การประเมินสญั ญาณชพี พว.ไกรศร จันทร์นฤมิตร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีสวรรค์ประชารักษ์ นครสวรรค์
ความหมายของสัญญาณชพี• แสดงให้ทราบถงึ การมชี ีวติ• อวยั วะของรา่ งกายท่ีสาคญั มากตอ่ ชวี ิต ได้แก่ หวั ใจ ปอด สมอง รวมถึงการทางานของระบบไหลเวยี นเลือด และระบบ หายใจ
ตรวจพบไดจ้ าก• อุณหภมู ิ ชพี จร การหายใจ และความดนั โลหติ
วตั ถุประสงค์1.เพอ่ื ประเมินระดบั อณุ หภูมิของรา่ งกายอัตราการเต้น ลักษณะชพี จร การหายใจ และความดนั โลหิต2.เพือ่ สังเกตอาการทั่วไปของผู้ป่วย และเปน็ การ ประเมินสภาพผ้ปู ว่ ยเบือ้ งตน้
องค์ประกอบของสัญญาณชพี• อุณหภมู ิ (temperature : T )• ชพี จร (pulse : P )• การหายใจ (respiration : R )• ความดนั โลหิต (blood pressure : BP )
อุณหภูมิ (Temperature)• ระดับความรอ้ นของรา่ งกาย• อุณหภูมใิ นรา่ งกายของมนุษย์ จะคงท่จี ะไม่คอ่ ยเปลย่ี นแปลง มากนกั
ชนิดของอุณหภูมิ• อณุ หภูมแิ กน คืออุณหภมู ิบริเวณอวยั วะภายในรา่ งกายท้งั หมด• วัดอณุ หภมู แิ กนได้ทางทวารหนกั และทางปาก• มีอุณหภูมิกายคอ่ นขา้ งคงท่ี
ชนดิ ของอณุ หภูมิ• อณุ หภมู เิ ปลือก คอื อุณหภูมบิ รเิ วณทเี่ ป็นกลา้ มเนื้อและผิวหนงั• สามารถวดั ไดท้ างรักแร้• เปลยี่ นแปลงไปตามอุณหภมู ิภายนอก
ชนิดของอุณหภมู ิ• รา่ งกายปกติจะมีอณุ หภูมกิ ายประมาณ 36.4-37.4 C• ภาวะอุณหภมู กิ ายตา่ คอื ภาวะที่อุณหภูมริ ่างกายต่ากว่า 36 C• ถ้าสูงเกิน 37.5 C เรียกว่า ไข้
ระดบั ของไข้• 37.5 – 38.3 C = ไขต้ ่า• 38.4 – 39.4 C = ไข้ปานกลาง• 39.5 – 40.5 C = ไข้สูง• สงู กว่า 40.5 C ขึ้นไป = ไข้สงู มาก
การวัดอุณหภมู ิ• จุดประสงค์ เพอ่ื ตรวจสอบอณุ หภมู ิของรา่ งกาย• วดั อุณหภมู ิของร่างกายได้ 4 ทาง
การวัดอณุ หภมู ิ• การวัดอุณหภูมิทางปาก เป็นวิธที ่ีนยิ มกนั มาก• การวดั อุณหภูมทิ างรักแร้ การวดั วธิ ีน้ใี ช้ในผู้ป่วยท่หี มดสตไิ ม่ รู้สึกตวั
การวดั อุณหภมู ิ• การวดั อณุ หภมู ทิ างทวารหนกั ใช้วัดในเดก็ เลก็ ทไี่ มส่ ามารถอม ปรอทได้ (เด็กอายนุ อ้ ยกว่า 3 ป)ี หรอื ผปู้ ว่ ยที่ไมร่ ู้สกึ ตวั• การวดั โดยการใชเ้ ทอร์โมมเิ ตอร์แบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (งา่ ยและแมน่ ยา)
ปรอท
ชีพจร (Pulse)• เป็นการหดและขยายตวั ของผนงั หลอดเลอื ด นยิ ม คลาทีต่ าแหนง่ เสน้ เลือดแดงมากกวา่ ดา• โดยมากเรยี กชือ่ ชพี จรตามตาแหน่งของหลอด เลือดทจ่ี ับได้
ตาแหนง่ ของชพี จร
การวัดชพี จร• จุดประสงค์ เพอื่ ตรวจสอบ จังหวะเต้นของหัวใจ ดูการ ทางานของหัวใจ• สามารถตรวจวัดได้ดว้ ยการคลา
ขน้ั ตอนในการปฏิบตั ิ• 1. ใชป้ ลายนิว้ ช้ี นิ้วกลาง นิ้วนาง วางแตะลงบนตาแหน่งเสน้ เลือดแดงท่ีข้อมอื ด้านนอก• 2. นบั การเต้นของชีพจรให้เตม็ 1 นาที• 3. การนบั อตั ราการเต้นของหัวใจ ในเดก็ อาจตอ้ งใช้วิธีฟงั อัตราการเต้นของหวั ใจ แทนการคลาชีพจร
ส่งิ ทีต่ อ้ งสงั เกตขณะคลาชพี จร• 1. อตั ราความเร็วของชีพจร• 2. ความแรงของชีพจร• 3. จงั หวะ
อัตราการเต้นปกตขิ องชพี จรอยใู่ นชว่ งทารกแรกเกดิ ถึง 1 เดอื น ประมาณ 120-160 ครง้ั ต่อนาที1 – 12 เดือน ประมาณ 80 -140 ครัง้ ต่อนาที1 – 2 ปี ประมาณ 80 -130 ครงั้ ต่อนาที2 – 6 ปี ประมาณ 75 - 120 ครั้งตอ่ นาที6 - 12 ปี ประมาณ 75 - 110 ครงั้ ตอ่ นาทีวัยร่นุ - วัยผู้ใหญ่ ประมาณ 60 - 100 คร้งั ต่อนาที
การหายใจ (Respiration)• การนาเอาออกซเิ จนเขา้ ส่รู ่างกาย และนา คารบ์ อนไดออกไซดอ์ อกจากรา่ งกาย ระหวา่ งปอดกับอากาศภายนอก• การสูดเอาอากาศเขา้ ไปในถุงลมของปอด เรยี กว่า การหายใจเขา้• การไล่อากาศออกจากปอด เรียกว่า การ หายใจออก
การนับการหายใจ• จุดประสงค์• เพื่อตรวจสอบการทางานของปอดและทางเดนิ ของลมหายใจ
ขัน้ ตอนในการปฏบิ ัติ1. ควรนบั ตอ่ จากการคลาชพี จรโดยไม่ต้องบอกใหผ้ ปู้ ว่ ยทราบ2. จับข้อมือผู้ปว่ ยในลกั ษณะเหมอื นการคลาชพี จร3. นบั การหายใจเข้าและออก โดยดูจากการขยายและหดตวั ของ ทรวงอก 1 รอบ เปน็ การหายใจ 1 ครั้ง นับเต็ม 1 นาที4. บนั ทกึ จานวนครั้งต่อนาที พร้อมทัง้ บันทกึ ความผดิ ปกตขิ องการ หายใจทส่ี ังเกตพบ
ส่งิ ทีต่ อ้ งสงั เกต• 1. อัตราเรว็ ของการหายใจ 18-20 (คร้งั /นาท)ี• 2. ความลกึ ของการหายใจ ใหส้ ังเกตความเคลื่อนไหวของทรวงอก• 3. จงั หวะการหายใจ การหายใจปกตจิ งั หวะการหายใจเขา้ และหายใจ ออกจะเทา่ กัน• 4. ลกั ษณะการหายใจ ไม่ใชแ้ รงมาก ไม่มเี สียงดงั ไม่เจบ็ ปวด
อตั ราการหายใจที่ปกตอิ ยูใ่ นชว่ งทารกแรกเกดิ ประมาณ 35-40 ครง้ั ตอ่ นาทีทารก (6 เดอื น) ประมาณ 30-50 ครงั้ ตอ่ นาที2 ปี ประมาณ 25-32 คร้ังต่อนาทีเด็ก ประมาณ 20-30 ครัง้ ต่อนาทีวัยรุน่ ประมาณ 16-19 คร้งั ตอ่ นาทีผใู้ หญ่ ประมาณ 16-20 ครง้ั ตอ่ นาที
ความดนั โลหิต (Blood pressure)• เปน็ แรงดันของเลอื ดทีไ่ ป กระทบกบั ผนงั เสน้ เลอื ดแดง มหี นว่ ยเปน็ มิลลิเมตรปรอท• ความดันซิสโตลิค(ตัวบน) ซึ่งเป็นความดันท่เี กิดจากการหดรดั ตวั ของ หวั ใจห้องล่างซ้าย เพ่อื ฉีดเลือดออกจากหัวใจจึงเป็นความดนั ที่สูงสุด• ความดันไดแอสโตลิค(ตวั ล่าง) เป็นความดันท่วี ัดเม่ือหัวใจห้องลา่ ง ซา้ ยคลายตัวจึงเปน็ ความดันที่ตา่ สดุ
การวดั ความดันโลหิต• จุดประสงค์ เพ่อื ช่วยในการวินิจฉยั และเพือ่ ทราบปรมิ าณของเลอื ด
ขนั้ ตอนในการวดั ความดันโลหติ• วางเคร่ืองวดั ใหอ้ ยใู่ นระดับเดียวกบั หัวใจ ของผู้ป่วย• ไลล่ มออกจากผ้าพนั แขนให้หมด• คลาชีพจรท่ขี อ้ พบั แขนด้านใน
ขัน้ ตอนในการวดั ความดันโลหิต• พนั ผา้ พนั รอบแขนเหนอื ขอ้ พับข้ึนไป 1 น้ิว• ใสห่ ูฟังและวางแป้น ของหฟู งั ตรงตาแหนง่ ชีพจรทค่ี ลาได้• บีบลูกยางด้วยอุ้งมือให้ลมเข้าไปในผ้าพันแขน ดันให้ปรอทในเครื่องวัดสูงกว่า ค่าปกติของความดันซสิ โตลคิ ประมาณ 20 มิลลเิ มตรปรอท
ขัน้ ตอนในการวดั ความดนั โลหติ• ค่อย ๆ คลายเกลียวลกู ยางปลอ่ ย ลมออกจากผา้ พนั แขน• ใหร้ ะดบั ปรอทคอ่ ยๆ ลดลงช้าๆ ตั้งใจฟังเสียงเตน้ ของผนงั เสน้ เลอื ด
ขั้นตอนในการวัดความดันโลหิต• ได้ยนิ เสยี งตุบๆ ของแรงดนั เลอื ด เสยี งตุบแรกทีไ่ ด้ยินระดบั ปรอทอยทู่ ี่ ตาแหนง่ ใด ก็คือ คา่ ความดันสูงสุด• สังเกตเสียงท่ดี งั เปน็ ระยะๆ จนถงึ ระยะหน่ึง เสยี งจะเร่มิ เป็นเสียงฟๆู่ หรอื หยดุ หายไปเลยเลย เปน็ ค่าความดนั ขณะทหี่ วั ใจคลายตัว• วัดเสร็จแลว้ ปล่อยลมออกจากผ้าพนั แขนให้หมด
เครื่องวดั ความดนั โลหติ
การไหลเวยี นของเลือดทหี่ ลอดเลือดฝอยบรเิ วณเล็บ (Capillary Refill)• ประเมินโดยการกดบรเิ วณเลบ็ เพ่อื ดกู ารไหลเวยี นเลือด วธิ ีการกดทีเ่ ล็บแลว้ ปลอ่ ย• จบั เวลาที่สขี องเลบ็ จะกลับมาเหมอื นเดมิ• ปกติคือ น้อยกว่า 2 วนิ าที
การวัดความเข้มขน้ ของออกซิเจนในเลือด (Oxygen Saturation) Pulse oximeter หรือเครอ่ื งวัดออกซเิ จนในเลอื ดจบั ที่นวิ้ ของผู้ปว่ ยก็จะสามารถบอกไดว้ า่ ออกซิเจนในร่างกายมีปริมาณเทา่ ใด ซึง่ จะช่วยการวินจิ ฉยัภาวะร่างกายเบื้องตน้ ของผู้ป่วยไดด้ ี และแม่นยามากเพิม่ ขนึ้ เหมือนกับปัจจยัท่ี 5 ของการวัดสญั ญาณชีพ ขอ้ ดี ของเครือ่ งมือ Pulse oximeter นี้คอื สามารถชใี้ ห้เหน็ อาการที่ผปู้ ่วยทรุดลงได้เร็วและแม่นยา ถา้ เราพบวา่ ออกซิเจนในเลือดตา่ กว่าค่ามาตรฐาน ซึ่งอาจจะเกดิ จากการหายใจไมเ่ พียงพอหรอื ปอดมีปัญหา หรือผปู้ ่วยความดนั ตา่ อยใู่ นภาวะ Shock ก็จะสามารถแก้ไขสาเหตุได้ทันท่วงที
Search
Read the Text Version
- 1 - 36
Pages: