1 เล่าขานตานานเมืองเก่าองคป์ ระกอบเมอื งเก่า ๑. คเู มอื ง ๒. กาแพงเมอื งและประตูเมอื ง แนวกาแพงเมอื งหรภิ ุญชยั เดมิ คงจะได้รบั การบูรณะมาหลายครงั้ แต่การบูรณะครงั้ ใหญ่เกดิ ขน้ึ ในสมยัของพระเมอื งแก้วในราวพทุ ธศตวรรษท่ี 21 แต่กย็ งั เหน็ ไดช้ ดั เจนวา่ คงยดึ ถอื ตามคตเิ ดมิ ตามทก่ี ล่าวไว้ในตานานการสรา้ งเมอื ง คอื คงมสี ณั ฐานคลา้ ยกบั เปลอื กหอยนนั่ เอง ลกั ษณะของกาแพงเมอื งลาพูนดงั กล่าว เป็นกาแพงทก่ี ่อดว้ ยอฐิ สอปนู มแี นวของ คเู มอื งอยดู่ า้ น นอกขนานไปกบั ตวั กาแพง เป็นแนวยาวเกอื บตลอดทงั้ 4 ด้านยกเวน้ ด้านตะวนั ออกทม่ี แี ม่น้ากวงไหลผ่านเป็นปราการทางธรรมชาติ ตวั กาแพงแบ่งออกเป็น สองส่วน คอื ส่วนฐานมคี วามสงู ประมาณ 3 เมตร ก่อด้วยศิลาแลง ด้านบนก่ออิฐทาเป็นรูปใบเสมา ประตูเมืองโดยรอบนั้นเดิมมีทัง้ หมด 6 แห่ง คือ ประตูท่าขาม ซง่ึ เป็นประตู ใหญ่ดา้ นหน้าเมอื ง หนั ออกส่แู ม่น้ากวงซง่ึ เป็นแม่น้า สายสาคญั ท่ีหลอ่ เลย้ี งชาวลาพนู มาแต่โบราณ ถดั ขน้ึ ไปทางทศิ เหนือของ ประตูท่าขามเป็นประตูเลก็ ๆ อย่ดู า้ นวดั พระธาตุหรภิ ุญชยั วรมหาวหิ าร คือ ประตูท่าสิงห์ ถดั จากประตูท่าสงิ ห์ ขน้ึ ไปทางทิศเหนือคอื ประตูท่านาง แต่เดมิ ตรงประตูน้ีมสี ะพานไมข้ นาดเลก็ ทอดไปยงั ฝงั่ ตรงกนั ขา้ ม ซ่งึ เป็นหม่บู า้ นเวยี งยองตรงกบัดา้ นหลงั ของ วดั หวั ขวั หมายถงึ วดั ทอ่ี ย่ตู รงหวั สะพานนัน่ เอง ด้านเหนือของ ตวั เมืองมีประตูช้างสีเพียงประตูเดียว ประตูแห่งน้ีมตี านานกล่าวถงึ ความเป็นมาของช่อื ประตูเมอื งคอื เม่อื ครงั้ ท่พี ระเจ้ามหนั ตยศและ พระเจ้าอนันตยศพระราชโอรสของพระนางเจ้าจามเทวไี ด้ช้างสาคญั คู่พระบารมชี ่อื“ผู้ก่างาเขยี ว” มาจากดอยอ่างสรงแลว้ ทรงนาช้าง เขา้ เมอื งทางประตูดา้ นทศิ เหนือของพระนคร ขณะท่ีชา้ งเดนิ ผ่านประตูเขา้ ไป ชา้ งไดเ้ อาสขี า้ งสกี บั ประตเู มอื งจงึ เป็นเหตุใหป้ ระตูน้ี ไดช้ ่อื ว่า ประตูช้างสี มาตราบเท่าทุกวนั น้ี ก่อนท่ีประตูช้างสีจะถูกรอ้ื ลงนัน้ ประตูช้างสีเป็นประตูแคบๆ มคี วามกว้างประมาณ 3 เมตรเท่านัน้ ผนังทงั้ สองขา้ งของประตูชา้ งสที าเป็นซุม้ โคง้ ภายในมรี ปู ปนั้ ของชา้ งโผล่มาแค่ขาค่หู น้าภายหลงั เม่อื มกี ารขยายประตเู มอื งในปี 2482 โดยขยายความกวา้ งของประตูเมอื งออกขา้ งละ 6เมตรทาให้รูปปนั้ ของช้างถูกร้อื ออกไปด้วย คงเหลอื เพียงแค่ขาคู่หน้าเท่านัน้ ต่อมาในปี 2491 ทางเทศบาลเมอื งลาพูนไดร้ อ้ื แนวกาแพงเมอื งลาพนู ลงจนเกอื บหมด คงเหลอื เพยี งประตูชา้ งสกี บั ประตูมหาวนั เท่านนั้ ดา้ นประตูชา้ งสนี นั้ ไดม้ กี ารตดั ทอนส่วนสงู ลงมาพรอ้ มกบั การขยายช่องประตูใหก้ วา้ งออกไปและมกี ารลบมุมของช่องประตูดา้ นในใหโ้ คง้ กบั เสน้ ทางจราจรในส่วนนัน้ ซง่ึ เป็น ทางแยกดงั ทเ่ี หน็ อย่ใู นปจั จุบนั ส่วนทางด้านตะวนั ตกมีประตูชื่อว่า ประตูมหาวนั ซง่ึ ในปจั จบุ นั น้ีคงเหลอื เพยี งแนวประตูดา้ นเหนือเป็นบางส่วนเทา่ นนั้ คอื ส่วนฐานทก่ี ่อดว้ ยศลิ าแลง ส่วนของประตูดา้ นใต้เหลอื ใหเ้ หน็ เพยี งกองอฐิ ดนิ เตย้ี ๆ เท่านนั้ ทางด้านทิศใต้ของตวั เมอื ง มีประตลู ี้เพียงประตเู ดียว ปจั จบุ นั ไมห่ ลงเหลอื สภาพของประตูเมอื งใหเ้ หน็ แลว้ กรมศลิ ปากรไดป้ ระกาศขน้ึ ทะเบยี นกาแพงเมอื ง ลาพูนเป็นโบราณสถาน เมอ่ืวนั ท่ี 7 มนี าคม พ.ศ.2478
2กาแพงเมอื งและคเู มอื งด้านประตลู ี้ เมื่อพ.ศ. 2459 ภาพถ่ายประตูเมอื งและกาแพงเมอื ง เมอ่ื คราวเจา้ พระยาวงศานุประพทั ธ์ (หมอ่ มราชวงศ์สทา้ น สนิทวงศ์ ณ อยธุ ยา) เสนาบดกี ระทรวงคมนาคม พรอ้ มคณะไดเ้ ดนิ ทางมาตรวจราชการมณฑลพายพั ณ จงั หวดั ลาพนู เมอ่ื พ.ศ. 2459 กาแพงเมอื งลาพนู ความชดั เจนในเรอ่ื งกาแพงเมอื งลาพนู นัน้ มไี ม่มาก แต่พอจะกล่าวถงึ จากนักวชิ าการบ้างว่าเวยี งโบราณสมยั หรภิ ุญชยั ตงั้ อย่ใู นบรเิ วณท่รี าบลุ่มแม่น้าการคมนาคมและการดาเนินชวี ติ จะอาศยั แม่น้าเป็นหลกั ตวั เวยี งมรี ปู ร่างเรขาคณิต “ส่เี หลย่ี ม” กาแพงเมอื งเป็นคนั ดนิ มี 2ชนั้ ตรงกลางระหว่างกาแพงเมอื งมคี นั่ ดว้ ยแนวคเู มอื ง ในรชั สมยั พระยาเมอื งแกว้ ตรงกบั พุทธศตวรรษท่ี 21 โปรดฯให้มกี ารบูรณะแนวกาแพงเมอื งลาพูนท่สี ร้างมาแต่พุทธศตวรรษท่ี 13 โดยมรี ายละเอียดบนั ทกึ ในหนังสอื “ตานานวดั พระธาตุหรภิ ุญชยั วรมหาวหิ าร” โดยอาจารยส์ งิ ฆะ วรรณสยั ปรวิ รรตจากตน้ ฉบบั เดมิ ทจ่ี ารลงใบลานดว้ ยอกั ขระลา้ นนาดงั น้ี
3 การบูรณะแนวกาแพงเมืองในสมัยพระเมืองแก้วนัน้ ถือเอาฤก ษ์แรกสร้างในวนั ท่ี 5 (วัน พฤหสั บด)ีขน้ึ 5 ค่า เดอื น 2 ปีรวายไจ้ (ปีชวด) ศกั ราชได้ 878 ยามคลาด (บ่าย) 20 น้า พระอาทติ ย์ พระพุธ พระเสาร์ อยรู่ าศปี ระจติ ร พระศุกรอ์ ยรู่ าศตี ุลย์ พระพฤหสั บดี อยรู่ าศสี งิ ห์ ลคั นาอย่รู าศกี รกฏ พระองั คารอยู่ราศเี มษ พระจนั ทรอ์ ยรู่ าศมี งั กร ฤกษ์ท่ี 23 เขยี นเป็นรปู ดวงกาแพงเมอื งหรภิ ุญไชย กาแพงเมอื งทส่ี รา้ งใหมน่ ้ีมปี รมิ ณฑลโดยรอบได้ 1,586 วา 2 ศอก มปี ระตูเมอื งโดยรอบ 6 แห่งประตูด้านหน้าเมอื งซ่งึ ตดิ กบั ลาน้ากวงมที งั้ สน้ิ 3 ประตู คอื ประตูท่าขาม หรอื ประตูท่าขา้ ม ถดั มาทศิเหนือ 182 วาเรยี กว่า ประตูท่าสงิ ห์ หรอื ประตูขวั เน่ืองจากประตูแห่งน้ีเคยมสี ะพานไมข้ นาดใหญ่ทอดขา้ มไปส่ฝู งั่ ตะวนั ออก ถดั ขน้ึ ไปอกี 162 วา 1 ศอก คอื ประตูทา่ นาง ดา้ นเหนือของเมอื งหรอื ทเ่ี รยี กมาแต่เดมิ ว่า “หวั เวยี ง” นนั้ มปี ระตเู พยี งแห่งเดยี วคอื ประตูชา้ งสี อยหู่ า่ งจากประตูท่านาง 175 วา ในการบูรณะกาแพงเมอื งครงั้ นัน้ พระเมอื งแก้ว โปรดฯ ให้ “พนั หยาน้อย” เป็นผู้ควบคุมการ ก่อสรา้ งใชว้ สั ดใุ นการก่อสรา้ งดงั รายการต่อไปน้ี ใชศ้ ลิ าแลงทงั้ สน้ิ 56,780 กอ้ น อฐิ 6,315,000 กอ้ น เป็นกาแพงเมอื งทก่ี ่อดว้ ยอฐิ สอปนู มคี วามสูงประมาณ 3 เมตร ดา้ นบนก่อเป็นรปู คล้ายใบเสมา แนวกาแพงนครหริกุญไชยและคเู มอื งทบ่ี รู ณะในสมยั พระเมอื งแกว้ ยงั คงหลงเหลอื ใหเ้ หน็ ในปจั จบุ นั เพยี งบางส่วน วนั ท่ี 15 พฤษภาคม 2482 เทศบาลเมอื งลาพูนไดข้ ออนุญาตรอ้ื กาแพงเมอื งลาพูน รวม 6 แห่ง เพ่อืเช่อื มกับแนวถนนด้านในเขตเมอื งทงั้ น้ีเพ่อื ความสะดวกในทางคมนาคม ทางคณะกรรมการจงั หวดัพจิ ารณาแลว้ เหน็ ควรอนุญาตให้รอ้ื ได้ รวมทงั้ กรมศลิ ปากรพจิ ารณาไม่ขดั ขอ้ งประการใด อนุญาตใหร้ อ้ืกาแพงเมอื ง ลงนามโดยหลวงวจิ ติ รวาทการ กาแพงเมอื งลาพนู ทเ่ี ทศบาลขออนุญาตรอ้ื รวมทงั้ สน้ิ 6 แหง่ คอื 1. ประตูชา้ งสี รอ้ื ออกขา้ งละ 6 เมตร 2. บรเิ วณมมุ เมอื งทางดา้ นทศิ เหนือ หน้าบา้ นหลวงมานติ ธนากร รอ้ื ออก 20 เมตร 3. ทข่ี า้ งหนองดอก รอ้ื ออก 20 เมตร 4. มมุ เมอื งดา้ นทศิ ใต้ รอ้ื 20 เมตร ตรงหนองดอก 5. มมุ เมอื งตรงทอ่ วดั ธงสจั จะ รอ้ื ออก 20 เมตร 6. ประตูท่านาง ขา้ งดา้ นเหนอื รอ้ื ออก 10 เมตร วนั ท่ี 24 กุมภาพนั ธ์ 2486 เทศบาลเมอื งลาพนู ทาเรอ่ื งขออนุญาตรอ้ื กาแพงเมอื งลาพนู ผ่าน
4คณะกรรมการจงั หวดั ลาพูน ถงึ กรมศิลปากร และกรมศิลปากรอนุญาตลงนามโดยอธบิ ดกี รมศิลปากรนายยง ส.อนุมานราชธน โดยมกี ารรอ้ื แนวกาแพงเมอื งลาพนู ออกอกี 7 แห่งไดแ้ ก่ 1. กาแพงดา้ นตะวนั ตกตรงแนวตรอกวดั ชา้ งสี 2. กาแพงดา้ นตะวนั ตกแนวตรอกวดั ศรบี ุญเรอื ง 3. กาแพงดา้ นตะวนั ตกแนวถนนราชวงค์ 4. กาแพงดา้ นตะวนั ตกตรงแนวถนนแวน่ คา 5. กาแพงดา้ นตะวนั ออกตรงแนวถนนอฐั ถารส 6. กาแพงดา้ นตะวนั ออกตรงแนวถนนชยั มงคล 7. กาแพงดา้ นใตต้ รงแนวตรอกทต่ี ดั จากถนนวงั ขวาลงไป และวนั ท่ี 28 ธันวาคม 2491 เทศบาลเมอื งลาพูนได้ขออนุญาตร้ือกาแพงเมืองลาพูนผ่านคณะกรรมการจงั หวดั ลาพูน ถึงกรมศลิ ปากร และกรมศิลปากรอนุมตั ิลงนามโดย พระเจ้าวรวงค์เธอพระองคเ์ จา้ ภานุพนั ธ์ยคุ ล รกั ษาการในตาแหน่งอธบิ ดกี รมศลิ ปากร กาแพงท่เี ทศบาลเมอื งลาพูน ขออนุญาตรอ้ื ไดแ้ ก่ กาแพงเมอื งทศิ เหนือตงั้ แต่มุมเมอื งทางทศิ ตะวนั ตกถงึ ประตูท่านาง มคี วามยาว 200เมตร ดว้ ยเหน็ ว่ากาแพงเมอื งน้ีไม่มคี วามความสาคญั อนั ควรถอื เป็นโบราณวตั ถุเท่าใดนัก ประกอบกบัชารดุ ทรดุ โทรมและหกั พงั ไปเป็นส่วนมาก บางแห่งคงเหลอื แต่เพยี งซากของกาแพง บางแห่งกก็ าลงั จะพัง อาจเป็นอันตรายแก่ประชาชนและให้คงเหลือไว้เฉพาะตัวประตูเมือง โดยเทศบาลเมืองลาพูนขณะนนั้ ใหเ้ หตุผลว่าเป็นการสง่ เสรมิ ความเจรญิ ของบา้ นเมอื งในดา้ นความสวยงามและการขยายตวั เมอื งใหก้ วา้ งขวางออกไป รายการอ้างอิง อนุสรณ์งานฌาปนกจิ ศพ คุณพ่อประสงค์ ปญั ญาภู : สมดุ ภาพ \"ภาพเก่าเล่า เรอ่ื งเมอื งลาพนู \". (2552). ม.ป.ท. : ม.ป.พ. https://www.m-culture.go.th/ilove/ewt_snews.php?s=bGFtcGh1bkBAQDUwMw== http://library.cmu.ac.th/ntic/picturelanna/detail_picturelanna.php?picture_id=1927 http://www.chiangmainews.co.th/page/archives/533869
5• ศิลปะหริภญุ ไชย ขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า เล่าเรื่องเมอื งเก่าลาพนู
6 เมอื งเก่า หมายถงึ เมอื งหรอื บรเิ วณของเมอื งทม่ี ลี กั ษณะพเิ ศษเฉพาะแห่งสบื ต่อมาแต่กาลก่อนและมเี อกลกั ษณ์ของวฒั นธรรมท้องถ่ิน หรอื มรี ปู แบบผสมผสานของสถาปตั ยกรรมท้องถิน่ การรกั ษาคุณค่าและความหลากหลายทางวฒั นธรรมของเมอื ง สามารถเสรมิ สรา้ งคุณค่าทางเศรษฐกจิ สงั คมและวฒั นธรรมของจงั หวดั และประเทศไดเ้ ป็นอย่างดี ในประเทศไทยปรากฏเมอื งเก่ามากมายกระจายอย่ใู นทุกภาคของประเทศ เมอื งเก่าจานวนมากเป็นพ้นื ทท่ี ่มี ปี ระชากรใชป้ ระโยชน์เป็นทต่ี งั้ ชุมชนต่อเน่ืองมาจนถงึ ปจั จุบนั เมอื งเก่าเหล่าน้ีมปี ระวตั คิ วามเป็นมายาวนาน มเี ร่อื งราวของการเปลย่ี นแปลงทางสงั คมและวฒั นธรรมตามช่วงเวลาต่างๆ อยา่ งมากมาย การอนุรกั ษ์และพฒั นาเมอื งเก่าในประเทศไทย เรมิ่ ต้นในพ้นื ท่เี กาะรตั นโกสนิ ทร์ ซ่งึ สามารถดาเนินการสัมฤทธิผ์ ลอย่างเป็นรูปธรรม และได้ขยายการดาเนินงานไปยังพ้ืนท่ีเมืองเก่าอ่ืนๆคณะกรรมการอนุรกั ษ์และพฒั นากรงุ รตั นโกสนิ ทรแ์ ละเมอื งเก่า โดยความเหน็ ชอบของคณะรฐั มนตรี ได้กาหนดขอบเขตพ้นื ท่เี มอื งเก่า 10 เมอื ง เป็นเมอื งเก่ากลุ่มท่ี 1 ได้แก่ เชยี งใหม่ ลาปาง กาแพงเพชรพษิ ณุโลก ลพบุรี พมิ าย นครศรธี รรมราช และสงขลา เม่อื วนั ท่ี 9 พฤศจกิ ายน 2553, เมอื งลาพูน เม่อืวันท่ี 8 มีนาคม 2554 และ เมืองน่าน เม่ือวันท่ี 1 พฤษภาคม 2555 เหตุผลคือ เป็นเมืองเก่าท่ีมีความสาคญั ทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละโบราณคดี มขี นาดใหญ่ ในฐานะศูนยก์ ลางของอาณาจกั รในยุคใดยุคหน่ึง มหี ลกั ฐานของงานศลิ ปกรรมทม่ี ลี กั ษณะท่บี ่งบอกถงึ ความเป็นเอกลกั ษณ์ของอาณาจกั รนัน้ ๆ ในอดตี และในปจั จบุ นั มกี ารอย่อู าศยั ของชุมชนใหม่ซ้อนทบั ชุมชนเดมิ ทาใหต้ ้องเร่งประกาศความสาคญัของการเป็นเมอื งเก่าใหช้ ดั เจนเพอ่ื การดาเนนิ การทางดา้ นการพฒั นาและอนุรกั ษ์ทเ่ี หมาะสมต่อไป จากการทล่ี าพูน เป็น 1 ใน 10 เมอื งเก่า การพฒั นาท่สี าคญั ตามแผนและผงั แม่บทการอนุรกั ษ์และพฒั นาเมอื งเก่าลาพูน เน้นการพฒั นาเมอื งใน 3 ด้านไดแ้ ก่ ด้านการพฒั นากลไกและกระบวนการบรหิ ารจดั การเมอื งเก่าแบบบูรณาการ ดา้ นการฟ้ืนฟู ดแู ล รกั ษาแหล่งมรดกทางวฒั นธรรมและภมู ทิ ศั น์เมอื งเก่า และด้านส่งเสรมิ กระบวนการเรยี นรู้ และเสรมิ สรา้ งความเขา้ ใจ ถงึ ประโยชน์ของเมอื งเก่า และรกั ษาเมอื งเก่าใหเ้ ป็นแหลง่ เรยี นรอู้ ยา่ งยงั่ ยนื เพ่อื ให้การพฒั นาเมอื งเก่าปรากฏเป็นรปู ธรรมอย่างชดั เจน ตามแผนทไ่ี ดว้ างไว้ คณะผู้บรหิ ารของเทศบาลเมอื งลาพูนจงึ ได้มุ่งเน้นปรบั ปรุงสภาพภูมทิ ศั น์ จดั ระเบียบในเขตเมอื งเก่า บรเิ วณย่านสาคญั ทางประวตั ิศาสตร์อนั เป็นการพฒั นาและส่งเสรมิ การท่องเท่ยี วเชงิ อนุรกั ษ์ให้เช่อื มโยงในพ้ืนท่ีสาคญั ทางประวตั ศิ าสตรข์ องเมอื ง และเป็นการเปิดมุมมองใหม่ของเมอื ง ให้เป็นทด่ี งึ ดูดความสนใจแก่
7นักท่องเท่ยี วท่เี ดนิ ทางมาเทย่ี วชมในจงั หวดั มากขน้ึ รวมทงั้ เป็นการปลุกจติ สานึกรกั ท้องถนิ่ และสรา้ งความภาคภมู ใิ จใหป้ ระชาชนในทอ้ งถนิ่ ซง่ึ เป็นไปตามนโยบายของรฐั บาลอา้ งองิhttps://lamphuncity.go.th/%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%B2/#
8ทม่ี า สานกั จดั การสง่ิ แวดลอ้ มธรรมชาตแิ ละศลิ ปกรรม http://www.onep.go.th/nced/?p=1194
9การอนุรกั ษ์เมอื งเก่า
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: