62ภาพล้อและการ์ตูนการเมืองในสังคมไทย พ.ศ.2465-2475Caricatures and political Cartoons in Siam1922-1932นางฉตั รบงกช ศรีวฒั นสารนักวชิ าการ พพิ ธิ ภัณฑ์พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยู่หัวสถาบนั พระปกเกลา้Chatbongkoch SriwattanasarnKing Prajadhipok’s Instituteบทคดั ย่อ ภาพล้อและการ์ตูนการเมืองในสังคมไทย ต้ังแต่ พ.ศ. 2465 ปลายรัชสมยั รัชกาลท่ี 6 ต่อเนื่องกบั รชั กาลท่ี 7 ซง่ึ นบั เปน็ ยคุ แรกๆที่มีการตพี มิ พภ์ าพล้อและการ์ตูนการเมืองรวมถึงบทความวิจารณ์การเมืองในหนังสือพิมพ์ไทยโดยจ�ำกัดเฉพาะเรื่องการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เพ่ือแสวงหาความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาทางการเมืองเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และความขัดแย้งทางความคิดระหว่างผู้ปกครองกับปัญญาชน ผ่านภาพล้อและการ์ตูนการเมืองในหนังสือพิมพบ์ างกอกการเมอื งและสยามรีวิวรายสัปดาห์ และในชว่ ง 10 ปีกอ่ นการเปลย่ี นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2465 ภาพลอ้ และการต์ นู การเมอื งถกู ตพี มิ พ์ในหนงั สอื พิมพอ์ ย่างหลายหลากและต่อเนื่อง ภาพล้อและการ์ตูนการเมืองจงึ ได้
63เป็นตัวแทนของการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของประชาชนในลักษณะการยกประเด็นและจุดประกายการถกเถียงทางการเมืองเศรษฐกิจและสังคมโดยการวิพากษ์วจิ ารณ์ผู้ปกครอง เปดิ โปงการทุจรติ ของขุนนาง ขา้ ราชการ และเรียกร้องการเปล่ียนแปลงทางการเมืองอย่างชัดเจน อันเป็นที่มาของการตราพระราชบัญญัติควบคมุ หนงั สอื พิมพ์ พ.ศ. 2465ค�ำส�ำคัญ ภาพล้อและการ์ตนู การเมือง ปัญญาชน
64Abstract The study caricatures and political cartoons, and also politicalcommentaries, that began to be published in various newspaper in SiamduringthelatelyperiodofKingVajiravudh‘sReignthroughtheReignofKingPrajadhipok But only up to the 1932 coup, to arrive at anunderstanding of the political, economic, social and culturalissues then current and also the differences in ideas between therulers and the intellectuals whom the artists and cartoonistsrepresented. Emphasis was placed on Bangkok Karnmuang andSiam Review Rai Saphada. In the 10 years prior to the coup /revolution. Caricatures and political cartoons were continuouslypublished and were diverse. They claimed to represent publicopinion by raising political,economic and social issues so as tocatalyze pubic discussion. They did so by satirically criticizing therulers, exposing. Uncovering corruption and also demanding politicalchange, explicitly purity and boldly. They thus partly prompted theAct press to be proclaimed in to Law the Press control Act 1922.Keyword : Caricatures and political Cartoons egghead
65 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 7 นับต้ังแต่ปลายทศวรรษ 2460 ถึงต้นทศวรรษ 2470 มีนักเขียนนิรนามในหนังสือพิมพ์หลายฉบบั ท้งั รายวันและรายสปั ดาห์ ได้แสดงความคิดเห็น เร่อื ง “ความเปน็ ชาติทางด้านการเมอื ง” (Political nation) อยา่ งโดดเด่น เช่น หนังสอื พมิ พ์ บางกอกการเมอื ง เกราะเหลก็ ไทยหนมุ่ ไทยใหม่ ปากกาไทย กมั มนั โต วายาโม ผดงุ ราษฎร์และสยามรีววิ รายสัปดาห์ ฯลฯ โดยมงุ่ ท่ีจะชี้ให้เห็นว่า “ชาต”ิ หมายถงึ ราษฎรหรือประชาชน ท่ีมีความสัมพันธ์เป็นอันหน่ึงอันเดียวกันและพร้อมท่ีจะก้าวข้ึนมามีบทบาทและอ�ำนาจทางการเมืองในฐานะที่เป็นเจ้าของประเทศ (Mathew,Phillip Copeland, 1993) ในบทความนี้ได้ศึกษาผลงานภาพล้อและการ์ตูนการเมืองระหว่างพ.ศ. 2465 – 2475 เนอื่ งจากเปน็ พัฒนาการช่วงแรกๆ ของการน�ำภาพล้อและการ์ตูนการเมืองมาเป็นเคร่ืองมือในการสะท้อนปรากฏการณ์ด้านต่างๆ เช่นทางด้านการเมอื ง เศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรม โดยวิธีการลอ้ เลียน เสียดสีประชดประชันระดับต่างๆ โดยมีหลักฐานเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ไทยดังกล่าวไวแ้ ล้วข้างต้น ภาพล้อและการ์ตนู การเมืองในสังคมไทยเป็นนวัตกรรมทีไ่ ด้รับอทิ ธิพลจากตะวันตก ซ่ึงอาจเป็นไปได้ว่าน่าจะมีการเขียนภาพล้อเลียนบุคคล ผู้ซึ่งมีอ�ำนาจทางเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง ในภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบไทยประเพณีแล้ว ตั้งแต่ในสมัยรัชกาลท่ี 3 ดังความในพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 4 ว่า เรื่องภาพล้อเลียน“นายตราดศิ ” ในจติ รกรรมฝาผนงั ทร่ี ะเบยี งพระอโุ บสถวดั พระศรรี ตั นศาสดารามหรือภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ของรัชกาลท่ี 4 และรัชกาลท่ี 5 รวมท้ังภาพเขียนของเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ภายในจิตรกรรม
66ฝาผนังพระที่นั่งทรงผนวช ซ่ึงพบว่าการเขียนภาพล้อเลียนบุคคลส�ำคัญทางการเมืองมีวัตถปุ ระสงคเ์ พอ่ื กระชบั สัมพนั ธภาพทางการเมืองของชนช้ันสงู หรือข้าราชส�ำนัก และเกิดขึ้นในต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเชน่ ภาพฝีพระหัตถ์รชั กาลที่ 6 ในหนงั สอื พมิ พ์ดสุ ิตสมติ ทรงเขียนภาพลอ้ เลียนข้าราชบริพารผู้ใกล้ชิด อาทิ เจ้าพระยารามราฆพ เจ้าพระยาอนิรุทเทวาเจา้ พระยายมราช และเจา้ พระยาธรรมศกั ดมิ์ นตรี เปน็ ตน้ สว่ นการลอ้ เลยี นเสยี ดสีประชดประชนั และโจมตที างการเมอื งอยา่ งจรงิ จงั ตามแบบอยา่ งทไี่ ดร้ บั วฒั นธรรมและความคิดทางการเมืองมาจากประเทศตะวันตก รวมทั้งอุดมการณ์แบบบอลเชวิค และอุดมการณ์ทางการเมืองแบบประชาธิปไตยนั้น เกิดข้ึนอย่างจรงิ จงั ในหนา้ หนังสือพมิ พ์การเมอื งตอนปลายรชั สมยั รชั กาลที่ 6 และต้นรชั สมัยรชั กาลที่ 7 (กอ่ นการเปลย่ี นแปลงการปกครองจากระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์เปน็ ระบอบรฐั ธรรมนญู พ.ศ. 2475) ซ่งึ กส็ อดรับกบั สมมติฐานท่ตี ัง้ ไว้ ปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาพล้อและการ์ตูนการเมืองในหนังสือพิมพ์ไทย คือความต้องการล้อเลียน เสียดสี และวิพากษ์วิจารณ์การท�ำงานของผู้ปกครองและผู้มีอ�ำนาจทางการเมือง การวิพากษ์วิจารณ์ผู้มีอ�ำนาจฝ่ายปกครองในช่วง10 ปี ก่อนการเปล่ียนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 สะทอ้ นใหเ้ หน็ อยา่ งโดดเด่น และต่อเน่ืองในภาพล้อและการ์ตูนการเมืองตั้งแต่การเสียดสี ล้อเลียนประมุขของประเทศ เช่น ภาพการ์ตูนการเมือง ชื่อ “ธรรมะย่อมน�ำไปสู่สุขคติ” ของนายเสม สุมานันท์ ผู้ที่ใช้นามแฝงว่า “แก่นเพ็ชร์” ผลงานของเขาปรากฏอย่างตอ่ เนอ่ื ง ในหนังสอื พิมพ์บางกอกการเมือง วนั ท่ี 21 สงิ หาคม พ.ศ.2466 และภาพการเสียดสีชนชั้นน�ำ ช่ือภาพ “หัวนอกจ๋า” ในหนังสือพิมพ์บางกอกการเมอื งวนั ท่ี 14 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2466 ภาพการต์ ูนเสียดสชี ดุ “การขายเหยี้ ” (The hia Trade) ของนายเสม สมุ านันท์ ในหนงั สอื พมิ พ์เกราะเหล็ก
67วันที่ 4 ตลุ าคม พ.ศ. 2468 และภาพ “แกน่ เพช็ ร์แกลง้ ฝัน เชิญขนุ นางไปไหว้อนสุ าวรยี พ์ ระยาเหล” จาก หนงั สอื พมิ พเ์ กราะเหลก็ วนั ที่ 7 ธนั วาคม พ.ศ. 2467และบางสว่ นถกู น�ำมาตพี มิ พซ์ ำ�้ ในหนงั สอื พมิ พร์ ายสปั ดาหท์ ช่ี อ่ื วา่ สยามรวี วิ และจากปลายปากกาของนายแกน่ เพ็ชร์ คงจะสรา้ งความนิยมแกผ่ ู้อา่ นหนังสือพิมพ์ไมน่ อ้ ยจงึ มภี าพลอ้ ตวั ตนของนายแกน่ เพช็ รเ์ ปน็ ภาพชายสงู วยั รปู รา่ งผอม ทา่ ทางเจ้าระเบียบมีหนวด สวมโจงกระเบน มือซ้ายถือไม้เท้า ส่วนรักแร้ซ้ายหนีบหนงั สอื พิมพม์ ือขวาจงู สุนัขพนั ธบ์ุ ลดู อ็ ก นายแก่นเพช็ ร์ มปี ณิธานการท�ำงานคอืการปราบอธรรมและความทุจริตท้ังปวง ภาพล้อและการ์ตูนการเมืองในสมัยพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั จากหนงั สอื พมิ พต์ า่ งๆ ไดแ้ ก่ หนงั สอื พมิ พ์เกราะเหลก็ หนงั สอื พมิ พส์ ยามรวี วิ และหนงั สอื พมิ พบ์ างกอกการเมอื ง โดยจ�ำแนกลักษณะการน�ำเสนอได้ 4 รูปแบบ ดงั น้ี 1. ภาพลอ้ และการ์ตูนการเมอื งวิพากษ์วจิ ารณ์ปญั หาด้านการเมอื ง 1.1 การเรยี กร้องผู้ปกครองท่ดี ี 1.2 การวจิ ารณ์ระบอบสมบูรณาญาสิทธริ าชย์ 1.3 การเรยี กรอ้ งความเปน็ ชาตนิ ิยม 1.4 การเสียดสเี สนาบดีกระทรวงมหาดไทย 1.5 การวิจารณก์ ารทุจรติ ในกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม 1.6 การเสยี ดสเี สนาบดกี ระทรวงเกษตราธกิ าร 2. ภาพล้อและการต์ ูนการเมืองวิพากษว์ จิ ารณ์ปัญหาดา้ นเศรษฐกิจ 2.1 การเสียดสีกลุ่มทนุ ต่างชาติ 2.2 การวิจารณม์ าตรการดุลยภาพ 2.3 การเสยี ดสกี รมพระคลังข้างที่
68 3. ภาพล้อและการ์ตูนการเมอื งวิพากษว์ จิ ารณ์ปญั หาด้านการศกึ ษา 3.1 การเสียดสีเสนาบดีกระทรวงศกึ ษาธิการ 4. ภาพล้อและการ์ตูนการเมืองวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาด้านสังคมและวฒั นธรรม 4.1 การเสียดสีการแบ่งฝักฝ่ายของหนงั สอื พิมพ์ 4.2 การเรยี กร้องความเสมอภาคและคณุ คา่ ของความเปน็ คน 4.3 การเห่อรับวัฒนธรรมตะวันตก 4.4 การลอ้ เลยี นนสิ ยั ชอบเล่นการพนันของคนไทย 4.5 การสะท้อนความคดิ ทีม่ ีต่อสิทธิสตรี ตัวอย่างภาพล้อและการ์ตูนการเมืองสมัยรัชกาลท่ี 7 จากการวพิ ากษว์ จิ ารณป์ ญั หาดา้ นการเมือง 1. การน�ำเสนอภาพล้อและการต์ ูนการเมืองเรียกร้องผูป้ กครองทด่ี ี ต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว นายเสมสุมานันท์ ได้เขียนภาพการ์ตูน ชื่อ ภาพ “อย่าให้เป็นเช่นน้ีนะ สหายรัก”(ภาพท่ี 1) วิจารณ์ภาพลักษณ์ของผู้น�ำที่โปรดปรานแต่ลูกน้องช่างประจบสอพลอ โดยเขียนเป็นภาพ “ผู้น�ำรัฐบาล” ประทับบนบัลลังก์ขาสิงห์โอบอุ้มบริวารจ�ำนวน 5 คน ในอิริยาบถต่างๆ คนแรกขวามือก�ำลังแลบล้ินยาวออกมา “เลีย” รองพระบาทหนงั มหี นามแหลมของ “นาย” มีตวั หนังสอื เขียนไวบ้ นหลังว่า “เลีย เลีย” คนอื่นๆ ซ่ึงถูกโอบอุ้มเอาไว้ ต่างก็มีตัวหนังสือเขียนไว้ว่า“ประจบ...?” “พวกท่าน?” “ลูกทา่ น?” เป็นตน้ ตรงกลางภาพนัน้ ศลิ ปินเขยี นใต้พ้ืนรองเท้าเป็นรูปหนามแหลมหงายขึ้นถีบลงไปที่ “ลูกน้องสูงวัย 5 คน?”
69คนใกล้สดุ มีตวั อักษรเขยี นไวว้ า่ “ไมต่ ามใจนาย” ในภาพมลี ูกน้องถกู ถบี จนหงายทอ้ งไปแล้ว 2 คน คนซา้ ยสดุ มอี ักษรเขยี นไว้วา่ “ซื่อตรง ?” ชายซงึ่ ถูกถบี จนหนา้คะม�ำมอี กั ษรเขยี นไว้บนตวั วา่ “ไม่ประจบสอพลอ” เปน็ ตน้ ภาพที่ 1“อย่าใหเ้ ป็นเช่นนนี้ ะ สหายรัก” ภาพล้อสถานการณ์ในปีแรก ของการครองราชย์ในรัชกาลท่ี 7 โดยมีความคาดหวังไมต่ อ้ งการให้ผ้นู �ำใหม่ โปรดปรานแต่คนประจบสอพลอ ท่ีมา : หนังสอื พมิ พเ์ กราะเหล็ก วันท่ี 18 เมษายน 2469
70 การเรยี กรอ้ งของ”แกน่ เพช็ ร”์ อนั เปน็ ชอ่ื ของภาพ ดเู หมอื นจะสอดคลอ้ งกระแสความต้องการผู้ปกครองท่ีดีและความหวาดระแวงของ “คนรุ่นเก่า”ต่อสมเด็จฯ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์ วรพินิต พระเชษฐาตา่ งพระมารดาในพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยู่หัว ตามขอ้ สงั เกตของเซอร์ เอดเวริ ด์ คกุ (Sir Edward Cook) กลา่ ววา่ “ไมม่ ีคนไทยคนไหนอยากเหน็ พระองคค์ รองราชย์ เพราะคนรนุ่ เกา่ เกรงวา่ พระองคจ์ ะมอี �ำนาจมากเกนิ ไป จะเปน็ พระเจา้ แผน่ ดนิ ทขี่ ม่ คนอนื่ ” ขณะทคี่ นรนุ่ ใหมเ่ กรงวา่สมเด็จฯ กรมพระนครสวรรค์ฯ จะเปน็ กษตั รยิ ์ท่เี ข้มแขง็ และประสบความส�ำเรจ็และยดื ระบอบกษตั รยิ ส์ มบรู ณาญาสทิ ธริ าชยต์ อ่ ไปอกี แตพ่ ระองคย์ งั ทรงยอมรบัว่า เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ ทรงเป็นองค์รัชทายาทท่ีถูกต้องและชอบธรรมตามทร่ี ัชกาลที่ 6 ทรงเลือกไว้ ความคาดหวังที่มีต่อผู้น�ำท่ีดี เป็นธรรมชาติสากลท่ีเกิดขึ้นกับสังคมมนุษย์ทั่วไป ภาพ “แก่นเพ็ชร์ต้ังใจฝันหานาย ยุคที่16” ในหนังสือพิมพ์สยามรวี วิ ปที ี่ 1 ฉบับที่ 3 วันอาทติ ย์ท่ี 18 กรกฎาคม พ.ศ.2469 ศิลปนิ ไดว้ าดภาพให้“แก่นเพ็ชร์” ในชุดโจงกระเบนตามปกติของตน ปักธูปเสร็จแล้วก็น่ังคุกเข่าไหว้พระด้วยท่าเทพบุตร พนมมือกลางอกไหว้ขอพรจากพระพุทธรูปางสมาธิพลางอธิษฐานว่า “โปรดเข้าฝันให้พบนายดๆี เถอะเจ้าประคุณ” แต่ในบัดดลนั้นก็มีพระสุรเสียงจากพระโอษฐ์ของพระพุทธรูปเตือนว่า “เจ้าจงระวัง! นายเด๋ียวนี้มันล้วนโกงโดยมาก?” ภาพนี้สะท้อนให้เห็นพฤติกรรมของข้าราชการขุนนางในสายตาประชาชนไดเ้ ป็นอยา่ งดี (ภาพที่ 2)
71 ภาพท่ี 2 ภาพแกน่ เพช็ ร์ ต้งั ใจฝนั หานาย ยุคที่ 16 ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรวี วิ วันอาทิตยท์ ่ี 18 กรกฎาคม 2469 ตพี มิ พซ์ �ำ้ มาจากหนังสอื พิมพเ์ กราะเหล็ก ในระดับผู้ปกครองเองน้ัน ก็ได้พยายามตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องหาผู้ปกครองที่ดีและการปกครองที่เหมาะสมปราศจากการกดข่ี ข่มเหงและการเอารัดเอาเปรียบผู้ใต้ปกครองซึ่งดังขึ้นมาจากเบื้องล่าง คือ ประชาชนในฐานะรากฐานของประเทศ อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ได้สะท้อนให้เห็นความหวาดระแวงของรัฐบาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวที่มีต่อการขยายตัวทางความคิดและการเมืองภายใต้แบบอย่างทางการเมืองท่ีเกิดขึ้นในประเทศรัสเซีย ซ่ึงขณะน้ันพรรคบอลเชวิคท่ีมีความเช่ือในลัทธิการเมืองแบบสงั คมนยิ มก�ำลงั มอี ทิ ธพิ ลตอ่ การเคลอ่ื นไหวและการเปลย่ี นแปลงทางการเมอื งในหลายประเทศ
72 ด้วยเหตุน้ี ในหนังสือพิมพ์สยามรีวิวรายสัปดาห์ฉบับวันที่ 2 ตุลาคมพ.ศ. 2470 ศิลปินจึงได้วาดภาพการ์ตูนการเมืองขึ้นมาช้ินหน่ึงเป็นภาพล้อรัชกาลท่ี 7 ทรงอาภรณ์ครุย ศิราภรณ์ทรงลอมพอกประทับน่ังบนพระเก้าอี้เหนือปราสาททรงกรวยยอดตัดเป็นสัญลักษณ์ของประเทศสยาม พระหัตถ์ขวายกข้ึนแสดงปางห้ามสมุทร พลางตรัสห้ามสตาลิน ผู้น�ำพรรคในร่างของบุรุษผ้มู ีรปู กายสงู ใหญ่เท่าปราสาท มแี ผงหนวดดกด�ำว่า “พวกแกอย่าเข้ามาอีก ฉันเกลียดนัก” (ภาพท่ี 3) ค�ำว่า “อย่าเข้ามาอีก” ภาพการ์ตูน หมายถึง การที่หนงั สอื พมิ พเ์ หน็ วา่ รชั กาลท7ี่ ทรงมงุ่ จะตกี รอบของการเขา้ มาของลทั ธสิ งั คมนยิ มให้จ�ำกัดอย่ใู นขอบเขตทวี่ างไว้ระดบั หนง่ึ เท่านนั้ มใิ หล้ �ำ้ เส้นออกมาถงึ ระดับของการน�ำมาเกีย่ วขอ้ งกบั การปกครองประเทศ
73 ภาพที่ 3 ภาพล้อเลียนความรงั เกียจลัทธิบอลเชวคิ ของรัฐบาล เปน็ ภาพล้อ รัชกาลท่ี 7 ทรงอาภรณค์ รยุ ศิราภรณ์ทรงลอมพอก ประทบั น่งั บนพระเกา้ อี้ เหนือปราสาททรงกรวยยอดตดั เปน็ สญั ลกั ษณ์ของประเทศสยาม ทีม่ า : หนงั สอื พมิ พส์ ยามรวี วิ รายสัปดาหฉ์ บบั วันที่ 2 ตลุ าคม พ.ศ.2470 เสียงเรียกร้องหาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของปัญญาชนส่วนหน่ึงซึ่งน่าจะได้ยินไปถึงราชส�ำนัก แต่กลับไม่ได้รับการตอบสนองอย่างน่าพึงพอใจ ท�ำให้หนังสือพิมพ์สยามรีวิวรายสัปดาห์ ฉบับวันท่ี 4 กรกฎาคมพ.ศ. 2470 กระแหนะกระแหนรัฐบาลด้วยภาพพิมพ์ลายเส้นค่อนข้างวิจิตรชื่อ “ความฝันของข้าพเจ้า” โดยศิลปินได้วาดให้มีคู่รักชายหญิงสนทนากันในสวนสาธารณะ ฝ่ายชายชื่อพลเมือง ฝ่ายหญิงช่ือสภาราษฎร ฝ่ายชายใน
74ชุดโจงกระเบนสวมหมวกและเส้ือสากล ยืนค้�ำเก้าอ้ี โน้มตัวหาฝ่ายหญิงซ่ึงน่ังไขว้ปลายเท้า กุมมือไว้บนตักของตน ฝ่ายชายพูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า“ฉนั ไดล้ องพดู กบั คณุ พอ่ เธอแลว้ ไมเ่ หน็ ทา่ นวา่ กระไร เปนแคส่ นั่ ศรี ษะ” ฝา่ ยหญงิจึงร�ำพึงอย่างท้อใจว่า “ถ้าเช่นนั้น มิเปนดันว่า หมดหวังในตัวดิฉันหรือคะ?”ค�ำสนทนาดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนยังไม่ได้รับค�ำตอบจากการเรยี กรอ้ งทีจ่ ะมีสภาผแู้ ทนราษฎร (ภาพท่ี 4) ภาพท่ี 4 ภาพความฝันของขา้ พเจา้ ท่ีมา : หนังสือพิมพส์ ยามรวี วิ รายสัปดาห์ ฉบบั วนั ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2470
75 ปัจจัยส่วนหน่ึงท่ีเอ้ือให้นักเขียนภาพล้อและการ์ตูนการเมืองรวมถึงบรรณาธกิ ารหนงั สือพิมพใ์ นชว่ งดงั กลา่ ว มีความ “ฮึกเหิม” คอื อาศัยสถานภาพของการเปน็ “สัปเยก” หรอื คนในสังกัดตา่ งชาติภายใตห้ ลกั กฎหมายสิทธภิ าพนอกอาณาเขต (Extra- territorial Law ) น่ันเอง นอกจากนย้ี งั มกี ารสะทอ้ นภาพของราษฎรชายหญงิ สามญั ชนถกู เสยี ดสีดว้ ย เชน่ ภาพชวี ติ ความเปน็ อยอู่ นั ยากแคน้ ของราษฎร นสิ ยั การชอบเลน่ การพนนัการสะทอ้ นความคดิ เห็นทม่ี ตี ่อสตรีไทย เปน็ ต้น ส่วนเสรีภาพทางการเมืองมีความสัมพันธ์กับการสร้างภาพล้อและการต์ นู การเมอื งในแงท่ ว่ี า่ ในสงั คมเผดจ็ การ จะไมม่ ภี าพลอ้ และการต์ นู การเมอื งเลย หรือมีน้อยมาก และเมื่อระบอบเปล่ียนเป็นประชาธิปไตยแล้ว ก็จะมีภาพลอ้ และการ์ตูนการเมอื งมาก ด้วยเหตทุ ป่ี ระชาชนมีสิทธเิ สรภี าพมากข้ึนนัน้ เป็นมโนทศั นอ์ ดุ มคติเชงิ นามธรรม (abstract idealism) คอื มองโลกแบบขาวกบั ด�ำจนเกนิ ไป ทงั้ นผี้ วู้ จิ ยั มขี อ้ สงั เกตวา่ ในสมยั ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วัยังทรงเป็นพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์ อยู่นั้น รัฐบาลของพระองค์คอ่ นขา้ งมคี วามยดื หยนุ่ ในการด�ำเนนิ คดกี บั นกั หนงั สอื พมิ พ์ โดยใชว้ ธิ กี ารตกั เตอื นมากกวา่ ทจ่ี ะใชอ้ �ำนาจรฐั สมบรู ณาญาสทิ ธริ าชยส์ งั่ ปดิ หนงั สอื พมิ พอ์ ยา่ งเดด็ ขาดหรอื จะมกี ารลงโทษนกั หนงั สอื พมิ พ์ กเ็ ปน็ การสง่ั ปดิ โรงพมิ พแ์ บบชวั่ คราวเทา่ นน้ัแตพ่ บว่าในรัฐบาลหลังการเปล่ยี นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 กลบั มีการตราพระราชบัญญัติสื่อสิ่งพิมพ์ขึ้นใหม่ และได้ใช้การควบคุมการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองมากยิ่งกว่าเดิม ซึ่งสง่ ผลให้มภี าพล้อและการ์ตูนการเมืองน้อยลง ภาพล้อและการ์ตูนการเมืองในสังคมไทยสะท้อนให้เห็นว่า ระยะเวลาดงั กลา่ วในสงั คมไทยมกี ลมุ่ บคุ คลทเี่ กดิ ความไมพ่ อใจในระบอบการปกครองแบบเกา่ และตอ้ งการใหเ้ กดิ ความเปลยี่ นแปลง สว่ นภาพบคุ คลทถี่ กู ลอ้ เลยี นสว่ นมาก
76เปน็ บรรดาผมู้ อี �ำนาจและมผี ลประโยชนน์ นั้ จากการคน้ ควา้ เอกสารหลกั ฐานตา่ งๆเพอื่ พสิ จู นส์ มมตฐิ านสว่ นแรกทวี่ า่ “ในสงั คมไทยมกี ลมุ่ บคุ คลเกดิ ความไมพ่ อใจในระบอบการปกครองแบบเก่าและต้องการให้เกิดการเปล่ียนแปลง” นั้น ผู้เขียนพบวา่ มนี กั หนงั สอื พมิ พก์ ลมุ่ หนง่ึ ทไ่ี ดร้ บั อทิ ธพิ ลจากกระแสแนวคดิ ทางการเมอื งแบบชาตินิยมต่อต้านวัฒนธรรมตะวันตก เช่น การแต่งกายแบบตะวันตก การเตน้ ร�ำ และการตอ่ ตา้ นสนิ คา้ จากตา่ งประเทศ อกี ทงั้ มกี ารรบั รถู้ งึ ความเสอื่ มถอยของระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์ นอกจากนย้ี งั พบดว้ ยวา่ มกี ลมุ่ นกั โทษในกบฏร.ศ. 130 บางคนได้กลายเปน็ เจา้ ของ และบรรณาธกิ ารหนังสือพมิ พก์ ารเมืองท่ีต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อย่างต่อเนื่องมา โดยเขียนบทความลงในหนงั สอื พมิ พ์ ใชภ้ าพลอ้ และการต์ นู การเมอื งลอ้ เลยี น และล�ำตดั การเมอื งประกอบ ส่วนภาพบุคคลที่ถูกล้อเลียนส่วนมากเป็นกลุ่มบรรดาผู้มีอ�ำนาจและทรงอิทธิพล ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่า ไม่เพียงแต่ภาพล้อและการ์ตูนการเมืองในหนังสือพิมพ์จะล้อเลียน เสียดสี และวิพากษ์วิจารณ์การท�ำงานของผู้ปกครองและผู้มีอ�ำนาจทางการเมืองเท่านั้น แม้แต่ราษฎรชาย หญิงสามัญชน ก็พลอยถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วยเช่นกัน เพียงแต่สัดส่วนของการล้อเลียนน้อยกว่ากลุ่มผู้มอี �ำนาจและผลประโยชน์ เนอ่ื งจากเป็นกลุ่มบคุ คลซง่ึ ท�ำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ การเมือง การปกครองและวฒั นธรรมไดร้ นุ แรงกว่าสามัญชนนั่นเอง จากหลักฐานภาพล้อและการ์ตูนการเมืองในหนังสือพิมพ์บางกอกการเมือง และหนังสือพิมพ์สยามรีวิวรายสัปดาห์ ปรากฏชัดว่า ในช่วงก่อนการเปลยี่ นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 กลบั มีเสรภี าพในการวิพากษว์ ิจารณ์ผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ทางการเมอื งผา่ นหนงั สอื พมิ พท์ เ่ี กดิ ขนึ้ มากราวกบั “ดอกเหด็ ”มากกว่าชว่ งหลังการเปลย่ี นแปลงทางการเมอื ง พ.ศ.2475 โดยคณะราษฎร
77 ผู้เขียนเห็นด้วยกับนักวิชาการท่ีช่ือว่า แมททิว คอปแลนด์ ชาวออสเตรเลียน ที่ได้ศึกษาเร่ือง ชาตินิยมในประเทศไทยเคยเสนอว่า ความนิยมชมชอบและศรัทธาของผู้อ่านหนังสือพิมพ์จากการเสนอข่าวและวิพากษ์วิจารณ์ในรูปของความคิดขัดแย้งเชิงค่อนแคะพฤติการณ์ที่ไม่ชอบมาพากลของรัฐบาลโดยเขาได้ยกตัวอย่าง เช่น ในสมัยรัชกาลที่ 6 ข่าวเสียดสีรัฐบาล และซุบซิบนินทาราชส�ำนัก และกิจกรรมส่วนพระองค์บางเรื่อง เช่น ทรงโปรดการละครและเสือป่า หรือการเปล่ียนแปลงถอดถอนพระคู่หมั้น หรือคู่อภิเษกสมรสหลายคร้งั ความร�ำ่ รวยของหมขู่ า้ ราชส�ำนกั ในประเด็นดงั กล่าวผู้เขียนขอแยง้ วา่หากพิจารณาจ�ำนวนการตีพิมพ์ของหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับก็จะพบว่า สัดส่วนของ “นกั อ่าน” หรือ “ผรู้ ู้หนงั สอื ” นา่ จะเป็น ขุนนาง ขา้ ราชการ พอ่ คา้ และปญั ญาชนกลมุ่ เลก็ ๆ ในชว่ งนน้ั เทา่ นน้ั ดงั นนั้ ขา่ วลอื คอ่ นขอด นนิ ทาตา่ งๆ ทเ่ี กดิขน้ึ จึงเปน็ เพียงประเด็นวิพากษ์วจิ ารณใ์ นหมูป่ ระชาชนบางกลุม่ แต่หนงั สอื พิมพ์ก็พยายามท�ำหน้าที่สืบเสาะข่าวเพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาอย่างเต็มที่เท่าที่โอกาสจะอ�ำนวย แต่เน่ืองด้วยสภาวะทางสังคม การเมืองและวัฒนธรรมเป็นอุปสรรค การวิพากษ์วิจารณ์สถาบันการเมืองการปกครองขณะนั้น จงึ แสดงดว้ ยภาพลอ้ เลียนและการต์ นู การเมอื ง ในการเช่ือมโยงและวิเคราะห์ภาพล้อและการ์ตูนการเมืองของนักวิชาการต่างประเทศ ในกรณีของแมททิว คอปแลนด์ อาจน�ำเสนอให้เกิดความรู้สกึ ว่า การเปล่ียนแปลง พ.ศ. 2475 เกิดจากพลังของขบวนการประชาชนขนาดใหญ่ โดยค�ำว่า “The People ‘s party” แทนค�ำว่า “คณะราษฎร”โดยอ้างหลักฐานจากการวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ความเป็นไปด้านต่างๆข้างต้น รวมถึงความขัดแย้งทางความคิดระหว่างรัฐบาล (เจ้านาย ขุนนาง)กับปัญญาชน (ข้าราชการหัวก้าวหน้า และนักคิดนักเขียน) ผู้เขียนเห็นว่า
78การทผี่ รู้ หู้ นงั สอื หรอื ผตู้ ดิ ตามความเคลอ่ื นไหวขา่ วสารการบา้ นการเมอื งมจี �ำนวนจ�ำกัด จ�ำเป็นต้องวิเคราะห์ให้ลึกถึงการแพร่หลายของผลกระทบที่เกิดจากการวิพากษ์วิจารณ์โดยค�ำนึงถึงจ�ำนวนการตีพิมพ์ การจัดจ�ำหน่ายของหนังสือพิมพ์แต่ละฉบบั อย่างลึกซง้ึ ดังนั้น บันไดซ่ึงน�ำไปสู่การเปล่ียนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475นอกเหนือจากการใช้มายาภาพของการ์ตูนการเมืองมาเป็นเคร่ืองบ่ันทอนความชอบธรรมของสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ในการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ยังมีการใช้ “กลลวง” กับก�ำลังทหารของฝา่ ยตนว่าเป็นการเคลือ่ นก�ำลังไป “ฝกึ ” ภารกจิ ทางยทุ ธวิธี เพ่อื รกั ษาความลับมิให้แพรง่ พรายออกไปอย่างไดผ้ ลอกี ด้วย โดยสรุป การ์ตูนการเมืองจึงถือเป็นยุทธศาสตร์ทางการเมืองท่ีส�ำคัญไม่น้อยกว่าศิลปะแขนงต่างๆ ท่ีเคยถูกน�ำไปใช้ทางการเมืองอย่างหลากหลายในประวัติศาสตร์การเมืองไทย อาทิ เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา ล�ำตัดการเมือง ตะลุงการเมือง โขนการเมอื งและง้วิ การเมือง เป็นต้น
79เอกสารอา้ งองิเอกสารรัชกาลที่ 7. (2469). หนังสอื พิมพใ์ นประเทศไทย. หมายเลขไมโครฟลิ ์ม ม.ร.7 รล./ 27.เอก วีสกุล. สยามรีวิวรายสัปดาห์. (2470). เอกสารหมายเลข สบ. 922/15 พ.ศ. 2469-2470.คณะท�ำงานประวัติการพิมพ์ในประเทศไทย. (2549). สยามพิมพการ : ประวตั ศิ าสตรก์ ารพิมพใ์ นประเทศไทย. กรงุ เทพฯ : มติชน.พรทิพย์ ดีสมโชค.(2553).แนวความคิดและวิธีการส่ือสารทางการเมืองใน รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ระหวา่ ง พ.ศ. 2468- 2477. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พม์ หาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช.อัจฉราพร กมทุ พสิ มัย.(2532). ปัญหาภายในสงั คมไทยกอ่ นการปฏิวัติ 2475 : ภาพสะทอ้ นจากงานเขียนทางหนงั สอื พิมพ์. กรุงเทพฯ : สถาบัน ไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร.์Batson, Benjamin A.. (1984).The End of the Absolute Monarchy in Siam. Singapore : Oxford University Press.Mathew, Phillip Copeland. (1993). Contest Nationalism and the 1932 Overthrow of the Absolute Monarchy in Siam. The- sis submitted for the degree of Doctor of Philosophy of Australian national University.
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: