18 ค่มู ือครู วิชา วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชพี ช่างอตุ สาหกรรม รหัสวชิ า 20000 – 1302 หลกั สตู รประกาศนียบัตรวชิ าชีพ พุทธศกั ราช 2562 ชดุ การสอนที่ 2 เรื่อง แรงและแรงเสยี ดทาน จัดทำโดย นางธญั พร พมุ่ พวง ตำแหน่งครู วทิ ยฐานะ ครชู ำนาญการพิเศษ กลุ่มวิชา วทิ ยาศาสตร์ แผนกวชิ าสามญั สัมพันธ์ วิทยาลยั เทคนคิ ลพบุรี สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร
19 คมู่ อื ครู ชดุ การสอนที่ 2 เรอ่ื ง แรงและแรงเสียดทาน คำช้แี จง ชุดการสอนเรื่องแรงและแรงเสยี ดทาน ต้องการให้นักเรียน ศกึ ษาเกี่ยวกบั ความหมายของแรง ชนิด ของแรง แรงเสยี ดทาน การแยกแรง และการหาผลรวมของแรง 1. จดุ ประสงคท์ ั่วไป 1.1 นักเรียนมีความรู้และความเข้าใจ ความหมายของแรง ชนิดของแรง แรงเสียดทาน การแยกแรง และการหาผลรวมของแรง 1.2 มีทกั ษะเก่ยี วกบั กจิ กรรมการทดลอง การรวมแรงทกี่ ระทำต่อวตั ถุ 1.3 มีเจตคติและกจิ นิสยั ท่ีดใี นการทำงาน ด้วยความละเอียดรอบคอบ ปลอดภัย เป็นระเบยี บ สะอาด ตรงต่อเวลา มีความซื่อสัตย์ รับผิดชอบ รักษาสภาพแวดล้อม และ มีคุณธรรม จริยธรรมและ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ทต่ี ้องการ 2. จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม เมื่อนักเรยี นเรียนเรอ่ื งแรงและแรงเสยี ดทานแล้วสามารถ 2.1 บอกความหมายของแรงไดอ้ ย่างถูกต้อง 2.2 วิเคราะห์ชนดิ ของแรงทมี่ ากระทำต่อวตั ถใุ นสภาพตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 2.3 วิเคราะห์แรงเสยี ดทานทเี่ กิดกับวัตถไุ ด้อยา่ งถกู ตอ้ ง 2.4 คำนวณหาแรงเสียดทานที่เกิดกบั วัตถุได้อยา่ งถูกต้อง 2.5 คำนวณการแยกแรงไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 2.6 คำนวณหาผลรวมของแรงบนระนาบ 2 มติ ไิ ด้อยา่ งถูกตอ้ ง 2.7 ปฏิบัติงานด้วยความละเอียดรอบคอบ ปลอดภัย เป็นระเบียบ สะอาด ตรงต่อเวลา มีความซือ่ สัตย์ รกั ษาสภาพแวดลอ้ ม 2.8 มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝร่ ู้ ความรกั สามคั คี ความกตญั ญกู ตเวที 3. สว่ นประกอบของชุดการสอนที่ 2 เรือ่ ง แรงและแรงเสียดทาน มดี งั นี้ 3.1 คู่มอื ครูชดุ การสอนท่ี 2 เรอื่ ง แรงและแรงเสยี ดทาน 3.2 โครงการสอนที่ 2 เรื่อง แรงและแรงเสยี ดทาน 3.3 แผนการจดั การเรยี นรู้ เรอ่ื ง แรงและแรงเสยี ดทาน 3.4 เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง แรงและแรงเสียดทาน 3.6 กจิ กรรมการเรยี นร้ทู ี่ 2.1-2.4
20 3.7 แบบฝกึ หดั ทา้ ยหนว่ ย เรอ่ื ง แรงและแรงเสยี ดทาน 3.8 ใบกิจกรรมการทดลองท่ี 2.1 การรวมแรงที่กระทำตอ่ วัตถุ 3.9 แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรียน พรอ้ มเฉลย ชดุ การสอนที่ 2 เรอ่ื ง แรงและแรงเสียดทาน 3.10 แบบประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิงาน 3.11 แบบสงั เกตพฤติกรรมระหว่างการเรียนและการปฏิบตั งิ าน 3.12 สื่อประกอบการสอน เรอื่ ง แรงและแรงเสยี ดทาน 4. เวลาทใ่ี ช้ ใช้เวลาในการสอนจำนวน 6 ชวั่ โมง 5. การเตรยี มการลว่ งหน้า สิง่ ท่ีครูตอ้ งเตรียมการลว่ งหน้า มีดังนี้ 5.1 ศกึ ษาคมู่ ือครู โครงการสอน และแผนการจัดการเรยี นรู้ เรอื่ ง แรงและแรงเสียดทาน 5.2 ศกึ ษาและเตรยี มเอกสารและสือ่ การสอน เรื่อง แรงและแรงเสียดทาน 5.3 ผู้สอนต้องเตรียมเอกสารประกอบการเรียนเรื่อง แรงและแรงเสียดทาน กรณีให้นักเรียน จัดเตรียมเอง ต้องมีต้นฉบับแจ้งให้นักเรียนจัดเตรียมเอกสารประกอบการเรียน ล่วงหน้าให้พร้อม ก่อนเรยี น 5.4 แบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรยี นชดุ การสอนท่ี 2 เรื่อง แรงและแรงเสยี ดทาน 5.5 จดั เตรยี มใบกจิ กรรมการทดลองที่ 2.1 และเตรยี ม วัสดุอปุ กรณ์ท่ใี ช้ปฏบิ ตั ิงาน ได้แก่ เครื่องช่ัง สปริง ถุงทราย และไม้โปรแทรกเตอร์ 6. สอ่ื การเรยี นการสอน ชดุ การสอนท่ี 2 เร่ือง แรงและแรงเสยี ดทาน ประกอบด้วยสอื่ การเรยี นการสอน ดงั นี้ 6.1 เอกสารประกอบการเรยี น เรอื่ ง แรงและแรงเสียดทาน 6.2 สอ่ื Power Point เรื่อง แรงและแรงเสียดทาน 6.3 ใบกจิ กรรมการเรยี นรทู้ ่ี 2.1-2.4 6.3 ใบกจิ กรรมการทดลองท่ี 2.1 6.4 แบบฝกึ หดั ท้ายหนว่ ยที่ 2 7. การจดั ชน้ั เรียน การจัดชั้นเรียนตามปกติสำหรับการสอนทฤษฎี โดยจัดการเรียนการสอนแบบครูและนักเรียน รว่ มกันอภิปราย ถาม-ตอบ และสรุปเนอ้ื หา การเรยี นภาคปฏบิ ัติจัดกลมุ่ การปฏบิ ตั ิงานโดยการแบง่ กลุ่ม ๆ ละ 3-4 คน เพ่อื ให้นกั เรยี นได้รว่ มกนั อภิปรายและปฏิบัติงาน โดยครเู ตรียมวัสดุ อปุ กรณ์ใหใ้ ชค้ รบทุกกลุ่ม ครูเป็น ผูค้ วบคมุ ดแู ลพฤติกรรมการปฏิบัติงานใหค้ ำช้ีแนะหากพบปญั หา 8. วิธใี ชช้ ุดการสอน 8.1 ศกึ ษาคมู่ ือการใช้ โครงการสอน และแผนการจดั การเรยี นรู้ เน้อื หาท่ีสอน 8.2 ศึกษาวิธีการใช้สือ่ การเรียนการสอน
21 8.2 ศึกษาวิธีการวดั ผลและประเมินผล 9. ข้นั ดำเนินการจัดกจิ กรรมการจัดการเรียนรู้ 9.1 ผู้สอนช้แี จงให้นักเรียนทราบเกย่ี วกับบทบาทหน้าที่ของนกั เรยี น 9.2 ผ้สู อนชี้แจงเนื้อหาท่จี ะเรยี นในชุดการสอนนี้ 9.3 ผู้สอนชี้แจงวิธกี ารวดั ผลประเมินผลพรอ้ มกำหนดเวลาส่งงาน 9.4 การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน แบ่งออกเปน็ 7 ขั้นตอนตามรปู แบบโมเดลซปิ ปา ดังน้ี ข้นั ท่ี 1 ขน้ั การแสวงหาความร้เู ดิม ขัน้ ที่ 2 ขั้นการแสวงหาความรใู้ หม่ ขน้ั ที่ 3 ขั้นการศึกษาทำความเข้าใจ ความรใู้ หมแ่ ละเชอ่ื มโยงความรใู้ หม่กบั ความรู้เดมิ ข้ันท่ี 4 ขนั้ การแลกเปลีย่ นความรูค้ วามเขา้ ใจกบั กล่มุ ขั้นที่ 5 ขั้นการสรปุ และจัดระเบียบความรู้ ขน้ั ที่ 6 ขั้นการแสดงผลงาน ขน้ั ท่ี 7 ขั้นการประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ 10. วธิ กี ารใช้ส่อื การเรยี นการสอน ชดุ การสอนท่ี 2 เร่อื ง แรงและแรงเสียดทาน ผสู้ อนต้องศกึ ษาวิธีการเรยี นรู้จากแผนการจดั การเรยี นรู้ คู่มอื การใช้สอื่ และศกึ ษาเนอื้ หา เร่ือง แรง และแรงเสียดทาน จากเอกสารประกอบการเรียนและสื่อ Power Point หน่วยที่ 2 เรื่อง แรงและ แรงเสียดทาน ก่อนทำการสอนจริง ส่วนสื่อที่นักเรียนใช้ได้แก่เอกสารประกอบการเรียน หน่วยที่ 2 เรื่อง แรง และแรงเสียดทาน ผสู้ อนตอ้ งแจง้ ลว่ งหนา้ ให้นกั เรียนทราบ 11. บทบาทของนกั เรียน 11.1 นักเรียนต้องเตรียมเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง แรงและแรงเสียดทาน ก่อนเรียน โดย ผูส้ อนจดั เตรยี มต้นฉบบั ให้ลว่ งหนา้ ทันวันใชส้ อนจรงิ 11.2 นกั เรยี นตอ้ งปฏิบตั ิตามคำแนะนำของผู้สอน 11.3 นกั เรียนตอ้ งทำกิจกรรมตามท่ีมอบหมายและร่วมกนั อภปิ ราย 11.4 นกั เรียนต้องปฏบิ ัติงานตามใบกิจกรรมการทดลอง 11.5 นกั เรยี นต้องสง่ งานใหต้ รงตามเวลาทกี่ ำหนด 12. การวัดและประเมินผล 12.1 วิธวี ดั ผล 12.1.1 สังเกตพฤติกรรมระหวา่ งการเรียนและการปฏบิ ตั งิ าน 12.1.2 ตรวจผลจากแบบฝกึ หัด/การอภปิ ราย 12.1.3 ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น แบบทดสอบหลังเรยี น 12.1.4 ตรวจผลการปฏิบัตงิ านตามใบกจิ กรรมการทดลอง 12.3.5 ประเมินผลจากการวัดทั้งส่วนทเ่ี ป็นความรู้ และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
22 12.2 เครื่องมือวัด 12.2.1 แบบสังเกตพฤตกิ รรมระหว่างเรียนและการปฏบิ ัตงิ าน 12.2.2 แบบฝกึ หัด/ใบประเมนิ ผลการอภิปราย 12.2.3 แบบทดสอบก่อนเรยี น แบบทดสอบหลังเรยี น 12.2.4 ใบประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ านตามใบกจิ กรรมการทดลอง 12.2.5 แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 12.3 เกณฑ์การประเมนิ ผล 12.3.1 นักเรียนได้คะแนนพฤติกรรมระหว่างการเรียนการสอนและการปฏิบัติงาน ไม่ตำ่ กวา่ รอ้ ยละ 80 12.3.2 คะแนนรวมตามแบบประเมินผลงานใบกจิ กรรมการทดลอง ไมต่ ่ำกว่ารอ้ ยละ 80 12.3.3 คะแนนแบบฝึกหดั และแบบทดสอบ ไมต่ ำ่ กวา่ รอ้ ยละ 80 12.3.4 คะแนนประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ไมต่ ่ำกวา่ รอ้ ยละ 80
23 โครงการสอน ชุดการสอนที่ 2 รหัสวชิ า 20000-1302 ช่อื วชิ า วทิ ยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาอาชพี ช่างอุตสาหกรรม ชือ่ หนว่ ย แรงและแรงเสยี ดทาน จำนวน 6 ชวั่ โมง หัวข้อการเรียนรู้ 1. ความหมายของแรงและชนิดของแรง 2. แรงเสยี ดทาน 3. การแยกแรง 4. การหาผลรวมของแรง หัวข้อการเรยี นรู้ จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม 1. ความหมายของแรงและชนดิ ของแรง 1. บอกความหมายของแรงและแรงเสียดทานไดอ้ ย่าง 2. แรงเสยี ดทาน ถกู ต้อง 3. การแยกแรง 2. วิเคราะห์ชนิดของแรงที่มากระทำต่อวัตถุในสภาพ 4. การหาผลรวมของแรง ตา่ งๆ ได้อย่างถกู ตอ้ ง 3. วเิ คราะห์แรงเสยี ดทานทเ่ี กิดกบั วตั ถไุ ด้อย่างถกู ตอ้ ง 4. คำนวณหาแรงเสียดทานได้อยา่ งถูกต้อง 5. คำนวณการแยกแรงได้อย่างถกู ตอ้ ง 6. คำนวณหาผลรวมของแรงบนระนาบ 2 มิติได้อย่าง ถกู ตอ้ ง วิธีการสอน : บรรยาย/ถาม-ตอบ สาธติ เวลาปฏบิ ตั ิงานกจิ กรรมการเรียนรู้ และกจิ กรรมการทดลอง ครคู วรกำหนดตามความพร้อมของอุปกรณก์ ารทดลอง สื่อการสอน 1. สอื่ ประกอบการสอน Power Point เร่อื ง แรงและแรงเสียดทาน 2. เอกสารประกอบการเรยี น เรอ่ื ง แรงและแรงเสียดทาน การประเมิน : คะแนนจากการทำแบบทดสอบก่อนเรียน/หลังเรียน ประเมินผลกิจกรรมขณะเรียน งานที่มอบหมาย กิจกรรมการเรียนรู้ ประเมินผลการปฏิบัติงานตามใบกิจกรรมการทดลอง แบบประเมิน พฤติกรรมระหว่างการเรียนและการปฏิบตั ิการทดลอง
24 แผนการจัดการเรียนรู้ สอนคร้ังท่ี 4 จำนวน 3 ชม. ช่อื วิชา วทิ ยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชพี ช่างอตุ สาหกรรม รหัสวิชา 20000-1302 หน่วยท่ี 2 ช่ือหนว่ ย แรงและแรงเสยี ดทาน 1. หัวขอ้ การเรียนรู้ 1. ความหมายของแรงและชนดิ ของแรง 2. แรงเสียดทาน 3. การแยกแรง 2. สาระสำคัญ แรง คือ อำนาจชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นปริมาณที่ได้จากพลังงานทุกชนิด เมื่อมีแรงกระทำต่อวัตถุวัตถุ จะพยายามเปลี่ยนแปลงสภาพของวัตถุ เช่น เปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ เปลี่ยนขนาดของอัตราเร็ว หรือ เปลี่ยนขนาด รปู ร่างของวัตถุ แรงในหน่วยเอสไอ มหี น่วยเปน็ kg m/s2 หรอื นิวตัน 3. สมรรถนะประจำหนว่ ย 1. แสดงความรเู้ กี่ยวกบั ความหมายของแรง ชนดิ ของแรง แรงเสียดทาน และการแยกแรง 2. ปฏิบตั กิ ิจกรรมการเรยี นรู้และกจิ กรรมกลมุ่ ได้ 3. แสดงพฤติกรรมความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน ความสนใจใฝ่ หาความรู้ ความรักสามัคคีและความกตัญญูกตเวที เผื่อแผ่ แบ่งปัน ความมีมนุษยสัมพันธ์ รับฟัง ความคิดเห็นของผู้อื่น ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ความเชื่อมั่นใน ตนเองกลา้ แสดงออก 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 จดุ ประสงคท์ วั่ ไป 1. นกั เรียนมคี วามรู้และความเข้าใจความหมายของแรง ชนิดของแรง แรงเสียดทาน และการแยกแรง 2. นักเรียนมที กั ษะเก่ยี วกบั กิจกรรมการเรยี นรแู้ ละกจิ กรรมกลุม่ 3. นักเรียนมีเจตคติและกิจนิสัยที่ดีในการทำงาน มีคุณธรรม จริยธรรมและคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ 4.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. บอกความหมายของแรงไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 2. วิเคราะห์ชนดิ ของแรงท่มี ากระทำตอ่ วตั ถใุ นสาพตา่ ง ๆ ได้อยา่ งถูกต้อง 3. วเิ คราะห์แรงเสยี ดทานที่เกดิ กบั วัตถไุ ดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
25 4. คำนวณหาแรงเสียดทานได้อย่างถูกต้อง 5. คำนวณการแยกแรงไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 6. ปฏิบัติงานด้วยความละเอียดรอบคอบ ปลอดภัย เป็นระเบียบ สะอาด ตรงต่อเวลา มคี วามซ่อื สตั ย์ รักษาสภาพแวดลอ้ ม 7. นักเรียนมีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝร่ ู้ ความรักสามัคคี ความกตญั ญูกตเวที 5. กิจกรรมการจดั การเรียนรู้ สัปดาห์ท่ี 4 ช่ัวโมงท่ี 10-12 กิจกรรมการเรยี นรู้ ชั่วโมงท่ี 1 ครูมอบหมายใหน้ ักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 จำนวน 15 ขอ้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชั่วโมงที่ 2 (รูปแบบ 7 ขน้ั ตอน ตามรปู แบบโมเดลซิปปา) 1. ข้ันการแสวงหาความรู้เดมิ ครูแจ้งหวั ข้อการเรียนรู้ จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม แนวปฏบิ ัติในการเรยี น และครูทบทวนความรเู้ ดมิ ของนกั เรียน โดยใช้คำถามตอ่ ไปนก้ี ระตุ้นเพอื่ ใหน้ กั เรยี นเกดิ ข้อสงสยั และตอ้ งการแสวงหาความรู้ 1) นกั เรยี นทราบหรอื ไมว่ า่ วตั ถเุ คลอ่ื นที่ได้อย่างไร (วัตถุเคลอื่ นทจี่ ากแรงท่ไี ปกระทำกบั วตั ถุ) 2) เม่อื มแี รงกระทำกบั วตั ถแุ ล้ววตั ถจุ ะมสี ภาพเป็นอยา่ งไร (วตั ถจุ ะเคล่อื นที่ตามแรงทกี่ ระทำ) 3) ครูรว่ มสนทนากับนักเรยี นใหน้ กั เรยี นช่วยสรปุ หัวข้อเร่อื งต่างๆ เพ่ือนำคำตอบต่างๆ มาสรุปเป็น เนื้อหาความหมายของแรง 2. ขนั้ การแสวงหาความรใู้ หม่ (ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มๆละ 3-4 คน และให้นักเรียนแบ่งหน้าที่กันภายในกลุ่ม ซึ่งประกอบด้วย ประธาน เลขานกุ าร ผู้อภิปรายและผู้ประสานงาน โดยแตล่ ะชว่ั โมงจะมกี ารเปล่ียนหน้าทภี่ ายในกล่มุ ทกุ ครง้ั ) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาเนื้อหาโดยค้นคว้าจากชุดการสอนวิชา วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพ ช่างอุตสาหกรรม โดยใช้แหล่งความรู้จากใบความรู้เรื่อง แรงและแรงเสียดทาน ที่ครูเตรียมไว้ให้ และร่วมกัน คิดอภิปราย ในประเด็นคำถามเรื่อง ความหมายของแรง ชนิดของแรง แรงเสียดทาน และหาคำตอบใน กิจกรรมการเรียนร้ทู ่ี 2.1 3. ขั้นการศกึ ษาทำความเขา้ ใจ ความรูใ้ หม่และเชือ่ มโยงความรูใ้ หม่กบั ความรเู้ ดิม ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มอภิปรายร่วมกัน และครูเป็นผู้สังเกตการณ์และคอยให้คำแนะนำ โดยใหป้ ระธานกลมุ่ นำการอภิปรายดังน้ี 1) สมาชิกคนใดสงสยั อะไรบ้าง เลขากลุ่มจดบันทกึ ข้อสงสยั 2) ใครสามารถตอบขอ้ สงสยั ของเพื่อนได้ ให้ช่วยกนั ตอบ ส่วนขอ้ สงสยั ที่ยงั ไมไ่ ดค้ ำตอบให้เก็บไว้ก่อน 3) นักเรียนในกลุ่มร่วมกันอภิปรายเนื้อหาเพื่อทำความเข้าใจ และช่วยกันหาคำตอบจากกิจกรรม การเรยี นร้ทู ่ี 2.1 ขอ้ ใดทไ่ี ม่แนใ่ จวา่ ถูกตอ้ ง ใหท้ ำเคร่ืองหมายไวก้ อ่ น
26 4) นำรายการข้อสงสัยที่ยังไม่ได้รับคำตอบ และคำตอบที่ไม่แน่ใจว่าถูกต้องมาแบ่งกันระหว่าง สมาชกิ ในกลุม่ ให้ช่วยกันไปศกึ ษาเพิ่มเตมิ จากใบความรู้หรือจากเพอื่ น 5) สมาชิกกลมุ่ ยนื ยนั คำตอบและข้อสงสยั ของกลุ่ม 6) สมาชิกเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิมเข้าด้วยกัน โดยใช้เทคนิคต่างๆ ของแต่ละคน เช่น การอธิบาย การเขยี นแผนภาพ ซ่งึ ขณะน้นี กั เรยี นไดค้ วามรใู้ หม่เพมิ่ เตมิ เสรมิ ความร้เู ดิมทีม่ ีอยู่ 4. ขัน้ การแลกเปล่ียนความร้คู วามเข้าใจกับกลมุ่ 1) ครูแบ่งหัวข้อให้แต่ละกลุ่ม นำเสนอขั้นตอนการหาคำตอบของกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 2.1 จาก การอภิปรายภายในกลุ่มพรอ้ มสง่ ตวั แทนนำเสนอหนา้ ชนั้ เรยี น 2) ครูเปิดโอกาสให้นกั เรยี นทย่ี งั สงสยั หรือไม่เขา้ ใจได้ถามและร่วมกันอภปิ รายในประเดน็ คำถาม ของแตล่ ะกลุ่มพรอ้ มเฉลยคำตอบกิจกรรมการเรยี นรทู้ ่ี 2.1 จนไดข้ ้อมลู ท่ีถกู ตอ้ งในการใชศ้ ึกษาต่อไป 5. ข้ันการสรปุ และจดั ระเบียบความรู้ 5.1 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายสรปุ ความรู้ทั้งหมด โดยครูใช้คำถามเพือ่ กระตุ้นให้นักเรียนได้ ลำดับความคิดอย่างต่อเนื่อง และจัดระเบียบขององค์ความรู้ ในประเด็นสำคัญของเรื่อง ความหมายของ แรง ชนดิ ของแรง และแรงเสียดทาน ดงั นี้ 1) แรงที่กระทำต่อวัตถุมองไม่เห็นนักเรียนจะรู้ได้อย่างไรว่ามีแรงไปกระทำต่อวัตถุ (เมื่อมีแรง กระทำต่อวัตถุ วัตถุจะพยายามเปลี่ยนสภาพของวัตถุ เช่น เปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ เปลี่ยนขนาดของ อัตราเรว็ หรอื เปล่ยี นขนาด รปู รา่ งของวัตถุ เปน็ ต้น) 2) การแบ่งชนดิ ของแรงโดยใช้การสมั ผัสทางกายภาพของวัตถุแบ่งไดก้ ่ชี นดิ อะไรบา้ ง (2 ชนดิ คือ แรงสัมผัส ไดแ้ ก่ แรงปฏกิ ิรยิ าระหว่างผวิ สมั ผสั แรงเสยี ดทาน แรงตงึ และแรงจากสปรงิ เป็นต้น แรงสนาม ได้แก่ แรงโน้มถ่วงของโลก แรงไฟฟ้าและแรงแม่เหล็ก เปน็ ตน้ ) 3) แรงเสียดทานเกิดขน้ึ ท่ีตำแหน่งใดของวตั ถุ และมีทิศทางอยา่ งไรกบั การเคลือ่ นที่ของวตั ถุ (แรง เสยี ดทานเกิดข้นึ ในตำแหน่งท่ีวตั ถสุ มั ผสั พ้ืนผวิ ใดๆ ทศิ ทางของแรงเสียดทานตรงข้ามกับการเคลอ่ื นท่ีของวัตถุ ในตำแหน่งทส่ี ัมผัสพืน้ เช่นกนั ) 4) การแยกแรงมีหลักการอยา่ งไร (หลักการเดียวกับการหาเวกเตอร์องค์ประกอบ) 5.2 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาในส่วนที่ยังไม่ครบ หรือเพิ่มเติมให้ชัดเจน จากสื่อเพาเวอร์ พอยท์ โดยผสู้ อนคอยดูแลใหค้ ำปรกึ ษาและถามนำให้นกั เรียนชว่ ยกันตอบ เป็นการกระตุน้ ให้นกั เรียนได้ศึกษา ตรงวัตถปุ ระสงคท์ ี่ตอ้ งการและเป็นการวัดผลและประเมินผลจากการเรียนรู้และความสนใจของนักเรียนทั้งใน ด้านความรูด้ า้ นคุณธรรมจริยธรรมและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคไ์ ปด้วย 6. ขน้ั การแสดงผลงาน ครูให้นักเรียนสร้างสรรค์ผลงานจากการเรียนรู้ในครั้งนี้ ตามความเข้าใจของตนเอง ซึ่งครูจะให้ใบ มอบหมายงานโดยให้นักเรียนแสดงความเขา้ ใจของตนเองออกในรูปผังความคิด ซ่ึงครูจะให้นักเรียนกลับไปคิด และปฏิบัตินอกเหนอื เวลาเรยี นในชัน้ เรียนแลว้ นำส่งครูในวันถดั มา โดยส่งงานทางออนไลน์ (ครเู ขียนคำชมเชย หรือความคิดเห็นในทางบวกลงในผลงานของนักเรียนทุกคน และเลือกผลงานของนักเรียนที่อยู่ในเกณฑ์ดี
27 มาแสดงไว้ที่บอร์ดในชั้นเรียน เป็นเวลา 1 สัปดาห์ นอกนั้นส่งคืนแก่นักเรียนเพื่อให้แลกเปลี่ยนผลงานกัน ดูเพื่อศึกษาและให้ได้แนวความคิดที่หลากหลาย ในขั้นนี้จะช่วยให้นักเรียนได้เข้าใจข้อความรู้ที่ตนสร้างขึ้นมา และได้ถ่ายทอดให้ผู้อื่นไดร้ ับรู้ ซึ่งช่วยให้นักเรียนได้ตอกย้ำและตรวจสอบความเข้าใจของตนตลอดจนส่งเสริม ให้นกั เรียนใช้ความคดิ สรา้ งสรรค์ ในการสรุปองค์ความรขู้ องตนเอง) 7. ขน้ั การประยกุ ต์ใชค้ วามรู้ 1) ครูใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หัดท้ายหน่วย ข้อ 1-2 เป็นการบ้านและใหส้ ่งครูในตอนเชา้ ของวันถัดมา 2) ครูแนะนำให้นักเรียนที่สนใจ ไปรับแบบฝึกหัดเพิ่มเติมจากครูได้ หลังชั่วโมงเรียน (ในส่วนนี้ ถ้านักเรียนที่สนใจ ทำมาแล้วครูจะพิจารณาให้ว่าถูกต้องหรือไม่ และทำความเข้าใจเป็นรายบุคคลนอกเหนือ เวลาเรียน) 3) ครแู นะนำใหน้ กั เรียนไปศกึ ษาคน้ ควา้ เนื้อหาเพมิ่ เตมิ จากห้องสมดุ ของวทิ ยาลัย 4) ครกู ล่าวชมเชยนกั เรยี น ที่ใหค้ วามร่วมมือในการเรียนในช้นั เรยี น กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชัว่ โมงท่ี 3 (รูปแบบ 7 ขน้ั ตอน ตามรูปแบบโมเดลซิปปา) 1. ข้ันการแสวงหาความร้เู ดมิ ครูแจ้งหัวข้อการเรียนรู้ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม แนวปฏบิ ัตใิ นการเรยี น และครูทบทวนความรเู้ ดมิ ของนกั เรยี น โดยใช้คำถามต่อไปนีก้ ระต้นุ เพอื่ ใหน้ ักเรยี นเกิดข้อสงสยั และตอ้ งการแสวงหาความรู้ 1) เมื่อมีแรงกระทำต่อวัตถุโดยทำมุมกับแนวราบ วัตถุจะเคลื่อนที่ต่างจากแรงกระทำต่อวัตถุใน แนวราบอย่างไร (แรงที่กระทำต่อวัตถุในแนวราบจะมีแรงแนวราบเพียงแรงเดียว แต่แรงที่ทำมุมกับแนวราบ จะมแี รงกระทำต่อวัตถุ 2 แรง คือ แรงแนวราบ และแรงแนวดง่ิ ) 2) ครูรว่ มสนทนากับนักเรยี นใหน้ ักเรยี นชว่ ยสรุปหวั ขอ้ เรื่องต่างๆ เพ่อื นำคำตอบตา่ งๆ มาสรปุ เปน็ เน้อื หาการแยกแรง 2. ขน้ั การแสวงหาความรู้ใหม่ (ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มๆละ 3-4 คน และให้นักเรียนแบ่งหน้าที่กันภายในกลุ่ม ซึ่งประกอบด้วย ประธาน เลขานกุ าร ผอู้ ภิปรายและผปู้ ระสานงาน โดยแต่ละช่ัวโมงจะมีการเปลย่ี นหนา้ ที่ภายในกลมุ่ ทุกครง้ั ) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาเนื้อหาโดยค้นคว้าจากชุดการสอนวิชา วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพ ชา่ งอุตสาหกรรม โดยใช้แหล่งความรูจ้ ากใบความรเู้ รื่อง การแยกแรง ท่คี รูเตรียมไว้ให้ และร่วมกนั คิดอภิปราย ในประเดน็ คำถามเร่ือง การแยกแรง และหาคำตอบในกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี 2.2 3. ข้ันการศกึ ษาทำความเข้าใจ ความรใู้ หมแ่ ละเชอื่ มโยงความรู้ใหม่กับความรเู้ ดมิ ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มอภิปรายร่วมกัน และครูเป็นผู้สังเกตการณ์และคอยให้คำแนะนำ โดยให้ประธานกลุม่ นำการอภปิ รายดงั น้ี 1) สมาชกิ คนใดสงสยั อะไรบ้าง เลขากลมุ่ จดบนั ทกึ ขอ้ สงสยั 2) ใครสามารถตอบข้อสงสยั ของเพื่อนได้ ใหช้ ว่ ยกันตอบ ส่วนขอ้ สงสัยทย่ี ังไม่ได้คำตอบใหเ้ ก็บไวก้ ่อน
28 3) นักเรียนในกลุ่มร่วมกันอภิปรายเนื้อหาเพื่อทำความเข้าใจ และช่วยกันหาคำตอบจากกิจกรรม การเรยี นรู้ที่ 2.2 ขอ้ ใดทไี่ มแ่ นใ่ จวา่ ถูกต้อง ให้ทำเครอ่ื งหมายไว้ก่อน 4) นำรายการข้อสงสัยที่ยังไม่ได้รับคำตอบ และคำตอบที่ไม่แน่ใจว่าถูกต้องมาแบ่งกันระหว่าง สมาชกิ ในกลมุ่ ใหช้ ่วยกนั ไปศึกษาเพิ่มเติมจากใบความรูห้ รอื จากเพ่อื น 5) สมาชิกกลุ่มยืนยนั คำตอบและขอ้ สงสัยของกลุ่ม 6) สมาชิกเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิมเข้าด้วยกัน โดยใช้เทคนิคต่างๆ ของแต่ละคน เช่น การอธิบาย การเขียนแผนภาพ ซ่ึงขณะน้ีนกั เรียนได้ความรใู้ หม่เพมิ่ เติม เสรมิ ความร้เู ดิมทีม่ ีอยู่ 4. ข้ันการแลกเปลี่ยนความรคู้ วามเขา้ ใจกบั กลมุ่ 1) ครูแบ่งหัวข้อให้แต่ละกลุ่ม นำเสนอขั้นตอนการหาคำตอบของกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 2.2 จาก การอภปิ รายภายในกลุ่มพร้อมส่งตวั แทนนำเสนอหน้าช้นั เรยี น 2) ครเู ปิดโอกาสให้นักเรยี นท่ียังสงสัย หรือไมเ่ ข้าใจได้ถามและร่วมกนั อภปิ รายในประเด็นคำถาม ของแต่ละกลุ่มพรอ้ มเฉลยคำตอบกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี 2.2 จนได้ขอ้ มลู ท่ีถูกตอ้ งในการใชศ้ ึกษาต่อไป 5. ขั้นการสรปุ และจดั ระเบียบความรู้ 5.1 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปความรู้ทั้งหมด โดยครูใช้คำถามเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนได้ ลำดับความคิดอยา่ งตอ่ เนือ่ ง และจดั ระเบียบขององค์ความรู้ ในประเด็นสำคัญของเร่อื ง การแยกแรง ดังนี้ 1) การแยกแรงมหี ลกั การอยา่ งไร (หลกั การหาแรงยอ่ ยทางแนวราบและแรงย่อยทางแนวดงิ่ ) 2) การแยกแรงใชห้ ลกั การเดียวกับเร่ืองใดของเวกเตอร์ (การหาเวกเตอรอ์ งคป์ ระกอบ) 5.2 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาในส่วนที่ยังไม่ครบ หรือเพิ่มเติมให้ชัดเจน จากสื่อเพาเวอร์ พอยท์ โดยผ้สู อนคอยดแู ลให้คำปรึกษาและถามนำให้นักเรียนชว่ ยกันตอบ เป็นการกระตุน้ ใหน้ ักเรียนได้ศึกษา ตรงวัตถุประสงคท์ ่ีต้องการและเป็นการวัดผลและประเมินผลจากการเรียนรู้และความสนใจของนักเรียนท้ังใน ด้านความรดู้ ้านคุณธรรมจริยธรรมและคุณลกั ษณะอันพึงประสงคไ์ ปด้วย 6. ขั้นการแสดงผลงาน ครูให้นักเรียนสร้างสรรค์ผลงานจากการเรียนรู้ในครั้งนี้ ตามความเข้าใจของตนเอง ซึ่งครูจะให้ใบ มอบหมายงานโดยให้นักเรียนแสดงความเขา้ ใจของตนเองออกในรูปผงั ความคิด ซึง่ ครูจะให้นกั เรียนกลับไปคิด และปฏิบัตนิ อกเหนอื เวลาเรยี นในชนั้ เรยี นแล้วนำส่งครูในวันถดั มา โดยส่งงานทางออนไลน์ (ครูเขยี นคำชมเชย หรือความคิดเห็นในทางบวกลงในผลงานของนักเรียนทุกคน และเลือกผลงานของนักเรียนที่อยู่ในเกณฑ์ดี มาแสดงไว้ที่บอร์ดในชั้นเรียน เป็นเวลา 1 สัปดาห์ นอกนั้นส่งคืนแก่นักเรียนเพื่อให้แลกเปลี่ยนผลงานกัน ดูเพื่อศึกษาและให้ได้แนวความคิดที่หลากหลาย ในขั้นนี้จะช่วยให้นักเรียนได้เข้าใจข้อความรู้ที่ตนสร้างขึ้นมา และได้ถ่ายทอดให้ผู้อื่นไดร้ บั รู้ ซึ่งช่วยให้นักเรียนได้ตอกย้ำและตรวจสอบความเข้าใจของตนตลอดจนส่งเสริม ใหน้ ักเรยี นใชค้ วามคิดสรา้ งสรรค์ ในการสรุปองค์ความรขู้ องตนเอง)
29 7. ขน้ั การประยกุ ต์ใชค้ วามรู้ 1) ครใู ห้นกั เรียนทำแบบฝกึ หดั ทา้ ยหนว่ ย ข้อ 3 เป็นการบา้ นและใหส้ ่งครใู นตอนเช้าของวันถดั มา 2) ครูแนะนำให้นักเรียนที่สนใจ ไปรับแบบฝึกหัดเพิ่มเติมจากครูได้ หลังชั่วโมงเรียน (ในส่วนน้ี ถ้านักเรียนที่สนใจ ทำมาแล้วครูจะพิจารณาให้ว่าถูกต้องหรือไม่ และทำความเข้าใจเป็นรายบุคคลนอกเหนือ เวลาเรยี น) 3) ครูแนะนำใหน้ ักเรียนไปศกึ ษาคน้ ควา้ เนื้อหาเพมิ่ เตมิ จากห้องสมดุ ของวิทยาลยั 4) ครกู ล่าวชมเชยนกั เรียน ทใี่ หค้ วามรว่ มมอื ในการเรยี นในชั้นเรยี น 6. สอื่ การจัดการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพช่างอุตสาหกรรม หน่วยท่ี 2 แรงและ แรงเสียดทาน 2. สื่อ Power Point เรอื่ ง แรงและแรงเสยี ดทาน 7. การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. คะแนนจากพฤติกรรมการเรยี นรู้รายบคุ คล 2. คะแนนจากพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ 3. คะแนนแบบจากการทำกิจกรรมการเรยี นรู้ที่ 2.1-2.2 4. คะแนนตรวจงานตามใบกิจกรรมการเรยี นรูท้ ี่ 2.1-2.2 5. คะแนนจากแบบสังเกตพฤตกิ รรมระหว่างการปฏบิ ตั ิงาน 6. คะแนนจากการสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะ อันพงึ ประสงค์ 8. แหล่งการเรียนรู้เพ่ิมเตมิ 1. ศกึ ษาค้นคว้าในหอ้ งสมดุ 2. ศึกษาคน้ คว้าจากขอ้ มูลจากอนิ เตอร์เน็ต 9. กจิ กรรมเสนอแนะ (ถา้ ม)ี ............................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................
30 แผนการจดั การเรียนรู้ สอนครงั้ ท่ี 5 จำนวน 3 ชม. ชือ่ วชิ า วทิ ยาศาสตร์เพื่อพฒั นาอาชีพชา่ งอตุ สาหกรรม รหสั วชิ า 20000-1302 หนว่ ยที่ 2 ช่อื หน่วย แรงและสมดุลของแรง 1. หวั ขอ้ การเรียนรู้ การหาผลรวมของแรง 2. สาระสำคัญ ถ้ามีแรงหลายแรงมากระทำต่อวัตถุการหาผลรวมของแรงบนระนาบ 2 มิติ สามารถหาได้ เชน่ เดยี วกับการรวมเวกเตอร์ คือ ตอ้ งรวมทง้ั ขนาดและทศิ ทาง 3. สมรรถนะประจำหน่วย 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกับการหาผลรวมของแรง 2. ปฏบิ ตั ิกิจกรรมการเรยี นรู้ท่ี 2.1 3. แสดงพฤติกรรมความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน ความสนใจใฝ่ หาความรู้ ความรักสามัคคีและความกตัญญูกตเวที เผื่อแผ่ แบ่งปัน ความมีมนุษยสัมพันธ์ รับฟัง ความคิดเห็นของผู้อื่น ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ความเชื่อมั่นใน ตนเองกล้าแสดงออก 4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 4.2 จดุ ประสงคท์ ่วั ไป 1. นกั เรียนมคี วามรู้และความเขา้ ใจการหาผลรวมของแรง 2. นกั เรยี นมที ักษะเกีย่ วกับกิจกรรมการทดลองการรหาผลรวมของแรง 3. นักเรียนมีเจตคติและกิจนิสัยที่ดีในการทำงาน มีคุณธรรม จริยธรรมและคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ 4.2 จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 1. คำนวณหาผลรวมของแรงบนระนาบ 2 มิติไดอ้ ยา่ งถูกต้อง 2. ปฏิบัติงานด้วยความละเอียดรอบคอบ ปลอดภัย เป็นระเบียบ สะอาด ตรงต่อเวลา มีความซอ่ื สัตย์ รักษาสภาพแวดล้อม 3. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ สังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรกั สามคั คี ความกตัญญกู ตเวที
31 5. กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ สัปดาหท์ ี่ 5 ช่วั โมงที่ 13-15 กจิ กรรมการเรยี นรู้ ช่ัวโมงท่ี 13 (รปู แบบ 7 ขั้นตอน ตามรูปแบบโมเดลซิปปา) 1. ขั้นการแสวงหาความรเู้ ดิม ครูแจง้ หัวข้อการเรยี นรู้ จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม แนวปฏบิ ตั ใิ นการเรียน และครูทบทวนความรเู้ ดมิ ของนกั เรียน โดยใช้คำถามต่อไปนี้กระตุน้ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นเกดิ ขอ้ สงสัยและตอ้ งการแสวงหาความรู้ 1) การรวมเวกเตอร์มวี ธิ ีการอย่างไรบ้าง (2 วธิ ี คือ การรวมเวกเตอรโ์ ดยการเขยี นรูป และการรวม เวกเตอรโ์ ดยการวิเคราะหเ์ วกเตอร์) 2) ครรู ว่ มสนทนากับนกั เรยี นใหน้ ักเรียนช่วยสรปุ หัวขอ้ เรอ่ื งตา่ งๆ เพ่ือนำคำตอบตา่ งๆ มาสรปุ เป็น เน้อื หาการหาผลรวมของแรง 2. ขั้นการแสวงหาความร้ใู หม่ (ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มๆ ละ 3-4 คน และให้นักเรียนแบ่งหน้าที่ กันภายในกลุ่ม ซึ่งประกอบด้วย ประธาน เลขานุการ ผู้อภิปรายและผู้ประสานงาน โดยแต่ละชั่วโมงจะมีการเปลี่ยนหน้าที่ภายในกลุ่มทกุ คร้ัง ซึง่ ครไู ดช้ ้แี จงทำความเข้าใจแลว้ ในชวั่ โมงเรียนท่ี 1) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาเนื้อหาโดยค้นคว้าจากชุดการสอนวิชา วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพ ช่างอุตสาหกรรม และร่วมกันคิดอภิปราย ในประเด็นคำถามเรื่อง การคูณเวกเตอร์ โดยใช้แหล่งความรู้จาก ใบความรู้เร่ือง การหาผลรวมของแรง ทีค่ รูเตรยี มไว้ให้ และหาคำตอบในกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ 2.3 3. ขัน้ การศึกษาทำความเขา้ ใจ ความร้ใู หม่และเช่ือมโยงความรูใ้ หมก่ ับความรู้เดิม ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มอภิปรายร่วมกัน และครูเป็นผู้สังเกตการณ์และคอยให้คำแนะนำ โดยใหป้ ระธานกลุ่มนำการอภิปราย ดงั นี้ 1) สมาชิกคนใดสงสยั อะไรบา้ ง เลขากลมุ่ จดบนั ทกึ ข้อสงสัย 2) ใครสามารถตอบขอ้ สงสยั ของเพอ่ื นได้ ใหช้ ่วยกนั ตอบ ส่วนข้อสงสยั ทีย่ ังไมไ่ ดค้ ำตอบใหเ้ กบ็ ไวก้ อ่ น 3) นักเรียนในกลุ่มร่วมกันอภิปรายเนื้อหาเพื่อทำความเข้าใจ และช่วยกันหาคำตอบจากกิจกรรม การเรียนรทู้ ี่ 1.3 ข้อใดท่ไี ม่แนใ่ จวา่ ถกู ต้อง ใหท้ ำเครื่องหมายไว้กอ่ น 4) นำรายการข้อสงสัยที่ยังไม่ได้รับคำตอบ และคำตอบที่ไม่แน่ใจว่าถูกต้องมาแบ่งกันระหว่าง สมาชกิ ในกลมุ่ ให้ช่วยกันไปศกึ ษาเพ่มิ เติม จากใบความรู้หรอื จากเพื่อน 5) สมาชิกกล่มุ ยืนยันคำตอบและขอ้ สงสยั ของกลุ่ม 6) สมาชิกเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิมเข้าด้วยกัน โดยใช้เทคนิคต่างๆ ของแต่ละคน เช่น การอธบิ าย การเขียนแผนภาพ ซึ่งขณะนน้ี ักเรยี นได้ความรใู้ หม่เพ่ิมเติม เสริมความร้เู ดมิ ทมี่ อี ยู่ 4. ขน้ั การแลกเปลยี่ นความรคู้ วามเข้าใจกบั กลมุ่ 1) ครูแบ่งหัวข้อให้แต่ละกลุ่มและนักเรียนที่เป็นตัวแทนกลุ่มนำเสนอขั้นตอนการหาคำตอบของ กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ี่ 2.3 จากการอภปิ รายภายในกลุ่มใหน้ กั เรยี นทง้ั ชนั้ ฟัง 2) ครูเปิดโอกาสให้นักเรยี นทย่ี ังสงสัย หรือไม่เขา้ ใจไดถ้ ามและร่วมกนั อภปิ รายในประเด็นคำถาม ของแตล่ ะกลุ่มพรอ้ มเฉลยคำตอบกจิ กรรมการเรียนร้ทู ี่ 2.3 จนได้ข้อมลู ท่ีถกู ตอ้ งในการใชศ้ กึ ษาต่อไป
32 5. ขั้นการสรปุ และจดั ระเบยี บความรู้ 5.1 ครูและนักเรยี นร่วมกันอภิปรายสรุปความรู้ทั้งหมด โดยครูใชค้ ำถามเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนได้ ลำดับความคดิ อยา่ งต่อเนอ่ื ง และจดั ระเบียบขององคค์ วามรู้ ในประเดน็ สำคัญของเรือ่ ง การหาผลรวมของแรง ดังนี้ 1) การหาผลรวมของแรงมีหลกั การอย่างไร (ใช้หลักการเดยี วกับการรวมเวกเตอร์ คือต้องรวมท้งั ขนาดและทศิ ทาง) 2) วตั ถุทถ่ี กู แรงกระทำหลายๆ แรง วัตถุจะเคลือ่ นทอ่ี ย่างไร (เคลอื่ นที่ตามแรงลัพธ์ หรอื ผลรวม ของแรง) 5.2 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาในส่วนที่ยังไม่ครบ หรือเพิ่มเติมให้ชัดเจน จากสื่อเพาเวอร์ พอยท์ โดยผสู้ อนคอยดแู ลใหค้ ำปรกึ ษาและถามนำให้นกั เรียนช่วยกันตอบ เป็นการกระตุ้นให้นักเรียนได้ศึกษา ตรงวัตถปุ ระสงค์ทต่ี ้องการและเปน็ การวดั ผลและประเมนิ จากการเรยี นรแู้ ละความสนใจของนกั เรียนท้งั ในด้าน ความร้แู ละดา้ นคุณธรรมจริยธรรมและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ไปดว้ ย 6. ข้นั แสดงผลงาน ครูให้นักเรียนสร้างสรรค์ผลงานจากการเรียนรู้ในครั้งนี้ ตามความเข้าใจของตนเอง ซึ่งครูจะให้ใบ มอบหมายงานโดยให้นักเรยี นแสดงความเขา้ ใจของตนเองออกในรูปผงั ความคิด ซึง่ ครจู ะใหน้ กั เรียนกลับไปคิด และปฏบิ ัตินอกเหนอื เวลาเรียนในชั้นเรยี นแลว้ นำส่งครูในวันถดั มา โดยสง่ งานทางออนไลน์ (ครูเขยี นคำชมเชย หรือความคิดเห็น ในทางบวกลงในผลงานของนักเรียนทุกคน และเลือกผลงานของนักเรียนที่อยู่ในเกณฑ์ดี มาแสดงไว้ที่บอร์ดในชั้นเรียน เป็นเวลา 1 สัปดาห์ นอกนั้น ส่งคืนแก่นักเรียนเพื่อให้แลกเปลี่ยนผลงานกันดู เพ่ือศึกษา และให้ได้แนวความคิดที่หลากหลาย ในขั้นนี้จะช่วยให้นักเรียนได้เข้าใจข้อความรู้ที่ตนสร้างขึ้นมา และไดถ้ า่ ยทอดใหผ้ ูอ้ ่ืนได้รับรู้ ซึง่ ชว่ ยใหน้ ักเรียนได้ตอกยำ้ และตรวจสอบความเข้าใจของตน ตลอดจนส่งเสริม ให้นักเรียนใช้ความคิดสร้างสรรค์ ในการสรุปองคค์ วามรู้ของตนเอง) 7. ขน้ั การประยุกต์ใช้ความรู้ 1) ครใู ห้นักเรยี นทำแบบฝกึ หดั ท้ายหนว่ ย ขอ้ 4 เปน็ การบา้ นและใหส้ ่งครูในตอนเชา้ ของวันถดั มา 2) ครูแนะนำใหน้ ักเรียนทีส่ นใจ ไปรับแบบฝึกหัดเพิ่มเติมจากครไู ด้ หลังชั่วโมงเรียน (ในส่วนนี้ ถ้านักเรยี น ทส่ี นใจ ทำมาแล้วครูจะพิจารณาใหว้ ่าถูกต้องหรือไม่ และทำความเขา้ ใจเป็นรายบุคคลนอกเหนือเวลาเรียน) 3) ครูแนะนำใหน้ กั เรียนไปศึกษาค้นควา้ เนอ้ื หาเพม่ิ เตมิ จากหอ้ งสมดุ ของวิทยาลยั 4) ครกู ลา่ วชมเชยนกั เรียน ทใ่ี หค้ วามร่วมมือในการเรียนในช้ันเรยี น กจิ กรรมการเรยี นรู้ ช่วั โมงที่ 14 กิจกรรมการทดลองท่ี 2.1 การรวมแรงทก่ี ระทำต่อวัตถุ (รปู แบบ 7 ขัน้ ตอน ตามรปู แบบโมเดลซิปปา) 1. ข้ันการแสวงหาความรู้เดิม ครูแจ้งจุดประสงคก์ ารทดลอง แนวปฏิบัติในการทดลอง และครูทบทวนความรูเ้ ดิมของนกั เรียน โดย ใช้คำถามตอ่ ไปนก้ี ระตุ้นเพอ่ื ใหน้ ักเรยี นเกดิ ขอ้ สงสัยและต้องการแสวงหาความรู้
33 1) การรวมแรงมีหลักการอย่างไรบา้ ง (ใช้หลักการรวมเวกเตอร์) 2) แรงที่กระทำต่อวัตถทุ ี่ตอ้ งวเิ คราะหม์ แี รงอะไรบา้ ง (นำ้ หนกั แรงดงึ วัตถใุ นมมุ ตา่ งๆ แรงปฏิกิริยา ระหวา่ งผวิ สมั ผสั แรงจากสปรงิ เปน็ ตน้ ) 3) ครรู ว่ มสนทนากบั นักเรยี นใหน้ ักเรยี นช่วยสรปุ หวั ขอ้ เรื่องต่างๆ เพื่อนำคำตอบตา่ งๆ มาสรุปเป็น เนื้อหาการหาผลรวมของแรง 2. ขั้นการแสวงหาความรูใ้ หม่ (ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มๆ ละ 3-4 คน และให้นักเรียนแบ่งหน้าที่ กันภายในกลุ่ม ซึ่งประกอบด้วย ประธาน เลขานุการ ผู้อภิปรายและผู้ประสานงาน โดยแต่ละชั่วโมงจะมีการเปลี่ยนหน้าที่ภายในกลุ่มทุกครั้ง ซึ่งครไู ดช้ แี้ จงทำความเข้าใจแลว้ ในชวั่ โมงเรยี นท่ี 1) ครูเตรียมวัสดุอุปกรณ์ไว้ให้แต่ละกลุ่ม ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาใบกิจกรรมการทดลองที่ 2.1 และรว่ มกนั คดิ อภิปราย ในประเด็นข้ันตอนการปฏบิ ตั ิกิจกรรม 3. ขนั้ การศกึ ษาทำความเขา้ ใจ ความรู้ใหมแ่ ละเชอื่ มโยงความรใู้ หม่กับความรเู้ ดมิ ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มวางแผนการทำกิจกรรมการทดลอง และทำการทดลองตามแผนที่ตั้งไว้ ในขณะที่นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมการทดลองครูคอยให้คำแนะนำและสังเกตพฤติกรรมการทำงานของนักเรียน เป็นระยะ ครูคอยกระตุ้นให้นักเรียนได้ศึกษาทำความเข้าใจกบั ปัญหาที่พบรวมทั้งครคู อยกระตุ้นใหน้ ักเรียนใช้ ทักษะและกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการปฏิบตั กิ ารทดลองและแกป้ ัญหาทเ่ี กดิ ข้นึ ในขณะปฏบิ ัติกิจกรรม การทดลอง ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิมเข้าด้วยกันในการปฏิบัติกิจกรรม การทดลองแล้วบันทึกผลการทดลองลงในตารางบนั ทกึ ผลกจิ กรรม 4. ขั้นการแลกเปลีย่ นความร้คู วามเข้าใจกบั กลมุ่ 1) ครูให้ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการทดลองของกิจกรรมการทดลองที่ 2.1 จาก การอภปิ รายภายในกลุ่ม 2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายซับถามเกี่ยวกับปัญหาและผลที่เกิดขึ้นจากการทำกิจกรรม การทดลองและร่วมกันอภิปรายในประเด็นคำถามของแตล่ ะกลุ่มพร้อมเฉลยคำตอบกิจกรรมการทดลองที่ 2.1 จนไดข้ ้อมลู ท่ถี กู ต้องในการใชศ้ กึ ษาต่อไป 5. ข้ันการสรุปและจัดระเบียบความรู้ 5.1 ครูและนักเรยี นร่วมกันอภิปรายสรุปความรู้ทั้งหมด โดยครูใช้คำถามเพื่อกระตุ้นให้นกั เรียนได้ ลำดบั ความคดิ อยา่ งต่อเนอ่ื ง และจดั ระเบียบขององค์ความรู้ ในประเดน็ สำคัญของเรื่อง การรวมแรง ดังนี้ 1) การรวมแรงที่กระทำกับวัตถุหลายๆ แรง มีหลักการอย่างไร (ใช้หลักการเดียวกับการรวม เวกเตอร์ เพราะแรงเป็นปริมาณเวกเตอร์) 2) การออกแรงกระทำกับวัตถุในทิศทางต่างกัน ผลรวมของแรงเท่ากันหรือไม่ เพราะอะไร (ไม่ เทา่ กันการรวมแรงตอ้ งคำนึงถงึ ทิศทางเชน่ เดียวกับการรวมเวกเตอร์) 5.2 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาในส่วนที่ยังไม่ครบ หรือเพิ่มเติมให้ชัดเจน โดยผู้สอนคอย ดูแลให้คำปรึกษาและถามนำให้นักเรียนช่วยกันตอบ เป็นการกระตุ้นให้นักเรียนได้ศึกษาตรงวัตถุประสงค์
34 ที่ต้องการและเป็นการวดั ผลและประเมนิ จากการเรียนรู้และความสนใจของนักเรยี นทัง้ ในดา้ นความรู้และดา้ น คณุ ธรรมจริยธรรมและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ไปดว้ ย 6. ข้ันการแสดงผลงาน ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมการทดลองและสรุปผลการ ทดลองหน้าชนั้ เรียน โดยครูคอยแนะนำและสรุปผลการทดลองหลงั จากตวั แทนทุกกลุ่มนำเสนอแล้ว 7. ข้ันการประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ 1) นักเรียนนำความรู้ท่จี ากการปฏิบตั ิกจิ กรรมการทดลองประยกุ ต์ทำคำถามท้ายกจิ กรรม 2) ครแู นะนำให้นกั เรยี นไปศึกษาคน้ คว้าเนื้อหาเพมิ่ เตมิ จากห้องสมดุ ของวิทยาลัย 3) ครูกล่าวชมเชยนกั เรียน ทีใ่ ห้ความรว่ มมือในการเรียนในช้นั เรยี น กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชั่วโมงท่ี 15 ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 จำนวน 15 ข้อ 6. สื่อการจัดการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพช่างอุตสาหกรรม หน่วยท่ี 2 แรงและ แรงเสียดทาน 2. ส่อื Power Point เรื่อง แรงและแรงเสยี ดทาน 7. การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. คะแนนจากพฤตกิ รรมการเรยี นรู้รายบคุ คล 2. คะแนนจากพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม 3. คะแนนแบบจากการทำกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี 2.3 4. คะแนนจากแบบสงั เกตพฤตกิ รรมระหวา่ งการปฏิบตั ิงาน 5. คะแนนจากการสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะ อนั พงึ ประสงค์ 8. แหลง่ การเรียนรู้เพ่มิ เตมิ 1. ศกึ ษาคน้ ควา้ ในหอ้ งสมดุ 2. ศกึ ษาค้นควา้ จากข้อมูลจากอนิ เตอรเ์ น็ต 9. กจิ กรรมเสนอแนะ (ถา้ มี) ............................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: