หน่วยท่ี 1 ความหมายองคป์ ระกอบศลิ ป์ หวั ขอ้ เรื่อง (Topics) 1.1 ความหมายขององคป์ ระกอบศิลป์ 1.2 ความสำคัญขององคป์ ระกอบศิลป์ 1.3 ทศั นศิลป์ 1.4 ทัศนธาตุ แนวคดิ สำคญั (Main ldea) ในปจั จุบันเทคโนโลยีก้าวเข้าสูก่ ารนำสมัย ไม่ว่าจะมองไปทางใด จะพบว่าคอมพิวเตอร์ได้เข้ามามี บทบาทในงานต่าง ๆ มากยิ่งขึ้นรวมไปถึงงานดา้ นกราฟิกที่ได้มีการนำเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาสร้างสรรค์ใน ชิ้นงานการออกแบบและเกิดพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในหน่วยการเรียนนี้จะศึกษาและทำความเข้าใจกับ คอมพวิ เตอรท์ ใ่ี ชใ้ นงานกราฟิก สมรรถนะย่อย (Element of Competency) แสดงความรู้เกยี่ วกบั ความหมายองคป์ ระกอบศิลป์ จดุ ประสงค์การปฏิบัติ (Performance Objectives) 1. บอกความหมายขององคป์ ระกอบศิลป์ 2. อธิบายเก่ียวกับหลกั การขององค์ประกอบศลิ ป์ 3. อธิบายเกยี่ วกบั ทศั นศิลป์ 4. อธิบายเกี่ยวกับทัศนธาตุ
1.1 ความหมายขององค์ประกอบศลิ ป์ คำวา่ องคป์ ระกอบ ตามความหมายพจนานกุ รมราชบัณฑิตยสถาน คือส่วนตา่ งๆ ทปี่ ระกอบกันทำ ให้เกิดรปู ร่างใหมข่ ้นึ โดยเฉพาะ องค์ประกอบศิลป์ หมายถึง สิ่งที่ศิลปินและนักออกแบบใช้เป็นสื่อในการแสดงออกและสร้าง ความหมาย โดยนำมาจดั เขา้ ดว้ ยกันและเกดิ รปู รา่ งอนั เด่นชัด องค์ประกอบศิลป์ ยังเป็นเครื่องหมายหรือรูปแบบที่นำมาจัดรวมกันแล้วเกิดรูปร่างต่างๆที่ แสดงออกในการสื่อความหมายและความคิดสร้างสรรค์และเปน็ ศิลปะที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อแสดงออกทาง อารมณ์ ความรู้สกึ ความคดิ หรือความงดงามซ่งึ ประกอบดว้ ยส่วนที่มนษุ ย์สรา้ งขึ้นและส่วนที่เป็นการแสดง งออกอนั เป็นผลท่ีเกิดจากโครงสรา้ งทางวัตถตุ า่ งๆสว่ นประกอบตา่ งๆของศลิ ปะ เชน่ จุด เส้น รปู ร่าง ขนาน สัดสว่ น นำ้ หนัก แสงเงา ลกั ษณะพน้ื ผิว ทว่ี า่ ง และสี 1.2 ความสำคญั ขององค์ประกอบศิลป์ ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในสาขาต่างๆไม่ว่าจะเป็นสาขาวิจิตรศิลป์หรือประยุกต์ศิลป์ผู้ สรา้ งสรรค์ตอ้ งมคี วามรเู้ บอ้ื งต้นด้านศลิ ปะมาก่อน และศกึ ษาถงึ หลักการองคป์ ระกอบพ้นื ฐาน 1.2.1 องค์ประกอบที่สำคญั การจัดวางองค์ประกอบเหล่านี้นั้น รวมถึงการกำหนดสี ในลักษณะต่างๆ เพิ่มเติมให้เกิดความ เขา้ ใจ เพื่อเวลาที่สร้างผลงานศิลปะจะได้ผลงานที่มีคุณค่าความหมายและความงามเป็นที่น่าสนใจแก่ผู้พบ เหน็ หากสร้างสรรคผ์ ลงานโดยขาดองคป์ ระกอบศิลป์ ผลงานนัน้ อาจดดู ้อยคา่ หมดความหมายหรือไม่หน้า สนใจไปเลย ดังนน้ั จะเห็นได้ว่าองคป์ ระกอบศลิ ปน์ ้นั มีความสำคญั อย่างมากในการสรา้ งงานศิลปะ องค์ประกอบศลิ ป์ เปน็ เสมอื นหวั ใจดวงหนึง่ ของการทำงานศิลปะ เพราะในงานองค์ประกอบศิลป์ หนึ่งชิ้นจะประกอบไปด้วย การร่างภาพ(วาดเส้น) การจัดวางให้เกิดความงาม (จัดภาพ) และการใช้สี (ทฤษฎีสี)ซึ่งแต่ละอย่างจะต้องเรียนรู้สู่รายละเอียดลึกลงไปอีก องค์ประกอบศิลป์จึงเป็นพื้นฐานสำคัญที่ รวบรวมความรูห้ ลายๆอย่างไว้ดว้ ยกัน จงึ ต้องเรียนรกู้ ่อนทีจ่ ะศึกษาในเรื่องอืน่ ๆ (อนันต์ ประภาโส) องค์ประกอบศลิ ป์ จดั เปน็ วิชาทม่ี ีความสำคัญสำหรับผู้ศึกษางานศลิ ปะ หากว่าความรู้ความเข้าใจ ในวชิ านแ้ี ล้ว ผลงานทสี่ รา้ งขนึ้ มาก็ยากที่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ งานศิลปะสมัยใหม่ท่ีมีการ แสดงเฉพาะ เส้นสี แสง เงา น้ำหนัก พื้นผิว จังหวะ และบริเวณที่ว่าง มีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องนำหลัก กรองค์ประกอบศิลป์มาใช้ 1.2.2 หลักการจัดองคป์ ระกอบพน้ื ฐาน 1. เอกภาพ(Unity) หมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความสอดคล้องกลมกลืน เป็น หนว่ ยเดียวกนั ด้วยการจดั องค์ประกอบให้มีความสัมพันธเ์ กยี่ วขอ้ งกันเป็นกล่มุ ก้อนไม่กระจดั กระจาย โดย การจัดระเบียบของรูปทรง จังหวะ เนื้อหาให้เกิดดุลยภาพจะได้สื่ออารมณ์ ความรู้สึก ความหมายได้ ง่ายและรวดเร็ว
ภาพทีม่ เี อกภพ ภาพทไี่ มม่ ีเอกภาพ รปู ท่ี 1.1 การจัดองคป์ ระกอบ 2. ดุลยภาพ (Balance) ความสมดุลหรือดุลยภาพ หมายถึง ความเท่ากนั เสมอกนั มีน้ำหนัก หรือ ความกลมกลืนพอเหมาะพอดี โดยมีแกนสมมติทำหน้าที่แบ่งภาพให้ซ้ายขวา บน ล่าง ให้เท่ากัน การ เท่ากนั อาจไมเ่ ท่ากนั จรงิ ๆ ก็ได้ แต่จะเท่ากนั ในความรสู้ ึกตามทตี่ ามองเหน็ ความสมดลุ แบ่งเป็น 2 ประเภท ดงั นี้ (1) ความสมดลุ 2 ข้างเทา่ กนั (Symmetrical Balance) หมายถงึ การจดั วางองค์ประกอบต่าง ๆ ของศิลปะให้ทัง้ 2 ขา้ งแกนสมมติมีขนาด สดั สว่ น และนำ้ หนกั เท่ากัน หรือมีรปู แบบเหมือนกันคลา้ ยกัน (2) ความสมดุล 2 ข้างไม่เท่ากัน (Asymmetrical Balance) หมายถึง การจัดองค์ประกอบของ ศิลปะ ทั้ง 2 ข้างแกนสมมติมีขนาดสัดส่วนน้ำหนักไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน ไม่เสมอกัน แต่สมดุลกันใน ความรู้สึกความสมดุล 2 ข้างไม่เท่ากัน คือภาพมีความสมดุลของเนื้อหาและเรื่องราวแต่ไม่เท่ากันในเรื่อง ขนาด น้ำหนัก 3. จุดเด่น (Dominance) หมายถึงส่วนสำคัญที่ปรากฏชัด สะดุดตาที่สุดในงานศลิ ปะ จุดเด่นจะ ช่วยสร้างความนา่ สนใจในผลงานใหภ้ าพเขียนมีความสวยงาม มชี วี ิตชวี าย่ิงขนึ้ จุดเด่นเกดิ จากการจัดวาง ที่เหมาะสม และรู้จกั การเนน้ ภาพ (Emphasis) ท่ดี ี จดุ เดน่ มี 2 แบบ คอื (1) จุดเด่นหลัก เป็นภาพที่มีความสำคัญมากที่สุดในเรื่องที่จะเขียน แสดงออกถึงเรื่องราวท่ี ชดั เจน เด่นชดั ท่ีสดุ ในภาพ (2) จุดเด่นรอง เป็นภาพประกอบของจุดเด่นหลัก ทำหน้าที่สนับสนุนจุดเด่นหลัก ให้ภาพมีความ สวยงามย่ิงขึ้น เช่น ในภาพจุดเดน่ รองไดแ้ ก่ รูปเรอื 4. ความขัดแย้ง (Contrast) ขัดแย้งด้วยรูปทรงขัดแย้งด้วยขนาดขัดแย้งด้วยเส้นขัดแย้งด้วยผิว ขดั แย้งด้วยสคี วามขดั แยง้ ทีก่ ลา่ วมาถกู จดั วางเพ่ือใหเ้ กดิ ความงามทางศลิ ปะ 5. ความกลมกลืน (Harmony) ภาพด้านล่างเป็นความกลมกลืนด้านเรื่องราวที่สอดคล้องเป็น เรื่องราวเกีย่ วกับธรรมชาติ และเป็นความกลมกลนื ในเร่ืองสวี รรณะเดยี วกัน
1.3 ทัศนศลิ ป์ ทัศนศลิ ป์ คือ กระบวนการถา่ ยทอดผลงานทางศิลปะ การทำงานศิลปะอย่างมีจิตนาการความคิด สร้างสรรค์มีระบบระเบียบเป็นขั้นเป็นตอนการสร้างสรรค์งานอย่างมีประสิทธิภาพสวยงาม มีการ ปฏิบัติงานตามแผนและมกี ารพฒั นาผลงานให้ดีข้นึ ตอ่ เนื่อง ทัศนศิลป์คือการรับรู้ทางจกั ษุประสาท โดยการมองเห็น สสาร วัตถุ และสรรพสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามา กระทบ รวมถึงมนษุ ย์ และสตั ว์ จะดว้ ยการหยดุ น่ิง หรอื เคลือ่ นไหวก็ตาม หรอื จะดว้ ยการปรุงแต่ง หรือไม่ ปรุงแต่งกต็ าม ก่อให้เกิดปัจจัยสมมุตติ อ่ จิตใจ และอารมณ์ของมนุษย์ อาจจะเป็นไปในทางเดียวกนั หรือไม่ ก็ตาม ทัศนศิลป์เป็นการแปลความหมายทางศิลปะ ที่แตกต่างกันไปแต่ละมุมมอง ของแต่ละบุคคล ใน งานศิลปะชิ้นเดียวกัน ซึ่งไร้ขอบเขตทางจินตนาการ ไม่มีกรอบที่แน่นอน ขึ้นกับอารมณ์ของบุคคลในขณะ ทัศน์ศิลป์นั้น แนวคิดทัศนศิลป์เป็นศิลปะที่รับรู้ได้ด้วยการมอง ได้แก่รูปภาพวิวทิวทัศน์ทั่วไปเป็นสำคัญ อันดับต้นๆ รปู ภาพคนเหมือน ภาพลอ้ ภาพส่งิ ของต่างๆกล็ ว้ นแล้วแต่เป็นเร่ืองของทัศนศิลป์ด้วยกันท้ังสิ้น ซ่งึ ถา้ กล่าววา่ ทัศนศิลปเ์ ปน็ ความงามทางศิลปะทไ่ี ด้จากการมอง หรือ ทศั นา น่นั เอง รปู ที่ 1.3 ภาพทศั นศิลป์แบบไทย 1.4 ทัศนธาตุ 1.4.1 จุดและเส้น 1. จุด (Dot) หมายถึง รอยหรือแต้มที่มีลักษณะกลมๆ ปรากฏที่ผิวพื้น ไม่มีขนาด ความกว้าง ความยาว ความหนา เปน็ ส่งิ ทเี่ ล็กที่สดุ และเปน็ ธาตุเรม่ิ แรกที่ทำให้เกดิ ธาตอุ ่นื ๆ ข้นึ จดุ เปน็ ตน้ กำเนดิ ของเส้น รปู ร่าง รูปทรง แสงเงา พืน้ ผวิ ฯลฯ เชน่ นำจดุ มาวางเรียงต่อกันจะ เกดิ เป็นเส้น และการนำจดุ มาวางให้เหมาะสมกจ็ ะเกิดเป็นรูปร่าง รูปทรง และลักษณะผวิ ได้ 2. เสน้ (Line) คือ จุดหลาย ๆ จุดตอ่ กนั เปน็ สาย เปน็ แถวแนวไปในทิศทางใดทศิ ทางหน่ึงเป็นทาง ยาวหรอื จดุ ทเี่ คล่ือนท่ไี ปในทศิ ทางใดทศิ ทางหน่งึ ดว้ ยแรงผลกั ดนั หรอื รอยขูดขดี เขยี นของวตั ถุเปน็ รอยยาว เส้นนอน ใหค้ วามรูส้ กึ กว้างขวาง เงียบสงบนง่ิ ราบเรียบ ผอ่ นคลายสายตา เสน้ ต้งั ใหค้ วามรูส้ ึกสูงสงา่ ม่นั คง แขง็ แรง รงุ่ เรอื ง
เสน้ เฉียง ใหค้ วามร้สู กึ ไม่ม่นั คง เคล่ือนไหวรวดเรว็ แปรปรวน เส้นโคง้ ให้ความรสู้ กึ อ่อนไหว สภุ าพออ่ นโยน สบาย นุ่มนวล เยา้ ยวน เสน้ ประ ––––––– ใหค้ วามรสู้ ึกไม่ต่อเนอ่ื ง ไม่มัน่ คง ไม่แนน่ อน 1.4.2 รปู รา่ งและรปู ทรง รูปร่าง (Shape) หมายถึง เส้นรอบนอกทางกายภาพของวัตถุ สิ่งของเครื่องใช้ คน สัตว์ และ พืช มีลกั ษณะเปน็ 2 มติ ิ มีความกวา้ งและความยาว รูปร่าง แบ่งออกเปน็ 3 ประเภท คือ 1.รูปร่างธรรมชาติ (Natural Shape) หมายถึง รูปร่างที่เกิดขึ้นเองตาม ธรรมชาติ เช่น คน สัตว์ และพืช เปน็ ตน้ 2.รปู ร่างเรขาคณติ (Geometrical Shape) หมายถึง รปู รา่ งท่ีมนษุ ยส์ ร้างข้ึนมีโครงสรา้ งแน่นอน เชน่ รูปสามเหล่ียม รปู ส่ีเหล่ียม และรปู วงกลม เป็นต้น 3.รูปร่างอิสระ (Free Shape) หมายถึง รูปร่างที่เกิดขึ้นตามความต้องการของผู้สร้างสรรค์ ให้ ความรู้สึกที่เป็นเสรี ไม่มีโครงสร้างที่แน่นอนของตัวเอง เป็นไปตามอิทธิพลของสิ่งแวดลอ้ ม เช่น รูปร่าง ของหยดน้ำ เมฆ และควนั เปน็ ต้น รูปที่ 1.4 รปู รา่ งและรูปทรงเลขาคณติ รูปทรง (Form) หมายถึง โครงสร้างทั้งหมดของวัตถุที่ปรากฎแก่สายตาในลักษณะ 3 มิติ คือมี ทง้ั สว่ นกว้าง สว่ นยาว สว่ นหนาหรือลกึ คือ จะใหค้ วามรู้สึกเป็นแท่ง มีเน้ือทภ่ี ายใน มปี ริมาตร และมี นำ้ หนกั รปู ท่ี 1.5 รปู มติ ิและเงา
1.4.3 สี พ้ืนผวิ การใชผ้ ิว นำ้ หนักออ่ น-แก่ (Value) หมายถงึ จำนวนความเข้ม ความอ่อนของสตี ่าง ๆ และแสงเงาตามที่ ประสาทตารบั รู้ เมื่อเทียบกบั น้ำหนักของสีขาว-ดำ ความอ่อนแก่ของแสงเงาทำให้เกิดมิติ เกิดระยะใกล้ ไกลและสมั พนั ธก์ ับเรื่องสีโดยตรง สี (Color) หมายถงึ ส่งิ ทปี่ รากฏอยู่ท่ัวไปรอบ ๆ ตัวเรา ไม่วา่ จะเป็นสที เ่ี กิดขน้ึ เองในธรรมชาติ หรือ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น สีทำให้เกิดความรู้สึกแตกต่างมากมาย เช่น ทำให้รู้สึกสดใส ร่า เรงิ ต่ืนเตน้ หม่นหมอง หรอื เศรา้ ซึมได้ เปน็ ตน้ สแี ละการนำไปใช้ 1.วรรณะของสี (Tone) จากวงจรสธี รรมชาติ ในทางศิลปะได้มีการแบ่งวรรณะของสีออกเปน็ 2 วรรณะ คือ สีวรรณะร้อน ได้แก่สีที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นหรือร้อน เช่น สีเหลือง ส้มเหลือง ส้ม ส้ม แดง แดง ม่วงแดง เป็นต้น ส่วนสีวรรณะเย็น ได้แก่ สีที่ให้ความรู้สึกเย็น สงบ สบาย เช่น สี เขียว เขียวเหลือง เขียวน้ำเงิน นำ้ เงนิ มว่ งน้ำเงนิ ม่วง เป็นตน้ 2.คา่ ของสี (Value of color) หมายถงึ สใี ดสหี นง่ึ ทำให้ค่อย ๆ จางลงจนขาวหรือสว่างและทำ ใหค้ อ่ ย ๆ เขม้ ข้ึนจนมืด 3.สีเอกรงค์ (Monochrome) หมายถึง สีที่แสดงอิทธิพลเด่นชัดออกมาเพียงสีเดียว หรือใช้ เพียงสเี ดยี วในการเขยี นภาพโดยให้คา่ ของสีออ่ น กลาง แก่ คลา้ ยกับภาพถ่าย ขาว ดำ 4.สีส่วนรวม (Tonality) หมายถึง สีใดสีหนึ่งที่ให้อิทธิพลเหนือสีอื่นทั้งหมด เช่น การเขียน ภาพทิวทศั น์ ปรากฏสีสว่ นรวมเป็นสเี ขยี ว สีน้ำเงิน เปน็ ต้น 5.สที ีป่ รากฏเด่น (Intensity) 6.สีตรงข้ามกันหรือสตี ัดกัน (Contrast) หมายถึง สีที่อยู่ตรงกันข้ามในวงจรสีธรรมชาติ เช่นสี แดงกับสีเขียว สีน้ำเงนิ กับสสี ้ม สมี ่วงกับสเี หลอื ง 1.4.4 บรเิ วณวา่ ง (Space) บริเวณว่าง (Space) หมายถึง บริเวณที่เป็นความว่างไม่ใช่ส่วนที่เป็นรูปทรงหรือเนื้อหาในการ จัดองค์ประกอบใดกต็ ามถ้าปล่อยให้มีพื้นทว่ี ่างมากและให้มีรูปทรงน้อย การจดั น้ันจะให้ความรู้สึกอ้างอ้าง โดดเดี่ยว 1.4.5 พื้นผิว (Texture) พื้นผิว (Texture) หมายถึง พื้นผิวของวัตถุต่าง ๆ ที่เกิดจากธรรมชาติและมนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น พน้ื ผวิ ของวัตถุทีแ่ ตกต่างกนั ยอ่ มให้ความรู้สกึ ท่ีแตกต่างกนั ด้วย สรปุ สาระสำคัญ การจดั องคป์ ระกอบศิลป์ การจะวางวัตถุ การใชพ้ ้นท่ี สัดส่วน การกำหนดเสน้ สี แสง เงา การจัด วางตำแหน่งวัตถุ และการใช้ชนิดของการจัดวัตถุแบบต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นองค์ประกอบศิลป์ก่อให้เกิด การลงตัวของชิ้นงาน
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: