้ งปฏิบัติการต่าง ๆ ในโรงเรียนให้พร้อมสาหรับการใชง้ านอย่างสม่าเสมอ 3. ด้านสรา้ งกระบวนการใช้ส่อื การจดั การเรยี นรู้ ได้เสนอปัญหาวา่ ครูขาดความเข้าใจใน การทาวจิ ยั ในช้นั เรียน ครไู มใ่ ชส้ อื่ การเรยี นการสอนเทา่ ที่ควร ครผู ลิตส่ือนอ้ ย ได้เสนอแนว ทางแก้ไขว่า สง่ เสริม สนับสนุนให้ครูเขา้ ร่วมอบรมการทาวิจัย ผูบ้ ริหารนิเทศการใชส้ อ่ื อยา่ ง ตอ่ เน่ือง สง่ เสริมให้ครผู ลิตสอ่ื เพื่อใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน
7 10. จะนางานวจิ ัยช้นิ นี้ไปใช้ประโยชน์อยา่ งไร 10.1 ใชเ้ พอื่ เปน็ แนวทางในการศกึ ษา คน้ ควา้ ประกอบการทาวิทยานพิ นธ์ของตนเอง 10.2 ใชเ้ พือ่ พฒั นาทักษะในการทาวิทยานิพนธ์ เพ่ือให้ทราบถึงรปู แบบการวิจยั ระเบยี บวิธวี จิ ยั และ การทาวจิ ัยให้มคี วามถูกต้องและสมบรูณ์ 10.3 ใชเ้ พอ่ื เปน็ ข้อมูลสารสนเทศใหก้ ับผูบ้ รหิ ารและครู ใช้เป็นขอ้ มูลพืน้ ฐาน และเป็น แนวทางในการบริหารสถานศึกษาต่อไป
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: