การอ่าน1. การอ่านเบอื้ งต้น 1.1 ความหมายของการอ่าน การอ่าน หมายถึง การรับรู้ความหมายของสารจากลายลกั ษณ์อกั ษร การอ่านเกิดจากความสามารถแปลตวั หนังสือออกมาเป็ นเสียงและความหมายได้ จุดมุ่งหมายของการอ่านอยู่ท่ีผูอ้ ่าน เขา้ ใจและรับรู้ความหมายของเรื่องราวท่ีอา่ น 1.2 ความสาคญั ของการอ่าน 1. การอ่านทาํ ใหผ้ อู้ ่านมีคลงั ขอ้ มูลอยใู่ นสมอง เพราะการอ่านเป็ นการรับสาร ผอู้ ่านจะไดร้ ับสาระความรู้ต่าง ๆ ทาํ ให้เป็ นผทู้ ี่ทนั โลกทนั เหตุการณ์อยู่เสมอ คลงั ขอ้ มูลน้ีเป็ นพ้ืนฐานแห่งความรู้ที่จะนาํ ไปสู่การคิดไดค้ ิดเป็นในโอกาสต่อไป 2. การอ่านทาํ ให้ผอู้ ่านไดพ้ ฒั นาความคิด เน่ืองจากการอ่านเป็ นพฤติกรรมการรับสารท่ีมีความคิดเป็ นแกนกลาง ขณะที่อ่านผอู้ ่านจะตอ้ งใช้สมองขบคิด พิจารณา คน้ หาความหมาย และทาํ ความเขา้ ใจขอ้ ความที่อ่านไปตามลาํ ดบั ความสามารถในการอ่านน้ีเป็ นผลมาจากการฝึ กสมองขณะที่อ่าน ทาํ ให้เกิดพฒั นาการทางความคิด ผทู้ ่ีอ่านหนงั สือมากจึงมกั เป็นปราชญห์ รือนกั คิด 3. การอา่ นหนงั สือทาํ ใหผ้ อู้ ่านไดพ้ ฒั นาการใชจ้ ินตนาการ เพราะการอ่านทาํ ให้ผอู้ ่านไดใ้ ชค้ วามคิดอยา่ งอิสระ สามารถสร้างภาพในใจของตนเองโดยการตีความจากภาษาของผเู้ ขียน ดงั น้นั แมจ้ ะอ่านหนงั สือเล่มเดียวกนั แต่ผอู้ ่านกอ็ าจมีภาพในใจท่ีแตกตา่ งกนั ไปตามจินตนาการของแตล่ ะคน 1.3 จุดมุ่งหมายของการอ่าน 1. การอ่านเพ่ือความรอบรู้ เป็ นการอ่านเพื่อทราบข่าวสาร ขอ้ มูล ขอ้ เท็จจริง เร่ืองราวความเคลื่อนไหวต่าง ๆ เกี่ยวกบั สถานการณ์ปัจจุบนั ผอู้ ่านควรอ่านดว้ ยความรวดเร็วเพื่อแสวงหาคาํ ตอบส้ัน ๆหรือความสาํ คญั ที่เด่นชดั ของขอ้ ความ เช่น การอา่ นหนงั สือพิมพ์ ประกาศ ขอ้ ความโฆษณา 2. การอ่านเพ่ือศึกษาหาความรู้ เป็นการอา่ นเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา ผอู้ ่านควรอ่านอยา่ งละเอียดและต่อเนื่อง อ่านซ้าํ และทบทวนเพื่อการเรียนรู้ จดจาํ สามารถนาํ ไปใชใ้ นการสอบ การทาํ รายงานและการคน้ ควา้ แสวงหาความรู้อื่น ๆ ต่อไป เช่น การอา่ นตาํ รา บทความทางวชิ าการ งานวจิ ยั 3. การอ่านเพื่อเพ่ิมพูนความรู้ในการประกอบอาชีพ เป็ นการอ่านเพ่ือแสวงหาความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ ที่สามารถนาํ ไปใชใ้ นการประกอบอาชีพและพฒั นาศกั ยภาพในการทาํ งาน ผอู้ ่านควรอ่านอย่างละเอียดเพ่ือใหเ้ กิดความเขา้ ใจ และสามารถนาํ ความรู้จากการอ่านไปประยุกตใ์ ชใ้ นงานอาชีพได้
เช่น การอา่ นคู่มือเยบ็ ปักถกั ร้อย สาํ หรับผปู้ ระกอบอาชีพช่างตดั เส้ือ การอ่านหนงั สือคอมพิวเตอร์ สําหรับ ผู้ที่ใชค้ อมพิวเตอร์ในสาํ นกั งานตา่ ง ๆ 4. การอ่านเพื่อเพิ่มพนู ประสบการณ์ชีวิต เป็ นการอ่านเพื่อใหไ้ ดแ้ นวทางในการดาํ เนินชีวิต หรือแกไ้ ขปัญหาชีวิต รวมท้งั ไดก้ าํ ลงั ใจ หรือทาํ ให้เกิดความเขา้ ใจความหมายและคุณค่าของชีวติ เช่น การอ่านหนงั สือสุขภาพ จิตวทิ ยา ปรัชญา ธรรมะ 5. การอ่านเพื่อความบนั เทิง เป็ นการอ่านที่ทาํ ใหเ้ กิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน ผอ่ นคลายจากความตึงเครียด ผอู้ ่านควรเลือกหนงั สือท่ีสอดคลอ้ งกบั รสนิยมและความสนใจของตน เช่น การอ่าน นวนิยาย การ์ตูน เร่ืองขาํ ขนั สารคดี 6. การอ่านเพ่ือรับรสทางวรรณศิลป์ เป็ นการอ่านหนงั สือในฐานะที่เป็ นงานศิลปะ ทาํ ให้เกิดความสุนทรียท์ างอารมณ์และจิตใจเช่นเดียวกบั การเสพงานศิลปะแขนงอ่ืน ๆ เป็ นตน้ วา่ การฟังดนตรีหรือการชมนาฏศิลป์ ผอู้ ่านควรจะมีความรู้ดีและมีประสบการณ์ในการอ่านสูง สามารถวเิ คราะห์วจิ ารณ์และประเมินค่าหนงั สือท่ีอา่ นได้ เช่น การอ่านวรรณคดี กวนี ิพนธ์ 1.4 การพฒั นาทกั ษะการอ่าน ทกั ษะการอ่านโดยทวั่ ไปมี 2 ระดบั ไดแ้ ก่ อ่านได้ และ อ่านเป็ น “อ่านได”้ เป็ นการอ่านในระดบัอ่านออก สะกดคาํ ได้ อ่านออกเสียงได้ ส่วน “อ่านเป็ น” เป็ นการอ่านในระดบั เขา้ ใจเรื่องที่อ่าน และแสดงความคิดเห็นตอ่ เร่ืองที่อา่ นได้ การอ่านระดบั สูงเนน้ ทกั ษะการอ่านในข้นั อ่านเป็ น กล่าวคือ ผอู้ ่านจะตอ้ งเขา้ ใจเรื่องที่อ่านอยา่ งลึกซ้ึง สามารถแสดงความคิดในเชิงวเิ คราะห์วจิ ารณ์อยา่ งมีหลกั เกณฑ์ มีเหตุผลท่ีน่าเช่ือถือ รวมท้งั ตระหนกัถึงคุณคา่ ของการอ่านวา่ เป็นทกั ษะท่ีช่วยพฒั นาความคิด สติปัญญา อารมณ์และจิตใจของมนุษย์2. แนวทางการอ่าน ท่ี การอ่านมีแนวทางกวา้ ง ๆ 4 วธิ ี ซ่ึงพฒั นาจากระดบั การอ่านข้นั พ้ืนฐานไปสู่ระดบั การอ่านซบั ซอ้ น ดงั น้ี 2.1 การอ่านจบั ใจความ 2.2 การอา่ นวเิ คราะห์ 2.3 การอา่ นตีความ 2.4 การอา่ นประเมินคา่2.1 การอ่านจับใจความ
การอา่ นจบั ใจความ เป็นการอ่านหนงั สืออยา่ งละเอียดเพื่อเก็บแนวคิดหรือสรุปสาระสาํ คญั ของเรื่องที่อ่าน หลกั สาํ คญั ของการอ่านจบั ใจความคือการแยกใจความ (ขอ้ ความสาํ คญั ท่ีสุด) ออกจาก พลความ(ขอ้ ความประกอบ) การอา่ นจบั ใจความมีวธิ ีการต่าง ๆ ดงั ต่อไปน้ี 1. การต้งั คาํ ถามขณะท่ีอ่าน เพือ่ ทาํ ใหเ้ ขา้ ใจจุดมุ่งหมายหรือทิศทางของเรื่องที่อ่าน คาํ ถามโดยทว่ั ไปไดแ้ ก่ ใคร อะไร ท่ีไหน เมื่อไร ทาํ ไม และอยา่ งไร 2. การพิจารณาคาํ หรือวลีซ่ึงบ่งบอกขอ้ ความท่ีเป็ นพลความ ไดแ้ ก่ ส่วนเกริ่นนาํ ส่วนขยาย และส่วนที่กล่าวซ้าํ เพอ่ื เนน้ เม่ือแยกขอ้ ความท่ีเป็นพลความเหล่าน้ีออกไปกจ็ ะไดใ้ จความ 3. การพจิ ารณาคาํ วลี หรือประโยคซ่ึงบง่ บอกขอ้ ความท่ีเป็ นใจความ ไดแ้ ก่ ช่ือเร่ือง ชื่อบท หวั เร่ืองหรือประเด็นเร่ือง การจาํ แนกหวั เร่ืองยอ่ ยเป็ นขอ้ ๆ นอกจากน้ีผอู้ ่านควรสังเกตการเนน้ คาํ วลี หรือประโยคที่สาํ คญั จากขนาดของตวั อกั ษรที่ใหญ่กวา่ ปกติ พิมพต์ วั อกั ษรเขม้ หนากวา่ ปกติ หรือพิมพเ์ ป็ นตวั เอน รวมท้งัการขีดเส้นใตแ้ ละการทาํ เคร่ืองหมายต่าง ๆ กาํ กบั เป็ นพิเศษ ซ่ึงจะช่วยบ่งบอกขอ้ ความท่ีเป็ นใจความไดอ้ ีกทางหน่ึง 4. การพจิ ารณาประโยคใจความสาํ คญั ในยอ่ หนา้ โดยทวั่ ไปยอ่ หนา้ แต่ละยอ่ หนา้ มกั มีใจความสําคญัเพียงใจความเดียว และมีใจความรองหรือรายละเอียดที่สนบั สนุนใจความสําคญั ให้ชดั เจนข้ึน ประโยคที่แสดงใจความสาํ คญั ของยอ่ หนา้ มกั มีเพยี ง 1 - 2 ประโยค และวางไวใ้ นตาํ แหน่งต่าง ๆ กนั อาจจะอยตู่ อนตน้กลาง ทา้ ย หรืออยทู่ ้งั ตน้ และทา้ ยของย่อหน้าก็ได้ ส่วนประโยคที่แสดงใจความรองหรือเรียกวา่ ประโยคขยายความในยอ่ หนา้ อาจมีไดห้ ลายประโยค โดยวิธีการต่าง ๆ กนั ไดแ้ ก่ การใหร้ ายละเอียด การนิยามหรือการจาํ กดั ความ การแสดงเหตุผล การยกตวั อยา่ ง และการเปรียบเทียบ ประโยคเหล่าน้ีช่วยทาํ ใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจความคิดสาํ คญั ของผเู้ ขียนไดช้ ดั เจนข้ึนตัวอย่างย่อหน้าทม่ี ีประโยคใจความสาคัญอยู่ต้นย่อหน้า เมืองไทยน้ัน หมากเป็ นวัฒนธรรมถึงข้ันเป็ นราชประเพณอี ย่างหนึ่ง เวลาพระเจา้ อยหู่ วั เสด็จออกมหาสมาคม หรือในงานใหญ่ ๆ พนกั งานจะตอ้ งต้งั พานพระศรี คือ พานหมากนน่ั เอง และใน พานพระศรีน้นั ก็มิใช่ต้งั กนั หลอก ๆ ตอ้ งมีหมากพลูยาเส้น และเคร่ืองกินกบั หมากไวใ้ หค้ รบ แปลวา่ ถา้ หากพานพระศรียงั เหลืออยู่ วฒั นธรรมเร่ืองการกินหมากน้ีก็จะตอ้ งยงั อยู่ เพราะจะตอ้ งหาหมากใส่พานพระศรีทุกคร้ังที่มีการเสด็จออกแบบน้นั (ม.ร.ว.คึกฤทธ์ิ ปราโมช 2534 : 5)ตวั อย่างย่อหน้าทมี่ ปี ระโยคใจความสาคัญอย่กู ลางย่อหน้า
ในการศึกษาเปรียบเทียบวฒั นธรรมต่าง ๆ นกั มานุษยวิทยาจะไม่ตดั สินใจว่าวฒั นธรรมแบบใดดีกวา่ แบบใด แตถ่ ือวา่ ทุกวฒั นธรรมมีความเหมาะสมกบั สภาพสังคมและส่ิงแวดลอ้ มของตน ประการสําคญัก็คือ เราจะเข้าใจวัฒนธรรมได้อย่างถ่องแท้ จะต้องศึกษาจากกฎเกณฑ์หรือระบบภายในสังคมน้ัน จะเอาเกณฑ์ของสังคมหนึ่งไปตดั สินพฤตกิ รรมของคนในอีกสังคมหน่ึงไม่ได้ เช่น ถา้ จะบอกวา่ ‚วฒั นธรรมฝร่ังน้ีหยาบชอบใชเ้ ทา้ ‛ อยา่ งน้ีเท่ากบั เอาเกณฑ์ของวฒั นธรรมไทยซ่ึงถือมากเรื่องเทา้ เรื่องการวางเทา้ การใชเ้ ทา้ไปตดั สินวฒั นธรรมอื่นซ่ึงเขาไม่มีความคิดไม่มีทศั นคติว่าเทา้ เป็ นสิ่งหยาบ การที่นกั มานุษยวทิ ยาจะศึกษาพฤติกรรมใดก็จะตอ้ งดูวา่ ระบบวฒั นธรรมน้นั ๆ เป็ นอย่างไร มีความเชื่อ มีทศั นคติในเรื่องน้นั ๆอยา่ งไร (ศิราพร ฐิตะฐาน ณ ถลาง 2537 : 120 – 121)ตัวอย่างย่อหน้าทม่ี ีประโยคใจความสาคัญอยู่ท้ายย่อหน้า หยกยอ่ มมาจากหินชนิดหน่ึง ถา้ เราทิ้งขวา้ งไม่สนใจ ก็เป็ นเพียงหินธรรมดากอ้ นหน่ึง แมภ้ ายในจะมีหยกเร้นอยู่ ก็ไม่สามารถปรากฏความมีค่าของมนั ได้ แต่ถา้ มนุษยน์ าํ มาเจียระไนเอาความเป็ นหยกออกมาจากหิน แกะสลกั ให้สวยงาม ก็จะเป็ นของมีค่าสําหรับฮ่องเตแ้ ละขนุ นาง กลายเป็ นสัญลกั ษณ์ ท่ีจะตอ้ งติดตวั ไวแ้ สดงถึงความมีบุญหนกั ศกั ด์ิใหญ่ ยามที่ฮ่องเตอ้ อกขุนนางก็ตอ้ งมีหยกไวแ้ สดงความเป็ นใหญ่ในแผน่ ดิน ขนุ นางเขา้ เฝ้ าฮอ่ งเตก้ ต็ อ้ งถือหยกพระราชทานไวใ้ นมือ เพอ่ื แสดงความเคารพและจงรักภกั ดีต่อฮ่องเต้ หยกยงั นาํ มาใชใ้ นพิธีกรรมอ่ืน ๆ อีกมากมาย… หยกมีความงามและความสาคัญขึน้ มาได้เพราะฝี มือของมนุษย์เอง… (เจือจนั ทน์ อชั พรรณ , ผแู้ ปล 2528 : 78 – 79)ตวั อย่างย่อหน้าทม่ี ปี ระโยคใจความสาคญั อย่ตู ้นและท้ายย่อหน้า ปลาหมอเทศน้นั มีลกั ษณะที่ตรงกนั ขา้ มกบั ปลาหมอไทยอยตู่ รงท่ีวา่ ปลาหมอเทศมิได้ตายด้วยปากเลย แต่อยู่ได้เพราะปาก และสามารถเผยแพร่พนั ธ์ุได้มากมาย เป็ นประโยชน์แก่ผเู้ ล้ียงก็เพราะปากของปลาหมอเทศน้นั เอง ท้งั น้ีเพราะเมื่อปลาหมอเทศวางไข่แลว้ ก็จะตอ้ งคอยเฝ้ าระแวดระวงั ไข่ของตนน้นั อยู่ หากปรากฏวา่ มีปลาอื่น ๆ ที่เป็ นศตั รู เช่น ปลาช่อนแวดกรายเขา้ มาใกลเ้ พ่ือจะกินไข่ ปลาหมอเทศ ก็จะใชป้ ากของตนน้นั เองอมไข่เอาไว้ เพ่ือมิใหป้ ลาหรือสัตวอ์ ื่นท่ีเป็ นศตั รูทาํ อนั ตรายได้ และนอกจากจะ อมไข่ให้พน้อนั ตรายแลว้ พอไขก่ ลายเป็ นลูกปลาเล็ก ๆ ปลาหมอเทศก็จะวา่ ยติดตามลูกของตนท้งั ครอก และคอยคุม้ กนัอนั ตรายดว้ ยวิธีอมเขา้ ไวใ้ นปากจนกว่าลูกปลาจะโต ดว้ ยเหตุน้ีปลาหมอเทศจึง “อยู่ได้เพราะปาก” และสามารถขยายพนั ธ์ุเพม่ิ จานวนให้แก่ผ้เู ลยี้ งได้อย่างน่าดู
(ม.ร.ว. คึกฤทธ์ิ ปราโมช 2541 :56) การพจิ ารณาประโยคใจความสําคญั ในยอ่ หนา้ เป็ นหลกั สังเกตอยา่ งหน่ึงในการอ่านจบั ใจความ แต่อาจจะมีขอ้ จาํ กดั อยบู่ า้ งเพราะยอ่ หนา้ บางยอ่ หนา้ อาจไมป่ รากฏประโยคใจความสาํ คญั 5. การสรุปใจความจากการอ่านอยา่ งเขา้ ใจ เป็ นวธิ ีการที่ใชป้ ระกอบกนั ท้งั การต้งั คาํ ถามขณะ ท่ีอ่าน การพิจารณาคาํ วลี หรือประโยค ซ่ึงบ่งบอกขอ้ ความท่ีเป็ นพลความ หรือที่เป็ นใจความ รวมถึงการพจิ ารณาประโยคใจความสาํ คญั ในยอ่ หนา้ การสรุปใจความจากการอ่านอยา่ งเขา้ ใจเป็ นวิธีการท่ีมีประโยชน์สําหรับนกั อ่านเพื่อท่ีจะอ่านขอ้ ความขนาดยาวหรือหนงั สือจาํ นวนมาก ๆ ได้ การสรุปใจความ ไดอ้ ยา่ งดีน้นั เกิดจากการอ่านอยา่ งละเอียด มีสมาธิติดตามเร่ืองที่อ่าน พ้ืนฐานการใชภ้ าษาดี ความจาํ ดี และสามารถเชื่อมโยงความสัมพนั ธ์ของประเด็นเรื่องท่ีอ่านไดด้ ี หรือเรียบเรียงเร่ืองท่ีอ่านไดใ้ หม่ดว้ ยระบบความคิดของผอู้ ่านเอง 2.2 การอ่านวเิ คราะห์ การอ่านวเิ คราะห์เป็นการอ่านอยา่ งพจิ ารณาใคร่ครวญส่วนประกอบของเรื่องที่อ่านอยา่ งละเอียด ในดา้ นรูปแบบ เน้ือหา การนาํ เสนอเน้ือหา และการใชภ้ าษา มีแนวทางในการอา่ นดงั น้ี 1. พิจารณารูปแบบ การพิจารณารูปแบบของเร่ืองท่ีอ่านหรืองานเขียน เป็นการพจิ ารณาลกั ษณะของงานเขียนวา่ เป็ นร้อยแกว้ หรือร้อยกรอง พิจารณาประเภทของงานเขียนวา่ เป็นสารคดีหรือบนั เทิงคดีชนิดใด 2. พจิ ารณาเน้ือหา การพิจารณาเน้ือหา เป็ นการอ่านเพื่อแยกแยะวา่ ขอ้ ความใดเป็ นใจความสําคญั ขอ้ ความใดเป็ นการขยายความ ขอ้ ความใดเป็นขอ้ เทจ็ จริง ขอ้ คิดเห็น หรือความรู้สึกของผเู้ ขียน 3. พจิ ารณาการนาํ เสนอเน้ือหา การพิจารณาการนาํ เสนอเน้ือหา เป็ นการพิจารณาการต้งั ชื่อเร่ือง การนาํ เรื่อง การดาํ เนินเรื่อง และการปิ ดเรื่องวา่ มีวธิ ีการอยา่ งไร 4. พิจารณาการใชภ้ าษา การพิจารณาการใชภ้ าษา เป็ นการพิจารณาระดบั ภาษา การใชค้ าํ ประโยค สาํ นวนโวหารและความเปรียบ เพอื่ ส่ือความหมายที่ผเู้ ขียนตอ้ งการ 2.3 การอ่านตคี วาม การอ่านตีความ หมายถึง การอ่านโดยการพิจารณาสารหรือความหมายท่ีผเู้ ขียนส่งมายงั ผอู้ ่าน งานเขียนบางเรื่องผูเ้ ขียนไม่ได้ส่ือความหมายอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมา เพราะตอ้ งการแฝงปรัชญาและความหมายบางประการ หรือตอ้ งการแสดงศิลปะในการใชภ้ าษา หรือตอ้ งการหลีกเล่ียงการกล่าวพาดพิงถึง
บุคคลและเหตุการณ์โดยตรง เพราะเกรงวา่ จะเป็ นการละเมิดต่อขอ้ กฎหมาย เป็ นตน้ จึงทาํ ใหผ้ อู้ ่านตอ้ งอ่านแบบ ‚ตีความ‛ เพราะงานเขียนบางชิ้นหากอ่านแบบไม่ตอ้ งตีความก็จะมีความหมายอยา่ งหน่ึง แต่หากผา่ นการตีความก็จะเป็ นความหมายอีกอยา่ งหน่ึง ดงั น้นั ผอู้ ่านที่จะตีความไดถ้ ูกตอ้ งตรงกบั จุดมุ่งหมายของผเู้ ขียน จะตอ้ งเป็ นผทู้ ี่มีความรอบรู้ รอบคอบ ช่างสังเกต มีประสบการณ์ในหลาย ๆ ดา้ น โดยสามารถพิจารณาจากองคป์ ระกอบของรูปแบบการเขียน ตวั ผเู้ ขียน ช่วงระยะเวลาท่ีผลิตงาน ประเภทของหนงั สือที่ตีพิมพ์ ภาพประกอบ เครื่องหมายต่าง ๆ การเวน้ วรรคของถอ้ ยคาํ ตลอดจนกระทงั่ ลกั ษณะเด่นของคอลมั น์น้นั ๆ ก็จะทาํ ใหม้ ีการตีความท่ีกระจ่างชดั ถูกตอ้ ง แมน่ ยาํ ยง่ิ ข้ึน พทิ ยา ลิ้มมณี (2537: 16) ไดเ้ สนอสิ่งที่ควรพิจารณาในการตีความดงั น้ี 1. จุดประสงคห์ รือเจตนาของผเู้ ขียน ผเู้ ขียนมกั จะต้งั จุดประสงคข์ องตนไวว้ า่ จะเขียนเพ่ืออะไร ทาํ ไมจึงตอ้ งเขียน หากงานเขียนเร่ืองใดท่ีผเู้ ขียนไดบ้ อกจุดประสงคต์ ้งั แตแ่ รกก็อาจจะไมต่ อ้ งตีความแต่อยา่ งใด แต่หากผเู้ ขียนมิไดบ้ อกไว้ นนั่ ยอ่ มทาํใหผ้ อู้ ่านตอ้ งคน้ หาตอ่ ไป 2. สาร การคน้ หาสารสาํ คญั ในงานเขียน ผอู้ ่านจาํ เป็ นตอ้ งอ่านทบทวนอยา่ งรอบคอบ เพราะนกั เขียน บางคนเจตนาซ่อนสารไว้ หากผอู้ ่านไม่ทบทวนใหร้ อบคอบอาจทาํ ใหเ้ กิดความเขา้ ใจไขวเ้ ขวได้ 3. น้าํ เสียง การคน้ หาน้าํ เสียงของผเู้ ขียนเป็ นการคน้ หาความรู้สึกของผูเ้ ขียนในการเขียนเรื่องน้นั ๆ ซ่ึงเป็ นความหมายระหว่างบรรทดั ที่ผูเ้ ขียนไดแ้ ทรกไว้ ผูอ้ ่านสามารถสังเกตได้จากการใช้ถ้อยคาํ สํานวนทว่ งทาํ นองการเขียน ซ่ึงจะทาํ ใหผ้ อู้ า่ นรู้จกั ผเู้ ขียนไดว้ า่ เป็นคนเช่นไร และรู้สึกอยา่ งไรตอ่ เร่ืองท่ีตนเองเขียน นอกจากจุดประสงค์หรือเจตนาของผเู้ ขียน สาร และน้าํ เสียงแลว้ สิ่งที่ควรพิจารณาในการอ่านตีความอีกประการหน่ึงคือ การสร้างจินตภาพ ‚จินตภาพ‛ หรือ ‚ภาพในจิต‛ หมายถึง ภาพที่ปรากฏในจินตนาการตามประสบการณ์ที่ผา่ นมา ภาพในจิตน้ีเป็นภาพที่เห็นดว้ ยใจคิดดว้ ยความรู้สึก (กหุ ลาบ มลั ลิกะมาส 2528 : 125) จินตภาพเกิดจากการใชภ้ าษาในลกั ษณะต่าง ๆ ในท่ีน้ีจะกล่าวถึงจินตภาพท่ีเกิดจากการสรรคาํ และจินตภาพที่เกิดจากการใชภ้ าพพจน์ จินตภาพท่ีเกิดจากการสรรคาํ เช่น – จินตภาพท่ีเกิดข้ึนเป็นภาพเหมือนกบั มองเห็นดว้ ยตา เช่น สวย สวา่ ง มืด สีดาํ สีแดง – จินตภาพที่เกิดจากเสียง เหมือนกบั การไดย้ นิ เสียงจากโสตสัมผสั เช่น ดงั คอ่ ย กึกกอ้ ง – จินตภาพท่ีเกิดข้ึนเป็นกล่ิน ผอู้ ่านรู้สึกเหมือนไดด้ มกลิ่นน้นั ดว้ ยนาสิกสมั ผสั เช่น เหมน็ หอม – จินตภาพท่ีเกิดข้ึนเป็นอาการสัมผสั จบั ตอ้ ง เช่น นุ่ม แขง็ กระดา้ ง สาก หยาบ – จินตภาพท่ีเกิดจากการรู้รส เช่น เคม็ เปร้ียว หวาน ฝาด ข่ืน
จินตภาพที่เกิดจากการใชภ้ าพพจน์ เช่น อุปมา อุปลกั ษณ์ บุคคลวตั อติพจน์ และสญั ลกั ษณ์ อุปมา (Simile) คือ การเปรียบสิ่งหน่ึงวา่ เหมือนกบั อีกสิ่งหน่ึง โดยมีคาํ เช่ือมที่แสดงความหมายวา่เหมือนกนั อาทิ เหมือน ดุจ ดง่ั ราวกบั ปาน ประหน่ึง ฯลฯตัวอย่าง ฉุกใจไดค้ ิดสิการแลว้ ดั่งดวงแกว้ ตกตอ้ งแผน่ ผา ร้าวระยาํ ช้าํ จิตเจบ็ อุรา ประหน่ึงวา่ จะวายชีวี (อเิ หนา พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2)อิเหนาเสียดายยงิ่ นกั ที่เสียนางบุษบาไป (ให้แก่จรกา) เหมือนกบั ทาํ ดวงแกว้ พลดั ตกกระทบหินผาใหเ้ จบ็ ร้าวในใจราวกบั จะสิ้นชีวติ อุปลักษณ์ (Metaphor) คือ การเปรียบอิงแนวเทียบ มกั เปรียบโดยใชค้ าํ วา่ ‚เป็ น‛ กบั ‚คือ‛ แต่บางคร้ังผเู้ ขียนจะเปรียบของส่ิงหน่ึงวา่ เป็นอีกสิ่งหน่ึงโดยไม่ตอ้ งอาศยั คาํ เช่ือมก็ได้ตัวอย่างการใช้อุปลกั ษณ์ทมี่ ีคาเช่ือม “เป็ น” กบั “คอื ” สาํ หรับแมลงผ้งึ น้นั บุปผาเป็ นธารน้าํ พุแห่งชีวติ (ปรัชญาชีวติ คาลิล ยบิ ราน)ผเู้ ขียนเปรียบเทียบดอกไมเ้ ป็นน้าํ พแุ ห่งชีวติ ของแมลงผ้งึ (เพราะแมลงผ้งึ ไดน้ ้าํ หวานจากดอกไม)้ ชีวติ คือความมืดแน่แท้ เวน้ เสียแต่เมื่อมีความมุ่งมาด (ปรัชญาชีวติ คาลิล ยบิ ราน)ผเู้ ขียนเปรียบเทียบชีวติ กบั ความมืด ถา้ ชีวติ น้นั ไร้ซ่ึงความมุง่ มาดปรารถนาตวั อย่างการใช้อปุ ลกั ษณ์ด้วยการองิ แนวเทยี บ แกว้ พร่ี าวผกายรุ้งแกว้ กรุงศรี งามมณเี นตรฉ่าํ เพชรน้าํ ฝน (คาหยาด เนาวรัตน์ พงษไ์ พบูลย)์
กวเี ปรียบเทียบนยั น์ตาของหญิงสาววา่ เหมือนแกว้ มณีและมีประกายสดใสชุ่มช้ืนเหมือนน้าํ ฝน ท่ีหยาดลงมาเป็ นเพชรงดงาม นกั วิจารณ์ตะวนั ตกก็กระโดดไม่พน้ ไปจากบ่อทางด้านจิตใจของตวั เอง เพื่อท่ีจะมาคน้ พบมหาสมุทรอนั ไพศาลของวรรณคดีรพินทรนาถ (‚คาํ นาํ ‛ ใน โศลกแห่งความรัก รพินทรนาถ) ผเู้ ขียนเปรียบเทียบผลงานวรรณกรรมของชาติตะวนั ตกเท่ากบั บ่อน้าํ ในขณะที่วรรณคดีของรพินทรนาถ (ซ่ึงเป็นปราชญช์ าติตะวนั ออก) ยง่ิ ใหญเ่ ทียบเทา่ มหาสมุทร บุคคลวตั (Personification) คือการเปรียบเทียบโดยนาํ ส่ิงท่ีไม่มีชีวติ หรือมีชีวิตแต่ไม่ใช่คนมาแสดงกิริยาอาการราวกบั เป็นคนตวั อย่างขา้ นอ้ ยมีครูอยทู่ ว่ั ฟ้ า เดือนดาราแจ่มจา้ สรวงสวรรค์เล่าเร่ืองราตรีท่ีมหศั จรรย์ โลกต่างตา่ งน้นั ดุจเพชรพลอย (‚ขา้ นอ้ ยมีครูอยทู่ วั่ ฟ้ า‛ องั คาร กลั ยาณพงศ)์กวีเปรียบเทียบให้เดือนดาวซ่ึงไม่มีชีวติ กระทาํ กิริยาอาการราวกบั เป็ นคน โดยยกย่องให้เป็ นครูผบู้ อกเล่าเร่ืองราวตา่ ง ๆ ได้อติพจน์ (Hyperbole) คือ การเปรียบเทียบโดยการกล่าวเกินความจริงตัวอย่าง มาทาํ อาหารใหค้ นไร้สิ้น จะสอยดาวสาวเดือนท่ีเกล่ือนฟ้ า เอามาสินเยบ็ เป็นเส้ือเผอื่ คนจน ฟันนภาที่เห็นออกเป็ นชิ้น จดั สรรใหค้ นพาํ นกั พกั ทุกหน จบั เอาดวงตะวนั อนั กวา้ งใหญ่ แลว้ คิดคน้ ปรุงเป็นยาฆา่ โรคภยั เท่ียวรวบรวมธาตุมาท้งั สากล (วทิ ยากร เชียงกลู อา้ งถึงในวรรคทองของชีวติ บทกวเี พอื่ ชีวติ พ.ศ. 2500–2519 ภิญโญ กองทอง)
กวีปรารถนาท่ีจะช่วยเหลือมวลชนผยู้ ากไร้ โดยการกล่าวเกินความจริง ไดแ้ ก่ สอยดาวเดือนมาทาํ อาหาร ฟันทอ้ งฟ้ ามาตดั เยบ็ เป็ นเส้ือผา้ จบั ดวงตะวนั มาจดั สรรเป็ นท่ีพาํ นกั และรวบรวมธาตุต่าง ๆ ปรุงเป็ นยารักษาโรค สัญลกั ษณ์ (Symbol) เป็นความเปรียบเกิดจากการใชค้ วามเปรียบแบบอุปลกั ษณ์จนเป็ นที่ยอมรับและเขา้ ใจร่วมกนั ในสังคม สัญลกั ษณ์มีท้งั ที่เป็ นสัญลกั ษณ์สากล ดงั เช่น การใชส้ ีเป็ นสัญลกั ษณ์ อาทิ สีดาํเป็นสัญลกั ษณ์ของความเลวร้าย ความโศกเศร้า สีขาวเป็นสญั ลกั ษณ์หมายถึงความบริสุทธ์ิ ความดีงาม สีทองหมายถึงความรุ่งเรือง สีแดง หมายถึงความรุนแรง เลือด นอกจากน้ียงั มีการใชส้ ัตวเ์ ป็ นสัญลกั ษณ์ ที่รู้จกั กนั ดี เช่น พิราบขาว เป็ นสัญลกั ษณ์ของสันติภาพหงส์เป็นสัญลกั ษณ์หมายถึงผสู้ ูงศกั ด์ิ กา หมายถึงผตู้ ่าํ ตอ้ ยตวั อย่าง ดอกไม้ ดอกไมจ้ ะบานบริสุทธ์ิกลา้ หาญ จะบานในใจ สีขาว หนุ่มสาวจะใฝ่แน่วแน่แกไ้ ข จุดไฟศรัทธา ...... (‚ดอกไมจ้ ะบาน‛ จิระนนั ท์ พติ รปรีชา)ดอกไมเ้ ป็ นสัญลกั ษณ์แทนคนหนุ่มสาว สีขาวเป็ นสัญลกั ษณ์แทนความบริสุทธ์ิ กลา้ หาญ พลงัศรัทธาและจิตสาํ นึกที่ดีงามของคนหนุ่มสาว การอ่านตีความงานเขียนท้งั ร้อยแกว้ และร้อยกรองเพื่อให้ไดค้ วามหมายท่ีกระจ่างชดั ถูกตอ้ ง และแม่นยาํ ผูอ้ ่านควรคาํ นึงถึงจุดประสงคห์ รือเจตนาของผูเ้ ขียน สาร และน้าํ เสียงเป็ นหลกั ส่วนการสร้างจินตภาพโดยเฉพาะการใชภ้ าพพจน์น้นั เป็นวรรณศิลป์ ซ่ึงอาจไม่ปรากฏอยา่ งชดั เจนในการเขียนร้อยแกว้ แต่กวผี แู้ ต่งบทร้อยกรองมกั ใหค้ วามสาํ คญั คอ่ นขา้ งมาก 2.4 การอ่านประเมนิ ค่า การประเมินค่าเป็ นการตดั สินความถูกตอ้ ง เที่ยงตรงและคุณค่าของเรื่องที่อ่านวา่ ถูกตอ้ งชดั เจนหรือไม่ เช่ือถือไดม้ ากนอ้ ยเพียงใด มีคุณค่าหรือไม่อยา่ งไร โดยพิจารณาเน้ือหา วิธีการนาํ เสนอและการใช้ภาษา การประเมินค่าจึงตอ้ งไตร่ตรองอยา่ งละเอียดรอบคอบ คือจะตอ้ งมีขอ้ มูล หลกั เกณฑ์ และเหตุผลการประเมินคา่ อาจพจิ ารณาตามประเภทของงานเขียนไดด้ งั น้ี
1. สารคดี จะตอ้ งเสนอความรู้ท่ีน่าสนใจ ถูกตอ้ ง และน่าเชื่อถือ เสนอความเห็นท่ีมีเหตุผล มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ จริงใจ และเป็ นกลาง การเสนอเร่ืองสนุกสนาน ชวนติดตามต่อเนื่อง ใชภ้ าษาชดั เจน เขา้ ใจง่าย เหมาะแก่ผอู้ ่าน 2. บันเทงิ คดี 2.1 พจิ ารณาองคป์ ระกอบของเรื่อง ดงั น้ี - โครงเรื่องตอ้ งแสดงการกระทาํ และเหตุการณ์ที่เกี่ยวโยงต่อเนื่องกนั มีลกั ษณะสมจริง - เน้ือเรื่องก่อใหเ้ กิดความเพลิดเพลินและสติปัญญาแก่ผอู้ ่าน - แนวคิดของเรื่องชดั เจนและมีคุณค่าแก่ผอู้ า่ น - ตวั ละครและฉากมีลกั ษณะสมจริงและช่วยเสนอแนวคิดของเรื่อง 2.2 การเสนอเร่ืองชวนติดตาม เร้าความสนใจของผอู้ ่าน 2.3 การใชภ้ าษาชดั เจนและเขา้ ใจง่าย3. การอ่านงานเขียนประเภทต่าง ๆ 3.1 การอ่านสารคดี สารคดี หมายถึงเรื่องท่ีไม่ใช่เรื่องสมมุติ (non – fiction) เป็ นเร่ืองจริงที่เกิดข้ึน จุดมุ่งหมายของการเขียนงานประเภทสารคดีคือ ตอ้ งการใหค้ วามรู้ความคิดแก่ผอู้ ่านเป็ นหลกั อาจมีจุดมุ่งหมายรองเพ่ือใหค้ วามเพลิดเพลินแก่ผอู้ า่ น รูปแบบงานเขียนต่าง ๆ ที่จะจดั วา่ เป็ นสารคดีน้นั มีผแู้ ยกแยะประเภทยอ่ ย ๆ ไวแ้ ตกต่างกนั มากมายท้งั น้ีอาจเป็ นเพราะเน้ือเร่ืองที่จะนาํ มาเขียนสารคดีน้นั ไม่มีขอบเขตจาํ กดั หากเป็ นเร่ืองที่ให้สาระท้งั ความรู้และความคิดก็นาํ มาเขียนเป็ นสารคดีไดท้ ้งั สิ้น ตรีศิลป์ บุญขจร (2526 : 715) ไดแ้ บ่งงานเขียนสารคดีตามรูปแบบและวธิ ีการเขียนเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่ 1. บทความ 2. ความเรียง 3. งานเขียนประเภทเร่ืองเล่าจากประสบการณ์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น จดหมาย อนุทิน บนั ทึก ความทรงจาํ จดหมายเหตุ ฯลฯ บทความยงั แบง่ เป็ นประเภทยอ่ ย ๆ ตามลกั ษณะการเขียนและเน้ือหาได้ 6 ประเภท ซ่ึงบทความ ท้งั6 ประเภทน้ีมีองคป์ ระกอบของบทความร่วมกนั แต่มีจุดมุ่งหมายในการเขียน ปริมาณของขอ้ มูลความรู้กบัความคิดเห็นและวธิ ีการเขียนแตกตา่ งกนั 1) บทความวชิ าการ
บทความวชิ าการ คืองานเขียนท่ีผเู้ ขียนตอ้ งการเผยแพร่ความรู้ดา้ นวิชาการโดยตรง ท่ีเป็ นผลจากการศึกษาคน้ ควา้ วิเคราะห์ วิจยั มุ่งความสมบูรณ์ ความถูกตอ้ งของเน้ือหาเป็ นสาํ คญั มีการอา้ งอิงแหล่งท่ีมาของขอ้ มูลในรูปของเชิงอรรถและบรรณานุกรม ใชภ้ าษาแบบแผน และอาจใชศ้ พั ทเ์ ฉพาะของสาขาน้นั ๆ ดว้ ย หากใชภ้ าษาง่าย ๆ แบบเป็นกนั เองมกั จะเรียกวา่ บทความก่ึงวชิ าการ 2) บทความวเิ คราะห์ บทความวเิ คราะห์ เป็ นบทความท่ีมุ่งการวิเคราะห์ปัญหาใดปัญหาหน่ึง อาจเป็ นการวเิ คราะห์เหตุการณ์ วิกฤตการณ์ที่เกิดข้ึน เช่น การวเิ คราะห์ข่าวในหนงั สือพิมพ์ วิเคราะห์ปัญหาทางการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม เป็ นตน้ การวิเคราะห์ตอ้ งใชข้ อ้ มูลประกอบที่น่าเชื่อถือ ผลวเิ คราะห์น้นั จึงมีคุณค่าเป็นท่ียอมรับ ท้งั ยงั ไม่แสดงความโนม้ เอียงไปทางใดทางหน่ึง 3) บทความแสดงความคิดเหน็ บทความแสดงความคิดเห็น หมายถึงบทความที่มีจุดมุ่งหมายจะแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นใดประเด็นหน่ึง ปัญหา วกิ ฤตการณ์ หรือเรื่องใดเร่ืองหน่ึง ความคิดเห็นที่เสนอควรไดม้ าจากการวิเคราะห์การใชว้ จิ ารณญาณไตร่ตรองของผเู้ ขียน โดยผา่ นการสํารวจปัญหาที่มาของเรื่อง และขอ้ มูล ต่าง ๆ อยา่ งละเอียดถี่ถว้ นแลว้ ความคิดเห็นที่เสนออาจเป็ นวิธีการแกไ้ ขปัญหาตามทรรศนะของผเู้ ขียน หรือการโตแ้ ยง้ความคิดเห็นของผอู้ ่ืนที่มีมาก่อนแลว้ บทความแสดงความคิดเห็นที่ดีควรเสนอทรรศนะใหม่ที่ไม่เคยมีใครคิดมาก่อน หรือเสนอทรรศนะที่มีเหตุผลเป็ นการสร้างสรรค์ ไม่ใช่บ่อนทาํ ลาย ความน่าเช่ือถือของความคิดเห็นท่ีเสนอข้ึนอยกู่ บัการสาํ รวจ วเิ คราะห์ปัญหา การใชป้ ัญญาไตร่ตรองโดยปราศจากอคติ และการแสดงถึงเจตนาดีของผเู้ ขียนที่มีต่อประโยชนส์ ่วนรวม 4) บทความเชิงวจิ ารณ์ บทความเชิงวิจารณ์ มีจุดมุ่งหมายการเขียนเพ่ือวิพากษ์วิจารณ์เรื่องใดเร่ืองหน่ึง โดยใช้หลกั เกณฑห์ รือทฤษฎีที่เก่ียวขอ้ งกบั เรื่องที่จะวจิ ารณ์ มาช่วยในการพจิ ารณาและประเมินคุณค่า โดยทวั่ ไปคาํวา่ วจิ ารณ์จะหมายรวมถึงการวเิ คราะห์ (แยกแยะ) การวนิ ิจ (พิจารณา) และการวิพากษ์ (ประเมินคุณค่า) ดว้ ยกล่าวคือ การวจิ ารณ์ตอ้ งมีพ้ืนฐานมาจากการวเิ คราะห์แยกแยะองคป์ ระกอบต่าง ๆ แลว้ นาํ มาพิจารณาอยา่ งถี่ถว้ น จากน้นั จึงวินิจฉยั ประเมินคุณค่าของสิ่งน้นั ๆ ดว้ ยเหตุผลและหลกั ทฤษฎี บทความเชิงวจิ ารณ์ที่นิยมเขียนกนั ไดแ้ ก่ บทวจิ ารณ์หนงั สือ บทวจิ ารณ์ภาพยนตร์ หรือศิลปะแขนงอ่ืน ๆ เช่น ละคร ภาพเขียน เป็นตน้ 5) บทความสารคดี บทความสารคดี คือบทความที่เขียนบรรยายถึงเร่ืองใดเร่ืองหน่ึงโดยมุ่งเสนอความรู้เก่ียวกบัเร่ืองน้นั อยา่ งละเอียดชดั เจน เน้ือหาของบทความสารคดีจะเนน้ ที่การใหค้ วามรู้มากกวา่ ความคิดเห็น ขอ้ มูลที่
นาํ มาเขียนมกั ไดม้ าจากประสบการณ์ตรง คือผูเ้ ขียนเป็ นผูร้ ู้เร่ืองราวน้นั ไดพ้ บได้เห็นด้วยตนเองแลว้รวบรวมมาเขียน หรือไดม้ าจากการคน้ ควา้ รวบรวมประสบการณ์ทางออ้ ม เช่น การสัมภาษณ์ คน้ ควา้ จากหนงั สือเอกสารต่าง ๆ บทความสารคดีจะใหค้ วามสําคญั กบั วิธีการเขียนที่มุ่งให้ความเพลิดเพลินกบั ผอู้ ่านการเขียนจึงใชภ้ าษาท่ีไมเ่ ป็นทางการนกั ใชภ้ าษาง่าย ๆ อาจปะปนดว้ ยภาษาพดู ภาษาปากบา้ ง บทความสารคดีที่เป็ นที่นิยมมกั เป็ นเร่ืองที่ผเู้ ขียนพบเองเห็นเอง เช่น สารคดีท่องเท่ียว สารคดีชีวิตบุคคล สารคดีท่ีให้เกร็ดความรู้เรื่องอาชีพต่าง ๆ โบราณวตั ถุ โบราณสถาน หรือขอ้ มูลที่นาํ มาเขียนไดจ้ ากการสัมภาษณ์บุคคลซ่ึงเป็นท่ีน่าเชื่อถือ หรือเป็นผรู้ ู้ในเร่ืองน้นั ๆ 6) บทความสัมภาษณ์ บทความสัมภาษณ์ คือบทความท่ีขอ้ มูลซ่ึงนาํ มาเขียนไดจ้ ากการสัมภาษณ์บุคคล หรือกลุ่มบุคคล การสัมภาษณ์เป็ นการเก็บขอ้ มูลช้นั ตน้ วธิ ีการหน่ึงซ่ึงใชก้ นั ทวั่ ไปในวงวชิ าการ คุณค่าของบทความสัมภาษณ์อยทู่ ี่ความรู้ หรือความคิดเห็นของบุคคลที่ใหส้ ัมภาษณ์ นอกจากน้ีบทความสัมภาษณ์บางลกั ษณะยงั ทาํ ให้ไดเ้ ขา้ ใจและมองเห็นแนวโน้มเก่ียวกบั ทศั นคติของบุคคลต่าง ๆ ต่อปัญหาหรือเหตุการณ์อยา่ งใดอยา่ งหน่ึงดว้ ย แนวทางการอ่านสารคดี 1. พิจารณาการต้งั ช่ือเรื่องว่ามีความเหมาะสม สอดคลอ้ งและครอบคลุมเน้ือเรื่องของสารคดีหรือบทความหรือไม่ 2. พิจารณาจุดประสงคข์ องผเู้ ขียนวา่ เขียนข้ึนเพอ่ื อะไร 3. พิจารณาวธิ ีการนาํ เสนอเน้ือหาในส่วนของคาํ นาํ เน้ือเร่ือง และสรุป 4. จบั ใจความความสาํ คญั หรือสรุปสาระสําคญั ของเร่ืองท่ีอ่านใหไ้ ดว้ า่ ใคร ทาํ อะไร ที่ไหน เม่ือไรเกิดผลอยา่ งไร 5. แยกขอ้ ความที่เป็ นขอ้ เท็จจริงและขอ้ คิดเห็นของผเู้ ขียนที่ปรากฏในเน้ือเร่ือง และตอ้ งพิจารณาใหไ้ ดว้ า่ ขอ้ ความดงั กล่าวมีเหตุผลถูกตอ้ ง สมควรเชื่อถือไดเ้ พยี งใด 6. พิจารณาการใชภ้ าษาและน้าํ เสียงของผเู้ ขียนวา่ มีลกั ษณะอยา่ งไร 7. ประเมินคุณค่าดา้ นเน้ือหาสาระ หรือแนวคิดที่ผเู้ ขียนนาํ เสนอ ตวั อย่างการอ่านสารคดี
การจับใจความสาคัญ เร่ืองน้ีมีใจความสาํ คญั ดงั น้ี สารคดีเร่ือง “หมีแพนดา้ เชื่อมสัมพนั ธ์สองประเทศ” เป็ นสารคดีที่กล่าวถึงการเดินทางของผเู้ ขียนซ่ึงเดินทางไปที่ศูนยว์ ิจยั และอนุรักษห์ มีแพนดา้ วู่หลง เมืองเฉินตู มณฑลเสฉวน ประเทศจีน เพื่อรับหมีแพนดา้ ชื่อช่วงช่วงและหลิงฮุ่ย ซ่ึงรัฐบาลจีนมอบใหป้ ระเทศไทยในฐานะทูตสันถวไมตรี โดยจะมาอาศยั ที่สวนสัตวเ์ ชียงใหมเ่ ป็นเวลา 10 ปี หมีแพนดา้ เป็ นสัตวค์ ู่บา้ นคู่เมืองที่ประเทศจีนหวงแหนมาก เพราะเป็ นสัตวท์ ่ีจะพบไดเ้ ฉพาะในประเทศจีนเท่าน้นั และปัจจุบนั ก็มีจาํ นวนเหลือนอ้ ยมาก มีเร่ืองเล่าเกี่ยวกบั หมีแพนดา้ มากมายบนั ทึกไวใ้ นหนงั สือและบทกวี ดว้ ยคุณลกั ษณะของความกลา้ หาญ อาํ นาจ ความอ่อนโยน รู้จกั บุญคุณ และความรักในความสงบและสันติภาพ จึงเหมาะสมท่ีจะเป็นของขวญั แสดงมิตรภาพระหวา่ งประเทศเป็นอยา่ งยงิ่ การท่ีช่วงช่วงและหลิงฮุ่ยจะมาอาศยั อยใู่ นประเทศไทย ทาํ ให้นกั วิจยั ไทยตอ้ งเตรียมหวั ขอ้ การวิจยัไวห้ ลายประเดน็ เช่น อาหาร การปรับตวั ตอ่ สภาพภมู ิอากาศ การขยายพนั ธุ์ เป็นตน้ เมื่อผเู้ ขียนนาํ หมีแพนดา้ มาถึงประเทศไทยก็ไดร้ ับการตอ้ นรับจากประชาชนอยา่ งอบอุ่น และนาํ ไปส่งที่สวนสัตวเ์ ชียงใหม่ดว้ ยความเรียบร้อย ผเู้ ขียนไดฝ้ ากขอ้ คิดไวว้ ่า จากน้ีไปอีก 10 ปี รัฐบาลและประชาชนไทยมีหนา้ ท่ีสาํ คญั ที่จะตอ้ งดูแลทตู สนั ถวไมตรีคูน่ ้ีใหม้ ีความสุขเทียบเท่ากบั เม่ืออยทู่ ี่บา้ นเกิดการวเิ คราะห์ ด้านรูปแบบ มี ‚หมีแพนดา้ เชื่อมสมั พนั ธ์สองประเทศ‛ เป็นงานเขียนร้อยแกว้ ประเภทสารคดีท่องเที่ยวโครงสร้าง 4 ส่วนดงั น้ี 1. ช่ือเรื่อง หมายเลข 1 2. คาํ นาํ หมายเลข 2 3. เน้ือเรื่อง หมายเลข 3 4. บทสรุป หมายเลข 4 ด้านเนือ้ หา สารคดีเรื่องน้ีเป็ นการเล่าประสบการณ์ของผเู้ ขียนในการเดินทางไปปฏิบตั ิภารกิจสาํ คญั คือ การรับหมีแพนดา้ ในฐานะทตู สนั ถวไมตรีจากประเทศจีนมายงั ประเทศไทย มีเน้ือหาท้งั ที่เป็ นขอ้ เท็จจริง ขอ้ คิดเห็นและความรู้สึกของผเู้ ขียน ดงั น้ี
ข้อเทจ็ จริง เฉินตู เมืองหลวงของมณฑลเสฉวน คือจุดหมายของการเดินทางในคร้ังน้ี เมืองซ่ึงคร้ังหน่ึงเคยไดร้ ับฉายาวา่ ‚ปักกิ่งตวั น้อย ๆ‛ ค่าที่มีความคลา้ ยคลึงกนั ในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็ นเรื่องของระบบการศึกษาท่ีดีเยย่ี ม ความเป็นเมืองราชการ และท่ีสาํ คญั ที่สุดคือเมืองท่ีข้ึนชื่อในเรื่องของอาหารระดบั โลก ข้อคดิ เหน็ แมว้ ่าเจา้ หมีแพนดา้ ตวั โตเต็มวยั จะมีรูปร่างใหญ่โตดูน่าเกรงขาม หากแต่ท่าทีอนั อ่อนโยนและเป็นมิตร กลบั ทาํ ใหม้ นั ดูเป็นเด็กซนตวั โตเสียมากกวา่ ดว้ ยความน่ารักเช่นน้ี ผมจึงไม่สงสัยเลยว่าทาํ ไมหมีแพนดา้ ถึงไดเ้ หมาะสมที่จะเป็ นสัญลกั ษณ์ของสนั ติภาพ และตวั แทนเช่ือมสัมพนั ธ์ระหวา่ งประเทศ ความรู้สึก เยน็ ย่าํ วนั น้นั ผมเดินออกมาจากสวนสัตวเ์ ชียงใหม่ดว้ ยความโล่งใจ ภารกิจของผมเสร็จสิ้นแลว้หมีแพนดา้ เดินทางถึงเมืองไทย มาถึงบา้ นใหมข่ องมนั อยา่ งเรียบร้อย ด้านการนาเสนอเนือ้ หา เรื่ องน้ีต้ังช่ือเรื่ องโดยใช้ภาษาท่ีส้ันกระชับเพื่อสรุ ปความสําคัญของหมีแพนด้าว่าเป็ นทูตสนั ถวไมตรีท่ีเชื่อมความสมั พนั ธ์ของสองประเทศ นาํ เรื่องโดยบรรยายสภาพอากาศและบรรยากาศสดชื่น ท่ีศูนยว์ จิ ยั และอนุรักษห์ มีแพนดา้ วหู่ ลง ลกั ษณะและความน่ารักของหมีแพนดา้ จากน้นั จึงดาํ เนินเร่ืองดว้ ยการกล่าวถึงจุดมุ่งหมายในการเดินทางมาเมืองเฉินตู คือ การมารับช่วงช่วงและหลิงฮุย่ ‚ทูตสันถวไมตรี‛ระหวา่ งจีน – ไทย ซ่ึงจะมาอาศยั ที่สวนสัตวเ์ ชียงใหม่เป็ นเวลา 10 ปี กล่าวถึงความสาํ คญั ของหมีแพนดา้ ซ่ึงเป็ นสัตว์คู่บา้ นคู่เมืองท่ีประเทศจีนหวงแหนมาก เรื่องเล่าเก่ียวกบั หมีแพนดา้ ท่ีบนั ทึกไวใ้ นหนงั สือและบทกวี การเตรียมพร้อมของประเทศไทยในการรับหมีแพนดา้ การตอ้ นรับที่อบอุน่ ของคนไทย และปิ ดเร่ืองดว้ ยการฝากข้อคิดให้รัฐบาลและประชาชนไทยตระหนักถึงหน้าที่สําคญั ที่จะช่วยกันดูแลทูตสันถวไมตรีคู่น้ีให้มีความสุข เหมือนเมื่อคร้ังอยทู่ ่ีประเทศจีน สารคดีเรื่องน้ีผเู้ ขียนถ่ายทอดประสบการณ์ และสอดแทรกความรู้ ความคิดเห็น และความรู้สึกเกี่ยวกบั หมีแพนดา้ ไวอ้ ย่างน่าสนใจ มีภาพเมืองเฉินตูและภาพหมีแพนดา้ ประกอบดว้ ยทาํ ให้ดึงดูดความสนใจของผอู้ ่าน และสัมผสั ความน่ารักของหมีแพนดา้ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี
ด้านการใช้ภาษา ‚หมีแพนดา้ เชื่อมสัมพนั ธ์สองประเทศ‛ ใชภ้ าษาระดบั สนทนา จึงสร้างความเป็ นกนั เองกบั ผอู้ ่าน มีการบรรยายสภาพอากาศ บรรยากาศของศนู ยว์ จิ ยั และอนุรักษห์ มีแพนดา้ และความน่ารักของหมีแพนดา้ ดว้ ยภาษาที่เขา้ ใจง่าย ชดั เจน เช่น อากาศหนาวเยน็ ท่ีหนกั และสด เตม็ ไปดว้ ยกล่ินของป่ าพดั มาเป็ นระยะ พร้อมน้าํ คา้ งเม็ดโตท่ี โปรยปรายไปทว่ั ทาํ ใหบ้ รรยากาศยามเชา้ เต็มไปดว้ ยความสดช่ืน ต่ืนตวั ขบั ไล่ความขมุกขมวั ของบรรยากาศซึมเซายามเชา้ จนหมดสิ้น ผมเดินไปตามทางเดินคอนกรีตเล็ก ๆ ท่ีนาํ ทางไปสู่กรงสัตวเ์ ปิ ดขนาดใหญ่ ที่ลาดชนั ตามลกั ษณะของภเู ขา ระหวา่ งทางเสียงร้องโฮก ๆ ของสัตวใ์ หญ่ดงั ลอยมาตามสายลมใหไ้ ดย้ นิ เป็นระยะ แพนดา้ วยั เด็ก 3-4 ตวั บา้ งก็กาํ ลงั นอนคุดคูห้ นั หลงั มาทางเราอยบู่ นราวไม้ ไม่สนใจผคู้ นที่เฝ้ ามองดว้ ยความเอน็ ดู เหมือนจะบอกวา่ มนั ยงั ไม่อยากต่ืนมารับแขก บา้ งก็เดินเล่นไปมากบั เพื่อนวยั เดียวกนั อยา่ งน่าเอน็ ดู เตรียมตวั รอรับประทานอาหารม้ือแรกของวนั การตีความ จุดประสงค์หรือเจตนาของผู้เขียน 1. ผเู้ ขียนตอ้ งการใหผ้ อู้ ่านไดร้ ับความรู้เกี่ยวกบั ชีวิตของหมีแพนดา้ รวมท้งั ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งคนกบั หมีแพนดา้ 2. ผเู้ ขียนตอ้ งการประชาสัมพนั ธ์ใหผ้ อู้ ่านทราบข่าวการเช่ือมสัมพนั ธ์ระหวา่ งไทยกบั จีนโดยมีหมีแพนดา้ เป็นทตู สันถวไมตรี สาร หมีแพนดา้ เป็นสตั วค์ ู่บา้ นคู่เมืองที่ประเทศจีนหวงแหนมาก มีเร่ืองเล่าของหมีแพนดา้ มากมายบนั ทึกไวใ้ นหนงั สือและบทกวี คนจีนถือวา่ หมีแพนดา้ เป็นสญั ลกั ษณ์ของมิตรภาพและสนั ติภาพ นา้ เสียง ผเู้ ขียนมีน้าํ เสียงภาคภมู ิใจท่ีไดเ้ ดินทางไปรับ ‘ทูตสนั ถวไมตรี’ ท่ีประเทศจีน จากขอ้ ความท่ีวา่ ‚แต่การเดินทางมาจีนคร้ังน้ี ผมไม่ไดม้ าเท่ียวธรรมดา ๆ นะครับ เพราะผมรับหนา้ ที่ปฏิบตั ิภารกิจสาํ คญั ระดบั ชาติ นน่ั ก็คือ การมารับ ‘ทูตสันถวไมตรี’ ระหวา่ งไทย – จีนท่ีคนไทยท้งั ประเทศรอคอยกนั อยา่ งใจจดใจจ่อ…‛ นอกจากน้ีผเู้ ขียนยงั แสดงความหวงั วา่ คนไทยจะมีส่วนร่วมในการดูแลหมีแพนดา้ ให้ดี จากขอ้ ความท่ีวา่ ‚จากน้ีไปอีก 10 ปี ขา้ งหนา้ พวกเรามีหนา้ ที่สาํ คญั ท่ีจะช่วยกนั ดูแลทตู สนั ถวไมตรีแห่งประเทศจีน คู่น้ีใหอ้ ยเู่ มืองไทยอยา่ งมีความสุข ไม่แพค้ ร้ังท่ีมนั อยทู่ ี่บา้ นเกิดของมนั ‛
3.2 การอ่านบันเทงิ คดี บนั เทิงคดี หมายถึง งานเขียนหรือหนงั สือที่เขียนข้ึนโดยมีจุดมุง่ หมายใหค้ วามบนั เทิงโดยตรง อาจมีคุณค่าดา้ นสาระความรู้หรือความคิดเห็นแทรกอยใู่ นเร่ืองบา้ ง แต่ก็ไม่ใช่เจตนาหลกั ในการเขียน คาํ วา่บนั เทิงคดีใชใ้ นความหมายท่ีตรงกบั ภาษาองั กฤษวา่ fiction หมายถึงเร่ืองสมมุติ หรือเร่ืองท่ีไม่ใช่ เรื่องจริง ผู้แต่งอาจใชพ้ ้ืนฐานมาจากความจริงหรือใชจ้ ินตนาการคิดข้ึนเอง รูปแบบยอ่ ย ๆ ของงานเขียนประเภทบนั เทิงคดี ไดแ้ ก่ นวนิยาย เร่ืองส้นั นิทาน นิยาย บทละคร บทร้อยกรอง และวรรณคดีตา่ ง ๆ เป็นตน้ 3.2.1 การอ่านนวนิยายและเรื่องส้ัน นวนิยายและเร่ืองส้ัน เป็นการเขียนประเภทบนั เทิงคดีรูปแบบหน่ึง ซ่ึงไดร้ ับอิทธิพลมาจากตะวนั ตกในรัชกาลท่ี 4 และรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ถึงแมน้ วนิยายและเรื่องส้ันจะเป็ นเร่ืองสมมุติแต่เรื่องราว สารัตถะต่าง ๆ มกั ถ่ายแบบมาจากชีวิตจริง ดงั น้นั การอ่านนวนิยายและเร่ืองส้ัน นอกจากจะไดร้ ับความเพลิดเพลินใจแลว้ ผอู้ า่ นยงั ไดแ้ ง่คิดตา่ ง ๆ จากพฤติกรรมของตวั ละครไปพร้อม ๆ กนั ดว้ ย นวนิยายและเรื่องส้ันมีองคป์ ระกอบการเขียนท่ีเหมือนกนั แต่เร่ืองส้ันมีโครงเรื่องท่ีซบั ซ้อนนอ้ ยกวา่ นวนิยาย มีการดาํ เนินเรื่องในช่วงระยะเวลาอนั ส้ัน มีตวั ละครเด่น ๆ เพียง 2 - 3 ตวั และเป็ นเรื่องที่เสนอความคิดสาํ คญั เพียงความคิดเดียว แนวทางการอ่านนวนิยายและเร่ืองส้ัน แนวทางการอ่านนวนิยายและเรื่องส้ันน้นั ผอู้ ่านตอ้ งศึกษาองคป์ ระกอบต่าง ๆ ท่ีผเู้ ขียนผกู ข้ึนเป็ นเร่ือง ไดแ้ ก่ โครงเรื่อง (Plot) แนวคิดหลกั หรือแก่นเร่ือง (Theme) ตวั ละคร (Character) บทสนทนา(Dialogue) ฉาก (Setting) กลวธิ ีในการประพนั ธ์ (Techniques) ลีลาและท่าทีของผแู้ ต่ง (Style and Tone)ดงั รายละเอียดตอ่ ไปน้ี โครงเรื่อง (Plot) โครงเรื่อง ไดแ้ ก่ การวางทิศทางของเร่ืองวา่ จะให้เร่ืองดาํ เนินไปในทิศทางใด โดยวางลาํ ดบัเหตุการณ์ต้งั แต่ตอนเปิ ดเร่ือง ดาํ เนินเรื่อง และปิ ดเร่ือง ในขณะที่เรื่องดาํ เนินไปจะปรากฏอุปสรรคและความขดั แยง้ เกิดข้ึนกบั ชีวติ ของตวั ละคร ซ่ึงความขดั แยง้ (Conflict) น้ีมีท้งั ความขดั แยง้ ภายนอกและความขดั แยง้ภายใน ความขดั แยง้ ภายนอก เป็นความขดั แยง้ ระหวา่ งตวั ละครกบั สิ่งรอบขา้ ง ไดแ้ ก่ 1. ความขดั แยง้ ระหวา่ งตวั ละครกบั ตวั ละคร เช่น นางเอกกบั ตวั อิจฉา ผรู้ ้ายกบั ตาํ รวจ หรือนายทุนกบั กรรมกร ฯลฯ 2. ความขดั แยง้ ระหวา่ งตวั ละครกบั ธรรมชาติ เช่น ตวั ละครตอ้ งต่อสู้กบั ความแห้งแลง้ กนั ดารของธรรมชาติ หรือต่อสู้กบั ภยั ธรรมชาติต่าง ๆ
