ปฏทิ ิน การปฏบิ ตั ิงานการดาเนนิ การจดั สอบ O-NET ชนั้ ประถมศึกษาปี ท่ี 6 มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 3 ปี การศกึ ษา 2563 กิจกรรม ช่วงเวลา นักเรยี นและโรงเรียนสมัครและยืนยนั สทิ ธ์สิ อบ ผา่ นระบบ O-NET ที่ 25 ม.ค. – 5 ก.พ. 64 www.niets.or.th ศนู ย์สอบจัดสนามสอบและห้องสอบ ผ่านระบบ O-NET ที่ 10 ก.พ. – 15 ก.พ. 64 www.niets.or.th ศนู ยส์ อบแตง่ ตั้งคณะกรรมการระดับสนามสอบและตัวแทนศนู ยส์ อบ 10 ก.พ. – 19 ก.พ. 64 สทศ.ส่งคูม่ อื การจัดสอบ O-NET ระดับสนามสอบและ DVD การจัดสอบ 17 ก.พ. – 19 ก.พ. 64 สทศ.ประกาศรายชือ่ ผมู้ สี ิทธิส์ อบ 19 ก.พ. 64 สทศ.โอนเงนิ จดั สรรการจดั สอบใหศ้ ูนยส์ อบ 25 ก.พ. 64 สทศ.ส่งเอกสารและอุปกรณ์การจดั สอบใหศ้ ูนย์สอบ 3 – 5 มี.ค. 64 ศนู ย์สอบจดั ประชุมชี้แจงคณะกรรมการระดับสนามสอบ 9 ม.ี ค. 64 สทศ.จดั ส่งแบบทดสอบและกระดาษคาตอบไปยงั ศนู ยส์ อบ 7 – 11 ม.ี ค. 64 ศูนย์สอบจัดประชุมชแี้ จงตวั แทนศนู ยส์ อบ 12 ม.ี ค. 64 สนามสอบรับกล่องแบบทดสอบและกลอ่ งกระดาษคาตอบจากศนู ย์สอบ วันสอบ วันสอบ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 13 ม.ี ค. 64 วนั สอบ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 3 13 – 14 มี.ค. 64 ศนู ยส์ อบสง่ กล่องกระดาษคาตอบให้ สทศ. (ตามกาหนดของแตล่ ะศนู ย์สอบ) 15 – 19 มี.ค. 64 ประกาศผลสอบ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6 ผา่ น www.niets.or.th 21 เม.ย. 64 ประกาศผลสอบ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 ผ่าน www.niets.or.th 22 เม.ย. 64 ศนู ยส์ อบรายงานผลการจัดสอบและสรุปค่าใช้จ่ายการจดั สอบผ่านระบบ 15 พ.ค. 64 ศนู ย์สอบรายงานการทาลายแบบทดสอบให้ สทศ. ทราบ 22 พ.ค. 64
บทสรปุ ผู้บรหิ าร กาหนดการสอบ O-NET ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 และช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 ปีการศกึ ษา 2563 - ชนั้ ป.6 สอบวันท่ี 13 มีนาคม 2564 ประกาศผลสอบ 21 เมษายน 2564 - ช้นั ม.3 สอบวนั ที่ 13-14 มีนาคม 2564 ประกาศผลสอบ 22 เมษายน 2564 การประกาศผลสอบ สถาบนั ทดสอบฯ กาหนดการประกาศคะแนนผูเ้ ขา้ สอบผา่ นเวบ็ ไซต์ สทศ. www.niets.or.th โดยเข้าเมนูประกาศผลสอบ O-NET การประกาศคะแนนสอบสามารถดูได้ ทั้งในระดับโรงเรียน (โรงเรียนใช้ Username และ Password ) และระดับรายบุคคล (นักเรียนใช้ เลขบตั รประจาตัวประชาชน) ผมู้ สี ทิ ธ์เิ ข้ารบั การทดสอบ คอื นักเรยี นท่ีกาลงั ศกึ ษาช้ัน ป.6 และ ม.3 ปกี ารศึกษา 2563 ทุกสังกดั วธิ ีการเข้ารับการทดสอบ 1) วิธีการสมัครสอบ : สถานศึกษาหรือนักเรียนสมัครผ่านระบบ O-NET www.niets.or.th “ระบบสมัครและยืนยันการเข้าสอบ” ระหว่างวันที่ 25 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ 2564 โดยไม่เสียค่า สมัครสอบ 2) ประกาศรายช่ือผมู้ ีสทิ ธิส์ อบและสนามสอบ : วันท่ี 19 กุมภาพันธ์ 2564 3) กาหนดการสอบ : - ป.6 สอบวันเสาร์ท่ี 13 มีนาคม 2564 - ม.3 สอบวนั เสารท์ ี่ 13 และวันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564 4) ประกาศผลสอบ : - ป.6 ประกาศผลสอบวนั ที่ 21 เมษายน 2564 - ม.3 ประกาศผลสอบวนั ท่ี 22 เมษายน 2564 5) การรายงานผลสอบ กรณีโรงเรียนยืนยันรายชื่อนักเรียน : สทศ. จะรายงานผลการทดสอบระดับโรงเรียน (ทั้ง 6 ฉบับ) และระดบั รายบุคคล กรณนี กั เรยี นสมคั รสอบด้วยตนเอง : สทศ. จะรายงานผลการทดสอบระดบั รายบุคคล สทศ. ได้เตรียมความพร้อมตั้งแต่ข้ันตอนการดาเนินการก่อนสอบ การจัดเตรียมสนามสอบ/ หอ้ งสอบ และการดาเนินการในวันสอบตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด–19 ของรฐั บาล กระทรวงสาธารณสุข ศูนยบ์ ริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด–19 (ศบค.) และหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งกาหนดอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือโควิด –19 มีความรุนแรงขึ้น คณะกรรมการ สทศ. จะพิจารณาดาเนินการจัดการทบทวนในเร่ืองของวันเวลาในการทดสอบ และ รูปแบบการจัดการทดสอบให้เหมาะสม และเป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติด เชอ้ื โควิด–19 โดยคานึงถงึ ประโยชน์ และความปลอดภัยของผ้เู ข้าสอบเปน็ สาคญั โรงเรียนทสี่ มคั รและยืนยัน -ป.6 =168 โรง จาก 181 โรง (โรงเรียนบา้ นดงมะก้มุ ไมม่ ีข้อมูลนกั เรียน ป.6 ในระบบ) -ม.3 = 53 โรง จาก 63 โรง (รวมโรงเรียนพระปรญิ ัติธรรมฯวดั ทุ่ง อ.อากาศอานวย) จานวนนักเรียนทีส่ มัครสอบ - ป.6 จานวน 182 โรง มนี ักเรียนท้งั หมด 3,544 คน สมัครสอบ 2,897 คน คดิ เป็น 82% - ม.3 จานวน 63 โรง มีนักเรียนท้งั หมด 1,119 คน สมัครสอบ 734 คน คดิ เป็น 66% จานวนนกั เรยี นท่ีเข้าสอบ นักเรยี นเข้าสอบ 2,624 คน คดิ เป็น 90.58% - ป.6 สมคั รสอบ 2,897 คน นกั เรยี นเขา้ สอบ 664 คน คิดเปน็ 90.46% - ม.3 สมัครสอบ 734 คน คณะกรรมการระดับสนามสอบ ศูนย์สอบ สพป.สกลนคร เขต 3 ได้ดาเนินการคัดเลือกคณะกรรมการระดับศูนย์สอบตาม รายชื่อเดิม ท่ีศูนย์เครือข่ายสถานศึกษาเสนอชื่อมา และจัดทาคาส่ังแจ้งให้ทราบภายในวันที่ 25 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 การประชมุ -ประชุมศูนย์สอบวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 ณ ห้องประชุมไมตรีจิต (คาสั่ง สพป.สกลนคร เขต 3 ที่ 23/2564 ลงวันที่ 15 กมุ ภาพนั ธ์ 2564) -ศูนย์สอบประชุมช้ีแจงหัวหน้าสนามสอบ/ผู้ประสานงานสนามสอบ 9 มีนาคม 2564 ณ ห้องประชุมศาลากลางน้า พร้อมรับอุปกรณ์ในการจัดสนามสอบ (คาส่ัง สพป.สกลนคร เขต 3 ที่ 29/2564 - 61/2564 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564) -หวั หนา้ สนามสอบจัดประชุมกรรมการระดบั สนามสอบ 10-12 มนี าคม 2564 ณ สนามสอบ -ศูนย์สอบประชุมช้ีแจงตัวแทนศูนย์สอบ 12 มีนาคม 2564 ณ ไมตรีจิต (คาสั่ง สพป. สกลนคร เขต 3 ท่ี 24/2564 ลงวันท่ี 15 กุมภาพันธ์ 2564 และท่ี 81/2564 ลงวันท่ี 10 มีนาคม 2564)
ขอ้ มูลสนามสอบ สนามสอบ ม.3 (15 สนามสอบ) สนามสอบ ป.6 (18 สนามสอบ) 1 เพยี พิทยาพัฒน์ 1. บา้ นคาตากลา้ 2 ขาวสง่าเจริญวทิ ย์ 2. เพียพิทยาพฒั น์ 3 ชมุ ชนบ้านห้วยหลวั 3. บอ่ แก้วดงมะไฟมติ รภาพที่ 81 4 บอ่ แก้วดงมะไฟมติ รภาพที่ 81 4. บา้ นโพธ์ิชัย 5 ชมุ ชนขัวสงู สวรรค*์ (สอบ รร.เดอื่ ฯ) 5. บา้ นหนองท่มทา่ กระดนั 6 บ้านท่าศรีไคล 6. บา้ นหนองแอก 7 บ้านทุ่งโพธ์ิ 7. อนุบาลบ้านม่วง 8 บา้ นนาซอ 8. บา้ นกดุ เรอื คา 9 บ้านสุวรรณครี ี 9. บา้ นขวั ก่าย 10 บ้านอินทร์แปลง 10. บา้ นเดอื่ ศรีคันไชย 11 ชุมชนบา้ นกลางนาโน 11. บา้ นทงุ่ โพธิ์ 12 บ้านดงสาร 12. บ้านธาตุตาลเดีย่ ว 13 บา้ นนากะทาด 13. บา้ นวานรนวิ าส (ราษฎรบ์ ารงุ ) 14 บ้านนาเมอื ง* (สอบ รร.บ้านอากาศ) 14. บา้ นห้วยหนิ ลาด 15 พระปรยิ ตั ิธรรม(สามัญศึกษาวดั ท่งุ ) 15. ชุมชนบ้านกลางนาโน 16. ชมุ ชนบา้ นโพนงาม 17. บ้านนากะทาด 18. บ้านอากาศ
สรุปผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6, ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ปีการศึกษา 2563 สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี การศกึ ษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 1. ผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติขั้นพ้นื ฐาน (O-NET) ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 6 1.1 ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติขน้ั พน้ื ฐาน (O-NET) ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 6 1.1.1 คะแนนเฉล่ียรวม 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2563 ของโรงเรียนสังกัด ต่ากวา่ คะแนนเฉลี่ยของโรงเรียนรวมทกุ สังกดั (ระดับประเทศ) 1.1.2 คะแนนเฉล่ียของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ ภาษาต่างประเทศ (อังกฤษ) ของโรงเรียนสังกัด มีคะแนนเฉลี่ยต่ากว่าคะแนนเฉล่ียของโรงเรียนรวม ทุกสังกัด (ระดับประเทศ)
1.2 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพื้นฐาน (O-NET) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2562 กบั ปีการศกึ ษา 2563 1.2.1 คะแนนเฉลย่ี รอ้ ยละรวมทกุ กลุ่มสาระการเรียนรทู้ ่ีทดสอบท้งั 4 วชิ า ปีการศึกษา 2563 เพิม่ ขนึ้ เมอ่ื เทยี บกับปกี ารศึกษา 2562 (คะแนนเฉล่ยี รอ้ ยละเพมิ่ ข้นึ 10.79) 1.2.2 คะแนนเฉลยี่ รอ้ ยละของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ปกี ารศกึ ษา 2563 มีคะแนนเฉล่ียร้อยละ เพ่ิมขึ้นจากปีการศึกษา 2562 จานวน 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ เรียงลาดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ คือ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ (องั กฤษ) ภาษาไทย และวิทยาศาสตร์ (20.97 15.31 และ 12.07) ตามลาดับ ส่วนกลุม่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์มคี ะแนนเฉล่ยี ร้อยละลดลง (7.53)
2. ผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาตขิ นั้ พื้นฐาน (O-NET) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 2.1 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติขั้นพนื้ ฐาน (O-NET) ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 2.1.1 คะแนนเฉลี่ยรวม 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2563 ของโรงเรียนสังกัด ตา่ กว่าคะแนนเฉลยี่ ของโรงเรียนรวมทุกสังกัด (ระดบั ประเทศ) 2.1.2 คะแนนเฉล่ียของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ ภาษาต่างประเทศ (อังกฤษ) ของโรงเรียนสังกัด มีคะแนนเฉล่ียต่ากว่าคะแนนเฉล่ียของโรงเรียนรวม ทกุ สังกดั (ระดบั ประเทศ)
2.2 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพ้ืนฐาน (O-NET) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสังกัด ปกี ารศึกษา 2562 กบั ปกี ารศึกษา 2563 2.2.1 คะแนนเฉลี่ยร้อยละรวมทุกกลุ่มสาระการเรยี นร้ทู ี่ทดสอบทัง้ 4 วิชา ปกี ารศึกษา 2563 ลดลงเม่ือเทยี บกับปกี ารศึกษา 2562 (คะแนนเฉล่ียรอ้ ยละลดลง 1.32) 2.2.2 คะแนนเฉลีย่ รอ้ ยละของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2563 มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ เพิ่มขึ้นจากปีการศึกษา 2562 จานวน 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย (คะแนนเฉล่ยี ร้อยละเพิม่ ขึ้น 0.10) 2.2.3 คะแนนเฉลี่ยร้อยละของกล่มุ สาระการเรียนรู้ ปกี ารศกึ ษา 2563 มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ ลดลงจากปีการศึกษา 2562 จานวน 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ เรียงลาดับจากมากไปหาน้อย ดังน้ี คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาต่างประเทศ (อังกฤษ) (คะแนนเฉลี่ย รอ้ ยละลดลง 4.08 2.77 และ 0.18) ตามลาดับ
3. ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาตขิ นั้ พ้ืนฐาน (O-NET) ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 3.1 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาตขิ ั้นพืน้ ฐาน (O-NET) ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 3.1.1 คะแนนเฉล่ียรวม 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2563 ของโรงเรียนสังกัด ตา่ กวา่ คะแนนเฉลย่ี ของโรงเรียนรวมทกุ สังกัด (ระดับประเทศ) 3.1.2 คะแนนเฉล่ียของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของโรงเรียนสังกัด มีคะแนนเฉลี่ย สูงกวา่ คะแนนเฉล่ยี ของโรงเรยี นรวมทกุ สงั กัด (ระดบั ประเทศ) 3.1.3 คะแนนเฉล่ียของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา และ ภาษาต่างประเทศ (อังกฤษ) ของโรงเรียนสังกัด มีคะแนนเฉลี่ยต่ากว่าคะแนนเฉลี่ยของโรงเรียนรวม ทกุ สังกัด (ระดบั ประเทศ)
3.2 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพ้ืนฐาน (O-NET) ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนสังกัด ปกี ารศึกษา 2562 กับปกี ารศึกษา 2563 3.2.1 คะแนนเฉล่ยี รอ้ ยละรวมทุกกลมุ่ สาระการเรียนรูท้ ท่ี ดสอบทัง้ 5 วชิ า ปกี ารศึกษา 2563 เพิ่มขนึ้ เมือ่ เทยี บกบั ปีการศึกษา 2562 (คะแนนเฉล่ียรอ้ ยละเพิ่มขน้ึ 12.91) 3.2.2 คะแนนเฉล่ยี รอ้ ยละของกลุม่ สาระการเรยี นรู้ ปีการศึกษา 2563 มีคะแนนเฉล่ียร้อยละ เพิ่มข้ึนจากปีการศึกษา 2562 จานวน 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ เรียงลาดับจากมากไปหาน้อย คอื กลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และภาษาไทย (คะแนนเฉล่ียร้อยละเพ่ิมขึ้น 59.41 39.71 และ 3.40) 2.2.3 คะแนนเฉลี่ยร้อยละของกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ปีการศึกษา 2563 มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ ลดลงจากปีการศึกษา 2562 จานวน 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ เรียงลาดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ คือ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ (อังกฤษ) และสงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม (คะแนน เฉล่ียรอ้ ยละลดลง 8.38 และ 3.05) ตามลาดับ
คำนำ รายงานค่าสถิติการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2563 สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 สาหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 และชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 เป้าหมายสาคญั เพ่อื เปน็ การควบคุมและรักษาคุณภาพ การศกึ ษาของสถานศึกษาตา่ งๆ ในเขตพืน้ ที่การศกึ ษาให้ได้และมีมาตรฐานใกล้เคียงกัน จึงดาเนินการ จัดให้มีการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานเพื่อเป็นการประกันคุณภาพผู้เรียน ดังน้ัน เมื่อการจัดสอบแล้วเสร็จจึงได้นาผลการทดสอบสู่การวิเคราะห์เพื่อให้เห็นผลการพัฒนาทั้งระดับ เขตพ้ืนที่และระดับสถานศึกษา อีกทั้งเปรียบเทียบกับผลการประเมินของสานักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ซ่ึงผลการทดสอบท่ีได้นอกจากจะเป็นตัวบ่งชี้คุณภาพการศึกษาของประเทศ ในภาพรวมแล้วยังใช้เป็นข้อมูลสาคัญประกอบการตัดสินใจในการกาหนดนโยบายระดับชาติ และใชว้ างแผนในการพฒั นาคุณภาพการศึกษาต่อไป ขอขอบคุณคณะครู นักเรียนและผู้บริหารโรงเรียนทุกท่านท่ีให้ความสาคัญกับการทดสอบ ทางการศึกษาระดับชาติข้ันพ้ืนฐานในคร้ังน้ี ขอขอบคุณผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา รองผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา ศึกษานิเทศก์ และบุคลากรทางการศึกษาทุกท่านท่ีได้ ให้การ สนั บส นุน สา หรั บกา รป ระเมินเ พ่ือเป็ นฐ านในการ พัฒ นา คุณภา พให้ เป็ นไปต ามมา ตร ฐา น การศึกษาที่วางไว้ กลมุ่ งานวัดและประเมนิ ผลการศึกษา กลุ่มนิเทศ ติดตาม และประเมนิ ผลการจดั การศึกษา สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาสกลนคร เขต 3 พฤษภาคม 2564
สารบัญ หนา้ ตอนที่ 1 การทดสอบทางการทางการศึกษาระดับชาติขนั้ พ้ืนฐาน (O-NET) 0 มาตรฐานการทดสอบทางการศกึ ษาแห่งชาติ 0 มาตรฐานการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติ ระดบั ศนู ยส์ อบ 0 มาตรฐานการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติ ระดบั สนามสอบ 0 วตั ถุประสงค์ของการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐาน (O-NET) 0 แนวคดิ เกี่ยวกบั การวัดและประเมนิ ผลทางการศึกษา 0 แนวคิดการประเมินผลการจดั การเรยี นการสอน 0 แนวคิดเกีย่ วกบั การประเมนิ คุณภาพการศึกษา 0 การนาผลการทดสอบโอเนตไปใชใ้ นการพัฒนาการเรียนการสอนและยกระดับ 0 ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน การดาเนนิ การทดสอบ O-NET ชัน้ ป.6 ม.3 ปีการศกึ ษา 2563 0 เคร่ืองมือที่ใชท้ ดสอบ 0 ตอนที่ 2 ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาตขิ น้ั พ้นื ฐาน (O-NET) ปกี ารศึกษา 2563 0 ภาพรวมระดับเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษา ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาตขิ ้ันพนื้ ฐาน ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 0 0 ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาติข้ันพ้นื ฐาน ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 0 0 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาตขิ ้ันพ้นื ฐาน ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 อภปิ รายผลและข้อเสนอแนะการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติข้นั พนื้ ฐาน (O-NET) ปกี ารศึกษา 2563
สารบัญ หนา้ ตอนที่ 3 ค่าสถิติการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้นั พ้ืนฐาน (O-NET) 0 ปกี ารศกึ ษา 2563 ภาพรวมระดบั เขตพ้ืนทก่ี ารศึกษา และระดบั สถานศึกษา คา่ สถิตแิ ยกตามสาระการเรียนรู้ ระดับเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6 0 คา่ สถิติแยกตามสาระการเรียนรู้ ระดบั เขตพื้นท่ีการศึกษา ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 0 คา่ สถิติแยกตามสาระการเรยี นรู้ ระดบั เขตพนื้ ท่ีการศกึ ษา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 0 คา่ สถติ ิแยกตามมาตรฐานการเรยี นรู้ ระดบั เขตพื้นท่ีการศึกษา 0 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 คา่ สถติ แิ ยกตามมาตรฐานการเรยี นรู้ ระดับเขตพื้นท่ีการศกึ ษา ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 3 0 คา่ สถติ แิ ยกตามมาตรฐานการเรยี นรู้ ระดบั เขตพื้นท่ีการศึกษา ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 6 0 คา่ สถิติพ้นื ฐานระดับสถานศึกษาเปรยี บเทียบกบั ระดบั เขตพนื้ ที่การศึกษา จงั หวดั 0 และประเทศ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 นาเสนอจาแนกตามรายวชิ า และเฉล่ียรวม 4 วชิ า 0 ค่าสถติ ิพน้ื ฐานระดับสถานศึกษาเปรียบเทยี บกบั ระดับเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษา จังหวดั และประเทศ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 นาเสนอจาแนกตามรายวิชา และเฉล่ียรวม 4 วิชา 0 คา่ สถติ พิ ืน้ ฐานระดบั สถานศกึ ษาเปรียบเทยี บกับระดบั จังหวัด และประเทศ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 นาเสนอจาแนกตามรายวิชา และเฉลี่ยรวม 5 วิชา บรรณานกุ รม 0 ภาคผนวก 0 คณะผู้จัดทา 0
1 ตอนที่ 1 การทดสอบทางการทางการศกึ ษาระดับชาตขิ น้ั พน้ื ฐาน (O-NET) การประเมินผล (Evaluation) ถือเป็นเรื่องที่สาคัญมากต่อการดาเนินนโยบายสาธารณะ (Public policy) โดยเฉพาะอย่างย่ิงการบริหารภาครัฐด้วยกระบวนทัศน์ใหม่ (New Paradigm) ที่มุ่งเน้นการบริหารเชิงนโยบายแบบมุ่งผลสัมฤทธ์ิ (Result Base Management) ซึ่งเป็นการมอง การบริหารแบบองค์รวมที่ให้ความสาคัญท้ังเรื่องผลผลิต ผลลัพธ์ และผลกระทบท่ีเกิดจากการ นานโยบายไปสู่การปฏิบัติ (Implementation) ซึ่งผลสัมฤทธ์ิดังกล่าวจะสามารถสะท้อนภาพ ให้ผู้กาหนดนโยบายและผู้ดาเนินงานได้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมด้วยกระบวนการด้านการประเมินผล ดังน้ี บทบาทของการประเมินผลจึงยิ่งทวีความสาคัญมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากการเป็นส่วนหนึ่ง ของข้ันตอนตามกระบวนการทางนโยบายแล้ว ยังเปรียบเสมือนกระจกสะท้อนภาพความสาเร็จ หรือความล้มเหลวของการดาเนินนโยบายในระดับต่างๆในเชิงประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ผลสัมฤทธ์ิ ความค้มุ คา่ และผลกระทบตอ่ ผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องในมิตติ ่างๆ เพื่อนาจุดบกพร่องกลับมาปรับปรุงแก้ไข การดาเนินงาน ให้มีประสิทธิภาพ ท้ังยังสามารถนามาใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Making) ของผู้กาหนดนโยบายในกรณีท่ีต้องการดาเนินนโยบายในลักษณะที่ใกล้เคียงกันในอนาคต อกี ดว้ ย จากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2545 และ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2553 มาตรา 47 กาหนดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาในทุกระดับและมาตรา 48 ได้ให้หน่วยงานต้นสังกัดและ สถานศึกษา จัดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาและให้ถือว่าการประกัน คุณภาพภายในเป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดาเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดทารายงานประจาปีเสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเปิดเผย ต่อสาธารณชนเพื่อนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาและเพื่อรองรับการประกัน คณุ ภาพภายนอก การประเมนิ คุณภาพการศึกษาขัน้ พน้ื ฐานจึงเป็นกระบวนการวิธีการเพื่อให้ได้ข้อมูล ที่จะเป็นตัวบ่งช้ีถึงผลสาเร็จในการจัดการศึกษาซึ่งเป็นส่วนประกอบสาคัญในการประกันคุณภาพ ภายใน ดังนั้นหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ.2551 จึงกาหนดแนวทางการวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ เพ่ือให้ได้ข้อมูลสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการความก้าวหน้าและความสาเร็จ ทางการเรียนของผู้เรียน ซึ่งสถานศึกษาต้องจัดให้มีการประเมินผลการเรียน ให้เป็นไป ในมาตรฐาน เดียวกันทั้งในระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษาและระดับชาติ ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการประเมินจะนาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน และคุณภาพการจัดการศึกษา
2 ของสถานศึกษาแตล่ ะแห่ง และเพ่ือเป็นสารสนเทศรองรบั บรบิ ทของการประเมินภายนอกเพื่อเป็นการ ตรวจสอบ ควบคมุ กากับดแู ล และรักษาคณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษา (ชอบ ลีชอ, 2547 : 8) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กาหนดให้มีการวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ใน 4 ระดับ ได้แก่ 1) ระดับชั้นเรียน เป็นการวัดและประเมินผล ท่ีอยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้โดยผู้สอนดาเนินการอย่างเป็นปกติและสม่าเสมอในการจัดการเรียนการ สอน มีการใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย 2) ระดับสถานศึกษา เป็นการประเมินท่ี สถานศึกษาดาเนินการเพื่อตัดสินผลการเรียนของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 3) ระดับเขตพ้ืนที่ การศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรู้ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน และ 4) ระดับชาติ ซ่ึงสถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคน ที่เรียนในช้ันประถมศึกษาปีที่ 3 ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 และช้ันมัธยมศึกษา ปีที่ 6 เข้ารับการประเมิน โดยสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ซึ่งเป็น หน่วยงานของรัฐ จัดตั้งข้ึนตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2548 มีอานาจหน้าที่ในการดาเนินการเกี่ยวกับการประเมินผลการจัด การศึกษาและการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติตลอดจนให้ความร่วมมือและสนับสนุนการทดสอบ ทั้งระดับเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษา และสถานศึกษาเป็นองค์กรกลางในการศึกษา วิจัย พัฒนาและให้บริการ ประเมินผลทางการศึกษาและทดสอบทางการศึกษาได้ดาเนินการจัดทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ ขนั้ พ้ืนฐาน (O-NET) โดยขอ้ สอบของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องคก์ ารมหาชน) O-NET คือ การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐาน เป็นการทดสอบเพ่ือ วัดความรู้และความคิดของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษา ปที ่ี 6 ประเมนิ ตามมาตรฐานการเรียนร้ใู นหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 โดยมีวตั ถปุ ระสงค์เพือ่ ทดสอบความร้แู ละความคิดของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 และในปีการศึกษา 2563 กระทรวงศึกษาธิการได้มีประกาศไม่ให้ นาผลการทดสอบไปใช้เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการจบการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เหมือนเช่นกับท่ีผ่านมา แต่ให้นาผลการทดสอบไปใช้ในการปรับปรุง คุณภาพการเรียนการสอนของโรงเรียน เพื่อนาผลการทดสอบไปใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้ของ นักเรียนระดับชาติ และเพื่อนาผลการทดสอบไปใช้ในวัตถุประสงค์อ่ืน นอกจากน้ี กระทรวงศึกษาธิการ กาหนดให้มีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ระดับชาติตามมาตรฐาน การเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 โดยจัดให้ผู้เรียนทุกคน สมัครใจเข้ารับการทดสอบระดับชาติ โดยมิได้มีการบังคับ และให้สถาบันทดสอบทางการศึกษา แห่งชาติ (องค์การมหาชน) มีภาระหน้าที่ในการจัดสอบวัดผลระดับชาติให้แก่นักเรียนทุกคน
3 ทส่ี มคั รใจสอบ เพ่ือโรงเรียนจะได้นาผลประเมินที่ได้ไปปรับปรุงการเรียนการสอน และเพื่อนาผลการ ทดสอบไปใช้ในวัตถุประสงค์อ่ืนๆต่อไป จะเหน็ ได้วา่ นบั ตั้งแต่มีการกระจายอานาจการวัดและประเมินผลการศึกษาสู่สถานศึกษา การตัดสนิ ได้หรอื ตก และการอนุมตั ิการสาเร็จการศึกษาจึงเป็นอานาจของสถานศึกษา การจัดการเรียน การสอนของสถานศึกษาทั่วประเทศจะใช้หลักสูตรอันเดียวกันของกระทรวงศึกษาธิการแต่ความ หลากหลายในทางปฏิบัติในเรื่องของรูปแบบการเรียนการสอน ตลอดจนการวัดและประเมินผลได้ เกิดข้ึนอย่างหลีกเล่ียงไม่ได้ ท้ังในสถานศึกษาต่างๆ ภายในภูมิภาคเดียวกันและต่างภูมิภาค เพื่อเป็น การควบคุมและรักษาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาต่างๆ ท่ัวประเทศให้มีมาตรฐานใกล้เคียงกัน กระทรวงศึกษาธิการ จึงดาเนินมาตรการจัดให้มีการประเมินคุณภาพการศึกษาระดับชาติและได้ มอบหมายให้ส่วนภูมิภาคดาเนินการประเมินผลในบางระดับช่วงชั้น ซ่ึงผลการประเมินท่ีได้นอกจาก จะเป็นตวั บ่งชี้คุณภาพการศึกษาของประเทศในภาพรวมแล้ว ยังใช้เป็นข้อมูลสาคัญประกอบการตัดสินใจ ในการกาหนดนโยบายระดับชาติ และใช้วางแผนในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาระดับเขตพื้นที่ การศึกษาและระดบั สถานศึกษา สาหรับปีการศึกษาที่ผ่านมาน้ัน สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 ได้ทาการประเมนิ คณุ ภาพผูเ้ รยี นนาผลส่กู ารวิเคราะห์ข้อมูลท่ีครบถ้วนเพื่อการวางแผนพัฒนาคุณภาพ การศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ ดังน้ัน ในปีการศึกษา 2563 น้ี สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา ประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 ร่วมกับสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้จัดการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพื้นฐาน ปีการศึกษา 2563 โดยการสารวจและ ประชาสัมพันธ์ให้โรงเรยี นในสงั กดั ในช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6 ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 3 ท่ีมีนักเรียนสมัครใจ สอบ และช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 (สอบทุกคน) ปฏิบัติตามแนวทางการจัดสอบอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ได้ ผลการทดสอบคณุ ภาพผู้เรียนที่น่าเชื่อถือและตรงสภาพบ่งช้ีคุณภาพการศึกษาอย่างสมเหตุสมผล ดังนั้น เมื่อการจัดสอบได้เสร็จส้ินจึงได้นาผลการสอบสู่การวิเคราะห์เพื่อนาไปใช้พัฒนาคุณภาพการศึกษา ซึ่งผลการทดสอบนอกจากจะเป็นตัวบ่งชี้คุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้วยังใช้เป็นข้อมูลในการ วางแผนพฒั นาคุณภาพการศึกษาระดับสถานศึกษาและระดับเขตพ้ืนที่การศึกษาต่อไป
4 มาตรฐานการทดสอบทางการศกึ ษาแห่งชาติ สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) จัดทามาตรฐานการทดสอบทาง การศึกษาแห่งชาติ เพื่อให้ดาเนินงานเก่ียวกับการบริหารการทดสอบ การจัดระบบวิธีการทดสอบ บุคลากรที่เกี่ยวขอ้ งกบั การทดสอบ การพฒั นาเครือ่ งมือวัดและประเมินผล การรายงานผลและการนา ผลไปใช้ มีมาตรฐานเป็นท่ียอมรับท้ังในระดับชาติ และระดับนานาชาติ จึงจาเป็นต้องกาหนด มาตรฐานการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติข้ึน โดยมีคณะอนุกรรมการยกร่างการกาหนดมาตรฐาน การทดสอบทางการศกึ ษา ทาหน้าที่กาหนดขอบเขตและรายละเอียดของมาตรฐานแต่ละด้าน เพ่ือให้ ครอบคลุมโครงสรา้ งและการดาเนินงานของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) และสามารถนาไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมได้ โดยมาตรฐานที่ได้มีการจัดทาข้ึน ประกอบด้วยมาตรฐาน 5 ดา้ น ไดแ้ ก่ 1. มาตรฐานการบริหารการทดสอบ เป็นมาตรฐานเพ่ือการประกันคุณภาพว่าระบบการ บริหารการทดสอบมีความชัดเจน สามารถปฏิบัติได้จริง มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับและเช่ือถือได้ ในระดบั ชาติและระดบั นานาชาติ 2. มาตรฐานบุคลากรด้านการทดสอบ เป็นมาตรฐานเพื่อการประกันคุณภาพว่าบุคลากร ทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั การทดสอบมคี ุณภาพ คุณสมบตั ิและหนา้ ทเี่ ทียบตามมาตรฐานสากล 3. มาตรฐานการพัฒนาแบบทดสอบ เป็นมาตรฐานเพื่อการประกันคุณภาพว่าแบบทดสอบ ท่ีใช้ในการวัดและประเมินมีการพัฒนาอย่างมีระบบ มีข้ันตอนการดาเนินการท่ีเป็นมาตรฐาน เช่ือถือ ได้มีสารสนเทศเชิงประจักษ์ และเป็นแบบทดสอบท่ีมีคุณภาพด้านความตรง ความเที่ยง และ มคี วามยุติธรรม 4. มาตรฐานการพิมพ์ การรับ/ส่ง การตรวจ และการประมวลผล เป็นมาตรฐานเพื่อการ ประกันคุณภาพว่าระบบการพิมพ์แบบทดสอบและกระดาษคาตอบ มีการควบคุมและกากับการ ดาเนินงานอย่างมีข้ันตอนที่ชัดเจน มีมาตรการด้านความปลอดภัย และมีการเก็บรักษาความลับ อย่างรัดกุม มีกระบวนการตรวจให้คะแนนท่ีถูกต้อง มีระบบชัดเจนและสามารถตรวจสอบ ความผิดพลาดได้ และมีการรายงานผลด้วยคะแนนท่ีมีความหมายและมีการแปลคะแนนอย่าง เหมาะสมเทยี บเคยี งกบั ผลการทดสอบแตล่ ะครงั้ /ปี 5. มาตรฐานการรายงานผล และการนาผลไปใช้ เป็นมาตรฐานเพ่ือการประกันคุณภาพ วา่ การรายงานผลและการนาผลไปใชม้ ีความถูกต้อง เหมาะสม และเป็นธรรม
5 มาตรฐานการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาติ ระดับศูนย์สอบ 1. กากับใหผ้ ู้ท่เี กย่ี วข้องปฏบิ ัติตามคู่มือการจัดสอบ O-NET สาหรับสนามสอบและกรรมการ กลางและคู่มอื การจดั สอบ O-NET สาหรบั กรรมการคมุ สอบอย่างเครง่ ครัด 2. แต่งตั้งคณะทางานระดับศูนย์สอบ และคณะกรรมการระดับสนามสอบ เพื่อกากับ ดูแล การบริหารการจดั สอบใหเ้ ปน็ ไปด้วยความเรยี บร้อยและมีประสิทธิภาพ 3. จัดสนามสอบขนาดใหญป่ ระกอบด้วยหลายโรงเรียน ในชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ใช้หลักการ หนึ่งศูนย์เครือข่ายสถานศึกษาเป็นหนึ่งสนามสอบ ในชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 หน่ึงศูนย์เครือข่าย สถานศึกษาเป็นหน่ึงสนามสอบ หากมีความจาเป็นอย่างอ่ืนให้อยู่ในดุลยพินิจของประธานศูนย์สอบ (ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา) และคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลและ นเิ ทศการศกึ ษา เขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา (ก.ต.ป.น.) แตต่ ้องคานึงถงึ ความโปร่งใสและยตุ ธิ รรมในการสอบ 4. แต่งตั้งคณะกรรมการระดับสนามสอบ ประกอบด้วย ตาแหน่งหัวหน้าสนามสอบเป็น ผู้อานวยการโรงเรียนหรือผู้บริหารท่ีศูนย์สอบได้พิจารณาว่าเป็นบุคลากรท่ีมีความรู้ความสามารถใน การบริหารการทดสอบ กรรมการกลางและกรรมการคุมสอบ ซ่ึงเป็นครูจากต่างศูนย์เครือข่ายสาน ศึกษาท่ีเป็นสนามสอบท้ังชุดโดยใช้วิธีการหมุนไขว้กัน ยกเว้นเจ้าหน้าท่ีประสานงานระดับสนามสอบ เจ้าหน้าท่ีประชาสัมพันธ์ นักการภารโรง และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซ่ึงเป็นครู อาจารย์ โรงเรียนทเ่ี ปน็ สนามสอบ 5. รบั กล่องแบบทดสอบและกระดาษคาตอบจาก สทศ.และนาไปจัดเก็บรักษาไว้ในห้องมั่นคง หรือสถานท่ีทป่ี ลอดภัยและเป็นความลบั กอ่ นกระจายให้สนามสอบในตอนเชา้ วันสอบ 6. แต่งตั้งตัวแทนศูนย์สอบไปประจาทุกสนามสอบ สนามสอบละ 1 คน เพื่อกากับดูแลการ จัดสอบให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติในคู่มือฯ และเพื่อให้เกิดความยุติธรรม โปร่งใสและเป็นไปตาม มาตรฐานการทดสอบทางการศกึ ษาแหง่ ชาติ 7. กากับให้ตัวแทนศูนย์สอบเป็นผู้รับกล่องบรรจุแบบทดสอบและกล่องบรรจุ กระดาษคาตอบจากศูนยส์ อบ เพ่ือสง่ ใหส้ นามสอบในตอนเช้าวันสอบ 8. กากับให้ตัวแทนศูนย์สอบประจาสนามสอบ นากล่องบรรจุซองกระดาษคาตอบกลับและ เอกสารการจัดสอบ สง่ มอบให้ศูนยส์ อบหลงั จากเสรจ็ สนิ้ การสอบในแต่ละวัน 9. ศูนย์สอบต้องจัดเก็บรักษากล่องกระดาษคาตอบและเอกสารการจัดสอบ (เช่น สทศ.5 , สทศ.6) ในห้องที่ปลอดภยั ก่อนส่งมอบให้ สทศ. 10. สทศ. อนุญาตให้ศูนย์สอบ/สนามสอบ ดาเนินการทาลายแบบทดสอบภายใน 30 วัน หลงั สทศ.ประกาศผลสอบ
6 มาตรฐานการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาติ ระดับสนามสอบ 1. ปฏิบัติตามคู่มือการจัดสอบ O-NET สาหรับสนามสอบและกรรมการกลาง และคู่มือการ จดั สอบ O-NET สาหรบั กรรมการคุมสอบอย่างเคร่งครดั 2. ปฏบิ ัตติ ามประกาศของ สทศ.และระเบยี บการเขา้ ห้องสอบอย่างเครง่ ครัด 3. เตรียมความพร้อมก่อนการสอบ เก่ียวกับสถานท่ีสอบ ห้องสอบ และจัดให้มีการ ประชาสัมพันธก์ อ่ นการสอบ 4. ตัวแทนศูนย์สอบประจาสนามสอบ ทาหน้าที่รับ-ส่งแบบทดสอบและกระดาษคาตอบกับ ศนู ย์สอบในเช้าวนั สอบ ตามวนั และเวลาท่ศี นู ย์สอบนัดหมายและจัดเกบ็ รกั ษาใหป้ ลอดภัย 5. หัวหน้าสนามสอบเปิดกล่องบรรจุแบบทดสอบก่อนเวลาสอบไม่เกิน 1 ชั่วโมง ตามตารางสอบต่อหน้าตัวแทนศูนย์สอบหรือผู้ที่ศูนย์สอบมอบหมาย แล้วบันทึกรายละเอียดใน เอกสารให้ครบถ้วน 6. กรรมการกลางต้องแจกแบบทดสอบและกระดาษคาตอบให้ตรงตามตารางสอบ ห้ามไมใ่ ห้ กรรมการคุมสอบนาแบบทดสอบที่ยงั ไม่ถงึ เวลาสอบไปเกบ็ ไว้เพ่ือรอการสอบ 7. ก่อนกรรมการคุมสอบเปิดซองแบบทดสอบต้องมีการตรวจสอบความเรียบร้อยและ มตี วั แทนผูเ้ ขา้ สอบ 2 คน ลงชอ่ื รับรองในใบเซน็ ชอื่ ผู้เข้าสอบ (สทศ.2) 8. หลังเสร็จส้ินการสอบของแต่ละวิชา กรรมการคุมสอบต้องตรวจนับกระดาษคาตอบ ให้ครบถ้วนตามจานวนผเู้ ข้าสอบ และนาสง่ กรรมการกลางในทันที 9. กรรมการกลางต้องตรวจนับจานวนกระดาษคาตอบให้ถูกต้องอีกคร้ัง แล้วบรรจุลงในซอง กระดาษคาตอบปิดผนึกซองกระดาษคาตอบให้เรียบร้อย แล้วจึงมอบให้ตัวแทนศูนย์สอบทาหน้าท่ี นาสต๊กิ เกอรแ์ บบทาลายตัวเองปดิ ทบั ทป่ี ากซองกระดาษคาตอบ 10. ห้ามบุคคลอื่นที่ไม่ใช่กรรมการคุมสอบประจาห้องสอบเข้ามาภายในห้องสอบระหว่าง ทีม่ กี ารสอบ 11. หัวหน้าสนามสอบและกรรมการกลางเดินตรวจความเรยี บรอ้ ยระหว่างการสอบ 12. หัวหน้าสนามสอบและกรรมการกลางบรรจุซองกระดาษคา ตอบลงกล่องปรับขนาด (กล่องสาหรับบรรจซุ องกระดาษคาตอบกลบั สทศ.) และปิดผนึกให้เรียบร้อย แล้วนาส่งศูนย์สอบหลัง เสรจ็ สน้ิ การสอบในแตล่ ะวัน 13. หัวหน้าสนามสอบ ต้องกากับ ติดตามและตรวจสอบการจัดสอบให้เป็นไปด้วยความ เรยี บรอ้ ยตามคมู่ ือการจดั สอบฯ ใหม้ คี วามโปร่งใส ยุติธรรมและดาเนนิ การตามนโยบายของ สทศ.
7 วตั ถปุ ระสงคข์ องการทดสอบทางการศึกษาระดับชาตขิ ัน้ พืน้ ฐาน (O-NET) 1. เพ่ือทดสอบความรู้และความคิดรวบยอดของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 3 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 2. เพื่อนาผลการทดสอบไปใช้เป็นองค์ประกอบหน่ึงในการจบการศึกษา ตามตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ปีการศึกษา 2563 กระทรวงศึกษาธิการ มปี ระกาศยกเลกิ ) 3. เพอื่ นาผลการสอบไปใช้ในการปรบั ปรงุ คุณภาพการเรียนการสอนของโรงเรียน 4. เพื่อนาผลการทดสอบไปใช้ในการประเมนิ ผลการเรยี นร้ขู องนกั เรยี นระดบั ชาติ 5. เพื่อนาผลการทดสอบไปใช้ในวตั ถปุ ระสงค์อน่ื แนวคิดเก่ยี วกับการวัดและประเมนิ ผลทางการศกึ ษา ความหมายของการวดั และประเมนิ ผลทางการศกึ ษา การประเมินผลทางการศึกษานั้นในระยะแรกของวิทยาการประเมินของประเทศไทย ใช้คาว่าประเมินผล ที่มาจากคาว่า Evaluation นอกจากน้ัน การประเมินในปัจจุบันมีการใช้คาอ่ืนๆ เช่น คาว่า Assessment อาจมีความแตกต่างกัน ซึ่งอย่างไรก็ตามการวัดและประเมินผลทางการ ศึกษาน้ัน เป็นกระบวนการท่ีมีระบบแบบแผนเพ่ือท่ีจะตัดสินใจเกี่ยวกับผลสัมฤทธ์ิของนักเรียนว่า เป็นไปตามจุดมุ่งหมายมากน้อยเพียงใด การวัดและประเมินผลจะบอกทั้งปริมาณและคุณภาพร่วม ด้วย การตัดสินใจทางคุณค่าของพฤติกรรมต่างๆ ใน 2 ความหมาย คือ การลงข้อสรุป ตีราคา พฤติกรรมของนักเรียนในแง่ปริมาณโดยใช้การตัดสินใจ และเป็นการตีราคาพฤติกรรมของนักเรียน ในแง่คุณภาพโดยการเก็บรวบรวมข้อมูลหลักฐานด้วยวิธีอ่ืนๆ ที่ไม่ใช่วัดด้วยเคร่ืองมือวัดเชิงปริมาณ และใช้การตัดสินใจเชิงคุณภาพ ซึ่งที่กล่าวนี้เรียกว่า Evaluation คือการพิจารณาตรวจสอบคุณค่า ของสิ่งที่ประเมิน (วาสนา ประวาลพฤกษ์, 2544 : 16) จากข้อเสนอในการประเมินผลการเรียนรู้ตาม แนวของการปฏิรูปการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2542 จากรายงานการ วิจัยของ ศิริชัย กาญจนวาสี (2543 : 7-8) กล่าวว่า การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ถือว่าเป็นส่วน หนึ่งของการเรียนการสอนท่ีครูผู้สอนจะต้องกระทาอย่างต่อเน่ืองทั้งก่อน ระหว่างและหลังเสร็จสิ้น การเรียนการสอน โดยจะต้องครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ทักษะ ลักษณะนิสัย และคุณธรรม โดยเน้นการ พฒั นาผู้เรียนเปน็ สาคญั และต้องตอบสนองต่อเปูาหมายการเรียนรู้ระดับบุคคลสถานศึกษา ชุมชนและ ประเทศ รวมท้ังมีความเป็นสากลระดับนานาชาติ ซ่ึงการประเมินลักษณะน้ีจะเป็นลักษณะการ ประเมนิ เรยี กวา่ Assessment
8 ดังนั้น การวัดและประเมินผลคุณภาพผู้เรียนในคร้ังน้ี จึงเป็นการประเมินในลักษณะ Evaluation ซึ่งเป็นกระบวนการท่ีช้ีให้เห็นว่าการจัดการศึกษาได้บรรลุจุดมุ่งหมายที่ระบุไว้ใน หลักสูตรและการสอนหรือไม่ จุดมุ่งหมายทางการศึกษาท่ีสาคัญคือความต้องการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมของมนุษย์ ซึ่งหมายถึง การเปลี่ยนพฤติกรรมของนักเรียนให้เป็นไปในทางพึงปรารถนา การประเมินผลจึงเป็นกระบวนการท่ีกาหนดว่ามีการเปลี่ยนพฤติกรรมเกิดข้ึนเพียงใด ซึ่งจุดมุ่งหมาย สาคัญของการประเมิน สรุปได้ คือ เพื่อตัดสินว่าเปูาหมายของการศึกษาท่ีได้กาหนดไว้ในรูปของ จุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรมน้ันประสบความสาเร็จหรือไม่ ส่วนใดท่ีประสบความสาเร็จเก็บไว้ ส่วนใด ที่ไม่ประสบความสาเร็จให้ทาการปรับปรุงแก้ไขหรือตัดท้ิง และนอกจากนี้ มีจุดมุ่งหมายเพ่ือประเมิน ความก้าวหน้าทางการศึกษา ในอันท่ีจะช่วยให้เข้าใจปัญหาและความต้องการทางการศึกษาได้ และเพ่ือใช้ ขอ้ มลู นัน้ เป็นแนวทางในการปรบั ปรุงนโยบายทางการศึกษาที่คนสว่ นใหญเ่ ห็นดว้ ยได้ หลักของการวดั และประเมนิ ผลทางการศกึ ษา การทจี่ ะทาให้การวัดและประเมินผลทางการศึกษาเป็นไปอย่างถูกต้องมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับจิตวิทยาการเรียนรู้นั้น ได้มีผู้เสนอแนะไว้หลายประการ ซึ่งควรแก่การยึดเป็นหลักใน การปฏิบัติ ได้แก่ ต้องทาการวัดให้ตรงกับจุดมุ่งหมาย เพราะการวัดและประเมินผลการศึกษาเป็น กระบวนการตรวจสอบว่าการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนท่ีได้จัดให้กับผู้เรียนนั้น ผู้เรียนสามารถ บรรลุตามจุดมุ่งหมายมากน้อยเพยี งใด ดังน้นั การวัดและการประเมินผลแต่ละคร้ังจึงต้องมีจุดมุ่งหมาย ที่แน่นอนในการวัด และในการสอนก็ต้องยึดหลักสูตรเป็นหลักในการวิเคราะห์หลักสูตร แล้วจึงตั้ง จุดมุ่งหมายและวัดให้ตรงกับจุดมุ่งหมาย หากการวัดแต่ละคร้ังไม่ตรงกับจุดมุ่งหมายที่จะวัด ผลของ การวัดก็จะไม่มีความหมายและก่อให้เกิดความผิดพลาดในการนาผลการวัดไปใช้ ความผิดพลาดใน การวัดไม่ตรงกับจุดมุ่งหมาย ได้แก่ การไม่ศึกษาหรือนิยามคุณลักษณะท่ีต้องการจะวัดให้ชัดเจน บางคร้ังผู้วัดไม่เข้าใจส่ิงที่จะวัดให้ชัดเจนเพียงพอหรือเข้าใจในส่ิงที่วัดผิดทาให้วัดได้ไม่ ตรงกับ จุดมุ่งหมายท่ีผู้วัดต้องการจะวัด ข้อมูลที่ได้จากการวัดไม่สามารถแปลความหมายได้อย่างม่ันใจ ดังนั้นเพื่อให้การวัดตรงกับจุดมุ่งหมายท่ีจะวัดและเป็นรูปธรรม ผู้วัดควรนิยามหรือให้ความหมาย คณุ ลกั ษณะทจ่ี ะวดั ให้ชดั เจนกอ่ น อกี ท้ังใชเ้ ครอ่ื งมอื ไมส่ อดคล้องกับส่งิ ทตี่ อ้ งการจะวดั เนือ่ งจากเครื่องมือ ที่ใช้ในการวัดมีหลายชนิด เช่น แบบทดสอบ แบบสังเกต แบบสอบถาม เป็นต้น ซ่ึงเคร่ืองมือ แต่ละชนิดมีลักษณะและคุณสมบัติกับการวัดคุณลักษณะที่ต่างกันออกไป หากเลือกใช้เคร่ืองมือไม่ เหมาะสมกับคุณลักษณะที่ต้องการจะวัด ข้อมูลจากผลการวัดย่อมมีความเช่ือถือได้น้อย อันจะ ก่อให้เกิดความคลาดเคล่ือนในการวัดและประเมินผลตามไปด้วย นอกจากนี้หากวัดได้ไม่ครบถ้วน ในทางการศึกษาคุณลักษณะหนึ่งๆ อาจมีองค์ประกอบหลายอย่างการวัดผลจึงจาเป็นต้องทาให้ ครอบคลุมทุกส่วนของคุณลักษณะนั้นๆ หากวัดเพียงบางส่วนหรือด้านใดด้านหนึ่ง หรือหลายด้าน แต่ไม่ครอบคลุม ย่อมทาให้ผลการวัดนั้นคลาดเคลื่อนและการประเมินผลก็คลาดเคล่ือนตามไปด้วย
9 ดังนน้ั เพ่ือให้การวัดผลสมบูรณ์มากท่ีสุดควรใช้เครื่องมือหลายชนิดช่วยด้วย เพราะไม่มีเคร่ืองมือชนิด ใดทว่ี ัดผลไดค้ รบถ้วน และหากเลือกกลุ่มตัวอย่างที่จะวัดไม่เหมาะสม การวัดเลือกกลุ่มตัวอย่างในท่ีนี้ หมายถึง กลุ่มตัวอย่างของเนื้อหา และพฤติกรรมที่ต้องการจะวัด หากเลือกตัวอย่างของเน้ือหาและ พฤติกรรมท่ีไม่เหมาะสม เช่น เลือกเอารายละเอียดปลีกย่อยมากเกินไปแทนท่ีจะใช้สาระหลักของ องค์ประกอบน้ันๆ ผลการวัดท่ีได้ย่อมไม่ถูกต้องตามจุดมุ่งหมายท่ีจะวัดและการแปลความหมายของ ผลการประเมนิ ยอ่ มขาดความเชื่อถือ และอีกประเด็นท่ีทาให้การประเมินได้ข้อมูลท่ีมีคุณค่าคือการใช้ เคร่ืองมือท่ีมีคุณภาพแม้ว่าเราจะมีจุดประสงค์ในการวัดที่ชัดเจน เลือกเคร่ืองมือได้สอดคล้องกับ จุดประสงค์แล้วก็ตาม แต่หากเคร่ืองมือขาดคุณภาพ ผลการวัดก็ขาดคุณภาพตามไปด้วย และเม่ือนา ผลการวัดไปประเมนิ ผล ย่อมมีโอกาสผิดพลาดได้ ดังน้ัน เพื่อให้ผลของการวัดมีความเช่ือถือได้จึงควร เลือกเคร่ืองมือท่ีมีคุณภาพ และคานึงถึงความยุติธรรม ความยุติธรรมเป็นคุณธรรมที่สาคัญประการ หน่ึงของผูท้ ี่ทาหนา้ ท่ปี ระเมินผล เป็นสง่ิ ท่ีครูตอ้ งคานึงถงึ ทุกครั้งที่ทาการวัดและประเมินผลการศึกษา กล่าวคอื จะต้องวดั และประเมินผลด้วยใจเป็นกลางไม่ลาเอียงหรืออคติ ตัดสินตามหลักวิชา เช่น การ ตรวจสอบขอ้ สอบโดยใช้หลักเกณฑเ์ ดยี วกนั จัดกระทา ให้ผถู้ ูกวดั อยภู่ ายใต้สถานการณ์เดียวกันตัดสิน การวัดโดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกันเป็นต้น หากการดาเนินการขั้นใดข้ันหน่ึงขาดความยุติธรรมแล้วก็ ย่อมส่งผลให้การวัดผลและประเมินผลขาดความเชื่อถือตามไปด้วย สาหรับการแปลผลให้ถูกต้อง การวัดและประเมินผลการศกึ ษามีเปูาหมายเพื่อนาผลไปใช้อธิบายหรือเปรียบเทียบกันในคุณลักษณะ น้ันๆ ดังน้ัน การแปลผลที่ได้จะต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนท่ีจะลงสรุปโดยคานึงหลักเกณฑ์ และ วิธีการแปลความหมายเป็นสาคัญ พิจารณาตามหลักตรรกวิทยา ความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของ การประเมินในครั้งน้ันว่าเป็นแบบอิงเกณฑ์หรืออิงกลุ่ม นอกจากนั้นครูจาเป็นต้องมีความรู้ในมาตราวัด และสถิติทีน่ ามาใชด้ ว้ ย ดังนั้นเมื่อได้ผลจากการประเมินแล้วควรใช้ผลของการวัดและการประเมินให้คุ้มค่า การวัดและประเมินผลแต่ละครั้งเป็นงานที่ต้องลงทุนท้ังในด้านพลังความคิด กาลังกาย เวลา และ งบประมาณ เพื่อให้สามารถวัดผลตามหลักวัตถุประสงค์ที่ต้ังไว้ หากผลการวัดท่ีครูทานามาเพียง ตดั สินได้ตกให้ผเู้ รยี นเท่านั้นนับว่าเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า เพราะผลของการวัดและประเมินสามารถ นามาใช้ประโยชน์อย่างอ่ืนได้อีก เช่น ใช้สาหรับวินิจฉัยข้อบกพร่องในการเรียนรู้ของผู้เรียน เพ่ือปรับปรุง และพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน เป็นข้อมูลสาหรับการปรับปรุงและพัฒนาการสอน ของครู เป็นข้อมูลสาหรับแนะแนวผู้เรียนและผู้ปกครองและเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาความดี ความชอบของครู หรอื ปรบั ปรงุ การบริหารงานในโรงเรยี นเป็นต้น (จิตติมาภรณ์ สหี ะวงษ์, 2549)
10 จุดมุง่ หมายของการวัดและประเมนิ ผลทางการศกึ ษา กล่าวได้ว่าการวัดและประเมินผลเกี่ยวข้องกับกระบวนการเรียนการสอนตลอดเวลา ซึ่งจดุ มุ่งหมายของการประเมนิ นน้ั ไม่ใชเ่ ฉพาะการนาผลการวัดไปตัดสินการได้-ตก หรือใครควรจะได้ เกรดอะไรเทา่ น้ัน แต่ควรนาผลการประเมินนั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการศึกษาในหลายๆ ลักษณะ อาทิ - การวัดและประเมินผลเพื่อค้นและพัฒนาสมรรถภาพของนักเรียน หมายถึง การวัดและประเมินผลเพ่ือดูว่านักเรียนบกพร่องหรือไม่เข้าใจเรื่องใด ตอนใด แล้วครูพยายามสอนให้ นักเรียนเกิดความรู้ มีความเจริญงอกงามตามศักยภาพของตน จุดมุ่งหมายข้อนี้สาคัญมาก หรืออาจ กล่าวไดว้ า่ เป็นปรัชญา การวัดผลการศกึ ษา - การวัดและประเมินผลเพื่อจัดตาแหน่ง (Placement) การประเมินผลแบบน้ี เพื่อเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่นๆ โดยอาศัยกลุ่มเป็นเกณฑ์ว่าใครเด่น ด้อย ใครได้อันดับที่ 1 ใคร สอบได้ ตก หรือใครควรได้เกรดอะไร เป็นต้น การประเมินผลวิธีนี้เหมาะสาหรับการตัดสินผลการ เรยี นแบบอิงกลมุ่ หรือการคดั เลอื กคนเขา้ ทางาน - การวัดและประเมินผลเพื่อวินิจฉัย (Diagnostic) เป็นการประเมินผลท่ีมี จุดม่งุ หมายเพื่อหาความบกพร่องของนกั เรยี นวา่ วิชาท่เี รยี นน้ัน มีจุดบกพร่องตอนใด เพื่อที่จะได้นาไป ปรับปรุงแก้ไข ซ่อมเสริมส่วนท่ีขาดหายไปให้ดีย่ิงขึ้น ซึ่งในกระบวนการเรียนการสอน เรียกว่า การวัดผลยอ่ ย (Formative Measurement) - การวัดและประเมินผลเพ่ือเปรียบเทียบ (Assessment) เป็นการประเมินผล เพ่ือเปรียบเทียบตนเอง หรือเพื่อดูความงอกงามของเด็กแต่ละคนในช่วงเวลาที่ต่างกัน ว่าเจริญงอก งามเพม่ิ ข้ึนกว่าเดิมเพยี งใด เชน่ การเปรียบเทยี บผลก่อนเรียน (Pre-Test) และหลงั เรียน (Post-Test) - การวัดและประเมินผลเพื่อพยากรณ์ (Prediction) เป็นการประเมินผลเพื่อ ทานายอนาคตต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร น้ันคือ เม่ือนักเรียนคนใดคนหนึ่งสอบแล้วสามารถรู้อนาคตได้ เลยว่า ถ้าการเรียนของนักเรียนอยู่ในลักษณะน้ีต่อไปแล้วการเรียนจะประสบผลสาเร็จหรือไม่ ซ่ึงสามารถนาไปใช้ในเร่ืองการแนะแนวการศึกษาว่านักเรียน ควรเรียนสาขาใด หรืออาชีพใดจึงจะ เรียนได้สาเร็จ แบบทดสอบที่ใช้วัดจุดมุ่งหมายข้อน้ี ได้แก่ แบบทดสอบวัดความถนัด (Aptitude Test) แบบทดสอบวัดเชาวป์ ัญญา (Intelligence Test) เป็นตน้ - การวัดและประเมินผลเพ่ือประเมินผล (Evaluation) เป็นการนาผลท่ีได้จากการ วัดไปเปรยี บเทยี บกบั เกณฑ์ท่ีกาหนดไว้เพ่ือตัดสินสรุปให้คุณค่าของการศึกษา หลักสูตรหรือเคร่ืองมือ ที่ใช้ในการวัดผลวา่ เหมาะสมหรือไม่ และควรปรบั ปรุงแก้ไขอยา่ งไร จะอย่างไรก็ตาม การวัดและการประเมินผลแต่ละครั้ง อาจกาหนดจุดมุ่งหมาย ในการประเมนิ ผลไว้หลายข้อ ทงั้ น้ีขึ้นอย่กู บั ความต้องการของผู้ดาเนินการน่นั เอง
11 ประโยชน์ของการวัดและประเมินผลทางการศึกษา การวัดและการประเมินผลทางการศึกษา มีประโยชน์ต่อกระบวนการเรียนการสอนเป็น อย่างยิ่ง เพราะว่าเป็นเครื่องมืออย่างหน่ึงในการตัดสินใจของครู ผู้บริหารและนักการศึกษา ซ่ึงพอจะ สรุปประโยชน์ในด้านตา่ งๆ ดังนี้ (อนนั ต์ ศรีโสภา, 2535) - ประโยชนต์ อ่ ครู ช่วยให้ทราบเกีย่ วกบั พฤตกิ รรมเบือ้ งตน้ ของนักเรยี น ครูก็จะรู้ว่า นักเรียนมีความรู้พ้ืนฐานพร้อมท่ีจะเรียนในบทเรียนต่อไปหรือไม่ ถ้าหากว่านักเรียนคนใดยังไม่พร้อม ครูก็จะหาทางสอนซ่อมเสริม นอกจากน้ันยังช่วยให้ครูปรับปรุงเทคนิคการสอนให้เหมาะสมและมี ประสิทธภิ าพอีกดว้ ย - ประโยชน์ต่อนักเรียน ช่วยให้นักเรียนรู้ว่าตนเองเก่งหรืออ่อนวิชาใด ความสามารถของตนอยู่ในระดับใด เพื่อท่ีจะได้ปรังปรุงตนเอง ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่องทางการ เรยี นของตนให้ดยี ง่ิ ขนึ้ - ประโยชน์ต่อการแนะแนว ช่วยให้แนะแนวการเลือกวิชาเรียน การศึกษาต่อการ เลือกประกอบอาชีพของนักเรียน ให้สอดคล้องเหมาะสมกับความรู้ความสามารถและบุคลิกภาพ ตลอดจนชว่ ยใหส้ ามารถแก้ปัญหาทางจิตวิทยา อารมณ์ สงั คมและบคุ ลกิ ภาพต่างๆ ของนกั เรยี น - ประโยชน์ต่อการบริหาร ช่วยในการวางแผนการเรียนการสอน ตลอดจนการ บริหารโรงเรียน ช่วยให้ทราบว่าปีต่อไปจะวางแผนงานโรงเรียนอย่างไร เช่น การจัดครูเข้าสอน การส่งเสริมเด็กที่เรียนดี การปรับปรุงรายวิชาของโรงเรียนให้ดีขึ้น เป็นต้น นอกจากนั้นแล้วยังมี ประโยชน์ต่อการคัดเลือกบุคคลเขา้ ทางานในตาแหน่งตา่ งๆ ตามความเหมาะสม - ประโยชน์ต่อการวิจัยช่วยวินิจฉัยข้อบกพร่องในการบริหารงานของโรงเรียนการ สอนของครูและข้อบกพร่องของนักเรียน นอกจากน้ันยังนาไปสู่การวิจัย การทดลองต่างๆ อันจะเป็น ประโยชน์ตอ่ การศึกษา - ประโยชน์ต่อการปกครองช่วยให้ทราบว่าเด็กในปกครองของตนน้ันมีความเจริญ งอกงามเปน็ อย่างไร เพอ่ื เตรียมการสนบั สนุนในการเรยี นต่อตลอดจนเลอื กอาชพี ของเด็ก และนอกจากนี้ แอนเดอร์สันและบอล (Anderson and Ball อ้างในนิศา ชูโต, 2538 : 12-13) ไดก้ ล่าวถึงประโยชน์ของการประเมินไวด้ ังนี้ - ชว่ ยในการตดั สนิ ใจกอ่ นเริ่มดาเนนิ งาน คน้ หาความต้องการทดสอบแนวความคิด ดา้ นเทคนคิ และแหล่งทนุ และความเป็นไปได้ในการดาเนินงาน - ช่วยสาหรับตดั สนิ ใจวา่ ควรจะขยาย ดาเนินการต่อ หรอื ยตุ กิ ารดาเนนิ งาน - ช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับปรุง และเปล่ียนแปลงการดาเนินงานใน แง่มุมใด หรือจุดใดจุดหน่ึงในช่วงระยะเวลาท่ีกาลังดาเนินงานอยู่ ในส่วนที่เกี่ยวโยงกับวัตถุประสงค์ บคุ ลากร หรอื ระบบการใหบ้ ริการ
12 - เพ่ือเป็นประจักษ์พยานและเป็นเครื่องมือในการหาการสนับสนุนเก่ียวกับ โครงการดา้ นสาธารณชน การเมือง การเงิน และด้านวชิ าชพี - เพ่ือช่วยส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจ และความรู้พื้นฐานในกระบวนการ พัฒนาสังคม ในด้านวิทยาการทางสังคมวิทยา จิตวิทยา และอ่ืนๆ นอกเหนือไปจากการให้ความรู้ข้อเท็จจริงและ ความเขา้ ใจเฉพาะที่เก่ยี วกับการดาเนนิ งาน แนวคิดการประเมนิ ผลการจัดการเรยี นการสอน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในปัจจุบัน ยึดหลักการกระจายอานาจให้โรงเรียน/ สถานศกึ ษา ดงั นั้นสถานศกึ ษาจาต้องกาหนด ระเบียบ/แนวปฏิบัติเพ่ือการวัดและประเมินของตนเอง โดยอาศัย \"หลักการ/ข้อกาหนดสาคัญบางประการ\"ท่ีส่วนกลางกาหนดให้ เพ่ือให้เป็นมาตรฐาน เดียวกันทั่วประเทศแต่ทั้งนี้ไม่มีการออกระเบียบการวัด และประเมินผลโดยตรงไปจากส่วนกลาง (กระทรวงศึกษาธิการ) เพ่ือให้โรงเรียน/สถานศึกษาใช้มาตรฐานการเรียนรู้ที่กาหนดในหลักสูตร แต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้เป็นท้ังเปูาหมายในการพัฒนาผู้เรียนและเป็นหลักเทียบเคียงเพื่อการ ประเมิน นอกจากนี้ การประเมินมุ่งเน้นการปรับปรุงพัฒนาผู้เรียนให้มีความก้าวหน้าในการ เรียนรู้ เป็นประเด็นหลักและยังมุ่งให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ รวมทั้งยังได้กาหนดให้มีการ เทยี บโอนผลการเรียนในระหว่างระบบการจัดการศึกษาต่างๆ (การศึกษาในระบบ นอกระบบ และตาม อัธยาศัย ตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542) เพ่ือเปิดโอกาสทางการ ศกึ ษาใหแ้ ก่ผูเ้ รยี น (บญุ ชู ชลษั เฐยี ร, 2549) แนวทางการประเมินผลการเรียนของโรงเรียน /สถานศึกษาเป็นผู้รับผิดชอบ ในการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน โรงเรียน/สถานศึกษา จาเป็นต้องวางระบบงานด้าน การประเมินผลกาหนดรูปแบบการวัดและประเมินผลของตนเองด้วยกระบวนการให้ทุกฝุายได้มีส่วน ร่วมเพื่อเป็นมาตรฐานในการปฏิบัติของบุคคลากรทุกคน ที่เก่ียวข้องกระบวนการนี้นาไปสู่การสร้าง ความมั่นใจ การยอมรบั เก่ียวกบั การดาเนนิ งาน รวมทัง้ คุณภาพของผลการประเมนิ ทีไ่ ด้ หลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐานในปัจจุบัน เป็นหลักสูตรอิงมาตรฐาน ดังนั้นมาตรฐานการ เรียนรู้ที่กาหนดในหลักสูตรในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้จึงนามาใช้เป็นหลักในการจัดการเรียนรู้ เป็นหลักในการเทียบเคียงสาหรับประเมินและเป็นตัวกลางบอกให้รู้ความก้าวหน้า พัฒนาการ ของผู้เรียน การรายงานผล การประเมินจึงควรจัดทาในรูปแบบของการรายงานความก้าวหน้าในการ เรียนรู้ และระดับสัมฤทธ์ิผลของผู้เรียนในลักษณะเป็นคาอธิบายเชิงคุณภาพ ท่ีเช่ือมโยงกับมาตรฐาน การเรียนรู้ ซ่ึงจะทาให้รู้ว่าผู้เรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้หรือมีความสาเร็จเพียงใด รู้ส่ิงใด
13 ทาอะไรได้ข้อมูลผลการประเมินที่ได้จะต้องนามาใช้อธิบายภาพผลสัม ฤทธ์ิท่ีเกิดแก่ผู้เรียน ได้อย่างถกู ต้องน่าเช่อื ถอื ดังน้ัน การประเมินจาต้องใช้เครื่องมือ และวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล วิธีการหลากหลาย อาทิ การประเมินทักษะการปฏิบัติ โครงงาน แฟูมผลงาน แบบฝึกหัด ด้วยการสังเกต สัมภาษณ์ ตรวจผลงาน ฯลฯ นอกเหนือจากการใช้แบบทดสอบข้อเขียน ท่ีใช้กันอย่างกว้างขว้างขณะนี้ เพ่ือให้ ผู้เรียน ที่อาจใช้วิธีการเรียนรู้ และวิธีแสดงออกซึ่งความสามารถซ่ึงแตกต่างกัน ได้มีโอกาสแสดง ความรู้ความสามารถในเร่ืองนั้นๆ ได้ตามศักยภาพของตน ส่งผลให้สามารถประเมินความรู้ ความสามารถของผู้เรียนได้แม่นยา และครอบคลุมผลสัมฤทธิ์ท่ีเกิดข้ึนทุกด้าน ซึ่งข้อกาหนดการวัดและ การประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรใหม่น้ัน คือ ภาระรับผิดชอบด้านการวัดและประเมินผลการ เรียนตามหลักสูตรที่จาเป็นต้องดาเนินการประกอบด้วยการวัดและประเมินระดับช้ันเรียน ระดับ สถานศึกษา และระดับชาติ ระดับชั้นเรียน มีจุดมุ่งหมายเพ่ือดูความก้าวหน้าด้านความรู้ ทักษะ พฒั นาการ และคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ของผู้เรียนรายบุคคล ผลท่ีได้จะเป็นประโยชน์ต่อการ แก้ปัญหาในการเรียนช่วยเหลือผู้เรียนหรือส่งเสริมผู้เรียนระดับสถานศึกษาน้ัน มีจุดมุ่งหมายเพื่อ สรปุ ผลการเรยี นรขู้ องผ้เู รียนวา่ มผี ลสมั ฤทธริ์ ะดบั ใด เป็นไปตามที่คาดหวังหรือไม่ เมื่อส้ินภาคเรียน/ปี การศึกษา/จบช่วงนั้น เพื่อการตัดสินผลการเรียนรายวิชา การเล่ือนช่วงชั้นหรือให้การรับรองส่วน ระดับชาติ การประเมินคุณภาพระดับชาติมีจุดมุ่งหมายให้เป็นกระบวนการท่ีสร้างความมั่นใจด้าน คุณภาพการศึกษา ทั้งน้ีเพราะข้อมูลท่ีได้มา คือ ตัวบ่งชี้คุณภาพการศึกษาของชาติในภาพรวมดังน้ัน ข้อมูลจะนาไปใช้วางแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาในระดับพื้นที่และระดับสถานศึกษารวมทั้งใช้ ประกอบ การตัดสินใจในด้านนโยบายจึงกาหนดให้เป็นหน้าท่ีของสถานศึกษาพึงจะต้องจัดให้ผู้เรียน ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ประถมศึกษาปีท่ี 6 มัธยมศึกษาปีท่ี 3 มัธยมศึกษาปีที่ 6 เข้ารับการ ประเมนิ ข้อมลู จากการประเมินระดับชาติน้ี ไม่เพียงเป็นประโยชน์แก่การพัฒนาคุณภาพการศึกษาใน ภาพรวมของประเทศดังกล่าวข้างต้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนโดยตรงอีกด้วย โดยเฉพาะช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 6 ผลการประเมนิ ของผเู้ รียนในช้นั นี้ จะนาไปใช้เป็นองค์ประกอบหน่ึงในการพิจารณา รบั บุคคลเขา้ ศึกษาในสถาบันอดุ มศึกษา เกณฑ์การประเมินเพื่อตัดสินผลการเรียนให้ผู้เรียนผ่านช่วงชั้นหนึ่งๆ และจบหลักสูตร การศึกษาข้ันพื้นฐานประกอบด้วยผลการเรียนตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่ม ผลการประเมินการอ่าน การคดิ วเิ คราะห์ การเขียนคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ และการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ตามเกณฑ์ ทส่ี ถานศึกษากาหนด ผลการประเมินทไี่ ด้ไม่ว่าจะเป็นการประเมินในระดับใดล้วนเป็นข้อมูลที่มีค่าต่อการ พัฒนาคุณภาพการศึกษาท้ังสิ้น ดังน้ันเพื่อให้ได้ผลการประเมินท่ีมีคุณค่าต่อการพัฒนาอย่าง แท้จริง ผู้เกี่ยวข้องทุกฝุายพึงได้ยอมรับแนวคิดวัฒนธรรม การทางานท่ีถือว่าการประเมิน เป็นกระบวนการพัฒนาไปสู่ส่ิงที่ดีกว่าเม่ือยอมรับแล้วย่อมง่ายในการปฏิบัติผู้บริหา รสถานศึกษา
14 พงึ ส่งเสริมใหผ้ ูส้ อนทาหนา้ ที่หลกั ในการดาเนนิ กิจกรรม การประเมนิ ร่วมกับผู้เก่ียวข้องอ่ืน และผู้มีส่วน ได้สว่ นเสยี โดยตรง เช่น ผู้เรยี น ผ้ปู กครอง ชุมชน อย่างใกล้ชิด ท้ังการให้ข้อมูลเพ่ือการประเมินการเป็น ผู้ร่วมประเมิน และใช้ข้อมูลการประเมินอย่างคุ้มค่า สาหรับตัวผู้เรียนเองต้องมีหน้าที่และจาเป็นต้อง แสดงออกซ่ึงความรู้ ความสามารถอย่างเต็มท่ี เพ่ือให้ผลการประเมินสะท้อนความสามารถท่ีแท้จริงของ ตน การประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรใหม่ ท่ีแม้มีกรอบความคิดรูปแบบ และบริบทท่ีเปล่ียนแปลงไป แต่ก็เชื่อว่ารูปแบบและวิธีการประเมินท่ีได้กล่าวมานี้ จะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยเหลือผู้ปฏิบัติ การประเมินและผู้ใช้ผลการประเมิน ให้ปฏบิ ตั ิภาระรบั ผิดชอบงานของตนได้ผลเปน็ อย่างดี แนวคิดการประเมินคณุ ภาพการศกึ ษา ในบริบทแห่งการกระจายอานาจการจัดการศึกษาสู่สถานศึกษา หรือมอบอานาจในการ บริหาร จัดการศึกษา ทั้งด้านการจัดการเรียนการสอน การตัดสินผลการเรียน และการอนุมัติการจบ หลักสูตรของผู้เรียนให้แก่สถานศึกษาน้ัน กระทรวงฯ พึงต้องใช้มาตรการควบคุมและรักษาคุณภาพ การศกึ ษา ของสถานศกึ ษาตา่ ง ๆ ทวั่ ประเทศ ซ่ึงมคี วามหลากหลาย ทัง้ ในดา้ นปจั จยั ความพร้อมหรือ กระบวนการดาเนินงานให้ได้คุณภาพตามาตรฐานท่ีกาหนดไว้นี้ เป็นเคร่ืองประกันความม่ันใจใน คุณภาพการศึกษา ท่ีจัดให้แก่ประชาชนในฐานะเป็นผู้รับบริการการศึกษา และเป็นการแสดงความ รับผิดชอบต่อพันธกิจการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการที่จาเป็นต้องรายงานให้สาธ ารณชน รับทราบว่าคุณภาพการศกึ ษาของผเู้ รยี นอยู่ในระดับใด กอปร.กับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 กาหนดให้กระจายอานาจการ บริหารและการจัดการศึกษา ท้ังด้านวิชาการ งบประมาณ การบริหารงานบุคคล และการบริหาร ท่ัวไป ลงสู่เขตพ้ืนที่การศึกษาและสถานศึกษาโดยตรง (มาตรา 39) โดยกาหนดให้กระทรวงฯ ทาหน้าที่กากับ ดูแล และติดตามตรวจสอบและประเมินผลการจัดการศึกษา (มาตรา 31) ซึง่ กอ่ ให้เกดิ ปัจจัยและความเปลีย่ นแปลงใหม่ ๆ ทีอ่ าจส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการการศึกษา ด้วยประการเชน่ น้ี การประเมินคุณภาพการศึกษา หรือการทดสอบแห่งชาติ จึงเป็นกลไก สาคัญต่อการบริหารจัดการของกระทรวงฯ เพราะไม่เพียงเป็นมาตรการควบคุม และพัฒนาคุณภาพ มาตรฐานการศกึ ษาระดับชาติ ที่สร้างความม่ันใจตอ่ คุณภาพการศึกษาแล้ว ยังเป็นกระบวนการเข้าถึง ข้อมูลของสภาพการจัดการศึกษาที่แท้จริง ข้อมูลน้ีนามาใช้วางแผนพัฒนาคุณภาพ กาหนดนโยบาย และการตัดสินใจได้อีกประการหน่ึงด้วยน่ีคือคาตอบว่าการประเมินคุณภาพการศึกษาจาเป็นอย่างยิ่ง (บญุ ชู ชลษั เฐยี ร, 2549)
15 การประเมินคณุ ภาพการศกึ ษาในต่างประเทศ ในขณะที่การปฏิรูปการศึกษาเป็นหนึ่งในกระแสหลักของโลกาภิวัฒน์ การประเมิน มาตรฐานการศึกษาระดับประเทศโดยใช้แบบทดสอบมาตรฐานได้เกิดข้ึนในประเทศส่วนใหญ่ในโลก ยกเว้นบางประเทศ เช่น Iceland Sweden ที่มกี ระแสตอ่ ตา้ นการตรวจสอบควบคุมการจัดการศึกษา จากส่วนกลาง ซึ่งจากการศึกษาเอกสารจาก Websites ของหน่วยงานท่ีรับผิดชอบการประเมิน ระดับชาติของประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ พบว่ามี การประเมนิ 2 รูปแบบใหญ่ๆ คือ (สานักทดสอบทางการศึกษา, 2546 : 5 – 13) 1. การประเมนิ ระดบั ชาตทิ ่ไี ม่มผี ลตอ่ การตัดสินผลการเรียนของผู้เรียน เปูาหมายของ การประเมินแบบนี้ คือ การได้ข้อมูลเก่ียวกับคุณภาพการศึกษาของชาติในลักษณะภาพรวม ผล การประเมินสามารถแสดงใหเ้ หน็ คุณภาพการศึกษา ณ เวลาท่ีประเมินและแสดงแนวโน้มในระยะยาว โดยการวิเคราะห์ เปรียบเทียบ ตัวอย่างของการประเมินแบบนี้ ได้แก่ National Assessment of Educational Progress (NAEP) ข อ ง ส ห รั ฐ อ เม ริ ก า แ ล ะ Qualifications and Curriculum Authority ’s (QCE) National Tests ของสหราชอาณาจักร แต่ QCE และ NAEP ก็มีความแตกต่าง ที่สาคัญ คือ NAEP เป็นการสอบเฉพาะผู้ท่ีเป็นกลุ่มตัวอย่าง ส่วน QCE เป็นการสอบสาหรับนักเรียน ทุกคนที่มีอายุครบ 7 ปี 11 ปี และ 14 ปี ผลการสอบของ QCE จึงสามารถใช้แสดงผลสัมฤทธิ์ระดับ รายบุคคลได้ ซ่ึงเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างย่ิงต่อตัวผู้เรียน ครูผู้สอนและผู้ปกครองที่จะร่วมพัฒนา คุณภาพผู้เรียนแตล่ ะคน 2. การประเมินระดับชาติเพื่อตัดสินผลการเรียนของผู้เรียนระดับตัวประโยคต่างๆ เช่น การสอบ O-Level และ A-Level ของสหราชอาณาจักร การสอบ Higher School Certificate ในรัฐ New South Wales ประเทศ Australia และการสอบ Primary School leaving Examination (PSLE), General Certificate of Education (GNE) N-Level, GNE O-Level และ GNE A-Level ของสิงคโปร์ การประเมินรูปแบบน้ี แม้จะเกิดในประเทศที่จัดการศึกษาแบบกระจายอานาจ แต่รัฐยัง สงวนไว้ซึ่งอานาจการประเมินผลและการตัดสินผลการเรียนของผู้เรียนในระดับที่เป็นตัวประโยค แต่อย่างไรก็ตามก็ได้มีการนาข้อมูลจากการประเมินในรูปแบบนี้ไปเป็นตัวบ่งชี้คุณภาพการศึกษา ของชาติไดอ้ ยา่ งน่าเชอื่ ถือ ประเทศสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรมีการประเมินทั้งสองแบบดาเนินการควบคู่ กันไปและเป็นอิสระต่อกัน การประเมิน NAEP เป็นโครงการของรัฐบาลกลางและไม่มีผลต่อการได้ตก ของผู้เรียน แต่ก็มีหลายรัฐที่มีการจัดสอบระดับชาติเพ่ือตัดสินผลการเรียนของผู้เรียน เรียกว่า Exit examination เช่น California และ South Carolina เปน็ ตน้ การประเมินระดับชาติในประเทศสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มท่ีจะเปล่ียนแปลงไปเป็น แบบ National Test ของ QCE ประเทศอังกฤษ โดยประธานาธิบดี Clinton ได้เสนอให้มีการ
16 ประเมินผู้เรียนทุกคนในระดับ Grade 4 ในวิชา Reading และระดับ Grade 8 ในวิชาคณิตศาสตร์ โดยอ้างเหตุผลว่าการประเมินโดยวิธีการสุ่มตัวอย่างจะให้ภาพในระดับหน่วยที่ใหญ่ เช่น ภูมิภาค รัฐ และประเทศ แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลท่ีจะเป็นประโยชน์สาหรับการพัฒนาผู้เรียนเป็นรายบุคคล และ ประธานาธิบดี George W. Bush ก็ได้ให้นโยบายในทิศทางเดียวกัน คือ ได้เสนอนโยบายด้าน การศึกษาชื่อ No Child Left Behind ซ่ึงต่อมาได้กลายเป็นกฎหมายการศึกษา ช่ือ The No Child Left Behind Act ซ่ึงกาหนดให้ 1) ให้มลรัฐทั้งหลายและสถานศึกษาของรัฐ จัดสอบนักเรียนตั้งแต่ Grade 3-8 ในวชิ าการอ่านและคณิตศาสตร์ ทุกๆ ปี โดยใช้แบบทดสอบที่สร้างจากข้อสอบของรัฐท่ีมี อยู่หรือพัฒนา ข้ึนมาใหม่ โดยเริ่มดาเนินการภายใน 3 ปี 2) ให้รัฐบาลกลาง (Federal Government) จัดงบประมาณสนับสนุนการพัฒนาแบบทดสอบของมลรัฐต่างๆ 3) ห้ามมิให้มีการ จัดสอบ National Test ที่รัฐบาลกลางเป็นผู้ดาเนินการหรือให้การสนับสนุน และ 4) ให้มลรัฐต่างๆ สามารถยืดหยุ่นในการเลือกที่จะรับการประเมินโดยโครงการ MAEP หรือโครงการอ่ืนๆ ท่มี ีมาตรฐานทางเทคนคิ และวชิ าการท่ีเปน็ ที่ยอมรบั โดยทวั่ ไป ในเร่ือง National Test น้ี ได้มีนักวิชาการแสดงความคิดเห็นท้ังในเชิงเห็นด้วยและ คัดค้าน พร้อมท้ังได้ให้ข้อเสนอแนะและทางเลือกต่างๆ Jones ต้ังข้อสงสัยว่า National Test จะสอดคล้องกับการปฏิรูปการศึกษาที่กาลังดาเนินอยู่หรือไม่ และแสดงความกังวลว่าการทา National Test อาจมีผลลบต่อโครงการ NAEP ซง่ึ Jones เหน็ ว่าดาเนนิ การได้ผลดี เป็นท่ีน่าพอใจอยู่ แล้ว ในขณะท่ี Davey เห็นว่าการประเมินระดับชาติ เท่าท่ีเป็นอยู่ไม่ว่าจะเป็น NAEP หรือการสอบ SAT มีข้อบกพร่องคือ NAEP ประเมินเพียงไม่กี่วิชาในหลักสูตรแต่ละครั้ง ส่วน SAT วัดเฉพาะความ ถนัดทางการเรียน ไม่ได้วัดตามจุดประสงค์การเรียนรู้ตามหลักสูตร และทั้ง NAEP และ SAT ไม่ได้ สอบผู้เรียนทุกคน จึงไม่สามารถนาผลไปใช้เพ่ือพัฒนาในระดับสถานศึกษาและผู้เรียนได้ ดังนั้น Davey จึงเห็นด้วยกับการให้มีระบบ National Test และได้เสนอความคิดเห็นว่าระบบ National Test ทีด่ คี วรมีลักษณะต่อไปน้ีคือ 1) ทาให้สามารถเปรียบเทียบผลระหว่างสถานศึกษา ภูมิภาค และ รัฐได้อย่างสมเหตุ สมผล 2) ประเมินทั้งผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการตามหลักสูตรและความถนัดทางการ เรียน 3) การส่งเสริมและกระตุ้นให้สถานศึกษาให้ความสนใจอย่างจริงจังในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ ท่ีสาคัญที่หลักสูตรกาหนด 4) สามารถใช้ผลการประเมินให้เป็นประโยชน์ท้ังในระดับชาติ ระดับ สถานศึกษาและระดับผู้เรียนเป็นรายบุคคล และประการสุดท้าย 5) สร้างแรงจูงใจ กระตุ้นและ ทา้ ทายให้ผเู้ รียนทุกคนตง้ั ใจใฝหุ าผลสัมฤทธิ์
17 การประเมินคุณภาพการศกึ ษาสาหรบั ประเทศไทย เม่ือพิจารณาพัฒนาการด้านการวัดและประเมินผลในวงการศึกษาของไทย และ ข้อกาหนดในพระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาติเก่ยี วกบั การตดั สินผลการเรียน ซ่ึงให้เป็นอานาจหน้าที่ ของสถานศึกษา ดังนั้นการประเมินผลระดับชาติในรูปการสอบ O-Level, A-Level ในประเทศอังกฤษ หรือการจัดสอบ Exit Examination ในบางมลรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกาคงเป็นทางเลือกท่ีเป็นไป ไม่ได้ สาหรับรูปแบบท่ีกระทรวงศึกษาธิการใช้อยู่ในปัจจุบันค่อนข้างคล้ายคลึงกับ NAEP ของสหรัฐอเมริกา ซ่ึงมีจุดอ่อนตามท่ี Davey ได้กล่าวไว้ นอกจากน้ีกรมวิชาการได้ทาการศึกษา วิเคราะห์และประเมินรูปแบบการทา National Test ซ่ึงสามารถสรปุ ออกมาได้ 3 ทางเลอื กใหญ่ๆ แตล่ ะทางเลือกต่างก็มีข้อดีและขอ้ เสียแตกต่างกนั และมีข้อเสนอแนะไวด้ ังนี้ (http://pirun.ku.ac.th/ ~g4866132/pro3.html) 1. ขอ้ ดี ของการประเมนิ - จะเปน็ แบบสมัครใจ ใครตอ้ งการประเมนิ กส็ มคั รไดใ้ ครไมส่ มัครกไ็ ด้ ไมผ่ ดิ กฎ - มีส่ิงจูงใจในการร่วมประเมิน คือ เม่ือเด็กเข้าร่วมการประเมิน หากคะแนนดี ผ่าน เกณฑ์ กจ็ ะมีช่ือเสียงทง้ั เด็กและโรงเรียน หากคะแนนไมด่ ี ไม่ผ่านเกณฑ์ โรงเรียนก็จะได้รับเงินช่วยเหลือ หรือการช่วยเหลอื จากรฐั เพอื่ นาไปปรบั ปรงุ และพัฒนาใหผ้ ่านเกณฑ์ให้ได้ - ประเมินก่อนจบช่วงช้ัน (G4,G8) เพื่อให้มีเวลากลับไปแก้ไขจุดบกพร่องและ พัฒนาเด็กไดใ้ นเวลาท่ีเหลอื ของการเรียนในชว่ งน้นั ๆ - ประเมินวิชาพื้นฐานเท่านั้น โดยวิชาที่เอามาทาการประเมิน เช่น วิชาการอ่าน โดยระบุชัดเจน เพราะการอ่านจะสะท้อนให้เห็นถึงจุดเน้นของวิชาและรวมถึงความสามารถของตัว ผู้เรียนด้วย และจะไม่ประเมินวิชารวมๆโดยไร้จุดหมาย และในการสอบ NT จะประเมินเฉพาะ การอ่าน การเขียน เท่าน้ัน เพราะคนจานวนมากไม่สามารถประเมินได้หมดเช่น การฟัง การพูด จะใหเ้ ป็นหน้าทีข่ องโรงเรยี นในการประเมนิ 2. ข้อจากดั ของการประเมิน - วดั ไดอ้ ย่างจากดั กลา่ วคอื ขอ้ สอบจะเป็นแบบปรนัย ให้ผู้เขียนเลือกตอบอันเป็น การจากัดคาตอบของผู้เรียนทาให้ประเมินความสามารถทั้งหมดของผู้เรียนไม่ได้ ควรจะนารูปแบบ การประเมนิ แบบอืน่ มาเสรมิ เพื่อใหเ้ ป็นการประเมนิ ระดบั ชาติทีส่ มบูรณ์ - ใช้งบประมาณในการจัดการประเมินมาก เพราะต้องประเมินคนจานวนมาก - บางครัง้ ข้อสอบอาจยากเกินไป ไมต่ รงกับมาตรฐานของผูเ้ รยี น 3. ขอ้ เสนอแนะของการประเมนิ - ควรดูผลการปฏิบัติงาน ดูว่าผู้เรียนได้เรียนรู้อะไรบ้าง ทาอะไรบ้าง มีพัฒนาการ อยา่ งไร แลว้ จะได้นาไปพัฒนาตวั ผู้เรียนได้
18 - ผลการทดสอบจะต้องนากลับไปเป็นส่วนสาคัญในการกาหนดนโยบาย การศกึ ษาชาติ การนาผลการทดสอบโอเนตไปใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนและยกระดับ ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน หลักการนาผลการทดสอบโอเนตไปใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนและยกระดับ ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน สัมพันธ์ พันธ์ุพฤกษ์ (2557) กล่าวถึงหลักการนาผลการทดสอบโอเนตไปใช้ในการ พฒั นาการเรียนการสอนและยกระดบั ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นดังน้ี 1. การมเี ปาู หมายปฏริ ปู การศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ.2552-2561) ยุทธศาสตร์ 1 ท่ี 1 ให้คนไทยและการศึกษาไทยมีคุณภาพได้มาตรฐานสากลและตัวบ่งช้ีที่ 1.1 ผลสัมฤทธิ์ทาง ทางการเรยี นในวิชาหลักจากการทดสอบทางการศึกษาระดับขั้นพื้นฐาน มีคะแนนเฉลี่ยมากกว่าร้อย ละ 50 2. นโยบายรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศึกษาธกิ าร (หนังสอื ลง 3 ก.พ.53) 2.1 ใช้คะแนนเป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือกเข้าเรียนต่อช้ัน ม.1 และ ม.4 ในโรงเรยี นทีมกี ารแขง่ ขันสูง 2.2 ให้ครผู สู้ อนนาคะแนนไปใช้ปรบั ปรงุ การเรยี นการสอน 3. ประกนั คุณภาพการศกึ ษา (พรบ.การศึกษาแห่งชาติ มาตรา 9(3),48,49) 3.1 ประกันคุณภาพภายใน 3.2 ประเมินคุณภาพภายนอก 4. ปรบั ปรงุ และพฒั นาการเรียนการสอนและการบรหิ าร 5. ใหเ้ ปน็ ส่วนหนง่ึ ในการคดั เลือกเขา้ ศึกษาในระดับสงู ข้ึน (ม.1 ม.4 ป.ตรี admission กลาง รับตรง กสพท.) 6. เป็นส่วนหน่ึงของ EXIT EXAM โดยเป็นเกณฑ์การจบการศึกษาในระดับ ป.6, ม.3 และ ม.6 ประกาศใช้ในปี การศึกษา 2555 เป็นต้นไปให้ใช้ผลการประเมินระดับโรงเรียน (School Assessment) ร่วมกับการประเมินการทดสอบระดับชาติ (โอเนต) ท้ังน้ีการสอบโอเนตท่ี เป็น Standard Based Achievement Test โดยมาตรฐานการรายงานผลและการนาผลไปใช้นั้น มีระบบ 4 ระบบ ประกอบด้วย ระบบเอกสาร การรายงานผลการทดสอบ ระบบมาตรการเผยแพร่ผล การทดสอบ ระบบการเปิดเผยข้อมูลผลการทดสอบและระบบ การติดตามและตรวจสอบ โดยการ รายงานผลและการนาผลไปใช้มีเปาู หมาย ดังนี้
19 - การประเมนิ ตนเองเพอื่ การแนะแนวและปรบั ปรุงการเรยี นการสอนและการบริหาร - ประกนั คุณภาพการศกึ ษา - คดั เลือกเขา้ ศึกษาต่อในระดับที่สูงข้ึน - เทียบเคียงคุณภาพระดบั ชาตแิ ละนานาชาติ - เปน็ ส่วนหนึง่ ของการจบการศึกษาตามหลกั สตู ร โดยการรายงานผลการทดสอบระดับชาติข้นั พน้ื ฐานนน้ั มจี านวนท้ังสิ้น 6 ฉบับดังน้ี ฉบับท่ี 1 ผลการทดสอบโอเนตรายบคุ คล ฉบบั ที่ 2 ค่าสถติ ริ ะดับโรงเรยี นแยกตามมาตรฐานการเรยี นรู้ ฉบบั ท่ี 3 ร้อยละของนกั เรียนทตี อบถูกในแต่ละข้อระดับสถานศกึ ษา ฉบบั ท่ี 4 ชว่ งคะแนนของผูเ้ ข้าสอบระดับโรงเรียน ฉบับท่ี 5 คา่ สถิตริ ะดบั โรงเรียนแยกตามสาระการเรียนรู้ ฉบับท่ี 6 ค่าสถติ ริ ะดบั โรงเรยี น หลักการนาผลคะแนนโอเนตไปใช้ในการพฒั นาคณุ ภาพการเรยี นการสอน สามารถแบ่ง ออกเป็นหลายระดบั ดังน้ี 1. ระดับนกั เรียน โดยในรายงานผลการทดสอบระดับชาติข้ันพนื้ ฐานแสดงคะแนนของ นักเรียนแต่ละคน โดยนักเรียนสามารถดูคะแนนของตนเองในแต่ละวิชาว่าสูงกว่าหรือต่ากว่าค่าเฉลี่ย ของระดับโรงเรียน ระดับสังกัดและระดับประเทศเพื่อเป็นการประเมินและพัฒนาตนเองให้มีผลการ เรียนทีดีข้นึ 2. ระดับครูผู้สอน โดยครูผู้สอนแต่ละรายวิชาสามารถดูผลคะแนนรายวิชาท่ีตนเอง สอนจากใบรายงานผลการทดสอบระดับชาติข้ันพื้นฐาน ฉบับท่ี 1 เป็นการรายงานผลการสอบ รายบคุ คลของนักเรยี นทัง้ โรงเรียน 3. ระดับผู้บริหารสถานศึกษา ต้องพิจารณาค่าสถิติทุกกลุ่มสาระวิชาและแยกย่อยราย มาตรฐานการเรียนรู้ ซ่ึงผู้บริหารสามารถพิจารณาผลการสอบในภาพรวมของวิชาจากคะแนนเฉล่ีย ของโรงเรียนเทียบเคียงกับโรงเรียนที่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน หรือโรงเรียนที่อยู่ในสังกัดเดียวกันที่มี สภาพแวดล้อมในการจัดการเรียนการสอนใกล้เคียงกัน และระดับประเทศเพ่ือนามาปรับปรุง และพฒั นาการเรยี นการสอนของโรงเรยี นยงิ่ ขนึ้ โดยใช้ระบบการนิเทศแลว้ สง่ เสริมสนบั สนนุ 4. ระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา ในใบรายงานฉบับที่ 2 และ 3 ค่าสถิติระดับศูนย์สอบ (ป.6 และ ม.3) แยกตามมาตรฐานการเรียนรู้แสดงคะแนนเฉลี่ยระดับเขตพื้นท่ีซึ่งเขตพื้นท่ีนาไปใช้ส่งเสริม สนับสนุนสถานศึกษาในสงั กัดได้ 5. ระดับต้นสังกัด ต้นสังกัดของโรงเรียนทุกโรงเรียนสามารถนาผลการสอบโอเนตไป วิเคราะห์เพ่ือพัฒนาครูผู้สอนในสังกัดให้มีความรู้ ความชานาญในสาขาวิชาท่ีสอน กระตุ้นผู้บริหาร
20 สถานศึกษาให้นิเทศ กากับ ติดตาม จัดทาระบบช่วยเหลือนักเรียนทีมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่ากว่า เกณฑ์มาตรฐาน รวมท้ังผลักดันให้มกี ารปรับปรงุ และพฒั นาการเรียนการสอน การวดั และประเมนิ ผล 6. ระดับประเทศ กระทรวงศึกษาธิการนาผลการสอบโอเนตไปใช้ในการส่งเสริม สนับสนุนให้ภายในปี พ.ศ.2561 ให้ผลการสอบโอเนต 5 วิชาหลักของนักเรียนทั้งประเทศ มีคะแนนเฉล่ียมากกว่าร้อยละ 50 ให้เป็นไปตามเปูาหมายการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษท่ี 2 (พ.ศ.2552-2561) ให้คนไทยการศึกษาไทยมีคณุ ภาพและได้มาตรฐานสากล บทบาทหน้าที่ของผู้บริหารและครูในการนาคะแนนโอเนตไปใช้พัฒนากระบวนการ เรยี นการสอน สรุปไดด้ งั นี้ - วิเคราะห์ผลการทดสอบโอเนตภาพรวมระดับโรงเรียน โดยพิจารณาว่าแต่ละ ระดบั ช้นั มีรายวชิ าใดท่ีมคี ะแนนโอเนตอยู่ในระดับปรับปรุง พอใช้ ดี ดมี ากรายวิชาใดท่ีต้องการพัฒนา อยา่ งเรง่ ด่วน - ให้ครูผู้สอนทุกคนวิเคราะห์ผลสอบโอเนตรายสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ และจดั ทาแผนพัฒนาคุณภาพผ้เู รียนในกล่มุ สาระการเรยี นรู้และภาพรวมของสถานศึกษาต่อไป - จัดประชุมคณะทางานระดับสถานศึกษา ร่วมกับนักวิจัย พ้ืนท่ี/สานักงานเขตพ้ืนที่และ รว่ มกนั จดั ทาปฏทิ ินการปฏิบัติงานสง่ เสริมการนาผลการสอบโอเนตไปใช้พัฒนาคุณภาพการศึกษา - ดาเนินการติดตามการปฏิบัติงานของครูผู้สอน โดยผู้รับผิดชอบงานนิเทศภายใน สถานศกึ ษา - พจิ ารณาตรวจสอบ กลั่นกรองข้อสอบตามประเด็นในแบบบันทึกการตรวจสอบคุณภาพ ของข้อสอบ - ตรวจสอบแผนการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรรู้ ายวชิ าในแตล่ ะกลมุ่ สาระ - ตรวจสอบการตัดสนิ ผลการเรียนรขู้ องผ้เู รยี นรายวิชา เมอื่ ส้นิ ภาคเรยี น/ปกี ารศึกษา - จัดทารายงานผลการปฏบิ ัติงาน และส่วนของบทบาทของครู คือ การนาผลการทดสอบโอเนต ของนักเรียนรายบุคคล แ ล ะร ะเ บี ย น แ ส ด ง ผ ล กา ร เ รี ย น ไป ใ ช้ กา ร วิ เ คร า ะ ห์ ผ ล กา ร ท ด ส อ บ โ อ เ น ต ร า ย ส า ร ะก า ร เ รี ย น รู้ การวิเคราะห์ผลการทดสอบโอเนตรายมาตรฐานการเรียนรู้วิเคราะห์สาเหตุ ปัจจัยที่ทาให้ผลการสอบ โอเนตสูงขึ้นโดยกาหนดปัญหาเง่ือนไขความสาเร็จ ส่ิงท่ีต้องการขอรับการสนับสนุน วิเคราะห์ เชอ่ื มโยงคณุ ภาพผ้เู รยี นเพ่ือวางแผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ การประเมินผลเพื่อวางแผนการเขียน ข้อสอบให้สอดคล้องกับคุณภาพผู้เรียน มาตรฐานตัวช้ีวัด สาระการเรียนรู้ ออกข้อสอบปลายภาค/ ปลายปี ตามแนวการทดสอบระดบั ชาตแิ ละจัดทารายงานผลการเรียน
21 การดาเนนิ การทดสอบ O-NET ชนั้ ป.6 ม.3 ปกี ารศึกษา 2563 กาหนดการสอบ O-NET ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 และชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ปีการศึกษา 2563 - ช้ัน ป.6 สอบวนั ที่ 13 มนี าคม 2564 ประกาศผลสอบ 21 เมษายน 2564 - ช้ัน ม.3 สอบวันท่ี 13-14 มนี าคม 2564 ประกาศผลสอบ 22 เมษายน 2564 การประกาศผลสอบ สถาบนั ทดสอบฯ กาหนดการประกาศคะแนนผู้เข้าสอบผ่านเว็บไซต์ สทศ.www.niets.or.th โดยเข้าเมนูประกาศผลสอบ O-NET การประกาศคะแนนสอบสามารถดูได้ท้ังในระดับโรงเรียน (โรงเรียนใช้ Username และ Password ) และระดับรายบุคคล (นักเรียนใช้เลขบัตรประจาตัว ประชาชน) ผูม้ สี ิทธิ์เข้ารบั การทดสอบ คือ นกั เรยี นที่กาลังศึกษาชั้น ป.6 และ ม.3 ปกี ารศกึ ษา 2563 ทกุ สังกัด วิธีการเขา้ รับการทดสอบ 1) วิธีการสมัครสอบ : สถานศึกษาหรือนักเรียนสมัครผ่านระบบ O-NET www.niets.or.th “ระบบสมัครและยืนยันการเข้าสอบ” ระหว่างวันท่ี 25 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ 2564 โดยไม่เสียค่า สมคั รสอบ 2) ประกาศรายช่ือผมู้ ีสิทธส์ิ อบและสนามสอบ : วันท่ี 19 กุมภาพันธ์ 2564 3) กาหนดการสอบ : - ป.6 สอบวันเสาร์ที่ 13 มีนาคม 2564 - ม.3 สอบวนั เสาร์ที่ 13 และวนั อาทิตยท์ ี่ 14 มนี าคม 2564 4) ประกาศผลสอบ : - ป.6 ประกาศผลสอบวันท่ี 21 เมษายน 2564 - ม.3 ประกาศผลสอบวันท่ี 22 เมษายน 2564 5) การรายงานผลสอบ กรณีโรงเรียนยืนยันรายช่ือนักเรียน : สทศ. จะรายงานผลการทดสอบระดับโรงเรียน (ทั้ง 6 ฉบับ) และระดับรายบุคคล กรณนี ักเรียนสมคั รสอบด้วยตนเอง : สทศ. จะรายงานผลการทดสอบระดบั รายบุคคล โรงเรียนทีส่ มัครและยนื ยนั -ม.3 = 53 โรง จาก 63 โรง -ป.6 =168 โรง จาก 181 โรง จานวนนักเรยี นทส่ี มัครสอบ - ป.6 จานวน 182 โรง มนี ักเรยี นทัง้ หมด 3,544 คน สมคั รสอบ 2,897 คน คดิ เป็น 82% - ม.3 จานวน 63 โรง มีนักเรียนทั้งหมด 1,119 คน สมัครสอบ 734 คน คิดเป็น 66% จานวนนกั เรียนท่เี ขา้ สอบ - ป.6 สมัครสอบ 2,897 คน นกั เรียนเขา้ สอบ 2,624 คน คิดเป็น 90.58% - ม.3 สมคั รสอบ 734 คน นักเรยี นเขา้ สอบ 664 คน คดิ เป็น 90.46%
22 โรงเรียนสมัครและยนื ยันการเข้าสอบการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาตขิ ้นั พน้ื ฐาน O-NET ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ท่ี ช่อื โรงเรียน จานวนนกั เรียน ในระบบ สมัครและยนื ยนั ร้อยละ 1 ขาวสงา่ เจรญิ วิทย์ 36 36 100 2 คาปลาฝานาทวี 20 6 30 3 ชุมชนขัวสงู สวรรค์ 26 22 85 4 ชุมชนนาเต่าสุขสวรรค์ (ประชาราษฎร์ 347) 18 17 94 5 ชุมชนบ้านกลางนาโน 44 36 82 6 ชมุ ชนบ้านโพธ์ิตาก 25 24 96 7 ชมุ ชนบา้ นโพนงาม 44 26 59 8 ชมุ ชนบ้านมาย 15 10 67 9 ชมุ ชนบา้ นห้วยหลวั 21 21 100 10 ชมุ ชนพอกใหญ่ไทยสมบูรณ์ 34 34 100 11 นาขา่ วิทยา 16 16 100 12 บ่อแกว้ ดงมะไฟมติ รภาพท่ี 81 19 17 89 13 บา้ นก่อ 12 12 100 14 บ้านกดุ จอก 4 4 100 15 บ้านกุดจอกน้อย 4 4 100 16 บ้านกดุ จาน 22 22 100 17 บา้ นกุดจกิ 7 7 100 18 บา้ นกดุ เรือ 11 5 45 19 บา้ นกุดเรือคา 75 62 83 20 บ้านแก้ง 14 7 50 21 บา้ นขัวก่าย 15 15 100 22 บ้านขาม 25 8 32 23 บ้านขา้ วแปงู 18 18 100 24 บา้ นขี้เหล็กเหลา่ สมบรู ณ์ 21 21 100 25 บ้านขนุ ภมู ิ 9 9 100 26 บา้ นคอนศรีบะสะแบง 11 11 100
23 ในระบบ จานวนนกั เรยี น รอ้ ยละ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 (ต่อ) 15 สมคั รและยนื ยัน 20 28 100 ท่ี ชอ่ื โรงเรียน 12 3 100 12 28 92 27 บา้ นคาเจรญิ สามแยกราษฎร์บารุง 31 12 77 28 บ้านคาตากล้า 16 11 75 29 บ้านคาภทู อง 6 24 100 30 บา้ นคายาง 6 12 100 31 บา้ นคาลอดพื้น 9 6 67 32 บา้ นคมึ 3 6 100 33 บา้ นคูสะคาม 10 6 100 34 บ้านโคกกลาง 13 3 100 35 บา้ นโคกก่องคูสะคาม 7 10 86 36 บา้ นโคกก่องหนองแวง 15 13 100 37 บ้านโคกถาวร 10 6 80 38 บ้านโคกไมล้ ม้ 7 15 100 39 บา้ นโคกสว่าง 17 8 100 40 บา้ นโคกสะอาด 5 7 100 41 บ้านโคกแสง 8 17 88 42 บา้ นจาร 25 5 96 43 บ้านจาปาดง 24 7 96 44 บ้านเชียงเพ็ง 16 24 94 45 บา้ นซอ่ มดู่ 41 23 98 46 บา้ นเซอื ม 19 15 26 47 บ้านดงสาร 6 40 100 48 บา้ นดงเสยี ว 22 5 100 49 บ้านดงหม้อทอง 11 6 100 50 บา้ นดงห้วยเปลือย 14 22 100 51 บา้ นดงเหนือ 11 52 บ้านดงอดี ่อย 14 53 บ้านดอนแดง 54 บา้ นดอนแดง
24 ในระบบ จานวนนกั เรียน รอ้ ยละ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 (ตอ่ ) 12 สมัครและยนื ยัน 100 25 100 ท่ี ชือ่ โรงเรียน 14 12 64 9 25 100 55 บา้ นดอนแดงคาอ้อ 7 9 100 56 บ้านดอนแดงเม่นใหญ่ 14 9 79 57 บ้านดอนทอย 29 7 69 58 บา้ นดอนมยุ หนองแฝก 20 11 100 59 บ้านดอนยานาง 8 20 100 60 บา้ นดา่ นสมบรู ณ์ 33 20 97 61 บา้ นเด่ือศรีคนั ไชย 28 8 50 62 บ้านตาด 13 32 100 63 บ้านตาดโตน 16 14 94 64 บา้ นถ้าเต่า 17 13 59 65 บ้านท่าก้อน 12 15 100 66 บ้านท่าควาย 9 10 67 67 บ้านท่างาม 27 12 96 68 บา้ นท่าช้างเจรญิ ไพศาล 25 6 100 69 บ้านทา่ เยีย่ มโนนคอม 12 26 100 70 บา้ นทา่ แร่ดงปลาปาก 11 25 100 71 บา้ นทุ่งโพธิ์ 12 12 100 72 บ้านธาตุตาลเด่ยี ว 11 11 64 73 บ้านนากะทาด 12 12 100 74 บ้านนาคอย 13 7 100 75 บา้ นนางา่ มเลา้ 18 12 83 76 บ้านนาจานกล้วยนอ้ ย 22 13 100 77 บ้านนาจาร 17 15 6 78 บ้านนาดอกไม้ 11 22 73 79 บา้ นนาดูนนาดี 1 80 บ้านนาแต้ 8 81 บา้ นนาบัว 82 บา้ นนาโพธ์ิ
25 ในระบบ จานวนนกั เรยี น ร้อยละ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 (ต่อ) 23 สมคั รและยนื ยัน 100 6 67 ท่ี ชื่อโรงเรยี น 8 23 88 4 4 100 83 บ้านนาเมอื ง 11 7 100 84 บ้านนายม 11 4 100 85 บ้านนายอ 12 11 67 86 บ้านนาหวาย 11 11 100 87 บ้านนาอวนน้อย 13 8 62 88 บา้ นนาฮี 9 11 100 89 บา้ นนา้ จน้ั 12 8 92 90 บา้ นน้าบ้นุ 15 9 100 91 บ้านโนนเจรญิ ศิลป์ 8 11 75 92 บา้ นโนนชนะสังคม 4 15 100 93 บา้ นโนนแต้ 22 6 95 94 บ้านโนนทบั ชา้ ง 27 4 100 95 บา้ นโนนไทย 12 21 100 96 บา้ นโนนแพง 12 27 100 97 บ้านโนนสวรรค์ 10 12 100 98 บ้านโนนสะอาดนาเหมือด 31 12 100 99 บ้านโนนแสบง 4 10 100 100 บ้านโนนอดุ ม 21 31 86 101 บา้ นบอ่ แดง 32 4 100 102 บ้านบะนกทา 9 18 100 103 บ้านบะปุาคา 5 32 80 104 บ้านบะยาว 20 9 50 105 บ้านบะหว้า 4 4 100 106 บ้านประชานาดอกไม้ 19 10 100 107 บา้ นผาศักดิท์ รัพย์เจรญิ 4 108 บ้านพุทธรกั ษา 19 109 บา้ นแพงน้อย 110 บ้านแพงใหญ่
26 ในระบบ จานวนนักเรยี น ร้อยละ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 (ต่อ) 22 สมัครและยนื ยัน 95 6 67 ท่ี ชื่อโรงเรยี น 7 21 100 20 4 100 111 บ้านโพธิ์ชัย 15 7 100 112 บา้ นโพธิช์ ยั แหลมทอง 5 20 100 113 บา้ นโพนก่อ 19 15 100 114 บ้านโพนแพง 9 5 89 115 บ้านโพนสวาง 38 19 11 116 บา้ นเม่นนอ้ ย 14 8 43 117 บา้ นยางคา 14 4 93 118 บา้ นลมึ บอง 8 6 25 119 บ้านวังบง 213 13 99 120 บ้านวงั โพน 9 2 100 121 บา้ นวังมว่ ง 20 211 95 122 บ้านวงั เวนิ 15 9 100 123 บ้านวานรนวิ าส (ราษฎรบ์ ารงุ ) 15 19 100 124 บ้านวานอ้ ย 12 15 58 125 บ้านวาใหญ่ 13 15 100 126 บา้ นศรวี ิชัย 10 7 80 127 บ้านสงเปอื ย 15 13 100 128 บ้านส้งเปือย 19 8 74 129 บ้านสรศรี 21 15 67 130 บา้ นสนั ติสุขสระแกว้ 17 14 100 131 บา้ นสามแยกพิทักษ์ 22 14 68 132 บา้ นสวุ รรณครี ี 12 17 8 133 บา้ นเสาวดั 9 15 78 134 บ้านแสนสุขสามคั คี 1 1 100 135 บา้ นหนองกว่ัง 7 136 บ้านหนองขนุ่ 1 137 บา้ นหนองตากวย 138 บ้านหนองตาไก้
27 ในระบบ จานวนนกั เรยี น รอ้ ยละ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 (ตอ่ ) 19 สมคั รและยนื ยัน 84 12 100 ที่ ชือ่ โรงเรียน 13 16 92 11 12 100 139 บา้ นหนองท่มทา่ กระดนั 33 12 97 140 บา้ นหนองนาแซงโนนงวิ้ 20 11 55 141 บ้านหนองบ่อ 11 32 100 142 บ้านหนองบัวแดง 26 11 100 143 บา้ นหนองบัวสมิ 22 11 100 144 บ้านหนองปลาหมดั บวั งาม 20 26 100 145 บ้านหนองผือ 14 22 100 146 บา้ นหนองพอกนอ้ ย 7 20 71 147 บา้ นหนองมว่ ง 11 14 100 148 บา้ นหนองลาด 17 5 100 149 บา้ นหนองสนม 13 11 100 150 บ้านหนองสามขา 24 17 100 151 บ้านหนองแสงคา 20 13 50 152 บ้านหนองเหมือดเมย่ี ง 12 24 83 153 บา้ นหนองแอก 13 10 100 154 บา้ นหนองฮาง 10 10 100 155 บ้านห้วยทราย 31 13 48 156 บ้านห้วยโทง 31 10 45 157 บ้านห้วยนา้ เทยี่ ง 20 15 90 158 บา้ นห้วยแสง 21 14 57 159 บ้านห้วยหนิ ลาด 222 18 100 160 บา้ นหว้านสหวทิ ยา 28 12 100 161 บ้านหินเหิบ 43 222 100 162 บา้ นเหลา่ ผักใส่ 24 28 71 163 บา้ นอากาศ 43 164 บ้านอนิ ทรแ์ ปลง 17 165 เพยี พิทยาพฒั น์ 166 แพดพิทยารัตน์
28 ในระบบ จานวนนักเรยี น ร้อยละ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6 (ตอ่ ) 11 สมัครและยนื ยัน 82 ท่ี ชอ่ื โรงเรยี น 154 9 99 167 สรา้ งแก้วอา่ งคาค้ออานวยวทิ ย์ 3,319 153 87 168 อนบุ าลบ้านม่วง 2,897 รวม ในระบบ จานวนนักเรียน รอ้ ยละ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3 25 สมัครและยนื ยัน 88 ที่ ช่ือโรงเรียน 29 55 30 22 27 1 ขาวสงา่ เจริญวิทย์ 28 16 82 2 ชุมชนขัวสงู สวรรค์ 16 8 88 3 ชุมชนบา้ นกลางนาโน 10 23 80 4 ชมุ ชนบา้ นโพธ์ติ าก 24 14 67 5 ชมุ ชนบา้ นหว้ ยหลวั 11 8 91 6 ชุมชนพอกใหญ่ไทยสมบูรณ์ 14 16 93 7 บอ่ แก้วดงมะไฟมติ รภาพที่ 81 24 10 67 8 บ้านกดุ จาน 21 13 86 9 บ้านแก้ง 19 16 95 10 บา้ นขวั ก่าย 5 18 100 11 บา้ นข้เี หล็กเหล่าสมบูรณ์ 16 18 94 12 บา้ นคาลอดพ้นื 16 5 88 13 บ้านโคกแสง 8 15 88 14 บ้านเซือม 39 14 92 15 บา้ นดงสาร 15 7 47 16 บ้านดงเสยี ว 26 36 100 17 บ้านดงหมอ้ ทอง 9 7 100 18 บ้านดงห้วยเปลอื ย 12 26 100 19 บ้านดอนแดงเมน่ ใหญ่ 17 9 100 20 บ้านตาดโตน 12 21 บ้านท่างาม 17 22 บ้านทา่ ศรีไคล
29 ในระบบ จานวนนกั เรยี น ร้อยละ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 (ตอ่ ) 23 สมัครและยนื ยนั 100 18 83 ที่ ช่ือโรงเรยี น 9 23 78 13 15 15 23 บา้ นทงุ่ โพธิ์ 17 7 100 24 บ้านนากะทาด 14 2 43 25 บ้านนาจาร 12 17 83 26 บ้านนาซอ 12 6 100 27 บา้ นนาดอกไม้ 14 10 93 28 บา้ นนาเมือง 22 12 100 29 บา้ นนาอวนน้อย 20 13 100 30 บา้ นโนนสวรรค์ 10 22 100 31 บ้านโนนสะอาดนาเหมือด 26 20 100 32 บา้ นบะหว้า 6 10 100 33 บา้ นพุทธรกั ษา 12 26 58 34 บ้านยางคา 17 6 88 35 บา้ นวาใหญ่ 8 7 100 36 บ้านศรวี ิชยั 17 15 82 37 บ้านส้งเปอื ย 22 8 59 38 บา้ นสวุ รรณคีรี 13 14 92 39 บ้านหนองตากวย 25 13 100 40 บ้านหนองท่มทา่ กระดนั 19 12 5 41 บา้ นหนองนาหารสมสนุกวิทยา 12 25 83 42 บ้านหนองบัวแดง 11 1 100 43 บ้านหนองบัวสมิ 8 10 100 44 บา้ นหนองปลาหมดั บัวงาม 23 11 61 45 บา้ นหนองมว่ ง 30 8 40 46 บ้านหนองลาด 22 14 23 47 บา้ นหนองแอก 12 48 บา้ นห้วยหินลาด 5 49 บ้านหวา้ นสหวิทยา 50 บ้านเหลา่ ผักใส่
30 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 (ต่อ) ในระบบ จานวนนักเรียน ร้อยละ ที่ ชื่อโรงเรยี น 15 สมัครและยนื ยัน 100 51 บ้านอินทรแ์ ปลง 9 15 100 52 พระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาวดั ท่งุ 36 100 53 เพียพิทยาพฒั น์ 9 929 79 รวม 36 ข้อมูลสนามสอบ 734 สนามสอบ ป.6 (18 สนามสอบ) 1. บา้ นคาตากล้า สนามสอบ ม.3 (15 สนามสอบ) 2. เพียพิทยาพฒั น์ 1 เพยี พิทยาพัฒน์ 3. บ่อแกว้ ดงมะไฟมติ รภาพที่ 81 2 ขาวสงา่ เจริญวทิ ย์ 4. บา้ นโพธชิ์ ยั 3 ชมุ ชนบ้านหว้ ยหลัว 5. บ้านหนองท่มท่ากระดนั 4 บ่อแก้วดงมะไฟมิตรภาพที่ 81 6. บา้ นหนองแอก 5 ชุมชนขวั สงู สวรรค*์ (สอบ รร.เดอ่ื ฯ) 7. อนุบาลบา้ นม่วง 6 บ้านทา่ ศรีไคล 8. บ้านกุดเรือคา 7 บา้ นทงุ่ โพธ์ิ 9. บา้ นขัวกา่ ย 8 บา้ นนาซอ 10. บา้ นเดื่อศรีคันไชย 9 บ้านสุวรรณครี ี 11. บา้ นทุ่งโพธิ์ 10 บ้านอินทรแ์ ปลง 12. บา้ นธาตตุ าลเด่ยี ว 11 ชมุ ชนบา้ นกลางนาโน 13. บา้ นวานรนวิ าส (ราษฎรบ์ ารงุ ) 12 บา้ นดงสาร 14. บา้ นห้วยหินลาด 13 บา้ นนากะทาด 15. ชมุ ชนบ้านกลางนาโน 14 บ้านนาเมือง* (สอบ รร.บ้านอากาศ) 16. ชมุ ชนบา้ นโพนงาม 15 พระปรยิ ตั ิธรรม(สามัญศึกษาวดั ทุง่ ) 17. บ้านนากะทาด 18. บา้ นอากาศ
31 เครือ่ งมือท่ีใชท้ ดสอบ รูปแบบข้อสอบ และจานวนข้อสอบในแตล่ ะวิชา ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศกึ ษา 2563 รปู แบบข้อสอบ และจานวนขอ้ สอบในแตล่ ะวิชา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 ปกี ารศกึ ษา 2563
32 รปู แบบขอ้ สอบ และจานวนขอ้ สอบในแต่ละวิชา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 ปกี ารศกึ ษา 2563
33 ตอนที่ 2 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขนั้ พื้นฐาน (O-NET) ปกี ารศกึ ษา 2563 ภาพรวมระดับเขตพืน้ ท่ีการศึกษา ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพื้นฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2563 ของสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 นาเสนอผล ดงั นี้ 1. ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐาน ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ปกี ารศกึ ษา 2563 1.1 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพ้ืนฐาน ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ปกี ารศึกษา 2563 จาแนกตามรายวิชาและสาระการเรียนรู้ 1.2 การเปรียบเทียบผลการทดสอบทาง การศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐาน ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ปีการศึกษา 2563 กับผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐาน ปีการศึกษา 2562 1.3 การเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2563 กับผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐาน ของระดับจงั หวัด 1.4 การเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพื้นฐาน ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 ปีการศึกษา 2563 กับผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐาน ของระดบั ประเทศ 2. ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพื้นฐาน ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ปีการศกึ ษา 2563 2.1 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ปีการศกึ ษา 2563 จาแนกตามรายวิชาและสาระการเรียนรู้ 2.2 การเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้ นพื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2563 กับผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐาน ปกี ารศกึ ษา 2562 2.3 การเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ปีการศึกษา 2563 กับผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพ้ืนฐาน ของระดบั จงั หวดั
34 2.4 การเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐาน ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ปีการศึกษา 2563 กับผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐาน ของระดบั ประเทศ 3. ผลการทดสอบทางการ ศึกษาระดับชาติข้ันพื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2563 3.1 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพื้นฐาน ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2563 จาแนกตามรายวิชาและสาระการเรยี นรู้ 3.2 การเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับช าติขั้นพ้ืนฐาน ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2563 กับผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพื้นฐาน ปกี ารศึกษา 2562 3.3 การเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพื้นฐาน ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2563 กับผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน ของระดบั จังหวดั 3.4 การเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ปีการศึกษา 2563 กับผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพ้ืนฐาน ของระดับประเทศ
35 ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาตขิ ้นั พื้นฐาน ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 ปีการศกึ ษา 2563 1 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐาน ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 ปีการศึกษา 2563 จาแนกตามรายวชิ าและสาระการเรยี นรู้ รายวิชาและสาระการเรียนรู้ คะแนนเฉลย่ี สว่ นเบี่ยงเบน มาตรฐาน ภาษาไทย 51.53 การอา่ น 61.32 15.54 การเขียน 55.19 22.69 การฟงั การดู และการพูด 53.41 16.65 หลกั การใช้ภาษา 35.06 26.17 วรรณคดแี ละวรรณกรรม 55.67 17.15 33.69 29.04 ภาษาอังกฤษ 34.47 ภาษาเพ่อื การสื่อสาร 32.79 15.28 ภาษาและวัฒนธรรม 31.51 16.70 ภาษากับความสมั พันธ์กับชุมชนและโลก 26.52 20.38 16.75 22.79 คณติ ศาสตร์ 28.98 บรู ณาการ 29.15 11.93 จานวนและพีชคณิต 15.99 24.70 การวัดและเรขาคณิต 35.66 16.75 สถิติและความนา่ จะเป็น 43.88 16.35 50.98 25.32 วิทยาศาสตร์ 30.40 บูรณาการ 32.77 11.86 วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ 30.01 39.89 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 25.11 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ 15.23 เทคโนโลยี 20.21 25.23
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165