Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สะท้อนความรู้ การจัดการบริหารสุขภาพ

สะท้อนความรู้ การจัดการบริหารสุขภาพ

Published by Guset User, 2022-04-29 13:42:14

Description: สะท้อนความรู้ (1)

Search

Read the Text Version

สะท้อนความรู้ การจัดการบริหารสุขภาพ Health Management 9000410

สุขภาพและระบบสุขภาพ

ความหมายของสุขภาพและระบบสุขภาพ ความหมายของสุขภาพ สุขภาพ หมายถึง สุขภาวะที่สมบูรณ์ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และสังคมประกอบกัน ไม่ใช่แต่เพียงการปราศจากโรคภัย ไข้เจ็บ หรือ ความพิการเท่านั้ น ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษที่ว่า Health is a state of complete physical, mental and social well-being and not merelythe absence of disease or infirmity

การจะมีภาวะสุขภาพที่พึงปรารถนานั้ น บุคคลจะต้องมีแนวคิด เกี่ยวกับสุขภาพ   ที่ถูกต้อง และเป็ นระบบการที่จะมีสุขภาพที่ดีได้นั้ น จะ ต้องมีสุขภาวะทางร่างกาย (Physical health) สุขภาวะทางสังคม (Socialhealth) สุขภาวะทางจิตใจ (Mental health) สุขภาวะทางอารมณ์ (Emotional health)สุขภาวะทางสิ่ งแวดล้อม (Environmental health) และ สุขภาวะทางจิตวิญญาณ (Spiritual health)ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน โดยที่บุคคลที่จะมีสุขภาพดีได้นั้ น จะต้องมีปั จจัยทางสุขภาวะเหล่านี้ ดี ปั จจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อสุขภาพ ซึ่งเป็ นปั จจัยที่ร่วมกันกำหนดสภาวะ สุขภาพของแต่ละบุคคลและมีอิทธิพลสำคัญคือ พฤติกรรมสุขภาพ (Health behavior) สภาพแวดล้อมทางกายภาพ (Physicaenvironment) พันธุกรรม (Heredity) และการบริการสุขภาพ (Health care service)การที่บุคคลจะมี สุขภาพดีได้นั้ น มิได้ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบใด หรือปั จจัยใดปั จจัยหนึ่ ง เพียงอย่างเดียวแต่เป็ นผลรวมจากปั จจัยหลาย ๆ ด้านเหล่านี้ ร่วมกัน

สุขภาวะทางร่างกาย หมายถึง คุณลักษณะของร่างกายที่ เกี่ยวข้องกับขนาด รู ปร่าง ของร่างกาย หน้ าที่ในการทำงานของอวัยวะ ต่าง ๆ ของร่างกายที่ทำงานสัมพันธ์กัน การที่บุคคลมีสุขภาวะทาง ร่างกายดี คือ การที่ระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายสามารถทำงาน สัมพันธ์กันได้เป็ นอย่างดี มีพัฒนาการที่เหมาะสมตามเพศ วัย มี สมรรถภาพทางกายที่ดี สามารถประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำ วันได้อย่างปกติ

สุขภาวะทางจิตใจ หมายถึง ความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาการจาก ประสบการณ์และความสามารถทางปั ญญาที่มีอยู่ในตัวตนของแต่ละบุคคลซึ่ง มีผลต่อการตอบสนองทางความคิดของบุคคลนั้ น การตอบสนองทางความคิด ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อ (Beliefs) ทัศนคติ (Attitudes) และค่านิ ยม (Values) ต่อสิ่ งต่าง ๆ เช่นวิถีการดำเนิ นชีวิต ครอบครัว ความสัมพันธ์ของ สังคม เป็ นต้น บุคคลใด  ที่มีสุขภาพทางจิตใจที่ดีจะเป็ นผู้ที่มักจะคิดต่อสิ่ งใด สิ่ งหนึ่ งในทางที่ดีหรือในทางบวกกับสิ่ งที่เกิดขึ้นกับตนเองเสมอ ซึ่ง ภาษา อังกฤษตรงกับคำว่า Positive thinking หมายถึง การคิดทางบวก หรือการคิด ในทางที่ดี

สุขภาวะทางอารมณ์ จะมุ่งเน้ นถึงความรู้สึก (Feeling) ของ บุคคลที่มีต่อสิ่ งใด   สิ่ งหนึ่ งทั้งนี้ จะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละ บุคคลเป็ นสำคัญ และตาสถานการณ์ที่เป็ นอยู่ด้วย เช่นการมีอารมณ์ หรือความรู้สึกเกี่ยวกับ ความรัก (Loving) ความชอบ (Caring) ความ เกลียดชังหรือรังเกลียด(Hating) ความรู้สึกเจ็บปวด (hurt) ความรู้สึก หมดหวังหรือความผิดหวัง (Despairs) ความรู้สึกที่ปลดปล่อย(Release) สนุก (Joy) ความวิตกกังวล (Anxiety) ความรู้สึกกลัว (Fear) ความ ขัดข้องใจ(Frustration)ความโกรธอย่างรุ นแรง (Intense anger)

สุขภาวะทางสังคม หมายถึง ความสามารถของแต่ละบุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง ปฏิสัมพันธ์กับสิ่ งต่าง ๆและสามารถปรับตัวกับสถานการณ์ทางสังคมและ พฤติกรรมประจำวันที่เกิดขึ้นได้ การที่บุคคลจะมีสุขภาวะทางสังคมที่ดีนั้ นจะมี ความเกี่ยวข้องกับการได้รับการสนั บสนุนทางสังคม (Social supports) ในที่นี้ โดยเฉพาะการได้รับสนั บสนุนจากครอบครัวเป็ นพื้นฐานที่สำคัญ นอกจากนี้ ยัง เกี่ยวข้องกับข้อผูกมัดทางสังคม (Social bonds) ซึ่งจะมาจากองค์ประกอบหลัก 6 ประการ คือ ความคุ้นเคยหรือความสนิ ทสนม (Intimacy) การปรับตัวกับ สภาพแวดล้อม (Integration) มีการให้หรือการรับอย่างเหมาะสม (Giving or receiving nurturance) มีการให้ความช่วยเหลือและแนะนำ(Assistance and Guidance) มีการให้คำปรึกษา (Advice) มีความมั่นใจที่ดีกับ   สิ่ งที่มีคุณค่าสิ่ ง ใดสิ่ งหนึ่ ง(Reassurance of one’s worth)

สุขภาวะทางจิตวิญญาณ หมายถึง สภาวะของบุคคลที่สามารถรู้จักตัวตน ของตนเอง ไม่มีความเห็นแก่ตัวมีความรู้สึก ความเข้าใจในการดำรงอยู่หรือมี ความเข้าใจความรู้สึกเป้ าหมายในชีวิตที่แท้จริงมากกว่าความรู้สึกความเข้าใจ ส่วนบุคคลเช่น การให้ของหรือช่วยเหลือผู้อื่น การเสียสละ แล้วเกิดความสุข การรู้จักบาปบุญคุณโทษ            สิ่ งเหล่านี้ เป็ นมิติทางนามธรรมที่เรียกว่าจิตวิญญาณ ซึ่งถือว่าเป็ นจุดมุ่งหมายสูงสุดของการพัฒนามนุษย์

ระบบสุ ขภาพ ระบบสุขภาพ คือ ระบบความสัมพันธ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ซึ่งประกอบไปด้วยองค์กร ผู้คนและการกระทำร่วมกันโดยมีเจตนาในการส่ง เสริมฟื้ นฟูการทำงานของร่างกาย ป้ องกันโรค และรักษาสุขภาพเพื่อผลใน เชิงบวกต่อสุขภาพของประชาชนในแต่ละระดับ ไม่ว่าจะเป็ นในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชนหรือระดับประเทศ ขึ้นอยู่กับการกำหนดขอบเขตของระบบ สุขภาพนั้ นๆช่วยให้ประชาชนมีสุขภาพดีทั้งทางสุขภาพร่างกายและสุขภาพ จิตใจ ป้ องกันอันตรายจากโรคภัยต่างๆ

บุคลิกภาพ

บุคลิกภาพ บุคลิกภาพ หมายถึง ลักษณะโดยส่วนรวมของบุคคล ซึ่งประกอบด้วย ลักษณะ ภายนอก ได้แก่รู ปร่าง หน้ าตา กิริยา ท่าทางและลักษณะภายใน ได้แก่ นิ สัย ใจคอ ความคิด ความเชื่อ ทัศนคติ ค่านิ ยม อารมณ์ ซึ่งเป็ นตัวกำหนดรู ปแบบของพฤติกรรม แสดงออกจนกลายเป็ นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีผลทำให้เป็ นคุณลักษณะ เอกลักษณ์ของ แต่ละบุคคล ซึ่งแสดงต่อสิ่ งแวดล้อมที่ตนกำลังเผชิญอยู่แตกต่างกัน บุคลิกภาพมีความ สำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ในสังคม ปั จจุบันมากจากประเด็นต่อไปนี้ ๑. ด้านกายภาพ ๒. ด้านสมอง ๓. ด้านความสามารถ ๔. ด้านความประพฤติ ๕. ด้านสังคม ๖. ด้านอารมณ์

การพัฒนาบุคลิกภาพ หมายถึง การปรับปรุ งลักษณะทางกาย อารมณ์ สังคมและทางสติปั ญญาให้ดี ขึ้น เหมาะสมกว่าเดิม ทำให้สามารถดำเนิ นกิจกรรมต่าง ๆได้อย่างมี ประสิทธิภาพขึ้น เพื่อประโยชน์ ต่อตนเองและผู้อื่น แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลิกภาพ ๑. ไม่มีใครมีบุคลิกภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุด ๒. ไม่มีใครมีบุคลิกภาพที่เหมือนกันทุกประการ ๓. บุคลิกภาพเป็ นสิ่ งที่สามารถปรับปรุ ง แก้ไขได้ ๔. บุคลิกภาพที่ดีเป็ นพื้นฐานของความส าเร็จ

ลักษณะบุคคลที่มีบุคลิกภาพดี 1.สุ ขภาพแข็งแรง 2.Positive thinking 3.ลักษณะสง่างาม มีเสน่ ห์ 4.อดทน 5.มีเหตุผล ฉลาด 6.สุ ภาพเรียบร้อย 7.ซื่ อสั ตย์ 8.เสี ยสละ 9.เชื่ อมั่นในตนเอง 10.กระตือรือร้น

ลักษณะบุคคลที่มีบุคลิกภาพไม่ดี 1.สุ ขภาพไม่แข็งแรง 2.ไม่มีมนุ ษยสั มพันธ์ 3.Negative thinking 4.ไม่ยอมรับความจริง 5.มีลักษณะตรงข้ามกับผู้มีบุคลิกภาพดี

ความเครียดและการจัดการ ความเครียด

ความเครียดคืออะไร? ความเครียดเป็นการตอบสนองโดยปกติต่อการถูก กระตุ้นด้านอารมณ์ หรือด้านร่างกายก่อให้เกิดผลกระ ทบต่อภาวะสมดุลในบุคคลนั้ น

สั ญญาณทั่ วไปของความเครียด ร่างกาย ปวดท้อง เหนื่ อยล้า นอนไม่หลับ เบื่อหรืออยากอาหาร ผิดปกติ จิตใจ ขาดสมาธิ หลงวันเวลา อารมณ์ วิตกกังวล ซึมเศร้า โกรธง่าย การรับรู้ตนเอง สิ้นหวัง ชีวิตไม่มีจุดหมาย ไร้คุณค่า พฤติกรรม ดื่มแอลกอฮอล์ พึ่งพายาเสพติด ขาดความยับยั้งชั่งใจ ความสัมพันธ์ เก็บตัว แย่งกับผู้อื่นง่าย

ชนิ ดของความเครียด ความเครียดประจำวัน ความเครียดพื้นฐานที่มักพบเจอ กระตุ้น ทำให้ตื่นตัว ความเครียดสะสม เกิดขึ้นเมื่อความเครียดคงอยู่นาน แทรกแซงการดำเนิ นชีวิตปกติ ความเครียดรุ นแรงหรือความเครียดวิกฤต ไม่สามารถรับมือกับ เหตุการณ์วิกฤตได้บางครั้งเกิดอาการโช๊คไม่สามารถจำ เหตุการณ์นั้ นได้ปฏิกิริยามักเกิดขึ้น 24 ถึง 48 ชั่วโมงและหาย ไป 6-8 สัปดาห์

การช่วยเหลือผู้ที่มีความเครียด 1.ดูแลเบื้องต้นด้านร่างกาย 2.เอาใจใส่ ใกล้ชิ ด 3.ให้ความสะดวกสบายและความมั่นใจ 4.ให้ข้อมูลข่าวสารที่ต้องการและสำคัญ 5.ช่วยเหลือให้เข้าการร่วมกิจกรรมที่สร้างสรรค์ 6.ส่ งต่อไปรับการรักษาผู้เชี่ ยวชาญ

นั นทนาการ

“นั นทนาการ” ความหมายของนั นทนาการเป็ นคำใหม่ที่บัญญัติขึ้นใช้แทนคำ “สันทนาการ”สำหรับคำภาษาอังกฤษคือ \"Recreation\" ซึ่งมาจากคำ \" Create\"แปล วา่ สร้างขึ้นหรือทำขึ้น เติมคา “Re” เป็ น“Recreate” แปลวา่ สร้างขึ้นมาใหม่หรือ ทา ข้ึนใหม่ เมื่อเป็ น “Recreation” กใ็หค้วามหมายวา่ “การสร้างข้ึนมาใหม่” ซ่ึง หมายความวา่ คนเราเมื่อประกอบภารกิจประจา วนั กจ็ะเกิดความเครียด ความ อ่อนเพลียเหนื่ อยง่ายเมื่อยล้า ฉบัราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ไดใ้หค้วามหมาย ของคำว่า“นั นทนาการ”ไวว่า “กิจกรรมที่ทำตามสมคัรใจในยามว่างเพื่อให้เกิดความ สนุกสนานเพลิดเพลินและผ่อนคลายความตึงเครียด”ลกัษณะของกิจกรรม นั นทนาการ

กิจกรรมนั นทนาการจะต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้ 1. เป็ นกิจกรรม (Activity) กล่าวคือเป็ นการกระทา ด้วยการเคลื่อนไหวของอ วยัวะต่าง ๆ ของร่างกายหรือเปลี่ยนแปลงอิริยาบถที่มีปฏิกิริยาต่อสิ่ งแวดล้อม เช่น การวิ่งออกกำลังกาย การเดินออกกำลังกายการเล่นกีฬา ดูโทรทัศน์ ฟั ง วิทยุฯลฯไม่หมายถึงการนอนหลับ แต่ต้องเป็ นการเคลื่อนไหวและมีผลต่อการ เรียนรู้และประสบการณ์ของชีวิตของคนเราด้วย 2. กระทำในเวลาว่าง (Leisure time) ลกัษณะของกิจกรรมนั นทนาการบุคคลตอ้ง เข้าร่วมในเวลาว่างเท่านั้ เวลาว่าง หมายถึง เวลาที่บุคคลเป็ นอิสระจากการหา เลี้ยงชีพ และเป็ นเวลาที่เหลือจากการนอนและการประกอบกิจวตัรประจา วนั เช่น อาบน้ า แปรงฟั น แต่งตวัเป็ นต้น 3. ความสมัครใจ (Voluntary) เป็ นการเขา้ร่วมกิจกรรมนั้ น ๆ ต้องเป็ นไปโดย ความสมัครใจการ

4. ความสนุกสนานและความสมัครใจ (Satisfaction) กิจกรรมนั้ นต้องก่อใหเ้กิด ความพึงพอใจเพลิดเพลินสนุกสนานในทันทีและเกิดความพอใจท้งัปั จจุบันและ อนาคต 5. การสร้างสรรค์ (Constructive) กิจกรรมนั้ นจะตอ้งมีคุณค่าและประโยชน์ ต่อ ตนเองและสังคมโดยส่วนรวม รวมท้งัไม่เป็ นอบายมุขหรือเหตุแห่งความเสื่ อม เสี ยทั้งหลาย 6.ไม่เป็ นกิจกรรมสา หรับเล้ียงชีพหรือเป็ นอาชีพ (Non - resurvival) เช่น การ เล่นกีฬาเพื่อความ สนุกสนาน และเป็ นการออกกาลังกายโดยไม่ตอ้งการเงิน ตอบแทนถือเป็ นกิจกรรมนนั นทนาการ

ธรรมชาติของ การเกิดโรค

องค์ความรู้เกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรน่ า (Coronaviruses) 1. เชื้อก่อโรค : เชื้อไวรัสโคโรน่ า (CoVs) เป็ นไวรัสชนิ ดอาร์เอ็นเอสายเดี่ยว (single stranded RNA virus) ใน Family Coronaviridae มีรายงานการพบเชื้อมาตั้งแต่ช่วง ปี ค.ศ. 1965 โดยสามารถติดเชื้อได้ทั้งในคนและสัตว์เช่น หนูไก่ วัว ควาย สุนั ข แมว กระต่าย และสุกร ประกอบด้วยชนิ ดย่อยหลายชนิ ดและทําให้มีอาการแสดงในระบบ ต่างๆเช่น ระบบทางเดินหายใจ (รวมถึงโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุ นแรง หรือ ซาร์ส; SARSCoV) ระบบทางเดินอาหาร ระบบประสาท หรือระบบอื่นๆ

2. ระบาดวิทยาของเชื้อ : เชื้อไวรัสโคโรน่ า (CoVs) พบได้ทั่วโลก โดยใน เขตอบอุ่น (temperate climates) มักพบเชื้อโคโรนาไวรัสในช่วงฤดูหนาวและฤดู ใบไม้ผลิการติดเชื้อโคโรนาไวรัสอาจทําให้เกิดอาการในระบบทางเดินหายใจ ส่วนบนได้ถึงร้อยละ 35 และสัดส่วนของโรคไข้หวัดที่เกิดจากเชื้อโคโรนาไวรัส อาจสูงถึงร้อยละ 15อาจ การติดเชื้อพบได้ในทุกลุ่มอายุแต่พบมากในเด็ก อาจพบ มีการติดเชื้อซ้ําได้เนื่ องจากระดับภูมิคุ้มกันจะลดลงอย่างรวดเร็วภายหลังการติด เชื้อ สําหรับการติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันรุ นแรง หรือซาร์ส (SARS CoV) พบการระบาดปี พ.ศ. 2546 โดยพบเริ่มจากประเทศจีนแล้วแพร่กระจายไปทั่วโลก พบรายงานผู้ป่ วยโรคซาร์สทั้งสิ้นมากกว่า 8, 000 ราย และเสียชีวิตมากกว่า 750 ราย

3. ลักษณะโรค : - การติดเชื้อไวรัสโคโรน่ าในระบบทางเดินหายใจ (Respiratory Coronaviruses) อาจทําให้เกิดอาการไข้อ่อนเพลีย ปวดศี รษะ มีน้ํ ามูก เจ็บคอ ไอ โดยในทารกที่มี อาการรุ นแรง อาจมีลักษณะของปอดอักเสบ (Pneumonia) หรือ หลอดลมฝอย อักเสบ (Bronchiolitis) ในเด็กโตอาจมีอาการของหอบหืด(Asthma) ส่วนในผู้ใหญ่ อาจพบลักษณะปอดอักเสบ (Pneumonia) หลอดลมอักเสบเรื้อรัง (Chronicbronchitis) หรือการกลับเป็ นซ้ําของโรคหอบหืดได้และอาจทําให้เกิด อาการรุ นแรงได้มากในผู้สูงอายุหรือผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยพบการติดเชื้อแบบ ไม่แสดงอาการได้ในทุกอายุและหากแสดงอาการมักพบร่วมกับการติดเชื้อใน ระบบทางเดินหายใจอื่นๆ เช่น Rhinovirus, Adenovirus หรือเชื้ออื่นๆ

- การติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันรุ นแรง หรือซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome;SAR CoV) จะพบมีอาการไข้ปวดศี รษะ อ่อนเพลีย หรือ อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่แล้วมีอาการไอ และหอบเหนื่ อยอย่างรวดเร็ว ซึ่งอัตรา ตายจะสูงขึ้นในผู้ป่ วยสูงอายุ หรือมีโรคประจําตัว - การติดเชื้อโคโรน่ าไวรัสในระบบทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Coronaviruses) มักพบบ่อยในเด็ก แรกเกิด และทารกอายุน้ อยกว่า 1 ปี หรืออาจพบในผู้ใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยพบเชื้อได้แม้ผู้ป่ วย ไม่แสดงอาการ และไม่มีฤดูกาลการเกิดโรคที่แน่ นอน 4. ระยะฟั กตัวของโรค : โดยเฉลี่ยประมาณ 2 วัน (อาจมีระยะฟั กตัวนานถึง 3 – 4 วัน) สําหรับโรคซาร์สอาจ ใช้ระยะฟั กตัว 4 – 7 วัน (อาจนานถงึ 10 – 14 วัน)

5. วิธีการแพร่โรค : แพร่กระจายเชื้อจากการสัมผัส (Contact) กับสารคัดหลั่ง จากทางเดินหายใจ หรือแพร่กระจายเชื้อจากฝอยละอองน้ํ ามูก น้ํ าลาย (Droplet) จากผู้ป่ วยที่มีเชื้อโดยการ ไอ หรือจาม 6. การป้ องกัน : - ออกกําลังกายสน่ํ าเสมอและพักผ่อนให้เพียงพอ - รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และครบ 5 หมู่ - ไม่คลุกคลีใกลช้ิดกับผู้ป่ วย - แนะนํ าใหผ้ ้ปู ่ วยใส่หน้ ากากอนามัย ปิ ดปากปิ ดจมูกเวลา ไอ หรือจาม - ควรล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ํ าและสบู่ โดยเฉพาะเมื่อสมผั สั กับสารคัดหลั่งจากผู้ ป่ วย ก่อนรับประทาน อาหาร และหลังขับถ่าย - ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่แออัด หรือที่ชุมชนสาธารณะทมี่ คี นอยู่เป็ น จํานวนมาก เพื่อลดความ เสี่ ยงในการตดโรค

การออกกำลังกาย

การออกกำลังกาย สามารถสรุ ปได้ว่าการออกกำลังกาย  หมายถึง  การใช้แรงของกล้ามเนื้ อ เพื่อให้ร่างกายได้เคลื่อนไหว  โดยการหด-ยืด   กล้ามเนื้ อ  ซึ่งผลที่ได้รับ จะทำให้ระบบหายใจ  ระบบไหลเวียนโลหิต  กล้ามเนื้ อและกระดูก  ถูก กระตุ้นให้ ทำกิจกรรมมากขึ้น  ทำให้ ร่างกายมีความแข็งแรงซึ่ งมีผลต่อ สุ ขภาพกายและสุ ขภาพจิตดี ขึ้น

3.2  ประเภทของการออกกำลังกาย             การออกกำลังกายที่ ทำให้ สุ ขภาพร่างกายสมบู รณ์ แข็งแรงสามารถแบ่งได้ หลาย ประเภทขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่งประเภท  ดังนี้             3.2.1  แบ่งตามจุดมุ่งหมาย  คือ 1. การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ 2. การออกกำลังกายเพื่อเล่นกีฬา 3. การออกกำลังกายเพื่อรักษาทรวดทรงและสัดส่วน 4. การออกกำลังกายเพื่อแก้ไขความพิการ 5. การออกกำลังกายเพื่อความสนุกสนานเป็ นกิจกรรมนั นทนาการ

3.2.2  แบ่งตามวัย  คือ                     1.  การออกกำลังกายสำหรับทารก  (แรกเกิด - 3 ปี ) 2.  การออกกำลังกายสำหรับวัยเด็กเล็ก  (4 ปี  –6 ปี )                        3.  การออกกำลังกายสำหรับวัยเข้าเรียน  (7  ปี  – 11 ปี ) 4.  การออกกำลังกายสำหรับวัยรุ่น  (12 ปี –18 ปี )                     5.  การออกกำลังกายสำหรับวัยหนุ่ มสาว  (19 ปี  –25 ปี )                       6.  การออกกำลังกายสำหรับวัยผู้ใหญ่  (26 ปี  –54 ปี )                       7.  การออกกำลังกายสำหรับวัยสูงอายุ (55 ปี ขึ้นไป)  

3.2.3  แบ่งตามอุปกรณ์ คือ                     1.  การออกกำลังกายมือเปล่า เป็ นการออกกำลังกายโดยใช้การเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างมีระเบียบ  ระบบ  อาจ ใช้จังหวะ น  หรือหายใจประกอบกิจกรรมการบริหารร่างกายด้วยมือเปล่า  เช่น  กาย บริหาร  โยคะ                      2.  การออกกำลังกายใช้อุปกรณ์    เป็ นการออกกำลังกายที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยในการออกกำลังกาย เพื่อทำให้กิจกรรมออกกำลังกายสนุกสนาน เร้าความสนใจ  ช่วยให้มีรู ปแบบการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น  เช่น  ดนตรี  อุปกรณ์ กีฬา  ลูกบอล  ไ ม้  เชือก  เป็ นต้น

3.3  ปั จจัยที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกาย 1.อายุ 2.เพศ 3.ความเจ็บป่ วย 4.เวลา-ดินฟ้ าอากาศ 5.ด้านจิตใจ 6. ไม่ควรเล่นหรือออกกำลังกายหลังรับประทานอาหารทันที ควรออกกำลังกายหลังรับประทานอาหารอย่างน้ อย 3-4 ชั่วโมง เพราะอาจจะทำให้อึดอัด จุกเสียด ปวดท้องหรืออาเจียนได้ 7. ในอากาศร้อน ร่างกายจำเป็ นต้องได้รับการชดเชยน้ำเพื่อช 8. การออกกำลังกายแบ่งออกเป็ น 3 ขั้นตอน จะขาด ขั้นตอนใดตอนหนึ่ งไม่ได้ คือ - ขั้นอบอุ่นร่างกาย (warm up) - ขั้นปฏิบัติ (exercise) - ขั้นผ่อนคลาย (cool down) เป็ นการฝึ กบริหาร

สมาชิก นางสาวชิตชนก โกยรัมย์ รหัสนั กศึ กษา 6311116005 นางสาวพัชราภรณ์ รัตนพันธ์ รหัสนั กศึ กษา 6311116027


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook