ระเบยี บวิธีวิจยั ทางวิทยาศาสตร์
การทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์การทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ● เน้นทก่ี ระบวนการเรยี นรู้ และเน้นผเู้ รยี นเป็นสาคญั ● เน้นใหน้ กั เรยี นเป็นผกู้ าหนดปัญหา วางแผนและดาเนนิ การ ทดลองดว้ ยตนเอง ● ใหน้ กั เรยี นคน้ พบองคค์ วามรใู้ หมด่ ว้ ยตนเอง ● ครเู ป็นเพยี งผชู้ แ้ี นะ ใหแ้ นวทาง และใหค้ าปรกึ ษา
ประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ประเภทของโครงงานวิทยาศาสตร์ ● โครงงานประเภทการสารวจ ● โครงงานประเภทการทดลอง ● โครงงานประเภทการพฒั นาหรอื การประดษิ ฐ์ ● โครงงานประเภทการสรา้ งทฤษฎหี รอื การอธบิ าย
ประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตร์โครงงานประเภทการสารวจ ● เป็นการศกึ ษารวบรวมปัญหาจากธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม เพอ่ื ศกึ ษาหาความรทู้ ม่ี อี ยู่ โดยใชว้ ธิ สี ารวจและรวบรวมขอ้ มลู ● นาขอ้ มลู ทไ่ี ดม้ าจดั ใหเ้ ป็นระบบระเบยี บ ● นาเสนอขอ้ มลู ในรปู แบบตา่ งๆ เชน่ การสารวจชนิดของปลาในคลองแสนแสบ
ประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตร์โครงงานประเภทการทดลอง เป็นการศกึ ษาหาคาตอบของปัญหาหรอื คาถาม โดยการออกแบบการทดลอง และดาเนนิ การทดลอง ออกแบบการทดลองเพอ่ืศกึ ษาผลของตวั แปร โดยควบคมุ ตวั แปรอ่นื ๆใหค้ งท่ี เชน่ การศกึ ษาการสกดั วนุ้ จากสาหรา่ ยสกุลกราซลิ าเรยี จากจงั หวดั สงขลาหรอื การผลติ อาหารสาเรจ็ รปู สาหรบั ปลาหมอสี
ประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตร์โครงงานประเภทการพฒั นาหรือการประดิษฐ์ ● เป็นการพฒั นาหรอื ประดษิ ฐ์ หรอื สรา้ งอุปกรณ์หรอื เครอ่ื งมอืเครอ่ื งใช้ โดยการประยุกตท์ ฤษฎี ● อาจเป็นการประดษิ ฐส์ ง่ิ ใหมห่ รอื ปรบั ปรุงของเดมิ ใหม้ ีประสทิ ธภิ าพสงู ขน้ึ แตต่ อ้ งอาศยั หลกั การทดลองทางวทิ ยาศาสตร์ เชน่ การทาฉนวนกนั ความรอ้ นจากวสั ดเุ หลอื ใช้
ประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตร์โครงงานประเภทการสรา้ งทฤษฎีหรือการอธิบาย เป็นโครงงานทเ่ี สนอทฤษฎใี หม่ หรอื ปรากฏการณ์ใหม่ โดยมีหลกั การทางวทิ ยาศาสตรห์ รอื ทฤษฎอี น่ื สนบั สนุน เชน่ กาเนิดของทวปีเอเชยี เป็นตน้
เคยสงสยั หรอื ไมว่ า่ ....นักเรียนทาโครงงานวิทยาศาสตรไ์ ปทาไม● ทาใหน้ กั เรยี นรจู้ กั การสงั เกต การตงั้ คาถาม และการหาคาตอบ● ทาใหน้ กั เรยี นรจู้ กั การทางานอยา่ งมรี ะบบ เป็นขนั้ ตอน● ฝึกใหน้ กั เรยี นมจี นิ ตนาการ● ทาใหน้ กั เรยี นมคี วามคดิ อสิ ระภายใตก้ รอบของ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
กระบวนการ/ระเบยี บวธิ วี จิ ยักระบวนการ/ระเบยี บวิธีวิจยั ทางวิทยาศาสตร์● การตงั้ คาถาม ● การบนั ทกึ ผลการทดลอง● การตงั้ สมมตฐิ าน ● การเขยี นรายงาน● การวางแผนการทดลอง ● การแสดงผลงาน● การทดลอง
กระบวนการ/ระเบยี บวธิ วี จิ ยัการตงั้ คาถาม● ตอ้ งกระตุน้ ใหน้ กั เรยี นกลา้ ถาม โดยอาจหากจิ กรรมมาชว่ ย เชน่ ครหู า ของมา 1 ชน้ิ ใหน้ กั เรยี นถาม 20 คาถาม โดยครตู อบวา่ ใช่ หรอื ไมใ่ ช่● หรอื หาของมา 1 ชน้ิ ใหน้ กั เรยี นตงั้ คาถามเกย่ี วกบั ของชน้ิ น้ี คนละ 1 คาถาม
กระบวนการ/ระเบยี บวธิ วี จิ ยัการตงั้ คาถาม (ต่อ)● ใหน้ กั เรยี นสงั เกตสงิ่ ทอ่ี ยรู่ อบๆ ตวั เอง แลว้ พยายามตงั้ คาถาม เชน่ มดชอบขน้ึ อาหารประเภทใดมากทส่ี ดุ● เวลาฝนจะตก ทาไมมเี มฆสคี ล้าๆ บนทอ้ งฟ้าเตม็ ไปหมด● นกั เรยี นทม่ี นี ้าหนกั มากผดิ ปกตชิ อบรบั ประทานอาหารประเภทไหน● ทาไมพดั ลมสว่ นใหญ่จงึ มใี บพดั 3 ใบ
กระบวนการ/ระเบยี บวธิ วี จิ ยัการตงั้ คาถาม (ต่อ)● คาถามทด่ี ตี อ้ งเป็นคาถามทน่ี ามาสรา้ งสมมตฐิ านทท่ี ดลองเพอ่ื หา คาตอบและตรวจสอบได้● คาถามมี 3 ประเภทใหญ่ๆ ไดแ้ ก่ อะไร อยา่ งไร และทาไม● คาถาม อยา่ งไร และ ทาไม จะชว่ ยกระตุน้ ความคดิ ของนกั เรยี นไดด้ กี วา่ คาถาม อะไร
กระบวนการ/ระเบยี บวธิ วี จิ ยัสมมติฐาน● สมมตฐิ านคอื การใชจ้ นิ ตนาการรว่ มกบั ขอ้ มลู ทม่ี ใี นการคาดเดาคาตอบ● สมมตฐิ านทางเลอื ก (alternative hypothesis) คอื คาตอบทเ่ี ราเชอ่ื วา่ ถกู ตอ้ ง● สมมตฐิ านลบลา้ ง (null hypothesis) คอื คาตอบซง่ึ ขดั แยง้ หรอื ใหค้ าตอบทต่ี รงขา้ มกบั คาตอบแรก
กระบวนการ/ระเบยี บวธิ วี จิ ยัการวางแผนการทดลอง● สมมตฐิ านจะเป็นตวั กาหนดทศิ ทางของการวางแผนหรอื การออกแบบ การทดลอง (Experimental design)● ตอ้ งออกแบบการทดลองทถ่ี ูกตอ้ งตามหลกั วชิ า
กระบวนการ/ระเบยี บวธิ วี จิ ยัการออกแบบการทดลอง● ตอ้ งคานงึ ถงึ จานวนตวั อยา่ งทใ่ี ช้ เพอ่ื ใหไ้ ดผ้ ลทม่ี คี วามน่าเชอ่ื ถอื ทาง สถติ อิ ยา่ งมนี ยั สาคญั● ตอ้ งมจี านวนซ้าของการทดลอง (สว่ นใหญ่ใช้ 3 ซ้าและในแต่ละซ้า ตอ้ งมจี านวนตวั อยา่ งเท่ากนั )● ตอ้ งมชี ดุ ควบคมุ (Control)● ตอ้ งคานงึ ถงึ จรรณยาบรรณในการใชส้ ตั วท์ ดลอง
กระบวนการ/ระเบยี บวธิ วี จิ ยัการทดลอง● ตอ้ งทาการทดลองกบั ตวั อยา่ งทม่ี จี านวนมากพอ เพอ่ื สามารถเป็น ตวั แทนของประชากรได้● ถา้ ประชากรทศ่ี กึ ษามคี วามผนั แปรมาก จานวนตวั อยา่ งจะใชม้ าก● ถา้ ประชากรทศ่ี กึ ษามคี วามผนั แปรน้อย จานวนตวั อยา่ งจะใชน้ ้อย● จานวนตวั อยา่ งเทา่ ใดจงึ จะพอดี ขน้ึ อยกู่ บั ความผนั แปร หรอื ขอ้ มลู ทจ่ี ะศกึ ษา
กระบวนการ/ระเบยี บวธิ วี จิ ยัการกาหนดตวั อย่างถา้ เป็นข้อมลู ต่อเนื่อง จะใช้ SD (standard deviation) เป็นตวั กาหนดจานวนตวั อย่างn = Z2α(SD)2/Δ2n = จานวนตวั อยา่ งZα = ความเชอ่ื มนั่ ในการทดสอบ ปกตนิ ยิ มใชค้ วามเชอ่ื มนั่ ท่ี 95% ( = 0.05)Z(0.05) = 1.96 (จากตาราง)SD = สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานΔ = ความคลาดเคล่อื นทย่ี อมใหค้ า่ เฉลย่ี เบย่ี งเบนได้ โดยผทู้ าการศกึ ษากาหนดเอง
กระบวนการ/ระเบยี บวธิ วี จิ ยัตวั อย่าง ศกึ ษาน้าหนกั เฉลย่ี ของเดก็ นกั เรยี นชนั้ ม.1 อายรุ ะหวา่ ง 11-12 ปีของโรงเรยี นแหง่ หน่งึ พบวา่ น้าหนกั เดก็ เฉลย่ี 35 กโิ ลกรมั สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน 5 กโิ ลกรมั จะตอ้ งใชเ้ ดก็ จานวนเทา่ ใด โดยยอมให้น้าหนกั เฉลย่ี ของเดก็ คลาดเคล่อื นได้ 2 กโิ ลกรมั
กระบวนการ/ระเบยี บวธิ วี จิ ยัตวั อย่างการคานวณn = Z2α(SD)2/Δ2 = (1.96)2•(5)2/22 = 24 คน ถา้ ความคลาดเคลอ่ื นลดลงเหลอื 1 กโิ ลกรมัตอ้ งใชเ้ ดก็ 95 คน
กระบวนการ/ระเบยี บวธิ วี จิ ยัการกาหนดตวั อย่างถ้าเป็นข้อมลู ไมต่ ่อเน่ือง เชน่ ศกึ ษาโอกาสทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ (Probability = p)มขี อ้ มลู /ตวั แปรเป็นจานวนนบั และเปอรเ์ ซน็ ต์ ใหใ้ ชส้ ตู รn= Z2α(p)(1-p)/Δ2Zα = ความเชอ่ื มนั่ ในการทดสอบ ปกตนิ ยิ มใชค้ วามเชอ่ื มนั่ ท่ี 95% ( = 0.05)Z(0.05) = 1.96 (จากตาราง)p= โอกาสทจ่ี ะพบหรอื โอกาสทจ่ี ะเกดิ ขน้ึΔ = ความคลาดเคล่อื นของ p ทย่ี อมรบั ได้
กระบวนการ/ระเบยี บวธิ วี จิ ยัตวั อย่าง ศกึ ษาสาเหตุของการตายของปลาทพ่ี บวา่ มอี ตั ราการตาย60% โดยยอมใหอ้ ตั ราตายคลาดเคลอ่ื นได้ 10% (คอื มอี ตั ราการตายอยู่ระหวา่ ง 60+10% หรอื 50-70%) จะตอ้ งใชจ้ านวนตวั อยา่ งปลาเท่าใดn = (1.96)2(0.6)(0.4)/ (0.1)2 = 92ถา้ ยอมให้ Δ ลดลงเป็น 5% ตอ้ งใชจ้ านวนตวั อยา่ งเป็น 370 ตวั
กระบวนการ/ระเบยี บวธิ วี จิ ยัการทดลอง (ต่อ)● ตอ้ งมชี ดุ ควบคมุ (Control)● เปลย่ี นตวั แปรเพยี ง 1 ตวั ต่อ 1 การทดลอง - ตวั แปรตน้ - ตวั แปรตาม - ตวั แปรควบคมุ● ใชส้ ถติ คิ านวณความน่าเชอ่ื ถอื ของผลทไ่ี ด้ เชน่ SD
กระบวนการ/ระเบยี บวธิ วี จิ ยัการบนั ทึกผลการทดลอง● มสี มดุ บนั ทกึ 1 เลม่● บนั ทกึ ผลการทดลองทไ่ี ดท้ ุกครงั้● ลงวนั ทท่ี ท่ี าการทดลองดว้ ย● บนั ทกึ ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการสงั เกตเลก็ ๆ น้อยๆ● สมดุ บนั ทกึ การทดลองมคี วามสาคญั ไมน่ ้อยกวา่ สมดุ รายงานผลการทดลอง
กระบวนการ/ระเบยี บวธิ วี จิ ยัการเขียนรายงาน● คอื การนาเสนอผลทไ่ี ดจ้ ากการทดลอง เป็นการสอ่ื สารรปู แบบหน่งึ● มวี ตั ถุประสงคใ์ หผ้ อู้ น่ื เขา้ ใจวา่ เราทาอะไร ทาเพอ่ื อะไร ทาอยา่ งไร และไดเ้ รยี นรอู้ ะไรบา้ ง● โดยการนาผลทบ่ี นั ทกึ ไวม้ าเรยี บเรยี งใหถ้ กู ตอ้ งตามหลกั สากล
องคป์ ระกอบของรายงาน● ชอ่ื เรอ่ื ง● บทคดั ยอ่● ทม่ี าของปัญหาหรอื คาถาม● สมมตฐิ าน● วตั ถุประสงค์● เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง● วธิ กี ารทดลองและผลการทดลอง● การอภปิ รายและสรปุ ผลการทดลอง และขอ้ เสนอแนะ● เอกสารอา้ งองิ
องคป์ ระกอบของรายงานช่ือเร่อื ง● ชอ่ื เรอ่ื งทด่ี ี ตอ้ งกระชบั ชดั เจน● สามารถสอ่ื กบั ผอู้ า่ นไดว้ า่ สง่ิ ทอ่ี ยใู่ นรายงานคอื อะไร● มรี ายละเอยี ดเกย่ี วกบั งานของเราในชอ่ื เรอ่ื งดว้ ย● ไมค่ วรตงั้ ชอ่ื เรอ่ื งงานวจิ ยั ใหโ้ กเ้ ก๋ เพราะไมใ่ ชน่ วนิยาย● ชอ่ื เรอ่ื งทไ่ี มเ่ หมาะสม เชน่ อฐิ บลอ็ กมหศั จรรย์ ป่าดมี คี ณุ หรอื ผลไมส้ ารพดั ประโยชน์
องคป์ ระกอบของรายงานบทคดั ย่อ● บทคดั ยอ่ คอื เรอ่ื งยอ่ ทงั้ หมดของโครงงาน● รวมเหตผุ ลของการทาวจิ ยั วตั ถปุ ระสงค์ วธิ กี ารทดลอง ผลการทดลอง● มคี วามยาวไมเ่ กนิ 2 ยอ่ หน้า● โดยทวั่ ไปมเี พยี ง 1 ยอ่ หน้า
องคป์ ระกอบของรายงานที่มาของปัญหา● คอื แนวคดิ ทท่ี าใหไ้ ดม้ าซง่ึ ปัญหา● คอื คาถามทอ่ี าจไดจ้ ากการสงั เกต● หรอื คาถามทไ่ี ดจ้ ากการคน้ ควา้● หรอื จากผลงานทผ่ี อู้ น่ื ทาไวแ้ ลว้● และสรปุ วา่ เหตุใดเราจงึ สนใจทาการทดลองเรอ่ื งน้ี
องคป์ ระกอบของรายงานสมมติฐาน● ควรเขยี นสมมตฐิ านของการทดลองอยา่ งสนั้ ๆ● อาจชแ้ี จงวา่ เราจะใชห้ ลกั การและการทดลองอยา่ งไรเพอ่ื พสิ จู น์ สมมตฐิ านทต่ี งั้ ไว้
องคป์ ระกอบของรายงานวตั ถปุ ระสงค์● กาหนดจดุ มงุ่ หมายทต่ี อ้ งการจากการทดลอง● หากมจี ดุ มงุ่ หมายหลายประเดน็ ใหร้ ะบุเป็นขอ้ ๆ● การทาโครงงานวทิ ยาศาสตรจ์ ะมคี วามสมบรู ณ์ครบถว้ น ตอ้ งสอดคลอ้ ง กบั วตั ถุประสงคท์ ุกขอ้ ทต่ี งั้ ไว้
องคป์ ระกอบของรายงานเอกสารและงานวิจยั ท่ีเกี่ยวข้อง● ใหเ้ ขยี นความรหู้ รอื ผลงานในแนวทม่ี คี วามสมั พนั ธโ์ ดยตรงกบั งานทจ่ี ะทา● หรอื เป็นขอ้ มลู ทม่ี คี วามจาเป็นต่อการวางแผนการทดลอง● การหาความรหู้ รอื ผลงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งทาไดห้ ลายวธิ ี วธิ ที ส่ี ะดวกในปัจจบุ นั คอื การหาขอ้ มลู ผา่ นอนิ เตอรเ์ น็ต เชน่www.google.com www.journallink.or.thwww.altavista.com www.sciencedirect.comwww.lycos.com www.pubmed
องคป์ ระกอบของรายงานในการทดลองเรอ่ื ง “การสกดั น้ามนั หอมระเหยจากตะไครเ้ พอ่ื ไล่ยุง”เอกสารทเ่ี กย่ี วขอ้ งไมใ่ ชเ่ รอ่ื งราวทางชวี วทิ ยาของตะไคร้● ควรเป็นการสกดั น้ามนั หอมระเหยจากพชื ชนิดอ่นื ทใ่ี ชไ้ ล่ยงุ ได้ หรอื● น้ามนั หอมระเหยจากตะไครม้ ปี ระโยชน์อยา่ งไรบา้ ง● ลงทา้ ยดว้ ยการทไ่ี มม่ ผี ใู้ ดศกึ ษาเรอ่ื งน้ามนั หอมระเหยจาก ตะไครใ้ นการไล่ยงุ เราจงึ สนใจทจ่ี ะศกึ ษาในประเดน็ น้ี
องคป์ ระกอบของรายงานวิธีการทดลอง● เขยี นวธิ กี ารทดลองเป็นขอ้ ๆ ตามลาดบั● เขยี นบรรยายสนั้ ๆ ไวใ้ นแตล่ ะการทดลองวา่ ทาอยา่ งไร● ไมต่ อ้ งบอกผลการทดลอง● เขยี นดว้ ยวา่ กล่มุ ควบคมุ ไดท้ าอยา่ งไร
องคป์ ระกอบของรายงานผลการทดลอง● เขยี นคาบรรยายของผลการทดลองสนั้ ๆ● ไมจ่ าเป็นตอ้ งนาขอ้ มลู ดบิ มารายงาน● นาเสนอผลการทดลองเป็นตาราง หรอื กราฟ หรอื รปู ภาพ● เขยี นคาบรรยายเหนือตาราง ใตภ้ าพ/กราฟ ใหช้ ดั เจน● ระบขุ อ้ ความทห่ี วั คอลมั น์ ทแ่ี กน X และ แกน Y ดว้ ย● คานวณความน่าเชอ่ื ถอื โดยใชห้ ลกั การทางสถติ ิ● ขอ้ มลู ดบิ อาจใสไ่ วใ้ นภาคผนวก
องคป์ ระกอบของรายงานความน่าเชื่อถือของผลการทดลอง● ควรเสนอผลการทดลองในรปู ของคา่ เฉลย่ี (Mean)● แสดงใหเ้ หน็ ความน่าเชอ่ื ถอื ของผลการทดลองโดยใชห้ ลกั การทางสถติ ิ เชน่ Mean+SD (Standard deviation)● SD หมายถงึ สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานของตวั อยา่ ง เป็นตวั เลขทบ่ี ่งถงึ ความ ผนั แปรของขอ้ มลู แต่ละตวั จากคา่ เฉลย่ี ของกลมุ่ ขอ้ มลู ทน่ี ามาศกึ ษา ถา้ SD มคี า่ สงู แสดงวา่ ประชากรทน่ี ามา ศกึ ษามลี กั ษณะแตกต่างกนั มาก
องคป์ ระกอบของรายงานการอภิปรายและสรปุ ผลการทดลอง● การอภปิ รายเป็นการใหข้ อ้ คดิ เหน็ หรอื คาดคะเนวา่ การทไ่ี ดผ้ ลการ ทดลองแบบน้ี น่าจะเกดิ จากอะไรโดยใชส้ มมตฐิ านหรอื ทฤษฎเี ป็นหลกั● อาจอภปิ รายในเชงิ เปรยี บเทยี บกบั ผลงานของผอู้ น่ื ทไ่ี ดท้ าไวแ้ ลว้ วา่ เหมอื นหรอื ต่างจากของเราอยา่ งไร● การเขยี นอภปิ รายใหด้ ี ตอ้ งคน้ ควา้ หาขอ้ มลู งานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั งานของเราใหม้ ากทส่ี ดุ
องคป์ ระกอบของรายงานเอกสารอ้างอิง● ตอ้ งอา้ งองิ ทม่ี าของเน้อื หาหรอื วธิ กี ารทดลอง (หากเราไมไ่ ดเ้ ป็นคนแรกทร่ี เิ รมิ่ ขน้ึ มา)● การอา้ งองิ เป็นการใหเ้ กยี รตเิ จา้ ของผลงานทเ่ี ราไปคดั ลอกมา● อาจใสเ่ อกสารอา้ งองิ ตามลาดบั ตวั อกั ษร หรอื ตามลาดบั ก่อนหลงั โดยใสห่ มายเลขในวงเลบ็ ทา้ ยขอ้ ความทค่ี ดั ลอกมา
กระบวนการ/ระเบยี บวธิ วี จิ ยัการเสนอผลงาน● การเสนอผลงานในรปู แบบบรรยาย - ตอ้ งเตรยี มบรรยายใหค้ รอบคลมุ ทุกเรอ่ื งทส่ี าคญั ภายในเวลาทก่ี าหนด - โดยเรม่ิ จากทม่ี าของงานทท่ี า ทาอยา่ งไร ไดผ้ ลอยา่ งไร สรปุ และ อภปิ รายวา่ อยา่ งไร - พดู เสยี งดงั ฟังชดั
กระบวนการ/ระเบยี บวธิ วี จิ ยัการเสนอผลงาน● การเสนอผลงานในรปู แบบโปสเตอร์ - ตวั หนงั สอื ตอ้ งใหญ่พอทผ่ี สู้ นใจยนื อา่ นไดช้ ดั เจน - เสนอแบบแผนภมู ิ หรอื กราฟ เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจงา่ ย และไมเ่ กนิ เน้อื ท่ี ทก่ี าหนด
แนวทางในการส่งเสริมการทาโครงงานวิทยาศาสตร์
แนวทางในการสง่ เสรมิ การทาโครงงาน● สนบั สนุน/สง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี นสนใจวทิ ยาศาสตรต์ งั้ แต่ชนั้ ประถม● ฝึกใหน้ กั เรยี นตงั้ คาถามและหาคาตอบ โดยแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ และคน้ ควา้ จากแหล่งความรตู้ า่ งๆ● มเี วทใี หเ้ ดก็ แสดงผลงาน เพอ่ื แลกเปลย่ี นความรู้● นกั เรยี นชนั้ มธั ยมปลายควรปรกึ ษาอาจารย์ในมหาวทิ ยาลยั / หน่วยงานอ่นื
แนวทางในการสง่ เสรมิ การทาโครงงานแนวทางการพฒั นาการทาโครงงานวิทยาศาสตร์● Ask : The question● Investigate : The action● Connect : New knowledge● Discuss : With others● Reflect : New directions
แนวทางในการสง่ เสรมิ การทาโครงงานขนั้ ตอนที่นักเรียนควรทา● Start a notebook: มสี มดุ โน๊ต● Choose your topic: เลอื กหวั ขอ้● Literature research: หาขอ้ มลู● Write your hypothesis and problem statement: ตงั้ สมมตฐิ าน● Select your consultants (s): หาอาจารยท์ ป่ี รกึ ษา
แนวทางในการสง่ เสรมิ การทาโครงงานขนั้ ตอนท่ีนักเรียนควรทา● Data collection and analysis: เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู การทดลอง● Presentation design: ออกแบบการนาเสนอผลงานวจิ ยั● Day of judging: เตรยี มพรอ้ มรบั การตดั สนิ จากกรรมการ
แนวทางในการสง่ เสรมิ การทาโครงงานDay of judging: SHAPE S-Speaking (พดู จาใหฉ้ ะฉาน ชดั เจน) H-Handshake (ทกั ทายกรรมการ) A-Appearance (แต่งกายใหส้ ภุ าพ) P-Practiced Presentation (ฝึกการนาเสนอ) E-Excitement (อยา่ ต่นื เตน้ เกนิ ไป)
การประกวดโครงงานวิทยาศาสตรร์ ะดบั นานาชาติINTEL International Science and Technology Fair
การประกวดโครงงานวทิ ยาศาสตรร์ ะดบั นานาชาติINTEL ISEF● INTEL International Science and Technology Fair● เรมิ่ มกี ารประกวดตงั้ แตป่ ี 1950● รฐั ตา่ งๆ ในอเมรกิ าเป็นเจา้ ภาพจดั งาน● ปัจจุบนั INTEL เป็นผสู้ นบั สนุนรายใหญ่
การประกวดโครงงานวทิ ยาศาสตรร์ ะดบั นานาชาติINTEL ISEF● 2004 จดั ท่ี Portland, Oregon● 2005 จดั ท่ี Phoenix, Arizona● 2006 จดั ท่ี Indianapolis, Indiana● 2007 จดั ท่ี Albuaquergue, New Mexico● 2008 จดั ท่ี Atlanta, Georgia
การประกวดโครงงานวทิ ยาศาสตรร์ ะดบั นานาชาติประเภทของโครงงานวิทยาศาสตร์ 17 สาขา● Animal Sciences (สตั วศาสตร)์● Behavioral and Social Sciences (พฤตกิ รรมศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร)์● Biochemistry (ชวี เคม)ี● Cellular and Molecular Biology (ชวี วทิ ยาระดบั เซลลแ์ ละระดบั โมเลกุล)● Chemistry (เคม)ี
การประกวดโครงงานวทิ ยาศาสตรร์ ะดบั นานาชาติประเภทของโครงงานวิทยาศาสตร์ 17 สาขา● Computer Science (วทิ ยาการคอมพวิ เตอร)์● Earth & Planetary Science (โลกศาสตร)์● Engineering: Electrical & Mechanical (วศิ วกรรมศาสตร:์ ไฟฟ้าและกลศาสตร)์● Engineering: Materials & Bioengineering (วศิ วกรรมศาสตร:์ วสั ดแุ ละชวี วศิ วกรรม)● Energy & Transportation (พลงั งานและการขนสง่ )
Search