3. ความขดั แยง้ ระหวา่ งตวั ละครกบั อาํ นาจลึกลบั เหนือธรรมชาติ เช่น ตวั ละครตอ้ งต่อสู้กบั อาํ นาจไสยศาสตร์ โดยไม่สามารถกาํ หนดโชคชะตาของตนเองได้ 4. ความขดั แยง้ ระหวา่ งตวั ละครกบั สังคม เช่น ตวั ละครตอ้ งต่อสู้กบั ความไม่เป็ นธรรมของสังคมหรือต่อสู้กบั ค่านิยมและระบบความเชื่อของสังคม ความขดั แยง้ ภายใน เป็ นความขดั แยง้ ภายในจิตใจของตวั ละครเอง ซ่ึงผูเ้ ขียนจะกาํ หนดให้ตวั ละครรู้สึกสับสนกบั ความคิดและการกระทาํ วา่ จะเป็ นเช่นไร อยา่ งไร และจะทาํ ใหต้ วั ละครตดั สินใจทาํอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงตอ่ ไป เม่ือตวั ละครประสบกบั ปัญหาความขดั แยง้ (Conflict) และต่อสู้กบั ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆเสร็จสิ้น โครงเร่ืองก็จะพฒั นามาสู่จุดสุดยอดของเรื่อง (Climax) ซ่ึงจะเป็ นจุดที่เขม้ ขน้ ที่สุดของเร่ืองก่อนที่จะคลี่คลายไปสู่ตอนปิ ดเรื่องในท่ีสุด แนวคิดหรือแก่นเรื่อง (Theme) แนวคิดหรือแก่นเร่ือง เป็ นสารสําคญั ที่ผเู้ ขียนตอ้ งการสื่อให้ผอู้ ่านทราบ อาจจะเป็ นความจริงอยา่ งหน่ึงอยา่ งใดท่ีเกิดข้ึนกบั โลกและวถิ ีชีวติ มนุษย์ เช่น ความรัก ความแคน้ ความซ่ือสัตย์ ความ อยตุ ิธรรมความเชื่อ ความหลง ความตาย ความอดอยากยากแคน้ ความกลวั การสร้างแนวคิดหลกั ของเรื่องน้นั ผเู้ ขียนจะไม่ส่ือความหมายโดยตรง แต่จะซ่อนสารสําคญั ของเรื่องไวใ้ นบทสนทนาหรือคาํ บรรยาย ตลอดจนพฤติกรรมตา่ ง ๆ ที่เกิดข้ึนกบั ตวั ละครต้งั แต่ตน้ จนจบ ตัวละคร (Character) ตวั ละครคือผแู้ สดงบทบาทหรือพฤติกรรมในเร่ือง อาจเป็ นมนุษย์ สัตว์ ตน้ ไม้ หรือสิ่งของก็ได้โดยใหส้ ามารถทาํ พฤติกรรมเยี่ยงมนุษย์ ตวั ละครสําคญั ในเร่ืองเรียกวา่ ตวั ละครเอก ส่วนตวั ละครอ่ืน ๆ เป็ นตวั ประกอบ โดยทวั่ ไปแลว้ ตวั ละครแบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ 1. ตวั ละครที่มีลกั ษณะเดียว (Flat Character) เป็นตวั ละครท่ีแสดงลกั ษณะนิสัยเพยี งดา้ นเดียว เช่นเป็นคนดีกเ็ ป็นคนดีตลอด ร้ายก็ร้ายตลอดท้งั เรื่อง โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางดา้ นนิสยั 2. ตวั ละครที่มีหลายลกั ษณะ (Round Character) เป็ นตวั ละครท่ีลกั ษณะนิสัย อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุการณ์และส่ิงแวดลอ้ ม ซ่ึงดูเหมือนคนในชีวติ จริง กลวิธีในการนาํ เสนอลกั ษณะนิสัยของตวั ละคร มีวิธีการนาํ เสนอ 5 วิธีดว้ ยกนั ซ่ึงมีท้งั การนาํ เสนอทางตรงและทางออ้ ม (ทองสุก เกตุโรจน์ 2519 : 17) ดงั น้ี การบรรยายลกั ษณะนิสัยของตวั ละครทางตรง 1. ผเู้ ขียนเป็นผบู้ รรยายรูปร่างลกั ษณะ และความรู้สึกของตวั ละครเอง
2. ผเู้ ขียนกาํ หนดใหต้ วั ละครตวั อ่ืน ๆ สนทนา กล่าวถึงหรือคิดเก่ียวกบั ตวั ละครอีกตวั หน่ึง การบรรยายลกั ษณะนิสยั ของตวั ละครทางออ้ ม 1. ผเู้ ขียนใหผ้ อู้ ่านทราบนิสยั ดว้ ยการบรรยายการกระทาํ ของตวั ละครตวั น้นั 2. ผเู้ ขียนใหผ้ อู้ ่านทราบนิสัยดว้ ยบทสนทนาของตวั ละครตวั น้นั 3. ผเู้ ขียนใหผ้ อู้ ่านทราบนิสยั ดว้ ยการบรรยายความคิดของตวั ละครตวั น้นั บทสนทนา (Dialogue) บทสนทนา หมายถึงถอ้ ยคาํ ท่ีตวั ละครเจรจาโตต้ อบกนั มีส่วนช่วยในการดาํ เนินเรื่อง คือ แทนท่ีผเู้ ขียนจะเล่าเหตุการณ์ใดก็ใชบ้ ทสนทนาแทน จะทาํ ให้ผอู้ ่านไดร้ ู้จกั นิสัยใจคอ ความรู้สึกนึกคิด ลกั ษณะนิสยั ตลอดจนบุคลิกของตวั ละครน้นั ไดเ้ ป็ นอยา่ งดี ลกั ษณะของบทสนทนาท่ีดีจะตอ้ งเลือกใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ฐานะและบทบาทของตวั ละครน้นั ๆ ฉาก (Setting) ฉาก หมายถึงสถานท่ีและเวลาที่เกิดเหตุการณ์ตามทอ้ งเรื่อง ฉากควรถูกตอ้ งและมีความสมจริงเหมาะสมกบั แนวเร่ือง ฉากจะมีส่วนช่วยให้ผอู้ ่านทราบถึงบรรยากาศของเรื่อง อีกท้งั ยงั มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของตวั ละครอีกดว้ ย ดงั เช่น ฉากพายกุ ลา้ มีฝนตกฟ้ าร้อง ยอ่ มสร้างบรรยากาศที่น่าสะพรึงกลวั ตวัละครอาจตกอยู่ในสภาวะหวาดกลวั ตื่นตระหนก และกาํ ลงั ตกอย่ใู นอนั ตราย หรือฉากทอ้ งทุ่งนาที่แตกระแหง ยอ่ มสะทอ้ นบรรยากาศร้อนอบอา้ ว ตวั ละครอาจตกอยใู่ นภาวะอดอยาก ยากแคน้ เป็นตน้ กลวธิ ีในการประพนั ธ์ (Techniques) กลวิธีในการประพนั ธ์ จะมีส่วนช่วยให้เน้ือหามีสีสัน น่าติดตามต้งั แต่ตน้ จนจบ กลวธิ ีในการประพนั ธ์แบง่ ออกเป็น กลวธิ ีการดาํ เนินเรื่องและกลวธิ ีในการเล่าเรื่อง กลวธิ ีการดาเนินเรื่อง การเปิ ดเรื่อง เป็นการเริ่มตน้ เรื่อง ผเู้ ขียนสามารถสร้างความน่าสนใจให้กบั เรื่องไดห้ ลายวธิ ี เช่น เปิ ดเรื่องจากการกระทาํ ของตวั ละคร, เปิ ดเรื่องจากบทสนทนา, เปิ ดเรื่องโดยการพรรณนาฉากและ บรรยากาศของเหตุการณ์ สถานท่ี, เปิ ดเร่ืองโดยบรรยายรูปร่าง ลกั ษณะของตวั ละคร และเปิ ดเรื่องโดยใช้ โวหาร คาํ พดู ที่คมคาย เพ่ือกระตุน้ ใหข้ บคิด การลาดับเรื่อง ผเู้ ขียนอาจลาํ ดบั เหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนต้งั แตต่ น้ จนจบไดห้ ลายวธิ ี ดงั เช่น
1. ลาํ ดบั เร่ืองตามลาํ ดบั ปฏิทิน หรือตามลาํ ดบั ก่อนหลงั อาจดาํ เนินเรื่องโดยเริ่มเร่ืองต้งั แต่ตวั ละครเกิด เติบโตเป็นหนุ่มสาว จนกระทง่ั ถึงวยั ชรา และตายในท่ีสุด 2. ลาํ ดบั เรื่องแบบยอ้ นตน้ เป็ นการดาํ เนินเร่ืองท่ีเร่ิมเร่ืองจากปัจจุบนั ในขณะท่ีตวั ละครเป็ นคนหนุ่มสาว หรือคนชรา แลว้ ยอ้ นกลบั ไปคิดถึงความหลงั หรือเร่ืองราวในอดีต แลว้ จึงดาํ เนินเร่ืองกลบั มาสู่เหตุการณ์ในปัจจุบนั 3. ลาํ ดบั เรื่องแบบสลบั ไปมาระหวา่ งเหตุการณ์ในอดีตกบั ปัจจุบนั หรือระหวา่ งเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนในสถานที่ 2 แห่ง การปิ ดเร่ือง เมื่อเร่ืองดาํ เนินมาจนถึงจุดสุดยอด (Climax) ยอ่ มคลี่คลายเขา้ สู่การปิ ดเรื่องซ่ึงจะทาํ ใหเ้ รื่องจบอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง การปิ ดเร่ืองท่ีนิยมมี 4 วธิ ีดงั น้ี 1. การปิ ดเรื่องแบบหกั มุมหรือพลิกความคาดหมาย เป็ นการจบเร่ืองท่ีเหนือความคาดหมายของผอู้ า่ น ท้งั ๆ ท่ีเรื่องดาํ เนินไปในทางท่ีน่าจะเป็น แต่ก็ตอ้ งมาจบแบบพลิกความคาดหมาย ทาํ ให้ผอู้ ่านเกิดความฉงนสนเท่ห์ไดม้ าก 2. การปิ ดเร่ืองแบบโศกนาฏกรรม เป็ นการปิ ดเรื่องดว้ ยความโศกเศร้าเสียใจ เน่ืองจากตวั ละครตอ้ งประสบกบั ความผดิ หวงั ความสูญเสีย ความลม้ เหลวในชีวิต การปิ ดเร่ืองในลกั ษณะน้ีสามารถทาํ ใหผ้ อู้ า่ นเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจชะตากรรมของตวั ละคร 3. การปิ ดเรื่องแบบสุขนาฏกรรม เป็ นการปิ ดเรื่องอยา่ งมีความสุข หลงั จากท่ีตอ้ งฟันฝ่ าอุปสรรค ตวั ละครกไ็ ดร้ ับความสาํ เร็จในสิ่งหวงั 4. การปิ ดเร่ืองแบบทิ้งไวใ้ ห้คิด การจบเร่ืองในลกั ษณะน้ีมกั จะไม่ปิ ดเร่ืองโดยสมบูรณ์แต่จะปล่อยใหผ้ อู้ ่านใชจ้ ินตนาการคิดตอ่ ไปวา่ เร่ืองจะลงเอยเช่นไร หรือยว่ั ยใุ หผ้ อู้ ่านต้งั คาํ ถามตอ่ เรื่อง กลวธิ ีการเล่าเรื่อง ในเรื่องเล่าแต่ละเรื่อง ผเู้ ขียนจะกาํ หนดหรือเลือกวา่ จะใหใ้ ครเป็ นคนเล่าเร่ือง หรือจะเล่าเร่ืองโดยผา่ นสายตาหรือ ‚มุมมอง‛ ของใคร การเล่าเร่ืองน้นั ที่นิยมมี 4 วธิ ีดงั ต่อไปน้ี 1. ผแู้ ต่งในฐานะเป็ นตวั ละครตวั หน่ึงเป็ นผเู้ ล่า อาจจะเล่าผา่ นทางตวั ละครเอกหรือ ตวัละครรองก็ได้ โดยใชส้ รรพนามบุรุษที่ 1 คือ ผม ดิฉนั ขา้ พเจา้ หนู เรา 2. ผูแ้ ต่งกาํ หนดให้ตวั ละครตวั ใดตวั หน่ึงเป็ นผูเ้ ล่า โดยสมมุติว่าตวั ละครน้ันอยู่ในเหตุการณ์หรือรับรู้เร่ืองตา่ ง ๆ เป็นอยา่ งดี ผแู้ ต่งจะรู้แต่ความรู้สึกนึกคิดของตวั ละครน้นั เพียงตวั เดียว เช่น ในเร่ืองส่ีแผน่ ดิน ของ ม.ร.ว.คึกฤทธ์ิ ปราโมช ซ่ึงเล่าเร่ืองโดยผา่ นมุมมองและความรู้สึกของแม่พลอย เป็ นตน้ 3. ผแู้ ตง่ ในฐานะเป็นผรู้ ู้แจง้ เป็นผเู้ ล่า ในกรณีน้ีนกั เขียนจะไม่ให้ตวั ละครตวั ใดตวั หน่ึงเป็ นผเู้ ล่า แต่จะใชว้ ิธีบรรยายไปตามเร่ืองท่ีตวั ละครมีบทบาท ท้งั น้ีเป็ นเหตุการณ์และความรู้สึกนึกคิดภายในใจ
ของตวั ละคร ผแู้ ตง่ เป็นผลู้ ่วงรู้หมดทุกสิ่งทุกอยา่ งเก่ียวกบั ตวั ละครและนาํ มาบรรยายไดอ้ ยา่ งถว้ นถ่ี ไม่วา่ ตวัละครน้นั ๆ จะคิดอะไร รู้สึกอยา่ งไร 4. ผแู้ ตง่ ในฐานะเป็นผสู้ ังเกตการณ์เป็นผเู้ ล่า กลวธิ ีน้ีผเู้ ขียนจะไม่สามารถเขา้ ไปอยใู่ นจิตใจของ ตวั ละคร แต่จะทาํ หนา้ ท่ีเสมือนคนรายงานส่ิงที่ตนเห็นหรือไดย้ นิ ไดฟ้ ัง ไดส้ ังเกตการสนทนาหรือการกระทาํ ของตวั ละครเทา่ น้นั ไม่อาจทราบความรู้สึกนึกคิดของตวั ละครน้นั ๆ ได้ลลี าและท่าทขี องผู้แต่ง (Style and Tone)ลีลาการเขียนและท่าทีของผแู้ ต่ง เป็ นสิ่งท่ีผูเ้ ขียนแสดงออกผ่านบทสนทนา บทบรรยายฉากเหตุการณ์ หรือจากพฤติกรรมของตวั ละคร คาํ วา่ ‚ลีลา‛ (Style) พระยาอนุมานราชธน ไดใ้ หค้ าํ จาํ กดั ความหมายถึง ‚ท่วงทาํ นองในการแสดงออก‛ ซ่ึงผเู้ ขียนแต่ละคนจะมีลีลาการเขียน การใชภ้ าษาที่เป็ นแบบแผนเฉพาะตน ไม่วา่ จะเป็ นการดาํ เนินเรื่อง หรือการใชถ้ อ้ ยคาํ โวหาร การใชค้ วามเปรียบ ภาพพจน์ การใชร้ ูปประโยค การใชบ้ ทบรรยาย พรรณนาตา่ ง ๆ จนเป็นเอกลกั ษณ์ของผเู้ ขียนคนน้นั ๆส่วนคาํ วา่ ‚ท่าทีของผแู้ ต่ง‛ (Tone) หรือบางคร้ังเรียกวา่ ‚น้าํ เสียงของผแู้ ต่ง‛ น้นั จะไม่ปรากฏอยู่ในเรื่องอยา่ งตรงไปตรงมา หากผูเ้ ขียนจะซ่อนแฝงท่าทีและน้าํ เสียงของตนไวใ้ นบทสนทนา บทบรรยายพฤติกรรม หรือเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึน น้าํ เสียงสามารถแบ่งออกไดห้ ลายชนิด เช่น น้าํ เสียงเสียดสี ประชดประชนั เสียดเยย้ เยาะเยย้ ตาํ หนิติเตียน สงสาร สมเพช และสลดใจ เป็นตน้ลีลาการเขียนและท่าทีของผแู้ ตง่ เป็ นสิ่งที่มีความสอดคลอ้ งสัมพนั ธ์ซ่ึงกนั และกนั ในขณะเดียวกนั กส็ ามารถสะทอ้ นรสนิยม บุคลิก ลกั ษณะนิสัย ตลอดจนทศั นคติของผเู้ ขียนที่มีต่อโลกและชีวิตไดเ้ ป็นอยา่ งดีอีกดว้ ย
ดอกเลอื ด เป็ นเร่ืองส้ันเร่ืองหน่ึงในรวมเรื่องส้ันชุด ครอบครัวกลางถนน ของ ศิลา โคมฉาย ซ่ึงไดร้ ับรางวลั วรรณกรรมสร้างสรรคย์ อดเยย่ี มแห่งอาเซียน (ซีไรต)์ ของประเทศไทย ประจาํ ปี พ.ศ. 2536 เรื่องส้ันเร่ืองน้ีสะทอ้ นถึงอนั ตรายของสื่อมวลชนที่มีอิทธิพลตอ่ สงั คม โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ เยาวชนได้เป็นอยา่ งดี ตวั ละครเอกของเรื่องซ่ึงเป็นนกั เขียนบทภาพยนตร์กงั วลกบั พฤติกรรมของลูกชายวยั หกขวบ ที่กาํ ลงั ถูกหล่อหลอมใหก้ ลายเป็นเดก็ เกเรกา้ วร้าว เพราะอิทธิพลของการ์ตูนญ่ีป่ ุนบางเรื่องที่มีแต่ฉากต่อสู้ฟาดฟัน แต่ในขณะเดียวกนั ตวั ละครเอกก็กาํ ลงั คิดหาฉากการแสดงอนั รุนแรง ซ่ึงเขาคิดว่าจะเป็ นฉากที่‚คลาสสิก‛ ในภาพยนตร์ท่ีเขากาํ ลงั เขียนบทอยู่ หากพิจารณาถึงแนวคิดของเรื่องส้ันเร่ืองน้ี อาจกล่าวไดว้ า่ ผแู้ ต่งช้ีใหเ้ ห็นวา่ มนุษยม์ กั จะกล่าวหาผอู้ ่ืนวา่ เป็ นตน้ เหตุท่ีนาํ ปัญหามาสู่สังคม โดยลืมมองไปวา่ ตนเองก็เป็ นตน้ เหตุแห่งปัญหาเช่นกนั ซ่ึงอาจจะเรียกไดว้ า่ เป็นความไร้สติ เพราะขาดการพิจารณาปัญหาอยา่ งแทจ้ ริง และความไร้สติน้ีจะเห็นไดต้ ้งั แต่ เปิ ดเรื่อง ตวั ละครเอกกาํ ลงั คิดถึงฉากที่คลาสสิก โดยไม่รู้ความหมายที่แทจ้ ริงของคาํ น้ี
ไม่รู้ว่าคาว่า “คลาสสิก” ตดิ ปากมาต้งั แต่เม่อื ไหร่ ไม่รู้กระท่ังความหมายแท้ ๆ และไม่คิดจะ ค้นคว้าหาคาจากัดความใด ๆ เลย เขารู้เพยี งว่ามันเป็ นคารวบยอด อธิบายความรู้สึกส่วนตัว เกดิ ต่อ ภาพประทบั ใจ สะเทือนใจ สะใจ ชนิดกระทบความรู้สึกรุนแรง และเป็ นท่ีรู้กันในแวดวงใช้มัน สมา่ เสมอ… ท้งั แนวคิดของเรื่อง ตลอดจนการคน้ หาฉาก ‚คลาสสิก‛ ของตวั ละครเอกน้ี สามารถแสดงน้าํ เสียงของผแู้ ต่งท่ีตอ้ งการเสียดสีพฤติกรรมอนั ไร้สติของมนุษยไ์ ดอ้ ยา่ งชดั เจน ผแู้ ต่งเปิ ดเรื่องใหต้ วั ละครเอกกาํ ลงั ครุ่นคิดอยู่กบั งานเขียนบทภาพยนตร์แนวบู๊โลดโผน (action)ของตน ความขดั แยง้ ของเร่ืองเกิดจากงานของตวั ละครเอก กบั จุดมุ่งหมายในการอบรมเล้ียงดูลูกชายของเขาเอง ในเร่ืองน้ีตวั ละครเอกหรือ ‚เขา‛ ตอ้ งการใหล้ ูกชายเป็นคนที่ละเอียดอ่อน ไม่กา้ วร้าว ในขณะท่ีตวั เขาเองกาํ ลงั คิดถึงภาพท่ีกา้ วร้าวรุนแรง ลกั ษณะของความขดั แยง้ น้ีสะทอ้ นอยภู่ ายในความคิดของ ‚เขา‛ แต่เม่ือพฤติกรรมของนอ้ งเอ๊กซ์ลูกของเขาสวนทางกบั การอบรมของ ‚เขา‛ และภรรยา ประเด็นน้ีส่อใหเ้ ห็นความขดั แยง้ ระหวา่ งการอบรมเล้ียงดูลูกของ ‚เขา‛ กบั อิทธิพลของสื่อที่เสนอเน้ือหาโหดร้ายรุนแรง ถึงแมว้ า่ จะไม่มีน้าํ เสียงหรือถอ้ ยคาํ ใดท่ี “เขา” ตาํ หนิอิทธิพลของการ์ตูนและภาพยนตร์โทรทศั น์อนั เป็ นผลิตผลของสังคมอยา่ งตรงไปตรงมาเลยก็ตาม ประเด็นน้ีนบั ไดว้ า่ เป็นความขดั แยง้ ระหวา่ งตวั ละครกบั สังคม ผแู้ ต่งเล่าเร่ืองโดยผา่ นมุมมองของตวั ละคร โดยกาํ หนดใหเ้ ขาหรือพ่อของน้องเอก๊ ซ์เป็ นผเู้ ล่าเรื่องและทราบแต่ความรู้สึกนึกคิดของตวั ละครตวั น้ีเท่าน้นั ผแู้ ต่งบรรยายสลบั ระหวา่ งความคิดของตวั ละครเอกที่มีต่องาน กบั ความคิดในการอบรมเล้ียงดูลูกชาย ในการบรรยายเร่ืองบางช่วง เม่ือเขาคิดถึงเรื่องหน่ึงก็จะโยงไปสู่ความคิดในอีกเรื่องหน่ึง เช่น เขาเล่าถึงความคิดท่ีจะให้แม่นอ้ งเอ๊กซ์พาไปสมคั รเรียนดนตรีในวนั หยดุ แลว้ เขาก็นึกไปถึงดนตรีประกอบภาพยนตร์ เป็นตน้ ลกั ษณะเช่นน้ีเป็นการเล่าเรื่องโดยใชก้ ระแสจิตประหวดั ซ่ึงทาํ ใหก้ ารเล่าเร่ืองมีประสิทธิภาพและน่าสนใจยง่ิ ข้ึน เรื่องดาํ เนินความขดั แยง้ ท่ีตดั สลบั ระหวา่ งภาพความรุนแรงในภาพยนตร์ กบั ภาพความกา้ วร้าวของนอ้ งเอ๊กซ์ท่ีมีต่อสาวใชช้ ื่อสาลิกา จนในที่สุดเขาไดย้ นิ เสียงกรีดร้องของสาวใช้ จึงออกไปดู และพบวา่ ลูกชายของเขาใชฟ้ ุตเหล็กฟันไปที่สาวใช้ เรื่องไดค้ ล่ีคลายลงเม่ือเขาทาํ แผลใหส้ าวใช้ และไดเ้ ห็นเลือด สาวใชห้ ยดลงบนผา้ ปโู ตะ๊ สีขาว ชั่วขณะทม่ี นั ซึมลงสู่เนือ้ ผ้า เลือดค่อย ๆ ขยายตัวออกไปรอบด้าน มองคล้ายอาการผลิคล่อี อก ของกลบี ดอกไม้สีแดง แต่ละหยดสร้างดอกดวงละลานตา ราวเป็ นพุ่มไม้ดอกพร้อมใจกนั เบ่งบาน ภาพดอกเลือดน้ีทาํ ใหเ้ ขาคิดฉาก ‚คลาสสิก‛ ที่จะใส่ในบทภาพยนตร์ไดอ้ ยา่ งฉบั พลนั
หากพิจารณาการบรรยายภาพดอกเลือดน้ี จะเห็นไดว้ า่ ผแู้ ต่งสามารถเลือกองคป์ ระกอบของภาพได้อยา่ งประสมประสานกลมกลืนกนั ท้งั ฉากและเหตุการณ์ ทาํ ใหเ้ ห็นภาพเลือดท่ีหยดลงบนผา้ ปูโตะ๊ สีขาวแลว้ค่อย ๆ ซึมออกมาเป็นดอกเหมือนดอกไมอ้ ยา่ งชดั เจน เร่ืองส้นั เร่ือง ‚ดอกเลือด‛ น้ี สะทอ้ นสภาพสังคมไทยสมยั ใหมใ่ นยคุ ที่ส่ือมวลชนมีอิทธิพลต่อสังคมได้อย่างดี ถา้ นาํ แง่คิดจากเร่ืองส้ันน้ีมาเป็ นขอ้ เตือนใจส่ือมวลชนให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม รู้จกัเลือกสรรส่ิงที่จะนาํ เสนอตอ่ สาธารณชน กจ็ ะไม่เกิดปัญหาสังคมอนั มีอิทธิพลจากสื่อมวลชนเช่นในปัจจุบนันอกจากน้ียงั เป็ นประโยชน์ต่อผูป้ กครองท่ีจะส่ังสอนอบรมลูกหลานของตน ไม่ให้ตกเป็ นทาสของส่ือมวลชนอยา่ งไร้สติอีกดว้ ย 3.2.2 การอ่านกวนี ิพนธ์ ในการอ่านกวนี ิพนธ์หรือบทร้อยกรอง ผอู้ ่านควรอ่านอยา่ งละเอียด พิจารณาทุกถอ้ ยคาํ เพื่อสามารถเขา้ ถึงความงามหรือสุนทรียะของกวนี ิพนธ์ได้ แนวทางในการอ่านกวนี ิพนธ์โดยสังเขปมีดงั น้ี 1. ผอู้ ่านจะตอ้ งเขา้ ใจรูปแบบคาํ ประพนั ธ์หรือฉนั ทลกั ษณ์ท่ีใชใ้ นกวีนิพนธ์บทน้นั ๆ เช่น โคลงฉนั ท์ กาพย์ กลอน ร่าย กลอนเปล่า และวรรณรูป 2. ผอู้ ่านควรพิจารณาเสียงและจงั หวะของคาํ ในกวีนิพนธ์เช่น การเล่นคาํ การเล่นสัมผสั การเลียนเสียงวรรณยกุ ต์ และการใชค้ าํ เลียนเสียงธรรมชาติ 3. ผอู้ า่ นควรศึกษาความหมายของคาํ ใหเ้ ขา้ ใจ คาํ ท่ีผแู้ ต่งสรรมาใชน้ ้นั อาจมีความหมายโดยตรงหรือความหมายโดยนยั ก็ได้ รวมท้งั อาจเป็ นคาํ ศพั ทโ์ บราณที่ตอ้ งแปล ย่ิงกวา่ น้นั ผอู้ ่านควรเขา้ ใจภาพพจน์หรือสัญลกั ษณ์ที่ใช้ 4. ผอู้ ่านจะตอ้ งจบั ใจความและตีความสารที่อยใู่ นเร่ืองไดว้ า่ ผแู้ ต่งมีเจตนาท่ีจะส่ือสารอะไรแก่ผอู้ ่านและผูอ้ ่านมีท่าทีและน้าํ เสียงอย่างไร ในการตีความบทกวีน้ัน บางคร้ังผูอ้ ่านจะตอ้ งมีความรู้เก่ียวกบัเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนในสังคมในยคุ น้นั ๆ ขนบทางวรรณกรรม หรือแมแ้ ต่ประวตั ิของผแู้ ตง่ 5. ผอู้ ่านควรเปิ ดประสาทสัมผสั ต่าง ๆ ไดแ้ ก่ หู ตา จมูก ลิ้น กาย (และใจ) เพื่อรับรู้และเขา้ ถึงอรรถรสที่อยใู่ นกวีนิพนธ์ เช่น อ่านแลว้ เห็นแสงหรือภาพอยา่ งไร ไดย้ ินเสียงอยา่ งไร ไดก้ ลิ่นอยา่ งไร หรือเกิดสัมผสั อย่างไร ท้งั น้ีผูอ้ ่านควรใช้วิธีการอ่านออกเสียง เพื่อฝึ กให้ประสาทสัมผสั ได้รับรู้อยา่ งเต็มท่ีตลอดจนเพอื่ เขา้ ถึงรสคาํ และรสความ หลกั การอ่านออกเสียงและตคี วาม 1. ความเข้าใจบทอ่านอย่างถ่องแท้ การท่ีผอู้ ่านจะสามารถสื่อสารความคิดและประสบการณ์ที่ปรากฏอยใู่ นบทอ่านไดอ้ ยา่ งเหมาะสมหรือถูกตอ้ งตามเจตจาํ นงของผแู้ ต่งน้นั ผอู้ ่านจะตอ้ งทาํ ความเขา้ ใจ ‚สาร‛ ต่าง ๆ ในบทอ่านอยา่ งถ่องแท้เสียก่อน ดว้ ยการพิจารณาความหมายของคาํ ตลอดจนจุดมุ่งหมาย ทศั นคติ และน้าํ เสียงของผแู้ ต่ง การทาํ
ความเขา้ ใจน้ีควรเกิดข้ึนในระดบั ท่ีชดั เจน ผอู้ ่านจะตอ้ งมองเห็นภาพในจินตนาการ เช่น สีหนา้ ท่าทางและอารมณ์ความรู้สึกของตวั ละครในบทประพนั ธ์ที่อ่าน ฉากท่ีปรากฏ รวมท้งั ส่ิงที่ปรากฏทางประสาทสัมผสั ต่าง ๆ ไม่วา่ เสียง กลิ่น รส หรือความร้อน ความเยน็ ความเจ็บปวดทางกาย เป็ นตน้ ส่ิงที่ควรคาํ นึงประการหน่ึงก็คือ ผอู้ ่านควรเคารพจุดมุ่งหมายที่ผเู้ ขียนไดว้ างไว้ โดยการไม่บิดเบือนหรือเปล่ียนแปลงจนทาํให้ ‚สาร‛ ในบทประพนั ธ์เดิมหายไป 2. การอ่านออกเสียงอย่างถูกต้องตามอกั ขรวธิ ี การอ่านออกเสียงไม่ใช่เป็ นเพียงการออกเสียงให้ดงั ฟังชดั แค่น้นั ผอู้ ่านจะตอ้ งออกเสียงให้ถูกอกั ขรวธิ ีดว้ ย ท้งั เสียง /ร/ /ส/ /ท/ /ช/ และเสียงคาํ ควบกล้าํ ที่ผอู้ ่านวยั รุ่นในปัจจุบนั มกั จะละเลยจนทาํ ให้การออกเสียงไมถ่ ูกตอ้ งตามอกั ขรวธิ ี การออกเสียงที่ชดั เจนจะทาํ ใหผ้ ฟู้ ังสามารถเขา้ ใจเรื่องราวไดช้ ดั เจนและไม่คลาดเคลื่อนจากท่ีผแู้ ต่งไดม้ ุง่ หมายไว้ 3. การถ่ายทอด “ประสบการณ์” ในบทอ่าน การถ่ายทอดประสบการณ์ในบทอ่านเป็ นการนาํ ‚ชีวิต‛ (ของภาษาพูด) กลบั คืนมาสู่ภาษาเขียน ท้งัในดา้ นความคิดและอารมณ์ เช่น คาํ วา่ ‚สวยมาก‛ เม่ือเขียนเป็ นตวั อกั ษรยอ่ มมีลกั ษณะที่เป็ นระบบตายตวัแตใ่ นความเป็นจริงแลว้ คาํ วา่ ‚สวยมาก‛ อาจสื่อความหมายไดห้ ลายอยา่ งข้ึนอยกู่ บั ความคิดและอารมณ์ของผพู้ ดู เป็ นตน้ วา่ อาจหมายถึง 1) ความช่ืนชมอยา่ งจริงใจ 2) ความช่ืนชมอยา่ งเสแสร้ง 3) การชมตามมารยาท4) การยวั่ เยา้ เล่น 5) ความริษยา 6) การประชดประชนั 7) ความอปั ลกั ษณ์ในสายตาของ ผพู้ ูด ความหมายของคาํ วา่ คาํ วา่ ‚สวยมาก‛ อาจมีมากกวา่ น้ีก็ได้ และน้าํ เสียงท่ีใชพ้ ูดในความหมายแต่ละอยา่ งก็แตกต่างกนั ไปตามบริบทของผพู้ ูด และในการถ่ายทอดภาษาเขียนไปเป็ นภาษาพูด ผอู้ ่านตอ้ งลองนาํ เอาอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ จากประสบการณ์ตนมาใชใ้ นการถ่ายทอดทางน้าํ เสียงดว้ ย ท้งั น้ีผอู้ ่านควรมีความกลา้ แสดงออก ขจดัความขวยเขินหรือประหม่าออกไป สาํ หรับผอู้ ่านที่มีปัญหาเรื่องความประหม่าอาจแกป้ ัญหาดว้ ยการมีสมาธิอยกู่ บั บทอา่ นตวั อย่างการอ่านกวนี ิพนธ์ ไหมแท้ทแ่ี ม่ทอแมป่ ลูกหมอ่ นเล้ียงไหมต้งั ใจนกั เรี่ยวแรงรักแม่ใชเ้ พือ่ ใฝ่ ฝันอีกสาวไหมดว้ ยมือซ่ือสตั ยน์ ้นั ท้งั ทอมนั ละเมียดละไมใชเ้ วลาส่ือวญิ ญาณผา่ นมือสู่เส้นไหม ถกั เส้นใยแต่ละเส้นเป็นเน้ือผา้ตีนท่ีใชก้ ระตุกก่ีคือชีวา มือท่ีควา้ กระสวยวาดคือชีวติผา้ ขาวมา้ ผนื ใหมแ่ มใ่ หล้ ูก รักพนั ผกู ทุกใยไหมวจิ ิตรใยไหม โยงใจแมเ่ นรมิต ไหมอุทิศ แมก่ ็ทอ ตอ่ ตาํ นานลูกก็ถือผา้ ทอท่ีแมใ่ ห้ เป็นเยอ่ื ใยไหมและแม่ท่ีกลา้ หาญ
ผา้ ท้งั ผนื มีชีวติ จิตวญิ ญาณ ถกั ประสานสอดสร้างอยา่ งแยบยลมือนอ้ ยนอ้ ยของแมด่ ูแคน่ ้ี เคยเฆี่ยนตีลูกบา้ งในบางหนแตม่ ือเดียวกนั น้ีแหละสู้ทน ประคองลูกใหพ้ น้ ภยนั ตรายแหละมือน้ีที่บนั ดาลงานชีวติ มิเคยคิดคา่ แรงแข่งซ้ือขายยงั ถกั ทอ ทรมาน์ยงั ทา้ ทาย ยงั มนั่ หมายผา้ ไหมผนื ใหม่มาพร้อมท้งั สอนลูกสาวเจา้ ศรีเรือน อยเู่ ป็นเพื่อนแมท่ อปรารถนาเพอ่ื สืบทอดแรงงานกาลเวลา ก่อนมือแม่จะออ่ นลา้ ตอ้ งลาพกัและสอนเจา้ ลูกชายใหท้ ระนง รักแม่กข็ อจงทาํ งานหนกัดว้ ยละเอียดออ่ นในเยอ่ื ในรัก พลีชีวติ เพ่อื ถกั และทอไทสกั วนั หน่ึงถึงไม่มีชีวติ แม่แม่ก็ทอ ลูกก็ทอ ต่อเส้นใย ลูกท่ีแทก้ ็คงคงทอสืบต่อได้ ผา้ ชีวติ ผนื ใหม่ จะตอ้ งงาม ไพวรินทร์ ขาวงาม 1. กล่าวเกร่ิน บทกวี ไหมแทท้ ่ีแม่ทอ เป็ นบทกวีบทหน่ึงในหนงั สือรวมกวีนิพนธ์ชุด มา้ กา้ นกลว้ ย ของไพวรินทร์ ขาวงาม ซ่ึงไดร้ ับรางวลั วรรณกรรมสร้างสรรคย์ อดเยย่ี มแห่งอาเซียน (ซีไรต)์ ประจาํ ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2538 บทกวี ไหมแทท้ ่ีแม่ทอ น้ี กวีไดร้ จนาข้ึนดว้ ยสาํ นึกแห่งความรักของบุพการี ผซู้ ่ึงทาํ หนา้ ท่ี ‚ฟูกฟัก‛ และ‚โอบอุม้ ‛ ชีวิตให้เติบโตเป็ นพลงั ของแผน่ ดิน บทกวีบทน้ีส่ือความคิดอนั ลุ่มลึก ดงั กล่าวผา่ นพลงั ทางวรรณศิลป์ ท่ีเรียบง่าย งดงาม และสะเทือนอารมณ์ 2. ทอไหมทอความคดิ ไพวรินทร์ ขาวงาม กล่าวสุนทรพจน์ในงานพิธีพระราชทานรางวลั วรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยยี่ มแห่งอาเซียน (ซีไรต)์ ความตอนหน่ึงวา่ ‚ขา้ พเจา้ เกิดและเติบโตในสังคมชนบท ดว้ ยชีวติ จิตใจแบบเกษตรกรเยยี่ งพอ่ แม่พน่ี อ้ ง ป่ ูยา่ ตายาย และคนในสงั คมเกษตรกรรมทวั่ ไป‛ ในการอ่านพิจารณางานวรรณกรรม ภูมิหลงั ของนกั เขียนหรือกวีอาจมีประโยชน์ท่ีเอ้ือต่อการตีความสารสําคญั ของงานเขียนได้ คาํ กล่าวของไพวรินทร์ขา้ งตน้ น่าจะช่วยให้ผูอ้ ่านพินิจใคร่ครวญถึงแนวคิดของไหมแทท้ ี่แม่ทอไดอ้ ยา่ งดีทีเดียว กล่าวไดว้ า่ ไหมแทท้ ่ีแม่ทอ ไพวรินทร์รจนาข้ึนดว้ ย ‚ชีวิตจิตใจแบบเกษตรกร‛ โดยแท้ เขาเกิดและเติบโตข้ึนมาในสภาพแวดลอ้ มของสังคมชนบท ซ่ึงครอบครัวยงั อยู่กนั ในลกั ษณะครอบครัวขยาย และการผลิตยงั ผลิตในลกั ษณะอุตสาหกรรมในครัวเรือน นอกจากน้ี ยงั เป็ นสังคมที่ให้
ความสาํ คญั แก่ความรัก ความอาทรท่ีจะโอบอุม้ ค้าํ จุนสมาชิกในครอบครัวใหเ้ ติบใหญ่เป็ นพลเมืองท่ีดีของสังคมตอ่ ไปรุ่นแลว้ รุ่นเล่า ไหมแทท้ ่ีแม่ทอ เสนอแนวคิดสาํ คญั คือ ผเู้ ป็นแมไ่ ดถ้ ่ายทอดประสบการณ์ชีวติ แก่ลูกดว้ ย ความรัก และมีความหวงั ที่จะเห็นลูกเติบโตเป็นชีวติ ท่ีงดงาม สามารถสืบสายโยงใยความรักสู่คนรุ่นต่อไป ไพวรินทร์ใชก้ ารทอผา้ ไหมเป็ นวสั ดุในการส่ือแนวคิดสําคญั ดงั กล่าว โดยลาํ ดบั ความคิดอยา่ งมีเอกภาพและสมั พนั ธภาพ ทาํ ใหผ้ อู้ า่ นสามารถเชื่อมโยงความคิดสู่ภาพการทอ ‚ผา้ ชีวติ ‛ ‚ผา้ ชีวิต‛ เป็ นคาํ กุญแจสาํ คญั ของบทกวบี ทน้ี ไพวรินทร์เปรียบชีวิตเป็ นผา้ การอบรมบ่มเพาะชีวติ ของสมาชิกในครอบครัวเปรียบเสมือนการทอผา้ ไหม ผทู้ อผา้ ตอ้ งทอผา้ ดว้ ยความรักและความเอาใจใส่นบั ต้งั แตก่ ารปลูกหมอ่ น เล้ียงไหม สาวไหม และทอเส้นใย ทุกกระบวนการผทู้ อทาํ อยา่ ง ‚ต้งั ใจ‛ ‚ซ่ือสัตย‛์และ ‚ละเมียดละไม‛ ทุกเส้นไหมน้นั มี ‚วิญญาณ‛ ผา้ ท้งั ผนื น้นั มี ‚ชีวิต‛ ท้งั น้ีดว้ ย ‚มือนอ้ ยนอ้ ย‛ ของผทู้ อฉนั ใด ผเู้ ป็ นแม่ตอ้ งเล้ียงดูลูกของตนดว้ ยความรักความเอาใจใส่ ฟูมฟักดว้ ยความทะนุถนอมดว้ ย ‚มือนอ้ ยนอ้ ย‛ ของแมฉ่ นั น้นั ‚มือนอ้ ยนอ้ ย‛ ของแม่น้ีเองท่ี ‚ทอประสานสอดสร้าง‛ ชีวิตของลูก และปรารถนาให้ลูกได้‚สืบทอต่อตาํ นาน‛ คือการรับและสืบทอดวฒั นธรรมการเล้ียงดูสมาชิกของครอบครัวดว้ ยความรักความอาทรสู่คนอีกรุ่นหน่ึง กวไี ดช้ ้ีใหเ้ ห็นวา่ การโอบอุม้ ฟูมฟักชีวติ ดว้ ยความรักความอาทรน้ีจะเกิดข้ึนไดเ้ พราะผเู้ ป็ นแม่ตระหนกั และสํานึกวา่ ตอ้ ง ‚พลีชีวิต‛ คือตอ้ งอุทิศเสียสละในการถกั ทอชีวิตให้เป็ นผา้ ผืนใหม่ท่ีงดงาม อนั หมายถึงชีวติ ท่ีมีสาํ นึกในความเป็ น ‚ไท‛ คือเป็ นชีวิตท่ีสํานึกในค่าของความเป็ นคน สํานึกในพลงั ของการสร้างสรรคข์ องตน ดว้ ยจิตสาํ นึกของความเป็ น ‚ไท‛ น้ีเอง ที่จะปลุกกระตุน้ ใหเ้ ราเชื่อมนั่ ในศกั ยภาพและพลงั ของการถกั ทอ ‚ผา้ ชีวติ ‛ แตล่ ะผนื ใหด้ าํ รงอยใู่ นสงั คมอยา่ งสง่างามไดร้ ุ่นแลว้ รุ่นเล่า 3. งามไหมงามคา ช่ือบทกวี ไหมแทท้ ่ีแม่ทอ เป็ นช่ือที่เลือกสรรและจดั เรียงถอ้ ยคาํ อยา่ งเหมาะเจาะท้งั เสียงและความหมาย ไหมแทท้ ่ีแม่ทอ เป็ นวลีท่ีมีจงั หวะเสียงสมดุลกนั คือมีเสียง /ม/ และ /ท/ในพยางคท์ ี่ 1 และพยางคท์ ่ี 2 ซ้าํ กนั สองคร้ัง ก่อให้เกิดเสียงไพเราะและหนกั แน่น เช่นเดียวกบั วรรค ตีนท่ีใชก้ ระตุกก่ีคือชีวามือที่ควา้ กระสวยวาดคือชีวิต เป็ นวรรคท่ีจดั เรียงจงั หวะคาํ อยา่ งประณีต สร้างจงั หวะเสียงใหส้ มดุล ชวนให้พินิจเห็นความสมั พนั ธ์ระหวา่ งภาพการทอผา้ ไหมกบั ภาพการทอผา้ ชีวติ อยา่ งแยบยล บทกวบี ทน้ีจดั เรียงความคิดอยา่ งมีสัมพนั ธภาพ แบ่งเน้ือความเป็ น 2 ตอนใหญ่ ๆ คือ การทอผา้และการเล้ียงดูชีวติ การทอผา้ เร่ิมจากการปลูกหมอ่ น เล้ียงไหม สาวไหม และทอไหม แสดงกระบวนการ ทอผา้ ที่ตอ้ งอาศยั สมาธิ ท้งั กี่และกระสวยอนั เป็นอุปกรณ์สาํ คญั ตอ้ งดาํ เนินไปดว้ ยจงั หวะท่ีสัมพนั ธ์ซ่ึงกนั และกนั
กวเี ล่นคาํ ‚เยอ่ื ใยไหม‛ เช่ือมโยงสู่คาํ ‚เยอ่ื ใยรัก‛ ไดอ้ ยา่ งแยบคาย สร้างความคิดแก่ผอู้ ่านให้เชื่อมโยงภาพการทอผา้ สู่ภาพการเล้ียงดูชีวิต วา่ เป็ นภาพอนั หน่ึงอนั เดียวกนั นอกจากน้ี คาํ วา่ ‚มือ‛ ใน บทกวนี ้ีไดช้ ่วยสร้างสารัตถภาพ คือการย้าํ เนน้ สารสาํ คญั ของตวั บท คาํ วา่ ‚มือ‛ ปรากฏซ้าํ ถึง 7 คร้ัง ดงั น้ี - สาวไหมดว้ ยมือซื่อสัตย์ - สื่อวญิ ญาณผา่ นมือสู่เส้นไหม - มือที่ควา้ กระสวยวาดคือชีวติ - มือนอ้ ยนอ้ ยของแมด่ ูแค่น้ี - มือเดียวกนั น้ีแหละสู้ทน - แหละมือน้ีที่บนั ดาลงานชีวติ - ก่อนมือแม่จะอ่อนลา้ ตอ้ งลาพกั การซ้าํ คาํ ว่า ‚มือ‛ ถึง 7 คร้ังเช่นน้ีช่วยย้าํ เนน้ ให้เห็นความหมายสาํ คญั ของบทกวี การผลิตในสังคมเกษตรกรรมตอ้ งอาศยั ‚มือ‛ ท่ีทุ่มเทพลงั กายและพลงั ใจสร้างสรรคส์ รรพสิ่งข้ึน มือ ในท่ีน้ีจึงเป็ นสัญลกั ษณ์ของการสร้างสรรพส่ิงข้ึนด้วยแรงกายและแรงใจ เน้ือความอีกตอนหน่ึงในสุนทรพจน์ของไพวรินทร์ไดก้ ล่าวถึงบทบาทของกวนี ิพนธ์ไทยวา่ ‚กวีนิพนธ์ไทยคือวิถีหน่ึงของวฒั นธรรมอนั จะนาํ ไปสู่ความจาํ เริญทางจิตใจของผคู้ นในชาติ ดว้ ยพลงั ของความคิดฝันและจินตนาการอนั งอกเงยมาจาก ชีวิตจริง‛ โดยนยั น้ี จะเห็นไดว้ า่ ไพวรินทร์ไดบ้ รรลุแลว้ ซ่ึงพนั ธกิจของกวนี ิพนธ์ คือไดใ้ ชพ้ ลงั ความคิดฝันและจินตนาการอนั งอกเงยมาจากชีวติ จริง ที่มีพ้ืนฐานสาํ นึกถึงรากทางวฒั นธรรมไทยมาปรุงแต่งบทกวี ไหมแทท้ ี่แม่ทอ อนั งดงาม เพอ่ื กระตุน้ ใหผ้ อู้ า่ นเกิดความสํานึกในพลงั แห่งความเสียสละ ที่จะช่วยจรรโลงสังคมใหว้ ฒั นาสืบไปดว้ ยการโอบอุม้ ชีวติ แต่ละชีวติ ที่อุบตั ิข้ึนดว้ ยวญิ ญาณแห่งความรัก 3.3 การอ่านข่าว ความหมายของข่าว ข่าว คือ การรายงานขอ้ เท็จจริงของเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึน รวมถึงการรายงานความคิดเห็นของบุคคลสําคญั โดยเร่ืองราวที่นาํ มารายงานน้ันจะเป็ นเรื่องราวที่น่าสนใจ มีความสําคญั และมีผลกระทบต่อผคู้ นจาํ นวนมาก องค์ประกอบของข่าว โดยเหตุที่ในแต่ละวนั มีเหตุการณ์เกิดข้ึนมากมาย ผูน้ าํ เสนอข่าวจึงจาํ เป็ นตอ้ งพิจารณาคดั เลือกเฉพาะเหตุการณ์ท่ีมีองคป์ ระกอบของความเป็ นข่าว แลว้ จึงรายงานให้ผอู้ ่านรับทราบ โดยองค์ประกอบท่ีสาํ คญั ของเหตุการณ์ท่ีจะเป็นข่าวมีดงั น้ี
ความสดใหม่ (Timeliness) หรือ ความรวดเร็ว (Immediacy) หมายถึง การท่ีเหตุการณ์ น้นั ๆเพิ่งเกิดข้ึน หรือเพิ่งถูกคน้ พบ แล้วไดร้ ับการรายงานอย่างรวดเร็วทนั ทีทนั ใด หากขอ้ มูลยิ่งสดใหม่และรวดเร็วกย็ ง่ิ ทาํ ใหป้ ระชาชนสนใจมากข้ึน ปุถุชนสนใจ (Human Interest) หมายถึง การที่เหตุการณ์ที่เกิดข้ึนน้นั ทาํ ให้ผอู้ ่านสนใจเป็ นอยา่ งมาก จนเกิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ไปตามเหตุการณ์ หรือเกิดความรู้สึกร่วมกบั บุคคลที่ประสบกบัเหตุการณ์น้นั ๆ ไปดว้ ย เหตุการณ์ใดทาํ ให้ผอู้ ่านสนใจไดม้ าก เหตุการณ์น้นั ก็จะมีคุณค่าดา้ นความเป็ นข่าวมากข้ึนตามไปดว้ ย ความใกล้ชิด (Proximity of Nearness) หมายถึง ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งขอ้ มูลข่าวสารกบั ผทู้ ่ีรับรู้เรื่องราว ท้งั ความสัมพนั ธ์ทางร่างกายและจิตใจ โดยปรกติผคู้ นทวั่ ไปมกั สนใจเหตุการณ์ที่เป็ นเร่ืองราวใกลต้ วั เช่นเรื่องราวของตนเอง ครอบครัว ญาติ หรือเพื่อนฝงู มากกวา่ เรื่องราวที่เกิดข้ึนกบั บุคคลท่ีตนเองไม่รู้จกั ความมีช่ือเสียง หรือความสาคัญ (Prominence) หมายถึง การท่ีเหตุการณ์น้ันมีบุคคลท่ีมีชื่อเสียงเขา้ ไปเกี่ยวขอ้ ง ไม่ว่าจะเป็ นบุคคลท่ีมีชื่อเสียงดา้ นตาํ แหน่งหน้าท่ีการงาน ฐานะทางสังคม หรือฐานะทางเศรษฐกิจ องคป์ ระกอบน้ียงั รวมถึงความมีช่ือเสียงหรือความสาํ คญั ของสถานที่ เช่น สถานที่สาํ คญัทางประวตั ิศาสตร์ การเมือง ศาสนา ตลอดจนวตั ถุสิ่งของอนั ล้าํ ค่า และเป็นท่ีรู้จกั โดยทวั่ ไปอีกดว้ ย ผลกระทบกระเทือน (Consequence) หมายถึง การที่เหตุการณ์น้นั ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตความเป็ นอยู่ของคน ท้งั ดา้ นร่างกาย ทรัพยส์ ิน ชื่อเสียง สถานภาพทางสังคม และความรู้สึก เหตุการณ์ท่ีมีผลกระทบตอ่ คนในวงกวา้ งยอ่ มไดร้ ับความสนใจสูง และคุณค่าของข่าวจะเพิ่มมากข้ึนตามไปดว้ ย เช่น ข่าวภยั พิบตั ิต่าง ๆ ข่าวการลดหยอ่ นภาษี การข้ึนคา่ สาธารณูปโภค เป็นตน้ ความขดั แย้ง (Conflict) หมายถึง การท่ีเหตุการณ์น้นั แสดงใหเ้ ห็นถึงความขดั แยง้ ระหวา่ งมนุษย์โดยอาจเป็ นความขดั แยง้ ที่เกิดข้ึนในครอบครัว ไปจนถึงการทาํ สงครามระหว่างประเทศ อาจเป็ นความขดั แยง้ ทางร่างกาย จิตใจ หรือความคิดก็ได้ ตามปรกติความขดั แยง้ ทางกายจะได้รับความสนใจมากกว่าความขดั แยง้ ดา้ นจิตใจ เพราะเป็นเหตุการณ์ความขดั แยง้ ท่ีเห็นไดช้ ดั เจนกวา่ ความมีเงื่อนงา (Suspense) หมายถึง การท่ีเหตุการณ์น้นั เกิดข้ึนและมีการรายงานเรื่องราวไปก่อนหน้าน้ันแล้ว แต่ผูน้ าํ เสนอยงั ไม่สามารถยุติการรายงานลงได้ เพราะเป็ นเหตุการณ์ท่ีมีเบ้ืองหลังซับซ้อน หรือมีความจริงท่ียงั ไม่ถูกเปิ ดเผยอย่างแจ่มชดั เช่น การรายงานความคืบหน้าในคดีฆาตกรรมปริศนา เป็นตน้ ความแปลกประหลาด (Oddity or Unusualness) หมายถึง การท่ีเหตุการณ์เกิดข้ึนโดยผิดปกติวิสัย เป็ นส่ิงแปลกประหลาดท่ีผูค้ นไม่เคยพบเห็นมาก่อน เช่น การคลอดลูกแฝดจาํ นวนมาก หรืออิทธิปาฏิหาริยต์ ่าง ๆ เป็นตน้
องค์ประกอบทางเพศ (Sex) หมายถึง การนาํ เสนอเรื่องราวที่เก่ียวขอ้ งกบั เพศ ไม่วา่ จะเป็ นเพศหญิง เพศชาย หรือผูม้ ีพฤติกรรมเบ่ียงเบนทางเพศ เช่น การเรียกร้องสิทธิของเพศหญิง การมีความผดิ ปรกติทางเพศ การขอใชค้ าํ นาํ หนา้ เป็นเพศหญิงของสตรีแปลงเพศ เป็นตน้ ความก้าวหน้า (Progress) หมายถึง การที่เหตุการณ์น้นั เป็ นความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี หรือความก้าวหน้าทางวิชาการ โดยเฉพาะความก้าวหน้าท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ชีวิตมนุษย์ รวมถึงความกา้ วหน้าของบุคคลท่ีประสบความสาํ เร็จอยา่ งสูงในชีวติ อยา่ งไรกต็ าม เหตุการณ์ท่ีจะไดร้ ับเลือกมานาํ เสนอเป็ นข่าวไม่จาํ เป็ นตอ้ งมีองคป์ ระกอบครบทุกขอ้แต่อาจมีเพียงบางองคป์ ระกอบท่ีมีความโดดเด่นก็สามารถนาํ มาเสนอเป็ นข่าวได้ ท้งั น้ี เป็ นท่ีน่าสังเกตวา่เหตุการณ์ท่ีนาํ มาเสนอเป็ นข่าวจะตอ้ งมีปัจจยั เร่ือง ‚ความสดใหม่‛ หรือ ‚ความรวดเร็ว‛ เป็ นองคป์ ระกอบเสมอ นอกจากองคป์ ระกอบของความเป็ นข่าวท้งั หมดที่ไดก้ ล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ การคดั เลือกตีพิมพข์ ่าวของหนงั สือพมิ พแ์ ต่ละฉบบั น้นั ยงั อาจมีปัจจยั อ่ืน ๆ ประกอบอยดู่ ว้ ย เช่น นโยบายของหนังสือพมิ พ์ หมายถึง การที่หนงั สือพิมพจ์ ะเนน้ การคดั เลือกเหตุการณ์บางประเภทท่ีสอดคลอ้ งกบั แนวนโยบายของสํานกั พิมพต์ นมานาํ เสนอเป็ นพิเศษ เช่น หนงั สือพิมพบ์ างฉบบั มีนโยบายสนบั สนุนพรรคการเมือง บางฉบบั เปล่ียนแปลงไปตามกระแสของประชาชน หรือบางฉบบั มีนโยบายเป็นกลาง อิสระ กจ็ ะคดั เลือกเหตุการณ์ท่ีสอดคลอ้ งกบั แนวนโยบายของตนมานาํ เสนอมากกวา่ เหตุการณ์อ่ืนๆ ประเภทของหนังสือพิมพ์ หมายถึง การท่ีหนงั สือพิมพแ์ ต่ละฉบบั จะเนน้ การนาํ เสนอเหตุการณ์ที่สอดคลอ้ งกบั ประเภทของหนงั สือพิมพข์ องตนเอง โดยหนงั สือพิมพป์ ระเภทคุณภาพจะให้ความสําคญั กบัข่าวที่กระทบต่ออารมณ์ความรู้สึกของผอู้ ่านชา้ เช่น ข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ในขณะท่ีหนงั สือพิมพ์ประเภทปริมาณจะเน้นการเสนอข่าวที่กระทบต่อความรู้สึกของผอู้ ่านได้เร็ว เช่น ข่าวอุบตั ิเหตุ หรือข่าวอาชญากรรม ความสนใจของผ้อู ่าน หมายถึง การมุง่ เนน้ การนาํ เสนอเรื่องท่ีผอู้ ่านกาํ ลงั ให้ความสนใจในขณะน้นัหากเหตุการณ์ใดกาํ ลงั เป็น talk of the town เหตุการณ์น้นั ก็จะไดร้ ับการพิจารณาตีพิมพเ์ ป็นสาํ คญั โครงสร้างของข่าว โครงสร้างของข่าว หมายถึง ส่วนต่าง ๆ ที่นาํ มาประกอบกนั เป็นขา่ ว แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ไดแ้ ก่ 1. พาดหัวข่าวหรือหัวเรื่อง (Headline) คือ ส่วนท่ีใชด้ ึงดูดความสนใจ และแจง้ ให้ผอู้ ่านทราบถึงประเด็นสําคญั ของข่าว ตามปรกติพาดหวั ข่าวจะใช้ภาษาที่ส้ันกระชบั สามารถเขา้ ใจไดง้ ่ายอยา่ งรวดเร็วหากผอู้ า่ นสนใจเหตุการณ์น้นั ก็จะติดตามไปอา่ นรายละเอียดตอ่ ไป 2. ส่วนความนา (Lead) คือ ส่วนสําคญั ที่สุดของข่าว เพราะเป็ นส่วนท่ีสรุปให้ผูอ้ ่านทราบวา่ มีเหตุการณ์อะไรเกิดข้นั บา้ ง เน้ือหาในส่วนน้ีจะตอบคาํ ถามที่ผูอ้ ่านอยากรู้ โดยใช้หลกั 5W+1H คือ ใคร
(Who) ทาํ อะไร (What) ท่ีไหน (Where) เมื่อไหร่ (When) ทาํ ไม (Why) และอยา่ งไร (How) โดยอาจตอบครบทุกประเด็น หรือเลือกตอบเฉพาะบางประเดน็ ท่ีมีความสาํ คญั และคาดวา่ ผอู้ ่านอยากรู้มากท่ีสุดก็ได้ 3. ส่ วนเชื่อม (Neck) คือ ส่วนท่ีช่วยเช่ือมโยงความสัมพนั ธ์ระหว่างความนาํ และเน้ือหาข่าวโดยทวั่ ไปจะเขียนเป็ นย่อหน้าส้ัน ๆ เพื่อใช้อา้ งอิงเร่ืองราวที่เคยรายงานมาก่อนแล้ว หรือใช้ขยายความเพิ่มเติมขอ้ มูลจากสิ่งท่ีปรากฏในความนาํ เพ่อื ไมใ่ หค้ วามนาํ ยาวเกินไป 4. ส่วนเนื้อหา (Body) คือ ส่วนที่นาํ เสนอรายละเอียดของเหตุการณ์ท้งั หมด เพื่อให้ผูอ้ ่านเขา้ ใจเร่ืองราวตามลาํ ดบั โดยอาจเรียบเรียงตามความสําคญั ของเหตุการณ์ หรือตามลาํ ดบั เวลาที่เหตุการณ์น้นัเกิดข้ึน ส่วนเน้ือหาจึงมีขนาดยาว และทาํ หนา้ ท่ีขยายส่วนความนาํ โดยช่วยแสดงรายละเอียดของขอ้ มูลที่ยงัไม่ไดร้ ะบุถึงในความนาํ ใหค้ รบถว้ น โครงสร้างของข่าวที่สมบูรณ์จะประกอบไปดว้ ยส่วนต่าง ๆ ท้งั 4 ส่วนตามท่ีกล่าวมาขา้ งตน้ ไดแ้ ก่ส่วนพาดหัวข่าว ส่วนความนาํ ส่วนเชื่อม และส่วนเน้ือหา แต่ปัจจุบนั พบว่าการนาํ เสนอข่าวท่ีปรากฏโดยทว่ั ไปมกั จะไม่มีส่วนเช่ือม เน่ืองจากผนู้ าํ เสนอข่าวมกั จะแสดงส่วนเน้ือหาต่อจากส่วนความนาํ โดยไม่ตอ้ งมีส่วนเชื่อมช่วยเชื่อมโยงความสัมพนั ธ์ตวั อย่างโครงสร้างของข่าว ตร.รุมโต้ป.ป.ท.'มินิแลนด์'แค่ร้านเกม โฆษก ตร.สวน ป.ป.ท.ทาผิดข้ันตอน ชี้ไม่มีอานาจจับกุมบ่อนตู้พนัน ซ้าไม่มีหมายค้น ผบ.ตร.ส่ัง ผกก.ห้วยขวาง-บก.น.1 แจงรายละเอียด โฆษก บช.น.ชี้ยังจับใครไม่ได้ เพราะไม่พบ มีความผิด พ้อทีมงาน ป.ป.ท.ไม่ประสานท้องท่กี ่อนดาเนินการ ด้าน ผบก.น.1 สั่งสอบเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ชุดตรวจค้นร้านเกม ด้าน ผกก.ห้วยขวางยนั ร้านมินิแลนด์บนห้างเอสพลานาดเป็ นแค่ ร้านเกม ไม่มีการเล่นพนัน ยอมรับไม่เสียใจหากถูกสั่งย้าย ยา้ ทางานเตม็ ทแ่ี ล้ว
จากการที่เจา้ หนา้ ท่ีสํานกั งานคณะกรรมการป้ องกนั และปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)พร้อมดว้ ยตาํ รวจสายตรวจ 191 กวา่ 10 นาย เขา้ ตรวจคน้ ร้านมินิแลนด์ ซ่ึงเปิ ดเป็ นร้านเกมเซ็นเตอร์ บนช้นั2 ของหา้ งเอสพลานาด ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตดินแดง กรุงเทพฯ เม่ือช่วงเยน็ วนั ท่ี 4 พฤษภาคม โดยระหวา่ งเขา้ จบั กุม พนกั งานในร้านไดด้ ึกปลกั๊ ไฟตูค้ อมพิวเตอร์ท้งั หมดออก เจา้ หนา้ ที่จึงยึดตูค้ อมพิวเตอร์ที่เปิ ดใหเ้ ล่นบคั คาราออนไลน์ 18 เครื่อง และตสู้ ลอตแมชชีน 16 เครื่อง การเขา้ จบั กุมคร้ังน้ี นายอาํ พล วงศศ์ ิริ รองเลขาธิการ ป.ป.ท. ในฐานะรักษาการเลขาธิการ ป.ป.ท.ระบุวา่ ไดป้ ระสานไปยงั ตาํ รวจสันติบาล ปรากฏวา่ เจา้ หนา้ ที่อา้ งวา่ ไม่มีอาํ นาจจบั กุม จากน้นั จึงประสานไปยงั รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงยตุ ิธรรม เพ่ือประสานไปยงั ตาํ รวจ 191 เพอื่ ทาํ การตรวจคน้ จบั กุมดงั กล่าว ความคืบหนา้ เมื่อวนั ที่ 5 พฤษภาคม พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. เปิ ดเผยวา่ การเขา้ จบั กุมของป.ป.ท.เป็ นการกระทาํ ท่ีผิดข้นั ตอน เนื่องจาก ป.ป.ท.ไม่มีอาํ นาจทางกฎหมายเพ่ือเขา้ จบั กุมและสอบสวนรวมถึงการเขา้ ไปคร้ังน้ีก็ไม่มีหมายคน้ ดว้ ย จึงสังเกตไดว้ า่ การทาํ หนา้ ท่ีของ ป.ป.ท.จะมีตาํ รวจร่วมอยเู่ สมอแต่คร้ังน้ีการท่ี ป.ป.ท.ออกมาระบุว่า ไม่สามารถติดต่อ ผบ.ตร.ได้ ความจริงก็คือการดาํ เนินการตรวจคน้จบั กมุ ส่ิงผดิ กฎหมายน้นั ทาง ป.ป.ท.ทราบดีวา่ จะตอ้ งประสานใคร มีการประกอบกาํ ลงั อยา่ งไร และทุกคร้ังก็ไม่มีการประสานถึง ผบ.ตร. ส่วนที่ระบุวา่ ติดต่อตาํ รวจสันติบาลน้นั ขอ้ เท็จจริงตาํ รวจสันติบาลก็ไม่มีหนา้ ที่จบั บอ่ นเช่นกนั จึงต้งั ขอ้ สงั เกตการกระทาํ ของ ป.ป.ท.วา่ มีเหตุผลเช่นไร และการออกมาระบุวา่ จบั กุมไม่สาํ เร็จ เพราะไมไ่ ดร้ ับความร่วมมือจากตาํ รวจ ก็ไม่น่าจะเป็นธรรมกบั ตาํ รวจเลย พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวต่อว่า ขณะน้ีการจบั กุมการพนนั ออนไลน์มีความซับซ้อนมาก ตอ้ งมีการวางแผนอย่างมีข้นั ตอน ตอ้ งมีเจา้ หน้าท่ีชาํ นาญการ หรือกองบงั คบั การปราบปรามการกระทาํ ความผิดเก่ียวกบั อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ไปดว้ ย เพ่ือไดพ้ ยานหลกั ฐานเอาผดิ หากออฟไลน์ไป ก็เทา่ กบั วา่ พยานหลกั ฐานไดส้ ูญหายไปดว้ ย ขณะน้ีไมส่ ามารถแจง้ ขอ้ หาได้ อยา่ งไรก็ตาม อาจดูหลกั ฐานจากกลอ้ งวงจรปิ ดอีกคร้ัง สําหรับการดาํ เนินการกบั ตาํ รวจทอ้ งท่ีท่ีปล่อยให้มีบ่อนออนไลน์เกิดข้ึนน้นั ตอ้ งมีการสอบสวนขอ้ เทจ็ จริงอยแู่ ลว้ จะบอกวา่ ไม่รู้ไม่ได้ เพราะนโยบาย ตร.ชดั เจน ซ่ึงการต้งั คณะกรรมการสอบสวนจะเป็ นหนา้ ท่ีของกองบญั ชาการตาํ รวจนครบาล (บช.น.) ท่ีผา่ นมาทาํ ไดด้ ีอยแู่ ลว้ ถา้ ทอ้ งท่ีปล่อยปละละเลยก็ ตอ้ งยา้ ย เจา้ ของจะเป็นผมู้ ีอิทธิพลอยา่ งไรก็ไม่ไดร้ ับการยกเวน้ และหากการสอบสวนพบวา่ มีการส่งส่วย รับสินบน จะมีความผดิ ทางอาญา และใหอ้ อกจากราชการไวก้ ่อน ดา้ น พล.ต.ต.ปิ ยะ อุทาโย ผบก.อก.บช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. เปิ ดเผยวา่ กรณีดงั กล่าว พล.ต.ท.จกั รทิพย์ ชยั จินดา ผบช.น.ไดส้ ั่งการให้ สน.ห้วยขวาง และกองบงั คบั การตาํ รวจนครบาล 1 (บก.น.1)ประมวลเรื่องดงั กล่าวนาํ เสนอเป็ นลายลกั ษณ์อกั ษร เพื่อตรวจสอบขอ้ เท็จจริงท้งั หมด เบ้ืองตน้ ยงั จบั กุมผกู้ ระทาํ ผดิ ไม่ได้ อีกท้งั ยงั ไม่พบวา่ มีความผดิ เขา้ ข่ายกฎหมายใด แต่ยงั อยรู่ ะหวา่ งการยึดเคร่ืองเกมดงั กล่าวมาตรวจสอบ ซ่ึงเรื่องน้ีทาง ป.ป.ท.ดาํ เนินการไปตรวจสอบเองโดยไม่มีการแจง้ เจา้ หนา้ ที่ตาํ รวจแตอ่ ยา่ งใด
พล.ต.ต.ปิ ยะ กล่าวต่อวา่ หากทาง ป.ป.ท.ไม่ไวใ้ จทาง สน.ห้วยขวาง ก็น่าจะแจง้ สายตรวจ 191 ช่วยตรวจสอบแต่แรก หรือหากไม่ไวใ้ จ บช.น.ก็น่าจะแจง้ กองปราบปราม ซ่ึงไม่ใช่ติดต่อทางสันติบาลท่ีไม่มีหน้าที่ในส่วนน้ี อย่างไรก็ตาม เม่ือสอบถามไปยงั พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ ผกก.สน.ห้วยขวาง ทราบว่าขณะท่ี ป.ป.ท.เขา้ ตรวจสอบ กาํ ลงั ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีอารักขา ดูแลรักษาความปลอดภยั นายกรัฐมนตรี ที่สถานีโทรทศั น์โมเดิร์นไนน์ทีวี ช่อง 9 อสมท. อยู่ โดยขณะน้ีทุกอยา่ งตอ้ งรอคาํ ช้ีแจงก่อนว่าเป็ นอยา่ งไรโดยตอ้ งใหค้ วามเป็นธรรมตอ่ เจา้ หนา้ ที่ดว้ ย หากพบวา่ มีความผดิ ตอ้ งดาํ เนินการตามข้นั ตอนอยแู่ ลว้ ‚ต่อไปหากมีหน่วยงานใดเขา้ ไปตรวจสอบพ้ืนท่ีใด ก็อยากใหป้ ระสานเจา้ หนา้ ท่ีตาํ รวจก่อน ไม่ใช่เขา้ ไปในพ้ืนท่ีแลว้ จึงแจง้ เจา้ หนา้ ที่ตาํ รวจ เพราะกาํ ลงั อาจไม่ทวั่ ถึง สาํ หรับเรื่องท่ีเกิดข้ึนไม่ไดเ้ ป็ นประเด็นที่ขดั แยง้ ระหวา่ งหน่วยงาน เพียงตอ้ งการใหม้ ีการประสานงานกบั ทางตาํ รวจบา้ งเทา่ น้นั ‛ โฆษก บช.น.กล่าว วนั เดียวกนั พล.ต.ต.วิชยั สังขป์ ระไพ ผบู้ งั คบั การตาํ รวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) กล่าววา่ ขณะน้ี ได้สั่งการให้ สน.ห้วยขวาง ทาํ รายงานเป็ นลายลกั ษณ์อกั ษรช้ีแจงเรื่องดงั กล่าวอย่างเร่งด่วน พร้อมท้งั ให้สอบปากคาํ เจา้ หนา้ ท่ี ป.ป.ท.ท่ีเขา้ ไปตรวจคน้ ดว้ ย เนื่องจากตอ้ งการทราบวา่ มีข้นั ตอนการปฏิบตั ิอยา่ งไรในการเขา้ ไปจบั กุม และร้านดงั กล่าวมีความผดิ ในขอ้ หาใด ซ่ึงจะใหท้ าง ป.ป.ท.ช้ีแจง ส่วนการลงโทษทางวินยัของเจา้ หน้าท่ีตาํ รวจในพ้ืนที่น้นั ขณะน้ียงั ไม่พบวา่ มีความผดิ หรือความบกพร่องแต่อย่างใด จึงยงั ไม่มีการลงโทษ ผสู้ ่ือขา่ วรายงานวา่ ในบนั ทึกการตรวจยดึ อุปกรณ์จากร้านมินิแลนดน์ ้นั มี ร.ต.อ.วสันต์ ธวชั ชยั - วิรุตยษ์ รอง สว.งาน 2 กก.สายตรวจ ไดล้ งบนั ทึกไวว้ า่ ไดร้ ่วมกาํ ลงั เจา้ หนา้ ที่ ป.ป.ท.นาํ โดยนายอาํ พล วงศศ์ ิริเลขาธิการ ป.ป.ท.เขา้ ตรวจคน้ ร้านมินิแลนด์ บนช้นั 2 หา้ งเอสพลานาด ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตดินแดง กทม. พร้อมตรวจยดึ เครื่องคอมพิวเตอร์แบบต้งั โตะ๊ พร้อมดว้ ยอุปกรณ์ 19 ชุด ตูด้ ีดลูกเหล็ก 15 ตู้ สมุดบนั ทึก 3 เล่ม เคร่ืองเล่นดีวดี ี พร้อมแผน่ ดีวดี ี 3 แผน่ เครื่องบนั ทึกขอ้ มูล 1 เครื่อง โดยมีการลงรายละเอียดวา่ขณะเขา้ จบั กมุ ไมม่ ีการเล่นการพนนั ออนไลนโ์ ดยใชเ้ ครื่องคอมพิวเตอร์ และไม่พบวา่ มีบุคคลเขา้ ไปเล่นการพนนั จึงไดต้ รวจยดึ อุปกรณ์ท้งั หมดเพ่อื ตรวจสอบ ขณะท่ี พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ ผกก.สน.ห้วยขวาง เปิ ดเผยวา่ ช่วงเวลาที่เกิดเหตุตนกาํ ลงั ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีดูแลอารักขานายกรัฐมนตรี ที่สถานีโทรทศั น์โมเดิร์นไนน์ทีวี ช่อง 9 อสมท. ต่อมาไดร้ ับรายงานว่าป.ป.ท.นาํ กาํ ลงั เขา้ บุกตรวจคน้ ท่ีร้านเกมภายในห้างดงั กล่าว โดยแจง้ วา่ พบตูส้ ลอตแมชชีน และมีการเล่นพนนั ดว้ ย โดยเจา้ หนา้ ท่ีตาํ รวจสันติบาลที่มาเขา้ ร่วมตรวจคน้ ไม่มีอาํ นาจจบั กุม จึงประสานเจา้ หนา้ ท่ีตาํ รวจสายตรวจและปฏิบตั ิการพิเศษ 191 เขา้ ร่วมตรวจสอบภายในร้าน เบ้ืองตน้ พบเคร่ืองคอมพิวเตอร์ที่ไม่ไดใ้ ช้งาน โดยถอดสายไฟออก รวมถึงไม่พบบุคคลใดกาํ ลงั เล่นการพนนั เจา้ หนา้ ที่จึงใหย้ ึดของกลาง ที่พบไปตรวจสอบวา่ ผดิ กฎหมายหรือไม่ อยา่ งไร มีการอนุญาตเสียภาษีถูกตอ้ งหรือไม่ ส่วนตูส้ ลอตแมชชีน 15 ตูท้ ี่พบน้นั ทราบวา่ ไมส่ ามารถใชง้ านไดแ้ ลว้ \"ท่ีผา่ นมาผมกาํ ชบั ให้ผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาดูแลตรวจสอบสถานที่ต่างๆ เพ่ือป้ องกนั อบายมุขและแหล่งท่ีเป็นบอ่ เกิดของอาชญากรรมอยตู่ ลอด ส่วนร้านมินิแลนดน์ ้นั ผมตรวจสอบแลว้ เป็ นร้านเกมทวั่ ไป ไม่มีการ
เล่นพนนั แต่อาจจะเล็ดลอดไปบา้ ง เพราะตาํ รวจอาจจะดูแลไม่ทวั่ ถึง และหากผบู้ งั คบั บญั ชามีคาํ สั่งให้ผมไปช่วยราชการที่ บช.น. ผมก็ไม่เสียใจ เพราะที่ผา่ นมาผมทาํ เตม็ ท่ีแลว้ \" พ.ต.อ.บุญส่งกล่าว จากหนงั สือพมิ พ์ คมชดั ลึก ฉบบั ประจาํ วนั พฤหสั บดีที่ 5 พฤษภาคม 2554 การวเิ คราะห์ โครงสร้างของขา่ วน้ีแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ 1. พาดหวั ขา่ วหรือหวั เรื่อง (Headline) หมายเลข 2. ส่วนความนาํ (Lead) หมายเลข 3. ส่วนเชื่อม (Neck) หมายเลข 4. ส่วนเน้ือหา (Body) หมายเลข การใช้ภาษาพาดหวั ข่าวหนังสือพมิ พ์ ภาษาท่ีพบในการนําเสนอข่าวเป็ นภาษาท่ีมีลักษณะบางประการแตกต่างไปจากการใช้ภาษาโดยทวั่ ไป ข้ึนอยู่กบั ประเภทของข่าว และประเภทของหนงั สือพิมพ์ ลกั ษณะการใชภ้ าษาที่ปรากฏซ้าํ จนสามารถสงั เกตไดอ้ ยา่ งชดั เจน มีดงั น้ี 1.1 การตดั คาหรือกร่อนคา คือ การที่ผเู้ ขียนขา่ วจาํ เป็นตอ้ งตดั บางส่วนของคาํ ท่ีเลือกใชใ้ นส่วนพาดหัวข่าวให้ส้ันหรือย่นย่อลง เพ่ือให้สามารถนาํ เสนอประเด็นที่ตอ้ งการไดค้ รบถว้ นในพ้ืนที่อนั จาํ กดั เช่นหนุน ใชแ้ ทน สนบั สนุน ยนั ใชแ้ ทน ยนื ยนั แจง ใชแ้ ทน ช้ีแจง เป็นตน้ 1.2 การละประธานของประโยค คือ การท่ีผเู้ ขียนข่าวเห็นวา่ ความสําคญั ของเหตุการณ์ที่ตอ้ งการรายงานน้นั ไม่ไดอ้ ยทู่ ่ีประธานของประโยค แต่อยทู่ ี่เร่ืองราวท่ีเกิดข้ึน จึงนาํ เสนอประเด็นสําคญั ในข่าวโดยเลือกใชป้ ระโยคท่ีข้ึนตน้ ดว้ ยคาํ กริยา เพื่อเน้นให้ผูอ้ ่านประจกั ษว์ า่ เกิดอะไรข้ึนในข่าว การใช้ประโยคท่ีข้ึนตน้ ดว้ ยคาํ กริยาทาํ ให้เกิดประโยคท่ีไม่สมบูรณ์เนื่องจากขาดประธานของประโยค อย่างไร ก็ตามผอู้ า่ นสามารถคน้ หาประธานของประโยคไดเ้ มื่ออ่านรายละเอียดในความนาํ หรือเน้ือหาของขา่ วตอ่ ไป 1.3 การละคาเช่ือม คาสันธาน หรือส่วนขยายประโยค คือ การใชภ้ าษาท่ีพยายามหลีกเลี่ยงการใช้คาํ เช่ือมและส่วนขยายประโยคท่ีไม่จาํ เป็ น เช่น คาํ วา่ ‚อีกท้งั ‛ ‚ซ่ึง‛ ‚กบั ‛ ‚ต่อ‛ เป็ นตน้ โดยผเู้ ขียนข่าวมกั เลือกใช้ประโยคเด่ียวมากกว่าประโยคซับซ้อน ท้งั น้ี การละคาํ ดงั กล่าวจะตอ้ งไม่ทาํ ให้ประโยคมีความหมายผดิ เพ้ยี นไป 1.4 การใช้คาสแลง คาเฉพาะสมัย หรือคาที่สร้างภาพลักษณ์เกนิ จริง คือการใชภ้ าษาที่อยใู่ นกระแสนิยม มีสีสันเกินจริง การใช้คาํ สแลง หรือภาษาเฉพาะสมยั รูปแบบต่าง ๆ ท้งั ท่ีเป็ นภาษาสนทนา หรือคาํแสดงภาพพจน์ รวมท้งั การสร้างคาํ ใหม่ ๆ ข้ึนมาใช้ เช่น วยั จ๊าบ หมายถึง วยั รุ่น สาวอยากอ๋ึม หมายถึงผหู้ ญิงท่ีตอ้ งการมีหนา้ อกใหญ่ข้ึน วืด หรือ ชวด หมายถึง พลาดเป้ าหมายหรือไม่ไดใ้ นส่ิงที่คาดหวงั ไว้เป็นตน้ การใชภ้ าษาลกั ษณะน้ีจะช่วยสร้างความสะดุดตาสะดุดใจใหแ้ ก่ผอู้ ่านได้
1.5 การใช้ฉายาหรือชื่อเล่นของบุคคล คือการใชช้ ่ือเล่นหรือต้งั ฉายาให้แก่บุคคลในข่าวแทนการใช้ชื่อจริงเพ่ือเนน้ การสร้างสีสันให้ข่าวเกิดความน่าสนใจ โดยชื่อเล่นหรือฉายาที่ต้งั ให้ใหม่น้นั มกั ส้ันกวา่ ชื่อจริง ทาํ ใหพ้ าดหวั ขา่ วกระชบั สามารถพมิ พล์ งในพ้ืนท่ีอนั จาํ กดั ได้ แต่ท้งั น้ีช่ือท่ีนาํ มาใชน้ ้นั มกั เป็ นชื่อเรียกหรือฉายาซ่ึงเป็นที่รู้จกั กนั โดยทว่ั ไปเพอ่ื ไมใ่ หผ้ อู้ า่ นสบั สน 3.4 การวเิ คราะห์โฆษณา การโฆษณา (Advertising) คือ การเสนอขายสินคา้ บริการ หรือความคิด โดยการใชส้ ื่อ เพื่อให้เขา้ ถึงลูกคา้ จาํ นวนมากไดใ้ นเวลาอนั รวดเร็ว ภาษาโฆษณาจึงเป็ นภาษาท่ีใชเ้ พื่อบรรลุวตั ถุประสงคใ์ นทางการคา้ มีลกั ษณะโดดเด่น เป็ นเอกลกั ษณ์ เป็ นภาษาที่เร้าอารมณ์ กระตุน้ ความสนใจ สร้างการจดจาํ ในภาพลกั ษณ์ที่ดีของสินคา้ ทาํ ใหผ้ บู้ ริโภคเกิดความพงึ พอใจ ความตอ้ งการ และตดั สินใจซ้ือสินคา้ น้นั ในท่ีสุด การใช้ภาษาเพอ่ื การโฆษณา ภาษาโฆษณาเป็ นงานผสมผสานระหว่างส่วนประกอบ 2 ส่วน ไดแ้ ก่ ส่วนที่เป็ นถ้อยคาํ ภาษาเรียกวา่ วจั นภาษา และส่วนที่ไม่ใช่ถอ้ ยคาํ ภาษา แตส่ ามารถสื่อความหมายได้ เรียกวา่ อวจั นภาษาวจั นภาษา (Verbal Language) หมายถึง ถอ้ ยคาํ ภาษาท่ีผสู้ ร้างสรรคโ์ ฆษณาคิดคน้ ข้ึน เพื่อสื่อสารกบักลุ่มผบู้ ริโภคเป้ าหมาย ไดแ้ ก่ ชื่อสินคา้ (Brand Name) พาดหวั (Headline) คาํ ขวญั (Slogan) คาํบรรยายใตภ้ าพ (Caption) และขอ้ ความโฆษณา (Copy) ชื่อสินค้า (Brand Name) ไดแ้ ก่ ชื่อหรือถอ้ ยคาํ ที่เจา้ ของสินคา้ กาํ หนดข้ึนเพ่ือใชเ้ รียกสินคา้ ชนิดน้นั ๆ มกั มีลกั ษณะอา่ นง่าย จาํ ไดง้ ่าย ออกเสียงไดส้ ะดวก มีเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั เหมาะสมกบั บุคลิกและจินตภาพของสินคา้ เช่น โตโยตา้ (TOYOTA), โซน่ี (SONY), โคก้ (COKE), เป๊ ปซ่ี (PEPSI), มาม่า, ยาํ ยาํ , ฮานามิ เป็นตน้ พาดหัว (Headline) ไดแ้ ก่ ขอ้ ความท่ีใชข้ ้ึนตน้ งานโฆษณาเพื่อบอกแนวคิดหลกั (concept) ของโฆษณาน้นั ๆ มกั มีลกั ษณะดึงดูดให้สนใจโฆษณา โดยการใชถ้ อ้ ยคาํ ท่ีเด่นสะดุดหู สะดุดตา การจดั วางที่แปลก ชวนมอง ส้ัน และกระตุน้ ความสนใจทนั ที เช่น - ความรู้สึกพเิ ศษของผวิ สวย (คิวทเ์ พรส) - จะปรุงเอง หรือปลายมิ้ ปลาราดพริก - ใหม่...แป้ งเด็กโคโดโมกล่ินเจนเทิล หอมทุกวนั ...ป้ องกนั ผดผนื่ - ครีมเดียว...รวมทุกการลดรอยแห่งวยั (OLAY) - เหงือกของคุณ กาํ ลงั ขอความช่วยเหลือ (พาโรดอนแทกซ์)
- ไมใ่ ช่โฟมลา้ งหนา้ ไม่ใช่ยาแกส้ ิว (ยาสีฟันเซ็นทแ์ อนดรูว)์ คาขวัญ (Slogan) ไดแ้ ก่ ขอ้ ความส้ัน ๆ ที่บอกเอกลกั ษณ์ของสินคา้ จดจาํ ไดง้ ่าย มีความคลอ้ งจอง มีจงั หวะและน้าํ หนกั ทาํ หน้าท่ีเช่ือมโฆษณาหลาย ๆ ชิ้นของสินคา้ เดียวกนั ให้เกิดเอกภาพ และสื่อความต่อเนื่องกนั ลกั ษณะของคาํ ขวญั ท่ีดี ไดแ้ ก่ 1. เป็นวลีหรือประโยคท่ีส้นั กะทดั รัด ไดใ้ จความ สามารถสื่อความหมายไดร้ วดเร็ว 2. มีใจความสาํ คญั หรือเป้ าหมายเพยี งประการเดียว 3. มีการเล่นคาํ เล่นสัมผสั คลอ้ งจอง เพ่อื ใหเ้ ด่นสะดุดตาและจดจาํ ง่าย 4. มีจงั หวะของคาํ ในแตล่ ะวลี หรือส่วนของคาํ ท่ีพอเหมาะ 5. ควรมีชื่อสินคา้ อยใู่ นคาํ ขวญั ดว้ ยเพ่อื ช่วยในการจดจาํ และไมเ่ กิดความสบั สนกบั สินคา้ อื่น ตัวอย่างคาขวญั - ซอลส์ เคม็ ...แต่ดี - OLAY รักผวิ ยง่ิ กวา่ ท่ีเคยรัก - เครื่องดื่ม M 150 พลงั ใจเกินร้อย - มิตรแทป้ ระกนั ภยั มิตรแทข้ องคุณ - ซมั ซุง ที่สุดแห่งเทคโนโลยแี ละดีไซน์ - คลอเร็ท เสน่ห์...อยทู่ ่ีลมหายใจ - ซอกซอนเกินคาด สะอาดลึกถึงร่องเหงือก (แปรงสีฟัน SYSTEMA) คาบรรยายใต้ภาพ (Caption) เป็นขอ้ ความท่ีเพิ่มเติมความเขา้ ใจเก่ียวกบั ภาพ ถอ้ ยคาํ ท่ีใชต้ อ้ งส้ันกะทดั รัด ส่ือความหมายท่ีไม่ซ้าํ กบั ความหมายของภาพ อยา่ งไรก็ตาม โฆษณาแต่ละชิ้นก็ไม่จาํ เป็ นตอ้ งมีคาํบรรยายใตภ้ าพ ถา้ ภาพน้นั สามารถอธิบายเรื่องราวไดค้ รบถว้ นแลว้ ตวั อยา่ ง สถานลดน้าํ หนกั แห่งหน่ึงไดน้ าํภาพของนางแบบคนหน่ึงมาโฆษณา โดยภาพแรกเป็ นภาพของนางแบบก่อนท่ีจะมาใช้บริการซ่ึงจะมีคาํ อธิบายใตภ้ าพวา่ ‚Before น.น. 65 กิโลกรัม‛ ส่วนอีกภาพหน่ึงเป็ นภาพท่ีลดน้าํ หนกั จนรูปร่างไดส้ ัดส่วนแลว้ ใตภ้ าพก็จะเขียนวา่ ‚After น.น. 55 กิโลกรัม ใน 8 สัปดาห์‛ เป็นตน้ ข้อความโฆษณา (Copy) ได้แก่ ขอ้ ความที่ให้รายละเอียดเก่ียวกบั สินคา้ เพ่ือจูงใจผูบ้ ริโภคขอ้ ความควรมีความชดั เจน เป็ นเหตุเป็ นผล น่าเชื่อถือ อาจมีขนาดส้ันหรือยาวตามแต่ประเภทของสินคา้ แต่ควรใช้ประโยคส้ัน ไม่วกวน เยิ่นเยอ้ หลีกเล่ียงการใชค้ าํ ศพั ท์หรือคาํ ยาก ยกเวน้ เป็ นคาํ ศพั ท์เฉพาะท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั คุณสมบตั ิของสินคา้
ตัวอย่างข้อความโฆษณา - อร่อยไดไ้ มต่ อ้ งห่วงเรื่องไขมนั เพราะทาโรมีแต่โปรตีนจากเน้ือปลาลว้ น ๆ อร่อยไดเ้ ตม็ ท่ี ยง่ิ ดีตอ่ สุขภาพ - เตม็ รสชาติเป๊ ปซี่ ไม่มีน้าํ ตาล พลงั งานต่าํ กวา่ 1 แคลอรี่ใน 100 กรัม - ยบั ย้งั แบคทีเรียท่ีทาํ ใหเ้ กิดกลิ่นปาก ใหค้ ุณรู้สึกสะอาด สดช่ืน มนั่ ใจ ทุกที่ทุกเวลา (ลิสเตอรีน พอ็ กเก็ตแพค ชนิดแผน่ ) - สูตรเดียวที่ผสมผงไข่มุก ช่วยใหฟ้ ันดูขาวสดใสเป็นธรรมชาติ และสารสกดั จากเลมอน ช่วยใหล้ มหายใจหอมสดช่ืน (คอลเกต เฮอร์เบิล้ ไวท)์ - สกอลล์ คอมฟอร์ท เบาสบาย...ไมเ่ หมือนใคร ดว้ ยเทคโนโลยลี ่าสุด พ้นื รองเทา้ Fylon ท่ียดื หยนุ่ ทนทานไดด้ ีและมีน้าํ หนกั เบาสุดจากสกอลล์ เทา้ คุณจึงสบายไดส้ ุด ๆ - ฟิ เกอเรล ซี แอล เอ (ฟิ นแลนด)์ น้าํ มนั จากเมลด็ ทานตะวนั ชนิดแคปซูล นาํ เขา้ จาก ประเทศฟิ นแลนด์ ผลิตโดย ฮนั คิน แล็ป สถาบนั วจิ ยั อนั ดบั หน่ึงของยโุ รป ไดร้ ับการ รับรองระบบประกนั คุณภาพ GMP, GAP, GLP (โดยรัฐบาลฟิ นแลนด)์ข้อสังเกตเกยี่ วกบั การใช้ภาษาในการโฆษณา1. การใชค้ าํ ซ้าํ คาํ สมั ผสั สระและสัมผสั พยญั ชนะ เพ่ือใหจ้ ดจาํ ง่าย เช่น - คุณค่าท่ีคุณคูค่ วร (ลอรีอลั ) - กลมกล่อม...กลมเกลียว (รสดี) - ...กบั แกลม้ แกลม้ กบั ... (SINGHA) - สแปลช รสเขม้ เตม็ รสส้ม - ลา้ งหนา้ เป็นประจาํ ทุกวนั ดว้ ย พอนดส์ แอคเน่ แคร์ โฟม ใหม่ สูตรไมม่ ีฟอง ทาํ ความสะอาดหมดจด พร้อมเปิ ดผวิ สาว เนียนใส ไร้สิว ไดอ้ ยา่ งมน่ั ใจ 2. การใชค้ วามเปรียบและการใชค้ าํ ที่มีความหมายโดยนยั เช่น - อาหารผวิ จากเอลเฟ่ - คน้ พบรสชาตินุ่มละมุน ที่ตราตรึงทุกความรู้สึก (เนสกาแฟ) - แปรงดี...เป็นท่ีหน่ึง (แปรงสีฟัน SYSTEMA) - ชดั ใสในความเป็นคุณ บตั รเครดิตซิต้ีแบงกเ์ คลียร์ - สวยไมม่ ีบาดแผล (Bio Clinic) - “ริ้วรอยศตั รูของผวิ สวย เค.เอ.ครีม ศิลปะป้ องกนั ตวั ของผหู้ ญิง”3. การใชภ้ าษาพดู ภาษาสแลง เพ่ือสร้างความใกลช้ ิดและความเป็นกนั เองกบั ผบู้ ริโภค เช่น - แบนเนอร์ หลวมนกั กไ็ ขหน่อย - สาํ หรับแมว...ยงั ไงก็วสิ กสั
- อร่อยใหม่...ลองซะ (เทนโกกุ) - อดั กนั ขนาดน้ี จะเสียเหงื่อขนาดไหน (เอม็ สปอร์ต เคร่ืองด่ืมเกลือแร่) - เปิ ดผวิ ปิ๊ งใส ไร้สิว (พอนดส์ แอคเน่ แคร์ โฟม) - เน้ือเจลใส เป็นประกาย ผสมฟลูออไรด์ ปลอดน้าํ ตาล(Sugar Free) เยน็ ซาบซ่า หอม สดช่ืน ติดปาก... อยากซ่า...ซ่าไดเ้ กินวนั ละ 2 คร้ัง (ยาสีฟันเซ็นทแ์ อนดรูว)์ 4. การใชค้ าํ ทบั ศพั ทภ์ าษาตา่ งประเทศและคาํ ภาษาต่างประเทศ - สมั ผสั พลงั ไอเยน็ ...ของสารสกดั ชาออสซี่ เพือ่ หนา้ สะอาดใสอยา่ งเป็นธรรมชาติ - โรคเหงือก...กวา่ จะรู้อาจตอ้ งเสียฟัน ป้ องกนั ดว้ ยยาสีฟันซอลส์ท่ีมีเกลือโซเดียมคลอไรด์ บริสุทธ์ิ (PURIFIED SALT) ช่วยยบั ย้งั การเจริญเติบโตของเช้ือแบคทีเรีย... - ดอกยาง ONETRED DESIGN ใหก้ ารทรงตวั ยอดเยย่ี มในทุกสภาวะ ควบคุมแมน่ ยาํ แมบ้ นถนนเปี ยก... (GOOD YEAR) 5. การใช้ชื่อผลิตภณั ฑ์เพื่อให้ผูบ้ ริโภคจดจาํ ง่าย และขยายความโดยเลือกสรรคาํ ท่ีแสดงลกั ษณะดีเด่นของผลิตภณั ฑ์ เพื่อกระตุน้ ความสนใจ เช่น - ศกั ด์ิศรีที่ซีตรองภมู ิใจ - นมสดหนองโพ นมโคแทๆ้ 100% - นี่คือนิยามแห่งความงามหรู สาํ หรับผมู้ ีรสนิยม วอลโว่ 960 ใหม่ - เพราะความแตกตา่ งท่ีโดดเด่น ทาํ ให้ SYSTEMA เป็น แปรงสีฟันอนั ดบั หน่ึง ในใจคุณ และเป็ นหน่ึงในยอดขาย... - บัตรเครดิตซิตแี้ บงก์ดิสคฟั เวอร่ี ใหค้ ุณคน้ พบโลกใบใหม่แห่งการใชจ้ ่าย…ท่ีได้ มากกวา่ อวัจนภาษา (Nonverbal Language) หมายถึง ส่วนอ่ืน ๆ ที่ประกอบข้ึนเป็ นชิ้นงานโฆษณาหน่ึงๆนอกจากถอ้ ยคาํ ขอ้ ความ และสามารถส่ือความหมายได้ ช่วยใหโ้ ฆษณาชิ้นน้นั เด่น สะดุดตา น่าสนใจ และมีความหมายลึกซ้ึงกวา่ การใชถ้ อ้ ยคาํ โฆษณาเพียงอยา่ งเดียว อวจั นภาษาในงานโฆษณาไดแ้ ก่ ภาพโฆษณา ภาพโฆษณาที่ดีตอ้ งมีเน้ือหาสอดคลอ้ งกบั แนวคิดหลกั ของโฆษณา และมีพลงัดึงดูดความสนใจไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว เพื่อช่วยให้ผบู้ ริโภคจดจาํ สินคา้ น้นั ๆ ไดแ้ ม่นยาํ เช่น โฆษณาของบริษทัประกนั ชีวิตแห่งหน่ึง ตอ้ งการช้ีใหเ้ ห็นวา่ พอ่ แม่ห่วงใยในทุกยา่ งกา้ วของชีวิตลูก เหมือนกบั บริษทั ประกนัชีวิตแห่งน้ีท่ีห่วงใยในชีวิตของลูกค้าทุกคน โฆษณาได้นําภาพถ่ายวิดีโอท่ีพ่อถ่ายลูกสาวไวต้ ้งั แต่เกิดจนกระทงั่ แต่งงานมีครอบครัว ในวนั แตง่ งานของลูกสาว พอ่ ไดน้ าํ วิดีโอน้นั มาเปิ ดใหล้ ูกสาวดู ทาํ ใหล้ ูกสาวซาบซ้ึงใจมากในความรักที่พอ่ แม่มอบใหแ้ ก่ตน เป็นตน้
สี การใชส้ ีตอ้ งเลือกสีที่ดึงดูดความสนใจ สอดคลอ้ งกบั บุคลิกและจินตภาพของสินคา้ หรือสอดคลอ้ งบรรยากาศ หรืออารมณ์ของเร่ืองท่ีนาํ มาทาํ โฆษณา เช่น สินคา้ ที่ใชก้ บั เด็ก นิยมใชโ้ ทนสีอ่อน ให้ความรู้สึกอ่อนโยน ออ่ นหวาน ออ่ นนุ่ม น่ารัก เช่น สีชมพอู ่อน สีขาว สีครีม หรือสีฟ้ าอ่อน เป็นตน้ ลกั ษณะตัวอกั ษรและเคร่ืองหมายวรรคตอน ลกั ษณะของการประดิษฐต์ วั อกั ษรมีส่วนช่วยสร้างอารมณ์ และบอกลกั ษณะของสินคา้ ไดเ้ ป็ นอย่างดี เช่น ตวั อกั ษรที่พลิ้วไหวบอกความอ่อนโยน ความรื่นรมย์ ตวั อกั ษรตรง ๆ หนา ๆ บอกความหนกั แน่น น่าเชื่อถือ เป็นตน้ เคร่ืองหมายวรรคตอนที่นิยมใชป้ ระกอบตวั อกั ษร ไดแ้ ก่ - เครื่องหมายอศั เจรีย์ (!) ใชส้ าํ หรับเนน้ เรียกร้องความสนใจ เช่น Ideal Shape นวตั กรรมใหม่ล่าสุด ที่ช่วยใหค้ ุณมีรูปร่าง กระชบั สวย อยา่ งปลอดภยั พิสูจน์จากผใู้ ช้ ที่ไดผ้ ลจริง ๆ !!! - เครื่องหมายจุดไข่ปลา (…) หรือ เคร่ืองหมาย ละ ใชส้ าํ หรับสร้างความต่อเน่ือง หรือเวน้ระยะเพ่ือบอกสิ่งสาํ คญั ต่อไป เช่น พลสั วิตามิน มิเนอรัล 7 ชนิด ลดรอยแห่งวยั ท้งั 7 ประการ ใหค้ วามรู้สึกของผวิ ...กลบั เป็นบวกอีกคร้ัง (OLAY) - เคร่ืองหมายปรัศนีย์ หรือเคร่ืองหมายคาํ ถาม (?) ใช้เมื่อตอ้ งการถามหรือก่อให้เกิดความรู้สึกสงสัยใคร่ติดตาม เช่น จะดีไหม? ถา้ ...ใคร ๆ กช็ มวา่ ..คุณ.. “ดูดี” (ชาเขียวเรนอง ที) ขนาดและตาแหน่งของโฆษณา โฆษณาขนาดใหญ่ยอ่ มเรียกร้องความสนใจไดด้ ีกวา่ ขนาดเล็กและตาํ แหน่งโฆษณาในหนา้ หน่ึงจะช่วยใหส้ ินคา้ ไดร้ ับความสนใจมากที่สุด เช่นเดียวกบั การจดั วางตาํ แหน่งไวใ้ นบางหนา้ ก็ช่วยใหส้ ินคา้ เด่นชดั เช่น โฆษณาภาพยนตร์คู่กบั หนา้ บนั เทิง เป็นตน้ เคร่ืองหมายการค้าและตรารับรอง เป็ นอวจั นภาษาที่ช่วยให้โฆษณาน่าเชื่อถือข้ึน เครื่องหมายการคา้ มกั ปรากฏอยใู่ นส่วนทา้ ยของขอ้ ความโฆษณา ใกลเ้ คียงกบั ชื่อสินคา้ และคาํ ขวญั เคร่ืองหมายการคา้ ท่ีดีควรมีความกระจ่าง มีเส้นไม่มากนกั สะดวกในการดูและง่ายต่อการจดจาํ มีวิธีการออกแบบท่ีแปลก เด่นสะดุดตา ตรารับรอง ไดแ้ ก่ ตราใด ๆ ที่เสริมคุณภาพและความน่าเช่ือถือต่อสินคา้ ให้มีมากข้ึน เช่น ตรารับรองคุณภาพจากหน่วยงานตา่ ง ๆ ตราสินคา้ มาตรฐาน เป็นตน้ วธิ ีการจัดภาพและความว่างในภาพ หมายถึง การจดั รูปภาพและวางตาํ แหน่งตวั อกั ษรในพาดหวัและส่วนอ่ืน ๆ รวมถึงลกั ษณะของกรอบโฆษณาเพื่อใหโ้ ฆษณาเด่นและน่าสนใจมากข้ึน
ตวั อย่างการวเิ คราะห์โฆษณา โฆษณาน้ีมีจุดมุง่ หมายคือการกระตุน้ ใหผ้ อู้ า่ นสนใจและตดั สินใจซ้ือสินคา้ ผา้ ออ้ มเด็ก ดรายเพอร์ส นิวบอร์น ซ่ึงเป็นสินคา้ ใหม่ท่ีผลิตข้ึนมาเพือ่ ตอบสนองการใชง้ านของเดก็ แรกเกิด โฆษณาน้ีมีการพาดหัวโฆษณาว่า ‚นุ่มมม...จนเด็กใหม่อย่างหนูเคลิ้มเลยทีเดียว‛ และมีภาพประกอบซ่ึงเป็ นภาพเด็กทารกแรกเกิดท่ีกาํ ลงั นอนหลบั ตาพริ้มบนที่นอนท่ีเป็ นขนนุ่มและยิ้มอย่างมีความสุข ทาํ ใหผ้ อู้ า่ นรับรู้ไดถ้ ึงความรู้สึกออ่ นนุ่มน่าสมั ผสั เมื่อใชส้ ินคา้ น้ี
ต่อมาเป็ นขอ้ ความโฆษณาเพ่ือบอกเหตุผลที่ทาํ ให้ทารกน้อยผูน้ ้ีนอนหลบั ตาพริ้มอยา่ งมีความสุขดว้ ยการกล่าววา่ ‚จะไม่ใหห้ ลบั ตาพริ้มไดไ้ ง เม่ือไดส้ ัมผสั ความนุ่มสบายของผา้ ออ้ ม ดรายเพอร์ส นิวบอร์นใหม่ ท่ีดีไซนม์ าเพื่อตอ้ นรับเดก็ วยั เพ่งิ ลืมตาดูโลกอยา่ งหนูโดยเฉพาะ‛ ทาํ ใหผ้ อู้ ่านเกิดความสนใจ จากน้นั ก็เป็ นการใหร้ ายละเอียดเกี่ยวกบั คุณสมบตั ิพิเศษของผา้ ออ้ มรุ่นน้ีวา่ ‚มีผิวสัมผสั นุ่มพิเศษ ขอบเอวเวา้ สะดือแผน่ รองดา้ นนอกนุ่มคลา้ ยผา้ และมีช้นั ดูดซับอุจจาระ‛ พร้อมท้งั มีภาพกราฟฟิ กประกอบแต่ละคุณสมบตั ิพิเศษที่กล่าวมา เพือ่ เพ่มิ ความน่าสนใจและทาํ ใหผ้ อู้ ่านมองเห็นภาพชดั เจน ในส่วนทา้ ยของโฆษณาเป็ นขอ้ ความเร่งเร้าให้ซ้ือโดยเนน้ คุณสมบตั ิของสินคา้ เพื่อเป็ นการกระตุน้ใหผ้ อู้ า่ นกลุ่มเป้ าหมายซ่ึงเป็นคุณแมต่ ดั สินใจซ้ือสินคา้ โดยใชข้ อ้ ความวา่ ‚ท้งั นุ่ม ท้งั ดีอยา่ งเน้ียะ หนูสัมผสัได้ คุณแม่ก็รู้สึกได‛้ นอกจากน้ียงั มีการกล่าวย้าํ ท่ีมุมล่างซ้ายของหนา้ โฆษณาและมีภาพสินคา้ ที่มีขนาดแตกต่างกนั มาประกอบ โดยกล่าววา่ ‚ผลิตภณั ฑด์ รายเพอร์ส ที่ตอบรับทุกช่วงการเติบโตของลูกนอ้ ย‛ แสดงใหเ้ ห็นวา่ สินคา้ ของดรายเพอร์สมีมากมายและตอบสนองความตอ้ งการของเด็กไดท้ ุกช่วงวยั ตลอดจนมีการย้าํ ชื่อสินคา้ ช่ือรุ่น บอกถึงหน่วยงานและเบอร์โทรศพั ทท์ ่ีติดต่อไวด้ ว้ ย ดงั ขอ้ ความ ‚ดรายเพอร์ส นิวบอร์นสาํ หรับเดก็ แรกเกิด ลูกคา้ สมั พนั ธ์ โทรฟรี 1800-22-3000‛ ทาํ ใหส้ ะดวกต่อการติดตอ่ ส่วนภาษาที่ใชม้ ีลกั ษณะเด่น ดงั น้ี คือ 1. เลือกสรรถอ้ ยคาํ ท่ีใชก้ บั เดก็ ไดแ้ ก่ มีการใชส้ รรพนามแทนตวั เดก็ วา่ ‚หนู‛ ทาํ ให้รู้สึกใกลช้ ิดและเป็นกนั เอง , ผวิ ท่ีอ่อนบาง 2. มีการใชค้ าํ ที่เนน้ ถึงความรู้สึกนุ่มสบาย ไดแ้ ก่ คาํ วา่ ‚นุ่มมม‛ ซ่ึงเป็ นการซ้าํ ตวั อกั ษร ม ถึง 3 ตวัติดกนั นอกจากน้ียงั มีคาํ วา่ ‚นุ่มสบาย นุ่มพเิ ศษ‛ 3. มีการใชค้ าํ ท่ีบอกคุณสมบตั ิของสินคา้ ไดแ้ ก่ ‚ลดการระคายเคือง ลดการเสียดสี ผวิ ของหนูรู้สึกสดช่ืน สบาย 4. มีการใชค้ าํ ท่ีทาํ ใหเ้ ห็นภาพและไดอ้ ารมณ์ความรู้สึก เช่น ‚เคลิ้ม‛ ‚หลบั ตาพริ้ม‛ 5. มีการใชค้ าํ ซ้าํ และใชภ้ าษาพดู เช่น ‚ท้งั นุ่ม ท้งั ดีอยา่ งเน้ียะ หนูสมั ผสั ได้ คุณแมก่ ร็ ู้สึกได‛้ ส่วนมุมบนดา้ นขวามีตราสินค้าและชื่อสินคา้ และมุมล่างดา้ นขวาเป็ นภาพสินคา้ ท่ีเขียนคาํ ว่า‚ใหม!่ ‛ เพ่ือตอกย้าํ วา่ เป็ นรุ่นใหม่ และมีช่ือสินคา้ ‚ดรายเพอร์ส วีว่ีดราย‛ พร้อมท้งั คาํ ขวญั อยดู่ า้ นล่าง ต่อจากชื่อสินคา้ วา่ ‚คุณภาพที่ใช่ ราคาท่ีชอบ‛ ซ่ึงเป็นการตอกย้าํ การจดจาํ อีกคร้ังหน่ึง โฆษณาน้ีมีขนาดใหญ่เต็มหนา้ จึงดึงดูดความสนใจของผอู้ ่านไดด้ ี และมีการใชส้ ีฟ้ าขาวประกอบกนั ซ่ึงเป็นสีที่ส่ือถึงความบริสุทธ์ิสดใส นุ่มนวล ดูสบายตาสบายใจ เหมาะกบั คุณสมบตั ิของสินคา้
Search
Read the Text Version
- 1 - 47
Pages: