Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 8-สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวันและสำนักงาน

8-สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวันและสำนักงาน

Published by j.jeabjeab, 2020-05-26 01:57:02

Description: 8-สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวันและสำนักงาน

Search

Read the Text Version

30000-1308 วิทยาศาสตรง์ านธรุ กิจและบรกิ าร หน่วยท่ี 8 สารเคมีในชีวติ ประจาวนั โดย...ครูธญั พร พมุ่ พวง

➢ความสาคญั ของสารเคมีในชีวติ ประวัน สารเคมีบางชนิดอาจเกดิ ขนึ้ เองในธรรมชาติ มนุษย์ยงั หวาดกลวั กบั คา ว่า “สารเคมี” เนื่องจากฤทธ์ิของสารเคมีที่เกิดขึ้นสามารถทาลายส่ิงมีชีวิต รวมถงึ มนุษย์ด้วย การใช้สารเคมีกับมนุษย์มีนานหลายพันปี มาแล้วต้ังแต่สมัย อยี ปิ ต์โบราณท่ีนาเกลือแกงมาใช้ทามัมม่ี สาหรับประเทศไทยมีการนาสารเคมี มาใช้ในชีวิตประจาวันเป็ นเวลาหลายร้อยปี แล้วส่วนใหญ่นามาใช้ ในการปรุง อาหาร ต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเราได้นาสารเคมีมาใช้งานในหลายรูปแบบ เช่น นามาใช้เป็ นวัตถุปรุงแต่งอาหาร นามาใช้ทาความสะอาด นามาใช้เป็ น เคร่ืองสาอาง เป็ นต้น

➢สารเคมใี นอาหาร 1.สารปรุงแต่งสี หมายถงึ วตั ถุทใี่ ช้ในการปรุงแต่งสีของอาหารให้สวยงาม น่ารับประทาน เพ่ือดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค แบ่งได้ 3 ประเภท คือ 1.สีธรรมชาติ หมายถึง สีทไ่ี ด้จากพืชและสัตว์ สามารถนามาผสมในอาหารได้โดยไม่ เป็ นอนั ตรายต่อร่างกาย

2.สีอนิ ทรีย์ หมายถึง สีท่ีได้จากการสังเคราะห์ หรื อสกัดจากสิ่งมีชีวิ ตด้วย กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็ นสีท่ีสดติดทนนานและมีให้เลือกมากมาย หลายสี 3.สีอนินทรีย์ หมายถึง สีท่ีได้จากธรรมชาติหรือจากการสังเคราะห์ขึน้ เพื่อใช้ผสม อาหาร เช่น ผงถ่านทไ่ี ด้จากการเผาพืช คาร์บอนแบลก็ ไทเทเนียมไดออกไซด์

2.สารปรุงแต่งกลนิ่ หมายถึง สารหรือวตั ถุที่ใช้ในการปรับปรุงคุณลกั ษณะของอาหารให้มี กลน่ิ ท่นี ่ารับประทาน สารปรุงแต่งกลน่ิ มี 2 ชนิด 1.สารปรุงแต่งกลนิ่ ที่ได้จากธรรมชาติ เป็ นสารปรุงแต่งกลน่ิ ทไ่ี ด้จากพืชและสัตว์โดยตรง เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ หอม กระเทยี ม และเคร่ืองเทศต่างๆ

2.สารปรุงแต่งกลน่ิ สังเคราะห์ เป็ นกล่ินท่ีประดิษฐ์ขึ้นให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด เกิดจาก ปฏิกิริยาเคมีระหว่างแอลกอฮอล์(Alcohol) กับกรดอินทรีย์(Organic acid) จะ ได้สารทม่ี กี ลน่ิ เฉพาะที่เรียกว่า เอสเทอร์ (Ester)

3.สารปรุงแต่งรส หมายถึง สารหรือวัตถุท่ีใช้ในการปรับปรุงคุณลักษณะด้านรสของอ หารให้ดีขนึ้ - ผงชูรส เป็ นสารเคมีชนิดหนึ่งมีช่ือว่า โมโนโซเดียมกลูตาเมตร(Monosodium glutamate : MSG) มีลักษณะเป็ น ผลกึ สีขาว แท่งยาว คอดตรงกลาง หัวท้ายเรียบคล้ายกระดูก ไม่มีความมัน ไม่ มสี ี มรี สคล้ายเนื้อต้ม

อนั ตรายจากผงชูรส มสี าเหตุใหญ่ 2 ประการ 1.จากการรับประทานท่ีเกินขนาด ตามมติขององค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กาหนดปริมาณในการใช้ผงชูรสไม่เกิน 120 มิลลิกรัมต่อน้าหนัก ตัวต่อวัน และห้ามใช้ในอาหารเด็กหรือหญิงมีครรภ์ เพราะจะมีผลต่ อการ เจริญเติบโต โดยทาให้เกิดอาการทางประสาท และเป็ นอันตรายต่อระบบเยื่อ หุ้มสมองของทารกในครรภ์ได้ 2.จากการปนเปื้ อนของวัตถุมีพิษในผงชูรส ซ่ึงความเป็ นพิษจะ เป็ นไปตามสารพิษที่เจือปนอยู่ เช่น น้าประสานทอง(บอแรกซ์) โซเดียมเมตา ฟอสเฟต ไดเบสิก โซเดยี มฟอสเฟต เป็ นต้น

- น้าปลา เป็ นสารปรุงแต่งอาหารที่คนไทยใช้กันมานาน น้าปลาทามา จากการนาปลาสดมาหมักกับเกลือในอัตราส่วน 1:1 หรือ 3:1 ใส่ในบ่อหมักทิง้ ไว้ประมาณ6-12 เดือน คุณค่าทางอาหารของนา้ ปลา น้าปลาเป็ นสารอาหารประเภทโปรตีนที่คุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะประกอบด้วยกรดอะมิโนทจี่ าเป็ นต่อร่างกายครบท้ัง 8 ชนิด นอกจากน้ัน ยังประกอบไปด้วย วิตามินบี 12 ท่ีป้องกันโรคโลหิตจาง ธาตุแคลเซียม และ ฟอสฟอรัสสูง ทช่ี ่วยในการสร้างกระดูก

- น้าส้มสายชู เป็ นวัตถุที่ใช้ในการปรุงแต่งอาหาร เพ่ือเพม่ิ รสเปรี้ยว หรือนามาใช้แต่งกลนิ่ อาหาร น้าส้มสายชูแบ่งได้ 3 ชนิด คือ (1) น้าส้มสายชูหมัก เป็ นการนาเอาผลไม้หรือธัญพืชมาหมักกับยีสต์ เพ่ือให้ได้เอทิลแอลกอฮอล์ จากน้ันเอาเอทิลแอลกอฮอล์ไปหมักต่อกับหัวเชื้อ น้าส้ มสายชู ซ่ึงเตรียมได้จากการใช้น้าตาลผสมกับยีสต์โดยมีแบคทีเรียเป็ น ตวั เร่งปฏกิ ริ ิยา จะได้น้าสมสายชูท่มี ีกรดน้าประมาณร้อยละ 4-5.2

(2) น้าส้มสายชูกลั่นเป็ นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากเอทิลแอลกอฮอล์ท่ีได้จาก การหมักคร้ังแรกไปกลั่นจากน้ันนาไปหมักกบั น้าหัวเชื้อน้าส้มสายชู หรือการ นาเอานา้ ส้มสายชูหมกั ไปกลนั่ จะได้น้าส้มสายชูกลน่ั (3) น้าส้มสายชูเทียม เป็ นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนากรดน้าส้มมาเจือ จาง น้าส้มสายชูเทียมจะใสและมีกลิ่นฉุนของกรดน้าส้มไม่เหมือนน้าส้มสายชู หมกั น้ำสม้ สำยชูกลน่ั น้ำสม้ สำยชูเทยี ม

➢สารเคมีในเคร่ืองสาอาง เครื่องสาอาง(Cosmetics) เป็ นวัตถุท่ีใช้ทาหรือสัมผัสร่างกายภายนอก เพื่อให้เกดิ ความสวยงาม ปกปิ ดรอยด่างดา บารุงผิวให้เส่ือโทรมช้าลง สิ่งสาคัญ ผู้บริโภคควรพิจารณาถึงส่ วนประกอบของเคร่ืองสาอางแต่ล่ะชนิด อาจมี ส่วนประกอบบางชนิด ประกอบด้วย

1.หัวนา้ หอม ได้มาจาก 1) ธรรมชาติ โดยการสกัดเอาน้าหอมระเหยจากดอกไม้ เปลือกไม้หรือ ลาต้น เช่น น้าหอมจากเปลือกส้ ม น้าหอมจากเปลือกมะนาว น้าหอมจาก กหุ ลาบ เป็ นต้น 2) การสังเคราะห์ โดยการทาปฏิกิริยากันระหว่างกรดอินทรีย์กับ แอลกอฮอล์ สารประกอบไฮโดรคาร์บอนทเ่ี รียกว่า เอสเทอร์ (Ester)

2.ไขมนั หรืนา้ มนั ได้มาจาก 1) พืช เช่น น้ามันมะพร้าว น้ามันละหุ่ง น้ามนั มะกอก เป็ นต้น 2) สัตว์ เช่น น้ามันหมู ไขวัว ไขปลาวาฬ ขผี้ งึ้ เป็ นต้น 3) การสังเคราะห์ เช่น ขผี้ งึ้ พาราฟิ น พาราฟิ นเหลว Hydrogenated oil เป็ นต้น

3.ตวั ทาละลาย ได้แก่ 1) ตัวทาละลายพวกแอลกอฮอล์ ได้แก่ เมทิลแอลกอฮอล์ เอทิลแอลกอฮอล์ บิวทิลแอลกอฮอล์ เป็ น 2) ตัวทาละลายพวกเอสเทอร์ ได้แก่ เอทิลอะซิเตต เอมิลอะซิเตต บิวทลิ อะซิเตต เป็ นต้น 3) ตวั ทาละลายพวกคโี ตน ได้แก่ อะซิโตน เมทิลเอทิลคีโต

4.สี (Colors) สีที่นิยมใช้ในเครื่องสาอางมี 2 ประเภท คือ สีท่ีละลายในน้าและสีที่ ละลายในไขมนั หรือน้ามนั การเลือกใช้สีประเภทใดเป็ นส่วนประกอบขึน้ อยู่กับ ผ้ผู ลติ และประเภทของเคร่ืองสาอาง

5.สารอื่น เช่น 1) สารกนั บูดหรือสารกนั เสีย 2) สารลดแรงตึงผวิ 3) สารกนั แดด

ประเภทของเครื่องสาอาง เคร่ืองสาอางทีใ่ ช้ในปัจจุบันมีหลากหลายประเภท วตั ถุประสงค์ของ การใช้งานแบ่งได้ 5 ประเภท ดงั นี้ 1.เครื่องสาอางสาหรับผวิ หนัง ส่วนใหญ่เป็ นผลติ ภณั ฑ์ครีมหรือโลชั่นท่ีใช้สาหรับทาผวิ หนัง เพ่ือ บารุงและถนอมผวิ พรรณให้มีความชุ่มชื่น นุ่มนวลเมื่อสัมผสั

2.เครื่องสาอางชะลอความแก่ ทาหน้าทใ่ี ห้ความยืดหย่นุ แก่เซลล์ ทาให้เซลล์สามารถอุ้มน้าและ ความชื้นได้ดขี นึ้ ทาให้เซลล์เต่งตึงไม่เห่ียวแห้ง แล้วสิ่งสาคญั อกี อย่างหน่ึง คือ ฮอร์โมนและวิตามนิ กม็ ีผลต่อความแก่ เพราะเมื่อเราอายมุ ากขนึ้ ฮอร์โมนจะ ลดลงตามอายุ ทาให้การควบคุมการทางานของต่อมต่างๆลดลง หากขาด วติ ามนิ ด้วยแล้วกย็ งิ่ ส่งผลต่อการฟื้ นตัวของเซลล์ผวิ หนังด้วย ทาให้เราดูแก่ มากขนึ้ เร็วขนึ้

3.เคร่ืองสาอางสาหรับผมและขน มอี ยู่ด้วยกนั หลากหลายชนิด ขนึ้ อยู่กับจุดประสงค์และความต้องการ ของผู้ใช้ ส่วนใหญ่เคร่ืองสาอางสาหรับผมและขนท่ีมีจาหน่ายและผู้บริโภค นิยมใช้ ได้แก่ สบู่ แชมพูสระผม นา้ ยาย้อมผม นา้ ยาดัดผม เป็ นต้น

4.เคร่ืองสาอางสาหรับใบหน้า การรักษาใบหน้าให้สวยงามเป็ นส่ิงสาคัญในการสร้างความสนใจ ให้กับเพศตรงข้าม จาเป็ นต้องเลือกใช้เครื่องสาอางให้เหมาะสมกับลักษณะ ผวิ หน้าของตนเอง เคร่ืองสาอางสาหรับใบหน้าแบ่งตามลักษณะการใช้ งานได้ 3 กล่มุ คือ

1) เคร่ืองสาอางท่ใี ช้ทาความสะอาดใบหน้า เช่น เจลล้างหน้า โฟมล้างหน้า ครีมล้างหน้า ยากาจัดสิว ฝ้าและกระ เป็ นต้น 2) เคร่ืองสาอางท่ีใช้สาหรับบารุงผิว เช่น ครีมนวดหน้า ครีมสมานรู้ ขมุ ขน เป็ นต้น 3) เครื่องสาอางทใี่ ช้ตกแต่งใบหน้า เช่น รูช ลปิ สติก เป็ นต้น

5. เครื่องสาอางทใ่ี ช้ในช่องปาก เคร่ืองสาอางทใ่ี ช้ในช่องปากมจี ุดประสงค์เพ่ือทาความสะอาดและ กลบกลน่ิ ไม่พง่ึ ประสงค์ในช่องปาก เคร่ืองสาอางทใ่ี ช้ในช่องปางที่นิยมใช้ ได้แก่ ยาสีฟัน นา้ ยาบ้วนปาก เป็ นต้น

1) ยาสีฟัน เป็ นเคร่ืองสาอางท่ีใช้ทาความสะอาดฟันเพื่อกาจัดเศษ อาหาร จุลนิ ทรีย์ และคราบสกปรก 2) น้ายาบ้วนปาก เป็ นเครื่องสาอางทใี่ ช้อ้มบ้วนปากทาให้ช่องปาก สะอาดสดชื่น กลบกลนิ่ ปาก ขจดั เศษอาหารและคราบสกปรก

➢สำรเคมีที่ใชท้ ำควำมสะอำด สารทาความสะอาดหรือที่เรียกว่า ดีเทอร์เจน (Detergent) เป็ นวัตถุท่ี นามาใช้เพ่ือทาความสะอาดร่างกาย เสื้อผ้า และเคร่ืองใช้ภายในครั วเรือน ปัจจุบันสารทาความสะอาดมีให้เลือกมากมายหลายชนิด การเรียนรู้ท่ีจะใช้สาร ทาความสะอาดอย่ างปลอดภัยจะช่ วยให้ ผู้บริ โภคใช้ งานได้ ด้ วยความม่ันใจ ปัจจุบันสารทาความสะอาดท่จี าหน่ายในท้องตลาดมี 3 ประเภท คือ

1.สารกาจดั รอยเปื้ อนและใช้ซักฟอกเสื้อผ้า 1) ผงซักฟอก เป็ นสารขจัดคราบสกปรกได้ดีกว่าสบู่ เตรียมได้จาก น้ามันพืช เช่น น้ามันมะกอก น้ามันละหุ่ง น้ามันมะพร้าว เป็ นต้น มาทา ปฏกิ ริ ิยากบั กามะถนั จะได้ผงซักฟอกที่มีลกั ษณะเป็ นของแขง็ สีขาว 2) น้ายาซักแห้ง เป็ นการาตัวทาละลายมาใช้ในการกาจัดส่ิงสกปรก ออกจากเสื้อผ้า ตัวทาละลายท่นี ิยมใช้ เช่น คาร์บอนเตตระคลอไรด์

3) นา้ ยาฟอกผ้าขาว องค์ประกอบของน้ายาฟอกผ้าขาวเป็ น สารประกอบของ โซเดียมไฮโปคลอไรด์ สารชนิดนีม้ ีฤทธ์ิกดั อย่างรุนแรง เช่นเดยี วกบั ด่าง หากหายใจเข้าจะทาให้เนื้อเย่ือปอดระคายเคือง ปอดบวม เนื่องจากการคลงั่ ของนา้ 4) น้ายาล้างห้องนา้ ชนิดไม่ต้องขดั น้ายาชนิดนีม้ ีองค์ประกอบหลกั เป็ นสารประกอบของกรดกามะถนั เมื่อสัมผสั น้ายาชนิดนีโ้ ดยตรงจะเกดิ อาการระคายเคืองอย่างรุนแรง มรี อยไหม้และเจบ็ ปวด

2. สารทาความสะอาดอเนกประสงค์ ที่นิยมใช้ได้แก่ 1) สารละลายโพแทสเซียมไซยาไนด์ (KCN) หรืโซเดียมไซยาไนด์ (NaCN) นิยมนามาใช้ทาความสะอาดเครื่องเงิน แต่ไม่นิยมใช้ตามบ้ านเรือน เพราะมพี ษิ มากแม้ใช้จานวนเลก็ น้อย 2) สารประกอบซิลคิ อนไดออกไซด์ สามารถขดั เอาสีดาของเงินออกไป แต่จะทาให้เคร่ืองใช้สึกถ้าทาเสมอๆ 3) กรดออกซาลิก ใช้ได้ดีในการทาความสะอาดเครื่องทองเหลือง และ ทองแดง แต่มีพษิ ต่อร่างกายควรใช้ด้วยความระมดั วัง

4) แอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ สารนี้จะทาความสะอาดผิวนอกของ โลหะ โดยการทาลายออกไซด์ทเ่ี คลือบผวิ ของทองเหลืองและทองแดง 5) ฟี นอลและกรดคาร์บอลกิ ใช้ผสมในสบู่สาหรับฆ่าเชื้อโรค สามารถ ทาลายแบคทเี รียให้ตายภายใน 5 นาที 6) เครซอล มฤี ทธ์ิแรงกว่าฟี นอล ราคาถูกกว่า มีความปลอดภัยในการ ใช้งานมากกว่าฟี นอล น้ามาใช้ผสมในน้ายาทาความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคตาม บ้านเรือนและโรงพยาบาล เช่น ไลไซล

7) เฮกซะคลอโรฟิ ลล์ ใช้สาหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราและฆ่าเชื้อ ตามผวิ หนัง นิยมนามาผสมในสบู่ น้ายาดับกลน่ิ และเครื่องสาอาง 8) คลอรอกซ์ เป็ นสารละลายคลอรีนท่ีมีความเข้มข้นสูง ใช้ทาลาย เชื้อโรคและไขพยาธิใน 9) คลนี นิ่งมิกซ์เจอร์ ใช้ทาความสะอาดเคร่ืองแก้ว สามารถทาขนึ้ เอง ได้ง่ายๆ

10) น้ายาเช็ดกระจก สามารถทาได้ง่ายโดยใช้แอมโมเนียผสมกับ โซดาหรือบอแรกซ์ มาละลายน้าใช้ทาความสะอาดกระจกได้ดีพอสมควร น้ายาเช็ดกระจกท่ีนิยมนามาใช้ เป็ นประเภทท่ีใช้ ไอโซโพรไพลีน แอลกอฮอล์ 11) น้ายาดับกล่ิน มีวัตถุประสงค์เพื่อดับกล่ินในตู้เสื้อผ้า ห้องน้า หรือในรถยนต์ ทาโดยการนาพาราไดคลอโรเบนซีน ผสมกบั น้าหอมอัดเป็ น ก้อน

12) ยาล้างท่ออุดตัน นิยมใช้โซดาไฟหรือโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ มี ฤทธ์ิเป็ นเบสแก่ ทาปฏิกิริยาได้ดีกับไขมันและตะกรันในท่อ เกิดเป็ นสบู่ท่ี ละลายในน้าได้

13) ยาล้างโถส้วม ทนี่ ิยมใช้มี 2 ชนิด (1) ชนิดที่เป็ นผง ใช้โซเดียมไบซัลเฟต ละลายในน้า ยาล้าง ชนิดนี้ไม่เหมาะกับการทาความสะอาดอ่างอาบน้า อ่างล้างมือ และเครื่อง โลหะ เน่ืองจากเมื่อละลายนา้ จะเป็ นกรดกามะถัน (2) ชนิดท่ีเป็ นของเหลว ใช้กรดเกลือเข้มข้น(HCI) ประมาณน้อยละ 16


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook