ทรพั ยากรธรรมชาติ
ทรัพยากรธรรมชาติ เกดิ ขนึ้ ตามธรรมชาตใิ นส่ิงแวดล้อมทคี่ ่อนข้างปลอดการรบกวนจากมนุษย์ ในรูปแบบของธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาตมิ กั มลี กั ษณะของปริมาณความหลากหลายทาง ชีวภาพและความหลากหลายของภูมิประเทศในหลายระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาตมิ าจาก ส่ิงแวดล้อม บางทรัพยากรสาคญั ต่อการดารงชีพของมนุษย์ ขณะทีส่ ่วนใหญ่ถูกใช้เพ่ือตอบสนอง ความต้องการ ทรัพยากรธรรมชาตยิ งั อาจจาแนกต่อไปได้อกี หลายวธิ ี เช่นการทาส่ิงต่าง ๆที่เป็ น ประโยชน์
ประเภทของทรัพยากรธรรมชาติ การแบ่งประเภทของทรพั ยากรธรรมชาติมีการแบ่งกนั หลายลกั ษณะ แตใ่ นทีน้ี แบ่งโดยใชเ้ กณฑข์ องการนามาใช้ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดงั น้ี 1. ทรัพยากรธรรมชาติที่ใชแ้ ลว้ ไมห่ มดสิ้น (Inexhaustible natural resources) เป็ นทรัพยากรธรรมชาติที่เกิดข้ึนก่อนที่จะมีมนุษย์เมื่อมีมนุษยเ์ กิดข้ึนมาส่ิงเหลา่ น้ีก็มี ความจาเป็ นตอ่ การดารงชีวติ ของมนุษย์ 2. ทรัพยากรธรรมชาติที่ใชแ้ ลว้ ทดแทนได้ (renewable natural resources) เป็ นทรัพยากรธรรมชาติที่ใชไ้ ปแลว้ สามารถเกิดข้ึนทดแทนได้ ซ่ึงอาจจะเร็วหรือชา้ ข้ึนอยู่ กนั ชนิดของทรัพยากรธรรมชาติประเภทน้นั ทรัพยากรธรรมชาติที่ใชแ้ ลว้ ทดแทนได้ เช่น พชื ป่ าไม้ สตั วป์ ่ า มนุษย์ ความสมบูรณ์ของดิน คุณภาพของน้า และ ทศั นียภาพที่สวยงาม เป็ นตน้ 3. ทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถนามาใชใ้ หม่ได้ (Recycleable natural resources) เป็ นทรัพยากรธรรมชาติจาพวกแร่ธาตทุ ี่นามาใชแ้ ลว้ สามารถนาไปแปรรูปใหก้ ลบั ไปสู่สภาพเดิมได้ แลว้ นากลบั มาใชใ้ หม่อีก (อูแ่ กว้ ประกอบไวยกิจ เวอร์ ,2525:208) เช่น แร่โลหะ แร่อโลหะ ไดแ้ ก่ เหลก็ ทองแดง อะลมู ิเนียม แกว้ ฯลฯ 4. ทรัพยากรธรรมชาติที่ใชแ้ ลว้ หมดสิ้นไป (Exhausting natural resources) เป็ นทรัพยากรธรรมชาติท่ีนามาใชแ้ ลว้ จะหมดไปจากโลกน้ี หรือสามารถเกิดข้ึนทดแทน ได้ แต่ตอ้ งใชเ้ วลายาวนานมาก ทรัพยากรธรรมชาติประเภทน้ี ไดแ้ ก่ น้ามนั ปิ โตรเลียม กา๊ ซธรรมชาติ และถ่านหิน เป็ นตน้
ทรัพยากรธรรมชาติทส่ี าคัญ เป็ นทรัพยากรธรรมชาติท่ีขาดไมไ่ ดต้ อ่ การดาเนินชีวติ เพราะเป็ นสิ่งจาเป็ นต่อ การดาเนินชีวติ ตลอดเวลา จึงใหค้ วามสาคญั เป็ นอยา่ งยงิ่ และจะตอ้ งเอาใจใส่ดูแลเพอ่ื รักษาทรัพยากรธรรมชาติน้นั ใหค้ งไวใ้ ชไ้ ดน้ าน ทรัพยากรธรรมชาติท่ีวา่ น้นั ไดแ้ ก่ ทรัพยากรนา้ น้าเป็ นทรัพยากรที่มีความสาคญั ตอ่ ชีวติ คน พชื และสตั วม์ ากที่สุดแต่ก็มีค่านอ้ ย ที่สุดเม่ือเปรียบเทียบกบั ทรัพยากรธรรมชาติอ่ืน ๆ น้าเป็ นปัจจยั สาคญั ในการ ดารงชีวติ ของมนุษยแ์ ละเป็นองคป์ ระกอบที่สาคญั ของสิ่งมีชีวติ ท้งั หลาย ความสาคญั ของทรัพยากรน้า ประโยชน์ของนา้ น้าเป็ นแหลง่ กาเนิดชีวติ ของสตั วแ์ ละพืชคนเรามีชีวติ อยโู่ ดยขาดน้าไดไ้ ม่เกิน 3 วนั และน้ายงั มีความ จาเป็ นท้งั ในภาคเกษตรกรรมและอตุ สาหกรรม ซ่ึงมีความสาคญั อยา่ งยง่ิ ในการพฒั นาประเทศ ประโยชน์ ของน้า ไดแ้ ก่ - น้าเป็ นสิ่งจาเป็ นที่เราใชส้ าหรับการด่ืมกิน การประกอบอาหาร ชาระร่างกาย ฯลฯ - น้ามีความจาเป็ นสาหรับการเพาะปลกู เล้ียงสตั ว์ แหลง่ น้าเป็ นท่ีอยอู่ าศยั ของปลาและสตั วน์ ้าอื่น ๆ ซ่ึง คนเราใชเ้ ป็ นอาหาร
การอนุรักษ์ทรัพยากรนา้ ดงั ไดก้ ลา่ วมาแลว้ จะเห็นวา่ น้ามีความสาคญั และมีประโยชนม์ ากมายมหาศาล เราจึงควรช่วยกนั อนุรักษท์ รัพยากร น้าดงั น้ี 1. การใชน้ ้าอยา่ งประหยดั นอกจากจะช่วยลดค่าใชจ้ ่ายเกี่ยวกบั คา่ น้าลงไดแ้ ลว้ ยงั ทาใหป้ ริมาณน้าเสียที่จะทิ้งลง แหลง่ น้าลดลง และป้องกนั การขาดแคลนน้าไดด้ ว้ ย 2. การสงวนน้าไวใ้ ช้ ในบางฤดูหรือในสภาวะท่ีมีน้ามากเหลือใช้ ควรมีการเก็บน้าไวใ้ ช้ เช่น การทาบ่อเก็บน้า การ สร้างโอ่งน้า การขดุ ลอกแหล่งน้า รวมท้งั การสร้างอา่ งเก็บน้าไวใ้ ชเ้ พ่อื การเกษตร และพลงั งานแลว้ ยงั ช่วยป้องกนั การเกิด อทุ กภยั ป้องกนั การไหลชะลา้ งหนา้ ดินท่ีอุดมสมบูรณ์และใชเ้ ป็นที่พกั ผอ่ นหยอ่ นใจ 3. การพฒั นาแหลง่ น้า ในบางพ้นื ที่ขาดแคลนน้า จาเป็ นท่ีจะตอ้ งหาแหล่งน้าเพ่มิ เติม เพ่ือใหม้ ีน้าไวใ้ ชท้ ้งั ใน ครัวเรือนและในการเกษตรไดอ้ ยา่ งเพยี งพอ ปัจจุบนั การนาน้าบาดาลข้ึนมาใชก้ าลงั แพร่หลายมาก แต่อาจมีปัญหาเรื่อง แผน่ ดินทรุด เช่นในบริเวณกรุงเทพ ฯ ทาใหเ้ กิดดินทรุดได้ จึงควรมีมาตรการกาหนดวา่ เขตใดควรใชน้ ้าใตด้ ินไดม้ ากนอ้ ย เพียงใด 4. การป้องกนั น้าเสีย การไม่ทิ้งขยะ ส่ิงปฏิกลู และสารพษิ ลงในแหลง่ น้า น้าเสียท่ีเกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล ควรมีการบาบดั และขจดั สารพิษก่อนท่ีจะปล่อยลงสู่แหลง่ น้า การวางท่อระบายน้าจากบา้ นเรือน การวางฝัง การก่อสร้างโดยไม่ใหน้ ้าสกปรกไหลลงสู่แม่น้าลาคลอง 5. การนาน้าเสียกลบั ไปใช้ น้าที่ไมส่ ามารถใชไ้ ดใ้ นกิจการหน่ึง เช่น น้าทิ้งจากการลา้ งภาชนะอาหาร สามารถ นาไปรดตน้ ไม้ โรงงานบางแห่งอาจนาน้าทิ้งมาทาใหส้ ะอาดแลว้ นากลบั มาใชใ้ หม่
ทรพั ยากรดนิ ดนิ หมายถึง เทหวตั ถธุ รรมชาตทิ ี่ปกคลมุ ผวิ โลก เกิดจากการแปรสภาพหรือ สลายตวั ของหินแร่ธาตุ และอินทรียว์ ตั ถผุ สมคลกุ เคลา้ กนั ตามธรรมชาตริ วมกนั เป็ นชน้ั บาง ๆ เมอ่ื มนี า้ และอากาศทเ่ี หมาะสมก็จะทาใหพ้ ืชเจริญเเตบิ โตและยงั ชพี อยด่ ด้ ความสาคัญของทรัพยากรดิน ดินมีประโยชนม์ ากมายมหาศาลต่อมนุษยแ์ ละสิ่งมีชีวติ อื่น ๆ คือ 1. ใชใ้ นการเกษตรกรรม ดินเป็ นตน้ กาเนิดของการเกษตรกรรม เป็ นแหลง่ ผลิตอาหารของมนุษย์อาหารที่ มนุษยเ์ ราบริโภคทุกวนั น้ีมาจากการเกษตรกรรมถึง 90 % 2. ใชใ้ นการเล้ียงสตั ว์ พืชและหญา้ ที่ข้ึนอยบู่ นดินเป็นแหลง่ อาหารสตั ว์ ตลอดจนเป็ น แหลง่ ที่อยอู่ าศยั ของ สตั วบ์ างชนิด เช่น งู หนู แมลง นาก ฯลฯ 3. เป็ นแหล่งท่ีอยอู่ าศยั พ้ืนดินเป็ นแหลง่ ที่ต้งั ของเมือง บา้ นเรือน ทาใหเ้ กิดวฒั นธรรม และอารยธรรมของ ชุมชนตา่ ง ๆ มากมาย 4. เป็ นแหลง่ กกั เกบ็ น้า ถา้ น้าซ่ึงอยใู่ นรูปของความช้ืนในดินมีอยมู่ าก ๆ กจ็ ะกลายเป็ นน้าซึมอยใู่ นดิน คือน้า ใตด้ ิน น้าเหล่าน้ีจะคอ่ ย ๆ ซึมลงท่ีต่า เช่น แมน่ ้า ลาคลอง ทาใหเ้ รามีน้าใชต้ ลอดปี ประโยชน์ของดิน
การอนุรักษ์ทรัพยากรดิน ปัญหาที่เกิดข้ึนจากการพงั ทลายหรือการสูญเสียความอดุ มสมบูรณ์ของหนา้ ดินน้นั จะทาให้ เกิดปัญหาอื่น ๆ ติดตามมา เช่น ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ทาใหเ้ กษตรตอ้ งซ้ือป๋ ุยเคมีมาบารุงดิน เสียคา่ ใชจ้ ่ายมหาศาล ตะกอนดินท่ีถกู ชะลา้ งทาใหแ้ มน่ ้าและปากแมน่ ้าต้ืนเขิน ตอ้ งขดุ ลอกใชเ้ งิน เป็ นจานวนมาก เราจึงควรป้องกนั ไม่ใหด้ ินพงั ทลายหรือเสื่อมโทรม ซ่ึงสามารถทาไดโ้ ดยการ อนุรักษด์ ินดงั น้ี 1. การใชด้ ินอยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม การปลูกพชื ควรคานึงถึงชนิดของพืชท่ีเหมาะสมกบั คุณสมบตั ิของดิน การปลูกพชื และการไถพรวนตามแนวระดบั เพื่อป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของ หนา้ ดิน 2. การปรับปรุงบารุงดิน การเพ่ิมธาตอุ าหารใหแ้ ก่ดิน เช่น การใส่ป๋ ุยพืชสด ป๋ ุยคอก การปลูก พืชตระกลู ถวั่ การใส่ปูนขาวในดินท่ีเป็ นกรด การแกไ้ ขพ้นื ที่ดินเคม็ ดว้ ยการระบายน้าเขา้ ท่ีดิน เป็ น ตน้ 3. การป้องกนั การเส่ือมโทรมของดิน ไดแ้ ก่ การปลูกพชื คลุมดิน การปลูกพชื หมุนเวยี น การ ปลูกพืชบงั ลม การไถพรวนตามแนวระดบั การทาคนั ดินป้องกนั การไหลชะลา้ งหนา้ ดิน รวมท้งั การ ไมเ่ ผาป่ าหรือการทาไร่เลื่อนลอย 4. การใหค้ วามชุ่มช้ืนแก่ดิน การระบายน้าในดินที่มีน้าขงั ออก การจดั ส่งน้าเขา้ สู่ท่ีดินและ การใชว้ สั ดุ เช่น หญา้ หรือฟางคลมุ หนา้ ดินจะช่วยใหด้ ินมีความอดุ มสมบูรณ์
ทรัพยากรป่ าไม้ ความสาคญั ของทรัพยากรป่ าไม้ ป่ าไมม้ ีประโยชน์มากมายต่อการดารชีวติ ของมนุษยท์ ้งั ทางตรงและทางออ้ ม ดงั น้ี 1. ประโยชนท์ างตรง (Direct benefits) ไดแ้ ก่การนามาใชส้ นองปัจจยั พ้นื ฐานในการดารงชีวติ ของมนุษย์4 ประการ ไดแ้ ก่ 1. นามาสร้างอาคารบา้ นเรือนและผลิตภณั ฑต์ ่าง ๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ กระดาษ ไมข้ ีดไฟ ฟื น เป็ นตน้ 2. ใชเ้ ป็ นอาหาร 3. ใชเ้ สน้ ใยท่ีไดจ้ ากเปลอื กไมแ้ ละเถาวลั ย์ มาถกั ทอเป็ นเครื่องนุ่งห่ม เชือก และอื่น ๆ 4. ใชท้ ายารักษาโรคต่าง ๆ 2. ประโยชน์ทางอ้อม (Indirect benefits) ป่ าไมเ้ ป็ นแหลง่ กาเนิดตน้ น้าลาธาร เพราะตน้ ไมจ้ านวนมากในป่ า จะทาใหน้ ้าฝนที่ตกลงมา ค่อย ๆ ซึมซบั ลงในดิน กลายเป็ นน้าใตด้ ินซ่ึงจะไหลซึมมาหลอ่ เล้ียงใหแ้ มน่ ้าลาธารมีน้าไหล อยตู่ ลอดปี ป่ าไมท้ าใหเ้ กิดความชุมช้ืนและควบคุมสภาวะอากาศ ไอน้าซ่ึงเกิดจากการหายใจ ของพชื จานวนมากในป่ า ทาใหอ้ ากาศเหนือป่ ามีความช้ืนสูง เมื่ออุณหภูมิลดต่าลงไอน้า เหลา่ น้นั กจ็ ะกลน่ั ตวั กลายเป็ นเมฆแลว้ กลายเป็นฝนตกลงมา ทาใหบ้ ริเวณที่มีพ้ืนที่ป่ าไมม้ ี ความชุมช้ืนอยเู่ สมอ ฝนตกตอ้ งตามฤดูกาลและไม่เกิดความแหง้ แลง้
ประเภทของป่ าไม้ในประเทศไทย ประเภทของป่ าไมจ้ ะแตกตา่ งกนั ไปข้ึนอยกู่ บั การกระจายของฝน ระยะเวลาท่ีฝนตกรวมท้งั ปริมาณน้าฝนทา ใหป้ ่ าแต่ละแห่งมีความชุ่มช้ืนตา่ งกนั สามารถจาแนกไดเ้ ป็ น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1.ป่ าประเภทท่ีไมผ่ ลดั ใบ (Evergreen) 2.ป่ าประเภทท่ีผลดั ใบ (Deciduous) การอนุรักษ์ป่ าไม้ ป่ าไมถ้ กู ทาลายไปจานวนมาก จึงทาใหเ้ กิดผลกระทบตอ่ สภาพภมู ิอากาศไปทวั่ โลกรวมท้งั ความสมดุลในแง่อ่ืนดว้ ย ดงั น้นั การฟ้ื นฟสู ภาพป่ าไมจ้ ึงตอ้ งดาเนินการอยา่ งเร่งด่วน ท้งั ภาครัฐภาคเอกชนและประชาชน ซ่ึงมีแนวทางในการ กาหนดแนวนโยบายดา้ นการจดั การป่ าไม้ ดงั น้ี 1. นโยบายดา้ นการกาหนดเขตการใชป้ ระโยชน์ท่ีดินป่ าไม้ 2. นโยบายดา้ นการอนุรักษท์ รัพยากรป่ าไมเ้ ก่ียวกบั งานป้องกนั รักษาป่ าการอนุรักษส์ ิ่งแวดลอ้ มและสนั ทนาการ 3. นโยบายดา้ นการจดั การท่ีดินทากินใหแ้ ก่ราษฎรผยู้ ากไร้ในทอ้ งถิ่น 4. นโยบายดา้ นการพฒั นาป่ าไม้ เช่น การทาไมแ้ ละการเก็บหาของป่ า การปลกู และการบารุงป่ าไม้ การคน้ ควา้ วจิ ยั และดา้ น การอตุ สาหกรรม 5. นโยบายการบริหารทวั่ ไปจากนโยบายดงั กล่าวขา้ งตน้ เป็นแนวทางในการพฒั นาและการจดั การทรพั ยากรป่ าไมข้ องชาติ ใหไ้ ดร้ ับผลประโยชน์ ท้งั ทางดา้ นการอนุรักษแ์ ละดา้ นเศรษฐกิจอยา่ งผสมผสานกนั ท้งั น้ีเพ่อื ใหเ้ กิดความสมดุลของ ธรรมชาติและมีทรัพยากรป่ าไมไ้ วอ้ ยา่ งยง่ั ยนื ต่อไปในอนาคต
ทรัพยากรสัตว์ป่ า ความสาคญั ของสตั วป์ ่ า 1. ดา้ นเศรษฐกิจ การคา้ สตั วป์ ่ าหรือซากของสตั วป์ ่ า โดยเฉพาะหนงั สือเกี่ยวกบั ป่ า ในปี หน่ึง ๆ ทารายไดใ้ หก้ บั ประเทศและมีเงินทุน หมุนเวยี นภายในประเทศจานวนไมน่ อ้ ย คุณคา่ ทางดา้ นเศรษฐกิจอาจจะรวมถึงรายไดจ้ ากการท่องเที่ยวในการชมสตั วด์ ว้ ย 2. ดา้ นนนั ทนาการและจิตใจ ความงามเป็ น ส่ิงท่ีมนุษยป์ รารถนา ไมม่ ีใครกลา้ ปฏิเสธวา่ ตนเองไมช่ อบความงาม แมว้ า่ เราอาจมีความเห็นไม่ ตรงกนั ในความหมายของความงาม แต่ที่แน่นอนท่ีสุดคือ ทุกคนมีความเห็นตรงกนั ในเร่ืองความน่าเกลียดของธรรมชาติที่ถกู ทาลาย ทศั นียภาพท่ีสวยงาม ตามธรรมชาติเป็ นส่ิงที่เราสามารถช่วยกนั อนุรักษไ์ วไ้ ดถ้ า้ ไม่มีผทู้ ่ีคิดเห็นแก่ตวั จนเกินไป เราอาจตกแต่งบา้ นใหส้ วยงาม ดว้ ยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง บางบา้ นมีเขากวาง หวั สตั วป์ ่ าประดบั อยตู่ ามฝาผนงั บางบา้ นมีหนงั เสือโคร่งปูประดบั หอ้ งรับแขก บางบา้ นก็ สะสมสตั วส์ ตาฟ จริงอยทู่ ี่สิ่งเหลา่ น้ีเพิ่มความงามในแง่ของมณั ฑนศิลป์ แตก่ ็ไมใ่ ช่ความงามตามธรรมชาติ หลายคนอาจคิดวา่ ตนเองสามารถมี ชีวติ อยใู่ นเมือง ท้งั ตน้ ตระกลู ป่ ูยา่ พอ่ แม่ของตนเองกเ็ จริญเติบโตทามาหาเล้ียงชีพอยใู่ นเมือง แตถ่ า้ คิดใหด้ ีแลว้ มนุษยใ์ นสมยั ก่อน ประวตั ิศาสตร์มีชีวติ อยใู่ นป่ ากลมกลืนกบั ธรรมชาติ 3. ดา้ นวทิ ยาศาสตร์ การศึกษา และการแพทย์ สตั วป์ ่ าไมใ่ ช่มีแต่คุณคา่ ในแง่ ธรรมชาติเท่าน้นั สวสั ดิภาพของมนุษยใ์ นปัจจุบนั ข้ึนอยกู่ บั สตั วป์ ่ าหลายชนิด วคั ซีนที่เราใชฉ้ ีด ป้องกนั โรคตา่ ง ๆ ไดม้ าจากลิงริซสั คุณค่าสตั วป์ ่ าในแง่น้ีเรียกวา่ Prectical values สตั วป์ ่ าหลายชนิด กินแมลงท่ีนาโรคมาสู่คน สตั วป์ ่ าช่วยใหช้ ุมชน (Community) มนั่ คงมีเสถียรภาพเพราะเป็ นส่วนที่ ทาใหเ้ กิดความหลายหลายชนิด (Diversity) แตล่ ะชนิดท้งั สตั วแ์ ละพชื ทาให้ Niche ของชุมชน เตม็ ช่วยใหก้ ารใชพ้ ลงั งานเป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ ผลที่ติดตามมาคือ เสถียรภาพของที่ดินและแหลง่ ตน้ น้า การอนุรักษส์ ตั วป์ ่ าจึงเป็ นการประกนั ความมนั่ คงของชุมชนรวมท้งั ชีวติ มนุษยด์ ว้ ย 4. ดา้ นอาหารและยา มนุษยไ์ ดใ้ ชเ้ น้ือของสตั วป์ ่ าเป็นอาหารมาเป็ นเวลาชา้ นานแลว้ ซ่ึงสตั วป์ ่ าหลายชนิดก็ไดพ้ ฒั นาจนกระทงั่ กลายเป็น สตั วเ์ ล้ียงไป สตั วป์ ่ าหลายชนิดตามธรรมชาติคนกย็ งั นิยมใชเ้ น้ือเป็น
การอนุรักษ์สัตว์ป่ า 1. กฎหมาย กฎหมายคุม้ ครองสตั วป์ ่ าควรกวา้ งแต่รัดกมุ เพื่อคุม้ ครองชิวติ สตั วป์ ่ าใหป้ ลอดภยั กฎหมายคุม้ ครองสตั วป์ ่ าของไทยที่ใช้ กนั อยเู่ ป็ นพระราชบญั ญตั ิ พ.ศ. 2535 ที่สาคญั คือการควบคุมดูแลใหเ้ กิดการปฏิบตั ขิ องทกุ คนบุคคลเป็นไปตามกฎหมาย 2. การควบคุมสตั วท์ ่ีกินสตั วอ์ ่ืนเป็ นอาหาร มาตรการน้ีใชป้ ฏิบตั ิกนั มากในระยะของการจดั การสตั วป์ ่ าในสหรัฐอเมริกา หลายคร้ังที่มี การใหร้ างวลั สาหรับการฆา่ สตั วท์ ี่กินสตั วอ์ ื่น 3. การพฒั นาท่ีอยอู่ าศยั แนวทางการจดั การสตั วป์ ่ าท่ีดีที่สุดในปัจจบุ นั คือ เพ่ิมที่อยอู่ าศยั พร้อมกบั ปรับปรุงคุณภาพที่อยอู่ าศยั ท่ีมีอยู่ ใหด้ ีข้ึน เพราะวา่ ไมว่ า่ จะออกกฎหมายคุม้ ครองสตั วป์ ่ าควบคุมสตั วท์ ่ีกินสตั ว์ ขยายพนั ธุเ์ ทียม หรือนาสตั วจ์ ากที่อ่ืนเขา้ มาเล้ียง สตั ว์ ป่ าก็ยงั คงอยใู่ นอนั ตราย ถา้ ขาดที่อยอู่ าศยั 4. การรณรงคเ์ ผยแพร่ประชาสมั พนั ธ์ ใหเ้ ห็นความสาคญั ในการอนุรักษส์ ตั วป์ ่ าอยา่ งจริงจงั 5. การไม่ล่าสตั วป์ ่ า ไมค่ วรมีการลา่ สตั วป์ ่ าทุกชนิด ท้งั สตั วป์ ่ าสงวนและสตั วป์ ่ าคุม้ ครอง เพราะปัจจุบนั สตั วป์ ่ าทุกชนิดไดล้ ดจานวน ลงอยา่ งมากทาใหข้ าดความสมดุลทางธรรมชาติ 6. การป้องกนั ไฟป่ า ไฟป่ านอกจากจะทาใหป้ ่ าไม้ สตั วป์ ่ าถกู ทาลายแลว้ ยงั เป็ นการทาลายแหลง่ อาหารและที่อยอู่ าศยั ของสตั วป์ ่ าดว้ ย 7. การปลูกฝังการใหค้ วามรักและเมตตาตอ่ สตั วอ์ ยา่ งถกู วธิ ี สตั วป์ ่ าทุกชนิดมีความรักชีวติ เหมือนกบั มนุษย์ การฆ่าสตั วป์ ่ า การนาสตั ว์ ป่ ามาเล้ียงไวใ้ นบา้ นเป็ นการทรมานสตั วป์ ่ าซ่ึงมกั ไมม่ ีชีวติ รอด 8. การเพาะพนั ธุ์สตั วป์ ่ าท่ีกาลงั จะสูญพนั ธุ์หรือมีจานวนนอ้ ยลง ควรมีการเพาะพนั ธุข์ ยายพนั ธุ์ใหม้ ีจานวนเพิม่ ข้ึน เพอ่ื เป็ นการ ทดแทนและเร่งใหม้ ีสตั วป์ ่ าเพม่ิ ข้ึน
ทรัพยากรแร่ธาตุ แร่เป็ นทรัพยากรท่ีเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติมีความสาคญั และมีบทบาทที่สนองความตอ้ งการ ทางดา้ นปัจจยั ต่าง ๆ ของประชากร ท้งั ทางดา้ นอตุ สาหกรรมและพลงั งาน ความสาคญั และประโยชนข์ องแร่ธาตุท่ีจะนามาใชข้ ้ึนอยกู่ บั ระยะเวลาความเจริญทางเทคโนโลยี ตลอดจนความตอ้ งการในการนาไปใชข้ องมนุษย์ ทรัพยากรแร่ธาตุ ที่มนุษยเ์ ราใชส้ ่วนใหญม่ าจากแผน่ ดิน ซ่ึงค่อย ๆ ลดจานวนลงทาใหม้ ีการสารวจคน้ ควา้ หาแหล่ง ทรัพยากรแร่ธาตุใหม่ ๆ อยเู่ สมอ ปัจจุบนั ไดม้ ีการบุกเบิกหาแหลง่ ทรพั ยากรแร่ธาตุในทะเล เช่น น้ามนั ปิ โตรเลียมและ ก๊าซธรรมชาติ ความเจริญกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี และระยะเวลาทาใหค้ วามสาคญั ของแร่ธาตุเปลี่ยนแปลงไปจากชนิดหน่ึงไปใชอ้ ีก ชนิดหน่ึง เช่น จากการใชถ้ ่านหินมาใชน้ ้ามนั ปิ โตรเลียมและก๊าซธรรมชาติจากการใชเ้ หลก็ มาใชอ้ ลูมิเนียมแทน ประเภทของแร่ธาตุ แร่เป็ นทรัพยากรที่มนุษย์นามาใชป้ ระโยชน์มากมาย แบ่งเป็ น 3 ประเภท คือ 1. แร่โลหะ เป็ นแร่ท่ีมีความเหนียว เป็ นตวั ทนความร้อน และไฟฟ้าไดด้ ีหลอมตวั ได้ และมีความทึบแสง ไดแ้ ก่ แร่ดีบุก เหลก็ แมงกานีส ทองแดง ตะกว่ั อลมู ิเนียม แมกนีเซียม ทองคา เงิน วลุ แฟรม ฯลฯ 2. แร่อโลหะ เป็ นแร่ที่ไม่เป็ นตวั นาความร้อนมีลกั ษณะโปร่งแสง เปราะแตกหกั ง่าย ไดแ้ ก่ ฟลูออไรท์ ฟอสเฟส หิน ทราย เกลือ กามะถนั โปแตสเซียม แคลเซียม ดินขาว ฯลฯ 3. แร่พลงั งาน หรือแร่เช้ือเพลิงเป็นแร่ที่สาคญั ถูกนามาใชม้ ากเกิดจากซากสิ่งมีชีวติ ในอดีต ไดแ้ ก่ ถา่ นหิน น้ามนั ดิบ กา๊ ซธรรมชาติ
ประโยชน์แร่ธาตุ 1. ประโยชน์ทางดา้ นความมนั่ คง และมงั่ คง่ั ของประเทศ ประเทศท่ีมีแร่ธาตุต่าง ๆ มากมายและสามารถ นาไปใชแ้ ปรรูปเป็นผลผลิตตา่ ง ๆ ท่ีทาประโยชนต์ ่อมนุษย์เช่น ดา้ นอาวธุ ดา้ นอตุ สาหกรรม 2. ประโยชน์ดา้ นความเป็ นอยขู่ องมนุษยน์ าแร่ธาตุต่าง ๆ มาสร้างข้ึนเป็ นภาชนะใชส้ อยพาหนะท่ีช่วยในการ คมนาคม อาคารบา้ นเรือน กา๊ ซหุงตม้ พลงั งานไฟฟ้า 3. ประโยชนด์ า้ นการสร้างงานแก่ประชาชน ทาใหป้ ระชาชนมีรายไดจ้ ากการขดุ แร่ ไปจนถึงแปรรูปเป็น ผลิตภณั ฑไ์ ปสู่ผบู้ ริโภค นอกจากน้ี แร่ธาตุชนิดตา่ ง ๆ มีคุณสมบตั ิลกั ษณะต่างกนั จึงมีประโยชน์แตกตา่ งกนั เช่น แร่วลุ แฟรม นามาทาไสห้ ลอดไฟฟ้า ใชใ้ นอุตสาหกรรมเครื่องแกว้ แร่พลวงนามาใชท้ าตวั พิมพห์ นงั สือ ทาสี แบตเตอรี่ รัตนชาติ เป็ นแร่ที่มีลกั ษณะสีสนั สวยงาม นามาใชท้ าเครื่องประดบั ต่าง ๆ มากมาย สาเหตุและผลกระทบปัญหาทรัพยากรแร่ธาตุ 1. ปัญหาสิ่งแวดลอ้ มบริเวณที่ทาเหมืองแร่แลว้ ทาใหส้ ภาพดินไมอ่ ุดมสมบูรณ์ สกปรก พ้นื ท่ีขรุขระมีหลมุ บ่อมากมายจึงถูกปล่อยทิง้ ใหป้ ระโยชนไ์ มเ่ ตม็ ท่ี 2. ปัญหาการใชแ้ ร่ธาตุบางประเภทเป็นจานวนมาก เช่น แร่เหลก็ ถกู นามาใชม้ าก และ แพร่หลายท่ีสุด ถา่ นหิน น้ามนั ปิ โตรเลียม ดีบุก ฯลฯ 3. ปัญหาการใชแ้ ร่ไม่คุม้ คา่ ไดแ้ ก่ พวกแร่ที่ใชแ้ ลว้ ยงั เหลืออยู่ ยงั สามารถนากลบั ไปใช้ อีก เช่น เหลก็ ส่วนแร่ท่ีนาไปใชแ้ ลว้ หมดไป เช่น ถ่านหิน น้ามนั ปิ โตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ เรา จึงตอ้ งใชอ้ ยา่ งคุม้ คา่ และประหยดั
การอนุรักษ์แร่ธาตุ ดงั ไดก้ ลา่ วมาแลว้ ถึงทรัพยากรแร่ธาตใุ นปัจจุบนั ซ่ึงกาลงั ประสบปัญหาหากไม่มีการ แกไ้ ข อาจทาใหแ้ ร่ธาตุหมดอยา่ งรวดเร็ว 1. การใชแ้ ร่ธาตุอยา่ งประหยดั ในการทาเหมืองแร่บางอยา่ งน้นั บางทีทรัพยากรแร่ธาตทุ ี่ไดม้ า อาจมีหลายชนิด ดงั น้นั จึงควรจะพยายามใชใ้ หค้ ุม้ ค่าทุกชนิด อยา่ งประหยดั และลดการสูญ เปล่า 2. การสารวจแหลง่ แร่ ควรมีการเร่งรัดการสารวจทรัพยากรแร่ธาตใุ หค้ รอบคลุมทว่ั ประเทศ เพอื่ ประโยชน์ในการวางแผนการใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งคุม้ คา่ 3. การใชแ้ ร่ชนิดอ่ืนทดแทน พยายามหาแร่ธาตอุ ่ืน ๆ มาใชท้ ดแทนแร่ท่ีใชก้ นั มาก อาทิการใช้ อลูมิเนียมแทนเหลก็ 4. นาแร่ท่ีใชแ้ ลว้ กลบั มาใชอ้ ีก อาทิภาชนะเครื่องใชท้ ี่เป็นอลูมิเนียมบางอยา่ งที่หมดสภาพการ ใชแ้ ลว้ สามารถนากลบั มาหลอมใชใ้ หมไ่ ดอ้ ีก 5. การจดั เกบ็ ภาษีและคา่ ภาคหลวงแร่ ตอ้ งใหส้ อดคลอ้ งกบั จานวนแร่และราคาของแร่ ดว้ ย
ทรัพยากรพลงั งาน พลงั งาน คือ ความสามารถท่ีจะทางานได้ ความสามารถดงั กล่าวน้ีเป็นความสามารถของวตั ถุใดมีพลงั งานวตั ถุน้นั ก็สามารถทางานไดแ้ ละคา วา่ งานในที่น้ีเป็นผลของการกระทาของแรง ซ่ึงทาใหว้ ตั ถุเคล่ือนท่ีไปในแนวของแรงส่ิงใดกต็ ามที่สามารถทาใหว้ ตั ถุเปลี่ยนตาแหน่งหรือ เคลื่อนท่ีไปจากท่ีเดิมไดส้ ่ิงน้นั ยอ่ มมีพลงั งานอยภู่ ายใน ความสามารถท่ีจะทางานไดโ้ ดยอาศยั แรงงานท่ีมีอยแู่ ลว้ ตามธรรมชาติโดยตรง และท่ี มนุษยใ์ ชค้ วามรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยดี ดั แปลงใชจ้ ากพลงั งานตามธรรมชาติ ตามคานิยามของนกั วทิ ยาศาสตร์ พลงั งาน (Energy) คือ ความสามารถในการทางาน (Ability to do work) โดยการทางานน้ีอาจจะอยใู่ นรูปของการเคลื่อนท่ีหรือเปลี่ยนรูปของวตั ถุก็ได้ สาเหตุ ผลกระทบจากการผลติ และการใช้พลงั งาน สภาพความเส่ือมโทรมของสภาวะแวดลอ้ มส่วนใหญ่ อาจกล่าวไดว้ า่ มีสาเหตุมาจากการผลิตและการใชพ้ ลงั งาน ของมนุษยแ์ ทบท้งั สิ้น ดงั น้นั การเสาะแสวงหาทรัพยากรพลงั งานมาเพื่อตอบสนองความตอ้ งการพลงั งานสูงข้ึนเรื่อย ๆ จึงควรระมดั ระวงั และพจิ ารณาใหร้ อบคอบก่อนนามาใชน้ กั ส่ิงแวดลอ้ มไดก้ ล่าวถึงผลกระทบจากการใชท้ รัพยากร พลงั งาน ดงั น้ี 1. ทาใหเ้ กิดการเจบ็ ป่ วย ลม้ ตาย 2. ทาใหส้ ิ่งของและทรัพยากรธรรมชาติเสียหาย 3. ทาลายสภาพแวดลอ้ มและส่ิงมีชีวติ 4. เกิดภาวะมลพิษท้งั ทางดิน น้า และอากาศ
การอนุรักษ์พลงั งาน พลงั งานเป็ นทรัพยากรธรรมชาติท่ีใชเ้ วลาในการเกิดยาวนาน ถา้ มนุษยเ์ ราใชพ้ ลงั งานกนั อยา่ งฟ่ มุ เฟื อยกจ็ ะทาใหพ้ ลงั งานหมดไปอยา่ งรวดเร็ว และอาจทาใหเ้ กิดการขาดแคลนพลงั งาน ได้ ดงั น้นั เราจึงควรอนุรักษพ์ ลงั งานเพอื่ ใหม้ ีพลงั งานใชใ้ นอนาคต โดยการ 1. ใชพ้ ลงั งานอยา่ งประหยดั เช่น การใชพ้ ลงั งานไฟฟ้าถา้ ไมใ่ ชป้ ิ ดสวติ ช์ ถอดปลกั๊ ใหเ้ รียบร้อย 2. หาแหล่งพลงั งานทดแทนแหลง่ พลงั งานที่มีอยเู่ ดิม
ทรัพยากรป่ าชายเลน ป่ าชายเลน เป็ นระบบนิเวศของป่ าชายฝ่ังที่ทนตอ่ สภาพความเคม็ ไดแ้ ละเป็นกลุ่มแรก ของส่ิงมีชีวติ ที่บุกเบิกชีวติ ความเป็ นอยลู่ งไปสู่ทะเลพร้อม ๆ กบั การชกั นาพ้ืนแผน่ ดินใหร้ ุกล้า ตามลงไปในทะเล จึงนบั เป็ นปราการด่านแรกระหวา่ งบกกบั ทะเล โดยจะประกอบดว้ ยพนั ธุ์ไม้ สตั วน์ านาชนิด ตลอดจนสภาพแวดลอ้ มอื่น ๆ เช่น การข้ึนลงของน้าทะเล ดินเลนที่มีอินทรีย สารเป็ นจานวนมาก ฯลฯ อยรู่ วมกนั เป็ นระบบ ผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมจากการใช้ประโยชน์ในพืน้ ท่ีป่ าชายเลน ปัญหาสิ่งแวดลอ้ มจากการใชป้ ระโยชนพ์ ้ืนที่ป่ าชายเลน ไดก้ ่อใหเ้ กิดผลกระทบสิ่งแวดลอ้ ม ดงั น้ี 1. ผลกระทบทางกายภาพ ไดแ้ ก่ การเปล่ียนแปลงของระบบนิเวศป่ าชายเลน คือ อณุ หภมู ิ ปริมาณธาตอุ าหาร ความเคม็ สภาพทางอทุ กวทิ ยาการตกตะกอน ปริมาณมลพิษในน้าเป็ นตน้ 2. ผลกระทบทางชีววทิ ยา ไดแ้ ก่ การลดปริมาณพรรณไมส้ ่วนรวม การลดการสืบพนั ธุ์ ตามธรรมชาติ การลดปริมาณหรือการสูญเสียพนั ธุ์ไมม้ ีคา่ หรือหายาก การสะสมพิษในห่วงโซ่ อาหาร การเกิดโรคระบาด การทาลายถ่ินท่ีอยอู่ าศยั ธรรมชาติ
การอนุรักษ์ป่ าชายเลน เพือ่ ใหก้ ารใชพ้ ้ืนท่ีป่ าชายเลนเหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั การพฒั นาเพื่อมุ่งสู่ประโยชน์ การอนุรักษป์ ่ าชายเลน ควรมีวธิ ีการดงั น้ี 1. การใชป้ ระโยชน์อยา่ งยาวนาน ปัจจุบนั พ้ืนที่ป่ าชายเลน ไดถ้ กู ทาลายลงอยา่ งมาก โดยเฉพาะจากการตดั ถนน การทานากงุ้ ดงั น้นั จึงควรมีมาตรการที่เหมาะสมในการใช้ ประโยชนป์ ่ าชายเลน 2. การปลูกป่ า ควรมีการฟ้ื นฟปู ่ าชายเลนท่ีเส่ือมสภาพ การปลูกสร้างป่ าชายเลนข้ึนใหม่ ในบริเวณท่ีสภาพแวดลอ้ มเอ้ืออานวย 3. การใชป้ ่ าชายเลนอยา่ งผสมผสาน ในกรณีท่ีมีความตอ้ งการใชป้ ระโยชน์จากป่ าชาย เลน ควรพจิ ารณาอยา่ งรอบคอบและใชใ้ หค้ ุม้ คา่ ในทรัพยากรท่ีมีอยใู่ นบริเวณน้นั หลาย ๆ อยา่ ง ผสมผสานกนั ไป
ปะการัง ปะการัง (Corals) เป็ นสตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลงั ไฟลมั ซีเลนเตอราตา้ (Phylum Coelenterata) ขนาดเลก็ มีโครงสร้างหินปูนหอ้ หุม้ ตวั อ่อนนุ่มไวช้ ้นั นอก ดารงชีพ 2 แบบ คือ อยตู่ วั เดีอย (Solitary) หรือ อยรู่ ่วมกนั เป็ นกลมุ่ (Colony) มีรูปทรงตา่ ง ๆ เป็ นแผน่ เป็ นกอ้ นหรือกิ่งกา้ นซ่ึงเกิดจากปะการังนบั ลา้ นตวั ท่ีมาเกาะกนั อยู่ โดยมีการสร้างโครงสรา้ งหินปูนแผข่ ยายไปเร่ือย ๆ กลายเป็ นแนวปะการัง ปะการังจะเติบโต ไดด้ ีเฉพาะบริเวณที่มีน้าทะเลท่ีมีอณุ หภมู ิต้งั แต่ 18-27 องศาเซลเซียส มี แสงแดดพอประมาณไม่ใช่แดดจดั น้า ไม่ข่นุ และมีความของน้าไมเ่ กิน 50 เมตร ดงั น้แั นวปะการังจะเจริญเติบโตและมีอยเู่ ฉพาะน่านน้าเขตอบอนุ่ ของโลกเท่าน้นั ตวั ประการังมีรูปเป็นทรงกระบอก มีขนาดเพยี ง 1 มิลิลิตร ถึง 1 เซยติเมตร มีส่วนประกอบ 3 ส่วน คือ ส่วนฐานซ่ึงอยตู่ ิดกบั โครงสร้างแขง็ ส่วนลาตวั รูปทรงกระบอกและส่วนปากท่ีมีหนวดลอ้ มรอบ ใน ตอนกลางวนั ปะการังจะเกบ็ ตวั อยใู่ นโครงแขง็ พอกลางคืนก็จะแผข่ ยายหนวดออกดกั จบั เหยอ่ี ตวั เลก็ ๆ ท่ี ลอ่ งลอยมากบั กระแสน้า
ความสาคัญของแนวปะการัง 1. แนวปะการังบริเวณชายฝั่งและแนวปะการังแบบกาแพงจะทาหนา้ ที่ป้องกนั ชายฝ่ังจากการกดั เซาะ ของคลื่น กระแสน้าโดยตรง ถา้ ไม่มีแนวปะการังน้ีชายฝ่ังทะเลจะถูกคลนื่ ลมทะเลทาลายอยา่ งรุนแรงทุกคร้งั 2. แนวปะการังเป็ นตวั สร้างทรายใหก้ บั ชายหาด โดยเกิดจากการสึกกร่อนของโครงสร้างหินปูนจาก คล่ืนลมและสตั วบ์ างชนิด 3. แนวปะการังเป็ นแหล่งอาหารมนุษย์เพราะมีสตั วท์ ่ีอยใู่ นแนวปะการังมากมายเช่น ปลาหมึก หอย กงุ้ แมงกะพรุน ฯลฯ 4. สารพษิ บางอยา่ งซ่ึงสตั วท์ ะเลในแนวปะการังสร้างเพอื่ ป้องกนั ตวั เองน้นั สามารถนามาสกดั ใชท้ ายา ได้ เช่น ยาตา้ นมะเร็ง เป็ นตน้ 5. แนวปะการังและส่ิงมีชีวติ ท่ีสวยงามใตท้ อ้ งทะเล เป็ นแหล่งท่องเมี่ยวท่ีสาคญั ยง่ิ สาเหตุและผลกระทบปัญหาหารเสื่อมโทรมของแนวปะการัง การเสื่อมโทรมตามธรรมชาติ 1. คลื่นรุนแรงท่ีเกิดโดยลมพายุ 2. สตั วท์ ะเลบางชนิดกดั กินปะการังเป็นอาหาร เช่น ปลานกแกว้ กดั กินโครงแขง็ ของปะการัง 3. สตั วท์ ะเลบางชนิดกินเน้ือเย้อื ของแนวปะการัง เช่น ปลาดาวหนาม การเส่ือมโทรมของปะการังตามธรรมชาติ ไมส่ ร้างความเสียหายร้ายแรง เพราะปะการัง สามารถฟ้ื นฟตู วั เองไดท้ นั การทาลาย
การเส่ือมโทรมจากการกระทาของมนุษย์ 1. การเกบ็ ปะการังเป็นที่ระลึก ปะการัง 1 กิ่งที่ถูกหกั เก็บไปเป็นของที่ระลึกน้นั ตอ้ งใชเ้ วลา สร้างนานนบั ร้อยปี 2. การทิ้งสมอเรือและถอนสมอในแนวปะการังเป็นการทาลายแนวปะการงั ท่ีรุนแรงที่สุดเพราะ สมอเรือจะกระแทกครูดแนวปะการังใหแ้ ตกหกั เสียหาย 3. การปล่อยน้าเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมและชุมชนริมทะเล ทาใหน้ ้าทะเลข่นุ ไม่ใส่สะอาด เป็ นเหตใุ หป้ ะการังตาย 4. การระเบิดปลา เป็ นการทาลายปะการังท่ีรุนแรง 5. การทิ้งขยะในทะเล เช่น ขวดแกว้ กระป๋ อง ถงุ พลาสติก ทาใหแ้ นวปะการังเสียหาย
การอนุรักษ์ปะการัง 1. ไมเ่ ก็บปะการังที่หกั หรือเก็บข้ึนมาจากทอ้ งทะเล ในแตล่ ะก่ิงแตล่ ะกา้ นน้นั หมายถึง ชีวติ นบั ร้อยนบั พนั ชีวติ ท่ีตอ้ งตายลงจากโครงสร้างของปะการังท่ีตอ้ งใชเ้ วลานบั ร้อยนบั พนั ปี ในการ เจริญเติบโต และการเสื่อมสลายของปะการังน้นั นาไปสู่ผลของการเส่ือมสูญอาหารจากทะเล ในอนาคต เพราะปะการังเป็ นที่อยอู่ าศยั ของชีวติ จากทอ้ งทะเล เราจึงไมค่ วรเก็บ ซ้ือปะการังมา เป็ นของที่ระลกึ หรือประดบั ตปู้ ลา 2. ไม่ทิ้งสมอเรือในแนวปะการัง การทอดสมอเรือในแนวปะการังเพอื่ จอดเรือในแตล่ ะคร้งั จะ สร้างความเสียหายใหก้ บั ปะการัง ปัจจุบนั ไดม้ ีการแกไ้ ขโดยการวางทุน่ เพอ่ื ผกู เรือแทนการ ทอดสมอเรือ เพอื่ การคุม้ ครองปะการัง กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดลอ้ มโดยความช่วยเหลือ ทางวชิ าการ จากมหาวทิ ยาลยั โรดส์ไอร์แลนด์ แห่งประเทศสหรฐั อเมริกา ไดจ้ ดั ทาทุ่นเพื่อผกู เรือไดป้ ระมาณ 2-3 ลาตอ่ ทุ่น 3. ไมท่ ิ้งขยะ นกั ท่องเท่ียวและประชาชนทว่ั ไปตอ้ งไมท่ ิ้งขยะและเศษส่ิงของลงทอ้ งทะเล เพราะธรรมชาติจะสวยงามไดต้ ลอดไป ตราบเท่าเราไมเ่ ขา้ ไปทาลาย การคา้ ขายปะการัง ใน ฐานะประชาชนในทอ้ งถิ่นของเราใหห้ มดไป 4. นาเรือทอ้ งกระจกเพอ่ื ใหด้ ูปะการงั 5. ประชาสมั พนั ธ์ใหม้ ีการตระหนกั ถึงคุณคา่ ของทรัพยากรปะการัง โดยใหม้ ีการศึกษาและ เผยแพร่ความรู้และคุณค่าของปะการังใหก้ บั บุคคลทกุ ประเภท ท้งั ในระดบั ทอ้ งถ่ินและ ระดบั ชาติ ในการป้องกนั และฟ้ื นฟปู ะการัง 6. ส่งเสริมใหก้ ลุม่ ชุมชน องคก์ รเอกชนสมาคมหรือชมรมการทอ่ งเท่ียว ร่วมกนั จดั กิจกรรมใน เรื่องการรักษาความสะอาด เพ่ือการคุม้ ครองปะการัง
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: