ระบบสืบพันธ์ุ Reproduction system ครูอดุ มพร โสมาพมิ พ์
การสืบพันธุข์ องมนุษย์ เพื่อดารงไวซ้ ึ่งเผา่ พันธต์ุ ามธรรมชาติ เมือ่ อวยั วะสืบพนั ธ์ุเจริญเติบโตเตม็ ที่ เพศชาย เพศหญิง มีการขับนา้ อสจุ ิออกมา มีประจาเดือน การสืบพันธุ์ หมายถึง การผลิตหรือการเกิด ลูกหลานขึ้นมาใหม่ที่คล้ายตัวเองจะด้วยวิธีใด ก็ตาม
อวยั วะสืบพันธุเ์ พศชาย (male genital organ) อวยั วะสืบพันธเ์ุ พศชายภายนอก อวยั วะสืบพนั ธเ์ุ พศชายภายใน (external male genital organ) (internal male genital organ) องคชาต ถงุ อัณฑะ และ ลูกอณั ฑะ หลอดสรา้ งอสุจิ หลอดเกบ็ อสุจิ ทอ่ นาอสุจิ ต่อมสรา้ งนา้ เลี้ยงอสจุ ิ ต่อมลกู หมาก ตอ่ มคาวเปอร์ และ ตัวอสุจิ
อวัยวะสบื พันธุ์เพศชายภายนอก (external male genital organ) องคชาต หรือ ลึงค์ (penis) เปน็ ทางผ่านของน้าอสจุ ิและ นา้ ปสั สาวะ เป็นกล้ามเนอ้ื มีโครงสรา้ งคล้ายฟองน้า โดย หดและขยายตวั มหี ลอดเลือด กระจายท่ัว หากเลือดเขา้ ไปคั่ง อยูใ่ นหลอดเลือดฝอยทง้ั หมด ก็จะทาใหม้ ีขนาดใหญ่ขึ้นและ แขง็ ตัว เพื่อใช้ในการร่วมเพศ ประกอบด้วย คอร์พสั สปองจิ โอซมั บรเิ วณปลายสดุ เรียกวา่ หวั ลึงค์ และมีผิวหนังหุม้ อยู่ เรียกวา่ พรีพิว (prepuce)
อวัยวะสบื พันธุ์เพศชายภายนอก (external male genital organ) ทาหนา้ ทหี่ อ่ หมุ้ มี 2 ลกู ลูกอณั ฑะ อัณฑะนี้เป็น อุณหภมู ิโดยให้ ต่อมเพศ ต่ากว่า 3-5 . c ทาหน้าที่ผลิตสเปิร์ม เหมาะตอ่ หรือทีเ่ รียกว่า การสรา้ งอสจุ ิ “ตวั อสจุ ิ” ถุงอัณฑะ มีรูปร่างคลา้ ยกบั (Scortum) ลกู รกั บ้ที ีว่ าง ต้งั เอาหัวลง ลูกอณั ฑะ (Testis)
อวยั วะสบื พนั ธ์ุเพศชายภายใน (internal male genital organ) หลอดเก็บตัวอสจุ ิ (Epididymis หลอดสรา้ งอสจุ ิ (Seminiferous Tubule) มีลักษณะเป็นท่อเลก็ ๆ ขดไปมาเพื่อเก็บ และพัก มีลกั ษณะเป็นหลอดเล็ก ๆ ตวั อสุจิให้เติบโต ขดไปขดมาอยู่ภายใน อณั ฑะ ซึ่งทาหน้าที่สรา้ ง เชื่อมต่อกบั หลอดเก็บ ตัวอสจุ ิ ปกติแล้วจะมี ตัวอสจุ ิ โดยทาหน้าที่ ต่อมละ 800 หลอด ลาเลียงอสุจไิ ปเก็บไว้ ทีต่ ่อมสร้างนา้ เลี้ยงอสจุ ิ หลอดนาตวั อสจุ ิ (Vas Deferens)
อวยั วะสบื พันธ์เุ พศชายภายใน (internal male genital organ) ต่อมสรา้ งนา้ เลี้ยงตัวอสุจิ ทาหน้าที่สร้างอาหาร มาเลีย้ งตัวอสุจิ ได้แก่ นา้ ตาลฟรกั โทส วติ ามินซี โปรตนี โกลบูลิน สรา้ งของเหลวเพือ่ ทาให้ เกิดสภาพที่เหมาะสมกบั ตวั อสุจิ
อวัยวะสบื พันธ์ุเพศชายภายใน (internal male genital organ) ต่อมลูกหมาก (Prostate Gland) อยตู่ อนตน้ ของทอ่ ปัสสาวะ ทาหน้าทีส่ รา้ งสารที่เป็นเบส อยา่ งอ่อนเพือ่ ผสมกับนา้ เลี้ยง ตัวอสจุ ิ เป็นการลดความเป็น กรดในทอ่ ปัสสาวะ ช่วยใหต้ วั อสุจิเคลื่อนไหวได้เรว็ ขึ้น
อวยั วะสบื พนั ธเ์ุ พศชายภายใน (internal male genital organ) ตอ่ มคาวเปอร์ (Cowper's Gland) อย่ตู ิดกบั ต่อมลูกหมาก ทาหนา้ ทหี่ ลง่ั สารหลอ่ ลืน่ ซึง่ มีฤทธ์เิ ป็นด่าง เพือ่ ชว่ ย ลดความเป็นกรดภายใน ท่อปสั สาวะและช่องคลอด เพศหญิงขณะมเี พศสัมพันธ์
อวยั วะสบื พันธ์ุเพศชายภายใน (internal male genital organ) เริ่มถกู สรา้ งเม่ืออายุ 12 - 13 ปี และสร้างอย่างต่อเนือ่ งไปยังตลอดชีวติ ตัวอสุจิ ลกั ษณะคลา้ ยลูกอ๊อด น้าอสจุ ิ เปน็ ของเหลวสีขาวข้น อสจุ ิ มีตัวอสุจปิ ะปนอยู่ จะถูกผลิตอย่ใู นท่อเล็ก ๆ ของ อณั ฑะ และจะถกู ลาเลียงไป เก็บไวท้ ตี่ ่อมพักอสจุ ิ และ ถกู ขบั ออกมาพร้อมกับ สารคดั หลงั่ ซง่ึ แตล่ ะครั้ง จะมจี านวนตัว อสจุ ิออกมาประมาณ 300-400 ล้านตวั
อวยั วะสืบพนั ธ์ุเพศหญิง (Female genital organ) อวยั วะสืบพนั ธุ์เพศหญิงภายนอก อวัยวะสืบพนั ธุเ์ พศหญิงภายใน (external Female genital organ) (internal Female genital organ) เนินหวั เหน่า คลิทอรสิ แคมใหญ่ ชอ่ งคลอด มดลกู ท่อนาไข่ รังไข่ แคมเลก็ และ รเู ปิดของท่อปสั สาวะ
อวัยวะสบื พนั ธเุ์ พศหญิงภายนอก (external Female genital organ) มีลักษณะเป็นเนือ้ นูน เปน็ ผิวหนังนนู มีขนงอก มีลกั ษณะเป็นต่มุ เนื้อ สองกลีบ ปิดช่องคลอด เนินหัวเหนา่ และอวัยวะภายใน มีความไวต่อการสัมผสั แคมใหญ่ ทาให้เกิดความรู้สึกทางเพศ เม็ดละมุด/คลิตอริส หรือปุ่มกระสนั แคมเล็ก รูเปดิ ของ ทอ่ ปสั สาวะ เปน็ กลีบเล็กๆ อยดู่ า้ นใน ของแคมใหญ่ มีหน้าที่ปอ้ งกัน มีลกั ษณะเป็นต่มุ ยืน่ การติดเชื้อจากภายนอกเขา้ สู่ช่องคลอด มีรูทีเ่ ป็นรเู ปดิ ของ ท่อปสั สาวะ
อวัยวะสบื พนั ธ์ุเพศหญิงภายใน (internal Female genital organ) ลกั ษณะคล้ายผลชมพู่ เป็นโพรงแคบๆ ท่อนาไข่ (Oviduct) เปน็ ทางผา่ นของไข่ มเี ยือ่ บุโพรงมดลกู ที่เป็นกล้ามเนือ้ หนา หรือ ปกี มดลกู ที่ออกจากรังไข่เข้า มเี สน้ เลือดมาเลี้ยงจานวนมาก (Fallopian Tube) สู่มดลูก ท่อนาไขเ่ ป็น บริเวณทีอ่ สจุ จิ ะเข้า ปฏสิ นธิกบั ไข่ รูปรา่ งคล้ายเม็ดมะมว่ ง หิมพานต์ มี 2 อัน อยู่ บริเวณปกี มดลกู ซ้าย-ขวา มสี ภาพเป็นกรดทีม่ าจาก ปากมดลกู การเปลี่ยนไกลโคเจนให้ เป็นกรดแลกติก ที่ช่วย ปอ้ งกันการติดเชือ้ จุลินทรีย์ และที่ปากช่องคลอดเยื่อ ช่องสาหรับผ่านของตัวอสจุ ิ เพอ่ื เขา้ ไปปฏสิ นธิกบั ไข่ บางๆ เรียกวา่ เยอื่ พรหมจารี บริเวณปกี มดลูกหรือท่อนาไข่ เปน็ ทางออกของทารก (Hymen)
ฮอรโ์ มนเพศ ทาหน้าทีค่ วบคมุ การแสดงออกลักษณะทางเพศ สร้างจากต่อมไรท้ ่อ เพศหญิง เพศชาย อีสโทรเจน (estrogen) เทสทอสเทอโรน (testosteron) ควบคุมลกั ษณะของเพศหญิง ทาใหม้ ีเสียง ควบคมุ ลกั ษณะของเพศชาย ทาให้มีเสียง แหลม สะโพกผาย มขี นรักแร้ แตก มหี นวดเครา มขี นหน้าแข้ง มขี นรกั แร้ โปรเจสเทอโรน (progesteron) เทสทอสเทอโรนต่า ทาให้รังไข่และมดลูกเปลี่ยนแปลง ทาใหม้ ีอาการความต้องการทางเพศลดลง อวยั วะเพศแข็งตัวไม่สมบูรณ์ มีอสุจิน้อยลง อีสโทรเจน และโปรเจสเทอโรนต่า วัยหมดประจาเดือน อายุ 45-55 ปี หนา้ อกโตขน้ึ อารมณเ์ ปลีย่ นแปลง ไม่มไี ขต่ ก ไม่มีประจาเดือน ไม่มีการสรา้ ง เร่ยี วแรงลดลง ลกู อัณฑะเลก็ ลง ฮอรโ์ มนเพศหญิง ทาให้มอี าการรอ้ นวบู วาบ ผิวหนังแหง้ เกิดแผลได้ง่าย เส้นผมบาง หลดุ รว่ ง นอนไมห่ ลบั อารมณแ์ ปรปรวน
การตกไข่ (Ovulation) ถุงไขจ่ ะมีไขอ่ ยูภ่ ายใน ในระยะแรกของรอบเดือนไขจ่ ะมีการพฒั นาจนกลายเป็นไข่ ทีส่ มบูรณ์ และถูกปล่อยออกมา (เรียกวา่ การตกไข่) หลังจากปลอ่ ยไข่ออกมาแล้ว ถงุ ไข่จะกลายเปน็ คอร์ปสั ลูเทียม ซึง่ จะรบั หน้าที่ผลิตฮอรโ์ มนโพรเจนเทอโรน
การเปลยี่ นแปลงของฮอรโ์ มนและการตกไข่ รอบเดือนเฉลี่ย 28 วันและมไี ข่ตก เกิดขน้ึ วันที่ 14 (นับวันทปี่ ระจาเดือน มาวันแรกเป็นวนั ที่ 1) อุณหภมู ิ ระยะกอ่ นตกไข่อณุ หภมู ิต่า เป็นผลมาจากเอสโตรเจน ระยะหลัง ตกไข่ อณุ หภมู ิสงู เป็นผลมาจาก โพรเจสเทอโรน สรุป ช่วงครึง่ แรกของวงจรรอบเดือน มี FSH และเอสโตรเจนมาก ทาให้ มดลกู เริ่มปรับตัวสสู่ ภาพเดิมหลังการ มีประจาเดือนและชว่ ยให้ไข่เจรญิ ช่วงกลางรอบเดอื นจะมี LH มาก เพอ่ื กระต้นุ ใหไ้ ขถ่ กู ปลอ่ ยออกมา จากรังไข่
การสืบพันธขุ์ องมนษุ ย์ การสืบพนั ธท์ุ ี่เกิดจากการผสมระหว่างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ คือ อสจุ ิ (Sperm) กบั เซลล์สืบพันธ์ุเพศเมียคือ เซลลไ์ ข่ (Egg cell) แลว้ ได้ไซโกต ทีเ่ จรญิ ไปเปน็ เอ็มบริโอ(Embryo) อสุจิ + ไข่ ไซโกต เอม็ บริโอ อสุจิ เคลื่อนทีไ่ ด้ ไข่ เคลื่อนทีไ่ ด้ สรา้ งจากอณั ฑะของเพศชาย สรา้ งจากรังไข่ของเพศหญิง
การปฏิสนธิ ขัน้ ตอน 1. ไขต่ ก 2. เซลลไ์ ดร้ บั การปฏิสนธิ 3. ไซโกตมีการแบง่ เซลล์ 4. ไซโกตแบง่ เซลลจ์ นกลายเปน็ กลุ่มเซลล์ 5. เอ็มบรโิ อฝังตวั ที่ฝ่งั มดลูก
การต้ังครรภ์ แม่ตงั้ ครรภป์ ระมาณ 280 วนั นับจากวันแรกของประจาเดือนครัง้ สุดท้าย ถงึ กาหนดคลอด และเจริญเพิม่ ความสูง และมวลรา่ งกายเป็นมนุษย์ทีเ่ จริญเติบโต
การคุมกาเนิดแบบชั่วคราว
การคุมกาเนิดแบบช่วั คราว ยาทีม่ สี ่วนผสมของ ฮอรโ์ มนเพศหญิง (เอสโตรเจนและ โปรเจสโตเจน) มี 2 ชนิด คือ ฮอรโ์ มนรวมกับ ฮอรโ์ มนเดีย่ ว
การคุมกาเนิดแบบชั่วคราว
การคุมกาเนิดแบบชั่วคราว มี 2 ประเภท ห่วงอนามยั หุ้ม ทองแดง ห่วงอนามยั เคลือบ ฮอร์โมน
การคุมกาเนิดแบบชั่วคราว
การคุมกาเนิดแบบชั่วคราว
การคมุ กาเนิดแบบช่ัวคราว ระยะในชว่ ง 7 วัน กอ่ นที่ประจาเดือน จะมารอบหน้า และ ระยะ 7 วนั หลงั จาก ทีป่ ระจาเดือนมาวนั แรก (ใหเ้ ริม่ นบั วัน แรกตง้ั แต่วนั แรกที่ ประจาเดือนมา) เช่น ถา้ ประจาเดือนมา วนั ที่ 25 ระยะ ปลอดภัยคือ 18-24 และ 25-31
การคมุ กาเนิดแบบช่ัวคราว บรรจุไปด้วยฮอร์โมน เอสโตรเจนและ โปรเจสโตเจน ฮอรโ์ มนจะดูดซึมเข้า สรู่ ่างกายเพื่อช่วย ปอ้ งกันการตั้งครรภ์
การคุมกาเนิดแบบถาวร (ผ้หู ญงิ ) หมนั เปียก : เป็นหมนั ทีท่ าหลงั คลอดลกู หมันแหง้ : เปน็ การ ทาหมันในชว่ งปกติ
การคมุ กาเนิดแบบถาวร (ผชู้ าย) วธิ ีคอื ใช้คมี ปลาย แหลมดึงทอ่ นาอสุจิ ขึ้นมาจากอัณฑะ เลก็ น้อย แล้วมดั ท่อ นาอสุจิกอ่ นจะตัด เพื่อเป็นการปิดชอ่ ง ทางการเดินทางของ อสจุ ิ
ประโยชน์ของการคุมกาเนิด เพือ่ ป้องกนั การตงั้ ครรภไ์ มพ่ ึ่งประสงค์ เพื่อสขุ ภาพของพ่อแมท่ ี่มีลกู แลว้ เพื่อสุขภาพของลกู
แนวทางการดแู ลระบบสบื พนั ธุ์ ดูแลรักษาความสะอาด ออกกาลังกายสมา่ เสมอ งดเครือ่ งดืม่ แอลกอฮอล์ รบั ประทานอาหารที่มปี ระโยชน์ ไมส่ า่ สอ่ นทางเพศ
Search
Read the Text Version
- 1 - 33
Pages: