Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การศึกษาวิจัยปีการศึกษา 2564

การศึกษาวิจัยปีการศึกษา 2564

Published by minton_noom, 2022-07-31 06:57:09

Description: การศึกษาวิจัยปีการศึกษา 2564

Search

Read the Text Version

คำนำ รายงานการศึกษาค้นคว้าผลการวิจัยเล่มน้ีจัดทาข้ึนเพ่ือเป็นการแสวงหาองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ เพื่อ นามาประยกุ ตใ์ ช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษาและการพัฒนาแนวทางสาหรับการขับเคล่ือนการดาเนินงานของ สถานศกึ ษาเพอ่ื ความเป็นเลิศทางดา้ นกระบวนการบริหารจัดการสถานศึกษา คุณภาพผเู้ รียน คณุ ภาพครู ซ่ึงเน้ือหาภายในรายงานเล่มน้ีประกอบไปด้วย ชื่องานวิทยานิพนธ์หรืองานวิจัย ภูมิหลังหรือที่มาและความสาคัญ ของงานวิจยั วัตถปุ ระสงคก์ ารวจิ ัย ขอบเขตของการวจิ ยั เอกสารหรอื วรรณกรรมท่เี กย่ี วข้อง วิธีดาเนินการวิจัย สรุปผลการวิจัย สรุปข้อเสนอแนะของงานวิจัยเรื่องน้ี และการนางานวิจัยชิ้นน้ีไปใช้ประโยชน์ อยา่ งไร ซ่ึงผู้ศึกษาคน้ คว้ามีความมุง่ มนั่ ต้ังใจในการศึกษาคน้ คว้างานวิจยั เป็นอยา่ งยงิ่ เพ่ือใหไ้ ดส้ ารสนเทศที่มีความ น่าเชอื่ ถือและสามารถใช้เป็นแหล่งความรู้ และอ้างองิ ในการประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษา อกี ท้ังทา ให้ผู้ค้นคว้าได้เรียนรู้ แนวคิด ทฤษฎี หลักการบริหารจัดการสถานศึกษาท่ีมีความหลากหลาย เพ่ือนามาพัฒนา ตนเองให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ สามารถให้คาแนะนา คาปรึกษา แก่คณะครูและบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนผ้ทู ่ขี อรบั คาแนะนาในอนาคตต่อไป จกั รกฤษณ์ อนุฤทธ์ิ มถิ นุ ายน 2564

สำรบัญ เรอื่ ง หนำ้ คำนำ .................................................................................................................................................. ก สำรบญั ............................................................................................................................................... ข 1. ช่อื งานวิทยานพิ นธ์ .................................................................................................................... 1 2. ภูมหิ ลงั ........................................................................................................................................ 1 3. คาสาคัญ ..................................................................................................................................... 1 4. คาถามการวจิ ัย ........................................................................................................................... 1 5. วตั ถปุ ระสงค์การวจิ ยั .................................................................................................................. 2 6. ขอบเขตของการวิจยั ................................................................................................................... 2 7. วรรณกรรมท่เี ก่ียวขอ้ ง ................................................................................................................ 2 8. วิธดี าเนินการวิจัย ....................................................................................................................... 3 9. สรุปผลการวจิ ยั ........................................................................................................................... 4 10. สรปุ ข้อเสนอแนะของงานวิจัยเร่ืองน้ี ........................................................................................ 6 11. การนางานวิจยั ชิ้นน้ีไปใช้ประโยชนอ์ ยา่ งไร .............................................................................. 7

การศึกษาค้นควา้ ผลการวิจยั 1. ชอ่ื งานวทิ ยานพิ นธ์ สุนนั ท์ รุ่งอรณุ แสงทอง (2561). การบริหารสถานศกึ ษาขั้นพน้ื ฐานให้เกดิ ประสทิ ธภิ าพ. วิทยานิพนธ์ ปร.ด. : มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร นครปฐม 2. ภมู หิ ลัง การศึกษาในปัจจบุ ันมีปัญหา จึงทาให้เกิดวิกฤตทางปญั ญา แล้วพาให้เกิดวิกฤตชาติ การ แกว้ ิกฤตต้องทาหลายอยา่ ง รวมทัง้ การรักษาดว้ ยยทุ ธศาสตรท์ างปญั ญา และการปฏิรปู การศึกษา เพ่ือความเข้มแข็งทางปัญญาโดยรอบด้านโดยเร็ว การปฏิรูปการศึกษาจึงเป็นวาระเร่งด่วนของ ชาติ และประเด็นสาคัญท่ีจาเป็นต้องมีการปฏิรูปการศึกษา คือการบริหารท่ีขาดประสิทธิภาพ แ ล ะ ป ร ะ สิ ท ธิ ผ ล ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง แ ล ะ ก า ร แ ข่ ง ขั น ใ น เ รื่ อ ง ข อ ง คุ ณ ภ า พ โ ด ย เ ฉ พ า ะ ค ว า ม เจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทสาคัญในชีวิตประจาวันของมนุษย์ ส่ิงที่จะทา ให้มนษุ ยเ์ ราอยู่รอดไดใ้ นสงั คมปจั จบุ ันมีความจาเปน็ อย่างย่ิงทจ่ี ะต้องพัฒนาคณุ ภาพของมนุษย์ใน ทุกๆ ระดับ โดยเฉพาะอย่างย่ิงเรื่องการศึกษาซึ่งเป็นรากฐานสาคัญของการดาเนินชีวิตของเด็ก และเยาวชนตลอดจนประชาชน ให้มคี วามรู้ ความสามารถ และ ทกั ษะในการดารงชวี ิตอยใู่ นสังคมได้อยา่ งมคี วามสุขพร้อมรบั กับการเปลย่ี นแปลงในทุกๆดา้ น จากความสาคัญและปัญหาการบรหิ ารสถานศึกษา จึงมีความต้องการศึกษาเก่ียวกับการ บริหารสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานให้เกิดประสิทธิภาพ ซึ่งควรมีองค์ประกอบใดบ้างมาเป็นแนวคิดใน การพฒั นาการบรหิ ารสถานศกึ ษาเพอ่ื ท่จี ะทาใหส้ ถานศกึ ษาประสบผลสาเรจ็ โดยอาศัยหลักการ แนวคดิ และทฤษฎเี ป็นแนวทางในการพัฒนาสถานศึกษาให้เกดิ ประสิทธิภาพมากยง่ิ ขนึ้ ทัง้ นีเ้ พื่อ นาผลการวิจัยไปใช้ในการบริหารจัดการวางแผนและกา หนดนโยบายในการพัฒนาผู้บริหาร สถานศึกษาต่อไป 3. คาสาคัญ การบริหารสถานศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน,ประสิทธิภาพการบริหารงาน 4. คาถามการวิจยั เพอ่ื ให้สอดคล้องกบั วัตถุประสงคข์ องการวิจยั และเป็นแนวทางในการหาคาตอบ ผวู้ จิ ัย จงึ กาหนดข้อคาถามของการวิจัยดังนี้ 1. องค์ประกอบของการบรหิ ารสถานศึกษาขน้ั พ้ืนฐานใหเ้ กิดประสิทธภิ าพ เปน็ อยา่ งไร 2. ผลการยืนยนั องคป์ ระกอบการบริหารสถานศึกษาขนั้ พื้นฐานใหเ้ กิดประสิทธิภาพ

2 5. วตั ถปุ ระสงค์การวจิ ัย จากสภาพความเป็นมาและปัญหาของการวจิ ัย ดงั ที่ได้กล่าวข้างต้น ผ้วู จิ ัยกาหนด วตั ถุประสงค์ของการวจิ ัยไว้ดังน้ี 1. เพอื่ ทราบองคป์ ระกอบการบริหารสถานศึกษาข้ันพน้ื ฐานใหเ้ กิดประสิทธภิ าพ 2. เพอ่ื ทราบผลการยืนยนั องค์ประกอบการบริหารสถานศึกษาขนั้ พื้นฐานให้เกดิ ประสิทธภิ าพ 6. กรอบแนวคดิ ของการวจิ ัย การศึกษาวจิ ัยคร้งั นีผ้ ้วู จิ ยั ได้ศึกษาแนวคดิ และทฤษฎกี ารบริหารสถานศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน ผวู้ ิจัยไดก้ าหนดกรอบแนวคดิ ในการวิจยั จากแนวคิดและทฤษฎใี นเร่อื งการบรหิ ารสถานศึกษา ขั้นพืน้ ฐานให้เกิดประสิทธภิ าพดังท่ี แนวคิดเก่ียวกับผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษายคุ ใหม่ของเจอราลด์ แองกัส (Gerald Aungus) สรปุ ได้วา่ ผูบ้ ริหารสถานศึกษาควรมีคุณลกั ษณะดงั นี้ 1.นกั สร้างสรรค์ (Ceative) 2. นกั การสื่อสาร (Communicator) 3. นกั คิดวิเคราะห์(Critical Thinker) 4. สรา้ ง ชุมชน (BuildsCommunity) 5. การมวี สิ ัยทศั น(์ Visionary) 6. การสรา้ งความรว่ มมือและการ ตดิ ต่อ (Collaborationand Connection) 7. สรา้ งพลังเชงิ บวก(Positive Energy) 8. ความ เชือ่ มน่ั (Confidence) 9. ความมุ่งมนั่ และความพากเพียร (Commitment and Persistence) 10. ความเต็มใจที่จะเรยี นรู้(Willingnessto Learn) 11. ตอ้ งเป็นนักประกอบการคิดสร้างสรรค์ และนวตั กรรม (Entrepreneurial, Creative andInnovative) 12. นักรเิ ร่มิ งาน (Intuitive) 13. ความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจ (Ability to Inspire) 14. การเจยี มเนื้อเจียมตัว (Be Humble) 15. ตัวแบบที่ด(ี good Model)12 โทนี บชุ (Tony Bush ) บอกไวว้ ่า การบริหาร การศึกษาเปน็ ศาสตรท์ างการศึกษาสาขาหน่ึง การดาเนินงานในเร่ืองน้ตี ้องมีความเกย่ี วข้องกบั การศกึ ษา วตั ถุประสงคห์ รือเป้าหมายขององค์กรถือเป็นหัวใจของการบริหารการศกึ ษา 7. วรรณกรรมทีเ่ กี่ยวขอ้ ง 7.1 แนวคดิ ทฤษฎเี กีย่ วกับการบรหิ ารสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน 7.1.1 แนวคดิ การบริหารและการบริหารสถานศึกษา 7.1.2 ความหมายของการบริหารสถานศึกษา

3 7.1.3 ความสาคญั ของการบริหารสถานศกึ ษา 7.1.4 ขอบขา่ ยการบรหิ ารสถานศึกษา 7.1.5 ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา 7.2 แนวคิดและทฤษฎีเก่ยี วกับประสทิ ธิภาพการบริหารงาน 7.2.1 ความหมายเกย่ี วกับประสิทธิภาพ 7.2.2 การบริหารงานทมี่ ีประสิทธภิ าพ 7.2.3 แนวทางการปรบั ปรุงประสิทธิภาพการบรหิ าร 7.3 งานวิจยั ทเี่ ก่ียวข้อง 7.3.1 งานวิจัยภายในประเทศ 7.3.2 งานวจิ ัยต่างประเทศ 8. วิธดี าเนินการวิจัย เพอ่ื ใหก้ ารวจิ ยั ดาเนนิ การเปน็ ไปตามระเบียบวธิ ีวจิ ยั และสอดคล้องกับวตั ถุประสงคข์ อง การวจิ ยั ทก่ี าหนดไว้ ผู้วิจัยจงึ ได้กาหนดขั้นตอนการดาเนนิ วิจยั ไว้ 3 ข้ันตอนดังนี้ ขั้นตอนท่ี 1 การจัดเตรยี มโครงการวจิ ยั ผู้วิจยั จัดเตรยี มโครงการวจิ ยั อย่างเป็นระบบ โดยการศกึ ษาวเิ คราะห์แนวคิด ทฤษฎี และ วรรณกรรมจากเอกสาร งานวิจัยตา่ ง ๆ ทเ่ี กย่ี วข้องกับการบริหาสถานศึกษาข้นั พน้ื ฐานให้เกิด ประสทิ ธิภาพ นามาทากรอบแนวคดิ การวจิ ัยเพื่อเสนอบัณฑิตวิทยาลัยพจิ ารณาอนุมตั ิ โครงการวิจยั ขั้นตอนที่ 2 การดาเนนิ การวจิ ยั ผวู้ ิจัยจดั สร้างเครือ่ งมือการสัมภาษณแ์ บบไม่มโี ครงสร้าง (unstructed interview) และ นาเสนอเพื่อขอคาแนะนาจากอาจารย์และคณะกรรมการผู้ควบคุมงานวจิ ยั ตรวจสอบความ ถูกต้องซ่ึงประกอบด้วย 4 ตอน ขั้นตอนท่ี 3 การรายงานผลการวจิ ัย เพื่อปรับปรุงและนาเสนอต่อคณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์เพ่ือตรวจสอบความ ถูกต้อง ปรบั ปรุงแก้ไขข้อบกพร่องตามท่ีคณะกรรมการผ้คู วบคมุ วทิ ยานิพนธ์เสนอแนะ จัดทาราย งานวิจัยฉบบั สมบูรณเ์ สนอตอ่ บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ศิลปากรเพ่ือขออนมุ ัตจิ บการศกึ ษา

4 9. สรปุ ผลการวจิ ัย องคป์ ระกอบการบรหิ ารสถานศกึ ษาขั้นพืน้ ฐานใหเ้ กิดประสทิ ธภิ าพ ท่ีไดจ้ ากการ วเิ คราะห์องค์ประกอบ (factor analysis) ป ระกอบดว้ ย 5 องคป์ ระกอบหลัก โดยมรี ายละเอยี ด ดังนี้ องค์ประกอบที่ 1 “การบริหารจัดการ” มีจานวนตวั แปรท่ีอธิบายองคป์ ระกอบ 10 ตัว แปรมคี ่านา้ หนักของตัวแปรในองค์ประกอบ (factor loading)อยรู่ ะหว่าง .602-.751 มีค่าความ แปรปรวนของตวั แปรเท่ากบั 38.814 และคา่ ร้อยละของความแปรปรวน เท่ากบั 32.345 เปน็ องคป์ ระกอบท่ีมีความสาคญั เปน็ อนั ดับท่ี 1 และจัดเรยี งลาดับตัวแปรตามค่าน้าหนกั องค์ประกอบ (factor loading) ในองคป์ ระกอบที่ 1 จานวน 10 ตวั แปร ดงั นกี้ ารพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา สามารถนาไปใชใ้ นกิจกรรมการเรยี นสอนได้อย่างเหมาะสมกับผู้เรียนการจัดทาแผนงานที่สามารถ นาไปปฏิบตั ิได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการพฒั นาแผนงานไดส้ อดคล้องกับนโยบายของหนว่ ยงาน ตน้ สังกดั การพฒั นาแผนงานไดส้ อดคล้องกับนโยบายของหนว่ ยงานตน้ สังกดั การกาหนด โครงสร้างการบรหิ ารอย่างชดั เจนและสามารถทางานมแี ผนและเปน็ ระบบ การกาหนดให้มกี ารวัด และประเมนิ ผลการปฏิบตั งิ านอยา่ งต่อเนอ่ื งผู้บริหารมกี ารพฒั นา ปรับปรงุ สถานศึกษาเพอ่ื ให้ สอดคล้องกบั หลักการบรหิ ารสถานศึกษาและการเปลี่ยนแปลงของสังคม การประสานความ รว่ มมอื แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ด้านการแนะแนว การศกึ ษากับสถานศึกษาหรือเครอื ข่าย แนะแนวภายในเขตพ้ืนที่การศกึ ษาผูบ้ รหิ ารนานโยบายการกระจายอานาจการบรหิ ารของ กระทรวงศึกษาธิการมาใชใ้ นการบรหิ ารสถานศึกษาผู้บรหิ ารมคี วามคดิ รเิ ริ่มวิธกี ารต่างๆ เพ่ือใช้ ในการปรบั ปรงุ การทางานให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง องค์ประกอบท่ี 2 “การจัดการเชงิ คณุ ภาพด้านวิชาการ” มีจานวนตวั แปรท่ีอธบิ าย องคป์ ระกอบด้วย 6 แปร คือมีคา่ น้าหนกั ของตัวแปรองค์ประกอบ ( factor loading) อยู่ ระหว่าง.640 - .750 มีค่าความแปรปรวนของตัวแปรเทา่ กับ6.533 และคา่ ร้อยละของความ แปรปรวน เท่ากับ5.444เป็นองค์ประกอบทม่ี ีความสาคัญเป็นอันดบั ที่ 2 และจัดเรียงลาดับตัว แปรตามค่าน้าหนกั องค์ประกอบ(factor loading) ในองค์ประกอบที่ 2 จานวน 6 ตวั แปร ได้มี การวางแผนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพการศึกษาใหบ้ รรลุตาม เปา้ หมายของสถานศึกษาสง่ เสริมใหม้ กี ารจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนโดยใชก้ ระบวนการท่ี หลากหลายโดยยึดผเู้ รียนเป็นสาคัญเพื่อพัฒนาผเู้ รยี นเต็มศักยภาพ จัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน โดยใชท้ รัพยากรการเรยี นรู้เพ่ือพัฒนาผเู้ รียน และแก้ไขปัญหาดา้ นการเรยี นด้วยการทาวจิ ัยเพ่อื พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาสง่ เสรมิ ให้มกี ารติดตามผลการปฏิบัติงานตามแผนพัฒนางานวิชาการ และปฏิบัตกิ ารเรยี นการสอนใหส้ อดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงค์ของหลกั สูตรใหบ้ ริการดา้ นความรู้ตา่ ง

5 ๆ แกค่ นในชมุ ชนโดยจากหน่วยงานทัง้ ภาครัฐและ เอกชนเพอ่ื ชว่ ยให้ประชาชนในชมุ ชนมี คณุ ภาพชวี ิตที่ดี การเผยแพร่ผลงานวิจัยในการพฒั นาคุณภาพการเรยี นรูง้ านวิชาการ กับ สถานศึกษา บคุ คล ครอบครวั องคก์ ร หน่วยงานและสถานบนั อืน่ องค์ประกอบที่ 3 “การจัดระบบการเงนิ และการจดั สรรทรัพยากร” มีจานวนตวั แปรที่ อธบิ ายองคป์ ระกอบ ดว้ ย 5 ตวั แปร มคี ่านา้ หนักของตวั แปรในองค์ประกอบ (factor loading) อยู่ระหวา่ ง .622 -.720 มีค่าความแปรปรวนของตัวแปรเท่ากบั 3.857 และค่าร้อยละของความ แปรปรวน เท่ากบั 3.214 เป็นองค์ประกอบที่มคี วามสาคัญเป็นอนั ดับที่ 3 และจัดเรยี งลาดบั ตวั แปรตามคา่ น้าหนกั องค์ประกอบ (factorloading) ในองค์ประกอบที่ 3 จานวน 5 ตวั แปร คือการ จัดทาระบบการบรหิ ารการเงินเป็นไปตามข้นั ตอนของกระทรวงการคลงั และเปดิ เผยต่อชมุ ชนการ จัดโครงสร้างการบริหารงบประมาณและมีการมอบหมายงานงบประมาณอย่างชดั เจนการจดั ซื้อ จดั จ้างปฏบิ ตั คิ รบตามขั้นตอนถูกต้องตามระเบียบและมีการควบคุมการจดั ซ้ือจัดหาจัดจา้ งให้ เปน็ ไปโดยประหยดั ได้พัสดุท่ีมคี ุณภาพกากับดูแลการทาบัญชีและทะเบยี นเกย่ี วกบั การเงนิ ทุก ประเภทให้เปน็ ปัจจุบนั ถูกตอ้ งตามระเบียบการระดมทรัพยากร และแหลง่ กองทุนจากชุมชนเพ่อื พฒั นาการจัดการศึกษา องค์ประกอบที่ 4 “การสง่ เสริมบุคลากรเพ่อื การทางานอย่างมีคณุ ภาพ” มจี านวนตัว แปรที่อธิบายองค์ประกอบ4ตัวแปร ค่าน้าหนักของตวั แปรในองคป์ ระกอบ (factor loading) อยู่ ระหวา่ ง .604 -.812 มีคา่ ความแปรปรวนของตวั แปรเท่ากับ 3.619และค่าร้อยละของความ แปรปรวน เท่ากบั 3.016 เป็นองค์ประกอบท่ีมคี วามสาคัญเป็นอันดบั ที่ 4 และจัดเรยี งลาดบั ตวั แปรตามคา่ น้าหนกั องคป์ ระกอบ(factor loading) ในองค์ประกอบท่ี 4 จานวน 4 ตัวแปร ได้คอื ผบู้ รหิ ารใชเ้ ทคนิควธิ กี ารต่างๆในการสร้างเจตคตทิ ด่ี ีต่อ อาชีพและจูง ใจให้ครแู ละบุคลากร ปฏิบัตหิ น้าที่ได้บรรลเุ ปา้ หมายเปดิ โอกาสใหค้ รูและบุคลากรพฒั นาความรูแ้ ละประสบการณ์โดย การเข้ารับการฝึกอบรม/สมั มนาการจดั การความรู้ผู้บรหิ ารให้ความเสมอภาคต่อบคุ ลากรภายใน องค์กร ยอมรบั ฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของบุคลากรผูบ้ รหิ ารส่งเสริม สนบั สนนุ ผทู้ ่ีมี ความรู้ ความสามารถใหเ้ ป็นผู้นาและเปดิ โอกาสใหแ้ สดงความเปน็ ผ้นู าได้อย่างเต็มท่ี องคป์ ระกอบที่ 5 “การบรหิ ารด้านสมั พนั ธช์ มุ ชน” มจี านวนตวั แปรท่อี ธบิ าย ประกอบด้วย 3 ตวั แปร มคี า่ นา้ หนักของตวั แปรในองค์ประกอบ(factorloading) อยรู่ ะหว่าง .660 - .826 มคี า่ ความแปรปรวนของตวั แปรเทา่ กบั 3.159 และค่าร้อยละของความแปรปรวน เท่ากับ 2.632 เป็นองคป์ ระกอบที่มีความสาคญั เป็นอันดับท่ี 5 และจดั เรยี งลาดบั ตัวแปรตามค่า นา้ หนักองคป์ ระกอบ (factor loading) ในองคป์ ระกอบที่ 5 จานวน 3ตัวแปร ไดค้ อื ผู้บริหารมี

6 การนาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประยุกตใ์ ช้ในการทางานท่สี ่งผลใหก้ ารปฏิบัตงิ านของท่านมีความ สะดวกรวดเรว็ ยงิ่ ขนึ้ มีการจดั ใหม้ ีการสารวจปญั หาความต้องการของชุมชนเพ่ือนามากาหนด นโยบายและวางแผนในการสรา้ งความสัมพันธ์กบั ชุมชนการจดั ให้มกี ารพบปะผปู้ กครองนกั เรยี น และศษิ ย์เกา่ เพ่อื เสริมสรา้ งความสัมพันธ์อันดตี ่อกนั 10. สรปุ ขอ้ เสนอแนะของงานวิจัยเรื่องนี้ ข้อเสนอแนะท่ัวไป จากผลการวิจยั เรื่อง การบริหารสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐานให้เกดิ ประสิทธิภาพมีความสอดคล้องกับ แนวคดิ ทฤษฎี งานวจิ ัย และความคิดเหน็ ของผ้เู ชี่ยวชาญ ทางด้าน ความถกู ต้อง ความเหมาะสม ความเป็นไปไดแ้ ละเป็นประโยชนด์ ังนน้ั เพอ่ื ให้การศึกษาเก่ียวกับการบรหิ ารสถานศึกษา ข้ันพ้ืนฐานให้เกดิ ประสิทธภิ าพมกี ารพฒั นาอย่างต่อเนื่อง ผวู้ จิ ยั มขี อ้ เสนอแนะ ดงั ต่อไปนี้ 1. ผอู้ านวยการสถานศึกษา ควรนาองคป์ ระกอบการบรหิ ารสถานศกึ ษาข้นั พน้ื ฐานให้ เกดิ ประสิทธภิ าพโดยใหค้ วามสาคัญเป็นอันดับต้น ๆ คอื องค์ประกอบด้านการบรหิ ารด้านการ บรหิ ารจัดการซึ่งจะเกีย่ วข้องกบั การสรา้ งระบบบริหารสถานศกึ ษาใหเ้ ปน็ ไปตามหลักการบรหิ าร สถานศึกษาท่ีดีซึ่งเปน็ ผลทไี่ ด้จากการวจิ ยั ในครั้งนที้ ี่ผใู้ หข้ ้อมูลให้ความสาคญั เปน็ อันดับต้น ๆ ไป เปน็ นวัตกรรมในการบริหารจดั การของโรงเรียนโดยปรับใชใ้ ห้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนเพื่อ พฒั นาโรงเรียนใหม้ ีคุณภาพสู่ความสาเรจ็ ของการจดั การศึกษาท่ีมีคณุ ภาพของโรงเรียน 2. ผูท้ ม่ี ีสว่ นเกย่ี วขอ้ งในการบรหิ ารการศึกษาในระดับสถานศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน ควรนา องค์ประกอบการบรหิ ารสถานศกึ ษาข้ันพ้นื ฐานใหเ้ กดิ ประสิทธิภาพท่ีได้จากการศึกษา ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ คือ องค์ประกอบที่ 1 การบริหารจัดการ องค์ประกอบที่ 2 การ จัดการเชงิ คณุ ภาพด้านวิชาการ องค์ประกอบที่ 3 การจัดระบบการเงนิ และระดมทรัพยากร องคป์ ระกอบท่ี 4 การสง่ เสริมบคุ ลากรเพื่อการทางานอย่างมีคณุ ภาพ และองค์ประกอบที่ 5 การ บริหารด้านสัมพนั ธช์ มุ ชนเปน็ ขอ้ มลู ในการเสนอกาหนดนโยบายทางดา้ นการบริหารสถานศกึ ษา ขัน้ พน้ื ฐานใหเ้ กิดประสิทธิภาพ ขอ้ เสนอแนะในการวิจยั คร้งั ตอ่ ไป 1. การศึกษารปู แบบเกี่ยวกับอทิ ธิพลของการบรหิ ารสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐานใหเ้ กิด ประสทิ ธิภาพในโรงเรยี นสังกัดอ่ืน ๆ 2. ศกึ ษาตวั แปรอนื่ ท่ีมีผลต่อการบริหารสถานศึกษาขั้นพน้ื ฐานให้เกิดประสิทธิภาพ 3. ศกึ ษาวิธีการส่งเสริมการบรหิ ารสถานศกึ ษาข้ันพื้นฐานให้เกดิ ประสิทธิภาพ

7 11. จะนางานวิจัยชน้ิ นไ้ี ปใช้ประโยชน์อยา่ งไร 11.1 ใชเ้ พอื่ เป็นแนวทางในการศึกษา ค้นควา้ ประกอบการทาวิทยานพิ นธข์ องตนเอง 11.2 ใช้เพื่อพัฒนาทักษะในการทาวทิ ยานิพนธ์ เพ่ือให้ทราบถึงรปู แบบการวจิ ยั ระเบียบวิธวี จิ ัยและ การทาวิจัยใหม้ ีความถูกต้องและสมบรูณ์ 11.3 ใช้เพื่อเป็นข้อมลู สารสนเทศใหก้ ับผู้บรหิ ารและครู ใชเ้ ป็นข้อมูลพ้นื ฐาน และเป็น แนวทางในการบรหิ ารสถานศึกษาต่อไป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook