Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (1)หน้าปก-ผสาน

(1)หน้าปก-ผสาน

Published by kanyarat phabamrung, 2021-10-08 08:23:32

Description: (1)หน้าปก-ผสาน

Search

Read the Text Version

ภาษาไทยปุ๊บปั๊ บ ฉบับ อ่านปุ๊บเข้าใจปั๊ บ ใน 1 เล่ม สาระสำคัญของภาษาไทยระดับประถม รวบรวมพัฒนาการทางภาษาของเด็ก พร้อมเทคนิคการสอนสำหรับคุณครู อธิบายละเอียด กระชับ เข้าใจง่าย แบบฝึกหัดทบทวนความเข้าใจ

ความสาํ คัญของ ภาษาไทย ภาษา เปนเครอื งมอื ทีใชใ้ นการสอื สารของมนษุ ย์ มนษุ ยต์ ิดต่อกันไดเ้ ขา้ ใจกันไดด้ ว้ ยอาศัย ภาษา เปนเครอื งชว่ ยทีดที ีสดุ ภาษาไทยเปนภาษาประจาํ ชาติ เปนสมบตั ิทางวฒั นธรรม เปนเครอื งมอื ในการแสวงหาความรู้ เชน่ การเรยี นวชิ าอืน ๆ ก็ต้องมคี วาม เขา้ ใจในเรอื งของภาษาไทยเปนพนื ฐาน ลักษณะทีดีของ ครูภาษาไทย เขา้ ใจเนอื หาภาษาไทยเปนอยา่ งดี มมี นษุ ยสมั พนั ธท์ ีดี ใชภ้ าษาไทยในการสอนและการสอื สารไดด้ ี เขา้ ใจหลักสตู ร มบี ุคลิกภาพทีดี แสวงหาความรใู้ หมอ่ ยูเ่ สมอ มคี วามรเู้ กียวกับพฒั นาการ ของเดก็ ทางดา้ นภาษา สรา้ งบรรยกาศการเรยี นการสอน ใจกวา้ ง และสรา้ งบรรยกาศ หอ้ งเรยี นไดน้ า่ เรยี น มคี วามสามารถพเิ ศษ เชน่ รอ้ งราํ มคี วามศรทั ธาต่อวชิ าชพี ทําเพลง เล่นดนตรี แต่งกลอน

พั ฒ น า ก า ร ท า ง ภ า ษ า เด็กโรงเรียนประถมเฉลี่ยแล้ว อายุ 6-12 ความแตกต่างทางภาษาของเด็ก ปี วัยนี้จะเข้าใขด้านภาษาได้ดี สื่อสารและ เด็กหญิงทักษะทางภาษาดีกว่าเด็กชาย พูดรู้เรื่อง จะรู้คำศัพท์ต่าง ๆ มากขึ้น เด็กชายจะเก่งคณิตกว่าเด็กหญิง เด็กผู้หญิง จะมีพัฒนาการดีกว่าเด็ก เด็กหญิงใช้ภาษายากได้ดีกว่าเด็กชาย ผู้ชายทุกระดับอายุ พัฒนาการด้านภาษา เด็กหญิงใช้คำพูดและประโยคได้ก่อน จะสัมพันธ์กับพัฒนาการด้านอื่น เช่น เด็กหญิงสนใจภาษามากกว่าเด็กชาย สมองดี ภาษาก็จะดี เด็กชายชอบใช้ภาษแสลงมากว่าเด็ก พัฒนาการทางภาษาของแต่ละคนแตก หญิง ต่างกัน ด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความ สามารถเดิม ความถนัด ประสบการณ์ ความพร้อมในการเรียนภาษไทย ความพร้อม และแรงบันดาลใจ เด็กต้องการรู้คำศัพท์ เพื่อใช้เรียกสิ่งที่ 1.ความพร้อมเมื่อเริ่มเรียนภาษาไทย เห็น สิ่งที่จะช่วยได้คือ สิ่งแวดล้อมของ จำแนกเสียง เปล่งเสีย เห็นความต่างของ เด็ก ยิ่งรู้คำศัพท์มากเท่าใด ความงอกงาม ภาะ รู้คำศัพท์ ทางภาษาก็จะมากขึ้น 2.ความพร้อมเมื่อเริ่มเรียนบทใหม่ ลำดับที่ของลูก มีส่วนต่อการพัฒนาการ ความพร้อมทุกด้านก่อนเริ่มเรียน ทางภาษา คือ ลูกคนโตจะมีพัฒนาการดี กว่าลูกคนสุดท้อง เราะใกล้ชิดผู้ใหญ่ ความสำคัญของการเตรียมความพร้อม มากกว่า ได้ฟังและซึมซับมากกว่า 1.ใช้ภาษาไทยในการเรียนวิชาอื่น ๆ ได้ดี 2.อวัยวะต่าง ๆ ประสานงานกันดี 3.พื้นฐานเท่าเทียมกัน 4.สบายใจและปลอดภัย พัฒนาการทางด้านภาษาของเด็กแต่ละวัย องค์ประกอบที่มีผลต่อการเตรียม ความพร้อม ขวบ ชอบพูด ชอบฟัง ชอบเลียนแบบละคร สนใจภาพเขียนชื่อตัวเองได้ สนใจสิ่งที่เป็น ควรทราบถึงลักษณะของเด็กที่มีความ รูปธรรม พร้อมก่อน ว่ามีลักษณะอย่างไร จึงจะจัด เตรียมความพร้อมไว้ให้เด็กได้อย่างดี ขวบ ชอบพูด ชอบฟังนิทาน,นิยาย หรือเรื่อง ในชีวิตจริงรู้จักใช้ภาษาแสดงอารมณ์ จะหัด 1.ร่างกาย อ่านหนังสือเอง 2.สมอง ขวบ เข้าใจนามธรรม ชอบเล่านิทาน ชอบพูด 3.อารมณ์ มากขึ้น ชอบคุยอวด สนทนากับผู้ใหญ่ อ่านใน 4.ภาษา ใจได้ดี เขียนได้มากขึ้น *เด็กผู้หญิงมีวุฒิภาวะทางภาษาดีกว่าเด็ก สำรวจความพร้อมในการฟัง ผู้ชาย -การได้ยิน ขวบ ชอบเรื่องจริงมากกว่านิยาย ชอบิ่าน -การจำแนกเสียง เรื่องลึกลับ ชอบผจญภัย ลายมือดี สนใจ เรื่องในบ้าน สำรวจความพร้อมในการพูด -การสังเกตอย่างง่าย ขวบ ไม่ต่างจาก 9 ขวบมากนัก -สำรวจวิธีการพูด สำรวจความพร้อมในการอ่าน -การรับรู้ทางสายตา / ทางหู รู้จักโครงสร้างของคำ หาความ สัมพันธ์ของภาพและคำได้ -ความสัมพันธ์ระหว่างมือและ สายตา เขียนพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ได้ ขวบ เด็กผู้ชายชอบอ่านเกี่ยวกับการค้นคว้า ผจญภัย เด็กผู้หญิงจะชอบเรื่องงานบ้าน *แต่งกลอนได้ ขวบ รู้จักการเข้าห้องสมุด อ่านหนังสือเพื่อความ บันเทิง เด้กผุ้ชายจะชอบอ่านเกี่ยวกับการผจญ ภัย เด้กผุ้หญิงจะชอบอ่านนิยาย

ทักษะการฟังและดู ความหมายของการฟังและดู หมายถึง การที่มนุษย์รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ จากแหล่งของ เสียง ภาพหรือเหตุการณ์ ซึ่งเป็นการฟังจากผู้พูดโดยตรง หรือฟังและดูผ่านอุปกรณ์หรือสิ่งต่าง ๆ แล้วเกิดการรับรู้ แล้วนำไปใช้ประโชน์ ได้ หลักการฟังและดูที่ดี 1)ต้องรู้จุดมุ่งหมายของการฟังและดู 2)ต้องฟังและดูโดยปราศจากอคติเพื่อการวิเคราะห์วิจารณ์ ที่ ตรงประเด็น 3)ให้ความร่วมมือในการฟังและดู ด้วยการร่วมกิจกรรม จุดมุ่งหมายของการฟังและดู การฟังและดูเป็นทักษะทางภาษาที่สำคัญในการศึกษาในชีวิต ประจำวัน โดยอาจได้รับสารจากบุคคลหรือจากสื่อ อิเล็กทรอนิ กส์ต่าง ๆ สื่อเหล่านี้ อาจรับสารด้วยวิธีการฟังหรือ การดูในลักษณะตอบโต้หรือสื่ อสารทางเดียวก็ได้ จุดมุ่งหมายของการฟังและดูมีดังนี้ 1) เพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน 2) เพื่อความเพลิดเพลิน 3) เพื่อความรับรู้ เช่น ฟังครูอธิบาย การจับใจความ 4) เพื่อได้คติชีวิตและความจรรโลงใจ การฟังและดู มีการตั้งจุดมุ่งหมายไว้เบื้องต้น จะทำให้ผู้รับสาร พุ่งจุดสนใจจากที่ได้รับได้ดียิ่งขึ้น และส่งผลให้ ผู้รับสารมีสรรถภาพในการฟัง การดู เพิ่มมากขึ้น

ทักษะการฟังและดู การจับใจความการสรุ ปประเด็น การจับใจความสำคัญ เป็นการอ่านหรือฟังเพื่อให้ทราบ ว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ และมีผลอย่างไรแล้ว จดบันทึกใจความสำคัญนั้ นไว้ หลักการจับใจความสำคัญ ตั้งใจอ่านหรือฟังเรื่อง คิดตั้งคำถามและตอบคำถามจากเรื่อง เขียนเรียบเรียงสรุปใจความสำคัญ อ่านทบทวนเพื่อความเรียบร้อย ประเด็น คือ สาระสำคัญ ใจความสำคัญ แก่นของเรื่องดังนั้ นเรา จึงต้องฝึกทักษะในการจับประเด็นเพราะเราต้องสื่ อสาร และรับสารจากผู้อื่น มารยาทในการฟัง ฟังด้วยความสงบ ฟังด้วยความตั้งใจ ปรบมือเมื่อชอบใจ มองหน้ าผู้พูด ไม่แสดงท่าทางไม่พอใจเมื่อไม่ชอบ มารยาทในการดู ดูอย่างสงบเรียบร้อยไม่ส่ งเสี ยงดัง ดูอย่างตั้งใจ ไม่คุยหรือเล่นในขณะที่ดู ไม่ลุกเดินไปเดินมา ปรบมือเมื่อจบการแสดง

การสอน ทักษะการอ่าน การอ่าน เป็นกระบวนการทางสมอง โดยใช้สายตาดู ตัวอักษรหรือสิ่งพิมพ์อื่น ๆ รับรู้และเข้าใจความหมาย ของคำหรือสัญลักษณ์ แล้วสามารถแปลออกมาเป็น ความหมายที่ใช้สื่อความคิด ความรู้ระหว่างผู้อ่านกับผู้ เขียน ให้เกิดความเข้าใจตรงกัน และผู้อ่านสามารถนำ เอาความหมายนั้น ๆ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได จุดมุ่งหมายของการอ่าน อ่านเพื่อค้นคว้าหาความรู้ อ่านเพื่อความบันเทิง อ่านเพื่อจับใจความสาคัญ อ่านเพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ อ่านเพื่อหาข้อเท็จจริง อ่านเพื่อวิเคราะห์ สิ่ งสำคัญของการอ่าน เกิดมโนทัศน์ สัมพันธ์ประสบการณ์เดิม มีปฏิกิริยา มีจุดมุ่งหมาย จัดระเบียบความคิด เข้าใจ แปล ทักษะที่ครู ต้องสอนให้เด็ก การอ่านคำและรู้ความหมายของคำ คือ ให้เด็กอ่านออก เป็นคำและเข้าใจความหมายของคำน้ั น ซึ่งเป็นทักษะเบื้องต้น คือ สอนให้เด็ก อ่านออก การอ่านจับใจความ เมื่อเด็กอ่านออกเป็นคำวลีและประ โยคได้แล้วจะต้องเข้าใจในสิ่งที่อ่าน บอกได้ว่าใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไรในเรื่องที่อ่าน เล่าเรื่องได้ สรุปเรื่องได้ นั่นคือ การสอนให้เด็กอ่านเป็น การอ่านออกเสียงให้ชัดเจน ถูกต้อง โดยเฉพาะคำที่ออก เสียง ร ล คำควบกล้ำ คำที่มีอักษรนำ รู้จักจังหวะในการอ่าน ให้ถูกวรรคตอน ฝึกจนอ่านคล่อง การอ่านเพื่อศึกษาหาความรู้ รู้จักวิธีค้นคว้าความรู้จาก แหล่งข้อมูลต่าง ๆ ทักษะนี้เหมาะที่จะใช้กับเด็กในชั้นประถม ปลายไปจนถึงชั้นที่สูง ฝึกให้เด็กมีนิสัยรักการอ่าน ครูจัดบรรยากาศในชั้นเรียน เพื่อกระตุ้น ให้เด็กอ่านหนังสือจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เชิญชวน ให้เด็กอยากอ่าน ข้อสำคัญ คือ ครูต้องเป็นตัวอย่างที่ดีแก่เด็ก อ่านหนังสือหลากหลายนำมาเล่าให้เด็กฟัง การอ่านเพื่อให้คุณค่าและเกิดความซาบซึ้ง คือ การสอน อ่านวรรณคดีและวรรณกรรมสำหรับเด็ก ให้เด็กมองเห็น ประโยชน์ที่ได้รับจากการอ่าน เพื่อนามาใช้ในชีวิตประจำวันให้ เด็กรู้รสไพเราะของการอ่านร้อยกรองต่าง ๆ การอ่านวรรณ คดีที่จัดไว้ให้เด็กแต่ละชั้นเพื่อให้เห็นความงดงามของภาษา

การสอน ทักษะการพูด การพูด เป็นการสื่อความหมายอย่างหนึ่งโดยใช้น้ำเสียง ภาษากิริยาท่าทางเพื่อถ่ายทอดความในใจไปให้ผู้ฟังรู้หรือ เข้าใจความต้องการหรือความรู้สึกนึกคิดของตน เพราะการ พูดเป็นทักษะการส่งออกตามหลักของภาษาศิลป์ องค์ประกอบที่สำคัญของการพูด ผู้พูด แสดงออกทางวาจา ท่าทาง ให้ผู้ฟังได้ทราบความรู้สึกนึก คิดและความต้องการของตน สาร เนื้อหาที่พูดตามความคิดเห็นของสื่อหรือผู้ส่งสาร ผู้รับสื่อ ผู้รับสารและผู้ส่งสารเผชิญหน้ากันเป็นหารสื่อความ หมายที่ได้ผลดีกว่าวิธีอื่น เครื่องมือสื่อความหมาย คําพูดหรือภาษาอันเป็นเครื่องเชื่อม โยงความคิด ผลที่เกิดขึ้นตามความมุ่งหมายน้ั น ๆ เพื่อให้ความรู้ แสดงความ คิดเห็น บอกกล่าว อาทิ รายงานการวิจัย เพื่อจูงใจให้กระทําหรือ เว้นการกระทํา หรือเปลี่ยนแนวความคิดบางอย่าง เพื่อยกย่อง ชมเชย การแก้ปัญหาการอภิปราย เพื่อหาข้อยุติในปัญหาต่าง ๆ เพื่อความบันเทิง ดลัีกมษีแนณวคิะดขที่ดอี งผู้พูดที่ วิธีพัฒนา ทักษะการพูด มีจุดประสงค์ มีโครงเรื่อง ทำความเข้าใจพื้นฐาน ใช้ภาษาที่ดี มีความรู้ดี ของการสื่อสาร มีความจําดี มีความกล้า สังเกตตัวเอง พูดชัดเจน หาโอกาสช่องทาง ใน การพัฒนาทักษะการพูด มีบุคลิกลักษณะดี - ฝึกสนทนากับคนที่ไม่รู้จัก มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส - เข้าร่วมกิจกรรมชื่นชอบ แต่งกายดี - ฝึกจดจำและใช้มุกตลก มีการแสดงท่าทางประกอบ คําพูด ประจำตัวเสมอ - เข้ารับการฝึกอบรมกับ สถาบันพัฒนาบุคลิกภาพ เพิ่มเทคนิค วิธีการ เพื่อ ดึงดูดความสนใจแก่ผู้ฟัง หลักการพูด กิจกการรสรมอสนำพหูดรับ ศึกษาผู้ฟัง การเล่านิทาน อายุ เพศ ระดับการศึกษา อาชีพ การอภิปราย ความสนใจ พื้นฐาน ความรู้ การใช้โทรศัพท์ เกี่ยวกับเรื่องที่จะฟัง ทัศนคติ การเล่าข่าว จำนวนของผู้ฟัง การทายปัญหา การโต้วาที การรู้จักกาลเทศะ การแสดงบทบาทสมมติ สถานที่ เวลา โอกาส การสนทนา การรายงาน การเตรียมตัวพูด การอ่านและการท่องจํา การเตรียมตัวก่อนพูด คำคล้องจอง การเตรียมตัวขณะพูด การเล่าเรื่องประกอบภาพ การพูดแสดงความคิดเห็น การจัดเนื้อเรื่องที่จะพูด การเลือกเรื่อง การมีจุดประสงค์ ที่แน่นอน การรวบรวมเนื้อหา การสร้างโครงร่าง

ทักษะการเขียน ความหมายของการเขียน หมายถึง การถ่ายทอดความรู้ ความ เข้าใจ ความรู้สึกนึกคิดและความ ต้องการของบุคคลออกมาเป็นตัว อักษรหรือสัญลักษณ์ ความสำคัญของการเขียน 1) เป็นเครื่องมือสื่อสาร ถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ ความคิด ประสบการณ์ 2) เก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ 3) เป็นการแสดงออกทางอารมณ์ เกี่ยวกับความรู้สึก ประทับใจ 4) เป็นเครื่องมือพัฒนาปัญญาของบุคคล 5) เป็นการสนองความต้องการของมนุษย์ 6) เป็นการแสดงออกถึงภูมิปัญญาของผู้เขียน 7) พัฒนาความสามารถและบุคลิกภาพของตน 8) เป็นอาชีพอย่างหนึ่งที่ได้รับการยกย่อง 9) พัฒนาความคดริเริ่มสร้างสรรค์และ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

จุดมุ่งหมายของการเขียน 1 เพื่อฝึกคัดลายมือ 2 เพื่อฝึกฝนทักษะการเขียน 3 เพื่อสามารถเขียนสะกดคำให้ถูกต้องตามอักขรวิธี 4 เพื่อรู้จักเลือกภาษาให้เหมาะสมและถูกกาลเทศะ 5 เพื่อสามารถถ่ายทอดความรู้สึกผ่านเป็นตัวอักษร 6 เพื่อรู้จักเลือกเฟ้นถ้อยคำ สำนวน โวหารมาใช้ให้ถูก ต้องตามหลักภาษาและสื่อความหมายได้ 7 เพื่อส่งเสริมให้มีจินตนาการ ความคิดริเริ่ม 8 เพื่อให้มีทักษะในการเขียนประเภทต่างๆ 9 เพื่อให้เห็นความสำคัญและคุณค่าของการเขียน การฝึกทักษะการเขียน 1 ฝึกสายตา ให้สังเกตความเหมือน ต่าง เล็ก ใหญ่ ฯลฯ 2 ฝึกบังคับกล้ามเนื้อมือ โดยให้วาด ปั้ น ลากเส้น ฯลฯ 3 การวางท่าทางในการเขียน 4 ฝึกเขียนพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ให้ถูกต้อง 5 ฝึกเขียนเว้นช่องไฟให้พองาม 6 ฝึกเขียนจากคำง่ายไปยาก 7 ฝึกการเขียนในประเภทต่าง ๆ

เสียงในภ าษาไทย ประกอบด้วย เสียงสระ เสียงพยัญชนะ เสียงวรรณยุกต์ เสียงสระ มี 32 แบ่งเป็น สระเดี่ยว • สระเสียงสั้น 9 เสียง อะ อิ อุ อึ เอะ เเอะ โอะ เอาะ เออะ • สระเสียงยาว 9 เสียง อา อี อู อือ เอ เเอ โอ ออ เออ สระประสม • สระเสียงสั้น (ริสสะ) เอียะ เอือะ อัวะ • สระเสียงยาว (ทีฆสระ) เอีย เอือ อัว สรุปเสียงพยัญชนะในภาษาไทย ไตรยางค์ หรือ อักษรสามหมู่ พยัญชนะต้น • พยัญชนะต้นเดี่ยว อักษรกลาง • ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ 1. อักษรตัวเดียว 2. อักษรนำ ( ไก่จิกเด็กตายเด็กตายบนปากโอ่ง ) 3. อักษรควบไม่เเท้ อักษรสูง •ผฝถฐขฃศสษหฉ • พยัญชนะต้นคู่ (ควบ) /ตร/ ( ผีฝากถุงข้าวสารให้ฉัน ) /พร/ /พล/ /ปร/ /ปล/ คู่ • พ ภ ค ฅ ฆ ฟ ท ฒ ฑ ธ ซ /กร/ /กล/ /กว/ /คร/ /คล/ /คว/ ชฌฮ พยัญชนะท้าย • 1. /ก/ 2. /บ/ อักษรต่ำ ( พ่อค้าฟันทองซื้อช้างฮ่อ ) 3. /ม/ 4. /ด/ 5. /ง/ 6. /น/ เดี่ยว • ง ญ น ย ณ ร ว ม ฬ ล 7. /ย/ 8. /ว/ ( งูใหญ่นอนอยู่ ณ ร่มวัดโมฬีโลก ) สรุป คำเป็น - คำตาย เสียงวรรณยุกต์ วรรณยุกต์ในภาษาไทยมี 5 เสียง 4 รูปดังนี้ คำเป็น มีตัวสะกด : นมยวง ไม่มีตัวสะกด : สระเสียงยาว เสียงวรรณยุกต์ รูปวรรณยุกต์ คำตาย มีตัวสะกด : กบด สามัญ ไม่ปรากฏรูป ไม่มีตัวสะกด : สระเสียงสั้น เอก โท ่ ตรี ๋ ้๊ จัตวา

วลี / กลุ่มคำ เกิดจากนำคำตั้งเเต่สองคำขึ้นไปมาเรียง ติดต่อกัน ทำให้เกิดความหมายเพิ่มขึ้น *คำเดียวหรือหลายคำก็ได้ เเต่ ต้องเป็นส่วนหนึ่งของประโยค* ชนิดของกลุ่มคำ แบ่งเป็น 7 ชนิด กลุ่มคำสันทาน กลุ่มคำกริยา กลุ่มคำนาม กลุ่มคำสรรพนาม กลุ่มคำวิเศษณ์ กลุ่มคำบุพบท กลุ่มคำอุทาน แผนผังสรุป ประโยคสามัญกริยาเดียว กริยาเดียว ประโยคสามัญ ประโยคสามัญหลายกริยา กริยาเรียง ประโยครวม หลายตัว คำเชื่อมสมภาค กับ เเต่ ละ หรือ ประโยคซ้อน หน้าที่เหมือนนาม มานานุประโยค ที่ ว่า ที่ว่า ให้ ประโยคซ้อน ประโยคซ้อน ขยายนาม คุณานุประโยค ที่ ซึ่ง อัน ขยายกริยา ประโยคซ้อน ซึ่ง ถ้า เพราะ เมื่อ วิเศษณานุประโยค

การเขียนแต่ละประเภท คัดลายมือ การเขียนจดหมาย คัดลายมือคืออะไร ? ประเภทของจดหมาย เป็ นการฝึ กเขียนตัวอักษรไทยให็ 1.จดหมายส่วนตัว-เขียนติดต่อกันในวงศ์ญาติ ถูกต้องตามหลักการเขียนคำไทย 2.จดหมายธุรกิจ-เขียนติดต่อกันระหว่างบริษัท เขียนให้อ่านง่าย เว้นช่องไฟ มี 3.จดหมายกิจธุระ-เขียนติดต่อบุคคลอื่น บริษัท วรรคตอน วางพยัญชนะสระและ ห้างร้านต่าง ๆ เพื่อแจ้งกิจธุระ วรรณยุกต์ถูกที่และลายมือสวย 4.จดหมายราชการ-เขียนติดต่อกันในทาง ราชการ ลักษณะของการคัดลายมือ 1.ตัวบรรจงเต็มบรรทัด ตัวอย่าง (จดหมายกิจธุระ) 2.ตัวบรรจงครึ่งบรรทัด 3.หวัดแกมบรรจง เป็นการคัดลายมือ แบบมีหัวหวัด ต้องเขียนให้อ่านง่าย เว้นวรรคถูกต้องเหมาะสม ประเภทของการคัดลายมือ 1.ประเภทตัวเหลี่ยม เส้นตัวอักษรส่วน ใหญ่เป็ นเส้นตรงเช่นตัวอักษรแบบ เอกลักษณ์ ใช้ในการเขียนเกี่ยวกับพระ มหากษัตริย์หรืองานเขียนราชการ 2.ประเภทตัวกลมหรือตัวมน ลักษณะจะ มีเส้นโค้งประกอบ ใช้สำหรับการคัด ลายมือสำหรับนักเรียนโดยทั่วไป บรรจง หวัดแกมบรรจง การเขียนย่อความ การเขียนเรียงความ หลักการ ขั้นตอน 1.อ่านเรื่องที่จะย่ออย่างละเอียด 1.การเลือกเรื่อง เลือกตามความ ถี่ถ้วน ชอบหรือความถนัดของตัวเอง 2.หาใจความสำคัญ เรียบเรียง 2.ค้นคว้าหาข้อมูลจากหนังสือ เป็ นภาษาตนเอง นิตยสาร วารสาร อินเทอร์เน็ต อิ่น ๆ 3.ถ้ามีคำราชาศัพท์ให้คงไว้ 3.วางโครงเรื่อง 4.สรรพนามบุรุษที่ 1 และ 2 ให้ 4.เรียบเรียงตามองค์ประกอบ เปลี่ยนเป็นสรรพนามบุรุษที่ 3 5.บอกที่มาของย่อความ นำมา องค์ประกอบ เขียนย่อหน้ าแรก คำนำ เป็นส่วนแรกของการเขียนเรียง จุดประสงค์ ความ เป็นส่วนเปิดประเด็น ดึงดูด เพื่อรู้จักการจับใจความสำคัญ และ ความสนใจ สามารถนำไปถ่ายทอดแก่ผู้อื่นได้ เนื้อเรื่อง เป็นส่วนสำคัญและยาวที่สุด เป็นการขยายความ ในประเด็นต่าง ๆ ประโยชน์ ตามโครงเรื่องที่วาง อาจมีหลายย่อหน้ า 1.ช่วยให้การอ่านและฟั งดียิ่งขึ้น ได้ 2.ช่วยในการจดบันทึก สรุป เป็นส่วนสุดท้ายหรือย่อหน้ า 3.ช่วยเตือนความจำ สุดท้าย ทีี่จะทำให้ผู้อ่านประทับใจ 4.ช่วยในการตอบคำถามแบบฝึ กหัดหรือ กระชับรัดกุม อาจมีการให้กำลังใจหรือ ในการทำข้อสอบ ฝากข้อคิด

การเขียนสะกดคำ หลักการเขียนสะกดคำ ประโยชน์ ของการเขียนสะกดคำ 1.เขียนผิดเพราะคำออกเสียงเหมือนกัน 1.ช่วยให้เด็กรู้จักคำต่าง ๆ ที่จำเป็น แต่ความหมายและการเขียนต่างกัน และสามารถเขียนเป็ นเรื่ องราวได้ เช่น สิน \" สินธ์ 2.ช่วยให้เด็กสะกดคำต่าง ๆ ได้ถูก 2.ออกเสียงต่างกันเพียงเล็กน้ อย แต่ ต้อง ความหมายไม่ต่างกันมากนัก เช่น 3.ส่งเสริมให้เด็กรู้จักใช้คำต่าง ๆ ได้ รัก \" ลัก กว้างขึ้น 3.เขียนผิดเพราะไม่รู้หลักเกณฑ์ในการ 4.ช่วยให้เด็กค้นคว้าและคิดหาคำ เขียน ใหม่ ๆ ที่ต้องการ 4.ใช้แนวเทียบผิด 5.เขียนผิดเพราะมีการเปลี่ยนแปลงกฎ เกณฑ์ในการเขียน แต่ผู้เขียนติดรูปแบบ เดิม 6.บางคำมีความหมายอย่างเดียวกัน ออก เสียงเหมือนหรือคล้ายกัน แต่ใช้ต่างกัน 7.บางคำเขียนได้ากกว่า 1 รูป เช่น กรรไกร กรรไตร หรือตะไกร 8.เขียนผิดเพราะเขียนตามเสียงอ่าน เช่น ศีรษะ \"สี-สะ มักเขียนเป็น ศรีษะ การเขียนบันทึกหรือรายงาน หลักการของการเขียนบันทึก หลักการเขียนรายงาน 1.เขียนตามข้อเท็จจริง ถูกต้องชัดเจน 1.ส่วนประกอบตอนต้น 2.บอกแหล่งที่มาของข้อมูล -หน้ าปก 3.เขียนให้มีระเบียบ เรียงลำดับอย่างเป็นระบบ -ใบรองปก 4.ใช้เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์แทน เพื่อให้จด -หน้ าปกใน บันทึกได้อย่างรวดเร็ว -คำนำ -สารบัญ จุดประสงค์ 2.ส่วนเนื้อหา 1.เพื่อเก็บรักษาข้อมูลให้มีความคงทน และ -บทนำ แนวคิด สะดวกในการนำกลับมาใช้ใหม่ -วิธีการดำเนินงาน 2.เพื่อบันทึกข้อมูลที่ต้องการเก็บรักษาด้วย -การนำเสนอและการวิเคราะห์ เหตุผลส่วนตัว หรือเรื่องหน้ าที่การงาน -สรุปอภิปรายและข้อเสนอแนะ 3.ส่วนประกอบตอนท้าย -บรรณานุกรม -ภาคผนวก -ประวัติผู้ค้นคว้า -ใบรองปกหลัง -ปกหลัง จุดประสงค์ 1.รู้จักวิธีค้นคว้าหาความรู้ด้วย ตนเอง 2.ฝึ กฝนทักษะด้านการอ่าน 3.ส่งเสริมให้มีความคิดริเริ่ม 4.ฝึ กทักษะด้านการเขียน 5.สามารถวิเคราะห์เรื่องราวต่าง ๆ ได้

วรรณคดีและวรรณกรรม ความสำคัญของวรรณคดี วรรณคดี หมายถึง สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อสื่อสารเรื่องราวของชีวิต วัฒนธรรม และอารมณ์ความรู้สึก ด้วยกลวิธีการใช้ถ้อยคำสำนวน ภาษาที่ต่างกันไปในแต่ละยุคสมัย ความสำคัญของวรรณกรรม วรรณกรรม หมายถึง การถ่ายทอดทั้งในด้าน ความรู้ ความคิด ความสะเทือนใจ เป็ นภาษาทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง ปัญหาในการจัดการเรียนรู้วรรณคดี การที่ผู้เรียนไม่เห็นคุณค่าของวรรณคดีไทย อย่างแท้จริงมุ่งเน้ นคำศัพท์และเนื้อเรื่อง มากกว่าการพัฒนาความคิด ปัญหาของการจัดการเรียนรู้วรรณกรรม ครูผู้สอนเป็นองค์ประกอบสำคัญ เพราะครูผู้สอนที่มี ความสามารถทั้งด้านเนื้อหาวิชา และการจัดการเรียน การสอนเท่านั้น

แนวทางในการจัดการเรียนการสอนวรรณคดี 1 อ่านเข้าใจ 2 ได้เสียงเสนาะ - เข้าใจเรื่องที่อ่าน - เสียงเสนาะร้อยแก้ว - เข้าใจคำศัพท์ - เสียงเสนาะร้อยกรอง 3 เจาะแนวคิดสำคัญ 4 หมั่นวิเคราะห์วินิจฉัย - แนวคิดของเรื่องที่อ่าน - รูปแบบเนื้อหา กลวิธี - ประมวลเรื่องที่อ่าน และการใช้ภาษา 5 ใส่ใจวิพากษ์วิจารณ์ - แสดงความคิดเห็นเชื่อมโยง 6 ประสานกิจกรรม - กลุ่มสัมพันธ์ - การแสดงละคร - นิทรรศการ - เขียนแผนที่บทบาทสมมุติ 7 สัมพันธ์เนื้อหา - คำราชาศัพท์ - หลักภาษา - การพูดและการฟัง - การแต่งคำประพันธ์

QR Code ทำแบบทดสอบความเข้าใจ สแกนเลยค่ะ พัฒนาการทาง ทักษะการฟั งและดู ทักษะการ ภาษา อ่านและพูด ทักษะการเขียน หลักภาษา วรรณคคดีและ วรรณกรรม

บรรณานุกรม ทาทูล ทองดื่ม. (2560). การพิมพ์จดหมายลาครู. สืบค้น 20 สิงหาคม 2564. จาก https://site.com/site/krunartlada/kar.phimphcdhmav-la.khru สิริพัชร์ เจษฎาวิโรจน์. (2562). ภาษาไทยสำหรับครูประถม. (พิมครั้งที่2). กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง. สมาคมครูภาษาไทยแห่งประเทศไทย. (2558). หลักภาษาไทย: เรื่องที่ครูภาษาไทยต้องรู้. กรุงเทพฯ:สกสค.ลาดพร้าว. เอกรินทร์ สี่มหาศาล.ภาษาไทย ป.3. (พิมพ์ครั้งที่2). กรุงเทพ: สำนักพิมพ์อักษรเจริญ. MTHAI.(2564).วิธีการเขียนรายงานฉบับสมบูรณ์ เขียนรายงานอย่างไรให้ครบถ้วนที่สุด. สืบค้น 24 สิงหาคม 2564.จากhttps://mthai.com/campas/55503.html Site:google.(2564).ขั้นตอนการเขียนเรียงความ.สืบค้น 23 สิงหาคม 2564.จาก https://site.google.com/a/thoengwith.ac.th Truplookpanya.(2564).การเขียนเรียงความใสืบค้น 23 สิงหาคม 2564.จาก https://www.truplookpanya.com Truplookpanya.(2561).แนวทางการคัดลายมือตามแบบตัวอักษรของกระทรวง ศึกษาธิการ.สืบค้น 19 สิงหาคม 2564. จาก https://www.truplookpanya.com


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook