Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พรบ อบจ.

พรบ อบจ.

Published by inwarin, 2021-10-14 02:36:13

Description: พรบ อบจ.

Search

Read the Text Version

พระราชบัญญัติ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ ภูมิพลอดลุ ยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วนั ที่ ๑๒ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็น,ปที ี่ ๕๒ ในรชั กาลปัจจุบนั พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระกาศว่า โดยทีเ่ ปน็ การสมควรปรับปรุงกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบยี บบรหิ ารราชการส่วนจงั หวดั จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯใหต้ ราพระราชบญั ญตั ิขึน้ ไว้โดยคำแนะนำและยินยอม ชองรฐั สภา ตังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบัญญตั ินี้เรียกว่า “พระราชบญั ญตั อิ งค์การบริหารส่วนจงั หวดั พ.ศ. ๒๕๔๐” มาตรา ๒๑ พระราชบัญญัตินี้ให้ใชบ้ ังคบั ต้ังแตว่ นั ถัดจากวนั ประกาศในราชกิจจา นเุ บกา!ทเป็นด้น'โป มาตรา ๓ ให้ยกเลิก (๑) พระราชบัญญตั ริ ะเบียบบริหารราชการสว่ นจังหวดั พ.ศ. ๒๔๙๘ (๒) พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบริหารราชการส่วนจังหวดั (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๔๙๙ (๓) พระราชบญั ญตั ริ ะเบียบบริหารราชการส่วนจงั หวัด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๙๙ (๔) พระราชบัญญตั ิระเบียบบริหารราชการสว่ นจังหวดั (ฉบับท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๐๖ (๕) พระราชบัญญตั ริ ะเบยี บบริหารราชการสว่ นจงั หวดั (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๐๙ (๖) พระราชบัญญัติระเบียบบรหิ ารราชการส่วนจังหวัด (ฉบับท่ี ๖) พ.ศ. ๒๕๑๐ (๗) พระราชบัญญัตริ ะเบียบบรหิ ารราชการส่วนจงั หวดั (ฉบบั ท่ี ๗) พ.ศ. ๒๕๑๑ (๘) พระราชบญั ญัติระเบียบบริหารราชการสว่ นจงั หวัด (ฉบับท่ี ๘) พ.ศ. ๒๕๑๑ (๙) ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี ๙๓ ลงวันท่ี ๒๘ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๕ (๑๐) พระราชบญั ญตั ิระเบียบบรหิ ารราชการส่วนจังหวัด (ฉบบั ที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๒๑ (๑๑) พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการสว่ นจงั หวดั (ฉบบั ที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๓ ®ราชกจิ จานเุ บก'ษา เลม่ ๑ ๑ ๔ /ตอบท่ี ๖๒ ก/หน้า ๑/๓ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๐ ทฏหมายที'เทย่ี วข้องกันการปฏิบตั ิงานขององคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ

-๒“ มาตรา ๔ บทบัญญตั แิ ห่งกฎหมาย กฎ ระเบียบ ขอ้ บังคบั มติ หรือคำสง่ั ใดทอ่ี ้างถึง ผู้ว่าราชการจงั หวดั ในฐานะผปู้ กครองบงั คบั บัญชาข้าราชการส่วนจังหวดั ข้าราชการสว่ นจังหวัด องค์การบริหารสว่ นจงั หวัด หรอื สภาจงั หวัด ใหถ้ ือว่าบทบญั ญตั แิ ห่งกฎหมาย กฎ ระเบยี บ ขอ้ บงั คับ มติ หรือคำส่งั นัน้ อา้ งถึงนายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด ข้าราชการองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัด องคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด หรือสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด ตามพระราชบัญญัตนิ ้ี แล้วแต่กรณี ทัง้ นี้ เท่าท่ีไม่ชัดหรอื แยง้ กับบทบัญญตั แิ ห่งพระราชบัญญัติน้ี บทบัญญตั แิ หง่ กฎหมาย กฎ ระเบียบ ขอ้ บังคับ มติ หรือคำส่ังใดได้กำหนดให้เป็น อำนาจหนา้ ที่ของผู้ว่าราชการจงั หวดั ในฐานะผูบ้ รหิ ารองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดหรือหัวหน้าผูบ้ ริหาร ห้องถ่ิน ใหถ้ อื ว่านายกองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั มอี ำนาจหน้าท่เี ซน่ วา่ น้นั เทา่ ทร่ี ัฐมนตรีประกาศ กำหนดในราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๕ ในพระราชบัญญัติน้ี “จังหวัด” หมายความวา่ จงั หวัดตามกฎหมายว่าด้วยระเบยี บบรหิ ารราชการ แผ่นดนิ “อำเภอ” หมายความวา่ อำเภอตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดิน และให้หมายความรวมถึงกิ่งอำเภอด้วย “ข้าราชการองค์การบริหารสว่ นจังหวดั ” หมายความว่า ขา้ ราชการทีป่ ฏิบตั กิ จิ การ ชององคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั และไดร้ ับเงนิ เดอื นโดยมอี ตั ราเงนิ เดือนและตำแหนง่ ในงบประมาณที่ องค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั กำหนดข้นึ “ราชการสว่ นทอ้ งถิน่ อน่ื \" หมายความว่า เทศบาล สุขาภิบาล องค์การบรหิ ารส่วน ตำบล เมืองพทั ยา กรุงเทพมหานคร และราชการส่วนท้องถ่นิ อ่ืนท่ีมกี ฎหมายจดั ตั้งขึน้ นอกจาก องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั “ข้อบญั ญัต\"ิ หมายความว่า ข้อบัญญัติองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัด “รัฐมนตร”ี หมายความว่า รัฐมนตรีผูร้ ักษาการตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญตั ิน้ี และใหม้ อี ำนาจออกกฎกระทรวง ประกาศและระเบียบเพื่อปฏบิ ัติการตามพระราชบัญญตั นิ ี้ กฎกระทรวง ประกาศและระเบยี บนัน้ เมือ่ ไดป้ ระกาศในราชกิจจานเุ บกษาแล้วให้ ใช้บังคับได้ หมวด ๑ บททวั่ ไป มาตรา ๗ ในจงั หวดั หน่งึ ใหม้ ีองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั ประกอบดว้ ยสภาองคก์ าร บรหิ ารสว่ นจงั หวดั และนายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั และมีอำนาจหนา้ ที่ตามทบี่ ัญญตั ิไวใ่ น พระราชบัญญตั ิน้หี รือตามกฎหมายอน่ื กฎหมายทเิ กย่ี วข้องกบั การปฏิบตั งิ านขององคก์ รปกครรงส่วนทอ้ งถน่ิ

-๓- มาตรา ๘ ใหอ้ งคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั เปน็ นติ บิ ุคคลและเป็นราชการส่วนท้องถนิ่ เขตขององคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดได้แก่เขตจงั หวดั หมวด ๒ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด มาตรา ๙'° สภาองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัดประกอบดว้ ยสมาชกิ สภาองค์การบรหิ าร ส่วนจงั หวดั ชิงมาจากการเลือกต้ังของประชาซนตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการเสือกตั้งสมาชกิ สภาทอ้ งถน่ิ หรือผบู้ รหิ ารท้องถิ่น ผ้มู ีสิทธิสมัครรับเลือกตัง้ เป็นสมาชกิ สภาองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดตอ้ งมีคณุ สมบตั ิ และไมม่ ีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายวา่ ด้วยการเลอื กตัง้ สมาชิกสภาท้องถ่ินหรือผู้บริหารท้องถนิ่ \" การเลือกต้งั สมาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดใหถ้ อื เกณฑ์จำนวนราษฎรแต่ละ จงั หวัดตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรทป่ี ระกาศในปสี ุดท้ายกอ่ นปที ี่มีการเลอื กตงั้ จงั หวดั ใดมี ราษฎรไม่เกนิ ห้าแสนคน ให้มกี ารเลือกตัง้ สมาชกิ สภาองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั ได้ยส่ี ิบสิคน จงั หวดั ใดมรี าษฎรเกนิ หา้ แสนคนแต่ไม่เกินหนึง่ ล้านคน ใหม้ กี ารเลือกต้งั สมาชิกสภาองค์การบริหารสว่ น จงั หวัดไดส้ ามสบิ คน จงั หวัดใตมีราษฎรเกนิ หน่ึงล้านคนแตไ่ มเ่ กินหน่งึ ลา้ นห้าแสนคน ใหม้ กี ารเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั ไดส้ ามสบิ หกคน จงั หวัดใดมีราษฎรเกินหนึง่ ล้านหา้ แสนคนแต่ ไมเ่ กนิ สองลา้ นคน ใหม้ ีการเลือกตง้ั สมาชกิ สภาองค์การบริหารสว่ นจังหวัดไดถ้ ิส่ บิ สองคนจังหวดั ใดมี ราษฎรเกนิ สองล้านคนขึ้นไป ให้มกี ารเลือกตั้งสมาชิกสภาองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั ได้ถส่ิ บิ แปดคน ในอำเภอหน่ึงใหม้ ีการเลอื กตัง้ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้หนงึ่ คน เมอ่ื รวมจำนวนสมาชิกสภาองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั จากแตล่ ะอำเภอแล้ว จำนวนสมาชิกสภาองค์การ บริหารส่วนจงั หวัดยงั ไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑต์ ามวรรคสาม ให้ดำเนนิ การดังนี้ เอาจำนวนสมาชิกสภา องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดซึง่ องคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั จะพึงมีได้ไปหารจำนวนราษฎรทัง้ จงั หวดั ได้ ผลลัพธ์เท่าใดใหถ้ ือเป็นเกณฑ์สำหรบั คำนวณสมาชกิ สภาองค์การบริหารส่วนจังหวดั เพมิ่ ขึ้น โดย อำเภอใดมีจำนวนราษฎรมากทสี่ ดุ ใหอ้ ำเภอนน้ั มีสมาชิกสภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดเพ่ิมขึน้ อกี หนึง่ คน แลว้ ใหเ้ อาผลลพั ธ์ดงั กลา่ วหกั ออกจากจำนวนราษฎรของอำเภอนน้ั เหลอื เทา่ ใดให้ถอื เปน็ จำนวน ราษฎรของอำเภอนัน้ ในการพจิ ารณาเพ่มิ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจงั หวดั ที่ยงั ขาดจำนวนอยู่ และใหก้ ระทำดงั นต้ี ่อ ๆ ไปจนไดส้ มาชิกสภาองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัดครบจำนวน ความในวรรคสามมิใหนั ำมาใชบ้ งั คบั แก1กรณีทีไ่ ด้จัดใหมั ีการเลอื กต้ังใหมต่ าม กฎหมายว่าด้วยการเลือกตัง้ สมาชิกสภาท้องถนิ่ หรือผบู้ รหิ ารทอ้ งถิ่นเพราะเหตทุ ี่มผี ้ไู ดร้ บั เลอื กตง้ั ไมค่ รบจำนวน ถา้ ในการจดั ให้มีการเลือกตง้ั ใหม่นั้นยงั ไดไ้ มค่ รบจำนวนอกี ใหถ้ อื ว่าสภาองคก์ าร ๒๕๔๖ b มาตรา ๙ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบัญญตั ิองค์การบริหารสว่ นจังหวัด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๓มาตรา ๘ วรรคสอง แก้ไขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญัติองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๒ กฎหมายทเี่ กย่ี วข้องทบั การปฏบต๊งานขององคก์ รปกครองส่วนพงั ถิ่น

บริหารส่วนจังหวัดนั้นประกอบดว้ ยจำนวนลมาซกิ เท่าทีม่ อี ยู,จนกว่าจะครบอายุของสภาองคก์ าร บรหิ ารส่วนจงั หวัด เวน้ แต่จะมีจำนวนสมาซกิ ไม่ถงึ สองในสามของจำนวนตามวรรคสาม๔ เสอื กตัง้ มาตรา ๑ 0 อายขุ องสภาองค์การบริหารสว่ นจังหวัดมกี ำหนดคราวละสปื่ นี บั แตว่ นั สมาชกิ ภาพของสมาซิกสภาองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั เริ่มตั้งแต่วันเสอื กตง้ั มาตรา ๑๑'* สมาซกิ ภาพของสมาซิกสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดสน้ิ สดุ ลง เมอื่ (๑) ถึงคราวออกตามอายขุ องสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั หรือมกี ารยบุ สภา องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัด (๒) ตาย (๓) ลาออก โดยยน่ื หนังสือลาออกต่อผู้ว่าราชการจงั หวดั (๔) ขาดประชมุ สภาองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดสามครงั้ ติดต่อกนั โดยไม่มเี หตุอัน สมควร (๔) เปน็ ผ้มู ีสว่ นได้เสียไมว่ ่าโดยทางตรงหรอื ทางอ้อมในสญั ญาที่องคก์ ารบรหิ ารส่วน จงั หวัดนนั้ เปน็ คู,สญั ญาหรือไนกิจการท่ีกระทำใหแ้ กอ่ งค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั น้ัน หรือทอี่ งค์การ บรหิ ารสว่ นจังหวัดนั้นจะกระทำ (๖)๖ ขาดคุณสมบัตหิ รือมลี กั ษณะต้องหา้ มตามมาตรา ๙ วรรคสอง หรอื กระทำการ ฝ่า'ฝนื มาตรา ๔๔/๓ วรรคสาม (๗) สภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดมมี ตไิ หพ้ น้ จากตำแหนง่ โดยเหน็ ว่ามีความ ประพฤตใิ นทางทีจ่ ะนำมาซง่ื ความเสอ่ื มเสียหรอื กอ่ ความไม่สงบเรียบรอ้ ยแกอ่ งค์การบริหารสว่ น จงั หวดั หรอื กระทำการอนั เสอ่ื มเสยี ประโยซนฃํ องสภาองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั โดยมสี มาซกิ สภา องคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั จำนวนไม่นอ้ ยกว่าหนงึ่ ในสามของจำนวนสมาซกิ สภาองค์การบริหารส่วน จงั หวัดทั้งหมดเท่าท่มี ีอยู่เข้าซอื่ เสนอใหส้ ภาองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดพจิ ารณา และมติดงั กล่าวต้อง มคี ะแนนเสียงไม่นอ้ ยกวา่ สามในส่ืของจำนวนสมาซกิ สภาองค์การบริหารส่วนจังหวดั ทัง้ หมดเท่าที่มีอยู่ ทง้ั นี้ใหส้ มาซกิ ภาพส้นิ สุดลงนบั แต่วันท่สี ภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั มีมติ (๘) ราษฎรผู้มีสทิ ธเิ สอื กต้ังในเขตองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดมีจำนวนไม่นอ้ ยกวา่ . สามในสข่ื องจำนวนผมู้ ีสิทธเิ สอื กต้ังทีม่ าลงคะแนนเสียง เห็นว่าสมาซกิ สภาองค์การบริหารส่วนจังหวดั ผ้ใู ดไมส่ มควรดำรงตำแหน่งต่อไปตามกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพ่ือถอดถอนสมาซกิ สภา พอ้ งถนิ่ หรอื ผบู้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ เมือ่ มีข้อสงสยั เกย่ี วกับสมาซกิ ภาพของสมาซิกสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ผูใ้ ด ส้ินสดุ ลงตาม (๔) (๔) หรือ (๖) หรอื เมอ่ื ไดร้ ับแจง้ จากคณะกรรมการการเสือกตง้ั วา่ สมาซกิ ภาพขอ'ง ๔มาตรา ๙ วรรคหา้ เพมิ่ โดยพระราชบัญญัตอิ งค์การบริหารสว่ นจังหวัด (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๔๖to * มาตรา ๑ ๑ แกไ้ ขเพ่มิ เติมโดยพระราชบญั ญตั อิ งค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัด (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๔๖ b มาตรา ๑ ๑ วรรคหนึ่ง (๖) แก้ไขเพ่มิ เติมโดยพระราชบัญญตั ิองค์การบริหารส่วนจังหวดั (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๔๖๒ กฎหมายทเ่ี ทยี่ วขอ้ งกนั การปฏิบตั งิ านขององคก์ รปกครองสว่ นท้องท่ีน

สมาซิกสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ผ้ใู ดสนิ้ สุดลงตาม (๖) ใหผ้ วู้ า่ ราชการจงั หวัดสอบสวนให้แล้วเสร็จ ภายในหกลบื วันนบั แตนนั ท่ีมขี ้อสงสยั หรือได้รบั แจง้ จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง แลว้ แตก่ รณี และดำเนนิ การวินิจฉยั ให้แล้วเสร็จภายในสามลบื วันนับแต่วนั ที่ผวู้ า่ ราชการจังหวดั สอบสวนแล้วเสร็จ หรือวนั ท่ีไดร้ ับผลการสอบสวนจากคณะกรรมการสอบสวน แม้ว่าสมาซิกสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั ผ้นู น้ั จะไดพ้ นั จากตำแหน่งไปแล้วไมว่ ่าด้วยเหตใุ ด เว้นแตเ่ พราะเหตุตาย หรอื พันจากตำแหน่งไปแลว้ เกนิ สองปี ในกรณที ่มี กี ารตัง้ คณะกรรมการสอบสวนและไมส่ ามารถดำเนนิ การสอบสวนกรณีตาม (๕) หรือ (๖) ให้แล้วเสร็จไดภ้ ายในกำหนดเวลาดังกล่าว ผวู้ า่ ราชการจงั หวัดอาจขยายเวลาการสอบสวน ออกไปไดอ้ กี ไมเ่ กนิ สามลบื วนั ทง้ั นี้ การดำเนินการสอบสวนและวินจิ ฉัยใหเ้ ปีนไปตามหลักเกณฑ์ และวธิ กี ารทก่ี ำหนดในกฎกระทรวง๗ ในกรณที ่ผี ู้ว่าราชการจงั หวดั วินจิ ฉัยว่าสมาซกิ ภาพชองสมาซกิ สภาองคก์ ารบรหิ าร ส่วนจังหวดั ผู้นน้ั สิ้นสุดลงตาม (๔) (๔) หรอื (๖) ใหผ้ ู้ว่าราชการจงั หวัดประกาศคำวนิ ิจฉัยใหท้ ราบท่ัวกัน ไม่ว่าผนู้ ้ันจะไดพ้ น้ จากตำแหน่งไปก่อนแล้วหรือไมก่ ็ตาม โดยในคำวนิ จิ ฉยั น้ันใหร้ ะบเุ หตทุ ่ีทำให้ พันจากตำแหนง่ ไว้ และให้สมาชกิ ภาพของสมาซิกสภาองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั ผนู้ นั้ สิ้นสดุ ต้งั แต่ วนั ที่มเี หตตุ าม (๔) (๔) หรอื (๖) แต่ไมก่ ระทบตอ่ การดำเนนิ งานและการรบั คา่ ตอบแทนทีไ่ ดก้ ระทำไป ก่อนวันทีม่ ีการประกาศคำวินจิ ฉัย ลา้ ในขณะทป่ี ระกาศดำวินิจฉัยดงั กลา่ วผู้นัน้ กำลังดำรงตำแหนง่ สมาซกิ สภาท้องถน่ิ หรอื ผ้บู รหิ ารท้องถน่ิ อนั เปีนผลจากการเลือกตงั้ ดา่ งวาระหรอื ตา่ งองค์กรปกครอง ส่วนทอ้ งถนิ่ กัน ใหผ้ ้นู ้นั พันจากดำแหน่งทก่ี ำลังดำรงอยดู่ ้วย และในกรณที เี่ ปน็ ผลให้ถูกหา้ มใข้ลทื ธิ สมคั รรบั เลือกตัง้ หรือใข้ลทื ธิเลอื กตั้ง ใหถ้ ือวา่ วนั ท่ีประกาศดำวนิ จิ ฉยั เปน็ วนั เรมิ่ นบั ระยะเวลาต้องห้าม ดังกล่าว ทงั้ น้ี คำวินิจฉยั ของผู้ว่าราชการจังหวัดตามมาตรานึ๋ให้เปน็ ทส่ี ุด๘ ในกรณที ส่ี มาซกิ ภาพของสมาซกิ สภาองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั ส้ินสุดตาม (๘) พร้อมกันทงั้ หมด ใหถ้ อื ว่าเป็นการยุบสภาองค์การบริหารส่วนจงั หวัด๘ มาตรา ๑๒ กอ่ นเข้ารบั หนา้ ท่ี สมาซกิ สภาองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดต้องปฏิญาณ ตนในท่ีประชุมสภาองค์การบริหารสว่ นจังหวัดวา่ “จะรกั ษาไว้และปฏบิ ตั ติ ามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย จะซิอสัตยส์ ุจริต และปฏบิ ตั หิ นา้ ทเ่ี พ่อื ประโยชนข์ องประซาซน” มาตรา ๑๓ สมาซิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวดั ยอ่ มเปน็ ผ้แู ทนของปวงซนใน เขตองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัดนน้ั และตอ้ งปฏิบัตหิ น้าทต่ี ามความเหน็ ของตนโดยบรสิ ุทธึ๋ใจ ไม่อยใู่ น ความผกู มดั แหง่ อาณตั มิ อบหมายใด ๆ มาตรา ๑๔®๐ เมื่อตำแหนง่ สมาซิกสภาองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั ว่างลงเพราะถืง คราวออกตามอายุของสภาองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดหรอื มกี ารยุบสภาองค์การบริหารสว่ นจังหวดั พ.ศ. ๒๔๖๒ ฬมาตรา ๑ ๑ วรรคสอง แก้ไขเพื่มเติมโดยพระราชบัญญต้ ิองค์การบริหารส่วนจงั หวดั (ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๖๒ ๘มาตรา ๑ ๑ วรรคสาม แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชบญั ญตั อิ งคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั (ฉบับท่ี ๔) ๒๔๖๒ ๙ มาตรา ๑ ๑ วรรคสี่ เพิม่ โดยพระราชบญั ญัติองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั (ฉบับท่ี ๔) พ.ศ. กฎหมายท่ีเกีย่ วขอ้ งกนั การปฏบิ ้ตงานขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น

-๖- ให้มกี ารเลอื กตง้ั สมาซกิ สภาองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั ข้ึนแทนตำแหนง่ ทีว่ า่ งตามกฎหมายวา่ ด้วยการ เลอื กตงั้ สมาซิกสภาห้องถ่ินหรือผ้บู ริหารทอ้ งถนิ่ มาตรา ๑๔ เมอ่ื ตำแหนง่ สมาซิกสภาองค์การบริหารสว่ นจังหวัดว่างลงเพราะเหตุอ่ืน นอกจากถึงคราวออกตามอายุของสภาองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัดหรอื มกี ารยุบสภาองคก์ ารบริหาร ส่วนจงั หวัด ให้มีการเลอื กตง้ั สมาซิกสภาองค์การบริหารส่วนจงั หวัดขึน้ แทนตำแหน่งทว่ี ่างตาม กฎหมายวา่ ด้วยการเลอื กตั้งสมาซิกสภาห้องถนิ่ หรือผูบ้ รหิ ารหอ้ งถ่ิน๑๑ ให้สมาซกิ สภาองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั ซงี่ ไดร้ บั เลือกต้งั แทนนั้นอยใู่ นตำแหนง่ ได้ เพืยงเทา่ อายุของสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด มาตรา ๑๖ เมอื่ มีการยบุ และรวมเขตการปกครองของจงั หวัดตามกฎหมายวา่ ดว้ ย ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ใหบ้ รรดาสมาซกิ สภาองค์การบริหารสว่ นจงั หวัดของอำเภอท่ถี ูกยบุ หรอื ถกู รวมเข้าไวใ้ นการปกครองของจังหวัดใดเปน็ สมาซิกสภาองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั ของจงั หวัด นน้ั จนกวา่ สมาซกิ ภาพจะสน้ิ สุดลงตามมาตรา ๑๑ มาตรา ๑๗ ให้สภาองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั เลอื กสมาซกิ สภาองค์การบรหิ ารส่วน จังหวดั เป็นประธานสภาองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัดคนหนง่ี และรองประธานสภาองคก์ ารบริหารส่วน จงั หวัดสองคน มาตรา ๑๘®๒ ประธานสภาองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดและรองประธานสภา องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ดำรงตำแหน่งจนครบอายุของสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั นอกจากการพน้ จากตำแหนง่ ตามวรรคหนึง่ ประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัด และรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพ้นจากตำแหนง่ เมอื่ (๑) ลาออก โดยยื่นหนังสือลาออกต่อผวู้ า่ ราชการจังหวัด (๒) สนิ้ สดุ สมาซกิ ภาพของสมาซกิ สภาองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัด (๓) รฐั มนตรสี ังใหพ้ ้นจากตำแหนง่ ตามมาตรา ๗๙ (๔) สภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดมมี ตใิ ห้พ้นจากตำแหนง่ โดยเหน็ ว่ามคี วาม ประพฤตใิ นทางท่จี ะนำมาซึ่งความเสอ่ื มเลืยหรือกอ่ ความไมส่ งบเรียบร้อยแกอ่ งค์การบริหารสว่ น จังหวดั หรอื กระทำการอันเสื่อมเลยื ประโยชน์ของสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด โดยมีสมาซกิ สภา องคก์ ารบริหารส่วนจังหวัดจำนวนไมน่ อ้ ยกวา่ หน่ึงในสามของจำนวนสมาซกิ สภาองคก์ ารบริหารส่วน จังหวัดทง้ั หมดเทา่ ที่มีอยู่เขา้ ซอ่ื เสนอใหส้ ภาองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดพจิ ารณา และมติดังกลา่ วต้อง ๒๔๔๖ มาตรา ๑๔ แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราซบัญญตั ิองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. มาตรา ๑๕ วรรคหน่ึง แก้ไขเพิ่มเตมิ โดยพระราซบัญญตั อิ งค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๑๘ แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ โดยพระราขบญั ญัติองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ กฎหมายท่ีเก่ียวขอ้ งกันการปฏินตั ิงานชององคก์ รปกครองส่วนท้องกนี่

มคี ะแนนเสียงไม,น้อยกว่าสามในสีของจำนวนสมาชิกลภาองค์การบริหารส่วนจงั หวดั ทง้ั หมดเท่าทีม่ อี ยู่ ทั้งนใี้ ห้พน้ จากตำแหน่งนบั แต่วนั ท่ีสภาองค์การบริหารสว่ นจังหวัดมีมติ ในกรณตี ามวรรคสอง ให้ประธานสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัดหรือรอง ประธานสภาองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดทไี่ ดรั ับเลือกใหมอ่ ยใู่ นตำแหนง่ ตามวาระของผซู้ งึ่ ตนแทน ผู้ซึ่งรัฐมนตรีสงั่ ให้พ้นจากตำแหนง่ ตาม (๓) จะดำรงตำแหน่งประธานสภาองคก์ าร บริหารส่วนจงั หวัดหรือรองประธานสภาองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั อกี ใม่ได้ตลอดอายขุ องสภา องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั น้นั มาตรา ๑๙ เมอ่ื ตำแหน่งประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดหรอื รอง ประธานสภาองค์การบริหารสว่ นจงั หวัดว่างลงเพราะเหตุอนื่ ใดนอกจากถึงคราวออกตามอายุของสภา องค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั หรือมีการยบุ สภาองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด ใหม้ กี ารเลือกประธานสภา องค์การบริหารส่วนจงั หวดั หรอื รองประธานสภาองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั แลว้ แต่กรณี แทน ตำแหนง่ ทว่ี า่ งภายในสิบห้าวบั นับแตว่ นั ทต่ี ำแหน่งน้ันวา่ งลง มาตรา ๒๐ ประธานสภาองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั มหี นา้ ทดี่ ำเนินกิจการของสภา องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัด และดำเนนิ การประชมุ ใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บข้อบังคับการประขุมสภา องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัด รองประธานสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดมีหน้าทีซ่ ่วยประธานสภาองค์การบรหิ าร ส่วนจงั หวดั ปฏิบตั กิ ารตามหนา้ ทีแ่ ละกระทำกิจการตามท่ปี ระธานสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด มอบหมาย ในกรณีทปี่ ระธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดไม่อยหู่ รือไมส่ ามารถปฏิบัตหิ นา้ ที่ ได้ ให้รองประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั คนทีห่ น่ึงปฏบิ ัตหิ นา้ ที่แทน และในกรณที ี่ ประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั และรองประธานสภาองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั คนทหี่ น่ึงไม่ อยู่หรอื ไม่สามารถปฏบิ ตั หิ น้าท่ีได้ ใหร้ องประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดคนท่สี องปฏบิ ัติ หนา้ ท่แี ทน มาตรา ๒๑ เมอ่ื ประธานสภาองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั และรองประธานสภา องค์การบริหารสว่ นจงั หวัดทั้งสองคนไมอ่ ยู่ในท่ีประชุมให้สมาชกิ สภาองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั เลอื ก กนั ขึ้นเองเป็นประธานในทีป่ ระชมุ สำหรับการประชมุ คราวนนั้ มาตรา ๒๒ ในปหี นง่ึ ใหม้ สี มัยประชุมสามญั สองสมยั ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องกำหนดให้สมาชกิ สภาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ได้มา ประชมุ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ครั้งแรกภายในสบิ ห้าวันนับแตว่ นั ประกาศผลการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั ๑๓ วนั เร่มิ สมยประชุมสามญั ประจำปี ให้สภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั กำหนด *“ มาตรา ๒๒ วรรคสอง แก้ไขเพ่มิ เติมโดยพระราชบญั ญัติองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ กฎหมายทีเ่ กยี่ วข้องกนั การปฏิm งานขององค์กรปกครองส่วนท้องกีน่

สมยั ประชมุ สามัญใหม้ ีกำหนดส่ีสิบห้าวัน แต่ถ้ามีกรณีจำเปน็ ให้ประธานสภา องค์การบริหารสว่ นจงั หวดั ส่งั ขยายสมัยประชมุ สามญั ออกไปอีกไดต้ ามความจำเป็นครั้งละไม่เกนิ สบิ หา้ วนั การปิดสมยั ประชุมสามัญก่อนครบกำหนดเวลาสีส่ ิบหา้ วันจะกระทำมไิ ด้ กรณที ่สี ภาองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั ไม่อาจจัดใหม้ ีการประชมุ ครงั้ แรกไดต้ าม กำหนดเวลาในวรรคสอง หรือมกี ารประชมุ แต่ไมอ่ าจเลือกประธานสภาองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั ได้ ผวู้ ่าราชการจังหวดั อาจเสนอรฐั มนตรีให้มีคำสง่ั ยบุ สภาองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั ®๔ มาตรา ๒๓®'** การประชุมตามมาตรา ๒๒ วรรคสอง ใหท้ ่ีประชมุ เลอื กประธานสภา องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดและรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจงั หวัด มาตรา ๒๔ ภายใต้บังคบั มาตรา ๒๒ ให้ประธานสภาองค์การบริหารสว่ นจงั หวัด เป็นผเู้ รียกประชมุ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดตามสมัยประชุมและเปน็ ผู้เปิดและปิดการประชมุ ในกรณที ่ไี มม่ ีประธานสภาองค์การบริหารส่วนจงั หวัดหรือประธานสภาองค์การ บริหารสว่ นจังหวัดไมเ่ รยี กประชุมตามกฎหมายใหผ้ ้วู ่าราชการจังหวัดเป็นผ้เู รียกประชุมและเปน็ ผเู้ ปดิ และปดิ การประชมุ มาตรา ๒๔ เมื่อเปน็ การจำเป็นเพอ่ื ประโยชน์แหง่ องค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั ประธานสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั อาจเรียกประชุมสภาองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั เป็นสมยั วสิ ามัญก็ได้ หรือนายกองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัด หรือสมาชิกสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั จำนวน ไม่น้อยกวา่ หนง่ึ ในสามชองจำนวนสมาชกิ สภาองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั เทา่ ทีม่ อี ยู่ อาจทำคำรอ้ งย่ืน ตอ่ ประธานสภาองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ขอให้เปดิ การประชุมสมยั วิสามญั ได้ วรรคสอง๑๖(ยกเลกิ ) ในกรณที ่นี ายกองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั หรือสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วน จังหวัด ทำคำร้องขอให้เปิดประชมุ สภาองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดสมยั วิสามญั ให้ประธานสภา องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดเรยี กประชมุ สภาองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดสมัยวิสามัญภายในสิบหา้ วนั นับแตว่ นั ท่ีไดร้ บั คำรอ้ ง การประชมุ สภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั สมยั วสิ ามัญให้มีกำหนดเจ็ดวัน แต่ถ้าจะ ขยายเวลาออกไปอกี ตอ้ งไดร้ ับความเหน็ ชอบจากสภาองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั ด้วยคะแนนเลยื งไม่ น้อยกว่าหน่ึงในสามของจำนวนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวดั เทา่ ทมี่ อี ยู่ และใหข้ ยายออกไป ไดอ้ ีกไมเ่ กินเจ็ดวนั *๔มาตรา ๒๒ วรรคหก เพ่ืมโดยพระราชบญั ญัติองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๔๖ ** มาตรา ๒๓ แกไ้ ขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบัญญัติองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๔๖ “๖ มาตรา ๒๔ วรรคสอง ยก.เลกิ โดยพระราชบัญญตั อิ งคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัด (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๔๔๖ กฎพายท่ีเก่ียวข้องกนั การปฏปิ ้ตงิ านขององคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน

มาตรา ๒๖ ข้อบงั คับการประชุมสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัดให้เป็นไปตาม ระเบียบทกี่ ระทรวงมหาดไทยกำหนด มาตรา ๒๗ การประชมุ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดทุกคราว ต้องมสี มาซกิ สภา องค์การบริหารส่วนจังหวดั มาประชุมไม่น้อยกวา่ กี่งหบ่งึ ของจำนวนสมาซกิ สภาองค์การบรหิ ารสว่ น จงั หวดั เทา่ ทีม่ ีอยูจ่ ึงจะเป็นองค์ประชมุ มาตรา ๒๘ การลงมติวนิ จิ ฉยั ข้อปรกึ ษาน้นั ให้ถอื เอาเสยี งขา้ งมากเป็นเกณฑ์ เวน้ แต่ ทม่ี ีบญั ญัติไว้เปน็ อยางอืน่ ในพระราชบญั ญัตนิ ้ี สมาซกิ สภาองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั คนหนึง่ ใหม้ เี สียงหนงึ่ ในการลงคะแนน ถา้ มี คะแนนเสียงเทา่ กันให้ประธานในที่ประชุมมสี ิทธอิ อกเสียงเพมิ่ ข้นึ อีกเสยี งหน่ึงเป็นเสยี งชีข้ าด มาตรา ๒๙ การปรกึ ษาหารือในสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ตอ้ งเปน็ กิจการ เกยี่ วกับอำนาจหน้าทีข่ ององคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดนั้นโดยเฉพาะ ห้ามปรกึ ษาหารอื ในเร่อื ง นอกเหนืออำนาจหน้าที่ มาตรา ๓๐ การประชมุ สภาองค์การบริหารส่วนจังหวดั ย่อมเปน็ การเปีดเผยตาม ลกั ษณะที่จะไตก้ ำหนดไวใ้ นระเบยี บขอ้ บังคัปการประชมุ สภาองค์การบริหารสว่ นจังหวัด แต่การ ประชุมลับยอ่ มมีได้เมอ่ื นายกองค์การบริหารส่วนจังหวดั รอ้ งขอ หรือสมาชกิ สภาองค์การบริหารสว่ น จังหวดั รวมกนั มจี ำนวนไมน่ อ้ ยกวา่ หนึง่ ในสามของจำนวนสมาซิกสภาองค์การบริหารสว่ นจังหวดั ซง่ึ มา ประชุมร้องขอ มาตรา ๓๑๑ ในที่ประชมุ สภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัด สมาซกิ สภาองค์การ บรหิ ารส่วนจังหวัดมีสิทธิต้ังกระทู้ถามนายกองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั หรือรองนายกองค์การบริหาร สว่ นจังหวัดในเรอ่ื งใดอันเก่ียวกบั งานในหน้าท่ีไต้ แต่นายกองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัด หรอื .รองนายก องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั มสี ทิ ธิทีจ่ ะไมต่ อบ เมอื่ เห็นวา่ เรอ่ื งนนั้ ยังไมค่ วรเปดี เผยเพราะเก่ยี วกบั ความ ปลอดภัยหรอื ประโยชนส์ ำคญั ขององค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัด มาตรา ๓๒ สมาซิกสภาองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดอาจเสนอข้อสอบถามตอ่ ประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดใหผ้ ู้วา่ ราชการจงั หวัดข้ึแจงขอ้ เทจ็ จริงใด ๆ อันเกยี่ วกบั อำนาจหนา้ ท่ขี องราชการส่วนภมู ภิ าคและใหห้ วั หนา้ หน่วยงานราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบยี บ บริหารราชการแผ่นดนิ ซึง่ มาปฏบิ ัติหนา้ ทใี่ นเขตจังหวัดข้ีแจงข้อเท็จจรงิ ใด ๆ อนั เก่ยี วกับงานในหนา้ ที่ ไต้ ทง้ั นีใ้ หผ้ ้วู า่ ราชการจงั หวัดหรือหวั หนา้ หนว่ ยงานราชการดังกลา่ วขี้แจงดว้ ยวาจาหรือเปน็ หนังสอื ตอ่ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจงั หวัดภายในเวลาอันสมควรกไ็ ต้ ๒(£๔๖ มาตรา ๓๑ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญัตอิ งคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ทฏหมาm 'เกี่ยว'พงั พัการปฏบิ ตั ิงานขององคท์ รป'กm องส่วนทอ้ งทน

- ๑๐ - ผู้วา่ ราชการจงั หวดั หรอื หัวหน้าหน่วยงานราชการย่อมมสี ิทธทิ ่จี ะไมต่ อ'บคำถามเมือ่ เห็นว่าขอ้ เทจ็ จริงนนั้ เปน็ เรอื่ งท่เี กยี่ วกบั ความมั่นคงของชาตหิ รอื เก่ียวกบั นโยบายของการบริหาร ราชการส่วนกลางที่ยงั ไม่สมควรเปิดเผย มาตรา ๓๓ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดมอี ำนาจเลอื กสมาชกิ สภาองคก์ าร บรหิ ารส่วนจงั หวัดเปน็ คณะกรรมการสามัญ และมอี ำนาจเลอื กบุคคลซงึ่ มไิ ด้เป็นสมาชกิ สภาองคก์ าร บริหารสว่ นจงั หวัดรว่ มเป็นคณะกรรมการวสิ ามญั เพอ่ื กระทำกจิ การหรือพิจารณาสอบสวนเรื่องใด ๆ อันอยูใ่ นวงงานของสภาองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั แลว้ รายงานต่อสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั แต่ ทั้งนี้กิจการหรือการสอบสวนดังกล่าวตอ้ งมใิ ชเ่ ป็นเรอ่ื งทีส่ มาชิกสภาองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดเสนอ ขอ้ สอบถามต่อประธานสภาองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดตามมาตรา ๓๒ ใหส้ ภาองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัดตั้งคณะกรรมการสามัญประจำสภาองค์การ บรหิ ารส่วนจังหวดั ชุดหน่งึ เพอ่ื ทำหนา้ ทใ่ี ห้ความเห็นชอบในการออกขอ้ บญั ญตั ชิ ั่วคราวตามมาตรา ๕๗ มาตรา ๓๔ การประชุมชองคณะกรรมการสามัญ คณะกรรมการวสิ ามัญ และ คณะกรรมการสามญั ประจำสภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดตามมาตรา ๓๓ ต้องมกี รรมการมาประชมุ ไมน่ ้อยกวา่ ก่ึงหน่งึ ของจำนวนกรรมการทงั้ หมด จงึ จะเป็นองค์ประชุม ระเบียบการประชุมคณะกรรมการตามวรรคหนงึ่ ใหใ้ ช้ระเบยี บข้อบังคับการประชมุ สภาองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั โดยอนโุ ลม หมวด ๓ นายกองค์การบริหารส่วนจงั หวัด มาตรา ๓๕๑๘ ให้องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดมนี ายกองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั คน หนึง่ ซึ่งมาจากการเลอื กตั้งโดยตรงของประชาชนตามกฎหมายวา่ ด้วยการเลือกตง้ั สมาชิกสภาท้องถ่นิ หรือผูบ้ รหิ ารท้องถ่นิ มาตรา ๓๕/๑®๙ บุคคลผมู้ สี ทิ ธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั ต้องมีคุณสมบัติและไมม่ ลี ักษณะตอ้ งหา้ มตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการเลอื กตั้งสมาชิกสภาท้องถน่ิ หรือ ผู้บริหารทอ้ งถ่ิน และตอ้ งมีคณุ สมบัตดิ งั ตอ่ ไปนี้ด้วย (๑) มอี ายุไม่ต่าํ กวา่ สามสบิ หา้ ปีนับถึงวบั เลือกตั้ง (๒) สำเรจ็ การสืกษๆไมต่ ํา่ กว่าปริญญาตรหี รือเทยี บเท่า หรือเคยเปน็ สมาชิกสภาจังหวดั สมาชกิ สภาองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัด ผบู้ รหิ ารท้องถนิ่ หรือสมาชกิ รัฐสภา ๒๕๔๖ “๘มาตรา ๓๕ แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ โดยพระราชบัญญัตอิ งค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัด (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ ®* มาตรา ๓๕/๑ แก้ไขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวดั (ฉบับท่ี ๕) พ.ศ. กฎพายท'ี เกย่ี วข้องกันการปฏพิ งานชององคก์ รปกครองสว่ นหอ้ งถน่ิ

- <5)๑ - มาตรา ๓๕/๒'°° นายกองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั มีวาระอยูใ่ นตำแหน่งคราวละสีป่ ี นับแต่วนั เลือกตัง้ แตจ่ ะดำรงตำแหน่งติดตอ่ กนั เกินสองวาระไมไ่ ด้ ในกรณีท่นี ายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดดำรงตำแหนง่ ไมค่ รบระยะเวลาสีป่ ีก็ใหถ้ ือวา่ เป็นหนึง่ วาระ และเม่อื ไดด้ ำรงตำแหนง่ สองวาระตดิ ต่อกันแล้วจะดำรงตำแหนง่ ไดอ้ กี เมอ่ื พ้น ระยะเวลาส่ปี ีนบั แตว่ ันพ้นจากตำแหน่ง มาตรา ๓๕/๓'°® นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอาจแต่งตั้งรองนายกองคก์ าร บรหิ ารส่วนจงั หวัดซีง่ มีใชส่ มาชิกสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั เปน็ ผู้ซว่ ยเหลอื ในการบรหิ ารราชการ ขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดตามท่ีนายกองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดมอบหมายได้ ตามเกณ'ค์ ดังตอ่ ไปน้ี (๑ )ในกรณีทีส่ ภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั มีสมาชกิ สภาองคก์ ารบริหารส่วน จงั หวดั สส่ี บิ แปดคนใหแ้ ต่งต้ังรองนายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั ได้ไมเ่ กินสี่คน (๒) ในกรณีทีส่ ภาองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดมีสมาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ ารส่วน จงั หวัดสามสบิ หกคนหรือส่สี ิบสองคน ให้แตง่ ตั้งรองนายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั ได้ไม่เกนิ สามคน (๓) ในกรณที ่ีสภาองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั มีสมาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ น จงั หวดั ย่ีสบิ สีค่ นหรอื สามสิบคน ให้แตง่ ต้งั รองนายกองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดได้ไมเ่ กินสองคน นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั อาจแตง่ ตง้ั เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วน จงั หวัด และทป่ี รึกษานายกองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ซง่ึ มิใชส่ มาชกิ สภาองค์การบริหารสว่ นจังหวดั ได้จำนวนรวมกันไม่เกนิ ห้าคน รองนายกองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดต้องมคี ณุ สมบตั ิและไม่มีลกั ษณะต้องหา้ มตาม มาตรา ๓๕/๑ เวน้ แตก่ ารนับอายุและการนับระยะเวลาของคณุ สมบัตหิ รือลักษณะตอ้ งห้ามอยา่ งอนื่ ให้นับถงึ วันแต่งตั้ง'010 มาตรา ๓๕/๔'°๓ กอ่ นน ายกองคก์ ารบรหิ ารส่วน จังหวดั เข้ารบั ห น ้าที่ ให้ ประธานสภาองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดเรยี กประขุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพอื่ ให้นายก องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดแถลงนโยบายต่อสภาองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัดโดยไม่มกี ารลงมติ ท้ังนี้ ภายในสามสบิ วันนบั แต่วันประกาศผลการเลอื กตั้งนายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั กรณีท่ไี มม่ ีผดู้ ำรงตำแหน่งประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั และรอง ประธานสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั หรอื สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดถกู ยบุ ตามมาตรา ๒๒ วรรคหก หากมกี รณีทส่ี ำคญั และจำเปน็ เรง่ ดว่ นซงึ่ ปลอ่ ยใหเ้ นนิ่ ชา้ ไปจะกระทบต่อประโยซนส่ ำคัญของ ราขการหรือราษฎร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวดั จะดำเนินการไปพลางกอ่ นเทา่ ท่ีจำเปน็ ก็ไต้เมอื่ ไดม้ ีการเลอื กประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั แลว้ ให้ประธานสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัด ๒° มาตรา ๓๕/๒ แกใ่ ขเพ่มิ เติมโดยพระราชบญั ญัตอิ งคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัด (ฉบบั ท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๖๒ to“ มาตรา ๓๕/๓ เพิ่มโดยพระราชบัญญัตอิ งค์การบริหารสว่ นจังหวดั (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ ๖๖ มาตรา ๓๕/๓ วรรคสาม แก้โขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญตั ิองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั (ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๒ ^ มาตรา ๓๕'๔ เพิ่มโดยพระราชบญั ญตั อิ งค์การบริหารส่วนจงั หวดั (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ กฎทมายทิ'เทียวขอ้ งกบั การปฏิบตั งิ านขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ

- ๑๒ - เรียกประชุมสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เพอื่ ให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแถลงนโยบายโดย ไม่มีการลงมตภิ ายในสบิ ห้าวนั นบั แต่วนั ทีม่ กี ารเลอื กประธานสภาองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัด การประชุมเพ่อื แถลงนโยบายของนายกองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั ใหก้ ระทำโดย เปดิ เผย โดยนายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดต้องจัดทำนโยบายเป็นลายลกั ษณอ์ ักษรแจกให้สมาซิก สภาองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดทุกคนพื่มาประชมุ ดว้ ย หากนายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั ไม่สามารถแถลงนโยบายตอ่ สภาองคก์ าร บรหิ ารสว่ นจงั หวดั ไต้ใหผ้ วู้ ่าราชการจังหวัดแจ้งใหน้ ายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดจัดทำนโยบายแจง้ เป็นหนงั ลอื ส่งให้สมาซิกสภาองค์การบริหารสว่ นจังหวดั ทุกคนภายในเจ็ดวัน โดยใหน้ ำวิธกี ารแจ้ง คำสั่งทางปกครองเป็นหนงั ลอื ตามกฎหมายว่าดว้ ยวธิ ปี ฏิบตั ิราชการทางปกครองมาใช้บังคับโดย อนโุ ลมในกรณเี ซน่ น้ีให้ถอื วา่ นายกองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ไต้แถลงนโยบายต่อสภาองค์การบริหาร ส่วนจงั หวดั แล้ว ใหน้ ายกองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั จดั ทำรายงานแสดงผลการปฏบิ ัติงานตาม นโยบายท่ไี ตแ้ ถลงไว้ตอ่ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั เป็นประจำทกุ ปี คำแถลงนโยบายชองนายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั และรายงานแสดงผลการ ปฏิบตั งิ านตามนโยบาย ให้ประกาศไวโ้ ดยเปดิ เผย ณ ทท่ี ำการองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดดว้ ย มาตรา ๓๕/๕'°๔ นายกองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั มีอำนาจหนา้ ที่ ดังต่อไปน้ี (๑) กำหนดนโยบายโดยไมข่ ดั ต่อกฎหมาย และรบั ผิดชอบในการบรหิ ารราชการของ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดใหเ้ ป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ขอ้ บังคบั ขอ้ บญั ญัติ และนโยบาย (๒) สัง่ อนุญาต และอนุมัตเิ กี่ยวกบั ราชการชององค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั (๓) แต่งต้ังและถอดถอนรองนายกองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เลขานกุ ารนายก องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัด และที่ปรึกษานายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั (๔) วางระเบยี บเพอ่ื ให้งานขององคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั เป็นไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ย (๕) รักษาการใหเ้ ปน็ ไปตามข้อบญั ญัติองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั (๖) ปฏิบตั ิหนา้ ทอ่ี น่ื ตามทีบ่ ญั ญัตไิ วใ้ นพระราชบญั ญัตนิ ้แี ละกฎหมายอืน่ มาตรา ๓๖๒'£ นายกองค์การบริหารสว่ นจังหวดั พ้นจากตำแหนง่ เม่อื (๑) ถงี คราวออกตามวาระ (๒) ตาย (๓) ลาออก โดยยืน่ หนงั สือลาออกตอ่ ผวู้ ่าราชการจังหวัด (๔) ชาดคุณสมบตั หิ รอื มีลกั ษณะตอ้ งหา้ มตามมาตรา ๓๕/๑ (๕)๒๖ กระทำการฝ่า'ผนิ มาตรา ๔๔/๓ (๖)๒๗รฐั มนตรสี ัง่ ใหพ้ น้ จากตำแหน่งตามมาตรา ๕๕ วรรคหา้ หรอื มาตรา ๗๙ ๒๔มาตรา ๓๕/๕ เพิ่มโดยพระราขบญั ญัตอิ งคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ค. ๒๕๔๖ ๒4 มาตรา ๓๖ แกไ้ ขเพิม่ เติมโดยพระราชบญั ญัตอิ งค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ ๒๖ มาตรา ๓๖ วรรคหบง (๕) แก้ไขเพมิ่ เติมโดยพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจงั หวดั (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๒ กฎพายทีเก่ยี วขอ้ งm การปฏปิ ้ติงานขององคํกรป'กครองสว่ นหอ้ งถ่นิ

- ๑๓ - (๗) ถูกจำคกุ โดยคำพพิ ากษาถีงที่สุดให้จำคุก (๘) ราษฎรผูม้ สี ิทธิเลือกต้งั ใบเขตองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดมจี ำนวนไม่น้อยกว่า สามในสีข่ องจำนวนผมู้ สี ิทธิเลือกตั้งที่มาลงคะแนนเสียงเหน็ วา่ นายกองค์การบริหารสว่ นจังหวดั ไม่ สมควรดำรงตำแหนง่ ต่อไปตามกฎหมายวา่ ด้วยการลงคะแนนเสยี งเพ่ือถอดถอนสมาชกิ สภาทอ้ งถ่ิน หรอื ผู้บริหารทอ้ งถนิ่ เมอื มขี อ้ สงสยั เก่ยี วกับความเป็นนายกองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดผูใ้ ดสินสุดลงตาม (๔) หรอื (๔) หรือเมอ่ื ได้รบั แจ้งจากคณะกรรมการการเลอื กตง้ั ว่าความเป็นนายกองคก์ ารบริหาร สว่ นจังหวัดผใู้ ดสนิ สดุ ลงตาม (๔) ใหผ้ วู้ า่ ราชการจงั หวดั สอบสวนใหแ้ ล้วเสร็จภายในหกสิบวันนบั แต่ วันทม่ี ีข้อสงสัยหรือไดร้ ับแจง้ จากคณะกรรมการการเลอื กตัง้ แล้วแตก่ รณี และดำเนินการวนิ ิจฉยั ให้แลว้ เสร็จภายในสามสิบวันนบั แต่วับท,ี ผวู้ า่ ราชการจังหวัดสอบสวนแลว้ เสรจ็ หรือวนั ทีไ่ ดร้ บั ผลการ สอบสวนจากคณะกรรมการสอบสวน แม้วา่ นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดผู้นัน้ จะได้พ้นจาก ตำแหน่งไปแลว้ ไม,วา่ ดว้ ยเหตุใด เว้นแต่เพราะเหตตุ าย หรอื พน้ จากตำแหนง่ ไปแลว้ เกนิ สองปี ในกรณี ที,มกี ารต้งั คณะกรรมการสอบสวนและไมส่ ามารถดำเนินการสอบสวนใหแ้ ล้วเสรจ็ ได้ภายใน กำหนดเวลาดงั กล่าวผู้วา่ ราชการจังหวัดอาจขยายเวลาการสอบสวนออกไปได้อีกไม่เกินสามสบิ วัน ทง้ั น้ี การดำเนนิ การสอบสวนและวนิ จิ ฉยั ใหเ้ ป็นไปตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารทก่ี ำหนดในกฎกระทรวง๒๘ ในกรณีทีผ่ วู้ า่ ราชการจังหวัดวนิ ิจฉยั ว่านายกองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั พ้นจาก ตำแหนง่ ตาม (๔) หรอื (๔) ใหผ้ ้วู า่ ราชการจงั หวดั ประกาศคำวินจิ ฉยั ใหท้ ราบท่ัวกนั ไมว่ า่ ผ้นู ั้นจะได้ พ้นจากตำแหน่งไปกอ่ นแล้วหรือไมกตาม โดยในคำวินิจฉัยนนั้ ใหร้ ะบุเหตทุ ีท่ ำใหพ้ น้ จากตำแหน่งไว้ และให้นายกองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั ผ้นู ้ันพ้นจากตำแหนง่ ตง้ั แต่วันที่มีเหตตุ าม (๔) หรือ (๔) แต่ ไม่กระทบต่อการดำเนนิ งานและการรบั ค่าตอบแทนทไี่ ด้กระทำไปก่อนวันทม่ี กี ารประกาศคำวินจิ ฉัย ล้า ในขณะที,ประกาศคำวนิ จิ ฉยั ดงั กล่าวผู้นั้นกำลังดำรงตำแหนง่ สมาชิกสภาทอ้ งถิน่ หรอื ผูบ้ รหิ ารทอ้ งถิน่ อนั เปน็ ผลจากการเลือกตงั้ ต่างวาระหรือต่างองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ กัน ใหผ้ นู้ ้ันพ้นจากตำแหน่ง ทกี่ ำลังดำรงอยู่ดว้ ย และในกรณที ่ีเป็นผลใหถ้ กู หา้ มใข้สทิ ธสิ มัครรับเลือกต้งั หรือใชส้ ทิ ธเิ ลือกตงั้ ใหถ้ อื ว่า วับทป่ี ระกาศคำวนิ จิ ฉยั เป็นวันเรม่ิ นับระยะเวลาต้องห้ามดังกลา่ ว ท้งั นี้ คำวินจิ ฉัยของผ้วู ่าราชการ จังหวัดตามมาตรานใึ๋ ห้เปน็ ที่สดุ ,0๙ ในระหว่างท่ไี มม่ ีนายกองค์การบริหารส่วนจงั หวัด ใหป้ ลัดองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั ปฏบิ ัตหิ น้าท่ีของนายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดเท่าทีจ่ ำเปน็ ได้เปน็ การชัว่ คราวจนถึงวนั ประกาศ ผลการเลอื กตงั้ นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด๓๐ มาตรา ๓๗๓® รองนายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั พ้นจากตำแหนง่ เมือ่ ๖* มาตรา ๓๖ วรรคหนง่ึ (๖) แกใ้ ,!แพื่มเติมโดยพระราซบญั ญตั ิองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๖๒ ๒๘มาตรา ๓๖ วรรคสอง แก้ไขเพม่ิ เตมิ โดยพระรา'ซบญั ญัตอิ งค์การบริหารส่วนจงั หวดั (ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๖๒ ’'’๙ มาตรา ๓๖ วรรคสาม แกไ้ ขเพมิ่ เติมโดยพระราชบัญญัติองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๔๖๒ ๓๐ มาตรา ๓๖ วรรคสี่ เพม่ิ โดยพระราชบญั ญัติองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๔๖๒ กฎหมายทีเท่ยี วข้องทบั การปฏบิ ัตงิ ๆนขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ

- ๑๙ - (๑) นายกองค์การบริหารส่วนจงั หวัดพ้นจากตำแหน่ง (๒) นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั มคี ำสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง (๓) ตาย (๔) ลาออก โดยยน่ื หนังสือลาออกตอ่ นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัด (๕) ขาดคุณสมบัติหรือมลี ักษณะตอ้ งหา้ มตามมาตรา ๓๔/๑ (๖) กระทำการฝ่าแนมาตรา ๔๔/๓ (๗) ถกู จำคุกโดยคำพพิ ากษาถึงทสี่ ดุ ให้จำคุก (๘) รฐั มนตรสี ่งั ให้พน้ จากตำแหน่งตามมาตรา ๗๙ ใหน้ ำความในมาตรา ๓๖ วรรคสองและวรรคสาุ ม มาใช้บงั คับแก,รองนายกอุงค์การ บริหารสว่ นจังหวดั ด้วยโดยอนุโลม๓๒ มาตรา ๓๗/๑๓๓ เลขานุการนายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั และทปี่ รึกษานายก องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั พน้ จากตำแหนง่ เมอ่ื (๑) นายกองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัดพน้ จากตำแหนง่ (๒) นายกองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั มีคำส่งั ให้พน้ จากตำแหน่ง (๓) ตาย (๔) ลาออก โดยยืน่ หนงั สอื ลาออกตอ่ นายกองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั (๔) กระทำการฝา่ แนมาตรา ๔๔/๓ (๖) ถูกจำคกุ โดยคำพพิ ากษาถึงท่ีสุดให้จำคกุ ใหน้ ำความในมาตรา ๓๖ วรรคสองและวรรคสาม มาใชบ้ งั คบั แก่เลขานกุ ารนายก องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัด และที่ปรกึ ษานายกองค์การบริหารสว่ นจังหวดั ด้วยโดยอนุโลม๓๔ มาตรา ๓๘“’'r (ยกเลิก) มาตรา ๓๙๓๖ ใหน้ ายกองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั ควบคุมและรับผดิ ชอบในการ บริหารราชการชององค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ตามกฎหมาย และเปน็ ผูบ้ งั คบั บัญชาช้าราชการและ ลูกจ้างองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด ใหม้ ีปลดั องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั .คนหนึง่ เป็นผู้บงั คบั บัญชาชา้ ราชการและ ลูกจา้ งองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั รองจากนายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัด และรับผดิ ชอบ ๓®มาตรา ๓๗ แก้ไชเพม่ิ เติมโดยพระราชบัญญัตอิ งคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ ๓๒มาตรา ๓๗ วรรคสอง แก้ไขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญัติองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั (ฉบับท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๖๒ ๓°' มาตรา ๓๗/๑ เพิม่ โดยพระราชบญั ญตั อิ งคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ ๓๔มาตรา ๓๗/๑ วรรคสอง แก้ไขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบัญญตั อิ งค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๒ “'๕มาตรา ๓๘ ยกเลกิ โดยพระราชบัญญตั ิองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ ๓๖ มาตรา ๓๙ แกไ้ ขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจงั หวัด (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ กฎหมาm 'เทยี วขอ้ งกับการปฏบิ ้ติงานขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งกนิ

- ๑๔ - ควบคมุ ดแู ลราชการประจำขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั ใหเ้ ป็นไปตามนโยบาย และมีอำนาจหนา้ ท่ี อืน่ ตามทม่ี กี ฎหมายกำหนดหรือตามทน่ี ายกองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั มอบหมาย การบริหารงานบุคคลชององค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั ใหเ้ ป็นไปตามกฎหมายวา่ ดว้ ย การนั้น มาตรา ๓ ๙ /๑ ๓๗ อำนาจหนา้ ท่ใี นการส่งั หรอื การปฏบิ ัติราชการชองรองนายก องคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั ใหเ้ ป็นไปตามทน่ี ายกองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดมอบหมาย ในกรณที น่ี ายกองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั ไม่อาจปฏิบตั ิหน้าท่ไี ด้ ให้รองนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดตามลำดบั ท่นี ายกองค์การบริหารสว่ นจงั หวัดจดั ไวเ้ ป็นผูร้ ักษาราชการแทน ถ้าไม่มรี องนายกองค์การบริหารส่วนจงั หวัดหรือมีแตไ่ ม่อาจปฏบิ ตั ิหน้าท่ีได้ ใหป้ ลดั องค์การบริหาร สว่ นจงั หวัดเปน็ ผูร้ กั ษาราชการแทน ในกรณีทีม่ ีกฎหมาย กฎ ระเบียบ ขอ้ บงั คบั ขอ้ บัญญัติ หรอื คำสั่งใด แตง่ ตั้งใหน้ ายก องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั เป็นกรรมการหรือให้มีอำนาจหน้าทอ่ี ยา่ งใด ให้ผูร้ กั ษาราชการแทนทำ หนา้ ท่ีกรรมการหรอื มีอำนาจหน้าท่ีเซน่ เดียวกบั นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั ในระหว่างรักษา ราชการแทนดว้ ย อำนาจในการสง่ั การอนุญาต การอนุมัติ หรอื การปฏบิ ัติราชการทนี่ ายกองค์การ บริหารสว่ นจงั หวดั จะพงึ ปฏบิ ัตหิ รือดำเนินการตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ขอ้ บังคบั ขอ้ บญั ญัติหรือ คำส่ังใด หรือมตชิ องคณะรัฐมนตรใี นเรอ่ื งใด ถ้ากฎหมาย กฎ ระเบียบ ขอ้ บังคับ ขอ้ บัญญัตหิ รือคำสั่ง น้นั หรือมตชิ องคณะรฐั มนตรใี นเรอ่ื งนนั้ ไม่ไดก้ ำหนดในเรอ่ื งการมอบอำนาจไวเ้ ปน็ อยา่ งอืน่ นายก องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดอาจมอบอำนาจโดยทำเป็นหนังสอื ให้รองนายกองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด เปน็ ผูป้ ฏิบัตริ าชการแทนบายกองค์การบริหารส่วนจงั หวดั กไ็ ด้ แตถ่ ้ามอบใหป้ ลัดองค์การบรหิ ารส่วน จงั หวัดหรอื รองปลดั องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั ปฏิบัติราชการแทน ใหท้ ำเป็นคำส่ังและประกาศให้ ประซาซนทราบ การปฏบิ ัติราชการแทนนายกองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั ตามวรรคสิ,ต้องกระทำ ภายใตก้ ารกำกับดแู ลและกรอบนโยบายทน่ี ายกองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัดกำหนดไว้ มาตรา ๔๐ ให้นายกองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั รองนายกองคก์ ารบริหารสว่ น จังหวดั ปลัดองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด รองปลัดองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัด และข้าราชการองคก์ าร บรหิ ารส่วนจังหวดั ซึง่ นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั แตง่ ตัง้ มีอำนาจเปรยี บเทยี บคดีละเมิด ขอ้ บญั ญัติได้ เมื่อผ้กู ระทำความผิดไดช้ ำระค่าปรบั ตามจำนวนท่เี ปรียบเทียบภายในสามสบิ วนั นับ แตว่ นั ที่มีการเปรยี บเทยี บ ให้ถอื ว่าคดเี ลิกกบั ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๔๑°’๘ (ยกเลิก) มาตรา ๔๒๓๙ (ยกเลิก) มาตรา ๓ ๙/๑ เพ่ิมโดยพระราซบญั ญตั อิ งค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๔๖ “๘มาตรา ๔๑ ยกเลิกโดยพระราชบญั ญตั อิ งค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๔๖ กฎหมายทเี่ กีย่ วข้องทับการปฏิปต้ งิ านชององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น

- ๑๖ - มาตรา ๔๓ เพื่อประโยชนแ์ ก่กจิ การขององค์การบริหารส่วนจังหวดั นายกองค์การ บรหิ ารสว่ นจงั หวดั อาจขอยมื ตวั ข้าราชการ พนกั งานหรอื ลกู จ้างของส่วนราชการ หนว่ ยงานของรัฐ รฐั วิสาหกิจ หรือราชการส่วนทอ้ งถิ่นอ่นื มาชว่ ยปฏบิ ัตริ าชการชัว่ คราวโดยมีกำหนดเวลาได้โดยเสนอ เรอื่ งต่อผวู้ า่ ราชการจงั หวัดเพอ่ื พิจารณาทำความตกลงกับหนว่ ยงานตน้ สังกัดของผู้นนั้ ก่อน และเม่ือ หมดความจำเปน็ แลว้ ใท้รบื ส่งตวั ผนู้ น้ั คืนต้นสังกดั ให้ถือว่าผ้ซู ่งึ มาชว่ ยราชการองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั มอี ำนาจหน้าท่ีเสมอื นเปน็ ขา้ ราชการองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดตามพระราชบัญญตั นิ ี้๒ ยไมข่ าดจากสถานภาพเดิมและคงได้รบั เงนิ เดือนทางต้นสงั กัดเดมิ มาตรา ๔๔ ในการปฏิบัติหน้าท่ีตามพระราชบัญญัตินใ้ี ห้นายกองคก์ ารบริหารสว่ น จังหวดั รองนายกองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัด ปลดั องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั รองปลดั องค์การ บรหิ ารสว่ นจงั หวดั และข้าราชการองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั เปน็ เจ้าพนกั งานตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา ๔๔/๑๔๐ นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัด รองนายกองค์การบริหารสว่ น จังหวัด หรอื ผซู้ งึ่ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวดั มอบหมาย มีสิทธเิ ข้าประชมุ สภาองคก์ ารบรหิ าร สว่ นจังหวดั และมสี ิทธแิ ถลงข้อเท็จจรงิ ตลอดจนแสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกับงานในหนา้ ที่ของตนตอ่ ที่ ประชมุ แต่ไม่มสี ทิ ธิออกเสียงลงคะแนน มาตรา ๔๔/๒๔๑ สมาชกิ สภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั จำนวนไม่น้อยกวา่ หนึ่งใน สามของจำนวนสมาชิกสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดทั้งหมดเท่าทีม่ ีอยู่ มสี ทิ ธิเขา้ ซ่อึ เสนอญตั ติขอ เปด็ อภิปรายท่ัวไปในทป่ี ระชุมสภาองค์การบริหารสว่ นจังหวัด เพอื่ ให้นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัด แถลงขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื แสดงความคดิ เห็นในปญิ หาอนั เกี่ยวกับการบรหิ ารราชการองค์การบริหารสว่ น จังหวดั โดยไม่มกี ารลงมติ ญตั ติตามวรรคหนึง่ ให้ยนื่ ตอ่ ประธานสภาองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัด และให้ ประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั กำหนดวนั สำหรับการอภปิ รายท่วั ไป ซึง่ ต้องไม่เรว็ กวา่ หา้ วนั และไมข่ า้ กว่าสบิ หา้ วนั นับแต่วนั ท่ีไดร้ ับญตั ติ แล้วแจ้งให้นายกองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดทราบ การขอเปดิ อภปิ รายทว่ั ไปตามมาตราน้ี จะทำไดค้ รง้ั เดียวในสมัยประชุมสามัญสมัยหนงึ่ มาตรา ๔๔/๓๔๒ นายกองค์การบริหารส่วนจงั หวดั รองนายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ น จังหวดั เลขานกุ ารนายกองค์การบริหารสว่ นจงั หวัด และที่ปรกึ ษานายกองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด ต้องไม่กระทำการอย่างใดอยา่ งหนงึ่ ดงั ต่อไปนี้ \"’๙ มาตรา ๔๒ ยกเลกิ โดยพระราซบัญญัติองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๔๖ ๔° มาตรา ๔๔/๑ เพิม่ โดยพระราชบญั ญตั ิองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๔๖ ๔* มาตรา ๔๔/๒ เพมิ่ โดยพระราชบัญญัตอิ งค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๔๖ ๔b มาตรา ๔๔''๓ เพ่มิ โดยพระราชบัญญตั ิองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๔๖ กฎหมายทีเ่ ก่ียวข้องกบั การปฏปิ ต้ งิ านขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน

- ๑๗ - (๑)๔๓ดำรงตำแหน่งหรอื ปฏบิ ัติหน้าทอ่ี น่ื ใดในสว่ นราชการ หนว่ ยงานของรฐั หรอื รฐั วิสาหกจิ เว้นแตด่ ำแหนง่ ทีด่ ำรงตามบทบัญญตั ิแหง่ กฎหมาย หรอื เป็นการปฏิบัตหิ นา้ ทเ่ี พ่ือประโยชน์ ในการบรหิ ารราชการแผ่นดินหรือตามนโยบายชองรัฐบาล (๒) รับเงนิ หรอื ประโยชน์ใด ๆ เป็นพิเศษจากสว่ นราชการ หนว่ ยงานชองรฐั หรอื รฐั วสิ าหกจิ นอกเหนอื ไปจากที่ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ปฏบิ ตั กิ ับบคุ คลใน ธรุ กจิ การงานตามปกติ (๓)๙๙ เปน็ ผู้มสี ่วนได้เสียในสญั ญาหรือกจิ การทก่ี ระทำหรอื จะกระทำกับหรือใหแ้ ก่ องค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั น้นั หรือมีส่วนไดเ้ สียในสญั ญาหรือกิจการท่กี ระทำหรอื จะกระทำกับหรอื ให้แก่องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ินอื่น โดยมพี ฤตกิ ารณแ์ สดงใหเ้ ห็นวา่ เปน็ การต่างตอบแทนหรอื เออ้ื ประโยชน์ส่วนตนระหวา่ งกนั ทัง้ นี้ ไมว่ า่ โดยทางตรงหรือทางออ้ ม บทบญั ญตั ิมาตราน้มี ใิ ห้ใช้บังคับกบั กรณีที่บุคคลดังกล่าวตามวรรคหนง่ึ ไดร้ บั เบีย้ หวัด บำเหน็จบำนาญ เงินปีพระบรมวงศานวุ งค์ หรือเงนิ อืน่ ใดในลกั ษณะเดียวกนั และมิให้ใช้บงั คบั กบั กรณีท่บี คุ คลดงั กลา่ วตามวรรคหนง่ึ รับเงนิ ตอบแทนค่าเบีย้ ประชุมหรอื เงนิ อ่นื ใด เนื่องจากการดำรง ตำแหนง่ กรรมาธิการของรฐั สภา สภาผแู้ ทนราษฎร วฒุ สิ ภา หรือสภาองค์การบริหารส่วนจงั หวดั หรอื สภาทอ้ งถน่ิ อืน่ หรือกรรมการทมี่ ีกฎหมายบญั ญัตใิ ห้เปน็ โดยตำแหน่ง ใหน้ ำความใน (๓) มาใช้บงั คบั แก่สมาข้กสภาองค์การบริหารสว่ นจังหวัดด้วย โดยอนุโลม๔'* หมวด ๔ อำนาจหนา้ ทีข่ ององค์การบริหารส่วนจังหวัด มาตรา ๔๔ องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัดมีอำนาจหนา้ ท่ดี ำเนนิ กิจการภายในเขต องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั ดังตอ่ ไปน้ี (๑) ตราข้อบญั ญตั โิ ดยไม่ขัดหรอื แย้งตอ่ กฎหมาย (๒) จัดทำแผนพฒั นาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด และประสาบการจัดทำแผนพฒั นา จังหวดั ตามระเบียบท่คี ณะรัฐมนตรีกำหนด (๓) สนบั สบนุ สภาตำบลและราชการสว่ นท้องถนิ่ อื่นในการพฒั นาทอ้ งถ่ิน (๔) ประสานและใหค้ วามร่วมมือในการปฏิบัติหนา้ ที่ชองสภาตำบลและราชการสว่ น ท้องถน่ิ อ่นื (๔)แบ่งสรรเงนิ ซง่ึ ตามกฎหมายจะต้องแบง่ ใหแ้ ก่สภาตำบลและราชการส่วนทอ้ งถน่ิ อืน่ 441 มาตรา ๔๔/๓ วรรคหนึ่ง (๑) แก!ั ขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญตั ิองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั (ฉบับท่ี ๕) พ.ศ. ๒๔๖๒ 44 มาตรา ๔๔/๓ วรรคหนึง่ (๓) แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัด (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๔๖๒ 44 มาตรา ๔๔/๓ วรรคสาม เพม่ิ โดยพระราขบญั ญัตอิ งคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด (ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๖๒ กฎหมายท่ีเกีย่ วขอ้ งกับการปฏบิ ติงานขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน

“ ๑G®- (๖) อำนาจหนา้ ท่ีของจงั หวัดตามพระราชบัญญัตริ ะเบยี บบรหิ ารราชการสว่ นจงั หวดั พ.ศ. ๒๔๙๘ เฉพาะภายในเขตสภาตำบล (๖ /๑ )๔๖ใหค้ วามชว่ ยเหลือ ส่งเสรมิ และสนับสนุนในการดูแลการจราจรและ การรักษาความสงบเรียบรอ้ ย (๗) คมุ้ ครอง ดแู ล และบำรงุ รกั ษาทรัพยากรธรรมชาติและสิงแวดล้อม (๗ ทวิ)๔๗บำรุงรักษาดลี ปะ จารีตประเพณี ภมู ิบญี ญาทอ้ งถิ่น และวัฒนธรรมอนั ดี ของท้องถนิ่ (๗ ตร)ี ๔๘จดั การ สง่ เสริม และสนบั สนนุ การจดั การดกี ษา รวมทง้ั การจัดการหรอื สนบั สนุนการดูแลและพัฒนาเด็กเล็ก (๘) จัดทำกจิ การใด ๆ อนั เปน็ อำนาจหนา้ ท่ีของราชการสว่ นทอ้ งถิ่นอน่ื ท่ีอยใู่ นเขต องค์การบริหารสว่ นจงั หวดั และกจิ การนน้ั เป็นการสมควรให้ราชการส่วนทอ้ งถ่ินอ่ืนรว่ มกนั ดำเนินการ หรอื ใหอ้ งคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั จดั ทำ ทั้งนี้ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง (๙) จดั ทำกิจการอนื่ ใดตามท่ีกำหนดไว้ในพระราชบัญญัตนิ หี้ รอื กฎหมายอ่นื กำหนดให้เปน็ อำนาจหนา้ ทีข่ ององค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัด บรรดาอำนาจหน้าทใี่ ดซึง่ เปน็ ของราชการสว่ นกลาง หรือราชการส่วนภมู ภิ าค อาจ มอบให้องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดปฏบิ ตํ ิได้ ท้งั น้ี ตามท่กี ำหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๔๕/๑๙๙ การปฏบิ ัติงานตามอำนาจหน้าที่ขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ต้องเป็นไปเพ่ือประโยชนส์ ขุ ของประซาขน โดยใชว้ ธิ กี ารบรหิ ารกิจการบ้านเมอื งท่ดี ี และใหค้ ำนงึ ถึง การมีสว่ นร่วมของประชาซนในการจดั ทำแผนพฒั นาองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั การจดั ทำ งบประมาณ การจดั ซอ้ื จัดจ้าง การตรวจสอบ การประเมินผลการปฏบิ ัตงิ าน และการเปีดเผย1ข้อมูล ขา่ วสาร ทั้งน้ี ใหเ้ ป็นไปตามกฎหมาย ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ว่าด้วยการน้ัน และหลักเกณฑ์และวธิ กี ารที่ กระทรวงมหาดไทยกำหนด มาตรา ๔๖ องคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดอาจจัดทำกจิ การใด ๆ อนั เปน็ อำนาจหน้าที่ ชองราชการส่วนท้องถน่ิ อื่นหรอื องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั อน่ื ท,ี อยู่นอกเขตจงั หวัดได้ เม่ือไดร้ ับความ ยนิ ยอมจากราชการสว่ นท้องถิน่ อ่ืนหรือองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดอ่ืนท่เี ก่ียวข้อง ท้ังนี้ ตาม หลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเง่อื นไขท่ีกำหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๔๗ กจิ การใดเป็นกจิ การที่องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดพึงจัดทำตามอำนาจ หน้าที่ ลา้ องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดไมจ่ ดั ทำ รัฐมนตรโี ดยความเหน็ ชอบของคณะรัฐมนตรอี าจมี คำลังใหร้ าชการสว่ นกลางหรอื ราชการส่วนภูมภิ าคจัดทำกจิ การนนั้ ได้ พ.ศ. ๒๔๔๒ ๔๖ มาตรา ๔๕ (๖/๑) เพมิ่ โดยพระราชบัญญตั ิองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั (ฉบับท่ี ๕) พ.ศ. ๒๔๖๒ ๔๗มาตรา ๔๔ วรรคหน่งึ (๗ ทว)ิ เพ่ิมโดยพระราชบัญญตั อิ งคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั (ฉบบั ท่ี ๒) ๙๘มาตรา ๔๔ (๗ ตรี) เพม่ิ โดยพระราชบัญญตั ิองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด (ฉบับท่ี ๔) พ.ศ. ๒๔๖๒ ๔๙ มาตรา ๔ ๕ ๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัตอิ งค์การบริหารส่วนจังหวดั (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๔๖ กฎพายทเ่ี กีย่ วข้องกับการปฏปิ ต้ งิ านขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน

- ๑๙ - ในกรณที รี่ าซการส่วนกลางหรือราชการส่วนภมู ภิ าคจดั ทำกจิ การตามวรรคหนง่ึ ใหค้ ดิ ค่าใชจ้ ่ายและค่าภาระต่าง ๆ ตามความเปน็ จรงิ ไดต้ ามอัตราและระยะเวลาทเ่ี หมาะสม มาตรา ๔๘ องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั อาจให้บรกิ ารแก'เอกซน ส่วนราซการ หนว่ ยงานของรัฐ รัฐวสิ าหกจิ หรอื ราชการสว่ นท้องถิน่ อ่ืน โดยเรยี กคา่ บริการได้ โดยตราเปน็ ขอ้ บญั ญตั ิ มาตรา ๔๙ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดอาจมอบใหเ้ อกชนกระทำกิจการซ่ึงอยู่ใน อำนาจหนา้ ท่ีขององค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั และเรียกเก็บคา่ ธรรมเนยี ม คา่ บริการหรือค่าตอบแทนท่ี เก่ียวขอ้ งแทบองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั ได้ แตต่ อ้ งไดร้ ับความเหน็ ชอบจากสภาองค์การบรหิ ารส่วน จงั หวดั และผ้วู า่ ราชการจงั หวัดเสียกอ่ น หลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่อื นไขในการใหก้ ระทำกจิ การตามวรรคหนึง่ ใหเ้ ปน็ ไปตาม ระเบียบทีก่ ระทรวงมหาดไทยกำหนด สทิ ธิในการกระทำกจิ การตามวรรคหน่ึง เปน็ สทิ ธิเฉพาะตวั จะโอนไปไมไ่ ด้ มาตรา ๔๐ การดำเนนิ กจิ การ1ขององคก์ ารบริหารส่วน'จงั หวดั ทมี่ ีลักษณะเปน็ การ พาณชิ ย์อาจทำได้โดยการตราเปน็ ข้อบญั ญตั ิ ทง้ั นี้ ตามระเบียบทก่ี ระทรวงมหาดไทยกำหนด มาตรา ๔๑ ขอ้ บัญญตั จิ ะตราขนึ้ ไดใ้ นกรณี ตังต่อไปนี้ (๑) เพอ่ื ปฏิบัตกิ ารให้เป็นไปตามหนา้ ทข่ี ององคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั ทกี่ ำหนดไวใ้ น พระราชบัญญตั ินี้ (๒) เม่ือมีกฎหมายบัญญตั ิให้องค์การบริหารส่วนจังหวดั ตราขอ้ บญั ญัติ หรอื ใหม้ ี อำนาจตราขอ้ บัญญัติ (๓) การดำเนนิ การพาณิชย์ขององค์การบริหารสว่ นจังหวดั ตามมาตรา ๔๐ ในขอ้ บัญญตั จิ ะกำหนดโทษผู้ละเมิดขอ้ บัญญัติไว้ด้วยกไ็ ด้ แต่หา้ มมใิ หก้ ำหนดโทษ จำคกุ เกนิ หกเดอื น และหรือปรับเกินหนงึ่ หม่ืนบาท เว้นแต่จะมกี ฎหมายบัญญตั ิไวเ้ ปน็ อยา่ งอืน่ มาตรา ๔๒๕๐ ร่างข้อบญั ญตั จิ ะเสนอไดก้ ็แตโ่ ดยนายกองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด สมาชิกสภาองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั หรอื ราษฎรผูม้ ีสิทธิเลอื กตัง้ ในเขตองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั ตามกฎหมายเกยี่ วกับการเขา้ ชือ่ ให้สภาท้องถนิ่ พจิ ารณาออกขอ้ บัญญัตทิ อ้ งถิ่น การเสนอรา่ งขอ้ บัญญตั เิ กยี่ วกับการเงินจะตอ้ งมีคำรบั รองของนายกองค์การบริหาร สว่ นจงั หวดั มาตรา ๔๓๕๑ ภายในเจด็ วนั นบั แตว่ ันท่ีสภาองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั ได้มีมติ เหน็ ขอบดว้ ยกบั ร่างขอ้ บญั ญัติใด ใหป้ ระธานสภาองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดสง่ รา่ งขอ้ บัญญัตินน้ั ให้ ผ้วู ่าราชการจงั หวัดพจิ ารณา มาตรา ๔๒ แกไ้ ขเพม่ื เตมิ โดยพระราซบัญญตั ิองค์การบริหารสว่ นจังหวัด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๔๒ กฎหมายทเี่ กย่ี วข้องกับการปฏิบตั งิ านขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น

- ๒๐ - ผวู้ า่ ราชการจังหวดั ต้องพิจารณารา่ งข้อบญั ญัตติ ามวรรคหนง่ึ ให้เสร็จและสง่ คนื ประธานสภาองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั ภายในสิบหา้ วันนับแต่วนั ที่ได้รบั ร่างข้อบญั ญตั นิ ้นั ถ้าผวู้ ่า ราชการจงั หวัดไมพ่ จิ ารณาให้แลว้ เสรจ็ ภายในระยะเวลาทก่ี ำหนด ใหถ้ ือว่าผู้ว่าราชการจงั หวดั เห็นชอบดว้ ยกบั ร่างขอ้ บัญญตั นิ นั้ ในกรณีทีผ่ ้วู า่ ราชการจังหวดั เหน็ ชอบด้วยกบั ร่างข้อบัญญัติตามวรรคหนึ่ง ใหส้ ่ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวดั ลงนามใชบ้ งั คบั เปน็ ขอ้ บญั ญัติต่อไป แตถ่ ้าผ้วู ่าราชการจงั หวัดไม, เห็นชอบด้วยให้ส่งร่างข้อบัญญัตินัน้ พรอ้ มด้วยเหตผุ ลไปยังสภาองค์การบริหารสว่ นจังหวดั เพ่อื พิจารณาใหม่ ถ้าสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดมมี ตยิ นื ยนั ตามร่างข้อบัญญตั ิเดมิ ด้วยคะแนนเสียงไม่ นอ้ ยกว่าสองในสามของจำนวนสมาซิกสภาองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดทงั้ หมดเท่าท่ีมอี ยู่ ให้ประรานสภา องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดส่งรา่ งขอ้ บัญญตั ินนั้ ใหบ้ ายกองค์การบริหารสว่ นจังหวดั ลงนามใช้บงั คบั เปน็ ขอ้ บญั ญัติและแจ้งให้ผวู้ ่าราชการจงั หวดั ทราบตอ่ ไป แต่ถ้าสภาองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั ไม่ยนื ยนั ภายในสามสบิ วนั นับแตว่ ันที่ได้รับรา่ งขอ้ บญั ญตั หิ รอื ยนื ยนั รา่ งข้อบญั ญัตเิ ดมิ ด้วยคะแนนเสียงนอ้ ย กว่าสองในสาม ให้รา่ งขอ้ บัญญตั ินนั้ ตกไป มาตรา ๕๔ เมือ่ สภาองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดไดพ้ ิจารณาและเห็นชอบด้วยกับร่าง ขอ้ บัญญตั ใิ ด ใหป้ ระธานสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดส่งร่างขอ้ บัญญัตนิ ้นั ไปยังนายกองคก์ าร บรหิ ารสว่ นจงั หวัดเพือ่ ลงนามแล้วสง่ ไปยังผวู้ า่ ราชการจังหวดั เพ่ือพจิ ารณาภายในเจด็ วนั นับแต่วันท่ี สภาองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั ให้ความเหน็ ชอบ ในกรณที ่นี ายกองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั ไม่เห็นดว้ ยกับรา่ งข้อบัญญัตทิ ี่ได้รับความ เหน็ ชอบจากสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั แลว้ ใหส้ ง่ รา่ งข้อบัญญตั นิ ั้นไปยังผ้วู ่าราชการจงั หวัด ภายในกำหนดเวลาตามวรรคหนง่ึ เพื่อใหผ้ วู้ ่าราชการจังหวัดวินจิ ฉยั ชชี้ าด ถา้ ผูว้ ่าราชการจังหวัดเห็น ดว้ ยกับสภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดให้ส่งรา่ งขอ้ บญั ญตั ินน้ั ใหน้ ายกองค์การบริหารสวนจงั หวดั และให้นายกองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั ลงนามภายในเจ็ดวนั นับแต่วันทไ่ี ดร้ ับคืนมา ถ้านายกองค์การ บรหิ ารส่วนจงั หวดั ไม่ลงนามภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ใหผ้ ูว้ า่ ราชการจงั หวัดลงนามและประกาศใช้ บังคับต่อไป ถา้ ผวู้ า่ ราชการจังหวดั ไมเ่ หน็ ด้วยกับสภาองค์การบริหารส่วนจังหวดั ให้ส่งร่าง ข้อบญั ญัตคิ ืนไปยังสภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั และให้สภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดพิจารณา ใหมภ่ ายในสามสบิ วนั นับแต่วนั ทีไ่ ด้รบั รา่ งขอ้ บัญญตั คิ นื มา ถ้าสภาองค์การบริหารส่วนจงั หวดั ยงั ยืนยนั ใหค้ วามเหน็ ชอบด้วยคะแนนเสียงไมน่ ้อยกวา่ สองในสามชองจำนวนสมาซกิ สภาองค์การบรหิ ารสว่ น จังหวัดเท่าทมี่ ีอยู่ ให้ดำเนินการประกาศร่างข้อบัญญัตินัน้ ใชบ้ งั คบั ต่อไป มาตรา ๕๕๕๖ ในกรณีทีส่ ภาองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดไมร่ บั หลักการแหง่ ร่าง ขอ้ บัญญัตงิ บประมาณรายจ่ายประจำปหี รือรา่ งข้อบญั ญตั งิ บประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ใหผ้ ูว้ ่าราชการ จงั หวัดทง้ั คณะกรรมการคณะหน่งึ ประกอบด้วยกรรมการจำนวนสิบหา้ คนเพอ่ื พิจารณาหาขอ้ ยุตคิ วาม ๒๔๔๖ มาตรา ๔๓ แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราขบัญญัตอิ งค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๔๔๖ มาตรา ๔๔ แก้ไขเพ่ิมเ่ ติมโดยพระราขบญั ญัตอิ งค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัด (ฉบับที่ ๓) พ.ค. กฎหมายที่เก่ยี วข้องกบั การปฏพิ งานชององคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่นิ

- ๒๑ - ขดั แย้ง โดยแกไ้ ข ปรบั ปรุง หรอื ยืนยนั สาระสำคัญในร่างขอ้ บัญญตั ินั้น ทัง้ นี้ให้ยืดถอื หลกั เกณฑต์ าม กฎหมายและระเบียบทเ่ี ก่ียวขอ้ ง ตลอดจนประโยชนข์ องทอ้ งถิ่นและประซาซนเปีนสำคญั คณะกรรมการตามวรรคหนึง่ ใหป้ ระกอบดว้ ยสมาซกิ สภาองค์การบรหิ ารส่วน จังหวัด ซ่ึงสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เสนอจำนวนเจ็ดคน และบุคคลซึง่ เปน็ หรอื มไิ ดเ้ ปน็ สมาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดซึ่งนายกองค์การบริหารสว่ นจังหวัดเสนอจำนวนเจด็ คน โดยให้ตง้ั ภายในเจด็ วนั นับแตว่ นั ท่ีสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั มีมติไม่รับหลักการ และให้กรรมการท้งั สบิ ส,ี คบร่วมกันปรกึ ษาและเสนอบุคคลซงึ่ มิไดเ้ ปน็ นายกองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั รองนายกองค์การ บรหิ ารส่วนจังหวดั เลขานุการนายกองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด ทป่ี รึกษานายกองคก์ ารบริหารสว่ น จังหวดั และมิได้เปน็ สมาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั คนหนึ่งทำหน้าท่ีเป็นประธานกรรมการ ดงั กลา่ วภายในเจ็ดวนั นบั แตว่ นั ท่กี รรมการครบจำนวนสบิ ส่ีคน ในกรณีท่ีไม่สามารถเสนอบุคคลท่จี ะทำหนา้ ท่ีเป็นกรรมการหรอื ประธานกรรมการ ได้ภายในกำหนดเวลาตามวรรคสอง หรอื กรรมการหรอื ประธานกรรมการไม่ปฏิบัตหิ รือไม'อาจปฏิบตั ิ หน้าท่ไี ด้ ให้ผ้วู า่ ราชการจังหวดั ตง้ั บคุ คลซ่งึ มิไดเ้ ปน็ นายกองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั รองนายก องค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั เลขานุการนายกองค์การบริหารสว่ นจงั หวัด ท่ปี รกึ ษานายกองคก์ าร บริหารสว่ นจงั หวัด และมิได้เป็นสมาชกิ สภาองค์การบริหารสว่ นจงั หวัดทำหน้าทกี่ รรมการหรอื ประธานกรรมการดังกลา่ วใหค้ รบตามจำนวน ใหค้ ณะกรรมการตามวรรคหนึ่งพจิ ารณารา่ งข้อบญั ญัตใิ หแ้ ล้วเสรจ็ ภายในสิบห้าวบั นับต้ังแตว่ นั ทีไ่ ด้ตง้ั ประธานกรรมการในคราวแรก แล้วรายงานต่อผู้วา่ ราชการจังหวดั ในกรณที ี่ คณะกรรมการไม'สามารถพิจารณาใหแ้ ล้วเสรจ็ ภายในระยะเวลาที่กำหนดใหป้ ระธานกรรมการ รวบรวมผลการพิจารณาแลว้ วินจิ ฉัยชีข้ าดโดยเร็ว แลว้ รายงานตอ่ ผ้วู ่าราชการจงั หวัด ให้ผวู้ ่าราชการจงั หวดั ส่งร่างข้อบญั ญัตทิ ี่ผา่ นการพจิ ารณาของคณะกรรมการหรือ ประธานกรรมการในวรรคส่ีให้นายกองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั โดยเร็ว แล้วใหน้ ายกองคก์ ารบริหาร สว่ นจังหวดั เสนอร่างขอ้ บญั ญตั ิดงั กล่าวตอ่ สภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั ตามมาตรา ๔๒ ภายในเจ็ด วันนับแตว่ นั ที่ได้รบั ร่างขอ้ บัญญัตจิ ากผู้ว่าราชการจังหวดั หากนายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั ไม่ เสนอรา่ งขอ้ บัญญัตินั้นต่อสภาองค์การบริหารสว่ นจังหวัดภายในเวลาที่กำหนด ใหผ้ ู้ว่าราชการจงั หวัด รายงานตอ่ รฐั มนตรเี พอ่ื สั่งให้นายกองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั พ้นจากตำแหนง่ มาตรา ๔ ๔ /๑๕๓ ให้สภาองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัดพิจารณารา่ งข้อบญั ญัติ งบประมาณรายจา่ ยตามมาตรา ๔๔ วรรคหา้ ใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายในสามสิบวนั นบั แตว่ ันทีไ่ ดร้ บั ร่าง ขอ้ บญั ญัติจากนายกองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัด หากสภาองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัดพิจารณาไม่แล้ว เสร็จภายในกำหนดหรอื มีมติไม่เห็นชอบใหต้ ราขอ้ บญั ญัติน้ัน ใหร้ ่างขอ้ บญั ญัตนิ ้ันตกไป และใหใ้ ช้ ขอ้ บัญญตั ิงบประมาณรายจา่ ยในปีงบประมาณปที ี่แลว้ ไปพลางกอ่ น ในกรณีเช่นวา่ น้ีให้ผู้วา่ ราชการ จังหวดั เสนอรฐั มนตรืมคี ำส่งั ยุบสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ในการพิจารณาร่างข้อบญั ญตั งิ บประมาณรายจา่ ยของสภาองคก์ ารบริหารส่วน จงั หวดั การเสนอ การแปรญัตตหิ รอื การกระทำดว้ ยประการใด ๆ ที่มีผลใหส้ มาชกิ สภาองค์การบริหาร สว่ นจงั หว่ ดั มสี ว่ นไม่ว่าโดยตรงหรอื โดยอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย จะกระทำมไิ ด้* *๓มาตรา ๔๔/®) เพม่ิ โดยพระราชบัญญัตอิ งค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๔๔๖ กฎหมาพ่เี ถยิ่ วข้องกันการปฎิพานขององค์กรปกครองส่วนห้องถ่ิน

- ๒๒ - มาตรา ๕๖ ขอ้ บัญญัติใหI้ ช้บงั คับได้ในเขตขององค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัดเท่าท่ีไม่ ขดั หรือแย้งกบั ข้อบญั ญัตทิ ้องถ่ินอนื่ ในเขตจังหวัดน้ัน ให้องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดปดิ ประกาศข้อบญั ญตั ิทป่ี ระกาศใชบ้ ังคับแล้วไว้ ณ ที่ ทำการองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั โดยเปดิ เผยเพอ่ื ให้ประซาขนเข้าตรวจดูได้4๔ มาตรา ๕๗ ในกรณฉี กุ เฉินซ่็งจะเรืยกประชุมสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั ให้ ทนั ท่วงทีมไิ ด้ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวดั อาจออกขอ้ บัญญัติซ่ัวคราวท่มี ิใช่ขอ้ บัญญตั ิ งบประมาณรายจา่ ยประจำปีหรอื ขอ้ บัญญตั งิ บประมาณรายจ่ายเพ่ิมเติมได้เมอื่ ได้รับความเห็นขอบ จากคณะกรรมการสามญั ประจำสภาองค์การบริหารส่วนจงั หวดั และเม่อื ไดป้ ระกาศไว้ใดยเปดิ เผย ณ ท่ที ำการองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัดแล้วใหใ้ ช้บังคับได้*44 ในการประชมุ สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดคราวต่อไป ให้นำข้อบญั ญตั ชิ ว่ั คราว น้นั เสนอต่อสภาองค์การบริหารส่วนจังหวดั เพื่ออนุมตั ิ และเม่ือสภาองค์การบริหารสว่ นจงั หวัดอนุมัติ . แลว้ ให้ใช้ขอ้ บัญญตั ชิ ัว่ คราวนนั้ เปน็ ข้อบัญญตั ติ อ่ ไป แตล่ า้ สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดไม,อนมุ ัติ ใหข้ ้อบัญญตั ิช่วั คราวนน้ั เปน็ อนั ตกไป แต่ทัง้ นึ๋ไม่กระทบกระเทอื นถึงกิจการที่ไดเ้ ปน็ ไปในระหวา่ งท่ใี ข้ ขอ้ บญั ญัตชั่วคราวนน้ั หมวด ๕ การงบประมาณและการคลัง มาตรา ๕๘ งบประมาณรายจา่ ยขององค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ใหท้ ำเปน็ ข้อบญั ญตั ิ ถ้าขอ้ บัญญตั ิงบประมาณรายจ่ายประจำปงี บประมาณออกไมท่ นั ปงี บประมาณใหม่ ให้ใชข้ อ้ บัญญตั ิ งบประมาณรายจ่ายในปีงบประมาณทแ่ี ล้วน้ันไปพลางกอ่ น งบประมาณรายจา่ ยจะมีไดเ้ ฉพาะในเรอ่ื ง ดังตอ่ ไปน้ี (๑) กิจการทร่ี ะบไุ ว้ในมาตรา ๔๕ และมาตรา ๔๖ (๒) กจิ การอื่นตามทีก่ ฎหมายบัญญัติ มาตรา ๕๙ ถา้ ในปใี ดจำนวนเงนิ ทีไ่ ดอ้ นมุ ตั ไิ ว้ตามข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณไม่พอสำหรบั การใช้จ่ายประจำปี หรือมคี วามจำเป็นท่ีจะตอ้ งตั้งงบประมาณ รายจา่ ยข้ึนใหมใ่ นระหว่างปี ใหท้ ำเป็นขอ้ บัญญัตงิ บประมาณรายจา่ ยเพิ่มเตมิ มาตรา ๖๐ ภาษบี ำรงุ ท้องท่ี ภาษโี รงเรอื นและทีด่ ิน ภาษ'ี ปา้ ย อากรการฆ่าสตั ว์และ ผลประโยซนํอน่ื อันเกดิ จากการฆา่ สตั ว์ ในพื้นทเ่ี ขตจงั หวดั ท่ีอยู่นอกเขตราชการส่วนท้องถิ่นอ่นื ให้ ๓) พ.ศ. ๒๔๔๖ 44 มาตรา ๔๖ วรรคสอง แก้ไขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชบัญญตั อิ งค์การบริหารส่วนจงั หวดั (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ 44 มาตรา ๔๗ วรรคหนีง่ แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญัติองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั (ฉบบั ที่ กฎหมายที่เกีย่ วข้องกบั การปฏบิ ัติงานขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ

- ๒๓ - องคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดจัดเกบ็ เปน็ รายไดข้ ององคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการ นนั้ และใหอ้ งคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดจัดสรรให้สภาตำบลตามระเบียบท่กี ระทรวงมหาดไทยกำหนด มาตรา ๖๑ ภาษีและค่าธรรมเนียมรถยนต์และลอ้ เลือ่ นที่จัดเกบ็ ได้ในจังหวดั ใด ให้ จดั สรรใหแ้ กอ่ งคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดตามบทบญั ญต้ ิแหง่ กฎหมายว่าดว้ ยการนนั้ มาตรา ๖๒ ภาษีมลู คา่ เพมิ่ ทีจ่ ดั เก็บตามประมวลรบั ฎากร จดั เกบ็ ได้ในจังหวัดใด ให้ สง่ มอบใหอ้ งคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดรอ้ ยละหา้ ของภาษีท่ีจัดเกบ็ ได้ มาตรา ๖๓ ค่าภาคหลวงแร่ตามกฎหมายว่าด้วยแร่ และค่าภาคหลวงปีโตรเลียม ตามกฎหมายวา่ ด้วยปิโตรเลยี ม ที่ไดม้ ีการจัดเก็บตามกฎหมายว่าด้วยการน้นั ในเขตองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดใด ให้จดั สรรใหแ้ ก่องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั น้นั ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการที่กำหนดใน กฎกระทรวง มาตรา ๖๔*n° องค์การบริหารสว่ นจงั หวดั มีอำนาจออกข้อบัญญัตเิ ก็บภาษีบำรุง องค์การบริหารสว่ นจังหวดั จากการค้าในเขตจังหวัด ดงั ต่อไปนี้ (๑) นั้ามนั เบนซนิ และน้าั มันท่คี ล้ายกนั นา้ํ มนั ดเี ซลและนั้ามนั ทค่ี ล้ายกนั หรือกา๊ ซ ปโิ ตรเลียมทใี่ ขเ้ ปน็ เชอ้ื เพลงิ สำหรับรถยนตโ์ ดยจัดเกบ็ เพมิ่ ขึน้ ได้ไมเ่ กินลิตรละสบิ สตางคส์ ำหรบั น้าั มนั และกิโลกรัมละไมเ่ กนิ สิบสตางค์สำหรับกา๊ ซปิโตรเลียม (๒) ยาสบู โดยจัดเกบ็ เพม่ิ ข้นึ ได!้ ม่เกินมวนละสิบสตางค์ ราคาจำหนา่ ยทเ่ี พ่ิมขึ้นตามวรรคหนง่ึ ไมถ่ ือวา่ เป็นการต้องหา้ มตามกฎหมายว่าด้วย การกำหนดราคาสินค้าและบีองกันการผูกขาด มาตรา ๖๔ องคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั มอี ำนาจออกขอ้ บญั ญ ัตเิ รยี กเก็บ ค่าธรรมเนียมบำรุงองค์การบริหารสว่ นจังหวดั จากผู้พกั ในโรงแรมตามกฎหมายว่าดว้ ยโรงแรม ตาม หลกั เกณฑ์ วิธีการและอตั ราทก่ี ำหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๖๖ องคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั มอี ำนาจออกขอ้ บัญญัตเิ พื่อเก็บภาษีอากร และค่าธรรมเนียมเพิม่ ข้นึ ไมเ่ กินรอ้ ยละสบิ ของภาษอี ากรและคา่ ธรรมเนียมประเภทใดประเภทหนง่ึ หรือทุกประเภทสำหรับในพืน้ ที่เขตจงั หวดั ทีอ่ ย่นู อกเขตราชการสว่ นทอ้ งถิน่ อืน่ ดงั ต่อไปนี้ (๑) ภาษีธุรกจิ เฉพาะตามประมวลรบั ฎากร (๒) คา่ ธรรมเนยี มใบอนญุ าตขายสรุ าตามกฎหมายว่าด้วยสรุ า (๓) ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในการเล่นการพนนั ตามกฎหมายว่าดว้ ยการพนัน ในการเลยี ภาษีอากรตามมาตรานี้ เศษของหนง่ึ บาทให้บีดทงิ้ ภาษีอากรและคา่ ธรรมเนียมตามมาตรานีใ้ ห้ถือเปน็ ภาษีอากรและคา่ ธรรมเนียมตาม กฎหมายว่าด้วยการนั้น มาตรา ๖๔ แกไ้ ขเพ่มิ เติมโดยพระราซบัญญตั อิ งคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๔๖ กฎหมายท'ิ เกย่ี วขอ้ งกับการปฏิบัตงิ านขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ

- ๒๔ - มาตรา ๖๗ องคก์ ารบรหิ ารส ่วน จงั ห วดั มอี ำน าจออกขอ้ บญั ญ ัติเพ ่ือเก็บ ภาษมี ลู คา่ เพม่ิ โดยใหก้ ำหนดเป็นอัตราภาษมี ลู คา่ เพมิ่ เพมิ่ ขึน้ จากอตั ราทเ่ี รยี กเก็บตามประมวล รษั ฎากรสำหรับในพืน้ ทเ่ี ขตจงั หวัดที่อยนู่ อกเขตราชการสว่ นท้องถ่ินอื่น ดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีท่ปี ระมวลรัษฎากรเรียกเกบ็ ภาษมี ลู คา่ เพม่ิ ในอตั ราร้อยละศูนย์ให้ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั เก็บในอตั ราร้อยละศนู ย์ (๒) ในกรณที ี่ประมวลรัษฎากรเรยี กเก็บภาษมี ลู ค่าเพิ่มในอตั ราอนื่ ให้องค์การ บริหารสว่ นจังหวัดเก็บหนง่ี ในเกา้ ของอตั ราภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรยี กเก็บตามประมวลรษั ฎากร ภาษมี ูลคา่ เพ่ิมท่ีเกบ็ เพ่มิ ข้นึ ตามมาตราน้ี ให้ถือเปน็ ภาษมี ูลคา่ เพิม่ ตามประมวล รษั ฎากร มาตรา ๖๘ กิจการใดที่กฎหมายบัญญัติใหเ้ ทศบาลเปน็ ผ้ดู ำเนินการ ถา้ กจิ การน้นั อยใู่ บพื้นท่เี ขตจังหวดั ที่อยู่นอกเขตราซการส่วนทอ้ งถ่นิ อ่นื ให้องค์การบริหารสว่ นจังหวดั เป็นพนักงาน เจ้าหนา้ ทดี่ ำเนินการตามกฎหมายน้นั และบรรดาคา่ ธรรมเนยี ม ค่าใบอนุญาต และคา่ ปรับเนือ่ งใน กจิ การเซ่นวา่ น้ันใหถ้ อื เป็นรายได้ขององคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัด มาตรา ๖๙ องค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดอาจออกข้อบญั ญัตเิ พือ่ เกบ็ ค่าธรรมเนยี มใด ๆ จากผู้ซึ่งใชห้ รอื ไดร้ ับประโยซนจ้ ากบรกิ ารสาธารณะท่ีองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดจัดให้มขี ึ้นได้ ท้ังน้ี ตามระเบียบทีก่ ระทรวงมหาดไทยกำหนด มาตรา ๗๐ ในการจดั เก็บภาษอี ากรและคา่ ธรรมเนียมตามพระราชบญั ญตั ิน้ใี ห้ นายกองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ปลัดองคก์ ารบรหิ ารส่วน จังหวัด และรองปลดั องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั เปน็ พนกั งานเจ้าหนา้ ทีซ่ งึ่ มีอำนาจและหน้าท่ี ปฏบิ ตั กิ ารตามกฎหมาย เว้นแต่กฎหมายวา่ ดว้ ยการนั้นจะได้บญั ญตั ิไว้เปน็ อย่างอน่ื ในการบงั คบั เรยี กเก็บภาษอี ากรค้างชำระ ใหป้ ลัดองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดหรอื หัวหน้าสว่ นราชการขององค์การบริหารสว่ นจังหวดั มอี ำนาจสั่งยดึ และสั่งชายทอดตลาดทรัพย์สนิ ชอง ผ้ตู อ้ งรับผดิ ชอบเสียภาษอี ากรได้โดยมิต้องขอให้ศาลออกหมายยดึ หรือมคี ำสง่ั ท้งั น้ี เม่อื ได้รบั ความ เห็นชอบจากนายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดแลว้ วิธกี ารยดึ และการชายทอดตลาดทรพั ยส์ นิ ดังกลา่ วในวรรคสอง ให้ปฏบิ ตั ติ าม ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความแพง่ โดยอนโุ ลม เงนิ ท่ีไดจ้ ากการขายทอดตลาด เม่อื หกั ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จา่ ยในการยึดและ ชายทอดตลาดและเงินภาษอี ากรค้างชำระแลว้ ถ้ามเี งนิ เหลือให้คืนแก่เจา้ ของทรัพยส์ ิน มาตรา ๗๑ องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดจะมอบให้ส่วนราชการ ราชการส่วนทอ้ งถนิ่ อ่นื เรียกเกบ็ ภาษีอากร ค่าธรรมเนยี ม คา่ ใบอนุญาต ค่าตอบแทนหรอื รายไดอ้ ื่นใดเพือ่ องค์การบริหาร ส่วนจงั หวัดก็ได้ ทั้งนโ้ี ดยให้คิดค่าใชจ้ ่ายไดต้ ามหลกั เกณฑ์ วธิ ีการและอัตราท่กี ำหนดในกฎกระทรวง กฎหมายท่เี ก่ยี วขอ้ งกับการปฏบิ ้ติงานชององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ

- ๒๔ - ราชการส่วนท้องถน่ิ อนื่ จะมอบให้องค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั จดั เก็บภาษอี ากร ค่าธรรมเนยี ม คา่ ใบอนญุ าต ค่าตอบแทนหรือรายได้อน่ื ใดเพ่ือราชการส่วนท้องถิ่นอ่ืบกไ็ ด้ ทั้งน้โี ดย ให้คดิ คา่ ใชจ้ ่ายไดต้ ามหลกั เกณฑ์ วิธกี ารและอตั ราทก่ี ำหนดในกฎกระทรวง องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั จะมอบหมายใหเ้ อกซนดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ยกเว้น การเรยี กเก็บภาษอี ากรก็ได้ ทง้ั นี้ ใหเ้ ปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเง่อื นไขท่ีกำหนดใน กฎกระทรวง มาตรา ๗๒ ทกุ ปีงบประมาณ ให้รัฐบาลจดั สรรเงินใหแ้ ก่องค์การบริหารส่วนจังหวดั เป็นเงนิ อุดหนุบ มาตรา ๗๓ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดอาจมีรายได้ ดังตอ่ ไปน้ี (๑) ภาษีอากรตามทมี่ ีกฎหมายบัญญัตไิ ว้ (๒) คา่ ธรรมเนียม ค่าใบอนญุ าต และคา่ ปรับ ตามทมี่ กี ฎหมายบัญญัตไิ ว้ (๓) รายไดจ้ ากทรพั ยส์ ินขององค์การบริหารส่วนจงั หวัด (๔) รายได้จากสาธารณูปโภคขององค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั (๔) รายได้จากการพาณิชยข์ ององคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั (๖) พนั ธบัตรหรอื เงินกตู้ ามที่มีกฎหมายบญั ญัตไิ ว้ (๗) เงนิ กู้จากกระทรวง ทบวง กรม องค์การ หรอื นิติบคุ คลตา่ ง ๆ ซง่ี 'ได้'รบั ความ เหน็ ชอบจากรฐั มนตรี (๘) เงินอดุ หนุนหรอื รายไดอ้ ืน่ ตามท่รี ัฐบาลหรอื หน่วยงานของรฐั จดั สรรให้ (๙) เงนิ และทรัพย์สนิ อยา่ งอ่ืนทมี่ ีผอู้ ทุ ิศให้ (๑๐) รายได้อนื่ ตามทม่ี กี ฎหมายบญั ญตั ิให้เป็นขององค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัด มาตรา ๗๔ องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั อาจมรี ายจ่าย ดังต่อไปน้ี (๑) เงินเดอื น (๒) ค่าจ้าง (๓) เงินตอบแทนอื่น ๆ (๔) ค่าใชส้ อย (๔) ค่าวสั ดุ (๖) คา่ ครภุ ณั ฑ์ (๗) ค่าทดี่ ิน สงิ ก่อสร้าง และทรัพยส์ ินอืน่ ๆ (๘) เงินอุดหนุน (๙)*'' รายจา่ ยอ่นื ใดทีจ่ ำเป็นต้องจา่ ยในการปฏิบัตหิ น้าทหี่ รอื ตามข้อผกู พนั หรอื รายจา่ ยตามทมี่ ีกฎหมายหรอื ระเบียบของกระทรวงมหาดไทยกำหนดไว้ การจ่ายเงนิ ขององคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั ตามวรรคหนง่ึ หรือการนำเงนิ ของกิจการ ที่องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เปน็ เจ้าของหรอื เปน็ หุ้นส่วนหรือถอื ห้นุ ในกิจการนน้ั ไปใช้จ่ายเพอ่ื การ 4Mมาตรา ๗๔ (๙) แกโ้ ขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญตั อิ งค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๖๒ กฎหมายท่เี กียวข้องกับการปฏบิ ้ติงาน'ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน

- ๒๖ - ผเี กอบรมหรอื ดงู านในตา่ งประเทศของนายกองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัด รองนายกองค์การบรหิ าร สว่ นจังหวัด เลขานกุ ารนายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด ที่ปรกึ ษานายกองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด ประธานสภาองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด รองประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัด หรือสมาขิก สภาองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั จะกระทำมิได้ เว้นแด,เปน็ กรณีท่ีมฃี ้อตกลงหรอื ความร่วมมือกับ หน่วยงานในตา่ งประเทศหรือการผเี กอบรมซ่งึ จัดโดยหนว่ ยงานของรฐั ที่กำหนดใหม้ กี ารผ!ี กอบรม หรอื ดูงานในต่างประเทศ ทัง้ น้ี ตามทีก่ ระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด4๘ มาตรา ๗(ร:4๙ เงนิ เดอื นและค่าตอบแทนสมาชิกสภาองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัด นายกองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัด รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เลขานกุ ารนายกองคก์ าร บริหารส่วนจังหวดั ท่ปี รกึ ษานายกองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั และกรรมการสภาองคก์ ารบริหาร สว่ นจงั หวัด ใหเ้ ป็นไปตามระเบียบทก่ี ระทรวงมหาดไทยกำหนด มาตรา ๗๖ การคลงั การงบประมาณ การรักษาทรัพยส์ นิ การจดั หาผลประโยขน่ จากทรัพย์สิน การดำเนนิ กจิ การการพาณชิ ย์ขององคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั และการจดั หาพสั ดุและ การจดั จ้าง และการให!้ ดร้ ับสวัสดกิ ารชองช้าราชการองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดให้เป็นไปตามระเบยี บ ทีก่ ระทรวงมหาดไทยกำหนด ในการออกระเบียบตามวรรคหน่ึงให้คำนงึ ถงึ ความเปน็ อสิ ระ ความคล่องตัวและ ความมีประสทิ ธภิ าพในการบริหารงานขององคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดด้วย หมวด ๖ การกำกบั ดูแล มาตรา ๗๗ ผวู้ ่าราชการจงั หวัดมอี ำนาจกำกบั ดูแลการปฏบิ ตั ิราชการชององค์การ บริหารสว่ นจังหวดั ใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมาย กฎ และระเบียบข้อบังคับชองทางราชการ เพ่ือการน้!ี หผ้ วู้ า่ ราชการจังหวัดมอี ำนาจลังสอบสวนข้อเทจ็ จริงหรอื สั่งให้องค์การบริหารสว่ นจังหวดั ช้ีแจงแสดงความ คิดเห็นเกีย่ วกับการปฏบิ ตั ิราชการชององค์การบริหารสว่ นจังหวดั ได้ เพอื่ ประโยชนใ์ นการกำกับดูแลตามวรรคหน่ึง ในกรณีทผ่ี วู้ ่าราชการจังหวดั เห็นวา่ การปฏบิ ตั ิการชององคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั เป็นไปในทางทอ่ี าจก่อใหเ้ กดิ ความเสยี หายแก'องค์การ บรหิ ารส่วนจงั หวดั หรือเสยี หายแกร่ าชการ ใหผ้ ้วู า่ ราชการจงั หวดั มีอำนาจหน้าที่ในการชแี้ จง แนะนำ หรอื ตกั เตือนผู้ดำรงดำแหน่งทมี่ อี ำนาจหน้าท่ีในการดำเนินการดงั กลา่ ว หรือในกรณเี ห็นสมควรจะสั่ง เพิกถอนการกระทำหรอื ใหร้ ะงบั การปฏบิ ตั ขิ องผู้ดำรงดำแหนง่ ดังกลา่ วไวก้ ไ็ ด้ และในกรณที ส่ี งั่ เพิกถอน หรอื ระงบั ให้ผู้ดำรงดำแหนง่ ที่ได้รบั คำส่งั มสี ิทธิอุทธรณีต่อรัฐมนตรีได้ภายในสบิ หา้ วันนบั แตว่ ันที่ ๒๔๖๒ 4๘ มาตรา ๗๔ วรรคสอง เพิ่มโดยพระราขบญั ญัติองค์การบริหารสว่ นจงั หวัด (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๔๖ 4๙ มาตรา ๗๔ แก้!ขเพม่ิ เติมโดยพระราขบัญญัติองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั (ฉบับท่ี ๓) พ.ค. กฎหมายที่เกี่ยวจ้องทับการปฏบิ ้ฅงานของอ^ค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

- ๒๗ - ไดร้ ับคำสัง่ ของผวู้ า่ ราชการจังหวัด และเมอ่ื รัฐมนตรวี ินจิ ฉยั เป็นประการใดให้ผู้ว่าราชการจงั หวดั และผู้ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งดำเนินการตามคำวนิ ิจฉยั น้ัน คำวนิ จิ ฉยั ของรฐั มนตรีใหเ้ ป็นทีส่ ดุ *,๐ เมือ่ ความปรากฏโดยมหี ลกั ฐานตามสมควรต่อผวู้ า่ ราฃการจังหวดั วา่ นายกองค์การ บริหารส่วนจงั หวัด รองนายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั ประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั หรือรองประธานสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั ผใู้ ด จงใจทอดทงิ้ หรอื ละเลยไม่ปฏบิ ัตกิ ารตามอำนาจ หน้าทอี่ นั จะเปน็ เหตใุ ห้เสียหายแกร่ าชการอยา่ งร้ายแรง หรือปฏบิ ตั ิการไมช่ อบดว้ ยอำนาจหน้าท่ี หรือประพฤติตนฝ่าแนตอ่ ความสงบเรียบร้อยหรือฝา่ แนคำสงั่ ของผู้วา่ ราชการจังหวัดทสี่ งั่ การตามวรรคสอง ใหผ้ ู้ว่าราชการจงั หวดั ดำเนินการแตง่ ต้ังคณะกรรมการสอบสวนโดยพลนั และใหค้ ณะกรรมการสอบสวน ดำเนินการใหแ้ ล้วเสรจ็ ภายในหกสบิ วนั นับแต่วนั ทไี่ ดร้ บั แต่งตง้ั ท้ังน้ี ตามหลกั เกณฑ์และวิธีการ ที่กำหนดในกฎกระทรวง๖® ในกรณที ค่ี ณะกรรมการสอบสวนไม,สามารถดำเนนิ การสอบสวนให้แลว้ เสรจ็ ได้ ภายในกำหนดเวลาตามวรรคสาม ผู้ว่าราชการจังหวดั อาจขยายเวลาการสอบสวนออกไปได้อกี ไมเ่ กนิ สามสิบวัน*,10 ในกรณีที่นายกองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด รองนายกองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือรองประธานสภาองค์การบริหารสว่ นจังหวดั ผ้ใู ดถกู ต้ัง กรรมการสอบสวนแลว้ ผู้ว่าราชการจงั หวัดจะสงั่ ใหผ้ ้นู ้ันหยดุ ปฏบิ ัติหนา้ ที่เพือ่ รอฟ้งผลการสอบสวนกไ็ ด้ หากเหน็ วา่ การคงอยู่ในหน้าทขี่ องผู้นน้ั ตอ่ ไปอาจเกดิ การเสยี หายแก'องคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัด หรือเสยี หายแก,ราชการอย่างรา้ ยแรง หรือมีพฤตกิ ารณ์ที,แสดงวา่ จะเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน หรอื จะก่อใหเ้ กดิ ความไมส่ งบเรยี บร้อย หรือเป็นกรณคี วามผดิ ท่ปี รากฏขึน้ โดยซดั แจง้ ทัง้ นี้ หากผล การสอบสวนปรากฏว่าบคุ คลดงั กลา่ วไมม่ ีความผิด และผู้นน้ั ยังมีไดพ้ น้ จากตำแหน่งไปกอ่ นใหผ้ ู้วา่ ราชการ จงั หวัดสั่งใหผ้ ู้นั้นกลบั เข้าปฏิบตั ิหน้าท่ี และใหผ้ ู้น้ันได้รับเงินเดอื น คา่ ตอบแทน รวมถงึ สิทธปิ ระโยชน์ อน่ื ใดใบชว่ งที่หยุดปฏิบตั ิหน้าทโ่ี ดยถอื เสมือนว่าผ้นู ัน้ ได้ปฏิบัติหนา้ ทต่ี ลอดระยะเวลาท่ีหยุดปฏบิ ัติ หนา้ ท่ดี ังกล่าว ในกรณที ่ผี ู้น้นั พน้ จากดำแหบ่งไปกอ่ นปรากฏผลการสอบสวนดงั กลา่ ว การจา่ ย เงินเดอื น คา่ ตอบแทน รวมถงึ สทิ ธปิ ระโยชน์อนื่ ใด ใหจ้ ่ายจนถึงวนั กอ่ นวนั ทพี่ บ้ จากตำแหนง่ ๖๓ การอุทธรณ์คำสั่งใหห้ ยดุ ปฏบิ ัติหนา้ ทต่ี ามวรรคหา้ ใหผ้ ทู้ ่ไี ด้รับคำสง่ั มสี ิทธิอทุ ธรณ์ ต่อรัฐมนตรไี ด้ภายในสบิ ห้าวนั นบั แต่วันทไี่ ด้รบั คำส่ังดงั กล่าว ซงึ่ รัฐมนตรตี อ้ งวนิ ิจฉยั ใหแ้ ล้วเสรจ็ ภายในสามสบิ วันนบั แตว่ ันทไี่ ดร้ บั อทุ ธรณ์ และเมื่อรฐั มนตรีวนิ ิจฉัยเปน็ ประการใด ใหผ้ วู้ า่ ราชการ จังหวัดและผทู้ เี่ กีย่ วข้องดำเนนิ การตามคำวนิ ิจฉัยนน้ั คำวินิจฉยั ของรัฐมนตรีใหเ้ ป็นที่สดุ ๖๔ พ.ศ. ๒๔๖๒ *” มาตรา ๗๗ วรรคสอง แกไ้ ขเพิ่มเติมโดยพระรา■ ชบัญญตั อิ งคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั (ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๖๒ ๖’' มาตรา ๗๗ วรรคสาม แก้ไขเพม่ิ เติมโดยพระราขบัญญตั อิ งค์การบริหารส่วนจงั หวัด (ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๖๒ ๖'° มาตรา ๗๗ วรรคสี่ แก้ไขเพ่ิมเตมิ โดยพระราขบัญญตั อิ งคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั (ฉบบั ที่ ๔) ๖°' มาตรา ๗๗ วรรคหา้ เพมิ่ โดยพระราชบญั ญตั อิ งคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัด (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๖๒ *’๙ มาตรา ๗๗ วรรคหก เพิ่มโดยพระราชบญั ญัตอิ งค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั (ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๖๒ กฎพายทีเ่ กย่ี วข้องกบั การปฏิบตั ิงานขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน

- ๒๘ - มาตรา ๗๘ ผู้วา่ ราชการจงั หวัดอาจสง่ั เพกิ ถอนมติของสภาองค์การ,บรหิ ารสว่ น จังหวดั ซง็่ มิใช่ข้อบญั ญัตไิ ด้ในกรณที ีป่ รากฏวา่ มตินน้ั ฝ่าแนกฎหมาย กฎ หรอื ระเบียบข้อบังคบั ของ ทางราชการ หรือเป็นมตทิ น่ี อกเหนืออำนาจหน้าท่ีขององคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัด คำส่ังเพิกถอนมตชิ องผ้วู า่ ราชการจงั หวัดตามวรรคหน่งึ ตอ้ งแสดงเหตุผลของการเพกิ ถอนมตินนั้ และต้องกระทำภายในสามสบิ วนั นบั แต่วนั ที่สภาองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั มมี ติ ในกรณที ีส่ ภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั ยังยืนยันมตเิ ตมิ ดว้ ยคะแนนเสียงไม่นอ้ ย กว่าสองในสามชองจำนวนสมาชิกสภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดเท่าทีม่ อี ยใู่ หผ้ ูว้ า่ ราชการจงั หวดั รายงานการยนื ยนั มตดิ งั กล่าวและเหตุผลของการเพกิ ถอนมติชองผวู้ า่ ราชการจงั หวัดต่อรฐั มนตรี ภายในสิบหา้ วันนบั แต่วันที่สภาองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดมมี ติยนื ยันมตเิ ติม ใหร้ ัฐมนตรวี ินจิ ฉยั สัง่ การในเร่ืองดังกลา่ วภายในสามสิบวันนับแต่วบั ท่ีได้รับรายงาน จากผวู้ า่ ราชการจงั หวัด มาตรา ๗๙๖'4 เม่อื ผลการสอบสวนตามมาตรา ๗๗ วรรคสาม ปรากฏว่า ผู้ถูกกลา่ วหา กระทำความผิดตามทีถ่ ูกสอบสวน ใหผ้ วู้ ่าราชการจงั หวดั รายงานให้รฐั มนตรีพิจารณาและสั่งให้ผถู้ ูก สอบสวนพ้นจากตำแหนง่ ภายในสามสบื วันนบั แตว่ นั ทไ่ี ด้รบั รายงาน ไมว่ า่ ผ้นู ั้นจะไดพ้ น้ จากตำแหน่ง ไปกอ่ นแลว้ หรือไม,กต็ าม เว้นแตเ่ พราะเหตุตาย หรอื พน้ จากตำแหนง่ ไปแล้วเกนิ สองปี โดยในคำส่ัง ดงั กล่าวใหร้ ะบเุ หตุท่ีทำให้พน้ จากตำแหน่งไว้ และใหม้ ผี ลต้ังแต่วันทีร่ ัฐมนตรีมคี ำสง่ั แตไ่ มก่ ระทบ ต่อการดำเนนิ งานและการรับค่าตอบแทนท่ีไดก้ ระทำไปกอ่ นวันท่มี คี ำสง่ั น้ัน ถ้าในขณะทม่ี ีคำสั่ง ดงั กลา่ วผนู้ ั้นกำลงั ดำรงดำแหนง่ สมาชิกสภาท้องถน่ิ หรือผบู้ ริหารห้องถิ่นอนั เป็นผลจากการเลอื กตง้ั ตา่ งวาระหรอื ตา่ งองคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่ กนั ให้ผนู้ ัน้ พ้นจากดำแหนง่ ทกี่ ำลงั ดำรงอยดู่ ว้ ย และใหถ้ ือ ว่าวันท่ีสงั่ ให้พ้นจากตำแหนง่ ดงั กล่าวเปน็ วันเร่มิ นับระยะเวลาต้องหา้ มการใชส้ ิทธิสมคั รรบั เลือกตั้ง คำส่งั ของรฐั มนตรีให้เป็นที่สุด ในกรณีที่รฐั มนตรเี ห็นควรใหม้ ีการสอบสวนเพมิ่ เตมิ จากรายงาบตามวรรคหน่งึ จะส่ังให้คณะกรรมการสอบสวบทำการสอบสวนเพ่ิมเติมกอ่ นส่งั การก็ได้ ซงึ่ คณะกรรมการสอบสวน ตอ้ งดำเนินการสอบสวนเพ่ิมเติมใหแ้ ล้วเสรจ็ ภายในสามสบิ วนั นับแตว่ ันท่ไี ดร้ บั คำสงั่ ให้สอบสวน เพิ่มเติม และรฐั มนตรีต้องสั่งการภายในสามสบิ วนั นับแต่วบั ทีไ่ ด้รบั รายงาบการสอบสวนเพม่ิ เติมน้ัน มาตรา ๘๐๖๖ เพอ่ื คมุ้ ครองประโยชนช์ องประซาซนในเขตองค์การบริหารสว่ น จังหวดั หรือประโยชน์ชองประเทศเปน็ ส่วนรวม ผูว้ า่ ราชการจงั หวัดจะรายงาบเสนอความเหน็ ตอ่ รัฐมนตรเี พอ่ื ยบุ สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดก็ได้ เมอื่ มีกรณีตามวรรคหนึง่ หรอื กรณอี นื่ ตามที่กำหนดไวใ้ นพระราชบญั ญตั นิ ้ี รฐั มนตรีมี อำนาจยบุ สภาองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดได้และใหแ้ สดงเหตผุ ลไวใ้ นคำสัง่ ด้วย วรรคสาม'๖๗ (ยกเลิก) 1ร๔(ร3ิ ปี ๖๕มาตรา ๗๙ แก้ไขเพ่มิ เตมิ โดยพระราซบญั ญัติองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั (ฉบับท่ี ๕) พ.ศ. ๒๔๖๒ ๒<£๔๖ ๖๖ มาตรา ๘ 0 แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราขบญั ญตั อิ งคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั (ฉบบั ที่ ๒) พ.ค. ๖๗มาตรา ๘๐ วรรคสาม ยกเลกิ โดยพระราชบญั ญตั อิ งค์การบริหารสว่ นจังหวัด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. กฎพายทเี่ กย่ี วข้องกับการปฏิบตั งิ านขององค์กรปกครองสว่ นหอ้ งถน่ิ

- ๒๙ - บทเฉพาะกาล มาตรา ๘๑ ให้องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั ท'ี มอี ยใู่ นวบั ที่พระราซบญั ญตั นิ ้ีประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั ตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี มาตรา ๘๒ ใหส้ ภาจงั หวดั ท่ีมีอยใู่ บวันทพี่ ระราชบัญญตั นิ ้ปี ระกาศในราชกิจจา นเุ บกษาเป็นสภาองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ตามพระราชบญั ญัตินี้ ให้สมาชกิ สภาจังหวดั ซีง่ ดำรงตำแหน่งอยใู่ นวันท่พี ระราชบัญญัตนิ ้ีใชบ้ งั คับ เป็น สมาชกิ สภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดตามพระราชบญั ญัตนิ จี้ นกวา่ จะครบลืป่ นี ับแต่วนั เลอื กต้ังตาม พระราชบัญญตั ริ ะเบยี บบริหารราชการส่วนจงั หวดั พ.ศ. ๒๔๙๘๖๘ ภายในเกา้ สิบวบั นบั แต่วนั ทพ่ี ระราชบัญญัตนิ ึใ๋ ช้บังคับ ใหผ้ ูว้ า่ ราชการจังหวดั จัดให้ สภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดตามวรรคหนึ่งดำเนนิ การเลือกสมาชกิ สภาองค์การบริหารส่วนจังหวดั คนหนง่ึ เป็นนายกองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด ในระหว่างทย่ี ังไม่มนี ายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดตามวรรคสาม ให้ผวู้ ่าราชการ จงั หวดั ทำหนา้ ทนี่ ายกองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั ไปพลางกอ่ น มาตรา ๘๓ ใหโ้ อนบรรดากิจการ ทรพั ย์สนิ หนี้ สิทธิ และเงินงบประมาณของ องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดทมี่ อี ย่ใู นวันที่พระราชบญั ญตั ินปี้ ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษาไปเปน็ ของ องค์การบริหารสว่ นจังหวัดตามพระราชบัญญัตนิ ้ี มาตรา ๘๔ ให้บรรดาช้าราชการสว่ นจังหวัดและลกู จา้ งขององคก์ ารบรหิ ารสว่ น จงั หวัดซ็ง่ มีอย่ใู นวนั ท่ีพระราชบัญญตั ินปี้ ระกาศในราชกจิ จานุเบกษาเปน็ ขา้ ราชการองค์การบริหาร สว่ นจงั หวดั และลูกจา้ งขององค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ตามพระราชบญั ญตั ินี้ แลว้ แตก่ รณี มาตรา ๘๔ ให้บรรดาข้อบัญญตั ิจงั หวดั กฎ ระเบียบ ข้อบังคบั มติ คำสั่ง และ ประกาศทอ่ี อกตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวดั หรือกฎหมายอืน่ ทใ่ี ขบ้ งั คบั อยู่ ในวันท่พี ระราชบญั ญตั ินป้ี ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษาคงใชบ้ ังคับต่อไปเทา่ ที่ไม่ขดั หรอื แยง้ กบั พระราชบญั ญตั ิน้ีจนกว่าจะมกี ารออกข้อบญั ญตั ิ กฎ ระเบยี บ ข้อบงั คบั มติ คำสงั่ และประกาศตาม พระราชบัญญตั นิ ี้ มาตรา ๘๖ ให้ ก.จ. อ.ก.จ.วิสามญั และ อ.ก.จ.จงั หวดั ซง่ึ ปฏิบัติหนา้ ทอี่ ยูใ่ นวนั ท่ี พ ระราชบญั ญ ัตนิ ีป้ ระกาศในราชกจิ จาบุเบกษาปฏิบตั หิ นา้ ทีต่ อ่ ไปจนกวา่ จะไดม้ กี ารตรา พระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๔๒ ใช้บงั คบั ท้งั น้ี ไมเ่ กินหนึ่งรอ้ ยย่ีสบิ วันนับแตว่ นั ท่พี ระราชบญั ญัตนิ ้ี ใช้บงั คบั ๖๘มาตรา ๘๒ วรรคสอง แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบัญญัติองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๔๒ กฎหมายทเ่ี กยี่ วข้องกนั การปฏิพงานชององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน

- ๓๐ - มาตรา ๘๗ ในวันทพ่ี ระราชบัญญัติน้ีใซบ้ งั คบั จงั หวัดใดยังมีสภาตำบลอยู่ ให้ พระราชบัญญตั ริ ะเบียบบริหารราชการส่วนจังหวดั พ.ศ. ๒๔๙๘ ในสว่ นท่ีเกยี่ วกับอำนาจหนา้ ท่แี ละ ทรพั ยส์ นิ ส่วนจังหวดั และการคลงั ยังคงใชบ้ งั คบั ไดต้ อ่ ไปในเขตสภาตำบลสำหรับจังหวดั นนั้ เท่าทไี่ มข่ ดั หรอื แยง้ กับบทบัญญตั แิ หง่ พระราชบญั ญัตนิ ี้ มาตรา ๘๘ ในระหว่างทีอ่ งค์การบริหารส่วนจงั หวัดยงั มไิ ดม้ อบให้สว่ นราชการทีท่ ำ หนา้ ทีจ่ ัดเกบ็ ภาษีอากร ค่าธรรมเนียมตามมาตรา ๖๖ และมาตรา ๖๗ ใหส้ ว่ นราชการดังกล่าวเรยี ก เก็บภาษอี ากรค่าธรรมเนียมเพอื่ องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั เพ่ิมข้ึนอีกเทา่ กบั อตั ราตามมาตรา ๖๖ และมาตรา ๖๗ การเรียกเกบ็ ภาษอี ากร ค่าธรรมเนยี มของสว่ นราชการตามมาตรานี้ ให้ถือว่า องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั ได้มอบใหส้ ว่ นราชการดังกล่าวเรยี กเก็บเพ่ือองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั ตาม มาตรา ๖๖ และมาตรา ๖๗ มาตรา ๘๙ ในระหวา่ งที่ยงั ไม่มกี ฎหมายวา่ ด้วยการเลอื กต้ังสมาซกิ สภาองค์การ บริหารสว่ นจงั หวดั ตามพระราชบัญญัติน้ีให้นำกฎหมายวา่ ด้วยการเลือกตง้ั สมาซิกสภาจังหวัดมาใช้ บังคับโดยอนุโลม ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี กฎหมายท'ี เกีย่ วข้องกบั การปฏิบต้ งานขององคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ

- ๓๑ - หมายเหตุ เหตุผลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ิฉบบั นี้ คอื โดยที่องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดที' จดั ต้ังข้นึ ตามพระราชบัญญัตริ ะเปียบบรหิ ารราชการสว่ นจังหวดั พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็นองค์กรปกครอง ท้องถนิ่ ท่รี ับผิดชอบในพื้นท่ที ัง้ จงั หวดั ทีอ่ ยู่นอกเขตสขุ าภิบาลและเทศบาล เมอื่ ไดม้ พี ระราชบญั ญตั ิ สภาตำบลและองคก์ ารบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๔๓๗ ออกใชบ้ งั คับเพื่อกระจายอำนาจการปกครอง ใหแ้ ก่องค์การบริหารส่วนตำบล ในการนส้ี มควรปรับปรงุ บทบาทและอำนาจหนา้ ที่ขององคก์ ารบริหาร ส่วนจังหวัดให้สอดคล้องกันและปรบั ปรงุ โครงสร้างชององค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดให้เหมาะสมยง่ิ ขน้ึ จงึ จำเปน็ ต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบญั ญตั อิ งคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๔๒๖๙ มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ใหใช้บังคับตง้ั แตว่ ันถัดจากวันประกาศในราชกจิ จา นุเบกษาเป็นด้นไป หมายเหตุ เหตผุ ลในการประกาศใชพ้ ระราชบัญญตั ฉิ บับน้ี คือ โดยท่รี ัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั ร ไทยได้กำหนดหลกั การในการจัดระเบียบการปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ขึน้ ใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามหลกั แห่ง การปกครองตนเองตามเจตนารมณ์ของประชาชนในทอ้ งถ่ิน จงึ สมควรปรับปรงุ กฎหมายวา่ ด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวดั ในสว่ นชองการส้นิ สุดสมาชกิ ภาพชองสภาองค์การบริหารส่วนจงั หวัดและ การพ้นจากตำแหนง่ ชองประธานและรองประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัด นายกและรอง นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั การยุบสภาองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัด รวมทัง้ อำนาจหนา้ ท่ขี อง องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั ใหส้ อดคล้องกับบทบัญญัติของรฐั ธรรมนูญดงั กลา่ ว จึงจำเป็นต้องตรา พระราชบัญญตั ิน้ี พระราชบัญญัตอิ งคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๔๔๖๗๐ มาตรา ๒ พระราชบญั ญัตนิ ใี้ หใ้ ช้บังคับต้งั แต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจา นุเบกษาเปน็ ดน้ ไป มาตรา ๓๒ บรรดาสมาชิกสภาองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัด นายกองคก์ ารบริหาร สว่ นจังหวดั และรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวดั ซ่ึงดำรงตำ แหน่งอยใู่ นวนั ทพี่ ระราชบัญญัตนิ ๋ีใช้ บงั คบั ใหด้ ำรงตำแหนง่ ตอ่ ไปจนกว่าจะครบอายขุ องสภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั หรือมกี ารยบุ สภา ในกรณีตามวรรคหนึง่ มใิ หน้ ำบทบญั ญัติมาตรา ๙ มาตรา ๑๘ มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๔/๑ มาตรา ๓๔/๒ มาตรา ๓๔/๓ มาตรา ๓๔/๔ มาตรา ๓๔/๔ มาตรา ๓๖ มาตรา ๓๗ มาตรา ๓๙ มาตรา ๔๔/๑ มาตรา ๔๔/๒ มาตรา ๔๔/๓ มาตรา ๔๔ และมาตรา ๔๔/๑ ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเตมิ โดย พระราชบัญญัตนิ ี้มาใชบ้ ังคับจนกวา่ จะครบอายชุ องสภาองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัดหรอื มีการยุบสภา องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดและมกี ารเลือกตง้ั ท่วั ไปคร้ังแรกขององคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดน้ันหลงั จาก ๖๙ ราชกิจจาบุเบกษา เลม่ ๑ ๑ ๖ /ตอบท่ี ๑๔ ก/หน้า ๘ /๑๐ มีนาคม ๒๕๔๒ ๗๐ ราชกิจจาบเุ บกใ!ท เลม่ ๑๒ ๐/ตอบที่ ๑๐ ๙ ก/หน้า ๔/๔ พฤศจิกายน ๒๔๔๖ กฎหมายทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับการปฏพิ งานขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน

- ๓๒ - วนั ท่ีพระราชบญั ญัตนิ !ี้ ข้บงั คับ และใหน้ ำบทบญั ญตั เิ ดมิ กอ่ นการแกไ้ ขเพ่ิมเติมโดยพระราชบญั ญตั นิ ีใ๋ ช้ บังคับแทนในระหวา่ งเวลาดงั กลา่ ว มาตรา ๓๓ บรรดาบทบัญญตั ิแห่งกฎหมาย ระเบยี บและข้อบังคับ ทก่ี ำหนดการ จ่ายเงินเดือน เงนิ ประจำตำแหน่งและประโยชนต์ อบแทนอยา่ งอ่ืนของนายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ น จังหวัด รองนายกองค์การบริหารสว่ นจังหวดั เลขานุการนายกองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั ทีป่ รกึ ษา นายกองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด กรรมการสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั และการจ่ายเงินค่าเบ้ีย ประชมุ ให้แก่กรรมการทสี่ ภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดแต่งตั้งข้นึ ที่ใขบ้ งั คบั อยู่ก่อนวันที่ พระราชบญั ญัตนิ ้ใี ข้บงั คับ ใหใ้ ช้ตอ่ ไปจนกวา่ จะได้มกี ารออกระเบยี บตามมาตรา ๗๔ แหง่ พระราชบญั ญ้ติองค์การบริหารสว่ นจังหวดั พ.ศ. ๒๔๔๐ ซง่ึ แก้ไขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชบัญญต้ น้ี หมายเหตุ เหตุผลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญัติฉบับน้ี คอื เนือ่ งจากเปน็ การสมควรกำหนดให้ นายกองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประซาซน ประกอบกบั บทบญั ญัติบาง มาตราตามพระราชบัญญัตอิ งค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด พ.ศ. ๒๔๔๐ ยังไม่สอดคล้องกบั กฎหมายว่า ดว้ ยการเลือกต้งั สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผบู้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ และไมเ่ หมาะสมกบั การบริหารงานของ องค์การบริหารสว่ นจังหวดั เพ่ือใหก้ ารบรหิ ารงานขององค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เปน็ ไปดว้ ยความ เรียบรอ้ ยและมปี ระสทิ ธภิ าพ จึงจำเป็นตอ้ งตราพระราชบัญญตั ินี้ พระราชบัญญัตอิ งค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับท่ี ๔) พ.ศ. ๒๔๔๒๗® มาตรา ๒ พระราชบญั ญัตนิ ีใ้ ห้ใช้บังคับต้ังแตว่ นั ถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จา นเุ บกษาเป็นตน้ ไป มาตรา ๔ ใหร้ ฐั มนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี หมายเหตุ เหตผุ ลในการประกาศใช้พระราชบญั ญตั ฉิ บับนี้ คอื โดยที่พระราชบญั ญตั อิ งคก์ ารบริหาร ส่วนจังหวัดมบี ทบญั ญตั บิ างประการไมเ่ หมาะสมกับสภาวะในบีจจุบัน เป็นการจำกัดสิทธชิ อง ประซาซน ทั้งสิทธิของผสู้ มคั รรบั เลอื กตั้งและสิทธขิ องประชาซนผมู้ สี ิทธเิ ลอื กตั้ง สมควรเปดี กว้างให้ เปน็ สทิ ธิและเสรีภาพของประซาซน จึงจำเป็นตอ้ งตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญตั อิ งคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั (ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒๗๒ มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บงั คับตงั้ แต่วันถดั จากวันประกาศในราชกจิ จา บเุ บกษาเป็นต้นไป ๗๑ ราชกจิ จาบเุ บกษา เล่ม ๑๒ ๖/ตอนที่ ๘๔ ก/หบา้ ๑๐ /๑๓ พฤศจกิ ายน ๒๔๔๒ ๗๒ราชกจิ จาบุเบกษา เลม่ ๑๓ ๖ /ตอนท่ี ๔๐ ก/หบ้า ๑๓ ๐ /๑ ๖ เมษายน ๒๔๖๒ กฎหมายที่เที่ยวชอ้ งกับการปฏิพงานขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น

- ๓๓ - มาตรา ๒๔ บรรดาข้อกล่าวหาหรือการดำเนินการใด ๆ ตามมาตรา ๑๑ วรรคสอง มาตรา ๓๖ วรรคสอง มาตรา ๓๗ วรรคสอง มาตรา ๓๗/๑ วรรคสอง หรอื มาตรา ๗๙ แหง่ พระราซบัญญัตอิ งค์การบริหารส่วนจังหวดั พ.ศ. ๒๔๔๐ ซง่ี แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชบัญญตั ิองค์การ บรหิ ารสว่ นจงั หวัด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๔๖ แลว้ แต่กรณี ทีอ่ ยรู่ ะหว่างการสอบสวนหรือสอบสวนเส!จ แลว้ แต่ยงั มไิ ต้มีคำสัง่ กอ่ นวนั ที่พระราชบัญญตั นิ ี้ใช้บงั คับ ให้ดำเนินการตอ่ ไปตามพระราชบัญญตั ิ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ และทแ่ี ก้ไขเพิ่มเติม ซึง่ ใช้บงั คับอย่ใู นวนั กอ่ นวันที่ พระราชบัญญัตินใี้ ชบ้ ังคับจนกวา่ จะแล้วเสร็จ มาตรา ๒๖ ให้นายกองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด ประธานสภาองค์การบริหาร ส่วนจงั หวดั รองประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัด และสมาชิกสภาองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวนั ก่อนวันทพ่ี ระราชบญั ญตั ิน้ใี ช้บงั คับตามประกาศคณะรกั ษาความสงบ แห่งชาติ ที่ ๘๔/๒๔๔๗ เรื่อง การได้มาซ่งึ สมาชิกสภาหอ้ งถิ่นหรอื ผูบ้ รหิ ารหอ้ งถ่ินเปน็ การชว่ั คราว ลงวนั ท่ี ๑๐ กรกฎาคม พุทธศกั ราช ๒๔๔๗ และคำสั่งหวั หนา้ คณะรักษาความสงบแหง่ ชาติ ท่ี ๑/๒๔๔๗ เร่อื ง การได้มาซง่ึ สมาชิกสภาท้องถิน่ หรือผ้บู รหิ ารท้องถ่นิ เปน็ การชว่ั คราว ลงวนั ท่ี ๒๔ ธนั วาคม พุทธคักราช ๒๔๔๗ ยังคงดำรงตำแหนง่ ต่อไปจนกว่าคณะกรรมการการเลือกต้ังจะประกาศ กำหนดใหม้ ีการเลอื กตง้ั นายกองค์การบริหารส่วนจงั หวัด หรอื สมาชิกสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัด ขององคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดน้ัน โดยใหพ้ น้ จากตำแหนง่ ตง้ั แตว่ นั ท่ีคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกาศใหม้ กี ารเลือกตง้ั หรอื จนกวา่ จะพ้นจากตำแหนง่ ด้วยเหตุอ่ืนตามประกาศคณะรักษาความสงบ แห่งชาตแิ ละคำสง่ั หวั หน้าคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาตดิ ังกล่าว เมอ่ื คณะกรรมการการเลือกต้ังประกาศกำหนดให้มกี ารเลอื กตง้ั นายกองคก์ าร ■ บริหารส่วนจงั หวัดหรือสมาชิกสภาองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดขององค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั ใด ให้ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาตแิ ละคำส่งั หวั หน้าคณะรกั ษาความสงบแห่งชาตติ ามวรรคหน่งึ เฉพาะในสว่ นท่ีเกยี่ วกับองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั นน้ั เป็นอนั ยกเลิก มาตรา ๒๗ บทบัญญตั มิ าตรา ๓๔/๒ แหง่ พระราชบัญญัตอิ งคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๔๔๐ ซง่ึ แกไ้ ขเพิ่มเติมโดยพระราชบญั ญัตนิ ้ี มใิ ห้ใช้บงั คบั กบั นายกองค์การบริหารสว่ นจังหวดั ซ่งึ ดำรงตำแหน่งหรอื เคยดำรงตำแหน่งอยกู่ ่อนวันเลือกต้งั ครั้งแรกภายหลังพระราชบญั ญัตนิ ๋ใี ซ้บงั คบั มาตรา ๒๘ ให้นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจงั หวัด หรอื ผมู้ ตี ำแหน่งในองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัด เฉพาะบรรดาทถี่ กู ระงบั การปฏิบัติราชการหรือหนา้ ท่ี ในองค์การบริหารส่วนจังหวัดโดยไมใด้รบั ค่าตอบแทนตามคำสัง่ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแหง่ ชาติ ทีเ่ กี่ยวชอ้ ง พน้ จากตำแหน่งตั้งแต่วันท่ีคณะกรรมการการเลอื กต้ังประกาศกำหนดใหม้ กี ารเลือกตง้ั นายกองค์การบริหารสว่ นจังหวัดหรอื สมาชิกสภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดขององคก์ ารบรหิ าร ส่วนจังหวัดนั้น แต่ไมก่ ระทบตอ่ การตำเนินการตอ่ ไปตามคำสง่ั หวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแห่งชาตินั้น แกบ่ คุ คลดังกลา่ ว มาตรา ๒๙ ระเบียบชองกระทรวงมหาดไทยที่ออกตามมาตรา ๗๔ (๙) แหง่ พระราชบัญญัตอิ งคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั พ.ศ. ๒๔๔๐ ซ่งึ แกไ้ ขเพิม่ เติมโดยพระราชบัญญตั ินี้ กฎหมายที่เกยี่ วขอ้ งกับการปฏบิ ้ติงานชององคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ

- ๓๔ - จะกำหนดใหค้ วามคุม้ ครองการจา่ ยเงนิ ทอี่ งคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดได้จ่ายไปแล้วก่อนวนั ทีร่ ะเบียบ ในเร่ืองนัน้ ใช้บงั คบั กไ็ ด้ แต่ใหค้ ้มุ ครองได้เฉพาะทีไ่ ดจ้ า่ ยไปโดยสจุ รติ และเปน็ ไปตามหนงั สอื สง่ั การ หรอื หนงั สือกำหนดแนวทางปฏิบัตขิ องกระทรวงมหาดไทยทีอ่ อกกอ่ นวนั ทพ่ี ระราชบญั ญตั นิ ใ๋ี ซ้บังคับ ระเบียบของกระทรวงมหาดไทยทีอ่ อกตามมาตรา ๗๔ (๙) แห่งพระราชบัญญัติ องค์การบริหารสว่ นจงั หวดั พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึง่ มีผลใชบ้ ังคับอยู่ในวันกอ่ นวนั ทพี่ ระราชบัญญัตินใ้ี ช้บงั คับ และมกี ารกำหนดให้ความคุม้ ครองการจา่ ยเงินทีอ่ งคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดได้จ่ายไปแล้วก่อนวนั ที่ ระเบยี บดังกลา่ วใช้บงั คบั เฉพาะท่ีไดจ้ ่ายไปโดยสจุ รติ และเป็นไปตามหนงั สอื สัง่ การหรือหนังสือกำหนด แนวทางปฏิบตั ขิ องกระทรวงมหาดไทย ใหม้ ีผลใช้บงั คับได้ มาตรา ๓๐ ใหร้ ัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทยรกั ษาการตามพระราชบัญญัตนิ ้ี หมายเหตุ เหตผุ ลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญัติฉบบั น้ี คือ โดยทเี่ ป็นการสมควรแก้ไขเพ่ิมเติม บทบัญญัติเก่ยี วกบั คณุ สมบตั ิและลกั ษณะตอ้ งห้ามของผู้มีสิทธสิ มัครรบั เลือกตง้ั เปน็ สมาชกิ สภา องค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดและนายกองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัด และจำนวนสมาชิกสภาองคก์ าร บริหารส่วนจังหวัดให้สอดคลอ้ งกับกฎหมายว่าด้วยการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาท้องถน่ิ หรือผบู้ ริหาร ท้องถ่นิ รวมทง้ั แกไ้ ขเพิ่มเติมการสนิ สุดสมาชิกภาพของสมาซิกสภาองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั การพ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั รองนายกองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั เลขานกุ ารนายกองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด และท่ีปรกึ ษานายกองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัด รวมทั้ง การกระทำอันเปน็ การต้องห้ามของนายกองค์การบริหารส่วนจงั หวดั รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เลขานกุ ารนายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัด ท่ปี รกึ ษานายกองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัด และสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนจงั หวัด ตลอดจนอำนาจหนา้ ท่ขี ององคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั และการกำกับ ดแู ลองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั เพื่อให้ไต้มาซ่งึ สมาชกิ สภาองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัด นายกองค์การ บริหารสว่ นจังหวัด และผทู้ ำหนา้ ท่ชี ว่ ยเหลือในการบรหิ ารราชการขององค์การบริหารส่วนจงั หวัด ทเ่ี หมาะสมแก่การปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ มคี วามซ่ือสัตย์สุจริต สามารถปฏิบตั ิหน้าทเี่ พ่ือประโยชนแ์ กส่ ่วนรวม เปน็ ไปตามหลักธรรมาภบิ าล และมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญตั นิ ้ี กฎพายทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั การปฏิปตี งิ านชององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook