สถติ ิติเพือ่ การวจิ ยั จดั ทาโดย นางสาวจุไรมาศ ฉัตรสุวรรณ รหสั นักศึกษา 6590051006 รายวิชาสถิตเิ พื่อการวจิ ยั Sec.02 TLR302 ผู้สอน อ.พิชญส์ ินี ชมภคู า
ก คานา รายงานเลม่ น้ีจดั ทาข้นึ เพอ่ื เปน็ สว่ นหนึ่งของวิชา สถิติเพอื่ การวจิ ัย TLR302 เพ่ือใหไ้ ด้ ศกึ ษาหาความรู้เรือ่ งสถิติเพ่ือการวจิ ัย โดยไดศ้ ึกษาผา่ นแหล่งความรตู้ า่ ง ๆ อาทเิ ช่น ตารา หนงั สอื และแหลง่ ความรู้จากเว็บไซตต์ า่ ง ๆ โดยรายงานเลม่ นี้มเี นือ้ หาเก่ียวกบั ความหมายของสถิติ การ วัดแนวโน้มเขา้ สู่ส่วนกลาง การวัดการกระจายและคะแนนมาตรฐาน การวดั ตาแหน่งของข้อมลู การหาคณุ ภาพเคร่อื งมือรวบรวมข้อมลู สมั ประสทิ ธิ์สหสัมพนั ธ์สหสัมพนั ธ์เชงิ เส้นตรง และการ ทดสอบคา่ เฉลยี่ และการทดสอบสดั ส่วน โดยผจู้ ัดทาคาดหวังเป็นอย่างยิง่ ว่าการจดั ทาเอกสารฉบบั นจี้ ะมีข้อมูลทเี่ ป็นประโยนช์ต่อ ผู้สนใจศกึ ษาเรอ่ื งสถิติเพื่อการวิจยั ไดเ้ ป็นอย่างดี นางสาวจไุ รมาศ ฉัตรสุวรรณ
สารบัญ ข เร่ือง หนา้ คานา ก สารบญั ข บทท่ี 1 บทนา 1 บทท่ี 2 การวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลาง และการวดั ตาแหนง่ ของขอ้ มูล 3 บทที่ 3 การวดั การกระจายและคะแนนมาตรฐาน 8 บทท่ี 4 การหาคุณภาพเครือ่ งมือรวบรวมขอ้ มูล 22 บทที่ 5 สหสมั พนั ธ์เชิงเสน้ ตรง 32 บทท่ี 6 การทดสอบคา่ เฉลี่ยและการทดสอบสดั สว่ น 36 อ้างอิง ค
1 ใบกิจกรรมบทที่ 1 บทนา นางสาวจุไรมาศ ฉตั รสวุ รรณ รหัสนักศึกษา 6590051006 1.จงยกตัวอย่างข้อมลู ในด้านการศึกษา เช่นในช้นั เรยี น ของนกั เรียนแล้วจาแนกประเภทตามระดับการวัดท่ี กาหนด ขอ้ มูล ลกั ษณะของข้อมูล ระดับการวัด เพศ ขอ้ มูลเชิงคุณภาพ นามบัญญัติ สญั ชาติ ข้อมูลเชิงคุณภาพ นามบญั ญตั ิ กร๊ปุ เลือด ขอ้ มลู เชงิ คุณภาพ นามบญั ญตั ิ อนั ดบั เพลงยอดนิยม ข้อมูลเชงิ คุณภาพ เรยี งอนั ดบั รายได้ ขอ้ มลู เชงิ คุณภาพ เรยี งอันดับ ลาดับที่สมคั ร ข้อมูลเชิงคุณภาพ เรียงอันดบั คะแนนจากการสอบ ขอ้ มลู เชิงปริมาณ อนั ตรภาค การวดั อุณหภมู ิ ข้อมูลเชิงปริมาณ อันตรภาค GPA ขอ้ มูลเชิงปริมาณ อนั ตรภาค รายได้ ข้อมลู เชิงปริมาณ อตั ราส่วน น้าหนัก ขอ้ มลู เชิงปริมาณ อัตราสว่ น ความเร็ว ข้อมูลเชงิ ปริมาณ อัตราสว่ น
2 2.ขน้ั การวจิ ัยทีใ่ ช้สถติ ิ ใช้สถติ เิ พอ่ื /หรือเกย่ี วขอ้ งกับ ขัน้ การวจิ ัยท่ีใชส้ ถติ ิ หาประเดน็ ปญั หาท่แี ท้จรงิ ซึ่งเกีย่ วข้องกับสภาพกับปญั หาว่า มาจากสาเหตใุ ด 1.การรวบรวมขอ้ มูลและวเิ คราะหป์ ัญหา วิเคราะห์ตวั แปรจากขอ้ มูลทมี่ ีรายละเอยี ดมาก เบื้องต้น ตงั้ สมมตุ ฐิ านทางสถติ ิ ตอ้ งการศกึ ษาอะไรตามวัตถปุ ระสงค์ 2.วิเคราะห์ตัวแปร หาจานวนตัวอย่าง วิธีซกั ตัวอย่าง สัญญาลักษณ์ 3.สมมตุ ิฐานทางสถติ ิ คา่ พารามิเตอร์จากข้อมลู ค่าสถติ จิ ากข้อมลู ของกล่มุ ตัวอย่าง 4.ประชากร และกลมุ่ ตัวอยา่ ง เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ตวั อย่างข้อมลู โดยอาศยั เคร่ืองมือในการ รวบรวม 5.การเก็บรวบรวมข้อมลู วเิ คราะหข์ ้อมลู ท่ตี ้องการคาตอบ จงึ มกี ารใช้สถติ พิ รรณนา หรือใช้สถติ ิอนุมาน 6.การวิเคราะห์ขอ้ มลู หลงั วิเคราะห์ข้อมลู ต้อมแปลความหมายผลการวเิ คราะห์ ซง่ึ ผูท้ ีแ่ ปลความหมายต้องมีความสามารถท้ังศาสตรแ์ ละศลิ ป์ 7.การแปลความหมาย โดยมีความรทู้ างสถิติ สรุปผลซ่งึ รวมทั้งวธิ ีการนาเสนอผล และรายงานผลการวจิ ัย 8.การสรุปผล
3
4
5
6
7
8 ใบกจิ กรรมบทที่ 3 สถิตพิ รรณนา II 1.กิจกรรมตรวจสอบความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะ ในเนื้อหาตามบทที่ 3 โดยใช้ MS.Excel นาขอ้ มูล 1 ใบ กจิ กรรมบทท่ี 2 ข้อยอ่ ย 1) – 3) มาใช้ในการทากิจกรรมข้อ 1.1- 1.2 ตอ่ ไปนี้ 1.1 จากขอ้ มูลดิบ (Raw data) ในใบกจิ กรรมท่ี 2 จงหาค่าวดั การกระจาย 1) พสิ ัย (Range) สตู รหาค่าสงู สุดของชดุ ขอ้ มลู (Max) = MAX(A2:A41) = 56 สูตรหาคา่ ต่าสุดของชดุ ข้อมลู (MIN) = MIN(A2:A41) = 11 พิสยั = MAX - MIN = 45
9 2) พิสยั ของควอร์ไทล์ (Inter – Quartile Rang : IQR) คานวณหาค่า IQR = Q3 - Q1 = 21.75 Q3 และ Q1 หาไดจ้ ากฟงั ชันสูตรใน MS.Excel ดงั น้ี QUARTILE.EXC (A2:A41,3) และ (A2:A41,1) 3) ส่วนเบ่ียงเบนควอร์ไทล์ (Quartile Deviation) จากสตู ร Q.D. = 42.25 – 20.5 /2 = 32 Q.D. = 32
10 4) สว่ นเบี่ยงเบนเฉล่ีย (Mean Devition) จากสตู ร ������̅= 30.18 ใชส้ ตู ร AVERAGE(A2:A41) N = 40 (จานวนของข้อมูล) Xi = ขอ้ มูลดิบ ค่าสมั บูรณ์ใชส้ ูตร ABS($...$...) M.D. = 10.68 5) สว่ น 5.
11 5. เบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Devition) จากสูตร ������̅ = 30.18 ใช้สตู ร AVERAGE(A2:A41) N = 40 (จานวนของข้อมลู ) Xi = ขอ้ มลู ดบิ S.D. = 13.10 ใชส้ ตู ร =STDEV.S(A2:A41)
12 6) ความแปรปรวน (Variance) จากสูตร ������̅ = 30.18 ใชส้ ตู ร AVERAGE(A2:A41) N = 40 (จานวนของข้อมูล) Xi = ข้อมูลดิบ S2 = 171.64
13 7) สมั ประสทิ ธก์ิ ารแปรผนั (Coefficient of Variation : C.V.) จากสตู ร ������̅ = 30.18 ใช้สูตร AVERAGE(A2:A41) N = 40 (จานวนของข้อมลู ) Xi = ขอ้ มลู ดิบ S.D. = 13.10 ใช้สตู ร =STDEV.S(A2:A41) C.V. = 0.43
14 1.2 จากขอ้ มลู ตารางแจกแจงความถ่ีที่ทาในใบกจิ กรรมท่ี 2 จงหาคา่ 1) ส่วนเบ่ยี งเบนเฉลยี่ (Mean Deviation) จากสตู ร Fxi = 1250 (ไดจ้ าก xi คณู F) ������̅ = 31.25 (ได้จาก ผลรวม fxi หาร ผลรวม F) M.D. = 9.04 (ได้จาก ผลรวม f|xi -������̅ | หาร ผลรวม F)
15 2) ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) จากสตู ร Fx = 1250 (ได้จาก xi คณู F) F(xi2) = 44440 (ได้จาก xi ยกกาลัง 2 แล้วคูณดว้ ย F) ������̅ = 31.25 (ได้จาก ผลรวม fxi คณู ผลรวม F) S2 = 137.88 (ไดจ้ าก ผลรวม fxi2 ลบ ผลรวม F แลว้ คณู ������̅ นาไปยกกาลงั 2 แลว้ หารด้วย ผลรวม F แล้วลบ 1) S.D. = 11.74 (ได้จาก S2 ยกกาลัง 1/2)
16 3) ความแปรปรวน จากสตู ร คานวณเหมือนกบั สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) แลว้ นาค่า S.D มายกกาลังสอง S2 = 137.88
17 1.3 ให้สมมติเหตกุ ารณโ์ ดยให้ข้อมลู เป็นค่า xi เลือกรายวชิ าใดวชิ าหนึ่งแลว้ ใช้ x และ S.D. จากขอ้ มลู NT ดังรูปด้านบนเลือก ปี 2564 แลว้ นาไปหาค่า Z-score และ T-score ดังตัวอยา่ งท่ี 3.10 ผลการสอบ NT ระดับชาติ ปีการศึกษา 2564 ของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ด้านคณิตศาสตรข์ องประเทศมคี ะแนนเฉล่ยี 49.44 ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน 21.41 ด.ญ. จอมขวญั สอบ NT ได้คะแนนคณติ ศาสตร์ได้ 60 คะแนน ด.ญ.จอมขวญั จะมคี ่า Z-score และ T-score เท่าไร ค่า Z-score จากโจทย์ ������̅ = 49.44 , S.D. = 21.41 , Xi = 60 จากสตู ร Z-score = 1.19 (ไดจ้ าก Xi - ������̅ / S.D.) ค่า T-score จากโจทย์ ������̅ = 49.44 , S.D. = 21.41 , Xi = 60 จากสตู ร T-score = 61.94 (ไดจ้ าก 50 + 10(1.19)) สรปุ ด.ญ.จอมขวัญ สอบ NT ดา้ นคณติ ศาสตรไ์ ด้คะแนนมาตรฐาน (Z-score) = 1.19 และได้คะแนน มาตรฐาน T-score = 61.94
18 1.4 สมมติสถาณการณ์และข้อมลู คะแนนก่อนและหลังเรียนของนักเรียนไม่ต่ากวา่ 15 คน แลว้ หาคา่ คะแนน การเปลย่ี นแปลงสมั พทั ธ์ (Relative Chang Score) ตามแนวทางตัวอยา่ ง 3.9 การทดสอบวิชาคณิตศาสตร์ ชน้ั ม.3 ทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรยี นโดยมคี ะแนนเตม็ 50 จากสตู ร คนท่ี กอ่ นเรียน หลงั เรียน ความ พฒั นาการ แตกตา่ ง สมั พัทธ์ 1 23 43 74.07 2 12 25 20 34.21 3 14 35 13 58.33 4 23 45 21 81.48 5 14 26 22 33.33 6 12 25 12 34.21 7 21 34 13 44.83 8 10 25 13 37.50 9 23 34 15 40.74 10 15 44 11 82.86 11 16 34 29 52.94 12 23 45 18 81.48 13 20 40 22 66.67 14 12 27 20 39.47 15 22 43 15 75.00 16 17 40 21 69.70 17 16 23 23 20.59 18 32 46 7 77.78 19 33 40 14 41.18 20 26 39 7 54.17 13
19 21 24 34 10 38.46 22 22 33 11 39.29 23 12 41 29 76.32 24 13 32 19 51.35 25 23 39 16 59.26 26 19 40 21 67.74 27 23 33 10 37.04 28 12 29 17 44.74 29 13 30 17 45.95 30 15 32 17 48.57 จดั กลุ่มนักเรียนวา่ มีคะแนนพัฒนาการอย่ใู นระดบั การพัฒนาตามเกณฑ์พัฒนาการ ดังน้ี คะแนนพัฒนาการ ระดบั พฒั นาการ 75.51 ข้นึ ไป พฒั นาการระดบั สงู มาก 50.51 - 75.50 พฒั นาการระดับสูง 25.51 – 50.50 พัฒนาการระดบั ปานกลาง ใช้โปรแกรม MS.Excel ในการคานวณหาความถใ่ี นแต่ละระดับการพฒั นาตามเกเกณฑ์ ดังน้ี
20 1.5 สมมติสถานการณโ์ จทย์ และดาเนนิ การหาคา่ ต่างๆตามแนวตวั อย่าง 3.14 โดยกาหนดขอ้ มูลเอง จากการทดสอบความสามารถวิชาคณิตศาสตร์พนื้ ฐานระดบั ชาตขิ องผเู้ รยี นชน้ั ป.6 ของเขตพื้นท่ีการศึกษา แหง่ หนง่ึ นักเรยี น 1000 คน พบวา่ มคี ่าเฉลี่ย 45 คะแนน มคี วามแปรปรวน 39 คะแนน 1) มกี ่เี ปอร์เซน็ ต์ของนกั เรียนที่คะแนนอยรู่ ะหวา่ ง 40 – 48 คะแนน 2) มจี านวนนกั เรียนก่ีคน ทม่ี ีคะแนนมากกว่า 50 คะแนน 3) มจี านวนนักเรยี นกี่คน ท่มี ีคะแนนน้อยกว่า 30 หรือมากกวา่ 60 วธิ ีทา ให้ x เป็นคะแนนคณิตศาสตร์พืน้ ฐานระดบั ชาติของผ้เู รยี นระดับชน้ั ป.6 ของเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษาแห่งหนงึ่ X ~ N(45,39) μ = 45 และ σ2 = 39 เพราะฉะนัน้ σ = 6.24 1) มกี เ่ี ปอร์เซน็ ต์ของนักเรยี นทค่ี ะแนนอยู่ระหว่าง 40 – 48 คะแนน จากสูตร P (40 < X < 48) = P 40−45 < Z < 48−45 6.24 6.24 P (Z < X < 0.48) = P (-0.08 < Z < 0.04) P (40 < X < 48) = P (Z < 0.04) - P (Z < -0.08) =0.6845 -0.2117 = 0.4726 สรุป มี 47.29 % ของนักเรียนทค่ี ะแนนอยู่ระหวา่ ง 40 – 48 คะแนน
21 2) มีจานวนนกั เรยี นกี่คน ท่ีมีคะแนนมากกวา่ 50 คะแนน P (X > 50) = P (50−45) = P (Z > 1.60) 6.24 P (X > 1.60) = 1 – 0.9453 =0.0547 = 5.47% สรปุ ถ้ามีนกั เรยี นทั้งหมด 100 คน จะมนี ักเรยี นท่ีมีคะแนนมากกว่า 50 คะแนน ประมาณ 5.47 คน ดงั นน้ั ถา้ มีนักเรยี นทัง้ หมด 1,000 คน จะมีนักเรยี นทม่ี ีคะแนนมากกว่า 50 คะแนน ประมาณ 54.66 คน 3) มจี านวนนักเรยี นก่ีคน ท่ีมีคะแนนน้อยกวา่ 30 หรือมากกวา่ 60 คะแนน P (X < 30) + P(X > 60) = P (Z < 30−45 + P 60−45) 6.24 6.24 P (X < 30) + P(X > 60) = P (Z < -0.08) + P (Z > 0.48) P (Z < -0.08) + P (Z > 0.48) = P 0.0082+(1-0.9918) สรุปได้ว่า ถา้ มนี กั เรยี นทั้งหมด 1,000 คนจะมนี ักเรยี นทีม่ ีคะแนนน้อยกว่า 30 หรือมากกว่า 60 คะแนน จานวน 16.31 คน หรอื ประมาณ 17 คน
22 ใบกิจกรรมบทท่ี 4 การหาคุณภาพเคร่ืองมือรวบรวมข้อมูล 1. กจิ กรรมตรวจสอบความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ ในเนื้อหาตามบทท่ี 4 โดยใชโ้ ปรแกรม MS.Excel หรือ EVANA เลือกโปรแกรมใดโปรแกรมหนง่ึ ในการทาแต่ละขอ้ ที่สามารถวเิ คราะหข์ ้อมลู ได้ 1.1 จงเติมขอ้ มลู ผูเ้ ชย่ี วชาญแล้วคานวณหาค่าความเทย่ี งตรงเชิงเนอ้ื หา โดยการวเิ คราะหด์ ชั นีความ สอดคล้อง (Index of Item-Objective Congruence: IOC) ตามตารางต่อไปน้ี จุดประสงค์ ข้อสอบ ผ้เู ช่ียวชาญ ผ้เู ชี่ยวชาญ ผเู้ ช่ยี วชาญ คะแนน ความเท่ียงตรงเชงิ การเรียนรู้ขอ้ ข้อท่ี คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 เฉลี่ย (IOC) เน้อื หา (= มี = ท่ี ไมม่ ี ) 1 1 1 0 0.75 2 0 -1 0 0.25 1 3 1 1 1 1.5 4 -1 -1 -1 0.25 5 1 -1 1 1.5 6 0 0 0 1.5 2 7 1 1 1 2.5 8 1 1 -1 2.25 3 9 0 0 -1 2 10 0 0 -1 2.25 1.2 สมมตุ คิ ะแนนผลการสอบรายวชิ าอะไรก็ได้ หรอื ใชค้ ะแนนสอบของรายวชิ าทน่ี ักศึกษาสอนในชน้ั เรยี นเปน็ ขอ้ สอบปรนัย ไมน่ ้อยกว่าจานวน 12 ขอ้ ทาถูกให้ 1 คะแนน ผิดให้ 0 คะแนน จานวนนักเรียนไม่ต่า กวา่ 30 คนโดยตารางให้คะแนน คนที่ 1 2 3 คะแนนประเมนิ แต่ละข้อ (xi) 4 5 6 7 8 9 10 11 12 1001111111110 2001000000101 3111100111101 4000001000001 5011011111111 6111111000101 7111011111111 8111111011010 9001011001100
23 คนท่ี 1 2 3 คะแนนประเมนิ แต่ละขอ้ (xi) 4 5 6 7 8 9 10 11 12 10 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 11 0 1 1 1 1 1 1 1 0 0 1 0 12 1 0 1 0 1 0 0 1 0 0 1 1 13 0 1 1 1 1 0 1 1 1 1 0 1 14 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 15 1 1 0 0 0 1 1 0 1 0 0 0 16 0 0 1 1 0 1 0 1 1 1 1 1 17 0 1 1 1 0 0 1 0 0 1 0 0 18 0 1 0 0 1 0 0 1 1 1 1 1 19 1 1 1 1 1 0 1 1 1 1 1 1 20 0 1 0 1 0 1 1 0 1 0 1 1 21 1 1 0 0 1 0 0 1 0 1 0 0 22 1 1 0 1 1 1 1 1 0 1 1 0 23 0 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 24 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 25 0 1 1 0 1 1 1 0 0 1 1 1 26 0 1 0 1 0 1 1 0 1 1 0 1 27 1 0 1 0 1 0 1 1 0 0 1 1 28 0 0 0 0 0 0 1 0 0 0 1 0 29 0 1 0 1 1 1 0 0 0 1 1 1 30 1 0 0 0 1 0 0 1 0 1 0 1 จากคะแนนจงหาค่าความเชือ่ มนั่ โดยใชส้ ตู ร KR.20 ดัชนีอานาจจาแนก ดัชนคี วามยาก พรอ้ มเสนอผล และอธิบายผลการวิเคราะห์ - นาข้อมลู มาท่ีไดม้ ากรอกลงใน Ms.Excel (X ได้จาก ผลรวมของแต่ละคน) และ (X2 ไดจ้ าก ผลรวม X นาไปยกกาลังสอง)
24 - จากนั้นคานวณหาค่าความแปรปรวนของคะแนนรวมในแต่ละคน โดยใช้สตู ร ดงั นี้ หรอื ใช้สตู รสาเร็จ =VAR.P - จากน้นั หาค่า KR.20 โดยใชส้ ูตร ดงั นี้ เพราะฉะน้นั จะได้คา่ KR.20 = 0.71 ถอื วา่ ข้อสอบปรนยั นี้มคี วามเช่อื มนั่ ที่ดี
25 ดัชนีอานาจจาแนกและดชั นีความยาก นาขอ้ มูลไปกรอกในโปรแกรม MS.Excel แลว้ หาผลรวมของแต่ละคน และใชค้ าสัง่ Sort & Filter เลอื ก Customs sort เลือกคอลมั ลท์ ตี่ ้องการ เลือก Largest to Smallest จะไดล้ าดับมากไปหาน้อย ดังน้ี จากนน้ั คานวณหาดชั นีอานาจจาแนกของข้อสอบ โดยใชส้ ตู ร ดงั น้ี - จะได้ค่าดัชนอี านาจจาแนกของข้อสอบอย่ใู นชว่ ง 0.33 – 0.78 แสดงวา่ ขอ้ สอบทุกข้ออยูใ่ นช่วง ค่าอานาจจาแนกท่ีอยตู่ ามเกณฑ์แบบทดสอบ ดงั รูป
26 - จากนัน้ คานวณหาคา่ ดัชนคี วามยากของขอ้ สอบโดยใชส้ ตู ร ดังน้ี จะได้คา่ ดัชนคี วามยากอยู่ในชว่ ง 0.47 – 0.73 แสดงว่าข้อสอบทุกข้อมคี วามยากตามเกณฑแ์ บบทดสอบ ดังรูป 1.3 สมมุตคิ ะแนนผลการสอบรายวิชาอะไรก็ได้ หรือใชค้ ะแนนสอบของรายวชิ าที่นกั ศึกษาสอนในชัน้ เรยี นเป็น ข้อสอบอตั นัย จานวน 5 ข้อ คะแนนเต็มแตล่ ะข้อ 5 คะแนน จานวนนักเรยี นไมต่ ่ากวา่ 30 คนโดยตารางให้ คะแนน ขอ้ สอบขอ้ ที่ 1 2 3 4 5 นักเรยี นคนท่ี 1 45445 2 14532 3 54451 4 51455 5 21211 6 13241 7 54545 8 55555 9 21345 10 1 2 3 2 3 11 2 1 3 5 4 12 2 2 3 3 4 13 2 4 2 3 2 14 3 1 4 5 5 15 5 4 4 4 4 16 2 4 5 5 5 17 2 3 3 3 4 18 2 4 5 4 5
27 ข้อสอบข้อท่ี 1 2 3 4 5 นักเรียนคนที่ 19 4 3 4 5 5 20 1 2 2 2 3 21 3 4 1 5 2 22 2 5 5 4 3 23 5 2 2 3 4 24 2 3 2 4 5 25 1 1 4 2 3 26 2 4 5 4 5 27 4 3 2 3 2 28 4 4 4 5 1 29 3 4 1 5 5 30 1 1 1 2 1 จากข้อมลู จงหาความเชือ่ มน่ั ดชั นีอานาจจาแนก ดัชนคี วามยาก พร้อมเสนอผลและอธิบายผลการ วิเคราะห์ - นาขอ้ มูลไปกรอกใน Ms.Excel แลว้ ใชค้ าส่ัง Data Analysis > Anova :Tow-Factor Without Replication เลอื กกลุ่มข้อมลู ทัง้ หมดในชอ่ ง Input Range เลอื กช่องท่ีแสดงผลในชอ่ ง Output Range แลว้ กด OK จะไดต้ าราง ANOVA ดงั รูป
28 - จากนัน้ มาคานวณหาค่าความเช่ือมั่น (rtt) ของข้อสอบอตั นัยโดยใช้สูตร ดงั น้ี จะได้ค่า rtt เท่ากับ 0.70 ถือว่าขอ้ สอบอัตนยั น้ีมคี วามเชื่อมั่นทด่ี ี ดชั นอี านาจจาแนกและดชั นคี วามยาก - นาข้อมลู ไปกรอกในโปรแกรม MS.Excel แล้วหาผลรวมของแต่ละคน และใชค้ าสง่ั Sort & Filter เลือก Customs sort เลอื กคอลมั ลท์ ่ีต้องการ เลือก Largest to Smallest และคานวนหา จานวนคนท่ตี อ้ งเลือกคิดเปน็ 27% ของจานวนคนทงั้ หมด เท่ากบั 8.1 ปัดเป็น 9 คนจากข้อมูล ตัวอย่าง 30 คน
29 - จากนน้ั มาคานวณหาคา่ ดชั นีอานาจจาแนกของขอ้ สอบอัตนัยโดยใช้สูตร ดงั นี้ จะได้คา่ ดชั นีอานาจจาแนกของข้อสอบอตั นยั อย่ใู นช่วง 0.33 – 0.56 แสดงวา่ ข้อสอบทุกข้ออยู่ในช่วงค่า อานาจจาแนกที่อยตู่ ามเกณฑ์แบบทดสอบ ดงั ภาพ
30 - จากน้ันคานวณหาคา่ ดัชนีความยากของข้อสอบโดยใช้สตู ร ดงั นี้ จะได้คา่ ดชั นีความยากของข้อสอบอัตนยั อยใู่ นชว่ ง 0.31 – 0.44 แสดงว่าข้อสอบทุกข้ออยู่ในช่วงค่าดัชนีความ ยากที่อยตู่ ามเกณฑ์แบบทดสอบ ดงั ภาพ 1.4 จากขอ้ มลู ประเมินผลการอบรมฯ (ขอ้ มูลท่ีใช้ทบทวนความร้เู รอื่ งสถิติพรรณนา การประเมินผลการอบรม) ให้นักศึกษาเลือกตวั อย่าง (Sampling) ข้อมลู จากคาถามมาอย่างน้อย 5 คาถาม หาความความเชื่อมั่น โดยใช้ ค่าสัมประสิทธิ์ Cronbach Alpha นาข้อไปกรอกในโปรแกรม Ms.Excel แล้วหาผลรวม จะไดค้ า่ X แลว้ หาคา่ ความแปรปรวนรายข้อ โดยใช้สตู ร =VAR.P จากน้นั คานวณหาคา่ ความเช่ือมน่ั โดยใชค้ า่ สมั ประสทิ ธ์ิ Cronbach Alpha โดยใช้สตู ร จะได้ค่า ⍺ เทา่ กบั 0.70 แสดงว่าแบบประเมินชดุ นี้มีความเชื่อมัน่ ท่ีดี
31
32 ใบกิจกรรมบทที่ 5 ใหห้ าสัมประสิทธ์ิสหสมั พนั ธ์โดยใช้ MS.Excel 1.ให้นกั ศกึ ษากาหนดสถานการณ์ สมมตุ ขิ ้อมลู แลว้ หาคา่ สัมประสิทธส์ิ หสัมพนั ธเ์ พยี ร์สนั โรงเรียนวดั ช่างคาทาการทดสอบวชิ าภาษาไทย และวิชาคณติ ศาสตร์ในระดบั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 จานวน 20 คน โดยหาค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพนั ธ์เพียรส์ นั โดยมคี ะแนน ดังนี้ กรอกข้อมูลใน Ms.Excel แลว้ กดฟังกช์ ันเลือก Statical เลือก CORRE แลว้ เลอื กช่วงของกล่มุ ขอ้ มลู แลว้ จะไดค้ า่ สัมประสทิ ธิส์ หสมั พนั ธ์ของเพียรส์ ัน มีคา่ เทา่ กบั 0.82 แสดงวา่ คะแนน ภาษาไทยและวชิ าคณติ ศาสตรม์ ีความสมั พันธเ์ ชิงบวก ดงั รปู
33 2.ให้นักศึกษากาหนดสถานการณ์ สมมตุ ขิ ้อมลู มาตราเรยี งอันดับ และหาค่าสมั ประสิทธ์สิ หสมั พนั ธล์ าดับท่ี ของสเปียร์แมน จากการประกวดร้องเพลงของนกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 โดยแบง่ เปน็ 2 กลมุ่ คือ เพลงสากล และเพลงไทยเดิม โดยมผี ปู้ ระกวด 10 คน โดยการประเมินคะแนน และนาคะแนนมาวเิ คราะห์ ดังน้ี กรอกข้อมลู ลงใน Ms.Excel แลว้ นาลาดบั ทไ่ี ด้มาหาค่าส่วนตา่ ง (D) โดยใชส้ ตู ร =ABS แล้วนา คา่ D มายกกาลงั สอง แล้วแทนคา่ ตามสูตร ดังน้ี เพราะฉะน้ัน จะได้คา่ rs เท่ากับ 0.46
34 3.ใหน้ ักศึกษากาหนดสถานการณส์ มมุตขิ ้อมลู มาตราอนั ตรภาค แล้วเปลย่ี นเปน็ มาตราเรียงอนั ดับ และหาค่า สัมประสทิ ธส์ิ หสัมพนั ธ์ลาดบั ทข่ี องสเปียร์แมน ในการทดสอบความรู้วิชาภาษาไทย และวชิ าคณติ ศาสตร์ ของนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จานวน 20 คน คะแนนเต็ม 30 คะแนน อยากทราบว่า ความสามารถของนักเรียนด้านความรู้ วิชาภาษาไทย และวิชาคณิตศาสตร์ มคี วามสัมพนั ธ์กันหรือไม่ คะแนนการประเมนิ ดงั น้ี และมี คะแนน ดงั นี้ กรอกข้อมลู ลงใน Ms.Excel แลว้ เรยี งลาดบั ขอ้ มูลใหมโ่ ดยใชค้ าส่งั Sort & Filter เลอื ก Customs sort เลือกคอร์ลัมลท์ ี่ตอ้ งการ เลอื ก Largest to Smallest แลว้ จัดลาดบั ใหม่ สว่ น คะแนนทซี่ า้ กนั ใหค้ านวณหาคา่ เฉลยี่ ลาดับท่ี
35 แลว้ นาลาดับทไ่ี ด้มาหาค่าสว่ นต่าง (D) โดยใชส้ ตู ร =ABS แล้วนาค่า D มายกกาลังสอง และแทนคา่ ตามสตู ร ดังนี้ เพราะฉะนัน้ จะได้คา่ rs เทา่ กับ 0.74 หรือใชส้ ตู ร CORREL
36 ใบกิจกรรมบทท่ี 6 ใหห้ าสมั ประสิทธสิ์ หสัมพันธโ์ ดยใช้ MS.Excel 1. ให้นกั ศึกษากาหนดสถานการณ์ สมมุติข้อมลู จานวนอย่างน้อย 30 คา่ แล้วหาทดสอบคา่ เฉลี่ย 1 กลุ่ม คุณครูผู้สอนของโรงเรียนวัดช่างคาได้จัดทาสื่อการเรียนการสอนเก่ียวกับการอ่านออกเขียนได้ และเชื่อม่ันว่า ส่ือการเรียนการสอนเก่ียวกับการอ่านออกเขียนได้ดังกล่าว เม่ือนักเรียนนาไปใช้แล้วผลการประเมินโดยเฉลี่ย ของนักเรียนสูงกว่าร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม 100 คะแนน โดยได้ทดลองใช้สื่อการอ่านออกเขียนได้กับ นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1 จานวน 30 คน หลังจากการใช้สื่อแลว้ นัน้ ประเมนิ ความรขู้ องนักเรยี นได้คะแนน ดงั นี้ นกั เรยี นคนท่ี คะแนน นักเรียนคนท่ี คะแนน 1 74 20 91 2 87 21 84 3 83 22 87 4 86 23 78 5 93 24 73 6 74 25 86 7 78 26 98 8 98 27 91 9 92 28 71 10 79 29 76 11 91 30 77 12 80 13 81 14 81 15 71 16 91 17 83 18 77 19 74
37 สมมตุ ิฐานการวิจัย : หลงั การใชส้ ่อื การเรยี นการสอนเก่ียวกบั การอ่านออกเขียนไดก้ บั นักเรยี นช้นั ประถมศึกษา ปที ี่ 1 นักเรียนมีความรู้จากการประเมินโดยเฉลี่ยของนักเรียนสูงกว่าร้อยละ 80 ของคะแนน เต็ม สมมตุ ิฐานทางสถิติ : H0 : μ ≤ 80 , HA : μ > 80 MS.Excel Data Analysis >> t-Test: Tow Sample Assuming Unequal Variances >> กาหนด Hypothesized Mean Difference เทา่ กบั 80
38 คา่ p-value 0.029 < 0.05 ปฏเิ สธ H0 สรุป หลังการใชส้ ่ือการเรียนการสอนเกีย่ วกับการอ่านออกเขียนได้กับนักเรียนช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 1 นักเรียน มีความร้จู ากการประเมินโดยเฉลยี่ ของนักเรียนสูงกวา่ ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็มอย่างมีนยั สาคัญทร่ี ะดับ 0.05 2. ให้นักศึกษากาหนดสถานการณ์ สมมุตขิ ้อมลู จานวนอยา่ งน้อย 30 คน เป็นคะแนนก่อนและหลงั เรียน แล้วหาทดสอบคา่ เฉลีย่ แบบจับคู่ จากการศึกษาการทดลองสอนแบบใช้สื่อจาก online ควบคู่กับการเรียนการสอนปกติในห้องเรียนเพ่ือให้เกิด ทักษะการคิดวิเคราะห์และแยกแยะ โดยส่ือการเรียนดังกล่าวได้นาไปทดลองใช้กับตัวอย่างนักเรียนชั้น ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 จานวน 30 คน โดยทดสอบการเก็บคะแนนก่อนและหลงั เรยี นจากคะแนนเต็ม 50 คะแนน ได้คะแนนดังนี้ คนท่ี คะแนน (ก่อน) คะแนน (หลงั ) คนท่ี คะแนน (ก่อน) คะแนน (หลงั ) 39 1 25 32 17 22 38 32 2 29 40 18 28 39 39 3 24 35 19 28 40 33 4 20 36 20 23 37 38 5 25 31 21 30 37 37 6 24 34 22 30 40 39 7 29 38 23 27 38 8 23 35 24 25 9 25 32 25 20 10 26 34 26 25 11 26 36 27 29 12 30 35 28 21 13 20 39 29 30 14 23 32 30 21 15 21 30 16 26 32
39 สมมุติฐานการวิจัย : หลังจากการทดลองสอนแบบใชส้ ่ือจาก online ควบคกู่ ับการเรยี นการสอนปกติใน ห้องเรยี นเพื่อใหเ้ กดิ ทักษะการคดิ วเิ คราะหแ์ ละแยกแยะของนกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่านักเรยี นมี คะแนนทดสอบหลังเรยี นสูงกว่าก่อนเรียน สมมตุ ิฐานทางสถติ ิ : H0 : μหลงั ≤ μก่อน , HA : μหลงั >μกอ่ น MS.Excel Data Analysis >> t-Test: Paired Tow Sample for Means >> ลากขอ้ มูลคะแนนหลงั สอบใส่ช่อง Variable 1 และคะแนนก่อนสอบใสช่ อ่ ง Variable 2 กาหนด Hypothesized Mean Difference เท่ากับ 0 ดังน้ี
40 คา่ p-value 3.43337E-15 < 0.05 ปฏิเสธ H0 สรุป หลังจากการทดลองสอนแบบใช้ส่อื จาก online ควบคู่กับการเรยี นการสอนปกติในห้องเรียนเพื่อให้เกิด ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์และแยกแยะของนักเรียนชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 3 นักเรียนมีคะแนนทดสอบหลังเรียนสูง กว่าก่อนเรยี นอย่างมนี ยั สาคัญท่ีระดับ 0.05
41 3. ใหน้ ักศกึ ษากาหนดสถานการณ์สมมุตขิ ้อมูล แล้วทดสอบค่าสดั ส่วนของประชากรกลุ่มเดยี ว คุณครูผสู้ อนวิชาภาษาไทย ระดบั ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 2 ไดจ้ ัดทาส่อื การเรียนการสอนเก่ยี วกบั สระประสมคา โดยได้กาหนดเกณฑ์การผ่านไว้ 80 คะแนนจากคะแนนเต็ม 100 คะแนน และครูผู้สอนเช่ือม่ันว่านักเรียนที่ เรียนโดยใช้สื่อการเรียนการสอนดังกล่าวน้ีผ่านเกณฑ์ที่กาหนด โดยมีจานวนมากกว่า 80% ของนักเรียน ท้ังหมด เมื่อครูผู้สอนได้นาส่ือการเรียนการสอนดังกล่าวไปใช้กับนักเรียน 3 ห้อง จานวน 130 คน มีจานวน นักเรียนที่สอบผ่านเกณฑ์ท่ีกาหนด 209 คน ครูผู้สอนต้องการทดสอบสมมุติฐานท่ีระดับ นัยสาคัญ 0.05 ว่า หลังจากนักเรียนท่ีเรียนโดยใช้สื่อการเรียนการสอนดังกล่าว ผ่านเกณฑ์ท่ีกาหนดมีจานวนมากกว่า 80% ของ นักเรียนทัง้ หมดหรอื ไม่ การวิเคราะหข์ ้อมลู สมมตุ ฐิ านการวิจัย : หลงั จากนกั เรียนใช้สื่อการเรียนการสอนเกี่ยวกับสระประสมคา ระดับช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 2 นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ท่กี าหนดไว้ 80 คะแนน มจี านวนมากกวา่ 80% ของนกั เรียนทง้ั หมด สมมตุ ิฐานทางสถติ ิ : H0 : p ≤ 0.80 , H1 : p > 0.80 คา่ สถติ ทิ ่ใี ชใ้ นการทดสอบ คือ Z-test โดยใช้สตู ร ดงั นี้
42 MS.Excel คา่ p-value 0.14 < 0.05 ปฏเิ สธ H0 สรปุ หลงั จากนกั เรยี นใช้ส่อื การเรียนการสอนเกีย่ วกบั สระประสมคา ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 2 นักเรียน ผา่ นเกณฑ์ที่กาหนดไว้ 80 คะแนน มจี านวนมากกวา่ 80% ของนักเรียนท้ังหมดที่ระดบั นัยสาคญั 0.05
ค อา้ งอิง พิชญส์ นิ ี ชมพูคา.สถิติเพอื่ การวิจยั พชิ ญส์ นิ ี ชมพูคา.การวัดแนวโนม้ เขา้ สูส่ ว่ นกลาง และการวัดตาแหนง่ ของขอ้ มลู พิชญ์สินี ชมพูคา.การวัดการกระจายและคะแนนมาตรฐาน พชิ ญส์ นิ ี ชมพูคา.การหาคุณภาพเคร่อื งมือรวบรวมข้อมูล พิชญส์ ินี ชมพูคา.สหสมั พันธ์เชงิ เส้นตรง พิชญ์สินี ชมพูคา.การทดสอบค่าเฉลีย่ และการทดสอบสดั สว่ น
Search
Read the Text Version
- 1 - 46
Pages: