Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Unit 1

Unit 1

Published by ศศิพร วิปันเขตร์, 2018-10-30 00:19:03

Description: Unit 1

Search

Read the Text Version

1 ประวตั ิศาสตรเ์ มืองลาพนูสมยั ก่อนประวตั ิศาสตร์ ( ก่อนหริภญุ ไชย ) จงั หวดั ลำพูนเป็นจงั หวดั ท่เี ล็กท่สี ุดของภำคเหนือตอนบนตงั้ อยู่ในบรเิ วณแอ่งท่รี ำบเชยี งใหม่ลำพนู แต่มรี อ่ งรอย และหลกั ฐำนกำรตงั้ ถนิ่ ฐำนของมนุษยม์ ำตงั้ แต่สมยั ก่อนประวตั ศิ ำสตร์ จำกำรขดุ คน้ทำงโบรำณคดที ่สี ำคญั คอื แหล่งโบรำณคดบี ้ำนวงั ไฮ ตำบลเวยี งยอง อำเภอเมอื ง จงั หวดั ลำพูน สภำพแหล่งโบรำณคดี ในปจั จุบนั ถูกปรบั พ้ืนท่ีและรอบล้อมด้วยนำข้ำว อยู่ห่ำงจำกตวั เมอื งมำทำงทิศใต้ประมำณ 2 กโิ ลเมตร บรเิ วณท่รี ำบฝงั่ ตะวนั ออกของแม่น้ำวงั แหล่งโบรำณคดนี ้ีถูกพบเม่อื พ.ศ. 2529ขณะท่ชี ำวบ้ำนกำลงั ขุดบ่อเลย้ี งปลำ และได้พบโครงกระดูกมนุษย์ พรอ้ มภำชนะดนิ เผำ เคร่อื งมอื หนิและเครอ่ื งมอื โลหะจำนวนหน่ึง กำรขุดค้นศกึ ษำทำงด้ำนโบรำณคดี ไดเ้ รม่ิ มำแล้วคอื เม่อื ปีพ.ศ. 2530และ 2539 โดยกรมศลิ ปำกร และพ.ศ. 2539-2541 โดยโครงกำรศกึ ษำวจิ ยั ก่อนประวตั ศิ ำสตร์ ร่วมไทย-ฝรัง่ เศส (Thai-French Prehistoric Research Project) ภำยใต้ควำมร่วมมือระหว่ำงฝ่ำยวิชำกำรสำนักงำนโบรำณคดีและพิพิธภณั ฑสถำนแห่งชำติท่ี 6 เชยี งใหม่ กบั คณะโบรำณคดีชำวฝรงั่ เศส ได้ทำกำรศกึ ษำเรอ่ื ง “ลำดบั ขนั้ อำยสุ มยั และววิ ฒั นำกำรของวฒั นธรรมก่อนประวตั ศิ ำสตร์ รวมถงึ ลกั ษณะทำงด้ำนมำนุษยวิทยำ จำกยุคหินเก่ำถึงยุคเหล็กในภำคเหนือตอนบน ของประเทศไทย ” (TheChronology and Evolution of the Prehistoric Cultures of theUpper Northern Thailand and Their AnthropologyCharacteristics from Palaeolithic to Iron Age) กำรขุดค้นท่ผี ่ำนมำ ได้พบโครงกระดูกผู้ใหญ่และโครงกระดูกเด็ก ท่รี ะดบั ควำมลกึ ระหว่ำง 0.60 -1.60 เมตร พร้อมส่ิงของอุทิศให้ผู้ตำยหลำยอบ่ำง อำทิ เช่น เคร่ืองมือเหล็กประเภทมดี ใบหอก สว่ิ ขวำน และ เคยี ว ภำชนะดนิ เผำเจำะรทู ่ีขอบปำกไว้ร้อยเชอื กห้อย เป็นหมอ้ ทรงกลม กนั ตดั แบน ปำกผำย ชำมดนิ เผำ หมอ้ ทรงกลม คอเวำ้ สงู ปำกผำย 2 ใบ ประกบกนั เป็นหมอ้ บรรจุกระดูก ลูกปดั แก้วสฟี ้ำ สเี หลอื ง สสี ้ม สแี ดงลกู ปดั หนิ คำรเ์ นเลยี นสสี ม้ ลูกปดั เปลอื กหอย ตุมหทู ำจำกแกว้ ลกั ษณะกลมแบนตดั กลำง แวดนิ เผำ ลูกกระสนุ ดนิ เผำ กำไลสำรดิ แบบแผ่นกลมแบน และแบบประดบั ดว้ ยลกู กระพรวนโดยรอบ แหล่งโบรำณคดบี ้ำนวงั ไฮ เป็นท่ฝี งั ศพของมนุษยส์ มยั ก่อนประวตั ศิ ำสตร(์ Prehistoric Period)โดยจะฝงั ศพในท่ำนอนหงำยเหยยี ดยำว แขนทงั้ สองขำ้ งขนำบขำ้ งลำตวั หนั ศรี ษะไปทำงทศิ ตะวนั ออก-ทศิ ตะวนั ออกเฉียงใต้ หรอื ทศิ ตะวนั ตกเฉียงเหนือ สงิ่ ของทบ่ี รรจุรว่ มกบั ศพส่วนมำกจะอย่ทู ำงด้ำนขวำและท่ตี วั เคร่อื งประดบั กำไลสำรดิ ยงั คงสวมอยู่ท่ขี อ้ มอื ทงั้ สอง และลูกปดั อยู่โดยรอบคอ ในลกั ษณะรอ้ ยเป็นเส้น เฉพำะท่โี ครงกระดูกเด็กมลี ูกกระสุนดนิ เผำวำงกองไว้ด้วยท่ีคอ ส่วนภำชนะดนิ เผำจะอยู่ท่ี

2บรเิ วณแขนขวำ ปลำยเท้ำซำ้ ยและศรี ษะดำ้ นซ้ำย เป็นตน้ จำกหลกั ฐำนทพ่ี บเหล่ำน้ี กล่ำวไดว้ ่ำ ชุมชนโบรำณบำ้ นวงั ไฮเป็นชุมชนในยุคโลหะ %(Metal Age) ซง่ึ ใชเ้ หลก็ เป็นเคร่อื งมอื (Iron Tools)และใชส้ ำรดิเป็นเคร่อื งประดบั (Bronze Ornaments) เม่อื ประมำณ 2800-3000 ปีมำแล้ว กำรพบเคร่อื งมอื หนิ ร่วมอย่ดู ้วย แสดงใหเ้ หน็ ถงึ กำรสบื ทอดของกลุ่มชนท่ตี ่อเน่ืองมำยำวนำนตงั้ แต่ยุคก่อนประวตั ศิ ำสตร์ และพฒั นำมำจนเขำ้ สยู่ คุ ประวตั ศิ ำสตรส์ มยั หรภิ ญุ ไชยในทส่ี ดุยคุ หริภญุ ไชย แควน้ หรภิ ุญไชย เป็นกลุ่มบ้ำนเมอื งทต่ี งั้ อย่ใู นเขตทร่ี ำบลุ่มแม่น้ำปิง มเี มอื งหรภิ ุญไชย(จงั หวดัลำพูนในปจั จุบนั )เป็นศูนยก์ ลำงแควน้ กบั ท่รี ำบลุ่มแม่น้ำวงั มเี มอื งเขลำงค์นคร(จงั หวดั ลำปำง)เป็นส่วนหน่ึงของแควน้ ในฐำนะเป็นเมอื งลกู ลองลงมำจำกเมอื งหรภิ ุญไชย นอกจำกนนั้ ยงั พบหลกั ฐำนของเมอื งโบรำณท่ีปรำกฏอยู่รอบๆแคว้นหรภิ ุญไชยอกิ หลำยแห่ง เช่น เวยี งมโน (อยู่ในเขตตำบล หนองตองอำเภอหำงดง) เวยี งท่ำกำน (อยู่ไนเขตตำบลบ้ำนกลำง อำเภอสนั ป่ำตอง) เวยี งเถำะ (บ้ำนสองแควอำเภอจอมทอง) และพบโบรำณวตั ถุแบหรภิ ุญไชย อกี หลำยแห่ง ในแถบท่รี ำบเชงิ ดอยสุเทพ ทถ่ี ้ำฤำษีวดั ดอยคำ บรเิ วณกลำงป่ำเขตตำบลสนั โป่ง อำเภอแม่รมิ และท่เี วยี งกุมกำม เขตอำเภอสำรภี จงั หวดัเชยี งใหม่ แสดงใหเ้ หน็ วำ่ แควน้ หรภิ ญุ ไชยเป็นแควน้ ทใ่ี หญ่และมคี วำมเจรญิ ในยคุ นนั้ อำณำจกั รหรภิ ุญชยั เป็นอำณำจกั รมอญ ท่ตี ัง้ อยู่บรเิ วณภำคเหนือของประเทศไทยปจั จุบนัตำนำนจำมเทววี งศ์โบรำณได้บนั ทกึ ไว้ว่ำ ฤๅษีวำสุเทพเป็นผู้สรำ้ งเมอื งหรภิ ุญชยั ข้นึ ในปี พ.ศ. 1310แลว้ ทูลเชญิ พระนำงจำมเทวี ซ่งึ เป็นเจำ้ หญงิ จำกอำณำจกั รละโว้ ขน้ึ มำครองเมอื งหรภิ ุญชยั ในครงั้ นัน้พระนำงจำมเทวไี ดน้ ำพระภกิ ษุ นกั ปรำชญ์ และช่ำงศลิ ปะต่ำง ๆ จำกละโวข้ น้ึ ไปดว้ ยเป็นจำนวนมำกรำวหม่ืนคน พระนำงได้ทำนุบำรุงและก่อสร้ำงบ้ำนเมือง ทำให้เมืองหริภุญชยั (ลำพูน) นัน้ เป็นแหล่งศลิ ปวฒั นธรรมทเ่ี จรญิ รงุ่ เรอื งยง่ิ ต่อมำพระนำงไดส้ รำ้ งเขลำงคน์ คร (ลำปำง) ขน้ึ อกี เมอื งหน่งึ ใหเ้ ป็นเมอื งสำคญั สมยั นนั้ ปรำกฏมกี ำรใชภ้ ำษำมอญโบรำณในศลิ ำจำรกึ ของหรภิ ุญชยั มหี นงั สอื หมำนซขู องจนี สมยัรำชวงศ์ถงั กล่ำวถึงนครหรภิ ุญชยั ไวว้ ่ำเป็น “อำณำจกั รของสมเด็จพระรำชนิ ีนำถ” (หน่ีว์ หวงั กว๋อ )

3ต่อมำ พ.ศ. 1824 พญำมงั รำยมหำรำชผู้สถำปนำอำณำจกั รลำ้ นนำ ไดย้ กกองทพั เขำ้ ยดึ เอำเมอื งหรภิ ุญชัยจำกพญำยีบำได้ ต่อจำกนั้นอำณ ำจักรหริภุญชัยจึงส้ินสุดลงหลังจำกรุ่งเรืองมำ 618 ปี มีพระมหำกษัตรยิ ค์ รองเมอื ง 49 พระองค์ ปจั จุบนั โบรำณสถำนสำคญั ของอำณำจกั รหรภิ ุญชยั คอื พระธำตุหรภิ ุญไชย ท่จี งั หวดั ลำพูน ซ่งึ เป็นบรเิ วณท่ีสนั นิษฐำนว่ำเป็นรำชธำนีในสมยั นัน้ และยงั มเี มอื งโบรำณเวยี งมโน ตำบลหนองตอง อำเภอหำงดง จงั หวดั เชยี งใหม่ โบรำณสถำนทเ่ี วยี งเกำะ บำ้ นสองแควอำเภอจอมทอง จงั หวดั เชยี งใหม่ และเวยี งท่ำกำน ทต่ี ำบลบำ้ นกลำง ต.สนั ปำ่ ตอง จงั หวดั เชยี งใหม่ บำงหม่บู ำ้ นของจงั หวดั ลำพูนนัน้ พบว่ำ ยงั มคี นพูดภำษำมอญโบรำณและอนุรกั ษ์วฒั นธรรมอำณำจกั รมอญโบรำณอาณาจกั รหริภญุ ชยั อำณำจกั รหรภิ ุญชยั (ประมำณ พ.ศ. 1206-1835) ตำนำนจำมเทวโี บรำณไดบ้ นั ทกึ ไวว้ ่ำ ฤๅษีวำสุเทพ เป็นผสู้ รำ้ งเมอื งหรภิ ุญชยั ขน้ึ ในปี พ.ศ. 1204 แลว้ ต่อมำไดอ้ ญั เชญิ พระนำงจำมเทวี ซง่ึ เป็นพระรำชธดิ ำของกษัตรยิ ์ขอมจำกเมอื งละโว้ข้นึ ไปครองเมอื งหรภิ ุญชยั ในครงั้ นัน้ พระนำงจำมเทวี ได้นำพระสงฆ์ นกั ปรำชญ์ และช่ำงศลิ ปะต่ำง ๆ ขน้ึ ไปดว้ ยเป็นจำนวนมำก รำวหม่นื คน พระนำงได้ทำนุบำรงุและก่อสรำ้ งบ้ำนเมอื ง ทำให้ เมอื งหรภิ ุญชยั (ลำพูน) นัน้ เป็นแหล่งศิลปวฒั นธรรมท่ีเจรญิ รุ่งเรอื งยงิ่ต่อมำพระนำงได้สรำ้ งเขลำงคน์ คร (ลำปำง) ขน้ึ อกี เมอื งหน่ึงใหเ้ ป็นเมอื งสำคญั สมยั นัน้ ปรำกฏมกี ำรใช้ภำษำมอญโบรำณในศลิ ำจำรกึ ของหรภิ ุญชยั มหี นังสอื หมำนซูของจนี สมยั รำชวงศ์ถงั กล่ำวถงึ นครหริภุญไชยไว้ว่ำ เป็น“อำณำจกั รกษัตรยิ ์ ต่อมำ พ.ศ. 1824 พระเจ้ำเม็งรำยมหำรำช กษัตรยิ ์ผู้สถำปนำอำณำจกั รล้ำนนำ ได้ยกกองทพั เขำ้ ยดึ เอำเมอื งหรภิ ุญชยั จำกพระยำยบี ำได้ใน ต่อจำกนัน้ อำณำจกั รหริภุญชยั จงึ ส้นิ สุดลงหลงั จำกรุ่งเรอื งมำ 618 ปี มกี ษัตรยิ ค์ รองเมอื ง 49 พระองค์ ปจั จุบนั โบรำณสถำนสำคญั ของอำณำจกั รหรภิ ุญชยั นัน้ ก็คอื พระธำตุหรภิ ุญไชย ท่จี งั หวดั ลำพูน และยงั มเี มอื งโบรำณเวยี งมโน ตำบลหนองตอง อำเภอหำงดง จงั หวดั เชยี งใหม่ โบรำณสถำนท่เี วยี งเกำะ บ้ำนสองแคว อำเภอจอมทอง จงั หวดั เชยี งใหม่ และเวียงท่ำกำน ท่ีตำบลบ้ำนกลำง ต.สนั ป่ำตอง จงั หวดั เชยี งใหม่ บำงหม่บู ำ้ นของจงั หวดั ลำพูนนนั้ พบว่ำ ยงั มคี นพูดภำษำมอญโบรำณและอนุรกั ษ์วฒั นธรรมมอญโบรำณอยู่อำณำจกั รหรภิ ุญไชย คอื อำณำจกั รทแ่ี ตกหน่อออกมำจำกอำณำจกั รทวำรำวดี แห่งเมอื งละโว้ และคงมี

4คนเช้อื ชำติต่ำงๆอำศยั อยู่ เพรำะคำว่ำ จำม ซ่งึ เป็นช่อื ของพระนำงจำมเทวนี ัน้ น่ำจะมคี วำมหมำยว่ำพระนำงเป็นคนเช้อื ชำติ จำมทอ่ี ย่ใู นละโว้ในสมยั ทวำรำวดี ส่วนคำว่ำเทวี มคี วำมหมำยว่ำ พระนำงท่ีเป็นหมำ้ ยซ่งึ พระสวำมถี งึ แก่กรรมไปแลว้ เน่ืองจำกพระสวำมขี องพระนำงคอื เจำ้ รำม หรอื กษตั รยิ แ์ ห่งเมอื งรำม ไดถ้ งึ แก่กรรม ก่อนพระนำงจะขน้ึ มำลำพนู (ตำมตำนำนเมอื งเหนือทก่ี ล่ำวถงึ กำรสรำ้ งเมอื งหริภุญไชย) ดงั นัน้ พระนำง จำมเทวจี งึ น่ำจะเป็นคนเช้อื ชำตจิ ำมท่อี ย่ใู นดนิ แดนทวำรำวดที ำงตอนใต้ของลำพนู ซง่ึ กค็ อื เมอื งละโว้ มบี ำงตำนำนกล่ำววำ่ พระนำงเป็นธดิ ำของกษตั รยิ เ์ มอื งละโว้ เมอ่ื พระนำงสรำ้ งเมอื งหรภิ ุญไชย ศลิ ปะ ทป่ี รำกฎจงึ มกั เป็นศลิ ปะ ของทวำรำวดี พระนำงจำมเทวจี ำกเมอื งละโว้ (ทวำรำวด)ี ขน้ึ มำครองเมอื งลำพูนเป็นคนแรกเม่อื ประมำณปีพศ.1311 - 1318 (768- 775) ตำมคำเชญิ ของฤษีวำสุเทพและฤษีสุกนั ตะ ขณะท่เี สดจ็ ขน้ึ มำนัน้ พระนำงทรงพระครรภ์ได้ 3 เดอื น และได้สรำ้ งเมอื งต่ำงๆ ตำมรำยทำงไวม้ ำกมำย เมอ่ื คลอดโอรสออกมำแลว้ ปรำกฎว่ำเป็นโอรสแฝด องคพ์ ช่ี ่อื เจำ้ มหนั ตยศ องคน์ ้องช่อื เจำ้ อนนั ตยศ ซง่ึ พระนำงกไ็ ดม้ อบเมอื งลำพนู ใหอ้ งคพ์ ่ี และสรำ้ งเมอื งลำปำงใหอ้ งคน์ ้องลำพูนมสี งครำมกบั ลพบุรี (ในสมยั อย่ใู ต้อทิ ธพิ ลของเขมร)ในครงั้ แรกประมำณปีพศ.1550-1560 (1007 -1017) เป็นช่วงเวลำ ท่เี ขมรเขำ้ มำมอี ทิ ธพิ ลเหนือลพบุรี จงึ สนั นิษฐำนว่ำ กษัตรยิ ล์ พบุรที ่ี กล่ำวถงึ ในตำนำนนัน้ น่ำจะเป็นกษตั รยิ ห์ รอื แม่ทพั เขมรมำกกว่ำ กำรทช่ี ำวลำพูนต้องรบกบั ลพบุรนี ัน้ กค็ งจะเป็นกำรเขำ้ ไปช่วยละโว้ (ลพบุร)ี ซง่ึ เป็นคนเชอ้ื ชำตเิ ดยี วกนั รบกบั เขมรนัน่ เอง และเมอ่ื ทพั จำกลพบุรี (ซง่ึ มีนำยทพั เป็นเขมร) ยกขน้ึ มำตลี ำพูนกไ็ มเ่ คยตไี ด้ อำจเป็นเพรำะว่ำทหำรเมอื งลำพนู และทหำรเมอื งลพบุรีเป็นคนเชอ้ื ชำตเิ ดยี วกนั แต่ผทู้ ค่ี ุมทพั ลพบุรคี อื เขมร ดงั นนั้ คงจะเกดิ กำรบงั คบั ใหพ้ วก ลพบุรขี น้ึ มำรบกบัลำพูนโดยไม่เต็มใจ เขมรจงึ ไม่เคยรบชนะหรภิ ุญไชยไดเ้ ลยตลอดประวตั ิศำสตรใ์ นตำนำนเมอื งเหนือยงักล่ำวไวด้ ว้ ยว่ำ ในกำรยกทพั มำตเี มอื งลำพูน 2 ครงั้ หลงั ทหำรเมอื งลพบุรเี กดิ หลงทำง หำทำงเขำ้ เมอื งลำพนู ไมถ่ ูกทงั้ 2 ครงั้ ทพั ลพบุรจี งึ ตอ้ งยกกลบั อำจเป็นไดว้ ำ่ ทหำรลพบุรคี งจะแกลง้ นำทำงใหห้ ลง ทำให้ไม่สำมำรถเขำ้ ตลี ำพนู ปีพศ. 1590 (1047) เกดิ อหวิ ำหร์ ะบำดขน้ึ ในเมอื งลำพูน ทำใหป้ ระชำชนตอ้ งหนีเขำ้ ไปในพม่ำ และอำ ศยั อยู่ท่เี มอื งหงสำวดถี ึง 6 ปี ซ่งึ ขณะนัน้ หงสำวดยี งั เป็นเมอื งของพวกมอญอยู่(มอญและทวำรำวดมี คี วำม ใกล้ชิดกนั ทำงเช้อื ชำติ) ชำวลำพูนจงึ ได้รบั กำรต้อนรบั อย่ำงอบอุ่นจำกชำวเมอื งหงสำวดี เพรำะชำวเมอื งลำพูนและหงสำวดตี ่ำงกเ็ ป็นคนทเ่ี กอื บจะมเี ชอ้ื ชำตเิ ดยี วกนั และพูดภำษำเดยี วกนั จนเม่อื สถำนกำรณ์ โรคระบำดดขี น้ึ แลว้ ชำวลำพนู จงึ ไดก้ ลบั มำยงั บำ้ นเมอื งของตน เมอ่ืกลบั มำแลว้ คงจะเกดิ ควำมคดิ ถงึ ชำวเมอื งหงสำวดที ไ่ี ดเ้ คยไปอำศยั พกั พงิ จงึ พำกนั นำอำหำรใส่ภำชนะแลว้ ลอยไปในแมน่ ้ำ ซง่ึ เช่อื กนั วำ่ เป็นสำยน้ำทไ่ี หลไปถงึ เมอื งหงสำวดี และสนั นษิ ฐำนว่ำกำรลอยภำชนะใส่อำหำรลงในแมน่ ้ำนนั้ คงเป็น ต้นกำเนิดของประเพณีลอยกระทงทม่ี สี บื ทอดกนั มำจนถงึ ทุกวนั น้ี รำวปีพศ.1700-1835(1157-1292) เป็นช่วงเวลำก่อนท่พี ระยำเมง็ รำยจะสถำปนำอำณำจกั รล้ำนนำ และเป็นยุคทองของ หรภิ ุญไชย ในสมยั พระเจำ้ อำทติ ยรำชไดส้ รำ้ งพระธำตุหรภิ ุญไชยขน้ึ เป็นครงั้ แรก สูง 6 ม.สำมำรถมองเหน็ พระธำตุทบ่ี รรจุอย่ภู ำยในได้ สมยั พระยำสวำธสิ ทิ ธไิ ด้สรำ้ งเสรมิ ขน้ึ ไปจนสูง 12 เมตรพรอ้ มทงั้ สรำ้ งวดั มหำวนั และบูรณะวดั มหำพล มบี นั ทกึ ว่ำ มพี ระสงฆจ์ ำกลงั กำเดนิ ทำงมำหริ ภุญไชยในสมยั น้ี ปีพศ.1835 พระยำเมง็ รำยยกกองทพั เขำ้ มำโจมตหี รภิ ุญไชยและยดึ เมอื งได้ในอกี 4 ปีต่อมำอำณำจกั รหรภิ ุญไชยท่ถี อื กำเนิดมำตงั้ แต่รำวปีพศ. 1311 (768) ก็ต้องสูญเสยี อำนำจให้กบั พระยำเมง็รำยรวมอำณำจกั ร 528 ปี

5 เวยี งหรภิ ุญชยั เป็นเมอื งโบรำณทเ่ี ก่ำแก่ทส่ี ุดในแอ่งทร่ี ำบเชยี งใหม่ - ลำพนู มกี ลุ่มเมอื งท่ีกระจดั กระจำยอยใู่ นบรเิ วณทร่ี ำบลุม่ แมน่ ้ำปิงตอนบน ในเขตจงั หวดั เชยี งใหม่ และจงั หวดั ลำพนู กบับรเิ วณลุม่แมน่ ้ำวงั ในเขตอำเภอเมอื ง ฯ และอำเภอเกำะคำ จงั หวดั ลำปำง เวยี งเขลำงคน์ คร มบี ทบำททำงกำรเมอื งคกู่ บั เวยี งหรภิ ญุ ชยั มำตลอดยคุ สมยั ของแควน้ หรภิ ญุชยั เป็นเมอื งทโ่ี อรสองคเ์ ลก็ ของพระนำงจำมเทวปี ฐมกษตั รยิ เ์ มอื งหรภิ ญุ ชยั ไปครองหลงั จำกทส่ี รำ้ งเสรจ็ กำรแต่งตงั้ ผคู้ รองเมอื งน้จี ะเป็นผทู้ ม่ี คี วำมสำคญั รองลงมำจำกเมอื งหรภิ ญุ ชยั เสมอตงั้ แต่เจำ้ อนันตยศ ในสมยั แรกจนถงึ พญำเบกิ ในสมยั พญำญบี ำ แต่กม็ อี ยหู่ ลำยสมยั ท่ผี ปู้ กครองเมอื งเขลำงคน์ ครยกทพัไปตเี มอื งหรภิ ุญชยั เวยี งท่ำกำน ตงั้ อยทู่ บ่ี ำ้ นท่ำกำน ตำบลบำ้ นกลำง อำเภอสนั ปำ่ ตอง จงั หวดั เชยี งใหม่ ผงั เวยี งเป็นรูปส่เี หล่ยี มผนื ผ้ำ ขนำด กว้ำง ๔๙๐ เมตร ยำว ๗๔๐ เมตร ด้ำนตะวนั ตกติดกบั แม่น้ำขำน ด้ำนตะวนั ออกตดิ กบั แมน่ ้ำปิง มรี อ่ งรอยกำรชกั น้ำจำกแมน่ ้ำปิงเขำ้ มำในคเู มอื ง กำแพงเมอื งมสี องชนั้ โดยมคี ูเมอื งคนั่ กลำง ศูนยก์ ลำงเวยี งท่ำกำนเป็นวดั เช่นเดยี วกบั เวยี งหรภิ ุญชยั และเวยี งเกำะในวฒั นธรรมหริภญุ ชยั วดั กลำงเวยี งท่ำกำนเป็นขนำดใหญ่ มเี จดยี ท์ รงแปดเหล่ยี มอยู่กลำงเมอื ง มคี วำมเก่ำแก่อยู่ประมำณ พุทธศตวรรษท่ี ๑๗ รว่ มสมยั กบั หรภิ ุญชยั พบร่องรอยวฒั นธรรมหรภิ ุญชยั เช่น พระพุทธรปูประดบั ซุม้ พระพมิ พ์ดนิ เผำ พระแผง และพบโบรำณวตั ถุในวฒั นธรรมล้ำนนำ จำกโบรำณสถำน และโบรำณวตั ถุสว่ นใหญ่ แสดงว่ำเวยี งทำ่ กำนมกี ำรดำรงสบื เน่ืองจำกยคุ หรภิ ุญชยั จนถงึ ยคุ อำณำจกั รลำ้ นนำมรี อ่ งรอยซำกวดั อยหู่ นำแน่น จำกตำนำนพน้ื เมอื งเชยี งใหมไ่ ดม้ กี ำรกล่ำวถงึ สมยั รำชวงศม์ งั รำยไดจ้ ดั ตงั้เป็นพนั นำท่ำกำน มหี ม่ืนท่ำกำนกินพนั นำในฐำนะของประมุขของเวยี งท่ำกำน และมบี ทบำทสูงทำงกำรเมอื งเมอ่ื รำชวงศม์ งั รำยสน้ิ อำนำจลง เวยี งมะโน ตงั้ อยใู่ นเขตตำบลหนองตอง อำเภอหำงดง จงั หวดั เชยี งใหม่ เป็นเมอื งโบรำณสมยัหรภิ ุญชยั ตงั้ อยเู่ หนือสุดห่ำงจำกเวยี งหรภิ ุญชยั ไปทำงทศิ ตะวนั ตกเฉียงเหนือ ประมำณ แปดกโิ ลเมตรหลกั ฐำนจำกตวั อกั ษรท่พี บในจำรกึ แม่หนิ บด ท่พี บในเวยี งมะโน ขนำดกว้ำง ๒๑ เซนติเมตร สูง ๓๗

6เซนติเมตร หนำ ๓ เซนติเมตร จำรกึ เป็นอกั ษรมอญโบรำณ เป็นภำษำมอญ และภำษำพม่ำโบรำณแสดงวำ่ มคี วำมสมั พนั ธก์ บั หวั เมอื งมอญ และพมำ่ผงั เวยี งมะโน เป็นรปู สเ่ี หลย่ี มผนื ผำ้ กวำ้ งประมำณ ๗๕๐ เมตร ยำวประมำณ ๙๐๐ เมตร พบรอ่ งรอยคนู ้ำและคนั ดนิ เหลอื อย่บู ำ้ ง ดำ้ นตะวนั ออกตดิ กบั ลำน้ำปิงเก่ำซง่ึ ต้นื เขนิ แลว้ ในเวยี งมะโนมวี ดักลำงเวยี ง เช่นเดยี วกบั เวยี งในยคุ หรภิ ญุ ชยั แต่มขี นำดเลก็ กว่ำ และมจี ำนวนไม่หนำแน่นเทำ่ เวยี งทำ่ กำน กำรพบเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผำประเภทหมอ้ บรรจุอฐั ิ ลำยขดู ขดี ศลิ ปะหรภิ ุญชยั เป็นเศษภำชนะแตกกระจดั กระจำยอย่ภู ำยในเวยี งเตม็ ไปหมด และมคี วำมหนำแน่นบรเิ วณด้ำนทศิ ตะวนั ออกท่ตี ดิ กบั ลำน้ำส่วนศลิ ปะสมยั ลำ้ นนำประเภทเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผำกพ็ บเช่นกนั แสดงว่ำเวยี งมะโนมคี วำมสบื เน่ืองจำกยคุ หริภญุ ชยั ถงึ ยคุ ลำ้ นนำเวยี งเถำะ ตงั้ อย่ทู ่บี ำ้ นสองแคว ตำบลสองแคว อำเภอจอมทอง จงั หวดั เชยี งใหม่ ผงั เวยี งเป็นรปู สเ่ี หลย่ี มผนื ผำ้ ตวั เวยี งอย่ตู ดิ กบั แม่น้ำปิงฝงั่ ตะวนั ตก ใกลก้ บั บรเิ วณทแ่ี ม่น้ำขำนไหลมำบรรจบแม่น้ำปิง ตวั เวยี งยำวขนำนไปตำมลำน้ำปิงในแนวทศิ เหนือ-ใต้ ลกั ษณะเดยี วกบั เวยี งหรภิ ุญชยั จำกกำรสำรวจพบว่ำแม่น้ำปิงกดั เซำะจนตวั เวยี งหำยไปครง่ึ เมอื ง ยงั คงเหน็ รอ่ งรอยแนวแม่น้ำเดมิ อย่อู ย่ำงชดั เจน แต่ปจั จบุ นั แมน่ ้ำปิงไดเ้ ปลย่ี นเสน้ ทำงไปไกลจำกเวยี งเถำะแลว้ รอยคนั ดินด้ำนตะวนั ตกพบเศษเคร่อื งปนั้ ดินเผำลำยขูดขดี ศิลปะหรภิ ุญชยั อยู่บ้ำงเล็กน้อยหลกั ฐำนสำคญั ของเวยี งเถำะคอื พระประธำนวดั สองแคว ศลิ ปะหรภิ ุญชยั ประมำณพุทธศตวรรษท่ี ๑๗เป็นพระพทุ ธรปู ศลิ ำเดมิ ประดษิ ฐำนอยู่ ณ ทน่ี ้ี ดำ้ นหลงั วหิ ำรทป่ี ระดษิ ฐำนพระพุทธรปู ศลิ ำพบจำรกึ อกั ษรมอญโบรำณเวยี งหอด เวยี งหอดหรอื เวยี งฮอด ตงั้ อยใู่ นเขตตำบลหำงดง อำเภอฮอด จงั หวดั เชยี งใหม่ เป็นเมอื งโบรำณสมยั หรภิ ุญชยั ท่อี ยู่ใต้สุด ผงั เมอื งเป็นรูปส่เี หล่ยี มจตุรสั กว้ำงยำวด้ำนละประมำณ ๔๐๐เมตร ดำ้ นตะวนั ออกอยใู่ กลแ้ ม่น้ำปิง สภำพคนั ดนิ คูน้ำถูกทำลำยไปมำก ภำพในเวยี งไม่ปรำกฏวดั รำ้ งเหลอื อยู่แต่บนผวิ ดนิ ยงั มหี ลกั ฐำนทำงโบรำณคดเี หลอื อยู่บ้ำงเล็กน้อย เป็นเศษเคร่อื งปนั้ ดนิ เผำ ท่มี ีลกั ษณะเชน่ เดยี วกบั ทพ่ี บในเขตเมอื งโบรำณสมยั หรภิ ุญชยัเวยี งหอด เป็นชมุ ชนสมยั หรภิ ญุ ชยั ทม่ี คี วำมสมั พนั ธก์ บั เมอื งต่ำง ๆ ตำมแนวแมน่ ้ำปิง บรเิ วณทเ่ี ป็นชุมชนจะอย่บู รเิ วณวดั เจดยี ์สูง ซ่งึ มกี ลุ่มวดั รำ้ งอยู่เป็นจำนวนมำก ทงั้ สองชุมชนคอื ตวั เวยี งหอดและบรเิ วณวดั เจดยี ส์ งู รวมกนั เป็นชุมชนเมอื งหอด ในสมยั โบรำณชุมชนหอดเป็นปำกประตสู ่เู มอื งหรภิ ุญชยั และดนิ แดนลำ้ นนำ เพรำะตงั้ อยบู่ นเสน้ ทำงคมนำคมสพู่ มำ่ อยุธยำ และเมอื งทำงใต้สมยั ผนวกเขำ้ กบัอ ำณ ำ จั ก ร ล้ ำ น น ำเม่อื พญำมงั รำยตเี มอื งลำพูนได้ในประมำณ ปี พ.ศ.๑๘๓๕ ได้ให้ขุนฟ้ำครองเมอื งหรภิ ุญชยัส่วนพญำมงั รำยไปสรำ้ งเวยี งกุมกำม เม่อื ปี พ.ศ.๑๘๓๗ และไปสรำ้ งเมอื งเชยี งใหม่ เม่อื ปี พ.ศ.๑๘๓๙เพ่อื ใหเ้ ป็นศูนยก์ ลำงของอำณำจกั รลำ้ นนำ โดยกำรผนวกแควน้ หรภิ ุญชยั และแควน้ โยนกเขำ้ ดว้ ยกนั ในขณะทพ่ี ญำมงั รำยครองเมอื งเชยี งใหม่ พญำเบกิ โอรสพญำญบี ำ เจำ้ เมอื งเขลำงคน์ ครไดย้ กกองทพั มำตีเมอื งเชยี งใหม่ ไดย้ กทพั มำลอ้ มเวยี งกุมกำมไว้ แต่ขุนครำมโอรสพญำเมง็ รำยเจำ้ เมอื งเชยี งรำยยกกำลงัมำช่วยไวไ้ ด้ ตกี องทพั เมอื งเขลำงคน์ ครแตกกลบั ไป พญำเบกิ ถูกจบั ไดท้ ต่ี ำบลแมต่ ำน (ขนุ ตำน) และถูกปลงพระชนม์ ณ ทน่ี ัน้ พญำญบี ำอพยพหนีไปพ่งึ พระยำพษิ ณุโลกท่เี มอื งสองแคว ขุนครำมยดึ เมอื งเข

7ลำงคน์ ครไดแ้ ลว้ แต่งตงั้ ใหข้ ุนเสนำครองเมอื งเขลำงคน์ คร เป็นกำรขยำยอำณำเขตของพญำเมง็ รำยไปในดนิ แดนล่มุ แมน่ ้ำวงั สำหรบั เมอื งลำพูน ซง่ึ อย่ใู กลก้ บั เมอื งเชยี งใหมม่ ำก ไดใ้ หข้ นุ นำงไปปกครองเชน่ ขนุ ฟ้ำในสมยัพญำมงั รำย หมน่ื ละพนู ในสมยั พระนำงจริ ประภำ และแสนลำพนู ไชยในสมยั พระไชยเชษฐำแต่ในบำงรชั กำลกด็ แู ลเมอื งลำพนู เอง เวยี งล้ี ตงั้ อยู่บนเนินเขำในเขตตำบลล้ี อำเภอล้ี ตวั เวยี งยงั มรี ่องรอยคูเมอื งปรำกฏอยู่ ส่วนแนวกำแพงเมอื งเหน็ ไม่ชดั เจนนัก ตวั เวยี งหนั หน้ำออกสู่ท่รี ำบทุ่งหลวงล้ี อนั เป็นบรเิ วณทห่ี ้วยแม่แวนและหว้ ยแมแ่ ต๊ะกบั แมน่ ้ำลไ้ี หลมำบรรจบกนั ตำมตำนำนพ้ืนเมอื งท่เี ล่ำต่อกันมำถึงกำรตัง้ เมืองน้ีว่ำ มพี ระนำงจำมรี นำผู้คนหนีภยั โรคระบำดจำกเมอื งหลวงพระบำง หรอื อกี สำนวนหน่ึงว่ำ จำกเมอื งตอนเหนือของเมอื งเชยี งใหม่ เม่อื มำถงึเนินเขำลูกหน่ึง เหน็ ว่ำเป็นชยั ภูมดิ จี งึ ได้สรำ้ งเวยี งขน้ึ และไดม้ เี จำ้ เมอื งปกครองต่อมำอกี สำมองค์จนถงึสมยั เจำ้ น้วิ งำมไดถ้ ูกขำ้ ศกึ จำกสโุ ขทยั มำตเี มอื งได้ และกวำดตอ้ นผคู้ นไปเมอื งสโุ ขทยั เวยี งหนองล่อง ตงั้ อยู่ในเขตตำบลวงั ผำง ก่ิงอำเภอเวยี งหนองล่อง จงั หวดั ลำพูน ตวั เวยี งตงั้ อย่ไู ม่ไกลจำกแม่น้ำล้นี ัก ผงั เวยี งเป็นรปู ส่เี หลย่ี ม ยงั ปรำกฏร่องรอยของคูเวยี งและคันดนิ บำงส่วนจำกตำนำนพ้นื เมอื งเชยี งใหม่ไดก้ ล่ำวถงึ พญำจ่ำบ้ำน เจำ้ เมอื งเชยี งใหม่ท่ไี ดข้ บั ไล่อทิ ธพิ ลพม่ำออกไปจำกเชยี งใหม่ จำกกำรช่วยเหลอื ของพระเจำ้ กรงุ ธนบุรี และพญำกำวลิ ะ ในปี พ.ศ.๒๓๑๗ ฝำ่ ยพม่ำไดย้ กกำลงั มำตเี มอื งเชยี งใหมค่ นื พญำจำ่ บำ้ นจงึ นำผคู้ นมำตงั้ มนั่ ทเ่ี วยี งหนองลอ่ งเมอ่ื ปีพ.ศ.2320 เวยี งสะแกง ตงั้ อยใู่ นเขตตำบลหนองลอ่ ง กง่ิ อำเภอเวยี งหนองลอ่ ง จงั หวดั ลำพนู ตงั้ อยใู่ กลก้ บับรเิ วณทแ่ี ม่น้ำลไ้ี หลมำบรรจบแมน่ ้ำปิง เป็นสถำนทต่ี งั้ มนั่ เพ่อื ต่อสกู้ บั พม่ำของพญำจำ่ บำ้ น เม่ือปี พ.ศ.๒๓๒๒ ต่อมำพญำกำวลิ ะ ไดร้ วบรวมผคู้ นเพ่อื ตเี มอื งเชยี งใหมค่ นื จำกพมำ่ ไดร้ วบรวมผคู้ นของพญำจำ่บำ้ นทเ่ี วยี งสะแกงได้ ๗๐๐ คน แลว้ ไปตงั้ มนั่ ทเ่ี วยี งปำ่ ซำงต่อไป เวยี งหวำย ตงั้ อย่ใู นเขตตำบลบำ้ นโฮ่ง อำเภอบ้ำนโฮ่ง จงั หวดั ลำพูน อย่ทู ำงทศิ ตะวนั ตกของวดั พระเจำ้ สะเลยี มหวำน มพี ระพุทธรปู พระเจำ้ สะเลยี มหวำน เป็นพระพุทธรปู ไมส้ ะเดำหวำน(สะเลยี มหวำน) ปำงอุม้ บำตร สงู ๒.๔๐ เมตร ประดษิ ฐำนอยู่ ตำมตำนำนพระเจำ้ สะเลยี มหวำน แสดงว่ำมเี จำ้ เมอื งปกครองสบื ต่อกนั มำ ยงั ปรำกฏศำลเจำ้เมือ งพ ญ ำจัน ท ร์ตั้งอ ยู่ เวีย งห ว ำย ก ล ำย เป็ น เมือ งร้ำงไป พ ร้อ ม กับ อ ำณ ำจัก รล้ำน น ำ เวยี งป่ำซำง ตงั้ อย่ใู นเขตตำบลปำ่ ซำง อำเภอป่ำซำง ในครงั้ ทพ่ี ระเจำ้ กำวลิ ะแห่งเมอื งลำปำงรวบรวมผคู้ นเพ่อื ฟ่ืนฟูเมอื งเชยี งใหม่ เม่อื ประมำณปี พ.ศ.๒๓๒๕ เป็นต้นมำ โดยนำกำลงั พล ๓๐๐ คนจำกเมอื งลำปำงมำสมทบกบั กำลงั ของพญำจำ่ บำ้ นทเ่ี วยี งสะแกง ไดม้ ำตงั้ มนั่ อย่ทู เ่ี วยี งป่ำซำงเป็นฐำนในกำรเขำ้ ไปฟ้ืนฟูเมอื งเชยี งใหมใ่ น ปี พ.ศ.๒๓๓๙ เวยี งปำ่ ซำง ตงั้ อยบู่ นสองฝงั่ ของแมน่ ้ำทำ ตวั เวยี งยำวประมำณ ๑,๐๐๐ เมตร มปี ้อมปรำกำรแขง็ แรง มรี อ่ งรอยของป้อมปรำกำรทเ่ี หลอื อยสู่ ป่ี ้อม ภำยในเวยี งมวี ดั อยสู่ องแห่งสมยั รตั นโกสินทรต์ อนต้น

8 เม่อื พระเจำ้ กำวลิ ะไดเ้ ขำ้ ไปตงั้ มนั่ ทเ่ี มอื งเชยี งใหมไ่ ดแ้ ลว้ ใน ปี พ.ศ.๒๓๓๙ ในระยะแรกกไ็ ดไ้ ปเกลย้ี กล่อมผูค้ นจำกเมอื งเลก็ เมอื งน้อย แถบแม่น้ำสำละวนิ มำไวท้ เ่ี วยี งป่ำซำง พระเจำ้ กำวลิ ะไดไ้ ปเกลย้ีกล่อมเจำ้ ฟ้ำเมอื งยอง เมอื งฝำง เมอื งเชยี งรำย และเมอื งสำด ใหต้ ่อต้ำนพมำ่ เจำ้ เมอื งยองยอมท้งิ เมอื งพำผคู้ นมำอยทู่ เ่ี วยี งปำ่ ซำง ในปี พ.ศ.๒๓๔๕ เจำ้ กำวลิ ะเรมิ่ ตเี มอื งเชยี งตุง และเมอื งสำดได้ และตเี มอื งเชยี งแสนได้ เมอ่ื ปีพ.ศ.๒๓๔๗ โดยกองกำลงั ผสมจำก เชยี งใหม่ กรุงเทพ ฯ ลำปำง เวยี งจนั ทน์ และเมอื งน่ำน ตงั้ แต่ปีพ.ศ.๒๓๔๘ กองทพั เชยี งใหมไ่ ดย้ กขน้ึ ไปกวำดตอ้ นผคู้ นตำมเมอื งทอ่ี ย่ทู ำงตอนเหนอื ของเมอื งเชยี งแสนคอื เมอื งยอง เมอื งยู้ เมอื งหลวย เมอื งเชยี งตุง เมอื งเชยี งขำง เมอื งวะ เมอื งลอง เมอื งกำย เมอื งขนัเมอื งหนุ เมอื งงำด เมอื งงมึ เมอื งเสย้ี ว สบิ สองปนั นำ เชยี งรงุ่ ฯลฯ กำรปฏบิ ตั กิ ำรดงั กล่ำว เป็นกำรกวำดต้อนผคู้ นครงั้ ใหญ่ในประวตั ศิ ำสตรล์ ำ้ นนำ ทำใหเ้ กดิ กำรตงั้ ถน่ิ ฐำนกระจำยอย่ใู นเขตเมอื งเชยี งใหม่ และลำพูนของกลุ่มชำติพนั ธุ์ต่ำง ๆ ผู้คนทถ่ี ูกกวำดต้อนมำหำกเป็นช่ำงฝีมือ และไพร่ชัน้ ดีจะกำหนดให้อยู่ในเมือง เช่น เขินท่ีหำยยำ อพยพมำจำกเชียงตุงเช่ยี วชำญกำรทำเคร่อื งเขนิ มำอย่เู ชยี งใหม่ระหว่ำงกำแพงเมอื งชนั้ นอก และชนั้ ในทศิ ใต้ ยวนบำ้ นฮ่อมเชย่ี วชำญกำรทำดอกไมก้ ระดำษ กลุม่ ไต หรอื ไตใหญ่ เชย่ี วชำญดำ้ นกำรค้ำ ส่วนไพรท่ ไ่ี รฝ้ ีมอื จะใหไ้ ปตงั้ถนิ่ ฐำนอยนู่ อกเมอื งเชน่ เขนิ ทส่ี นั ทรำย ยองทล่ี ำพนู ผคู้ นทถ่ี กู กวำดตอ้ นมำจะยกมำเป็นกลมุ่ เมอื ง เมอ่ื มำตงั้ ถน่ิ ฐำนใหมไ่ ดต้ งั้ ช่อื หมบู่ ำ้ นตำมช่อืบำ้ นเมอื งเดมิ ทถ่ี ูกกวำดตอ้ นมำ เชน่ บำ้ นเมอื งลวง บำ้ นเมอื งแสน เมอื งวะ เมืองสำด เมอื งยู้ เมอื งหลวยเมอื งพยำก เป็นตน้ บำงแห่งแต่งตงั้ ตำมทำเลใหม่ เช่นบำ้ นช่ำงกระดำษ สนั ป่ำตอง บำ้ นป่ำลำน บำ้ นสนักลำง เป็นตน้ เมอื งลำพนู ไดร้ บั กำรจดั ตงั้ ขน้ึ ใหม่ ภำยหลงั จำกทค่ี นยอง ทถ่ี ูกกวำดตอ้ นมำอยลู่ ำพนู ใน ปีพ.ศ.๒๓๔๘ มพี ระยำบุรรี ตั น์ (คำฝนั้ ) อนุชำพระเจำ้ กำวลิ ะมำครองเมอื งเป็นคนแรก มเี จำ้ บุญมำน้องคนสุดทำ้ ยของตระกูลเจำ้ เจด็ ตน เป็นพระยำอุปรำช เมอื งลำพนู มคี วำมสำคญั รองลงมำจำกเมอื งเชยี งใหม่และเมอื งลำปำงตำมลำดบั คำดวำ่ คนเมอื งยองถูกกวำดตอ้ นมำอยทู่ ล่ี ำพนู ประมำณ ๑๐,๐๐๐ คน กำรแบง่ ไพรพ่ ลยอง ทต่ี งั้ ถนิ่ ฐำนอยทู่ เ่ี มอื งลำพนู ใหพ้ ระยำมหยงั คบุรเี จำ้ เมอื งยอง และน้องอกี สำมคน ตงั้ ถน่ิฐำนอย่ทู ร่ี มิ ฝงั่ แมน่ ้ำกวง ตรงขำ้ มกบั เมอื งลำพูน ทบ่ี ำ้ นเวยี งยอง ใหผ้ คู้ นทอ่ี พยพจำกเมอื งยู้ เมอื งหลวยไปตงั้ ถน่ิ ฐำนอยนู่ อกกำแพงเมอื งดำ้ นทศิ ตะวนั ออกเฉยี งใต้ เพ่อื ใหช้ ุมชนเหล่ำน้ีทอผำ้ ใหก้ บั เจำ้ เมอื ง

9ลำพนู นอกจำกนนั้ กำรตงั้ ถน่ิ ฐำนของชำวยองจะขยำยตวั ไปตำมแนวลำน้ำ หมบู่ ำ้ นหลกั ในขณะนนั้ ในเขตลมุ่ แมน่ ้ำกวง มบี ำ้ นเวยี งยอง บำ้ นยู้ บำ้ นหลวย บำ้ นตอง บำ้ นหลว่ิ หำ้ (ศรบี ญุ ยนื ) บำ้ นปิงห่ำง(หนองหม)ู ตำมลุ่มแมส่ ำร มี บำ้ นปำ่ ขำม บำ้ นสนั ปำ่ สกั บำ้ น สมั คะยอม ในเขตลุ่มแมน่ ้ำปิง มี บำ้ นรมิ ปิงบำ้ นประตูปำ่ บำ้ นหลุก บำ้ นบวั บำ้ นบำน ในเขตลมุ่ น้ำแมท่ ำ มี บำ้ นปำ่ ซำง บำ้ นสบทำ บำ้ นฉำงขำ้ วน้อย บำ้ นแซม บำ้ นสะป๋ งุ บำ้ นหวำย อกี สว่ นหน่งึ ไดข้ ยำยตวั จำกทร่ี ำบปำ่ ซำงเขำ้ ส่เู ขตอำเภอบำ้ นโฮง่และอำเภอล้ี ในลุ่มแมน่ ้ำล้ี มชี ำวไตเขนิ จำกเชยี งตุง มำตงั้ ถน่ิ ฐำนทบ่ี ำ้ นสนั ดอนรอม นอกเขตกำแพงเมอื งทำงดำ้ นทศิ ตะวนั ตกเฉียงใตท้ บ่ี ำ้ นแป้น ตำบลบำ้ นแป้น และก่อนกำรเขำ้ มำตงั้ ถน่ิ ฐำนของชำวยองไดม้ กี ำรกวำดตอ้ นชำวไตใหญ่จำกเมอื งปุ เมอื งปนั่ เมอื งสำด เมอื งนำย เมอื งขวำด เมอื งแหน และกลุ่มคนทเ่ี รยี กว่ำ ยำงคำ้ งหวั ตำด ยำวหวั ด่ำน มำไวท้ เ่ี วยี งปำ่ ซำง ภำยหลงั ทต่ี งั้ เป็นเมอื งลำพนู เมอ่ื ปี พ.ศ.๒๓๔๘ ในฐำนะเป็นหวั เมอื งประเทศรำชขน้ึ กบั รำชอำณำจกั รสยำมแลว้ ในปี พ.ศ.๒๓๕๑ พระเจำ้ กำวลิ ะไดเ้ กณฑก์ ำลงั พลชำวเมอื งลำพนู ประมำณ ๑,๐๐๐ คนรวมกบั กำลงั จำกเชยี งใหม่ และลำปำง เขำ้ ตเี มอื งยำง ทถ่ี ูกพมำ่ ยดึ ไวแ้ ต่ไมส่ ำเรจ็ จงึ เทครวั อพยพชำวเมอื งยองลงมำอยทู่ เ่ี ชยี งแสน พระยำอุปรำช (บุญมำ) แห่งเมอื งลำพูน ผู้เป็นอนุชำองค์เล็กของตระกูลเช้ือเจด็ ตน ได้รบัแต่งตงั้ จำกกรุงเทพ ฯ ใหเ้ ป็นเจำ้ เมอื งลำพูนองคท์ ส่ี อง ระหว่ำงปี พ.ศ.๒๓๕๙ - ๒๓๗๐ พระบำทสมเดจ็พระนัง่ เกลำ้ ฯ ไดโ้ ปรดเกลำ้ ฯ ให้พระยำอุปรำช (น้อย อินทร) เป็นพระยำลำพูนองค์ท่สี ำม ระหว่ำงปีพ.ศ.๒๓๗๐ - ๒๓๘๑ เมอื งลำพูนไดข้ ยำยตวั ไปผูค้ นไปตงั้ ถนิ่ ฐำนอย่ใู นลุ่มน้ำต่ำง ๆ อยำ่ งมคี วำมมนั่ คงเมอ่ื ปี พ.ศ.๒๓๗๒ ดร.รชิ ำรด์ สนั ขำ้ รำชกำรชำวองั กฤษไดเ้ ขำ้ มำสำรวจเสน้ ทำง และสภำพกำรคำ้ ในเขตเมอื งเชยี งใหม่ ลำปำง และลำพนู ไดบ้ นั ทกึ ไวว้ ่ำ ประชำกรของเมอื งลำพนู มอี ยปู่ ระมำณ ๑๔,๐๐๐ คน ในปี พ.ศ.๒๓๘๑ พระยำลำปำงไชยวงศ์ เจำ้ เมอื งลำปำงไดถ้ งึ แก่พริ ำลยั พระบำทสมเดจ็ พระนงั่ เกลำ้ ฯ ไดโ้ ปรดเกลำ้ ฯ ใหแ้ ต่งตงั้ พระยำอุปรำช (น้อย อนิ ทร) เจำ้ เมอื งลำพูนไปเป็นเจำ้ เมอื งลำปำงและ โปรดเกลำ้ ฯ ให้พระยำอุปรำช (คำตนั ) เป็นเจำ้ เมอื งลำพนู (องคท์ ส่ี )่ี คนมอญและคนพมำ่ ในบงั คบัองั กฤษเรม่ิ เขำ้ มำดำเนนิ ธรุ กจิ ทำไม้ ในปำ่ ปลำยแขนแขวงเมอื งตำก เมอื งเชยี งใหม่ และเมอื งลำพนู พระยำอุปรำช (คำตนั ) เป็นเจำ้ เมอื งลำพนู ถงึ ปี พ.ศ.๒๓๘๔ กพ็ ริ ำลยั พระยำบรุ รี ตั น์ (เจำ้ น้อยธรรมลงั กำ) บุตรเจำ้ บุญมำได้รบั โปรดเกล้ำ ฯ ให้เป็นเจ้ำเมอื งลำพูน (องค์ท่หี ้ำ)ถึงปี พ.ศ.๒๓๘๖ ก็พิรำลัย เจ้ำหนำนไชยลังกำได้รบั โปรดเกล้ำ ฯ เป็นเจ้ำเมืองลำพูน (องค์ท่ีหก) ต่อมำในรชั สมัยพระบำทสมเดจ็ พระจอมเกลำ้ เจำ้ อย่หู วั ไดร้ บั ขนำนนำมเป็นเจำ้ ไชยลงั กำพศิ ำลโสภำคุณหรภิ ุญชยั เป็นเจำ้ นครลำพนู ถงึ ปี พ.ศ.๒๔๑๔ จงึ ใหย้ กเลกิ ตำแหน่งพระยำหวั เมอื งแกว้ เปลย่ี นเป็นตำแหน่งเจำ้ บรุ รี ตั น์ยคุ ปฏิรปู การปกครองแผ่นดิน เจำ้ รำชวงศด์ ำวเรอื งรกั ษำกำรเจำ้ เมอื งลำพนู ตงั้ แต่ ปี พ.ศ.๒๔๑๔ - ๒๔๑๘ จงึ ไดร้ บั แต่งตงั้ ให้เป็นเจำ้ ดำรำดเิ รกไพโรจน์ เจำ้ นครลำพนู ไชย หลงั จำกทม่ี กี ำรทำสนธสิ ญั ญำเชยี งใหม่ (ฉบบั ท่ี ๑) เมอ่ื ปีพ.ศ.๒๔๑๖ ลงนำมทก่ี ลั กดั ตำแลว้ ทำงกรุงเทพ ฯ ไดส้ ่งพระนรนิ ทรร์ ำชเสนี (พมุ่ ศรไี ชยยนั ต)์ ปลดั บญั ชีกรมพระกลำโหมไปเป็นขำ้ หลวงสำมหวั เมอื ง ประจำอย่ทู เ่ี ชยี งใหม่ เพ่อื ควบคุมดแู ลใหเ้ จำ้ หลวงเชยี งใหม่ลำปำง และลำพูนปฏบิ ตั ติ ำมสนธสิ ญั ญำเชยี งใหม่ ทำหน้ำทป่ี ระสำนงำน ระหว่ำง กรงุ เทพ ฯ กบั ลำ้ นนำแต่กำรปฏบิ ตั ิงำนยงั ไม่ได้ผล จงึ ได้มกี ำรแก้ไข และทำสนธสิ ญั ญำเชยี งใหม่ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ.๒๔๒๖กำหนดใหค้ นในบงั คบั องั กฤษต้องขน้ึ ศำลต่ำงประเทศทงั้ คดแี พ่ง และอำญำ ตงั้ แต่ ปี พ.ศ.๒๔๒๗ ได้

10ยกเลกิ ฐำนะหวั เมอื งประเทศรำชแล้วจดั กำรปกครองโดยรวมหวั เมอื งใกล้เคยี งกนั จดั เป็นหน่วยกำรปกครองท่ีเรียกว่ำ มณฑล ดินแดนล้ำนนำจึงเป็นมณฑลพำยัพ กระทรวงมหำดไทยส่งข้ำหลวงเทศำภบิ ำลมำปกครอง ส่วนแต่ละเมอื งกส็ ่งขำ้ หลวงประจำเมอื งมำปกครอง และส่งนำยแขวงมำปกครองแ ข ว ง ห รื อ อ ำ เ ภ อ ส่ ว น ต ำ บ ล แ ล ะ ห มู่ บ้ ำ น ใ ห้ ค น ใ น ท้ อ ง ถิ่ น ป ก ค ร อ ง พระบำทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลำ้ เจำ้ อย่หู วั ทรงเลอื กสรรข้ำหลวงท่มี คี วำมสำมำรถ และเป็นเจำ้ นำยเชอ้ื พระวงศ์ เพ่อื ใหเ้ ป็นทย่ี อมรบั นับถอื และยำเกรงของเจำ้ ผู้ครองนคร ไดโ้ ปรดเกลำ้ ฯ ให้พระเจำ้ บรมวงศเ์ ธอกรมหม่นื พชิ ติ ปรชี ำกร มำดำรงตำแหน่งขำ้ หลวงพเิ ศษ มกี ำรแต่งตงั้ เสนำหกตำแหน่งคอืกรมมหำดไทย กรมทหำร กรมครวั กรมยุตธิ รรม กรมวงั และกรมนำ เขำ้ ไปแทนตำแหน่งเจำ้ ขนั หำ้ (เจำ้เมอื ง เจำ้ อุปรำช เจำ้ รำชวงศ์ เจำ้ บุรรี ตั น์ และรำชบุตร) และเคำ้ สนำมหลวง(ขนุ นำงชนั้ สงู ๓๒ คน) ในปี พ.ศ.๒๔๓๑ เจำ้ ดำรำดเิ รกรตั น์ไพโรจน์ พริ ำลยั เกดิ ปญั หำแย่งชงิ อำนำจในหมู่เจำ้ นำยและบุตรหลำน ขำ้ หลวงพิเศษมณฑลลำวเฉียงได้มอบให้เจ้ำนำยเมอื งลำพูน ปรกึ ษำหำรอื กนั ในกำรจดั กำรปกครองเมอื งลำพนู เสยี ใหม่ เม่อื สน้ิ สมยั เจำ้ เหมพนิ ธุไพจติ ร (คำหยำด) เจำ้ ผู้ครองนครลำพูน ลำดบั ท่ี ๘ (พ.ศ.๒๔๓๑ -๒๔๓๘) ทำงกรุงเทพ ฯ มนี โยบำยท่จี ะปฏริ ูปกำรปกครองเมอื งลำพูนก่อนเมอื งเชยี งใหม่ และลำปำงเพรำะเป็นเมอื งเลก็ แต่กไ็ ดร้ บั กำรต่อตำ้ นจำกเจำ้ นำยและบุตรหลำน กำรปฏิรูปกำรปกครองอย่ำงจรงิ จงั มขี ้นึ ในสมยั เจำ้ อนิ ทยศโชติ (เจ้ำน้อยหมวก) เจ้ำเมอื งลำพนู ลำดบั ท่ี ๙ (พ.ศ.๒๔๓๘ - ๒๔๕๔) ในปี พ.ศ.๒๔๔๓ ไดจ้ ดั รำชกำรเมอื งลำพูนใหมโ่ ดยกำรบรหิ ำรรำชกำรระดบั เมืองเป็นหน้ำท่ีของคณะกรรมกำรบรหิ ำร ท่ีเรยี กว่ำ เค้ำสนำมหลวง เจ้ำผู้ครองนครขำ้ หลวงประจำนคร และขำ้ หลวงผชู้ ่วย แบ่งเขตกำรปกครองเมอื งลำพนู ออกเป็นสองแขวง คอื แขวงในเมอื ง นอกเมอื งลำพนู และแขวงเมอื งล้ี มนี ำยแขวง (นำยอำเภอ) ทส่ี ว่ นกลำงแต่งตงั้ มำปกครอง ในแต่ละแขวง แบ่งออกเป็นแควน้ มแี คว่น (กำนัน) ปกครอง แขวงลำพูนแบ่งออกเป็น ๒๘ แควน้ แขวงเมอื งล้ีแบ่งออกเป็น ๕ แควน้ จำนวนประชำกรในปี พ.ศ.๒๔๔๕ จำกรำยงำนมี ประมำณ ๑๑๐,๐๐๐ คน แขวงล ำ พู น มี ป ร ะ ม ำ ณ ๙ ๒ ,๐ ๐ ๐ ค น ในรชั สมยั พระบำทสมเดจ็ พระปกเกลำ้ เจำ้ อย่หู วั ไดด้ ำเนินนโยบำยยกเลกิ ตำแหน่งเจำ้ เมอื งโดยเดด็ ขำด นบั ตงั้ แต่ ปี พ.ศ.๒๔๖๙ เป็นตน้ ไป หำกเจำ้ เมอื งใดว่ำงลงจะไม่โปรดเกลำ้ ฯ แต่งตงั้ ขน้ึ อกีเจำ้ เมอื งลำพูนองคส์ ุดท้ำยคอื นำยพลตรี เจำ้ จกั รคำขจรศกั ดิ ์ (พ.ศ.๒๔๕๔ - ๒๔๘๖) ส่วนเจำ้ เมอื งท่มี ีชวี ติ อยกู่ ไ็ ดเ้ งนิ เดอื นไปจนกวำ่ จะถงึ แก่กรรมลาดบั เจ้าผคู้ รองนครลาพนู ๑. เจำ้ คำฝนั้ (พ.ศ.๒๓๔๘ - ๒๓๕๙) เป็นอนุชำของพระเจำ้ กำวลิ ะ บุตรลำดบั ท่ี แปดของเจำ้ ชำยแกว้ แหง่ เมอื งลำปำง เป็นแมท่ พั คนหน่งึ ของเมอื งเชยี งใหมใ่ นกำรขบั ไลอ่ ทิ ธพิ ลพมำ่ ออกไปจำกลำ้ นนำทเ่ี มอื งเชยี งแสน ๒. เจำ้ บญุ มำ (พ.ศ.๒๓๕๙ - ๒๓๗๐) เป็นอนุชำพระเจำ้ กำวลิ ะ บตุ รลำดบั ทส่ี บิ ของเจำ้ ชำยแกว้ แห่งเมอื งลำปำง ๓. เจำ้ น้อยอนิ ทร (พ.ศ.๒๓๗๐ - ๒๓๘๑) เป็นบุตรเจำ้ คำสม เจำ้ เมอื งลำปำงองคแ์ รก และในปี

11พ.ศ.๒๓๘๑ ไดร้ บั แต่งตงั้ ใหเ้ ป็นเจำ้ เมอื งลำปำง ๔. เจำ้ น้อยคำตนั (พ.ศ.๒๓๘๑ - ๒๓๘๔) เป็นบตุ รเจำ้ บญุ มำ เจำ้ เมอื งลำพนู องคท์ ส่ี อง ๕. เจำ้ น้อยธรรมลงั กำ (พ.ศ.๒๓๘๔ - ๒๓๘๖) เป็นบุตรเจำ้ บุญมำ น้องเจำ้ น้อยคำตนั ๖. เจำ้ ไชยลงั กำพศิ ำลโสภำคุณหรภิ ญุ ชยั - เจำ้ หนำนไชยลงั กำ (พ.ศ.๒๓๘๖ - ๒๔๑๔) เป็นบุตรคนทส่ี ข่ี องเจำ้ คำฝนั้ เจำ้ เมอื งลำพูนองคท์ ห่ี น่ึง ๗. เจำ้ ดำรำดเิ รกรตั นไพโรจน์ (พ.ศ.๒๔๑๔ - ๒๔๓๑) เป็นบตุ รลำดบั ท่ี หกของเจำ้ ไชยลงั กำฯ ในชว่ งน้ที ำงกรงุ เทพ ฯ ไมไ่ ดแ้ ต่งตงั้ เจำ้ เมอื งลำพนู เป็นเวลำสป่ี ี (พ.ศ.๒๔๑๔ - ๒๔๑๘) ในครงั้สงครำมเชยี งตุง เมอ่ื ปี พ.ศ.๒๓๙๕ ไดเ้ ป็นแมท่ พั คนหน่ึงของกองทพั เมอื งลำพนู ๘. เจำ้ เหมพนั ธไุ์ พจติ ร เจำ้ คำหยำด(พ.ศ.๒๔๓๑ - ๒๔๓๘) เป็นบุตรเจำ้ ไชยลงั กำ ฯ ๙. เจำ้ อนิ ทยงยศ - เจำ้ น้อยหมวก (พ.ศ.๒๔๓๘ - ๒๔๕๔) เป็นบุตรเจำ้ ดำรำดเิ รกรตั น์ไพโรจน์ไดม้ กี ำรเปลย่ี นแปลงกำรปกครองเป็นแบบมณฑลเทศำภบิ ำล ๑๐. นำยพลตรเี จำ้ จกั รคำขจรศกั ดิ ์(พ.ศ.๒๔๕๔ - ๒๔๘๖) เป็นบตุ รเจำ้ อนิ ทยงยศ ทำงกรงุ เทพ ฯ ใหม้ กี ำรยกเลกิ ตำแหน่งเจำ้ ผคู้ รองนคร ในฐำนะหวั เมอื งประเทศรำช เป็นเจำ้ ผคู้ รองลำพูนองคส์ ดุ ทำ้ ยบ้านหนองดู่ ชุมชนมอญกล่มุ สดุ ท้ายในลาพนู ชุมชนคนมอญแห่งเมอื งหรภิ ุญชยั กลมุ่ สุดทำ้ ยทย่ี งั ปรำกฏหลกั ฐำนทำงโบรำณคดที ว่ี ดั เกำะกลำงแห่งน้ีน่ำจะเป็นหลกั ฐำนชน้ิ สำคญั ในกำรสบื คน้ อดตี แมว้ ่ำคนมอญส่วนใหญ่ในหม่บู ำ้ นน้ีจะเปลย่ี นแปลงกำรดำเนินชวี ติ ให้เขำ้ ยุคสงั คมในปจั จุบนั ไปแล้วก็ตำม แต่ดว้ ยสำยเลอื ดของคนมอญทฝ่ี งั รำกอย่ใู นมโนสำนึกแล้ว ทุก ๆ ปีชำวบ้ำนเกำะกลำงจะจดั งำนเทศกำลฟ้ อนผีเม็งซ่ึงเป็นวฒั นธรรมเดียวท่ียงั ถูกถ่ำยทอดมำจนถึงลูกหลำนเป็นกำรสำนต่อวฒั นธรรมของพวกเขำไวไ้ ม่ให้สูญสลำยมหี ลกั ฐำนเอกสำรยนื ยนั ว่ำ คนมอญมำจำกเมอื งตะแลงคนำซง่ึ อย่ใู นแถบอนิ เดยี ตอนใต้ ก่อนจะอพยพยำ้ ยมำอยบู่ รเิ วณลุ่มแมน่ ้ำอริ วดที เ่ี มอื งหงสำวดแี ล้วตงั้ เป็นอำณำจกั รขน้ึ เรยี กว่ำ “อำณำจกั รพย”ู ตอนหลงั ถูกพมำ่ เขำ้ รุกรำนและได้อพยพหนีเข้ำมำอยู่ในสยำม โดยเข้ำมำตงั้ รกรำกครงั้ แรกท่ีบรเิ วณจงั หวดั นครปฐม ต่อมำได้กระจำยออกไปตำมทต่ี ่ำง ๆ ในประเทศ นอกจำกน้ียงั มกี ำรขดุ พบหลกั ฐำนทน่ี ครปฐมเป็นเหรยี ญเงนิ ซง่ึปรำกฏอกั ษรมอญไวว้ ำ่ “เย ธฺมมำ ศรที วำรวต”ิ ซง่ึ กไ็ ปสอดคลอ้ งกบั ชอ่ื ของเมอื งทวำรวดี ทำใหท้ รำบว่ำกลุ่มคนมอญเคยมคี วำมเจรญิ รงุ่ เรอื งมำก่อนในสมยั ทวำรวดเี ม่อื ก่อนศตวรรษท่ี 15 สำหรบั กลุ่มคนมอญท่ีเข้ำมำอยู่ในหรภิ ุญชัย สันนิษฐำนว่ำเข้ำมำเม่อื รำวศตวรรษท่ี 16 ปจั จุบันยงั ปรำกฏหลกั ฐำนทำงโบรำณคดที ว่ี ดั เกำะกลำง อำเภอปำ่ ซำง จงั หวดั ลำพนู ซง่ึ น่ำจะเป็นคนมอญกลมุ่ สดุ ทำ้ ยทย่ี งั คงหลงเหลอือยู่ ชุมชนมอญบ้ำนหนองดู่ ตงั้ อยู่รมิ แม่น้ำปิง ในเขตอ.ป่ำซำง จ.ลำพูน เป็นชุมชนมอญอกี แห่งหน่ึงท่ียงั คงรกั ษำวฒั นธรรมประเพณี รวมถงึ สำเนียงเสียงภำษำมอญ แม้ว่ำชุมชนบ้ำนหนองดู่จะเป็นชุมชนมอญขนำดเลก็ แต่กร็ กั ษำขนบประเพณมี อญเอำไวเ้ ป็นอยำ่ งดี ควำมเช่อื ของชำวมอญท่นี ่ี พวกเขำเช่อื ว่ำอพยพมำจำกเมอื งมอญ ในประเทศพม่ำโดยตรงอย่ำงไรก็ตำมนักวชิ ำกำรหลำยท่ำนสนั นิษฐำนว่ำ ชำวมอญบ้ำนหนองดู่สบื เช้อื สำยมำจำกชำวมอญใน

12สมยั หรภิ ุญชยั พรอ้ ม ๆ กบั กำรกำเนิดของพระนำงจำมเทวี ตำมตำนำนโยนกนคร กล่ำวว่ำ “พระนำงจำมเทวที รงสมภพเม่อื เวลำจวนจะค่ำ วนั พฤหสั บดี เดอื น 5 ปีมะโรง ตรงกบั วนั ขน้ึ 15 ค่ำ ปีพ.ศ.1176โดยประสตู ทิ บ่ี ำ้ นหนองดู่ (นครบุรพนคร) เป็นชำวเมงคบุตร ดงั นนั้ ชำวมอญทน่ี ่จี งึ นบั ถือพระนำงจำมเทวีเป็นสมอื นบรรพบุรุษ และทุกปีจะมพี ิธบี วงสรวงวญิ ญำณเจำ้ แม่จำมเทวี อนั เป็นประเพณีท่ชี ำวมอญยดึ ถอื ปฏบิ ตั สิ บื ต่อกนั มำ ซง่ึ จะทำพธิ ภี ำยในเดอื น 4 ของมอญ (ปอน=4) เดอื น 5 ของลำ้ นนำ หรอื รำวเดอื นกุมภำพนั ธเ์ อกลกั ษณ์ของชำวมอญบำ้ นหนองด่ทู ย่ี งั คงสบื ต่อมำจนถงึ ปจั จบุ นั กค็ อื กำรแต่งกำยและภำษำ คนมอญ นิยมเรยี กตนเองว่ำ “เมง” กำรแต่งกำยของคนเมงคอื ผู้ชำจะใส่โสรง่ มผี ำ้ ขำวมำ้ คำดบ่ำสวมเสอ้ื คอมน ผหู้ ญงิ จะใสช่ ุดลกู ไมส้ ชี มพู หำกแต่ปจั จบุ นั กำรแต่งกำยจะเปลย่ี นแปลงไปตำมยคุ สมยั แต่ทข่ี ำดไม่ได้เลยคอื ใส่โสร่ง กำรแต่งกำยแบบมอญจะมใี นโอกำสพเิ ศษเท่ำนัน้ เช่น งำนวนั บวงสรวงเจำ้แมจ่ ำมเทวี วนั เปิงสงั กรำ (วนั สงกรำนต)์ วนั ลอยหะมด (วนั ลอยกระทง) และวนั ฟ้อนผเี ท่ำนัน้ ส่วนภำษำของชำวมอญก็ยงั คงมกี ำรส่อื สำร โดยเฉพำะผูเ้ ฒ่ำผูแ้ ก่ ทว่ำปจั จุบนั เดก็ รุ่นใหม่ไดใ้ ห้ควำมสนใจในกำรพดู – เขยี นภำษำมอญมำกยงิ่ ขน้ึ ในรำยงำนวชิ ำกำรเรอ่ื งกำรขดุ แต่งเจดยี ป์ ระธำนวดั เกำะกลำง โดยววิรรณ แสงจนั ทร์ นักโบรำณคดอี สิ ระ กล่ำวถงึ วดั เกำะกลำงว่ำเดมิ เป็นวดั รำ้ งตงั้ อยกู่ ลำงทุ่งนำในเขตบ้ำนบ่อคำว ต.บ้ำนเรอื น อ.ป่ำซำง จ.ลำพูน วดั น้ีมเี ร่อื งเล่ำเชงิ มุขปำฐะสบื ต่อันมำว่ำ เป็นวดั ท่ีสร้ำงโดยเศรษฐอี นิ ตำ เชอ้ื สำยมอญซง่ึ เป็นบดิ ำของพระนำงจำมเทวี ปฐมกษตั รยิ แ์ ห่งนครหรภิ ุญชยั ต่อมำถูกท้งิรำ้ งโดยไม่ทรำบสำเหตุวดั เกำะกลำงในอดตี เคยเป็นวดั ของคนมอญสรำ้ งขน้ึ อย่กู ลำงน้ำ รอบ ๆ วดั เป็นหนองน้ำกวำ้ งใหญ่ จนกระทงั่ ปี พ.ศ.2517 พระมหำสงวน ปญั ญำ วดั เจดยี ห์ ลวงเชยี งใหม่ พระมหำดวงจนั ทร์ เขยี วพนั ธ์ วดั พระศรมี หำธำตุกรุงเทพฯและพระอุดม บุญช่วย จำกวดั หนองดู่ลำพูน ได้เขำ้ มำบรู ณะปฏสิ งั ขรณ์และพฒั นำวดั เกำะกลำงซง่ึ เป็นวดั รำ้ งและมโี บรำณสถำนอยเู่ ป็นจำนวนมำก ปจั จบุ นั วดัเกำะกลำงเป็นวดั ทม่ี พี ระสงฆจ์ ำพรรษำอยู่ เมอ่ื เดนิ ทำงเขำ้ มำในวดั จะพบกบั โบรำณสถำนทส่ี ำคญั ซง่ึ เป็นเจดยี ป์ ระธำนทรงลำ้ นนำทม่ี ลี วดลำยปนู ปนั้ ค่อนขำ้ งชดั เจนมำก ลกั ษณะทำงสถำปตั ยกรรมเป็นเจดยี ท์ รงปรำสำทยอดระฆงั สรำ้ งข้นึ บนฐำนเขยี งส่เี หล่ยี ม องค์เรอื นธำตุแต่ละด้ำนมีซุ้มจรนำย่นื ออกมำจนมีลกั ษณะเป็นมุข ทเ่ี สำกรอบมุขและหลงั คำประดบั ด้วยลวดลำยปูนปนั้ รปู พรรณพฤกษำ จำกลวดลำยปนูปนั้ ของเจดยี อ์ งคน์ ้ีเรยี กได้ว่ำ น่ำจะเป็นหลกั ฐำนช้นิ เดยี วท่จี ะสำมำรถสบื ค้นอำยุของเจดยี ไ์ ด้ลวดลำยพรรณพฤกษำและลำยเมฆไหลทพ่ี บประดบั กรอบซุม้ จรนำด้ำนเหนือของเจดยี ป์ ระธำนวดั เกำะกลำงนัน้เป็นงำนประตมิ ำกรรมฝีมอื ชำ่ งสกุลลำ้ นนำทม่ี คี วำมสมั พนั ธอ์ ยำ่ งยง่ิ กบั กำรรบั เอำพุทธศำสนำนิกำยลงั กำวงศ์มำจำกสุโขทยั ดงั นนั้ นักโบรำณคดจี งึ สนั นิษฐำนว่ำประตมิ ำกรรมปนู ปนั้ ท่ปี ระดบั องคเ์ จดยี ป์ ระธำนเป็ นประติมำกรรมท่ีเกิดข้ึนในช่วงหลังพุทธศตวรรษท่ี 20 หรือหลังส้ินแผ่นดินพระเจ้ำติโลกรำช นอกจำกน้ีรอบ ๆ วดั เกำะกลำงยงั ปรำกฏเจดยี ต์ ่ำง ๆ และโบรำณสถำนอกี กว่ำ 7 แห่ง โดยเฉพำะเจดยี ห์ มำยท่ำท่อี ย่ปู ำกทำงเขำ้ วดั เจดยี ห์ มำยท่ำน้ีน่ำจะหมำยถงึ ท่ำน้ำบ้ำนหนองดู่ ท่ดี ้ำนหน้ำวดั ยงั มีเจดยี ท์ รงสเ่ี หลย่ี มมเี สำแกนกลำงเพ่อื รบั น้ำหนักซง่ึ ไมเ่ คยปรำกฏรปู แบบทใ่ี ดมำก่อนตงั้ อย่บู นเนินดนิ ในวดั ยงั มซี ุม้ ประตู ฐำนอุโบสถและรำกหรอื ฐำนกำแพงวดั ตลอดจนสงิ่ ปลกู สรำ้ งอ่นื ๆ เป็นเศษอฐิ จมอย่ใู ต้ดินเป็นจำนวนมำกกลุ่มโบรำณสถำนภำยในวัดเกำะกลำงท่ีพบ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มโบรำณสถำนท่อี ยู่ภำยในบรเิ วณวดั และกลุ่มโบรำณสถำนท่อี ยู่รอบ ๆ วดั รูปแบบของโบรำณสถำนท่ีปรำกฏอย่ใู นวดั เกำะกลำง เป็นศลิ ปกรรมลำ้ นนำคอื ตวั เจดยี เ์ ป็นทรงมณฑปแบบลำ้ นนำ ขำ้ งล่ำงเป็นฐำน

13จตุรมขุ ขำ้ งบนเป็นทรงระฆงั คว่ำ ปจั จุบนั กรมศลิ ปำกรไดข้ น้ึ ทะเบยี นเป็นโบรำณสถำนแต่ยงั ไมไ่ ดเ้ ขำ้ มำบรู ณะซ่อมแซมชุมชนคนมอญแห่งเมอื งหรภิ ุญไชยกลุ่มสุดทำ้ ยทย่ี งั ปรำกฏหลกั ฐำนทำงโบรำณคดที ่วี ดัเกำะกลำงแห่งน้ีน่ำจะเป็นหลกั ฐำนช้นิ สำคญั ในกำรสบื ค้นอดตี แมว้ ่ำคนมอญส่วนใหญ่ในหมู่บ้ำนน้ีจะเปล่ยี นแปลงกำรดำเนินชวี ติ ให้เขำ้ ยุคสงั คมในปจั จุบนั ไปแล้วก็ตำม แต่ด้วยสำยเลอื ดของคนมอญท่ฝี งัรำกอยใู่ นมโนสำนึก ทุก ๆ ปีชำวบำ้ นเกำะกลำงจะจดั งำนเทศกำลฟ้อนผเี มง็ ซง่ึ เป็นวฒั นธรรมเดยี วทย่ี งัถกู ถ่ำยทอดมำจนถงึ ลกู หลำนเป็นกำรสำนต่อวฒั นธรรมของพวกเขำไวไ้ มใ่ หส้ ญู สลำยดินแดนล้านนา ดนิ แดนล้ำนนำ หมำยถงึ อำณำบรเิ วณท่ปี ระกอบดว้ ยเมอื งกลุ่มหน่ึงท่มี คี วำมสมั พนั ธก์ นั ทำงเครอื ญำติหรอื ทำงวฒั นธรรม ในอดตี รฐั โบรำณไม่มอี ำณำเขตชดั เจน แต่ในสมยั ท่อี ำณำจกั รล้ำนนำเจรญิ ร่งุ เรอื ง เคยมอี ทิ ธพิ ลแผ่ออกไปอย่ำงกวำ้ งขวำงไปถงึ ดนิ แดนเชยี งร่งุ สบิ สองพนั นำและรฐั ชำนตอนใต้ สำหรบั ดนิ แดนท่สี ำคญั ของลำ้ นนำอยใู่ นภำคเหนือตอนบนของประเทศไทย ประกอบด้วยเมอื งใหญ่น้อย แบ่งตำมสภำพภูมศิ ำสตรแ์ ละประวตั ศิ ำสตรอ์ อกเป็นสองกลุ่มคอื กลมุ่ เมอื งลำ้ นนำตะวนั ตก ซง่ึ เป็นแกนสำคัญมี เชยี งใหม่ ลำพูน ลำปำง เชียงรำย พะเยำ เมอื งด้ำนล้ำนนำตะวนั ตกน้ีมคี วำมสมั พนั ธ์รว่ มกนั มำตงั้ แต่สมยั รำชวงศม์ งั รำยตอนตน้ ส่วนกลุ่มลำ้ นนำตะวนั ออก มเี มอื งแพรแ่ ละเมืองน่ำน ทงั้ สองเมอื งมปี ระวตั คิ วำมเป็นมำคลำ้ ยกนัคอื ในสมยั แรกเรมิ่ ต่ำงมฐี ำนะเป็นรฐั อสิ ระ มรี ำชวงศ์ของตนเอง มคี วำมใกล้ชดิ กบั อำณำจกั รสุโขทยัและรฐั อำณำจกั รล้ำนนำ เพ่ิงผนวกเอำ ดินแดนแพร่และน่ำนได้ในสมยั พระเจ้ำติโลกรำชและอยู่ในอำณำจกั รลำ้ นนำไดไ้ ม่นำนนัก อำณำจกั รลำ้ นนำกล็ ่มสลำยลง ในสมยั พมำ่ ปกครองกใ็ ชว้ ธิ แี บ่งแยกเมอื งต่ำง ๆ ด้วยเหตุผลดงั กล่ำว กำรศึกษำประวตั ศิ ำสตรล์ ้ำนนำ จงึ มศี ูนย์กลำงกำร ศกึ ษำอยู่ท่เี ชยี งใหม่เมอื งหลวงแห่งล้ำนนำ ส่วนเมอื งแพร่และน่ำนมกี ำรกล่ำวพำดพงิ ไปถงึ บำ้ งกำรก่อรูปอำณำจกั รลำ้ นนำเรม่ิ ในต้นพุทธศตวรรษท่ี ๑๙ เม่อื สถำปนำนครเชยี งใหม่ พ.ศ.๑๘๓๙ นับถงึ ปจั จุบนั เชยี งใหม่มอี ำยุกว่ำ๗๐๐ ปี แลว้ กำรศกึ ษำประวตั ศิ ำสตรล์ ำ้ นนำตำมพฒั นำกำรแบง่ ไดด้ งั น้ีสมยั แว่นแคว้น-นครรฐั ก่อนกำเนิดอำณำจกั รลำ้ นนำในพุทธศตวรรษท่ี ๑๙ ดนิ แดนลำ้ นนำมรี ฐั ต่ำง ๆ กระจำยตำมทร่ี ำบระหว่ำงหุบเขำในภำคเหนือ เช่น แควน้ หรภิ ุญไชยในเขตแม่น้ำปิงตอนบน แควน้ โยนหรอื โยนกในเขตท่ีรำบลุ่มน้ำกก เขลำงนครในเขตลุ่มน้ำวงั เมอื งแพรใ่ นเขตลุ่มน้ำยม เมอื งปวั ในเขตลุ่มน้ำน่ำน และเมอื งพะเยำในเขตลุ่มน้ำอิง แว่นแคว้น-นครรฐั แต่ละแห่งมลี กั ษณะกำรตงั้ ถิ่นฐำนกระจำยตวั อยู่ตำมท่รี ำบระหว่ำงหุบเขำ โดยมเี ทอื กเขำปิดล้อม จำกกำรตงั้ ถน่ิ ฐำนมำชำ้ นำนของรฐั ใหญ่น้อยต่ำง ๆ ก่อนกำเนิดอำณำจกั รลำ้ นนำ ทำใหแ้ ต่ละรฐั ต่ำงมปี ระวตั ศิ ำสตรเ์ ป็นของตนเอง แควน้ หรภิ ุญไชย ในเขตชมุ ชน ทร่ี ำบลุ่มน้ำปิงตอนบน เป็นดินแดนท่ีพัฒนำควำมเจรญิ ได้ก่อนชุมชนอ่ืน ๆ ในล้ำนนำ เป็นศูนย์กลำงพระพุทธศำสนำและศลิ ปวฒั นธรรมมำตงั้ แต่ตน้ พุทธศตรรษท่ี ๑๔ ควำมเจรญิ ของหรภิ ญุ ไชยเป็นพน้ื ฐำนของอำณำจกั รลำ้ นนำทจ่ี ะก่อรปู เป็นรฐั อำณำจกั ร ก่อนกำเนิดรฐั หรภิ ุญไช ในบรเิ วณแอ่งเชยี งใหม่-ลำพูนมพี ฒั นำกำรเป็นรฐั ขนำดเลก็ หรอื รฐั ชนเผ่ำเกดิ ขน้ึ แล้ว พบหลกั ฐำนกำรตงั้ ถนิ่ ฐำนของชนเผ่ำโบรำณ ๒กลุ่มคอื ลวั ะและเมง็

14ล้านนาสมยั รฐั อาณาจกั ร สมยั รำชวงศ์มงั รำย พ.ศ.๑๘๐๔-๒๑๐๑ ในช่วงต้นพุทธศตวรรษท่ี ๑๙ ดินแดนล้ำนนำได้พฒั นำกำรกำรปกครอง จำกแว่นแควน้ -นครรฐั มำสู่รฐั แบบอำณำจกั ร มเี ชยี งใหม่เป็นศูนยก์ ลำงรฐั แบบอำณำจกั รสถำปนำอำนำจโดยรวบรวมแว่นแควน้ -นครรฐั มำไวด้ ว้ ยกนั ในพุทธศตวรรษท่ี ๑๙ เน่ืองจำกเกดิ ปรำกฏกำรณ์ทำงประวตั ศิ ำสตรท์ ่สี ำคญั คอื กำรสลำยตวั ของรฐั โบรำณท่เี คยรุ่งเรอื งมำก่อน ดงั เช่นกมั พูชำ ทวำรวดี หรภิ ุญไชย และพุกำม กำรเส่อื มสลำยของรฐั โบรำณเปิดโอกำสให้เกดิ กำรสถำปนำอำณำจกั รใหม่ ของชนชำติไทยท่ีผู้นำใช้ภำษำและวฒั นธรรมไทย อำณำจกั รใหม่ท่ีเกิดในพุทธศตวรรษท่ี ๑๙ ท่สี ำคญั คอื ลำ้ นนำ สุโขทยั และอยุธยำ อำณำจกั รทงั้ สำมมคี วำมเช่อื ในพระพุทธศำสนำแบบเถรวำทนิกำยลงั กำวงศ์เช่นเดยี วกนั ควำมเช่อื ดังกล่ำวสรำ้ งควำมสมั พนั ธ์ต่อกนั ขณะเดยี วกนั ก็ส่งเสรมิ กำรแข่งสรำ้ งบุญบำรมขี องกษตั รยิ ์ จงึ นำไปสู่กำรทำสงครำมระหว่ำงอำณำจกั ร รฐั สุโขทยั สลำยลงก่อน โดยถูกผนวกกบั อยธุ ยำ หลงั จำกนนั้ สงครำมระหวำ่ งอยธุ ยำและลำ้ นนำมอี ยำ่ งต่อเน่อื ง สงครำมครงั้ สำคญั อย่ใู น สมยั ของ พระเจ้ำตโิ ลกรำช และพระบรมไตรโลกนำถ ประวตั ศิ ำสตรล์ ำ้ นนำในสมยั รฐัอำณำจกั รแบ่งตำมพฒั นำกำร เป็น ๓ สมยั คอื สมยั สรำ้ งอำณำจกั ร สมยั อำณำจกั รเจรญิ รุ่งเรอื ง สมยัเส่อื มและกำรลม่ สลำยล้านนาสมยั พมา่ ปกครอง (พ.ศ.๒๑๐๑-๒๓๑๗) นบั เป็นยคุ แห่งควำมอ่อนแอของลำ้ นนำ ในช่วงเวลำดงั กล่ำวส่วนใหญ่พมำ่ ปกครอง แต่จะมบี ำงช่วง ท่อี ยุธยำยกทพั ขน้ึ มำยดึ เชยี งใหม่ได้ เช่น สมยั พระนเรศวรและสมยั พระนำรำยณ์ นอกจำกนัน้ มีบำงช่วงท่เี ชยี งใหม่ และเมอื งต่ำง ๆ แยกเป็นรฐั อสิ ระ เช่น ช่วงปลำยพุทธศตวรรษท่ี ๒๓ ถงึ ต้นพุทธศตวรรษท่ี ๒๔ เน่ืองจำกเป็นช่วงทพ่ี ม่ำ ประสบปญั หำ กำรเมอื งภำยใน เม่อื พม่ำแก้ไขปญั หำเรยี บรอ้ ยแลว้ จะยกทพั มำปรำบล้ำนนำ ดงั นัน้ อำนำจพม่ำในลำ้ นนำจงึ ไม่สม่ำเสมอ ล้ำนนำตกเป็นเมอื งข้นึ พม่ำตงั้ แต่สมยั พระเจำ้ บุเรงนอง(พ.ศ.๒๑๐๑) จนถงึ พ.ศ.๒๓๑๗ สมยั พระเจำ้ ตำกสนิ ลำ้ นนำจงึ ตกเป็นเมอื งประเทศรำชสยำม ล้ำนนำในสมยั พม่ำปกครองเป็นช่วงเวลำท่ยี ำวนำนถงึ ๒๑๖ ปี นโยบำยของพม่ำท่ีปกครองลำ้ นนำได้ปรบั เปล่ยี นไปตำมเงอ่ื นไขกำรเมอื งภำยในของพม่ำและ ปรบั ตำมสภำพกำรเมอื งในทอ้ งถนิ่ ลำ้ นนำล้านนาสมยั เป็นเมืองประเทศราชของไทย (พ.ศ. ๒๓๑๗-๒๔๒๗) หลงั จำกเสรจ็ สงครำมขบั ไล่พม่ำออกจำกเชยี งใหม่ พ.ศ.๒๓๑๗ แลว้ พระเจำ้ ตำกสนิ ทรงตอบแทนควำมดคี วำมชอบ โดยโปรดเกลำ้ ฯ แต่งตงั้ พระญำจำ่ บำ้ น(บุญมำ) เป็นพระยำวเิ ชยี รปรำกำรครองเมอื งเชยี งใหม่ พระเจำ้ กำวลิ ะครองเมอื งลำปำง และทรงมอบอำญำสทิ ธแิ ์ ก่เจำ้ เมอื งทงั้ สองให้ปกครองบ้ำนเมอื งตำมธรรมเนียมเดิมของล้ำนนำอย่ำงไรก็ตำม ในช่วงปลำยสมยั ธนบุรี พม่ำยงั คงพยำยำมกลบั มำยดึ เชยี งใหม่อกี หลำยครงั้ ซง่ึ พระญำจ่ำบำ้ น ป้องกนั เมอื งเชยี งใหม่อย่ำงเขม้ แขง็ แต่ดว้ ยผูค้ นมีอย่นู ้อยและกำลงั อดอยำก จงึ ตอ้ งถอยไปตงั้ มนั่ ทท่ี ่ำวงั พรำ้ วและลำปำง จำกนนั้ จงึ กลับไปทเ่ี ชยี งใหมเ่ มอ่ืพมำ่ ยกทพั กลบั กำรณ์เป็นไปในเช่นน้ีระยะเวลำหน่ึง เม่อื พระญำจำ่ บำ้ นเสยี ชวี ติ ลง พระบำทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้ำจฬุ ำโลกมหำรำช จงึ ทรงโปรดเกลำ้ ฯ แต่งตงั้ พระเจำ้ กำวลิ ะเป็นเจำ้ เมอื งเชยี งใหมแ่ ทน พระเจำ้ กำวลิ ะเรมิ่ ตงั้ มนั่ ทเ่ี วยี ง

15 ป่ำซำงในพ.ศ. ๒๓๒๕ ก่อน จำกนัน้ จงึ เข้ำตัง้ เมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. ๒๓๓๙ ซ่ึงเป็นปีท่ีเชยี งใหม่มอี ำยุครบ 500 ปี อิทธิพลของพม่ำในล้ำนนำถือว่ำได้ส้นิ สุดลงในสงครำมขบั ไล่พม่ำ พงศ.๒๓๔๗ โดยกองทพั ชำวลำ้ นนำร่วมกบั กองทพั ไทยยกไปตเี มอื งเชยี งแสนทม่ี นั่ ของพม่ำไดส้ ำเรจ็ พระเจำ้กำวลิ ะจงึ ได้ฟ้ืนฟูเมอื งเชยี งใหม่โดยรวบรวมพลเมอื งเขำ้ มำตงั้ ถิ่นฐำนในเมอื งเชยี งใหม่ โดยใช้วธิ กี ำรกวำดต้อนชำวเมืองท่ีหลบหนีเข้ำป่ำ และกวำดต้อนผู้คนจำกสิบสองพันนำและรฐั ชำนมำเชียงใหม่เชยี งใหมจ่ งึ พน้ จำกสภำพเมอื งรำ้ งและยงั ไดข้ ยำยอำณำเขตออกไปอยำ่ งกวำ้ งขวำง จำกนนั้ พระเจำ้ กำวิละ ไดฟ้ ้ืนฟูเชยี งใหม่ในรปู แบบต่ำง ๆ เช่น รำชประเพณี โดยกระทำพธิ รี ำชำภเิ ษกสถำปนำรำชวงศ์เจำ้เจด็ ตนในลกั ษณะ เดยี วกบั รำชวงศ์มงั รำย กำรสรำ้ งกำแพงเมอื งข้นึ ใหม่ กำรสรำ้ งอนุสำวรยี ช์ ำ้ งเผอื กและกำรทำนุบำรงุ พุทธศำสนำ เป็นตน้ เชยี งใหมใ่ นสมยั พระเจำ้ กำวลิ ะจงึ มคี วำมเจรญิ มัน่ คงเป็นปึกแผ่นและเป็นศูนยก์ ลำงของลำ้ นนำท่เี ขม้ แขง็ หลงั จำกสมยั พระเจำ้ กำวลิ ะแลว้ กม็ เี จำ้ เมอื งปกครองต่อมำ รวมทงั้ ส้นิ รำชวงศ์เจ้ำเจด็ ตน มี ๙ องค์ นโยบำยและวธิ กี ำรปกครองดินแดนหวั เมอื งประเทศรำชล้ำนนำประกอบด้วย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปำง แพร่ และน่ำนมลี กั ษณะระมดั ระวงั ทงั้ น้ีเป็นผลมำจำกกำรท่ีลำ้ นนำเคยอยภู่ ำยใตก้ ำรปกครองของพมำ่ ถงึ สองรอ้ ยกว่ำปียอ่ มมคี วำมใกลช้ ดิ กบั พมำ่ มำก รฐั บำลกลำงท่กี รุงเทพฯ เกรงว่ำล้ำนนำจะหนั กลบั ไปหำพม่ำ และในขณะเดียวกันพม่ำก็พยำยำมแย่งชิงล้ำนนำกลบั คนื ไปอกี รฐั บำลกลำงจงึ ปกครองลำ้ นนำ โดยไมเ่ ขำ้ ไปกดข่ีอยำ่ งทพ่ี ม่ำเคยทำกบั ลำ้ นนำ แต่กลบั ใช้วธิ กี ำรปกครองแบบผูกใจเจำ้ นำยเมอื งเหนือ โดยยอมผ่อนผนั ใหเ้ จำ้ เมอื งมอี สิ ระในกำรปกครองภำยในเศรษฐกจิ กำรศำล กำรต่ำงประเทศ และขนบธรรมเนียมประเพณี ตลอดจนยกย่องใหเ้ กยี รตแิ ก่เจำ้ เมอื งในโอกำสอนั ควรกำรเปล่ยี นแปลงในรปู ท่รี ฐั บำลต้องเขำ้ ไปควบคุมกจิ กำรภำยในหวั เมอื งประเทศรำชลำ้ นนำมำกขน้ึ ตำมลำดบั จนกระทงั่ ในทส่ี ุดกผ็ นวกเอำลำ้ นนำเขำ้ เป็นดนิ แดนส่วนหน่ึงของไทย เกดิ ขน้ึในสมยั รชั กำลท่ี ๕ ซ่งึ เป็นยุคแห่งกำรปรบั ปรงุ ประเทศตำมแบบตะวนั ตก ด้ำนกำรปกครองหวั เมอื ง มีกำรยกเลกิ ระบบกำรปกครอง เมอื งประเทศรำช ซง่ึ เคยปฏบิ ตั กิ นั มำชำ้ นำน โดยจดั ตงั้ กำรปกครองแบบมณฑลเทศำภิบำลข้ึนแทน มีข้ำหลวงเทศำภิบำลซ่ึงรฐั บำลกรุงเทพฯส่งไปปกครองและข้นึ สังกัดกระทรวงมหำดไทย ระบบมณฑลเทศำภบิ ำลทจ่ี ดั ตงั้ ขน้ึ จงึ เป็นกำรสรำ้ งควำมเป็นอนั หน่งึ อนั เดยี วกนั ของชำตริ ฐั ซ่งึ มอี ำนำจรวมศูนย์ ท่อี งคพ์ ระมหำกษตั รยิ ก์ ำรรวมหวั เมอื งประเทศรำชลำ้ นนำเขำ้ กบั ส่วนกลำงรัฐบำลกลำงวำงเป้ ำหมำยของกำรปฏิรูปกำรปกครองเพ่ือสร้ำงเอกภำพแห่งชำติ ซ่ึงมีองค์พระมหำกษัตรยิ ์เป็นศูนย์รวมอำนำจเพียงแห่งเดียว กำรดำเนินกำรต้องกระทำ ๒ ประกำร คือประกำรแรก ยกเลิกฐำนะหัวเมืองประเทศรำชท่ีเป็นมำแต่เดิม โดยจดั กำรปกครองแบบมณฑลเทศำภบิ ำล สง่ ขำ้ หลวงมำปกครอง ขณะเดยี วกนั กพ็ ยำยำมยกเลกิ ตำแหน่งเจำ้ เมอื งเสยี โดยรฐั บำลกลำงรดิ รอนอำนำจของเจำ้ เมอื งอย่ำงค่อยเป็นค่อยไป ซง่ึ ในทส่ี ุดตำแหน่งเจำ้ เมอื งกส็ ลำยตวั ไปประกำรท่สี องกำรผสมกลมกลนื ชำวลำ้ นนำใหม้ คี วำมรสู้ กึ เป็นพลเมอื งไทยเช่นเดยี วกบั พลเรอื นส่วนใหญ่ของประเทศคอื ใหเ้ กดิ ควำมเป็นอนั หน่ึงอนั เดยี วกนั ของชนในชำติ ซง่ึ แต่เดมิ มคี วำมรสู้ กึ แบ่งแยกเป็นคนละพวก คนทำงใต้เข้ำใจว่ำชำวล้ำนนำเป็นลำว ไม่ใช่ไทย รฐั บำลกลำงใช้วธิ จี ดั กำรปฏริ ูปกำรศกึ ษำโดยจดั ระบบโรงเรยี นหนงั สอื ไทยแทนกำรเรยี นอกั ษรพน้ื เมอื งในวดั และกำหนดใหก้ ุลบุตรกุลธดิ ำต้องศกึ ษำเล่ำเรยี นภำษำไทย ซง่ึ ประสบผลสำเรจ็ ชำวเชยี งใหมแ่ ละลำ้ นนำต่ำงถูกผสมกลมกลนื จนมคี วำมรสู้ กึ เป็นพลเมอื งไทย กำรดำเนินกำร มกี ำรเปลย่ี นแปลงทงั้ ดำ้ นกำรปกครอง กำรศำล กำรภำษอี ำกร กำรคลงั กำรศกึ ษำ

16กำรสำธำรณสุขและอ่นื ๆ โดยจดั เป็นระบบเดยี วกบั กรงุ เทพฯ ในทุกดำ้ นระหว่ำงกำรปฏริ ปู กำรปกครองในช่วง ก่อนจดั ตงั้ มณฑลเทศำภบิ ำล (พ.ศ.๒๔๒๗-๒๔๔๒) ตรงกบั สมยั พระเจำ้ อนิ ทวชิ ยำนนท์ เจำ้ เมอื งเชียงใหม่องค์ท่ี ๗ (พ.ศ. ๒๔๑๖-๒๔๓๙) ซ่ึงนับว่ำเป็นเจ้ำเมอื งองค์สุดท้ำยท่ีมอี ำนำจปกครองบ้ำนเมอื ง เพรำะเป็นช่วงแรกของกำรดำเนินงำนรฐั บำลกลำงมนี โยบำยไม่ยกเลิกตำแหน่งเจ้ำเมอื งในทันที ยังคงใช้ดำรงตำแหน่งอย่ำงมีเกียรติ แต่ขณะเดียวกัน ก็พยำยำมลดอำนำจและผลประโยชน์ทลี ะน้อย รฐั บำลกลำงไดส้ ่งขำ้ หลวงจำกกรุงเทพฯ ขน้ึ มำจดั กำรปกครองในเมอื งเชยี งใหม่ในลกั ษณะทร่ี ่วมกนั ปกครองกบั เจำ้ เมอื งและเจำ้ นำยบุตรหลำน โดยทข่ี ำ้ หลวงพยำยำมแทรกอำนำจลงไปแทนท่ี ส่วนผลประโยชน์ทำงเศรษฐกจิ ซง่ึ ไดแ้ ก่รำยไดจ้ ำกกำรเกบ็ ภำษอี ำกรส่วนหน่งึ ตอ้ งส่งกรงุ เทพฯนอกจำกนัน้ ปำ่ ไมซ้ ง่ึ แต่เดมิ เป็นของเจำ้ เมอื งและเจำ้ นำยบตุ รหลำนไดถ้ ูกโอนเป็นของรฐั ใน พ.ศ. ๒๔๓๙ซง่ึ เป็นช่วงก่อนกำรพริ ำลยั ของพระเจำ้ อนิ ทวชิ ยำนนท์ และหลงั จำกสน้ิ สมยั พระเจำ้ อนิ ทวชิ ยำนนท์แลว้รฐั บำลกลำงให้เจำ้ อุปรำชรงั้ เมอื งอย่หู ลำยปี จนกระทงั่ เหน็ ว่ำใหค้ วำมร่วมมอื กบั รฐั บำลกลำงดี จงึ มกี ำรแต่งตงั้ ใหเ้ จำ้ อุปรำชเป็นเจำ้ อนิ ทวโรรสสุรยิ วงษ์ เจำ้ เมอื งเชยี งใหม่ องคท์ ่ี ๘ (พ.ศ. ๒๔๔๔-๒๔๕๒)เมอื งเชยี งใหม่เตบิ โตอยำ่ งมำกหลงั จำกนโยบำยเมอื งหลกั โดยเฉพำะตงั้ แต่ประมำณ พ.ศ.๒๕๓๐ เป็นต้นมำและเจรญิ เตบิ โตแตกต่ำงจำกจงั หวดั อ่นื ๆ ในภำคเหนอืลวั ะ และ เมง็ ลวั ะ ชำวพน้ื เมอื งในกลุ่มมอญเขมร ตงั้ ถน่ิ ฐำนกระจำยทวั่ ไปในภำคเหนือเลยไปถงึ เมอื งเชยี งตุงเมอื งยองและ หุบเขำต่ำง ๆ ชนเผ่ำลวั ะมหี ลำยเผ่ำ และมรี ะดบั ควำมเจรญิ แตกต่ำงกนั มำกพวกท่อี ยู่บรเิ วณใกลท้ ร่ี ำบลมุ่ แมน่ ้ำ มกี ำรคมนำคมสะดวกจะววิ ฒั น์ไดเ้ รว็ กว่ำพวกทอ่ี ยใู่ นเขตป่ำเขำ ชนเผำ่ ลวั ะในแอ่งเชยี งใหม่-ลำพูน เป็นชนเก่ำแก่ อย่มู ำช้ำนำนก่อนท่ชี นกลุ่มอ่นื จะเขำ้ มำ ในตำนำนลำ้ นนำกล่ำวถึงบรเิ วณเชงิ ดอยสุเทพเป็นศูนยก์ ลำงของชนเผ่ำลวั ะ ชนลวั ะจะนบั ถอื ดอยสุเทพ เพรำะเป็นทส่ี งิ สถติ ของผีป่แู สะย่ำแสะผบี รรพบุรษุ ของชำวลวั ะ ชำวลวั ะนับถอื ผปี ู่แสะย่ำแสะ ผูพ้ ทิ กั ษ์ดอยสุเทพ และรกั ษำเมอื งเชยี งใหม่ จงึ มพี ธิ เี ลย้ี งผปี ู่แสะย่ำแสะเป็นประจำทุกปี ร่องรอยควำมเช่อื น้ียงั มสี บื มำชนเผ่ำลวั ะในเขตท่ีรำบลุ่มน้ำปิงมคี วำมเจรญิ ในระดบั ก่อรปู รฐั เลก็ ๆมคี วำมแตกต่ำง ระหว่ำงชนชนั้ คอื แบ่งคนออกเป็นสองกลมุ่ ไดแ้ ก่ กลมุ่ ผปู้ กครองและกลุ่มสำมญั ชนหรอื ไพร่ กลุ่มผปู้ กครองมหี วั หน้ำเผ่ำ ทส่ี บื เชอ้ื สำยกนั ต่อมำเรยี กว่ำ ซะมงั เรอ่ื งรำวกำรแตกสลำยของชนเผ่ำลวั ะเป็นผลมำจำกกำรขยำยควำมเจรญิ รงุ่ เรอื งจำกเมอื งละโว้มำส่กู ำรสรำ้ งเมอื งหรภิ ุญไชย พระนำงจำมเทวเี สดจ็ มำครองเมอื งหรภิ ุญไชยในบรเิ วณอทิ ธพิ ลของชนเผ่ำลวั ะ จงึ เกดิ ควำมขดั แยง้ ระหว่ำงพระนำงจำมเทวกี บั ขนุ หลวงวลิ งั คะ ผลจำกกำรต่อสู้ ขุนหลวงวิลงั คะพ่ำยแพ้ รฐั ชนเผ่ำ ลวั ะเชงิ ดอยสุเทพ สลำยลง สนั นิษฐำนกนั ว่ำ ชนเผ่ำลวั ะคงกระจดั กระจำยไปตำมปำ่ เขำและต่ำงทต่ี ่ำง ๆ รฐั ชนเผ่ำลวั ะ ยงั คงมใี นบรเิ วณชำยขอบของแควน้ หรภิ ญุ ไชย เมง็ ชำตพิ นั ธุ์มอญโบรำณท่ตี งั้ ถิน่ ฐำนในภำคเหนือมำช้ำนำนแล้ว เป็นกลุ่มเดยี วกบั มอญในแถบลุ่มน้ำเจำ้ พระยำ ลกั ษณะกำรตงั้ ถน่ิ ฐำนมกั กระจำยอยตู่ ำมทร่ี ำบลุ่มน้ำปิง จงึ พบคำเก่ำแก่เรยี กแมน่ ้ำปิงว่ำ แม่ระมงิ หรอื แม่น้ำเมง็ หมำยถงึ แมน่ ้ำทม่ี ชี ำวเมง็ อำศยั อย่เู มง็ และลัวะเป็นชนเผ่ำโบรำณทเ่ี คยอยู่ในท่รี ำบลุ่มน้ำปิงดว้ ยกนั เมง็ มปี รมิ ำณประชำกรน้อยกว่ำลวั ะ ลวั ะและเมง็ มลี กั ษณะต่ำงคนต่ำงอย่ไู ม่ใกล้ชิดกนั แต่ก็ยอมรบั ควำมเป็นชนต่ำงชำติพนั ธุ์ เม็งค่อย ๆ หำยไปจำกดินแดนล้ำนนำ คงเหลือ

17รอ่ งรอยหม่บู ำ้ นเมง็ เก่ำแก่ไม่ก่แี ห่ง เพรำะได้รบั กำรผสมกลมกลนื ใหเ้ ป็นคนไทยเช่นเดยี วกบั ชนเผ่ำลวั ะและชนเผำ่ อ่นื ๆตานานย่อเมอื งหริภญุ ชยั มตี ำนำนเมอื งเหนือเล่ำว่ำ ก่อนสมยั ๑๒๐๐ ปี มกี ษตั รยิ อ์ งคห์ น่งึ ครองเมอื งลำพูน มนี ิสยั โลเล มิอย่ใู น ทศพธิ รำชธรรม เสวยแต่น้ำจนั ทรม์ วั เมำดว้ ยอสิ สตรี ไม่มศี ลี ธรรม ประชำชนถูกกดขข่ี ่มเหง เสนำขำ้ รำชกำรบรพิ ำสล้วนแต่ประจบสอพลอ เทพยดำรกั ษำเมอื งก็พโิ รธ ก็เกดิ โรคภยั พลเมอื งล้มตำยและแลว้ พระพริ ณุ กก็ ระหน่ำ จงึ มอี ุทกภยั เกดิ ขน้ึ น้ำนองท่วมทน้ มนุษยแ์ ละสตั วห์ นีมทิ นั ลม้ ตำยไปกบั แมน่ ้ำคงคำครงั้ เม่อื น้ำลดลงแลว้ เมอื ง หรภิ ุญชยั กเ็ ป็นเมอื งรำ้ งไปเสยี แล้ว สำเหตุท่ที ำใหเ้ มอื งลำพูนรำ้ ง น้ำท่วมตำย เพรำะเจำ้ เมอื งองคน์ ้ีไดม้ แี มห่ มำ้ ยไปรอ้ งทุกขก์ ล่ำวหำว่ำลกู ไดต้ แี ม่จงึ นำควำมไปฟ้องเจำ้ เมอื งเพ่อื ใหต้ ดั สนิ คดที ล่ี ูกตแี ม่ครงั้ น้ี เจำ้ เมอื งฟงั แลว้ กลบั ตรสั ตอบว่ำ เดง็ ดงั เพรำะลกู “เพรำะฉะนนั้ กำรทล่ี ูกตแี มจ่ งึ ไม่มคี วำมผดิ ใดๆ” ทำให้แมห่ มำ้ ยคนนัน้ เสยี อกเสยี ใจอย่ำงมำก จงึ นัง่ ลงกรำบแม่ธรณี อธษิ ฐำนสำปแช่งเจำ้ เมอื งใหม้ อี นั เป็นไป ในทนั ใดนัน้ ดนิ ฟ้ำอำกำศกเ็ กดิ วปิ รติ เกดิ น้ำท่วมบำ้ นเมอื งอย่ำงฉับพลนัรำษฎรจมน้ำตำยเจำ้ เมอื งกต็ ำยตำมไปดว้ ย คงเหลอื แต่คนมบี ุญมศี ลี ธรรม คนใจบำปหยำบชำ้ ถูกน้ำพลดัจมน้ำตำยหมด บ้ำนเมอื งกว็ ่ำงเปล่ำไม่มผี ู้นำมำเป็นเวลำนำนปี ต่อมำพระฤๅษีรำพงึ แลว้ กค็ ดิ ว่ำเรำจะปล่อยประละเลยไม่แก้ไขเหน็ ทชี ำวเมอื งลำพูนทงั้ มวลจะระส่ำระส่ำย จงึ ไดเ้ ชญิ ฤๅษีผู้น้องทงั้ สำม อำทิเช่น พระฤๅษีสุกกทนั ต ผู้อยู่นครละโว้ และเชิญฤๅษีจำกทิศต่ำงๆ รวมทงั้ ส้นิ ๑๐๐ ตน โดยท่ำนสุเทพ ฤๅษีเป็นประธำน ช่วยกันสร้ำงนครขน้ึ ใหม่เรม่ิ แต่เวลำ ๙.๐๐ นำฬิกำของวนั อำทติ ย์ ข้นึ ๘ ค่ำเดอื น ๓ ปีขำล พุทธศกั รำช ๑๑๙๘ มวลประชำรำษฎรท์ ่หี นีอุทกภยั ก็ให้มำร่วมกนั สรำ้ งเมอื งใหม่ จนเป็นทเ่ี รยี บรอ้ ยแลว้ เมอ่ื ปีพุทธศกั รำช ๑๒๐๓ พระฤๅษกี ใ็ หน้ ำมเมอื งใหม่น้วี ่ำ “นครหริภญุ ชยั ”ในบรรดำพระฤๅษีก็ปรกึ ษำกนั ว่ำจะหำใครผู้ใดมำเป็นเจำ้ เมอื งเพ่อื ปกครองประชำรำษฏรใ์ ห้อยู่ดมี สี ุขต่อไป ในทส่ี ุดท่ำนฤๅษีสุเทพกน็ ึกถงึ บุตรบี ุญธรรม “อาหญิงวี” ของพ่อ ซ่งึ ท่ำนไดท้ รำบแลว้ ว่ำไดท้ รงเป็นรำชนิ ีแห่งละโว้ จงึ ไดป้ รกึ ษำกบั ท่ำนฤๅษผี นู้ ้องทงั้ สำมทจ่ี ะเอำพระนำงจำมเทวมี ำครองเมอื งลำพูน ทุกคนต่ำงเหน็ ดเี หน็ ชอบกนั ทงั้ นนั้ ครนั้ ในวนั ต่อมำท่ำนฤๅษสี เุ ทพจงึ มอบสำสน์ ใหน้ ำยคะวะยะ คอื นำยควำยนำไปใหพ้ ระเจำ้ อยหู่ วั นครละโว้ ๑ ฉบบั และทลู พระรำชนิ เี ป็นส่วนพระองค์ ๑ ฉบบั เมอ่ื ละโวไ้ ดร้ บั ขำ่ วสำรจำกพระฤๅษี ไดพ้ จิ ำรณำกนั อยเู่ ป็นเวลำนำนพอควรครนั้ จะปฏเิ สธอยำ่ งไรกไ็ มไ่ ด้ มแี ต่คดิ ๆๆ เน่อื งจำกเมอื งลำพูดเดอื ดรอ้ นแสนสำหสั รำษฎรขำดผู้นำพระนำงก็มำนึกถงึ พระคุณของพระฤๅษีผู้เป็นบดิ ำเล้ยี งมำก่อน ทำงหม่ไู พรฟ่ ้ำประชำรำษฎรท์ งั้ ปวงแห่งนครละโวไ้ ดร้ บั ทรำบเรอ่ื งรำวกพ็ ำกนั มำฟงั ขอ้ ตกลงกนั ลน้หลำมอย่ภู ำยนอกพระรำชวงั ต่ำงกม็ คี วำมอำลยั รกั พระนำงอยำ่ งยงิ่ ทจ่ี ะต้องอำลำจำกกรงุ ละโวไ้ ปครองเมอื งหรภิ ุญชยั ตำมคำขอของพระฤๅษี ในท่สี ุดทำงกรุงละโวก้ ็ตกลงให้พระนำงจำมเทวขี น้ึ มำครองเมอื งหรภิ ุญชยั ก่อนจะออกเดนิ ทำงพระนำงจำมเทวีไดเ้ อำนกั ปรำชญบ์ ณั ฑติ และพระสงฆเ์ ป็นจำนวนอยำ่ งละ๕๐๐ มวี ตั ถุท่สี ำคญั ท่นี ำมำครงั้ นัน้ ก็คือ พระแก้วขำว ๑ องค์ เวลำน้ีประจำอยู่ท่วี ดั เชยี งมนั่ จงั หวดัเชยี งใหม่ สำหรบั พระรอดหลวงกม็ ปี ระจำอยทู่ ว่ี ดั มหำวนั จงั หวดั ลำพูน ฝีมอื ทำไดส้ วยงำมมำก พระนำงจำมเทวเี ดนิ ทำงจำกกรุงละโว้ถงึ เมอื ง หรภิ ุญชยั เป็นเวลำนำน ๗ เดอื น เวลำนัน้ พระนำงมคี รรภ์ได้ ๓เดอื น เม่อื มำถึงวนั เดอื นปีพุทธศกั รำช ๑๒๐๖ พระนำงจำมเทวกี ข็ น้ึ ครองรำชยป์ กครองชำวเมอื งหริภุญชยั ขณะท่ขี น้ึ ครองรำชย์ได้ ๗ วนั พระนำงจำมเทวกี ็ประสูติพระโอรส ๒ องค์ ในวนั เพ็ญเดอื น ๓

18เป็นฝำแฝด จงึ ใหน้ ำมวำ่ “มหนั ตยศ และ อนนั ตยศ” ต่อมำพระนำงจำมเทวไี ดส้ ่งพระรำชโอรสองคเ์ ลก็ คอือนนั ตยศ ไปสรำ้ งเมอื งนครลำปำง ส่วนพระมหนั ตยศ ผเู้ ป็นพใ่ี หส้ บื รำชสมบตั ทิ เ่ี มอื งลำพนู พระนำงจำมเทวมี ชี ้ำงผู้ก่ำงำเขยี วคู่บำรมี เวลำน้ีอฐั ขิ องช้ำงคู่บำรมขี องพระนำมจำมเทวบี รรจุไว้ทำงทศิ ตะวนั ออกเฉียงใต้โรงเรยี นจกั รคำคณำทรฯ พระนำงจำมเทวคี รองรำชสมบตั อิ ยู่ ๕๒ ปี จงึ สวรรคต รวมพระชนมำยุได้ ๙๒ ปี อฐั ขิ องพระนำมจำมเทวบี รรจไุ วท้ ว่ี ดั กู่กุด ซง่ึ เป็นวดั ค่บู ำรมขี องพระนำงจำมเทวไี ดส้ รำ้ งขน้ึ เม่ือศตวรรษท่ี ๑๓ เมอื งหรภิ ุญชยั มพี ระนำงจำมเทวเี ป็นกษตั รยิ อ์ งคแ์ รกปกครอง สบื ๆ กนั มำมำจนถงึ ๔๙พระองค์ มพี ระยำยบี ำเป็นองคส์ ุดทำ้ ย รวมอำยุเมอื ง ๖๑๘ ปี พระยำยบี ำกไ็ ดเ้ สยี งเมอื งใหแ้ ก่พระยำเมง็รำยเม่อื จลุ ศกั รำช๖๔๓ (พุทธศกั รำช ๑๘๒๔) ปีมะโรง เดอื น ๖ ขน้ึ ๔ ค่ำ สำเหตุทต่ี ้องเสยี เมอื งหรภิ ุญชยั ครงั้ น้ีเน่ืองจำกพระยำยบี ำไปหลงเช่อื ขนุ ฟ้ำเพรำะควำมประจบสอพลอ จงึ ทำใหช้ ำวเมอื งลำพูนต้องเดอื นรอ้ นพำกนั จงเกลยี ดพระองคอ์ ยำ่ งมำก จงึ เป็นเหตุใหพ้ ระยำเมง็ รำยเขำ้ ยดึ เมอื งหรภิ ุญชยั ไดอ้ ย่ำงงำ่ ยดำย เมอ่ื พระยำยบี ำหนีออกเมอื งไปถงึ ดอยกลำงป่ำกค็ ดิ นึกได้ทเ่ี สยี รขู้ ุนฟ้ำเป็นไสศ้ กึ ใหพ้ ระยำเมง็รำยกเ็ สยี ใจหลงั่ น้ำตำรอ้ งไห้ สถำนทน่ี ้ำตำตกน้จี งึ มชี อ่ื ว่ำ“ดอยพระยำยบี ำรอ้ งไห”้ มำจนทกุ วนั น้ีหลวงมิลงั คะหลงเสน่หง์ ามจามเทวี ขอยอ้ นกล่ำวถงึ แม่หมำ้ ยงำมจำมเทวกี บั หลวงมลิ งั คะ ท่ที ำให้หลวงมลิ งั คะหลงเสน่หง์ ำมจำมเทวจี นไมร่ จู้ ะกนิ จะนอน แมจ้ ะหลบั จะนอนจะต่นื ขน้ึ กย็ งั ฝนั ถงึ เสมอ จงึ ไดแ้ ต่งทูตมำส่ขู อพระนำงจำมเทวีแต่พระนำงจำมเทวไี ม่สนพระทยั จงึ ไม่ใหค้ ำตอบใดๆ ทงั้ ส้นิ จงึ เป็นเหตุใหห้ ลวงมลิ งั คะเกดิ โทสะยกไพร่พลมำประชดิ เมอื ง เวลำนนั้ พระนำงคดิ ว่ำขนื สรู้ บกบั หลวงมลิ งั คะบำ้ นเมอื งคงพงั แน่ จงึ ตอ้ งออกอุบำยกบัหลวงมลิ งั คะว่ำ ถำ้ หลวงมลิ งั คะพุ่งเสน้ำ (ธนู) จำกดอยสุเทพ เชยี งใหม่ มำตกกลำงเมอื งลำพนู กจ็ ะยอมแต่งงำนตำมสญั ญำคำมนั่ ทนั ใดนนั้ หลวง มลิ งั คะกด็ อี กดใี จมคี วำมหวงั จะไดแ้ ต่งงำนกบั พระนำงจำมเทวี๑๐๐% จะไดพ้ ระนำงจำมเทวมี ำเป็นค่คู รอง จงึ ถอื ธนูขน้ึ ไปส่บู นดอยสุเทพ แลว้ กน็ ึกถงึ คำถำอำคมเสรจ็เรยี บร้อยก็ได้พุ่งเสน้ำจำกบนดอยสุเทพมำตกท่ีนอกเมืองทิศตะวนั ตกห่ำงจำกกำแพงเมืองไม่ก่ีวำสถำนทเ่ี สน้ำตกปจั จุบนั น้ีชำวบ้ำนเรยี กกนั ว่ำ “หนองเสน้ำ” เม่อื พระนำงเห็นฤทธเิ ์ ดชจงึ หวนั่ กลวั ยง่ิ นักถำ้ หำกให้มกี ำรพุ่งเสน้ำเป็นครงั้ ท่ี ๒-๓ คงจะตอ้ งมำตกกลำงเมอื งแน่ พระนำงจำมเทวจี งึ ออกกลอุบำยแกม้ นตค์ ำถำของหลวงมลิ งั คะ โดยเอำผำ้ ถุงชนั้ ใน (ซน่ิ ใน) เยบ็ เป็นหมวกจดั ส่งไปใหห้ ลวงมลิ งั คะสวมใส่เม่อื หลวงมลิ งั คะไดร้ บั ของฝำกก็ดใี จเป็นทส่ี ุดแลว้ กส็ วมใส่พรอ้ มกบั พุ่งเสน้ำเป็นครงั้ ท่ี ๒-๓ เสน้ำท่พี ุ่งกลบั ตกหำ่ งจำกตวั เมอื งหลำยเท่ำ หลวงมลิ งั คะเสยี รหู้ มดกำลงั ใจทจ่ี ะพุ่งเสน้ำอกี ต่อไป ควำมหวงั ทจ่ี ะได้พระนำงมำครองกห็ มดสน้ิ ไป ส่วนหลวงมลิ งั คะกห็ ำควำมงำมมไิ ดเ้ ลย ต่อมำทงั้ สองตระกูลไดส้ บื พนั ธุก์ นัทำงสำยลกู ฯพระลบหรือพระนักรบ ขอกล่ำวถงึ “พระลบ” สกั เลก็ น้อยเพ่อื เป็นขอ้ คดิ “พระลบ” เป็นพระทส่ี รำ้ งแปลกประหลำดกว่ำพระพมิ พ์อ่นื ๆ ในบรรดำพระพมิ พ์ทงั้ หลำยของเมอื งลำพูน พระนำงจำมเทวเี ป็นกษตั รยิ ์องค์แรกของเมอื งลำพูนเป็นผจู้ ดั สรำ้ ง ไดบ้ รรจไุ วท้ ก่ี รหุ นองเสน้ำนอกเมอื งลำพูน ใกลก้ บั บรเิ วณทห่ี ลวงมลิ งั คะพุ่งเสน้ำมำตก สำเหตุกม็ ำจำกตอ้ งกำรพระนำงจำมเทวเี ป็นพระมเหสี แต่มำพ่ำยแพก้ ลอุบำยพระนำงจำมเทวีแมแ้ ต่พระโอรสกษตั รยิ พ์ มำ่ กม็ ำหลงเสน่หง์ ำมจำมเทวไี ดย้ กทพั มำตกี รงุ ละโว้ (ลพบุร)ี ในทส่ี ุดพระโอรส

19พม่ำก็แพ้สงครำมตำยเพรำะควำมรกั “พระลบ” บำงคนก็เรียกว่ำ “พระมหำเสน่ห์นิยม” บำงคนก็เรยี กว่ำ “พระนักรบ” พระลบเวลำน้ีหำได้ยำกมำก กำรสรำ้ ง “พระลบ” ของพระนำงจำมเทวกี ็เพ่อื เป็นอนุสรณ์ฝำกไวก้ บั ชำวลำพูน “พระลบ” จงึ แปลกกว่ำพระพมิ พ์อ่นื ๆ “พระลบ” ไม่มจี ุดเด่นทำงดำ้ นควำมสวยงำมขององค์พระ หมำยถงึ พระไม่งำม รำยละเอยี ดแทบจะไม่มี ควำมลกึ และคมชดั ไม่มเี ลย แต่มีหลำยพมิ พ์ เช่น พมิ พใ์ หญ่ฐำนสำมชนั้ พระลบพมิ พเ์ ลก็ ฐำนเดยี ว พระลบพมิ พส์ ำมงำ่ ม (เขำเรยี กพระลบตวั ขอม) พระลบพมิ พ์ตุ๊กตำ พระลบพมิ พ์พระรอด ส่วนเน้ือพระลบแปลกสะดุดตำมำก เน้ือดูหยำบ แต่แกร่งมำกท่สี ุด สขี องเน้ือพระลบแดงเข้มจดั สคี ล้ำยว่ำนแบบหน่ึงท่แี ดงจดั หรอื คล้ำยเน้ือหนิ ศลิ ำแลงเน้ือมสี ่วนผสมทไ่ี ม่มพี ระใดเหมอื นพระลบ จงึ มชี ่อื เรยี กกนั ว่ำ “พระนกั รบ” หรอื “พระนักรกั ” เพรำะพระนำง จำมเทวเี ป็นทงั้ นกั รบและเป็นทร่ี กั ของคนทวั่ ไป ใครผใู้ ดมพี ระลบไวก้ เ็ ท่ำกบั มพี ระพมิ พน์ ำงพญำพษิ ณุโลกสรปุ ตานานพระนางจามเทวี หริภญุ ชยั ผสมละโว้ พระนำงจำมเทวี เกดิ ท่บี ้ำนหนองดู่ อำเภอป่ำซำง จงั หวดั ลำพูน ได้ไปเป็นรำชธดิ ำรำชวงศ์ปฐมกษัตรยิ ์ลพบุรี ตำนำนเมอื งลพบุรกี ล่ำวว่ำ พระยำกำฬวรรณดสิ เป็นต้นกษัตรยิ เ์ มอื งลพบุรี เดิมเป็นกษัตรยิ ์อยู่ท่จี งั หวดั ตำก ได้ให้พรำหมณ์ในสำนักไปสร้ำงเมอื งลพบุรี เม่อื สรำ้ งเสรจ็ แล้วจงึ ได้ย้ำยไปครองรำชย์ เมอ่ื ปีพุทธศกั รำช ๑๐๑๒ หลงั จำกพระยำกำฬวรรณดสิ สวรรคตแลว้ รชั ทำยำทของพระองค์คือ พระยำพำลีรำช ได้ครองเมืองลพบุรีแทน ทำให้อำณำจักรเมืองลพบุรแี ผ่ไปไกลมำก เม่ือปีพุทธศกั รำช ๑๒๐๕ พระเจำ้ กรุงละโวจ้ งึ ได้ให้พระนำงจำมเทวี รำชธดิ ำไปครองเมอื งหรภิ ุญชยั ตำมคำเชญิ ของชำวเมอื งหรภิ ญุ ชยั ฯพระฤๅษีสร้างเมืองหริภญุ ชยั มตี ำนำนกล่ำวไวว้ ่ำ เม่อื ประมำณปีพุทธศกั รำช ๑๒๐๓ พระฤๅษีวำสุเทพไดร้ ่วมกบั พระสหำยสรำ้ งเมอื งหรภิ ุญชยั คลำ้ ยรปู เปลอื กหอย เม่อื สรำ้ งเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ พระฤๅษวี ำสุเทพจงึ ได้ใหน้ ำยคะวะยะนำสำสน์ มำเชญิ พระนำงจำมเทวแี ละพระเจำ้ กรุงละโว้ เพ่อื ขอพระนำงจำมเทวไี ปปกครองเมอื งหริภุญชยั พระนำงจำมเทวไี ดเ้ สดจ็ จำกเมอื งละโว้ ปีพุทธศกั รำช ๑๒๐๕ เป็นเวลำนำน ๗ เดอื นมำถงึ เมอื งหรภิ ุญชยั ปีพุทธศกั รำช ๑๒๐๖ พระฤๅษแี ละชำวเมอื งหรภิ ุญชยั ก็ไดท้ ำพธิ อี ญั เชญิ พระนำงจำมเทวขี น้ึครองรำชยเ์ ป็นกษตั รยิ พ์ ระองคแ์ รก ปรำกฎวำ่ มพี ระมหำกษตั รยิ ส์ บื รำชวงศม์ ำถงึ พระยำยบี ำ จำนวน ๔๙พระองค์ พระยำยบี ำเป็นองค์สุดท้ำย รวมรำชวงศ์พระนำงจำมเทวีครองเมอื งลำพูนได้นำน ๖๑๘ ปีสน้ิ สดุ รำชวงศ์ ปีพทุ ธศกั รำช ๑๘๒๔ บำ้ นเมอื งสมยั พระนำงจำมเทวี ประชำรำษฎรอ์ ย่เู ยน็ เป็นสุข พระยำเมง็ รำยมหำรำช ยดึ ครองเมอื งลำพูน ปีพุทธศักรำช ๑๘๒๔ ต่อมำได้ไปสรำ้ งเมอื งเชียงใหม่ เป็นเมอื งหลวงของลำนนำไทย ปีพุทธศกั รำช ๑๘๓๙ มเี จำ้ ผุ้ครองนครเมอื งสบื ต่อกนั มำจำนวน ๒๐ พระองค์ พระเจำ้ เมกุฏิ องค์ท่ี ๒๐เป็นองค์สุดทำ้ ย รำชวงศ์เมง็ รำยครองลำนนำไทยได้นำน ๒๖๒ ปี พระเจำ้ บุเรงนองแห่งพม่ำยดึ ลำนนำไทยจำกพระเจำ้ เมกุฏิ ปีพุทธศกั รำช ๒๑๐๑ มำถงึ ปีพุทธศกั รำช ๒๑๒๙ พระนเรศวรมหำรำชรบกบั พระเจำ้ บุเรงนองแหง่ พมำ่ ชนะจงึ ขบั ไลพ่ วกพมำ่ ออกลำนนนำไทยฯ

20ตานานย่อเมืองหริภญุ ชยั อำณำจกั รหรภิ ุญชยั เป็นอำณำจกั รมอญ ท่ีตงั้ อยู่บรเิ วณภำคเหนือของประเทศไทยปจั จุบนัตำนำนจำมเทววี งศ์โบรำณได้บนั ทกึ ไว้ว่ำ ฤๅษีวำสุเทพเป็นผู้สรำ้ งเมอื งหรภิ ุญชยั ข้นึ ในปี พ.ศ. 1310แลว้ ทูลเชญิ พระนำงจำมเทวี ซ่งึ เป็นเจำ้ หญิงจำกอำณำจกั รละโว้ ขน้ึ มำครองเมอื งหรภิ ุญชยั ในครงั้ นัน้พระนำงจำมเทวไี ดน้ ำพระภกิ ษุ นกั ปรำชญ์ และชำ่ งศลิ ปะต่ำง ๆ จำกละโวข้ น้ึ ไปดว้ ยเป็นจำนวนมำกรำวหม่ืนคน พระนำงได้ทำนุบำรุงและก่อสร้ำงบ้ำนเมือง ทำให้เมอื งหรภิ ุญชยั (ลำพูน) นัน้ เป็นแหล่งศลิ ปวฒั นธรรมทเ่ี จรญิ รงุ่ เรอื งยง่ิ ต่อมำพระนำงไดส้ รำ้ งเขลำงคน์ คร (ลำปำง) ขน้ึ อกี เมอื งหน่งึ ใหเ้ ป็นเมอื งสำคญั สมยั นนั้ ปรำกฏมกี ำรใชภ้ ำษำมอญโบรำณในศลิ ำจำรกึ ของหรภิ ุญชยั มหี นงั สอื หมำนซขู องจนี สมยัรำชวงศ์ถงั กล่ำวถึงนครหรภิ ุญชยั ไว้ว่ำเป็น “อำณำจกั รของสมเดจ็ พระรำชนิ ีนำถ” (หน่ีว์ หวงั กว๋อ )ต่อมำ พ.ศ. 1824 พญำมงั รำยมหำรำชผูส้ ถำปนำอำณำจกั รลำ้ นนำ ไดย้ กกองทพั เขำ้ ยดึ เอำเมอื งหรภิ ุญชัยจำกพญำยีบำได้ ต่อจำกนั้นอำณ ำจักรหริภุญชัยจึงส้ินสุดลงหลังจำกรุ่งเรืองมำ 618 ปี มีพระมหำกษัตรยิ ค์ รองเมอื ง 49 พระองค์ ปจั จุบนั โบรำณสถำนสำคญั ของอำณำจกั รหรภิ ุญชยั คอื พระธำตุหรภิ ุญไชย ท่จี งั หวดั ลำพูน ซ่งึ เป็นบรเิ วณท่ีสนั นิษฐำนว่ำเป็นรำชธำนีในสมยั นัน้ และยงั มเี มอื งโบรำณเวยี งมโน ตำบลหนองตอง อำเภอหำงดง จงั หวดั เชยี งใหม่ โบรำณสถำนทเ่ี วยี งเกำะ บำ้ นสองแควอำเภอจอมทอง จงั หวดั เชยี งใหม่ และเวยี งท่ำกำน ทต่ี ำบลบำ้ นกลำง ต.สนั ปำ่ ตอง จงั หวดั เชยี งใหม่ บำงหม่บู ำ้ นของจงั หวดั ลำพูนนัน้ พบว่ำ ยงั มคี นพูดภำษำมอญโบรำณและอนุรกั ษ์วฒั นธรรมอำณำจกั รมอญโบรำณอยู่ยคุ ล้านนา ลำ้ นนำ หมำยถงึ ดนิ แดนทม่ี นี ำนับลำ้ น หรอื มที น่ี ำเป็นจำนวนมำก ค่กู บั ลำ้ นชำ้ ง คอื ดนิ แดนท่ีมชี ำ้ งนบั ลำ้ นตวั เมอ่ื ปี พ.ศ. 2530 คำวำ่ \"ลำ้ นนำ\" กบั \"ลำนนำ\" เป็นหวั ขอ้ โตเ้ ถยี งกนั ซง่ึ คณะกรรมกำรชำระประวตั ิศำสตร์ไทย ซ่งึ มี ดร. ประเสรฐิ ณ นคร เป็นประธำน ได้ให้ข้อยุติว่ำ \"ล้ำนนำ\" เป็นคำท่ีถูกต้อง และเป็นคำท่ใี ชก้ นั ในวงวชิ ำกำร ปญั หำทน่ี ำไปสู่กำรโต้เถยี งกนั นัน้ สบื เน่ืองมำจำกในอดตี กำรเขยี นมกั ไม่ค่อยเคร่งครดั ในเรอ่ื งวรรณยุกต์ แต่กเ็ ป็นท่เี ขำ้ ใจกนั ว่ำ แมจ้ ะเขยี นโดยไม่มรี ปู วรรณยุกตโ์ ทกำกบั แต่ให้อ่ำนเหมอื นมวี รรณยุกต์โท[2] สำหรบั คำ \"ลำนนำ\" น่ำจะมำจำกพระบรมรำชวนิ ิจฉัยของพระบำทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั ท่วี ่ำ \"ลำนนำหมำยถงึ ทำเลทำนำ\" ซง่ึ ทำใหค้ ำว่ำลำนนำใชก้ นัมำเป็นเวลำเกอื บหน่ึงศตวรรษ ภำยหลงั พ.ศ. 2510 นักวชิ ำกำรระดบั สูงพบว่ำลำ้ นนำเป็นคำท่ถี ูกต้องแลว้ และชดั เจนยง่ิ ขน้ึ เม่อื ดร. ฮนั ส์ เพนธ์ ค้นพบคำว่ำ \"ลำ้ นนำ\" ในศลิ ำจำรกึ ทว่ี ดั เชยี งสำ ซง่ึ เขยี นขน้ึในปี พ.ศ. 2096 อย่ำงไรก็ดี กำรตรวจสอบคำว่ำ ลำ้ นนำ ได้อำศยั ศพั ทภ์ ำษำบำลี โดยพบว่ำท้ำยคมั ภรี ์ใบ ล ำน จำก เมือ งน่ ำน แล ะท่ีอ่ืน ๆ จำน วน ไม่น้ อ ยกว่ำ 50 แห่ ง เขียน ว่ำ ท สลกฺ ขเขตฺ ต น ค(LNDassalakakettanakorn.png) /ทะสะลกั ขะเขตตะนะคอน/ แปลว่ำ เมอื งสบิ แสนนำ เป็นคำคู่กบั เมอื งหลวงพระบำงทช่ี ่อื อำณำจกั ร ศรสี ตนำคนหุต หรอื ชำ้ งรอ้ ยหมน่ื คำว่ำลำ้ นนำน่ำจะเกดิ ขน้ึ ครงั้ แรกในสมยัพญำกอื นำ เน่ืองจำกพระนำม \"กือนา\" หมำยถงึ จำนวนรอ้ ยลำ้ น และต่อมำคำลำ้ นนำไดใ้ ชเ้ รยี กกษตั รยิ ์และประชำชน แพร่หลำยมำกในสมยั พระเจำ้ ติโลกรำช ส่วนกำรใช้ว่ำ \"ลำ้ นนำไทย\" นนั้ เป็นเสมอื นกำรเน้นควำมเป็นไทย ซง่ึ ใชก้ นั มำในสมยั หลงั ดว้ ยเหตุผลทำงกำรเมอื งอำณำเขต

21หลกั ฐำนทำงประวตั ศิ ำสตรก์ ล่ำวไวว้ ่ำ ดนิ แดนลำ้ นนำนนั้ หมำยถงึ ดนิ แดนบำงส่วนของอำณำเขตบรเิ วณ ลุ่มน้ำแมโ่ ขง ล่มุ น้ำสำละวนิ แมน่ ้ำเจำ้ พระยำ ตลอดจนเมอื งทต่ี งั้ ตำมลุ่มน้ำสำขำเช่นแม่นำกก แมน่ ้ำปิง แมน่ ้ำวงั แมน่ ้ำยม แมน่ ้ำน่ำน แมน่ ้ำปำย แมน่ ำแตง แมน่ ้ำงดั ฯลฯ โดยมอี ำณำเขตทำงทศิใตจ้ ดเมอื งตำก (อำเภอบำ้ นตำกในปจั จบุ นั ) และจดเขตดนิ แดนดำ้ นเหนอื ของอำณำจกั รสุโขทยั ทศิตะวนั ตกเลยลกึ เขำ้ ไปในฝงั่ ตะวนั ตกของแมน่ ้ำสำละวนิ ทศิ ตะวนั ออกจดฝงั่ ตะวนั ตกของแมน่ ้ำโขง ทศิเหนือจดเมอื งเชยี งรุง่ (หรอื คนจนี เรยี กในปจั จบุ นั วำ่ เมอื งจงิ่ หง เน่อื งจำกคนจนี ออกเสยี งภำษำ\"ไทยลอ้ื \"ไมช่ ดั จำก \"เจยี งฮุ่ง\" จงึ กลำยเป็น \"จงิ่ หง\"Jinghong ซง่ึ บรเิ วณชำยขอบของลำ้ นนำ อำทิ เมอื งเชยี งตุงเชยี งรงุ่ เมอื งยอง เมอื งปุ เมอื งสำด เมอื งนำย เป็นบรเิ วณทร่ี ฐั ลำ้ นนำแผอ่ ทิ ธพิ ล ไปถงึ ในเมอื งนนั้ ๆ(ในบำงสมยั เช่นสมยั พญำมงั รำย พระเจำ้ ตโิ ลกรำช ทม่ี พี ระรำชแสนยำนุภำพเกรยี งไกร)ในสมยั โบรำณได้กล่ำวถงึ เมอื งขน้ึ กบั ดนิ แดนลำ้ นนำมี 57 เมอื ง ดงั ปรำกฏในตำนำน พน้ื เมอื งของเชยี งใหมว่ ่ำ ใน สตั ตปญั ญำสลำ้ นนำ 57 หวั เมอื ง แต่กไ็ มไ่ ดร้ ะบุวำ่ มเี มอื งใดบำ้ ง ปจั จบุ นั มหี ลกั ฐำนทพ่ี ม่ำนำไปจำกเชยี งใหม่ในสมยั ทพ่ี ม่ำปกครองเมอื งเชยี งใหม่ (พ.ศ. 2101-2317) และไดแ้ ปลเป็นภำษำพมำ่ ต่อมำในปี ค.ศ.2003 ทำงมหำวทิ ยำลยั Yangon ไดแ้ ปลเป็นภำษำองั กฤษ) ชอ่ื Zinme Yazawin หรอื ตำนำนพน้ื เมอื งเชยี งใหมฉ่ บบั ภำษำพมำ่ (ช่อื เตม็ ดทู อ่ี ำ้ งองิ ทำ้ ยน้)ี ไดร้ ะบุเมอื งต่ำงๆ กวำ่ 50 หวั เมอื ง(รำยละเอยี ดช่อืเมอื งต่ำงๆปรำกฏอยใู่ นหนงั สอื Zinme Yazawin ภำคภำษำองั กฤษ อยแู่ ลว้ ) เชน่ เมอื งฝำง เมอื งเชยี งของ เมอื งพรำ้ ว เมอื งเชยี งดำว เมอื งล้ี เมอื งยวม เมอื งสำด เมอื งนำย เมอื งเชยี งตุง เมอื งเชยี งคำ เมอื งเชยี งตอง เมอื งน่ำน เมอื งเทงิ เมอื งยอง เมอื งลอง เมอื งตุ่น เมอื งแช่ เมอื งองิ เมอื งไลคำ่ เมอื งลอกจอ๊ กเมอื งปนั่ เมอื งยองหว้ ย เมอื งหนองบอน เมอื งสู่ เมอื งจดี เมอื งจำง เมอื งกงิ เมอื งจำคำ เมอื งพยุ เมอื งสีซอ เมอื งแหง เมอื งหำง รายพระนามพระมหากษตั ริยล์ ้านนาในราชวงศม์ งั ราย (พ.ศ. 1835 - 2101หรอื 266ปี )1. พญำมงั รำย พ.ศ. 1808 - 1854 (19 ปี)2. พญำไชยสงครำม พ.ศ. 1854 - 1868 (14 ปี)3. พญำแสนภู พ.ศ. 1868 - 1877 (9 ปี)4. พญำคำฟู พ.ศ. 1877 - 1879 (2 ปี)5. พญำผำยู พ.ศ. 1879 - 1898 (19 ปี)6. พญำกอื นำ พ.ศ. 1898 - 1928 (30 ปี)7. พญำแสนเมอื งมำ พ.ศ. 1928 - 1944 (16 ปี)8. พญำสำมฝงั่ แกน พ.ศ. 1954 - 1984 (30 ปี)9. พระเจำ้ ตโิ ลกรำช พ.ศ. 1984 - 2030 (46 ปี)10. พญำยอดเชยี งรำย พ.ศ. 2030 - 2038 (8 ปี)11. พญำแกว้ (พระเมอื งแกว้ ) พ.ศ. 2038 - 2068 (30 ปี)12. พญำเกศเชษฐรำช (พระเมอื งเกษเกลำ้ ) พ.ศ. 2068 - 2081 (13 ปี) ครงั้ ท่ี 113. ทำ้ วซำยคำ พ.ศ. 2081 - 2086 (5 ปี) พญำเกศเชษฐรำช (พระเมอื งเกษเกลำ้ ) พ.ศ. 2086 - 2088 (2 ปี) ครงั้ ท่ี 214. พระนำงจริ ประภำ พ.ศ. 2088 - 2089 (1 ปี)

22 15. พระไชยเชษฐำ พ.ศ. 2089 - 2090 (1 ปี) ว่ำงกษตั รยิ ์ พ.ศ. 2090 – 2094 (4 ปี) 16. พระเจำ้ เมกุฏสิ ุทธวิ งศ์ (ทำ้ วเม่กุ) พ.ศ. 2094 - 2107 (13 ปี) ตงั้ แต่ พ.ศ. 2101 ปกครอง ภำยใตอ้ ำนำจพมำ่ประวตั ิศาสตรก์ ารก่อตงั้ อาณาจกั ร พระบรมรำชำนุสำวรีย์สำมกษัตริย์; พญำมังรำย พญำร่วง และพญำงำเมือง ขณะทรงปรกึ ษำหำรอื กำรสรำ้ งเมอื งเชยี งใหม่ พญำมงั รำย กษตั รยิ แ์ ห่งหริ ญั นครเงนิ ยำง องค์ท่ี 25 ในรำชวงศ์ลวจงั กรำชปู่เจำ้ ลำวจก ได้เรม่ิ ตเี มอื งเลก็ เมอื งน้อย ตงั้ แต่ลุ่มแม่น้ำกก แม่น้ำองิ และแม่น้ำปิงตอนบนรวบรวมเมอื งต่ำงๆใหเ้ ป็นปึกแผ่น นอกจำกเงนิ ยำงแลว้ ยงั มเี มอื งพะเยำของพญำงำเมอื งพระสหำย ซง่ึพญำมงั รำยไม่ประสงค์จะได้เมอื งพะเยำด้วยกำรสงครำม แต่ทรงใช้วธิ ผี ูกสมั พนั ธไมตรแี ทน หลงั จำกขยำยอำนำจระยะหน่ึง พระองคท์ รงยำ้ ยศูนยก์ ลำงกำรปกครอง โดยสรำ้ งเมอื งเชยี งรำยขน้ึ แทนเมอื งเงนิยำง เน่ืองด้วยเชยี งรำยตงั้ อย่รู มิ แม่น้ำกกเหมำะเป็นชยั สมรภูมิ ตลอดจนทำกำรเกษตรและกำรค้ำขำยหลงั จำกไดย้ ำ้ ยศูนยก์ ลำงกำรปกครองมำอยทู่ เ่ี มอื งเชยี งรำยแลว้ พระองคก์ ไ็ ดข้ ยำยอำณำจกั รแผ่อทิ ธพิ ลลงทำงมำทำงทศิ ใต้ ขณะนัน้ ก็ได้มอี ำณำจกั รท่เี จรญิ รุ่งเรอื งมำก่อนอย่แู ลว้ คอื อาณาจกั รหริภญุ ชยั มีนครลำพูนเป็นเมอื งหลวง ตงั้ อย่ใู นชยั สมรภูมทิ ่เี หมำะสมประกอบด้วยมแี ม่น้ำสองสำยไหลผ่ำนได้แก่แม่น้ำกวง และแม่น้ำปิงซ่งึ เป็นลำน้ำสำยใหญ่ไหลลงสู่ทะเลเหมำะแก่กำรค้ำขำย มนี ครลำปำงเป็นเมอื งหน้ำดำ่ นคอยป้องกนั ศกึ ศตั รู สองเมอื งน้ีเป็นเมอื งใหญ่มกี ษตั รยิ ป์ กครองอยำ่ งเขม้ แขง็ กำรทจ่ี ะเป็นใหญ่ในดนิ แดนแถบน้ีไดจ้ ะต้องตอี ำณำจกั รหรภิ ุญชยั ใหไ้ ด้ พระองคไ์ ดร้ วบรวมกำลงั ผคู้ นจำกทไ่ี ดจ้ ำกตเี มอื งเลก็ เมอื งน้อยรวมกนั เขำ้ เป็นทพั ใหญ่และยกลงใตเ้ พอ่ื จะตอี ำณำจกั รหรภิ ญุ ชยั ใหไ้ ด้ โดยเรมิ่ จำกตเี มอื งเขล ำ ง ค์ น ค ร น ค ร ล ำ ป ำ ง เ มื อ ง ห น้ ำ ด่ ำ น ข อ ง อ ำ ณ ำ จั ก ร ห ริ ภุ ญ ชั ย ก่ อ นเม่อื ได้เมอื งลำปำงแล้วก็ยกทพั เข้ำตีนครลำพูน (แคว้นหรภิ ุญชัย) พระองค์เป็นกษัตรยิ ์ชำตินักรบมีควำมสำมำรถในกำรรบไปทวั่ ทกุ สำรทศิ สำมำรถทำศกึ เอำชนะเมอื งเลก็ เมอื งน้อยแมก้ ระทงั่ อำณำจกั รหริภญุ ชยั แลว้ รวบเขำ้ กบั อำณำจกั รโยนกเชยี งแสนไดอ้ ยำ่ งสมบูรณ์ หลงั จำกพญำมงั รำยรวบรวมอำณำจกั รหรภิ ุญชยั เข้ำกับโยนกเชียงแสนเสรจ็ ส้นิ แล้ว ได้ขนำมนำมรำชอำณำจกั รแห่งใหม่น้ีว่ำ \"อำณำจกั รลำ้ นนำ\" พระองคม์ ดี ำรจิ ะสรำ้ งรำชธำนีแห่งใหม่น้ีใหใ้ หญ่โตเพ่อื ให้สมกบั เป็นศูนยก์ ลำงกำรปกครองแห่งอ ำ ณ ำ จั ก ร ล้ ำ น น ำ ทั้ ง ห ม ดพรอ้ มกนั นนั้ ก็ ไดอ้ ญั เชญิ พระสหำยสนิทร่วมน้ำสำบำนสองพระองค์ไดแ้ ก่ พญำงำเมอื งแห่งเมอื งพะเยำและ พ่อขนุ รำมคำแหงแห่งสุโขทยั มำรว่ มกนั สถำปนำรำชธำนีแห่งใหม่ในสมรภูมบิ รเิ วณทล่ี ุ่มรมิ ฝงั่ มหำนทแี มร่ ะมงิ ค์ (แม่น้ำปิง) โดยตงั้ ช่อื รำชธำนีแห่งใหมน่ ้ีว่ำ \"นพบุรีศรีนครพงิ คเ์ ชยี งใหม่ แต่ก่อนทจ่ี ะตงั้เมอื ง พระองคท์ รงได้สรำ้ งรำชธำนีชวั่ ครำวขน้ึ ก่อนแลว้ ซง่ึ กเ็ รยี กว่ำ เวียงกมุ กาม แต่เน่ืองจำกเวยี งกุมกำมประสบภยั ธรรมชำตใิ หญ่หลวงเกดิ น้ำท่วมเมอื งจนกลำยเป็นเมอื งบำดำล ดงั นัน้ พระองคจ์ งึ ไดย้ ำ้ ยรำชธำนีมำอยู่ ณ นครเชยี งใหม่ ในปี พ.ศ. 1839 และไดเ้ ป็นศูนยก์ ลำงกำรปกครองรำชอำณำจกั รลำ้ นนำนบั แต่นนั้ นครเชยี งใหมม่ อี ำณำเขตบรเิ วณอยรู่ ะหว่ำงเชงิ ดอยออ้ ยชำ้ ง (ดอยสุเทพ) และ บรเิ วณทร่ี ำบฝงั่

23ขวำของแมน่ ้ำปิง (พงิ คนท)ี นับเป็นสมรภมู ทิ ด่ี แี ละเหมำะแก่กำรเพำะปลูกเน่ืองจำกเป็นบรเิ วณทร่ี ำบลุ่มมแี มน่ ้ำไหลผำ่ นกำรเมอื ง กำรปกครองในสมยั รำชวงคม์ งั รำยพญำมงั รำยทรงส่งพระญำตวิ งศ์ของพระองค์ ไปปกครองหวั เมอื งต่ำงๆ ทเ่ี ป็นเมอื งขน้ึ หรอื เมอื งทส่ี รำ้ งขน้ึ ใหม่ เช่น เมอื งเขลำงค์ (ลำปำง) เมอื งเขมรฐัเชยี งตุง (ในพม่ำ) และ เชยี งรุง้ (สบิ สองปนั นำในจนี ) ทรงส่งพระรำชโอรสไปปกครอง เมอื งท่ใี หญ่และสำคญั ๆ ได้แก่ เมอื งนำย (หวั เมอื งไทใหญ่) และเชยี งรำย ซ่งึ เคยเป็นเมอื งรำชธำนีของล้ำนนำ รชั สมยัของพระเจ้ำติโลกรำช (พ.ศ. 1985-2030) พระมหำกษัตรยิ ์พระองค์ท่ี 9 ในรำชวงศ์มงั รำยพระองคไ์ ดร้ บั กำรยกยอ่ งใหม้ ฐี ำนะเป็น \"รำชำธริ ำช\" พระองคท์ รงแผ่ขยำยขอบขณั ฑสมี ำของอำณำจกั รลำ้ นนำให้ยงิ่ ใหญ่และกวำ้ งขวำงกว่ำเดมิ ดำ้ นทศิ เหนือ เมอื งเชยี งรุง้ เมอื งยอง ดำ้ นทศิ ตะวนั ออก เมอื งนันทบุรี (น่ำน) แพร่ ทุ่งยงั้ (ส่วนหน่ึงของอุตรดติ ถ์) จรดถึง หลวงพระบำง ด้ำนทศิ ตะวนั ตก ขยำยไปจนถงึ รฐั ฉำน (ตะวนั ตกเฉียงเหนอื ของพมำ่ ) เช่น เมอื งไลคำ เมอื งยองหว้ ย เมอื งสซี อ ในรชั สมยั ของพระเจำ้ ตโิ ลกรำช อำณำจกั รลำ้ นนำ ยงั ไดท้ ำสงครำมกบั อำณำจกั รอยธุ ยำ ซง่ึ อย่ทู ำงตอนใต้ ตรงกบั รชั สมยัของสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนำถ นำนถงึ 25 ปี โดยมสี ำเหตุมำจำกควำมต้องกำรในกำรแผ่อทิ ธพิ ลเขำ้ ไปในสุโขทัยของทัง้ สองอำณำจกั ร แต่ไม่มีฝ่ำยไหนได้ชยั ชนะอย่ำงเด็ดขำด ทัง้ สองอำณำจกั รจงึ ผูกสัมพันธไมตรีต่อกัน จนกระทัง่ อำณำจักรล้ำนนำตกเป็นประเทศรำชของพม่ำในปี พ.ศ. 2101การล่มสลายของอาณาจกั ร วัดเจดีย์หลวง สร้ำงข้ึนในช่วงยุคทองของล้ำนนำ องค์พระเจดีย์พังทลำยลงมำด้วยแรงแผ่นดินไหวเม่อื ปี พ.ศ. 2088 อนั เป็นลำงบอกเหตุควำมแตกแยกในรำชสำนักและควำมอ่อนแอของอำณำจกั ร อำณำจกั รลำ้ นนำเรมิ่ เส่อื มลงในปลำยรชั สมยั \"พญำแกว้ \" เม่อื กองทพั เชยี งใหม่ได้พ่ำยแพ้แก่ทพั เชียงตุงในกำรทำสงครำมขยำยอำณำจกั ร ไพร่พลในกำลงั ล้มตำยลงเป็นจำนวนมำก ประกอบกับปีนัน้ เกิดอุทกภยั ใหญ่หลวงข้นึ ในเมอื งเชียงใหม่ ทำให้บำ้ นเรอื นรำษฎรเสยี หำยและผูค้ นเสยี ชวี ติ ลงเป็นจำนวนมำก สภำพบ้ำนเมอื งเรมิ่ อ่อนแอเกดิ ควำมไม่มนั่ คง หลงั จำก \"พญำแก้ว\" สน้ิ พระชนมก์ เ็ กดิ กำรจลำจลแยง่ ชงิ รำชสมบตั ิ ระหว่ำงขุนนำงมอี ำนำจมำกขน้ึ ถงึ กบั แต่งตงั้ หรอื ถอดถอนเจำ้ ได้ เมอ่ื นครเชยี งใหม่ศูนยก์ ลำงอำนำจเกดิ สนั่ คลอน เมอื งขน้ึ ต่ำง ๆ ท่ีอยใู่ นกำรปกครองของเชยี งใหม่จงึ แยกตวั เป็นอสิ ระ และไม่ส่งเครอ่ื งรำชบรรณำกำรอกี ต่อไปเมอ่ื กรงุ ศรีอยธุ ยำแตกครงั้ ท่ี 1 พระเจำ้ บุเรงนอง แห่งอำณำจกั รตองอูไดท้ ำศกึ มชี ยั ชนะไปทวั่ ทุกทศิ ำนุทศิ จนไดร้ บักำรขนำนนำมพระเจำ้ ผู้ชนะสบิ ทศิ พระเจำ้ บุเรงนองได้ทำศกึ ยดึ ครองนครเชยี งใหม่ไปประเทศรำชได้สำเรจ็ รวมทงั้ ได้เขำ้ ได้ยดึ เมอื งลูกหลวงและเมอื งบรเิ วณของเชยี งใหม่ไปเป็นประเทศรำชดว้ ย ในช่วงแรกนัน้ ทำงพม่ำยงั ไม่ได้เขำ้ มำปกครองเชยี งใหม่โดยตรง เน่ืองจำกยุ่งกบั กำรศึกกบั กรุงศรอี ยุธยำ แต่ยงั คงให้ \"พระเจำ้ เมกุฎิ\" ทำกำรปกครองบ้ำนเมอื งต่อตำมเดมิ แต่ทำงเชยี งใหม่จะต้องส่งเคร่อื งรำชบรรณำกำรไปให้หงสำวดี ต่อมำ \"พระเจำ้ เมกุฎ\"ิ ทรงคดิ ท่จี ะตงั้ ตนเป็นอสิ ระ ฝ่ำยพม่ำจงึ ปลดออกและแต่งตงั้ \"มหำเทววี ิสุทธิ\" เช้อื สำยรำชวงศ์มงั รำย ซ่ึงสนั นิษฐำนว่ำอำจเป็นพระมำรดำของพระเจ้ำเมกุฏิ ขน้ึ เป็นเจำ้ เมอื งเชยี งใหม่แทน จนกระทงั่ มหำเทววี สิ ุทธสิ ้นิ พระชนม์ ทำงฝ่ำยพม่ำจงึ ได้ส่งเจำ้ นำยทำงฝ่ำยพมำ่ มำปกครองแทน เพ่อื คอยดแู ลควำมเรยี บรอ้ ยของเมอื งเชยี งใหม่ ในสมยั นัน้ เมอื งเชยี งใหม่

24เกอื บจะเป็นเมอื งพระยำมหำนครของพม่ำแล้ว อกี ประกำรหน่ึงก็เพ่อื ท่จี ะเกณฑพ์ ลชำวเชยี งใหม่ และเตรยี มเสบยี งอำหำรเพ่อื ไปทำศกึ สงครำมกบั ทำงกรุงศรอี ยุธยำ อำณำจกั รล้ำนนำในฐำนะเมอื งขน้ึ ของพม่ำไม่ไดม้ คี วำมสงบสุข มแี ต่กำรกบฏแก่งแย่งชงิ อำนำจกนั อย่ตู ลอดเวลำ ไมใ่ ช่แต่เชยี งใหม่อยำ่ งเดยี วแต่เมอื งอ่นื ๆ ในลำ้ นนำก็ดว้ ย จนกระทงั่ รำชวงศ์นยองยำน สถำปนำอำณำจกั รรตั นปุระองั วะอกี ครงั้ จงึหนั มำปกครองเชยี งใหมโ่ ดยตรงประวตั ิศาสตรล์ ้านนา ล้านนาสมยั พม่าปกครอง (พ.ศ. 2101-2317)ล้านนาสมยั พม่าปกครอง (พ.ศ. 2101 – 2317 ประมาณ 216 ปี ) นับเป็นยุคแห่งควำมอ่อนแอของลำ้ นนำ ในช่วงเวลำดงั กล่ำวส่วนใหญ่พมำ่ ปกครอง แต่จะมบี ำงช่วงทอ่ี ยุธยำยกทบั ขน้ึ มำยดึ เชยี งใหม่ได้ เช่น สมยั พระนเรศวรและสมยั พระนำรำยณ์ นอกจำกนนั้ มบี ำงชว่ งทเ่ี ชยี งใหมแ่ ละเมอื งต่ำง ๆ แยกเป็นรฐั อสิ ระ เช่น ชว่ งปลำยพุทธศตวรรษท่ี 23 ถงึ ต้นพุทธศตวรรษท่ี24 เน่อื งจำกเป็นชว่ งทพ่ี มำ่ ประสบปญั หำกำรเมอื งภำยใน เมอ่ื พมำ่ แกไ้ ขปญั หำเรยี บรอ้ ยแลว้ จะยกทพั มำปรำบลำ้ นนำ ดงั นนั้ จงึ ควรเขำ้ ใจว่ำอำนำจพมำ่ ในลำ้ นนำไม่สม่ำเสมอ แต่ดว้ ยเหตุผลทช่ี ่วงเวลำดงั กล่ำวสว่ นใหญ่พม่ำปกครองลำ้ นนำ จงึ เรยี กสมยั น้ีว่ำสมยั พมำ่ ปกครอง ลำ้ นนำตกเป็นเมอื งขน้ึ พม่ำตงั้ แต่สมยัพระเจำ้ บเุ รงนอง (พ.ศ. 2101) จนถงึ พ.ศ. 2317 สมยั พระเจำ้ ตำกสนิ ลำ้ นนำจงึ ตกเป็นเมอื งประเทศรำชสยำม ลำ้ นนำในสมยั พมำ่ ปกครองเป็นช่วงเวลำทย่ี ำวนำนถงึ 216 ปี นโยบำยของพมำ่ ทป่ี กครองลำ้ นนำได้ปรบั เปล่ยี นไปตำมเง่อื นไขตำมกำรเมืองภำยใน ของพม่ำและปรบั ตำมสภำพกำรเมอื งในท้องถิ่นลำ้ นนำประวตั ิศาสตรใ์ นช่วงนี้แบ่งตามพฒั นาการเป็นสองสมยัสมยั แรก ระหว่าง พ.ศ. 2101 – 2207 ประมาณ 106 ปี คอื ประมำณรอ้ ยปีแรก ช่วงน้ีล้ำนนำมฐี ำนะเป็นมณฑลหน่ึงของรำชอำณำจกั รพม่ำ เน่ืองจำกลำ้ นนำมคี วำมแตกต่ำงกบั พมำ่ ทำงชำตพิ นั ธุแ์ ละวฒั นธรรม คนต่ำงชำตติ ่ำงภำษำ พมำ่ จงึ กำหนดใหเ้ ป็นเขตทม่ี กี ำรปกครองตนเองไดใ้ นระดบั หน่ึง คอื คงใหเ้ จำ้ เมอื งคนเดมิ สำมำรถปกครองตนเองได้ โดยยอมอยู่ภำยใต้กำรกำกับดูแลของกษัตรยิ ์พม่ำ ดงั พบว่ำ บุเรงนองแต่งตัง้ ให้พระเมกุฏิกษัตรยิ ์เชียงใหม่ปกครองตนเองตำมเดมิ แต่ตอ้ งส่งส่วยเป็น ชำ้ ง มำ้ และแพรพรรณต่ำง ๆ ทุกปี และในรำชกำรสงครำมตอ้ งส่งกำลงั รว่ มรบ ต่อมำพม่ำเขำ้ จดั กำรควบคุมเขม้ งวดยง่ิ ขน้ึ เพรำะในสงครำมระหว่ำงพม่ำกบั อยุธยำพ.ศ. 2106 พระเมกุฏไิ มไ่ ดช้ ่วยพมำ่ รบั อยุธยำอย่ำงจรงิ จงั บุเรงนองจงึ ปลดพระเมกุฏอิ อกใน พ.ศ. 2107แลว้ แต่งตงั้ พระนำง วสิ ุทธเิ ทวซี ง่ึ เป็นพระชำยำ ซ่งึ มเี ชอ้ื สำยรำชวงศ์มงั รำยเป็นกษตั รยิ ์ เม่อื พระนำงวิสุทธเิ ทวสี ้นิ เจำ้ มงั นรธำช่อ โอรสของบุเรงนองกบั พระนำงวสิ ุทธเิ ทวี เป็นเจำ้ เมอื งเชยี งใหม่ จงึ เป็นกำรส้นิ สุดของกำรปกครองเชยี งใหม่ โดยเช้อื สำยของรำชวงศ์มงั รำย อย่ำงไรก็ตำมเช้อื สำยมงั นรธำช่อปกครองต่อมำ 2 องค์ หลงั จำกนัน้ พม่ำส่งขำ้ หลวงมำประจำกำรท่เี ชยี งใหม่ ส่วนตำแหน่งเขำ้ เมอื งอ่นื ๆในลำ้ นนำพม่ำควบคุม โดยกำรแต่งตงั้ โยกยำ้ ยถอดถอนและปนู บำเหน็จควำมดคี วำมชอบ ข้ำหลวงพม่ำทเ่ี ชยี งใหมจ่ ะทำหน้ำทป่ี กครองเชยี งใหม่ และดูแลเมอื งอ่นื ๆ ในลำ้ นนำ ในส่วนกำรปกครองภำยในของ

25ล้ำนนำ คงปฏิบตั ไิ ปตำมขนบธรรมเนียมประเพณีดงั้ เดมิ ของตน พม่ำจะควบคุมนโยบำยท่สี ำคญั คือตำแหน่งเจำ้ เมอื งและผลประโยชน์ทำงเศรษฐกจิ ซง่ึ อยใู่ นรปู กำรเกณฑแ์ รงงำนและ กำรส่งส่วยไปใหพ้ มำ่อย่ำงไรกต็ ำมกำรปกครองของพม่ำมกี ำรควบคุมทเ่ี ขม้ งวด โดยเฉพำะกำรเกณฑแ์ รงงำนทำสงครำมและกำรส่งส่วยสมยั ท่ีสอง ระหว่าง พ.ศ. 2207 – 2317 ประมาณ 110 ปี หลงั ฐำนะของลำ้ นนำเปล่ยี นไป คอื ถอื เป็นดนิ แดนส่วนหน่ึงของรำชอำณำจกั รพม่ำโดยกษัตรยิ ์พม่ำส่งขุนนำงชำว พม่ำมำปกครองร่วมกบั ชำวล้ำนนำ กำหนดให้ขุนนำงพม่ำมตี ำแหน่งสำคญั และมีอำนำจอยำ่ งแทจ้ รงิ ส่วนขนุ นำงลำ้ นนำอย่ใู นกำกบั ของขนุ นำงพมำ่ นอกจำกนนั้ ใน พ.ศ. 2244 พมำ่ ใชว้ ธิ ีแยกเชยี งแสนออกเป็นเขตสำคญั เพ่อื ทอนกำลงั ของเชยี งใหมล่ ง เน่อื งจำกเชยี งใหมเ่ ป็นแหล่งเคลอ่ื นไหวทำงกำรเมอื งต่อต้ำนพม่ำ เมอื งเชยี งแสนเป็นฐำนท่ีมนั่ สำคญั ของพม่ำจนกระทงั่ พม่ำหมดอำนำจในล้ำนนำ ใน พ.ศ. 2347 อย่ำงไรก็ตำม ในสมัยพระเจ้ำฉินบูชินหรอื มงั ระ (พ.ศ. 2306 – 2319) แห่งรำชวงศ์คอนบอง ปกครองล้ำนนำได้เพยี ง 11 ปี (พ.ศ. 2306 – 2317) เชยี งใหม่ก็หนั ไปสวำมภิ กั ดติ ์ ่อสยำม นโยบำยพมำ่ ช่วงสุดทำ้ ยน้ปี กครองอยำ่ งเฉียบขำดมำกขน้ึ โดยส่งโป่แมท่ พั มำปกครองแทนเมยี วหวุ่น ซง่ึ โปม่ กั จะใชอ้ ำนำจขดู รดี เกบ็ เกย่ี วผลประโยชน์มำเป็นของตนอยำ่ งมำก และใชอ้ ำนำจตำมอำเภอใจสรำ้ งควำมทุกข์ยำกแก่รำษฎร นอกจำกนัน้ ข้ำหลวงพม่ำขดั แยง้ กบั ขุนนำงท้องถ่ิน เพรำะโป่ดงึ อำนำจและผลประโยชน์จำกส่วยและเกณฑ์แรงงำนไพร่ไปจำกท้องถ่ิน โดยท่ขี ุนนำงท้องถ่นิ เสยี ผลประโยชน์จำกส่วยวฒั นธรรมอำณำจกั รมอญโบรำณความขดั แจ้งระหว่างโป่ กบั ขนุ นางท้องถิ่นนาไปส่กู ารส้รู บ ดงั พบว่ำพระญำจ่ำบำ้ น (บุญมำ) รบกบั โป่หวั ขำว พระญำจ่ำบำ้ นมกี ำลงั ไม่พอจงึ ชกั ชวนพระเจำ้ กำวลิ ะร่วมกนั สวำมภิ กั ดพิ ์ ระเจำ้ ตำกสนิ กองทพั พระเจำ้ ตำกสนิ และร่วมกบั ผู้นำชำวลำ้ นนำช่วยกนัขบั ไล่พม่ำไปจำก เชยี งใหม่สำเรจ็ เม่อื พ.ศ. 2317 นับตงั้ แต่นัน้ มำ เชยี งใหม่จงึ มฐี ำนะเป็นเมอื งประเทศรำชของไทยน่ำสงั เกตในสมยั พม่ำ ปกครองมคี วำมเคล่ือนไหวของกลุ่มกำรเมอื งตอบโต้พม่ำอย่ำงต่อเน่ือง พม่ำก็ใช้วธิ ยี กทบั มำปรำบกนั เป็นระยะ ๆ กำรต่อต้ำนพม่ำของชำวล้ำนนำมขี ้อจำกดั เพรำะควำมเป็นรฐั ในหุบเขำเป็นเง่อื นไข ทำใหค้ วำมร่วมมอื กนั ทำได้ยำก ดงั นัน้ แต่ละเมอื งมกั ต่อสูอ้ ย่ำงโดดเดย่ี วและพม่ำคงพบขอ้ จำกดั น้ี จงึ ใชว้ ธิ แี บ่งแยกแลว้ ปกครองโดยแบ่งแยกเมอื งต่ำง ๆ ออกจำกกนั ให้ทุกเมอื งข้นึ กับพม่ำกำรต่อต้ำนอำนำจพม่ำได้ปรบั เปล่ยี นไปตำมสถำนกำรณ์ คือช่วงแ รก ต้นพุทธศตวรรษท่ี 22 เม่อื พม่ำยดึ ครองลำ้ นนำใหม่ ๆ ลกั ษณะกำรต่อตำ้ นอยใู่ นกลุ่มเจำ้ นครรฐั ต่ำง ๆ เจำ้ นครรฐัท่ตี ่อต้ำน เช่น พระเมกุฏิ หรอื ท้ำวแม่กุ เจำ้ เมอื งเชยี งแสน เจำ้ เมอื งเชียงรำย เจ้ำเมอื งน่ำน เจำ้ เมอื งลำปำง โดยมพี ระไชยเชษฐำ จำกล้ำนชำ้ งเป็นผู้นำ กองทพั พม่ำได้ยกมำปรำบปรำมสำเรจ็ สำเหตุทเ่ี จำ้นครรฐั ต่อต้ำนเพรำะพม่ำได้ดงึ ผลประโยชน์จำกทอ้ งถนิ่ ไปพม่ำ คอื กำรให้ส่งบรรณำกำรและส่วย และเกณฑ์กำลังคน ดังนั้นแม่เจ้ำนครยังมีหน้ำท่ีปกครองตำมจำรีตของตนเอง แต่อยู่ในฐำนะเสียผลประโยชน์ ในระยะหลงั คอื ปลำยพุทธศตวรรษท่ี 23 ถงึ ต้นพุทธศตวรรษท่ี 24 กลุ่มกำรเมอื งท้องถน่ิต่อต้ำนพม่ำมคี วำมหลำกหลำยมำกขน้ึ เช่นมกี ลุ่มพระสงฆ์ คนบุญ มกี ลุ่มไพร่ตงั้ เป็นกองโจร และกลุ่มเจำ้ นครรฐั แต่ละกลุ่มกระทำกนั ไปตำมลำพงั เพรำะพม่ำพยำยำมเขำ้ ควบคุมทต่ี ำแหน่งเจำ้ เมอื งมำกขน้ึ

26ตำแหน่งเจำ้ เมอื งสำคญั เป็นชำวพม่ำ ส่วนเมอื งระดบั เลก็ นัน้ อำจเป็นชำวพม่ำหรอื ไทใหญ่ หำกเป็นชำวพ้นื เมอื งก็ต้องภกั ดตี ่อพม่ำลกั ษณะเช่นน้ีทำให้กำรเคล่อื นไหวลง สู่ระดบั ล่ำมมำกข้นึ สถำนกำรณ์ในลำ้ นนำในช่วงปลำยสมยั พมำ่ ปกครองจงึ เกดิ รฐั บำลทอ้ งถน่ิ กระจำยตวั อยทู่ วั่ ไป ซง่ึ บำงครงั้ กส็ รู้ บั กนั เองบำงครงั้ ก็สู้รบกับพม่ำ บ้ำนเมืองล้ำนนำมีสภำพระส่ำระสำย เม่ือรำวพุทธศตวรรษท่ี ๑๙ บริเวณภำคเหนือตอนบน ของประเทศไทยซง่ึ รวมไปถงึ ดนิ แดนบำงสว่ นของประเทศพม่ำ จนี ลำว เคยเป็นทต่ี งั้ของชนกลุ่มหน่ึงท่ีมกี ำรปกครองเป็นแคว้นอิสระ ในช่ือท่ีเรยี กกันว่ำ ล้ำนนำกลุ่มบ้ำนเมืองกลุ่มน้ีมีควำมสมั พนั ธก์ นั ทงั้ ในทำงกำรเมอื ง เชอ้ื ชำติ ศำสนำ ประเพณี และศลิ ปวฒั นธรรม มเี มอื งเชยี งใหม่ เป็นศูนยก์ ลำงกำรปกครอง และมคี วำมเจรญิ รงุ่ เรอื งมำกในช่วง พุทธศตวรรษท่ี ๒๐ - ๒๑ และไดเ้ ส่อื มสลำยลงและตกอย่ภู ำยใตอ้ ทิ ธพิ ลของพม่ำในช่วงพุทธศตวรรษท่ี ๒๒ แต่ไดพ้ ยำยำมกอบกูเ้ อกรำชไดบ้ ำ้ งเป็นครงั้ ครำว จนถงึ พุทธศตวรรษท่ี ๒๔ ไดต้ กเป็นเมอื งขน้ึ ต่อกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ และไดถ้ ูกรวมเป็นส่วนหน่ึงของ ประเทศสยำม ในพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๕ เป็นต้นมำ จะเหน็ ไดว้ ำ่ ประวตั ศิ ำสตรอ์ นั ยำวนำน ของลำ้ นนำได้หล่อหลอมให้ผู้คนในดนิ แดนแห่งน้ีมแี บบแผนทำงศลิ ป วฒั นธรรม ประเพณี ต่ำงๆ ทม่ี ลี กั ษณะเป็นของตนเอง มคี วำมแตกต่ำงไปจำกผคู้ นในดนิ แดนอ่นืกว่าจะมาเป็ นล้านนา ถงึ แมว้ ำ่ สภำพภูมศิ ำสตรท์ ำงภำคเหนือจะเป็นเทอื กเขำสลบั ซบั ซอ้ นเป็นจำนวนมำก แต่กม็ ที ร่ี ำบลุ่มระหว่ำงหุบเขำ มแี ม่น้ำใหลผ่ำน ทำให้พน้ื ทร่ี ำบน้ีอุดมสมบูรณ์ จงึ มคี นเขำ้ มำอย่อู ำศยั มำตงั้ แต่ดกึ ดำบรรพ์ จนถงึ ตอนตน้ พุทธศตวรรษท่ี ๑๙ ไดพ้ บว่ำ มกี ลุ่มบำ้ นเมอื งเกดิ ขน้ึ อย่แู ลว้ กระจดั กระจำย ตำมท่ีรำบลุ่มแม่น้ำสำยต่ำงๆซ่งึ เกิดเป็นลกั ษณะแคว้นเล็กๆ แต่ละแคว้นเป็นอิสระต่อกันแต่ส่วนมำกจะมีควำมสมั พนั ธก์ นั ลกั ษณะเครอื ญำติ และทำงกำรคำ้ ซง่ึ มแี ควน้ สำคญั ๆดงั น้ีล้านนาสมยั เป็นเมืองประเทศราชของไทย (พ.ศ. 2317 – 2427) หลงั จำกเสรจ็ สงครำมขบั ไล่พมำ่ ออกจำกเชยี งใหม่ พ.ศ. 2317 แลว้ พระเจำ้ ตำกสนิ ทรงตอบแทนควำมดคี วำมชอบโดยโปรดเกลำ้ ฯ แต่งตงั้ พระญำจ่ำบำ้ น (บุญมำ) เป็นพระยำวเิ ชยี รปรำกำรครองเมอื งเชยี งใหม่ พระเจำ้ กำวลิ ะครองเมอื งลำปำง และทรงอบอำญำสทิ ธแิ ์ ก่เจำ้ เมอื งทงั้ สองใหป้ กครองบำ้ นเมอื งตำมธรรมเนียมเดมิ ของลำ้ นนำ อยำ่ งไรกต็ ำมปญั หำพมำ่ ยงั ไมห่ มดไป พมำ่ ยงั พยำยำมยดึ เชยี งใหมก่ ลบั คนื โดยยกกองทพั เขำ้มำหลำยครงั้ (ครงั้ แรก พ.ศ. 2318) พระญำจำ่ บำ้ นป้องกนั เมอื งเชยี งใหมอ่ ยำ่ งเขม้ แขง็ แต่ในทส่ี ุดกร็ กั ษำเมอื งไว้ ไมไ่ ด้ เพรำะผคู้ นในเมอื งเชยี งใหม่มนี ้อยและอยใู่ นสภำพอดอยำกมำก พระญำจำ่ บำ้ นจงึ ถอยไปตงั้ มนั่ ทท่ี ำ่ วงั พรำ้ วและลำปำง เมอ่ื กองทพั พมำ่ กลบั ไป พระญำจ่ำบำ้ นกก็ ลบั ไปตงั้ เมอื งเชยี งใหมอ่ กี ในช่วงเวลำสนั้ ๆ จงึ มลี กั ษณะกลบั ไปกลบั มำ ในช่วงปลำยสมยั ธนบุรเี ชยี งใหมถ่ ูกปล่องใหเ้ ป็นเมอื งรำ้ งรวมทงั้ เมอื งอ่นื ๆ ในลำ้ นนำดว้ ย จะมแี ต่เมอื งลำปำงทเ่ี ป็นแหล่งทม่ี นั่ ของฝำ่ ยไทยเมอ่ื พระบำทสมเดจ็พระพทุ ธยอดฟ้ำจฬุ ำโลกมหำรำชขน้ึ ครองรำชย์ ทรงโปรดเกลำ้ ฯ แต่งตงั้ พระเจำ้ กำวลิ ะเป็นเจำ้ เมอื งเชยี งใหมแ่ ทนพระญำจ่ำบำ้ นซง่ึ เสยี ชวี ติ ลงในปลำยสมยั ธนบุรี และทรงโปรดเกลำ้ ฯ ใหน้ ้องของพระเจำ้กำวลิ ะดำรงตำแหน่งสำคญั ในเมอื งเชยี งใหมแ่ ละลำปำง เพ่อื รว่ มกนั สรำ้ งควำมเป็นปึกแผ่นแก่ลำ้ นนำ

27พระเจำ้ กำวลิ ะจงึ ทำหน้ำทส่ี รำ้ งบำ้ นแปลงเมอื งเชยี งใหม่อกี ครงั้ หน่งึ และโดยทเ่ี ชยี งใหมอ่ ยใู่ นอทิ ธพิ ลของพมำ่ พระเจำ้ กำวลิ ะไมส่ ำมำรถตงั้ เมอื งเชยี งใหมไ่ ดท้ นั ทจี งึ เรมิ่ ดว้ ยกำรตงั้ มนั่ ทเ่ี วยี งปำ่ ซำงใน พ.ศ.2325 ก่อน และตงั้ มนั่ อยทู่ น่ี นั้ ถงึ 14 ปี จงึ สำมำรถเขำ้ ตงั้ เมอื งเชยี งใหมไ่ ดใ้ น พ.ศ. 2334 ซง่ึ เป็นปีท่ีเชยี งใหม่มอี ำยคุ รบ 500 ปี สว่ นอทิ ธพิ ลของพมำ่ ในลำ้ นนำถอื ว่ำสน้ิ สุดลงในสงครำมขบั ไล่พม่ำ พ.ศ.2347 โดยกองทพั ชำวลำ้ นนำรว่ มกบั กองทพั ไทยยกไปตเี มอื งเชยี งแสนทม่ี นั่ ของพมำ่ ได้ สำเรจ็ พระเจำ้ กำวลิ ะได้ฟ้ืนฟูเมอื งเชยี งใหม่ โดยกำร “ เก็บผกั ใส่ซ้ำเก็บขำ้ ใส่เมอื ง ” หรอื รวบรวมพลเมอื งเขำ้ มำตงั้ ถน่ิ ฐำนในเมอื งเชยี งใหม่ โดยใช้วธิ กี ำรกวำดต้อนชำวเมอื งทห่ี ลบหนีเขำ้ ป่ำและกวำดต้นผู้คนจำกสบิ สองพนั นำและรฐั ฉำนมำเชยี งใหม่ เชยี งใหม่จงึ พ้นจำกสภำพเมอื งรำ้ งและยงั ได้ขยำยอำณำเขตออกไปอยำ่ งกวำ้ งขวำง อกี ดว้ ย นอกจำกนัน้ พระเจำ้ กำวลิ ะได้ฟ้ืนฟูเชยี งใหม่ในรปู แบบต่ำง ๆเช่น รำชประเพณี โดยกระทำพธิ รี ำชำภเิ ษกสถำปนำรำชวงศ์เจำ้ เจด็ ตน ในลกั ษณะเดยี วกบั รำชวงศ์มงัรำย กำรสรำ้ งกำแพงเมอื งขน้ึ ใหม่ กำรสรำ้ งอนุสำวรยี ช์ ำ้ งเผอื ก และกำรทำนุบำรุงพุทธศำสนำ เป็นต้นเชยี งใหมใ่ นสมยั พระเจำ้ กำวลิ ะจงึ มคี วำมเจรญิ มนั่ คงเป็นปึกแผน่ และเป็นศนู ย์ กลำงของลำ้ นนำทเ่ี ขม้ แขง็และหลงั จำกสมยั พระเจำ้ กำวลิ ะแล้วก็มเี จำ้ เมอื งปกครองต่อมำ รำชวงศ์เจ้ำเจด็ ตนรวมทงั้ ส้นิ มี 9 องค์นโยบำยและวธิ กี ำรปกครองดนิ แดนหวั เมอื ง ประเทศรำชลำ้ นนำ ประกอบดว้ ย เชยี งใหม่ ลำพนู ลำปำงแพร่ และน่ำนมลี กั ษณะระมดั ระวงั ทงั้ น้เี ป็นผลมำจำกกำรทล่ี ำ้ นนำเคยอยภู่ ำยใตก้ ำรปกครองของพมำ่ ถงึ200 กวำ่ ปีย่อมควำมใกลช้ ดิ กบั พม่ำมำก และในขณะเดยี วกนั พมำ่ กพ็ ยำยำมแยง่ ชงิ ลำ้ นนำกลบั คนื ไปอกีรฐั บำลกลำงจงึ ปกครองล้ำนนำโดยไม่ไปกดขอ่ี ย่ำงท่พี ม่ำเคยทำกบั ล้ำนนำ แต่กลบั ใช้วธิ กี ำรปกครองแบบผูกใจเจำ้ นำยเมอื งเหนือ โดยยอมผ่อนผนั ให้เจำ้ เมอื งมอี สิ ระในกำรปกครองภำยใน เศรษฐกจิ กำรศำล กำรต่ำงประเทศ และ ขนบธรรมเนียมประเพณี ตลอดจนยกย่องใหเ้ กยี รตแิ ก่เจำ้ เมอื งในโอกำสอนัควร โครงสรำ้ งทำงกำรเมอื งกำรปกครอบภำยในลำ้ น นำเป็นรปู แบบทแ่ี ต่ละเมอื งประกอบดว้ ยตำแหน่ง “เจำ้ ขนั ทงั้ ห้ำ ” หรอื เจ้ำผู้มพี ำนเป็นเคร่อื งประกอบยศ คอื เจำ้ ขนั 5 ใบ ได้แก่ เจำ้ เมอื ง พระยำอุปรำชพระยำรำชวงศ์ พระยำรำชบุตร และพระยำบุรรี ตั น์ ตำมทฤษฎตี ำแหน่งเจำ้ ขนั 5 ใบน้ี รฐั บำลกลำงเป็นผู้แต่งตงั้ และถอดถอน แต่ในทำงปฏบิ ตั เิ จำ้ นำยชนั้ สูงในล้ำนนำจะเสนอผู้ทเ่ี หน็ สมควรจะไดร้ บั ตำแหน่งซง่ึ ทำงรฐั บำลกลำงมกั จะแต่งตงั้ ไปตำมทเ่ี สนอมำ นบั ว่ำกำรเมอื งภำยในลำ้ นนำมอี สิ ระอย่มู ำก นอกจำกตำแหน่งเจำ้ ขนั 5 ใบแลว้ ยงั มคี ณะกรรมกำรเรยี กวำ่ “ เคำ้ สนำมหลวง ” จำนวน 32 คน เคำ้ สนำมหลวงมีหน้ำทเ่ี ป็นทป่ี รกึ ษำของเจำ้ เมอื งและช่วยในกำรบรหิ ำรบำ้ น เมอื ง สว่ นผลประโยชน์ทำงเศรษฐกจิ ภำยในลำ้ นนำในช่วงก่อนรวมอำนำจเขำ้ ส่สู ่วนกลำง นนั้ รฐั บำลกลำงจะถอื ว่ำเจำ้ เมอื งมสี ทิ ธทิ จ่ี ะแสวงหำรำยได้และจบั จ่ำยใช้สอยได้ อยำ่ งอสิ ระ นอกจำกนนั้ ดำ้ นกำรศำลกใ็ ชก้ ฎหมำยท้องถน่ิ และใช้กำรตดั สนิ ใจตำมประเพณีของ บำ้ นเมอื ง อย่ำงไรกต็ ำมวธิ กี ำรปกครองดงั กล่ำว มไิ ดห้ มำยควำมว่ำลำ้ นนำจะเป็นอสิ ระเสยี ทเี ดยี ว เพรำะรฐั บำลกลำงไดค้ วบคุมทำงอ้อม เช่น กำรแต่งตงั้ ตำแหน่งเจำ้ เมอื งและขุนนำนระดบั สูงกำรถอื น้ำพระพพิ ฒั น์สตั ยำ กำรส่งต้นไมท้ องเงนิ และเครอ่ื งรำชบรรณำกำร ส่วย กำรเกณฑส์ งิ่ ของและกำรเกณฑใ์ นรำชสงครำม เป็นต้น วธิ กี ำรควบคุมเมอื งต่ำง ๆ ลำ้ นนำในฐำนะเมอื งประเทศรำชดงั กล่ำวแม้จะไม่รดั กุมเท่ำไรนักก็ตำม แต่ก็เหมำะสมกับสภำวกำรณ์ในสมยั นัน้ ซ่ึงรฐั บำลกลำงมกี ำลงั น้อยควบคุมไม่ถงึ กำรคมนำคมกไ็ มส่ ะดวก ในส่วนเจำ้ เมอื งกต็ อ้ งกำรมสี ทิ ธใิ นกำรปกครองตนเองตำมสมควรนับว่ำรูปแบบปกครองขณะนัน้ ไม่ก่อให้เกิดปญั หำอย่ำงใดต่อรฐั บำลกลำง กำรเปล่ยี นแปลงในรูปท่ี

28รฐั บำลต้องเขำ้ ไป ควบคุมกจิ กำร ภำยในหวั เมอื งประเทศรำชลำ้ นนำมำกขน้ึ ตำมลำดบั จนกระทงั่ ในทส่ี ุดก็ผนวกเอำล้ำนนำเขำ้ เป็นดนิ แดนส่วนหน่ึงของไทยนัน้ เกดิ ขน้ึ ในสมยั รำชกำรท่ี 5 ซง่ึ เป็นยุคแห่งกำรปรบั ปรุงประเทศตำมแบบตะวนั ตก ด้ำนกำรปกครองหวั เมืองมีกำรยกเลิกระบบกำรปกครองเมอื งประเทศรำช ซง่ึ เคยปฏบิ ตั กิ นั มำชำ้ นำนโดยจดั ตงั้ กำรปกครองแบบมณฑลเทศำภบิ ำลขน้ึ แทน มขี ำ้ หลวงเทศำภบิ ำลซง่ึ รฐั บำลกรงุ เทพฯ ส่งไปปกครองและขน้ึ สงั กดั กระทรวงมหำดไทย ระบบมณฑลเทศำภบิ ำลท่ีจดั ตัง้ ข้ึน จึงเป็นกำรสร้ำงควำมเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันของชำติรฐั ซ่ึงมีอำนำจรวมศูนย์ท่ีองค์พระมหำกษตั รยิ ์ สำเหตุท่ที ำใหร้ ฐั บำลกรุงเทพฯ ตอ้ งเขำ้ ไปจดั กำรหวั เมอื งลำ้ นนำ เกดิ จำกกำรเขำ้ มำของคนองั กฤษและคนในบงั คบั องั กฤษ (พวกมอญ พม่ำ) ในลำ้ นนำซง่ึ เพม่ิ มำกขน้ึ ในสมยั พระเจำ้ กำวโิ ลรสสรุ ยิ วงศ์ (พ.ศ. 2399 – 2439) และสมยั พระเจำ้ อนิ ทวชิ ยำนนท์ (พ.ศ. 2416 – 2434) โดยเฉพำะคนในบงั คบั องั กฤษได้เช่ำทำสมั ปทำนป่ำไมจ้ ำกเจำ้ เมอื งเชยี งใหม่เป็น จำนวนมำก นอกจำกนัน้ ตำมหวั เมอื งชำยแดนระหว่ำงเชยี งใหม่กบั พม่ำเกดิ ควำมวุ่นวำย มโี จรผู้รำ้ ยปลน้ คนในบงั คบั องั กฤษทเ่ี ดนิ ทำงตดิ ต่อคำ้ ขำยระหว่ำงพม่ำกบั ลำ้ น นำ ปญั หำทเ่ี กดิ ขน้ึ ดงั กล่ำวทำใหฝ้ ่ำยองั กฤษเสยี ผลประโยชน์ รฐั บำลไทยในสมยั รชั กำรท่ี 5 จงึ เรม่ิ แทรกอำนำจในลำ้ นนำ ซง่ึ นับเป็นดนิ แดนแห่งแรกในประเทศทเ่ี กดิ ปญั หำก่อนท่ีอ่นื ๆ ในสมยั รชั กำลท่ี 7 ไดม้ กี ำรกำหนดเป็นนโยบำยกำรยกเลกิ ตำแหน่งเจำ้ เมอื งฝำ่ ยเหนอื ทกุ องค์โดยถอื วำ่ ตงั้ แต่ พ.ศ. 2469 เป็นตน้ ไป หำกตำแหน่งเจำ้ เมอื งใดวำ่ งลง จะไมโ่ ปรดเกลำ้ ฯแต่งตงั้ ขน้ึ อกีสว่ นเจำ้ เมอื งต่ำง ๆ ทย่ี งั คงมชี วี ติ อยกู่ ไ็ ดเ้ งนิ เดอื นตลอดไปจนถงึ แก่พริ ำลยั ซง่ึ เจำ้ จกั รคำขจรศกั ดิ ์ เจำ้เมอื งลำพนู องคส์ ดุ ทำ้ ย จงึ เป็นกำรสน้ิ สุดตำแหน่งเจำ้ เมอื งลำพนู โดยปรยิ ำย หลงั จำกคณะรำษฎรเปลย่ี นแปลงกำรปกครอง พ.ศ. 2475 มณฑลพำยพั จงึ ยบุ กม็ ฐี ำนะเป็นเพยี งจงั หวดั ลำพนู เช่น เดยี วกบัจงั หวดั อ่นื ๆในสว่ นกำรเปลย่ี นแปลงดำ้ นเศรษฐกจิ สงั คมกำรศกึ ษำ ขนบธรรมเนียมประเพณี วฒั นธรรมและเทคโนโลยสี มยั ใหมก่ ส็ ่รู ปู แบบเดยี วกบั กรงุ เทพฯ ดงั ทเ่ี หน็ อยใู่ นปจั จบุ นับรรณานุกรมจลุ พงศ์ ขนั ตพิ งศ.์ (2547). เล่ำเรอ่ื งเมอื งลำพนู .ลำพนู : หสม.ณฐั พลกำร พมิ พ์ (คณะบุคคล).วรเทวี (ณ ลำพนู ) ชลวณชิ . (2558). เพยี งภำพและควำมทรงจำ. กรุงเทพฯ : บ.อมรนิ ทรพ์ รน้ิ ตง้ิ แอนด์ พบั ลชิ ชงิ่ จำกดั .รศ.สุรพล ดำรหิ ก์ ุล. (2547). ประวตั ศิ ำสตรแ์ ละศลิ ปะหรภิ ุญไชย. กรงุ เทพฯ : ด่ำนสุทธำกำรพมิ พ.์สวุ ภิ ำ จำปำวลั ย.์ (2554). ประวตั ศิ ำสตรท์ อ้ งถน่ิ เมอื งลำพนู . แผนงำนสรำ้ ง เสรมิ กำรเรยี นรกู้ บั สถำนบนั อุดมศกึ ษำเพ่อื พฒั นำ..........แสวง มำละแซม. (2549). เกดิ อะไรขน้ึ เมอ่ื 200 ปีเมอื งลำพนู . ลำพนู : หสม.ณฐั พลกำรพมิ พ์ (คณะบคุ คล).

29สำนกั งำนศกึ ษำธกิ ำรจงั หวดั ลำพนู . (2538). มรดกทำงวฒั นธรรมจงั หวดั ลำพนู . ลำพนู : ณฐั พลกำรพมิ พ.์สำนกั โบรำณคดแี ละพพิ ธิ ภณั ฑสถำนแหง่ ชำติ กรมศลิ ปำกรกระทรวงศกึ ษำธกิ ำร. (2542).พพิ ธิ ภณั ฑสถำน แห่งชำตหิ รภิ ุญไชย จงั หวดั ลำพนู . กรงุ เทพฯ : บ.อมรนิ ทรพ์ รน้ิ ตง้ิ แอนดพ์ บั ลชิ ชงิ่ จำกดั .เอกสำรประกอบกำรฝึกอบรม หลกั สตู ร “อำสำสมคั รมคั คเุ ทศกเ์ พ่อื กำรทอ่ งเทย่ี ว” โดย ศนู ยพ์ ฒั นำฝีมอื แรงงำนรว่ มกบั เทศบำลเมอื งลำพนู วทิ ยำกร ดร. เพญ็ สุภำ สขุ คตะใจอนิ ทร์, อำจำรยอ์ นุวตัเชอ้ื เยน็ยอดกษตั รยิ จำมเทวี ศรลี ำนนำ : ธรรมนิตย์ ชำนำญ บรษิ ทั ไทยควอลติ บ้ี ๊คุ ส(์ 2006) จำกดัเล่ำขำนเมอื งลำพูน : เทศบำลเมอื งลำพนู อภสั กำรพมิ พห์ นงั สอื เรยี น ประวตั ศิ ำสตรล์ ำ้ นนำเมอื งบรวิ ำรของแควน้ หรภิ ุญชยั ทม่ี ำ http://heritage.mod.go.th/nation/oldcity/lamphun3.htmชมุ ชนโบรำณในเขตเมอื งลำพนู ในยคุ ลำ้ นนำ ทม่ี ำhttp://heritage.mod.go.th/nation/oldcity/lamphun3.htmสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ทม่ี ำ http://heritage.mod.go.th/nation/oldcity/lamphun3.htmยคุ ปฏริ ปู กำรปกครองแผน่ ดนิทม่ี ำ http://heritage.mod.go.th/nation/oldcity/lamphun3.htmลำดบั เจำ้ ผคู้ รองนครลำพูนทม่ี ำ http://heritage.mod.go.th/nation/oldcity/lamphun3.htmชมุ ชนชำวมอญทบ่ี ำ้ นหนองดู่ จ.ลำพนูจำกเวบ็ ไซต์ http://muslimchiangmai.net (เป็นกำรถ่ำยทำรำยกำรพนั แสงรงุ้ )เมง็ ทม่ี ำ :http://www.openbase.in.th/node/6405ประวตั ศิ ำสตรล์ ำ้ นนำ ลำ้ นนำสมยั พมำ่ ปกครอง (พ.ศ. 2101-2317)ทม่ี ำ : เวบ็ ไซต์ http://www.openbase.in.th/node/6406


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook